LGBTQ+ อยากกู้ซื้อบ้าน โอกาสมีมากน้อยแค่ไหน ?
คลายข้อสงสัย LGBTQ+ อยากกู้ซื้อบ้าน แต่ไม่เข้าเงื่อนไขธนาคาร เจาะลึกความท้าทาย พรบ.คู่ชีวิต และโอกาสอนุมัติสินเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน?
เดือนมิถุนายนของทุกปี ถือเป็นเดือนแห่งความเท่าเทียมทางเพศที่เรียกกันว่า Pride Month ของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในวันที่ 28 มิถุนายน 1969 ซึ่งนำมาสู่การเรียกร้องสิทธิของชาว LGBTQ+ ทั่วโลก และการเดินขบวนเรียกร้องสิทธิ LGBT Pride March ในปีถัดมา
ปัจจุบันสังคมทั่วโลกตระหนักรู้และยอมรับความเสมอภาคทางเพศและได้ให้ความสำคัญไปจนถึงนำเสนอสินค้าหรือบริการที่เจาะกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศมากขึ้น อย่างไรก็ดีผู้บริโภคชาว LGBTQ+ ต้องการการยอมรับจากสังคมด้วยความเข้าใจที่แท้จริง และความต้องการของเขาเหล่านี้ก็ไม่ได้ผิดแผกแตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเพศชายและหญิงมากนัก แต่สิ่งที่ชัดเจนคือการยอมรับในความเป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคม
ข้อมูลจากรายงาน LGBT GDP, WEALTH & TRAVEL DATA 2018 โดย LGBT Capital คาดการณ์ว่าทั่วโลกมีจำนวนประชากรกลุ่ม LGBTQ+ ประมาณ 6.5% หรือประมาณ 496 ล้านคน อยู่ในแถบเอเชียประมาณ 293 ล้านคน โดยประชากร LGBTQ+ ชาวไทยมีถึง 4.5 ล้านคน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีกำลังซื้อและพฤติกรรมการใช้เงินในระดับดี มีการประมาณส่วนแบ่งความมั่งคั่งในครัวเรือนของผู้บริโภค LGBTQ+ ชาวไทยอยู่ที่ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ งานวิจัยของเอาท์ นาว คอนซัลติ้ง ร่วมกับ เวิลด์ ทราเวล มาร์เก็ต (WTM) เผยว่าชาว LGBTQ+ ใช้จ่ายไปกับการท่องเที่ยวสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเลยทีเดียว เนื่องจากการที่ชาว LGBTQ+ ส่วนใหญ่มักไม่มีบุตรจึงไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ จึงเลือกวางแผนชีวิตอย่างเป็นรูปแบบและใช้จ่ายเพื่อซื้อความสุขให้ตัวเองตามไลฟ์สไตล์ที่สนใจมากขึ้นแทน
ทางด้านตลาดอสังหาฯ นั้น ความต้องการของชาว LGBTQ+ ยังสอดคล้องกับผู้บริโภคส่วนใหญ่ ข้อมูลจากผลสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study พบว่า ปัจจัยภายในที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญเมื่อต้องเลือกซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การพิจารณาขนาดที่อยู่อาศัยมาก่อนถึง 48% ตามมาด้วยความครบครันของสิ่งอำนวยความสะดวก (44%) และความคุ้มค่าของราคาเฉลี่ยต่อพื้นที่ใช้สอย (38%)
ในขณะที่ปัจจัยภายนอกโครงการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัยนั้น ผู้บริโภคเกินครึ่ง (54%) ให้ความสำคัญเรื่องทำเลที่ตั้งมากที่สุด ตามมาด้วยความสะดวกสบายจากการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ (50%) และความปลอดภัยในโครงการ (45%)
ความท้าทายของชาว LGBTQ+ เมื่ออยากเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย
แม้สังคมไทยปัจจุบันจะเปิดรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่ยังไม่มีการรับรองความสัมพันธ์แบบคู่ชีวิตอย่างเป็นทางการ จึงส่งผลต่อการทำธุรกรรมของชาว LGBTQ+ เมื่อต้องการซื้ออสังหาฯ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญของคู่รักชาว LGBTQ+ ที่ต้องการใช้สิทธิกู้ร่วมไม่น้อย โดยทั่วไปแล้วการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของชาว LGBTQ+ หากเป็นการกู้เพียงลำพังก็สามารถดำเนินการยื่นขอสินเชื่อได้ทันทีไม่ต่างจากเพศชายและเพศหญิง แต่ไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในฐานะผู้กู้ร่วมได้เฉกเช่นคู่รักทั่วไปได้
เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขของธนาคารที่ระบุว่าผู้กู้ร่วมนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกัน เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ร่วมเชื้อสายเดียวกัน เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือเป็นชายหญิงที่เป็นคู่สมรสกัน ซึ่งจะจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียนก็ได้ ในขณะที่ปัจจุบันกฎหมายไทยยังไม่รองรับการจดทะเบียนสมรสของคู่รัก LGBTQ+ จึงทำให้ความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่มีผลทางนิตินัยไปโดยปริยาย
นอกจากนี้ ธนาคารประเมินว่าความเสี่ยงของการกู้ร่วมของกลุ่ม LGBTQ+ สูงกว่าของคู่สมรสชายหญิง และก็สูงกว่าการกู้ร่วมของชายหญิงที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส การรับรู้ความเสี่ยงที่สูงกว่านี้เป็นปัจจัยที่ธนาคารอาจพิจารณาให้วงเงินกู้ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการกู้ร่วมของคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรส ทำให้ชาว LGBTQ+ อาจไม่ได้รับวงเงินสินเชื่อตามที่ตั้งเป้าไว้ หรือต้องปรับลดสเปกที่อยู่อาศัยที่ต้องการลงมา
ซึ่งชาว LGBTQ+ ต่างรอติดตามความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. … และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ว่าจะเข้ามาช่วยลดช่องว่างของปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง
Mix & Match หลากไลฟ์สไตล์ ค้นหาที่อยู่อาศัยโดนใจชาว LGBTQ+
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย เผยไลฟ์สไตล์โดดเด่นของชาว LGBTQ+ ที่น่าสนใจ และน่าจับตามอง เพื่อนำมาค้นหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาว LGBTQ+ ที่เต็มที่ทุกเรื่องแบบ ‘Work hard, play harder’ ได้อย่างลงตัว ที่หลายคนจะมองว่าคอนโดฯ เหมาะกับการใช้ชีวิตมากกว่า แต่แท้จริงแล้วมีไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจกว่านั้น
พื้นที่ใช้สอยคุ้มค่า รองรับชีวิตแบบมัลติไลฟ์สไตล์ ชาว LGBTQ+ มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย จะเห็นได้จากกิจกรรมยามว่างที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการร่วมสังสรรค์/ปาร์ตี้เพื่อเข้าสังคม พักผ่อนภายในบ้านกับงานอดิเรกไม่ว่าจะเป็นสร้างมุมปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว แยกมุมทำงานเป็นสัดส่วน โซนอเนกประสงค์ไว้เล่นเกมหรือทำกิจกรรมสานสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง
นอกจากนี้ การที่ส่วนใหญ่ชาว LGBTQ+ มักจะไม่มีบุตร จึงนิยมมีงานอดิเรก เช่น เลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนแก้เหงา ที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ในการทำกิจกรรมนอกบ้านจึงจำเป็นไม่แพ้กัน บ้านหรือคอนโดฯ ที่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเหล่านี้ รวมทั้งการมีพื้นที่ส่วนกลางที่มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันจึงเป็นตัวแปรลำดับแรก ๆ
สุขนิยม สุขภาพดีทั้งกายและใจต้องมา ผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และรูปร่าง จึงให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพมาเป็นอันดับต้น ๆ โครงการอสังหาฯ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางที่ตอบโจทย์พฤติกรรมเพื่อสุขภาพนี้จะได้คะแนนจากผู้บริโภคที่อยู่ระหว่างการเลือกหรือตัดสินใจซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัย สอดคล้องกับข้อมูลจากผลสำรวจ DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study
ล่าสุด เผยว่า สิ่งอำนวยความสะดวกยอดนิยมในคอนโดมิเนียมหรืออะพาร์ตเมนต์ที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการบ่อยที่สุดจะเน้นไปที่การออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพมาเป็นอันดับต้น ๆ โดยเกือบครึ่งของผู้บริโภค (47%) เลือกใช้บริการที่ออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพเป็นประจำ ตามมาเกือบ 1 ใน 3 ใช้บริการสระว่ายน้ำ (32%) และห้องโถงอเนกประสงค์ 13% ชอบการท่องโลกออนไลน์ อินเทอร์เน็ตต้องพร้อมใช้
ข้อมูลจากผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2562 ของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA พบว่า LGBTQ+ เป็นกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดถึง 11 ชั่วโมง 20 นาทีต่อวัน ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเพศชายและหญิง เมื่อรวมกับเทรนด์ในปัจจุบันประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมของชาว LGBTQ+ มีการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในหลายมิติมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์คอนเทนต์หลากหลายรูปแบบ ฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือใช้เป็นช่องทางในทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานสัญญาณอินเทอร์เน็ตของโครงการที่มีคุณภาพและเสถียรต้องตอบโจทย์นี้ ไม่ว่าจะอยู่ภายในที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่ส่วนกลาง
ใส่ใจการออกแบบ สะท้อนตัวตนผู้อยู่ ความพิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียดเป็นอีกอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของชาว LGBTQ+ ซึ่งรวมถึงเรื่องที่อยู่อาศัยที่สะท้อนตัวตนได้เป็นอย่างดีพอ ๆ กับการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกหรือเครื่องแต่งกาย ผู้บริโภคจะพิจารณาการออกแบบและตกแต่งที่สะท้อนบุคลิกอย่างมีสไตล์ การออกแบบเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน รวมถึงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากันกับบ้าน
แม้ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. … และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … จะยังไม่รับรองสถานะของคู่รัก LGBTQ+ ทำธุรกรรมกู้ร่วมตามกฎหมายเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้ในเวลานี้ อย่างไรก็ดีเวลานี้มีสถาบันการเงินหลายแห่งที่เปิดโอกาสให้คู่ LGBTQ+ สามารถยื่นเรื่องกู้สินเชื่อร่วมกันได้ภายใต้เงื่อนไขในการพิจารณาของแต่ละสถาบันฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ต่างชาติยังสนใจอสังหาฯ ในภูเก็ต จับตาดูแผนเปิดประเทศ 1 ก.ค. นี้
นายณัฎฐา คหาปนะ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสำนักงานไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า อย่างที่ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตและสมุยเองก็ชะลอตัวอย่างหนัก เนื่องจากชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ โดยสัดส่วนของกำลังซื้อที่มาจากต่างชาติคิดเป็น 80-90% และกลุ่มผู้ซื้อคนไทยเพียง 10% กว่าเท่านั้น
ในปี 2020 ที่ผ่านมา อุปทานคอนโดมิเนียมทั้งหมด 26,096 หน่วย มีความต้องการอยู่ที่ 19,761 หน่วย คงเหลืออยู่ 6,335 หน่วย ขณะที่อุปทานรวมของวิลล่าอยู่ที่ 3,871 หลัง และมีการซื้อขายอยู่ที่ 3,056 หลัง ซึ่งถือเป็นสัดส่วนค่อนข้างสูง เพราะธรรมชาติของวิลล่า ที่มักจะดำเนินการก่อสร้างก็ต่อเมื่อมีลูกค้าจองแล้ว จึงทำให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากเทียบกับตลาดคอนโดมิเนียม ด้านราคาขายก็ได้มีการปรับลดลงเพื่อดึงดูดผู้ซื้อและนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ โดยเน้นผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักซึ่งพอราคาขายปรับลดลงจึงตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
สถานการณ์โควิด-19 ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงต้นปี 2564 แต่กลับมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในช่วงเดือนเมษายน การระบาดระลอกนี้ถือเป็นระลอกที่ 3 ซึ่งอาจส่งผลถึงแผนการเปิดประเทศที่จังหวัดภูเก็ตจะเป็นจังหวัดนำร่องแบบไม่ต้องกักตัว แต่ล่าสุดรัฐบาลประกาศย้ำถึงแผนเปิดจังหวัดภูเก็ตภายใต้โครงการ Phuket Sandbox ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ แผนดังกล่าวจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา โดยนักท่องเที่ยวต้องอยู่ในเกณฑ์พิจารณา ดังนี้
- ชาวต่างชาติได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว อย่างน้อย 14 วันก่อนการเดินทางเข้าภูเก็ต และต้องมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน
- ต้องเป็นผู้เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงต่ำเท่านั้น กรณีเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปีต้องมากับผู้ปกครองที่ได้รับวัคซีนครบโคสแล้วเท่านั้น
- ต้องมีเอกสารการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และไม่พบเชื้อไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
- เมื่อเดินทางมาถึงภูเก็ตต้องได้รับการตรวจหาเชื้ออีกครั้งและรอผลตรวจในที่พักจนกว่าผลการตรวจไม่พบเชื้อ จึงจะสามารถอนุญาตให้ท่องเที่ยวภายในจังหวัดภูเก็ตได้ และเมื่ออยู่ครบ 14 วันแล้วจึงจะสามารถเดินทางไปเที่ยวต่อยังจังหวัดอื่นๆ ได้
ขณะที่สถานการณ์ภูเก็ตในปัจจุบัน เราเริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้ว โดยคนที่ทำงานและอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตกว่า 75% ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว ซึ่งตรงนี้เองจะทำให้เกิดความมั่นใจต่อทั้งคนในประเทศ รวมถึงต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามา และเมื่อมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาจังหวัดภูเก็ตได้ก็จะเพิ่มโอกาสการขายให้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก โดยเรามั่นใจว่าสถานการณ์จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งในภูเก็ตและสมุยจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากข้อมูลที่ได้มา มีถึง 28 ประเทศที่อยากเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เช่น จีน อังกฤษ เยอรมัน สิงคโปร์ รัสเซีย เป็นต้น
ถึงแม้ว่าในช่วงแรกๆ ผู้ที่เดินทางเข้ามาจะเป็นกลุ่มที่เน้นท่องเที่ยวและพักผ่อนก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัว โดยกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มประเทศที่มักซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 อยู่แล้ว และซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่สองมากกว่าซื้อเพื่อลงทุน พวกเขามองประเทศไทยว่าเป็นเมืองปลอดภัย ค่าครองชีพไม่สูง และมีระบบการดูแลรักษาพยาบาลที่ดี
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าจะมีนโยบายกระตุ้นอสังหาฯ เมื่อมีการเปิดประเทศ คือ การขยายโควตาการซื้อคอนโดมิเนียมของต่างชาติได้เกิน 49% เปิดให้ต่างชาติสามารถซื้อกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรร และขยายสิทธิการเช่าได้เกิน 30 ปี ซึ่งหากทำได้จริงจะช่วยขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ได้อย่างมหาศาล ทดแทนภาคธุรกิจชะลอตัวในช่วงโควิด ขณะที่นักลงทุนชาวไทยยังคงชะลอการลงทุนในด้านอสังหาฯ เนื่องจากรอเปิดประเทศรับต่างชาติ
เราเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตและสมุยจะกลับมาฟื้นตัวก่อนจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากคนในภูเก็ตส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนโควิดแล้ว ซึ่งรวมไปถึงพนักงานของไนท์แฟรงค์ภูเก็ตด้วย เราพร้อมให้บริการนักลงทุนและผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตและสมุยทันทีที่จังหวัดภูเก็ตเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ขอบคุณข้อมูลจาก thailand-property-news.knightfrank.co.th
กังวลโควิด!!เงินบาทเปิดตลาดอ่อนค่าต่อเนื่อง
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เช้านี้เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.12 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็น วันที่ 29 มิ.ย. 64 ที่ระดับ 32.02 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงแล้วมาถือครองดอลลาร์กับเยนมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องจับตาดูทิศทางของเงินทุนต่างประเทศจากผู้นำเข้าทองคำหลังราคาในตลาดโลกปรับตัวลดลงกว่า 17 ดอลลาร์/ออนซ์
“บาทอ่อนค่าต่อเนื่องหลังทะลุแนวต้าน 32.00 บาท/ดอลลาร์จากความกังวลเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง” นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.00 – 32.20 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
เคลียร์ 5 ข้อสงสัยวัคซีน COVID-19 กับหมอประสิทธิ์ คณบดีศิริราชฯ
ประเทศไทยตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีน COVID-19 รวม 100 ล้านโดสเพราะอะไร?
ไวรัส COVID-19 โดยปกติแล้วหากลอยอยู่ในอากาศเฉย ๆ โดยไม่มีอะไรห่อหุ้มเลย จะสามารถอยู่ได้เป็นนาที โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า 25 องศาเซลเซียส แต่มันจะสลายไปในที่สุด แต่เมื่อไรก็ตามที่ไวรัสถูกห่อหุ้มด้วยน้ำลาย หรือเสมหะ จะอยู่ได้นานขึ้นเป็นชั่วโมง แต่จะเกิดการไม่แบ่งตัว
การแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนของไวรัสจะเกิดขึ้นได้นั้น มันต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในสิ่งมีชีวิตอื่น ถ้าไวรัสอยู่ในอากาศแล้วเข้าไปในร่างกายคนที่มีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว มันก็จะถูกกำจัดออกไป ส่วนที่ลอยอยู่ในอากาศก็จะสลายไปเรื่อย ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ไวรัส COVID-19 ก็จะหายไปจากบ้านเรา
แต่ในทางปฏิบัติ หากไวรัสเข้าไปในร่างกายคน 100 คน แล้วยังคงมีชีวิตอยู่ได้ในร่างกายคน 8 คน เกิดการแบ่งตัวไปเรื่อย ๆ ไวรัสจะไม่มีทางหายไปจากบ้านเราแน่นอน เพราะเชื้อจะมีโอกาสกลับมาแพร่ต่อให้คนอื่นได้ เมื่อมีการพูด ไอ จาม เราจึงต้องทำให้คนในประเทศมีภูมิคุ้มกันเยอะ ๆ ให้เชื้อเข้าไปแล้วไม่สามารถแบ่งตัวได้ ก็จะเกิดประสิทธิภาพที่ชัดเจนขึ้นกับประเทศไทย
เราตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนไว้ที่ 100 ล้านโดส หรือเท่ากับ 49 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 70% ของประชากรทั้งประเทศที่มี 70 ล้านคน เป้าหมาย 100 ล้านโดสจึงมาจากการคำนวณว่า 70% ของคนไทย ต้องได้คนละ 2 โดส จึงเป็นที่มาว่าทำไมรัฐบาลตั้งเป้าว่าต้องหาวัคซีนมาให้ได้ 100 ล้านโดส
สำหรับสถานการณ์ในต่างประเทศอย่างอิสราเอล พบว่าปัจจุบันประชากรกว่า 60% ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ส่วนที่เหลือก็ฉีดโดสแรกเรียบร้อยแล้วเกือบทั้งประเทศ รัฐบาลอิสราเอลจึงอนุญาตให้ประชากรใช้ชีวิตแบบถอดหน้ากากได้ในบางช่วงเวลา เฉพาะตอนอยู่นอกอาคาร หรือในสถานที่ที่ไม่แออัด แต่เมื่อไรที่ต้องเข้าไปอยู่ในอาคารหรือในที่ที่มีคนเยอะก็ยังคงแนะนำให้ใส่หน้ากากอยู่
เราต้องฉีดวัคซีน COVID-19 เป็นประจำทุกปีหรือไม่?
จากรายงานการศึกษาครั้งแรกของ King’s College ในสหราชอาณาจักรเมื่อ 8-9 เดือนที่แล้ว มีการศึกษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 69 คน พบว่าผู้ป่วยทุกรายมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น แต่หลังจากนั้นจะเริ่มลดลง ที่น่าสนใจคือ 17% ของผู้ป่วย ภูมิคุ้มกันหายไปหมดใน 2 เดือน ส่วนที่เหลือก็ลดลงไปเรื่อย ๆ
งานศึกษาชิ้นนี้จึงเป็นงานศึกษาแรกที่สื่อสารกับคนทั้งโลกว่า ภูมิคุ้มกันร่างกายเราที่มีต่อเชื้อ COVID-19 จะไม่อยู่ระยะยาว เหมือนกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มีการเปลี่ยนสายพันธุ์ไปทุกปี ในระยะยาวคนไทยอาจไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนทุกคน คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ที่เราจะฉีดเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ บุคลากรด้านสุขภาพ
คนที่หายป่วยจากโรค COVID-19 จำเป็นต้องฉีดวัคซีนอีกหรือไม่?
ถ้าเป็นเมื่อ 6 เดือนที่แล้วคงไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะถ้าหายป่วย คุ้มภูมิกันก็จะขึ้น แต่ต่อมาเรารู้กันว่ามันจะค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ จึงยังคงแนะนำให้ผู้ป่วยที่หายแล้วได้รับการฉีดวัคซีนอยู่ โดยเว้นระยะสัก 3 เดือน การติดเชื้อในครั้งแรกจะเหมือนกับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เพราะฉะนั้น ฉีดเพิ่มอีกเพียงเข็มเดียวก็พอ
ทำไมต้องฉีดวัคซีน COVID-19 ทั้งหมด 2 โดส?
หลักการผลิตวัคซีนคือ การนำบางส่วนของไวรัส COVID-19 แปะไปกับสิ่งที่เข้าไปในตัวเรา แล้วทำให้เม็ดเลือดขาวเราจดจำว่านี่คือศัตรู เพราะฉะนั้น เมื่อเราฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว เม็ดเลือดขาวส่วนหนึ่งจะจำได้ แต่เมื่อฉีดเข็มที่ 2 เม็ดเลือดขาวจะสร้างกองทัพเยอะขึ้น โดยทั่วไปแล้ว เข็มที่ 1 ภูมิคุ้มกันเป็นอย่างไร เข็มที่ 2 ภูมิคุ้มกันจะยิ่งสูงขึ้น
ในทางทฤษฎีเราพบว่า ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 กับเข็มที่ 2 มีความสำคัญต่อการสร้างภูมิคุ้มกันของเข็มที่ 2 เป็นอย่างมาก กรณีถ้าฉีด Sinovac แล้วเว้นระยะเข็มที่ 2 ไปอีก 2-3 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันก็จะขึ้นหลังเข็มนี้ ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วในเมืองไทย โดยแล็บวิจัยของมหิดลเอง
แต่สำหรับ AstraZeneca นั้น มีการตอบสนองไม่เหมือนกัน เพราะใช้เทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนที่ไม่เหมือนกัน การศึกษาครั้งแรกทดลองให้มีการฉีดเข็มที่ 1 และ 2 ห่างกัน 4 สัปดาห์ ต่อมาในสหราชอาณาจักรมีการทดลอง 8 สัปดาห์ และ 12 สัปดาห์ด้วย พบว่าภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นนั้นสูงขึ้นเป็นบันได คือหากฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 12 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงกว่า 4 สัปดาห์ และ 8 สัปดาห์อย่างชัดเจน
เมื่อสหราชอาณาจักรกำหนดการฉีดเข็มที่ 2 ไว้ที่ 12 สัปดาห์ ทำให้ทุกคนฉีดเข็มที่ 2 เมื่อครบ 12 สัปดาห์กันหมด จึงไม่มีใครรู้ว่าหากฉีดเลยจากนี้ไป ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงกว่านี้อีกไหม ซึ่งในทางทฤษฎีอาจจะดีกว่า
คนที่ฉีดวัคซีน COVID-19 แล้วมีผลข้างเคียง จะไม่ฉีดเข็มที่ 2 ได้หรือไม่?
บางคนฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก จึงตัดสินใจไม่ฉีดเข็มที่ 2 ต่อ กรณีนี้เราต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องถึงคำ 3 คำที่เกี่ยวข้อง คือ
1. ภาวะแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) คือฉีดเข้าไปแล้ว ความดันตก หลอดลมบีบตัว หายใจไม่ได้ กรณีนี้ควรเปลี่ยนยี่ห้อวัคซีนในเข็มที่ 2 จะดีที่สุดถ้าเปลี่ยนแพลตฟอร์ม 95% ของคนที่แพ้วัคซีนจะเริ่มแสดงอาการในครึ่งชั่วโมงหลังจากฉีด จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมต้องมีการสังเกตอาการครึ่งชั่วโมง หากฉีดแล้วแพ้ก็สามารถช่วยเหลือได้ทันทีด้วยการฉีดยาเพียงเข็มเดียว แต่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล หรือสถานที่ที่พร้อมให้การช่วยเหลือได้ทันที
2. ภาวะข้างเคียง คือเมื่อฉีดแล้วเกิดพยาธิสภาพบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น เกิดลิ่มเลือดที่หลอดเลือดดำในสมอง ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงอายุไม่เยอะนัก ตอนนี้พบในวัคซีน 2 ยี่ห้อ คือ AstraZeneca และ Johnson & Johnson
3. เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีน (Adverse Events Following Immunization: AEFI) เช่น ไข้ขึ้น ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ ท้องเสีย เบื่ออาหาร ซึ่งเกิดขึ้นแค่ชั่วคราวเท่านั้น ส่วนใหญ่จะหายได้เองใน 48 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม คนที่ได้รับวัคซีนบางคนอาจเกิด ISRR (Immunization Stress-Related Response) ที่จัดเป็น AEFI เช่นเดียวกัน คือปฎิกิริยาเครียดตอบสนองต่อการฉีดวัคซีน พอฉีดแล้ว แขนขาเริ่มอ่อนแรง รู้สึกชา ปากแข็ง พูดอะไรไม่ได้ โดยที่ไม่ได้มีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับสมอง
ในเมืองไทยเราก็พบคนที่มีอาการเหล่านี้ แต่เมื่อตรวจคลื่นแม่เหล็กสมองก็ไม่เจอรายที่มีการเปลี่ยนแปลง ภายใน 72 ชั่วโมงก็กลับมาเป็นปกติ
ฉีดวัคซีนเข็มแรกยี่ห้อหนึ่ง เข็มที่ 2 จะฉีดอีกยี่ห้อได้ไหม?
หากเป็นเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว องค์การอนามัยโลกจะไม่แนะนำ แต่ที่ผ่านมามีหลายคนที่แพ้วัคซีนเข็มแรกจริง ๆ พอเป็นเข็มที่ 2 ก็ต้องฉีดยี่ห้ออื่น จึงมีการติดตามดูผลว่า หากฉีดเข็มแรกและเข็มที่ 2 คนละยี่ห้อกัน จะเกิดผลอะไรบ้าง ซึ่งคำตอบที่ได้คือไม่เกิดผลเชิงลบ
บางรายงานกล่าวว่า ภูมิคุ้มกันอาจดีขึ้น เพราะใช้เทคโนโลยี 2 อย่าง ช่วงนี้จึงยังอยู่ในระหว่างการวิจัย ซึ่งที่สหรัฐอเมริกาก็เริ่มทำแล้ว แต่สำหรับเมืองไทย หากไม่ได้แพ้หรือเกิดภาวะข้างเคียงจากวัคซีนก็ยังคงฉีดเข็มที่ 2 เป็นยี่ห้อเดียวกับเข็มแรกอยู่
ส่วนคนที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังฉีด ซึ่งพบได้เยอะ เช่น เป็นไข้ อาการเหล่านี้ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว จะหายได้เองใน 48 ชั่วโมง ไม่ควรกังวลว่าเข็มที่ 2 จะต้องมีอาการเหมือนเข็มแรกเสมอไป ที่แน่นอนคือ ฉีดเข็มที่ 2 แล้ว จะมีภูมิคุ้มกันขึ้นดีกว่าเดิม จึงแนะนำให้ฉีดเข็มที่ 2 ให้ครบทุกคน
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“เฟเดอเรอร์” ชนะผ่าน “มานนาริโน” เข้ารอบ 2 ศึกเทนนิสวิมเบิลดัน
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักหวดมากฝีมือจากสวิตเซอร์แลนด์ ชนะผ่าน อาเดรียน มานนาริโน จากฝรั่งเศส ที่มีการบาดเจ็บช่วงตนเซตที่ 5 ผ่านเข้ารอบ 2 ศึกเทนนิสวิมเบิลดัน 2021
ประเภทชายเดี่ยว รอบแรก คู่ที่น่าสนใจ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือวางอันดับ 6 ของรายการจากสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นอดีตแชมป์รายนี้ 8 สมัย ลงสนามพบกับ อาเดรียน มานนาริโน มืออันดับ 41 ของโลกจากฝรั่งเศส
เปิดฉากเซตแรกเป็น เฟเดอเรอร์ ที่ออกสตาร์ตได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ก่อน 6-4 จากนั้นเซตที่ 2 มานนาริโน เริ่มเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ เอาชนะไป 7-6 (7-3) และเข้าสู่เซตที่ 3 ยังเป็น มานนาริโน ที่เอาชนะไปได้อีก 6-3 แซงขึ้นนำ 2-1 เซต
ผลประเภทชายเดี่ยว รอบแรก
อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ (มือ 4, เยอรมนี) ชนะ ทาลลอน กรีกสพูร์ เนเธอร์แลนด์ 3-0 เซต 6–3, 6–4, 6–1
ดีเอโก ชวาร์ตซ์มัน (มือ 9,อาร์เจนตินา) ชนะ เบอนัวร์ แปร์ (ฝรั่งเศส) 3-0 เซต 6-3,6-4,6-0
แดเนียล อีแวนส์ (มือ 22,อังกฤษ) ชนะ เฟลิเซียโน โลเปซ (มือ 22,สเปน) 3-0 เซต 7-6(7-4),6-2,7-5
ฟาบิโอ ฟ็อกญินี (มือ 26,อิตาลี) ชนะ อัลเบิร์ต รามอส วิโนลาส (สเปน) 3-0 เซต 7-6(7-4) ,6-2,7-5
ดานิล เม็ดเวเดฟ (รัสเซีย,มือ 2) ชนะ แยน-เลนนาร์ด สตรัฟฟ์ (เยอรมัน) 3-1 เซต 6-4, 6-1, 4-6, 7-6 (7-3)
ผลประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก
มิเชลา บูร์ซาเนสคู (โรมาเนีย) แพ้ วีนัส วิลเลียมส์ (สหรัฐฯ) 1-2 เซต 5-7, 6-4, 3-6
แอชห์ลีย์ บาร์ตี (ออสเตรเลีย,มือ 1) ชนะ คาร์ลา ซัวเรซ นาบาร์โร (สเปน) 2-1 เซต 6-1, 6-7 (1-7), 6-1
แองเจลิค เคอร์เบอร์ (เยอรมัน,มือ 25) ชนะ นีนา สโตยาโนวิซ (เซอร์เบีย) 2-0 เซต 6-4, 6-3
อเล็กซานดรา ซาสโนวิซ (เบลารุส) ชนะผ่าน เซเรนา วิลเลี่ยมส์ (สหรัฐฯ,มือ 6)
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ภาษาโบราณที่ทรงอิทธิพลและยังคงใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ‘ภาษาฮีบรู’
‘ภาษา’ จัดเป็นส่วนหนึ่งซึ่งฝังรากอยู่ในวัฒนธรรมของมนุษย์มาเป็นเวลาช้านาน จัดเป็นการติดต่อสื่อสารที่มีความสำคัญแน่นอนว่า ‘ภาษา’ ต่างก็มีวิวัฒนาการไม่ต่างอะไรกับการวิวัฒนาการทางด้านอื่นๆ ภาษาจึงเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะภาษาเก่าแก่โบราณที่ยังคงใช้กันอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
‘ภาษาฮีบรู’ หนึ่งในภาษาเก่าแก่ที่มีความน่าสนใจ
‘ภาษาฮีบรู’ เป็นภาษาโบราณ จากการศึกษาพบว่าเกิดขึ้นมาอย่างน้อย 3,500 ปีที่แล้ว ย้อนไปในอดีตเคยเป็นภาษาตาย ดั่งเช่น ภาษาบาลี , สันสกฤต และลาติน ใช้ในแวดวงจำกัดเท่านั้น หากแต่ในปัจจุบันมีการนำกลับมาใช้ เป็นภาษาพูดใหม่ และเป็นภาษาที่ชาวอิสราเอลใช้สื่อสารกันทั่วไป ในประเทศอิสราเอล มีผู้ใช้งานมากกว่า 4,380,000 คน
‘The Old Testament’ ของศาสนายิว เขียนด้วยภาษาฮีบรู ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภาษาอันศักดิ์สิทธิ์ ของชาวยิวมาตั้งแต่สมัยโบราณ นักภาษาศาสตร์วิเคราะห์กันว่า น่าจะเกิดในยุคที่ จักรวรรดิ Babylonia ใหม่ ตีกรุงเยรูซาเลมพร้อมอพยพชาวยิวไปยัง Babylon พร้อมปลดปล่อยชาวยิวให้เป็นอิสระ เพราะฉะนั้นภาษาฮีบรูในแบบพระคัมภีร์เก่า จึงถูกแทนด้วยภาษาฮีบรูใหม่ หลังจาก พ.ศ. 7 จักรวรรดิแห่งโรมันเรืองอำนาจ บุกเข้าตีกรุงเยรูซาเล็ม ก่อนจะขับชาวยิวออกไป ทำให้ภาษาฮีบรูมีการพูดน้อยลง หากแต่ก็ยังคงเป็นภาษาที่ใช้ทางด้านศาสนาและใช้ในการเขียน
เหตุการณ์เปลี่ยนไป…ภาษาในพระคัมภีร์เก่าถูกแทนด้วยของใหม่
โดยหลังจากเยรูซาเล็มถูกชาวบาบิโลนตีแตกเป็นครั้งแรก ในช่วง 586 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้จำนวนประชากรของชาวยิวในบางส่วนลดลง ส่งผลทำให้ภาษาฮีบรูในภาษาพูดถูกเลิกใช้ไป ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 2 หากแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเป็นภาษาเขียนที่มีความสำคัญมาอีกหลายศตวรรษ นอกเหนือไปจากจะใช้ในงานศรัทธาแห่งศาสนาแล้ว ในงานเขียนอื่นๆ ก็ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น เขียนตำรา, จดหมาย, ปรัชญา, บันทึกศาล รวมทั้งงานสำคัญๆ อื่นๆ ล้วนใช้ภาษาฮีบรูด้วยกันทั้งสิ้น
ในปัจจุบัน ภาษาฮีบรู ยังคงใช้ในงานเขียน
ต่อมาลัทธิ Zionism ถือกำเนิดขึ้นมา โดยต้องการเพื่อฟื้นฟูชาติยิวให้กลับมาแกร่งอีกครั้ง สมาชิกลัทธิ Zionism ส่งเสริมให้มีการใช้เป็นหลักของภาษาพูด ณ ขณะนั้น เช่น ภาษาอาหรับ, ภาษา Judezmo, ภาษา Ladino รวมทั้งภาษาอื่นๆ อีกมากมาย ที่ชาวยิวอาศัยอยู่ต่างประเทศ ใช้งานโดยเป็นภาษาของยิวส่วนใหญ่ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอล สำหรับภาษาฮีบรูในยุคปัจจุบันก็มีการพัฒนา ด้วยการสร้างคำใหม่และยืมจากภาษาฮีบรูในคัมภีร์ Bible, จากภาษาอาหรับ รวมทั้งภาษาในยุโรปอื่นๆ ด้วย เพราะฉะนั้นภาษาประจำชาติชนิดนี้จึงมีความน่าสนใจทั้งในแง่มุมการผสมผสาน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ขอบคุณข้อมูลจาก witsnet.org
เตือนภัยแรนซัมแวร์ “Nefilim”เก่งรีดไถ่โจมตีองค์กรหมื่นล้าน
Trend Micro Incorporated เปิดเผยรายงานการศึกษาเกี่ยวกับแรนซัมแวร์ในตระกูล Nefilim โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการโจมตีของแรนซัมแวร์ยุคใหม่ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เจาะลึกถึงพัฒนาการในการโจมตีของแรนซัมแวร์กลุ่มนี้ว่าหลุดรอดการตรวจจับไปได้อย่างไร อีกทั้งยังอธิบายว่าแพลตฟอร์มในการตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามอัจฉริยะนั้นจะช่วยหยุดการคุกคามนี้ได้อย่างไร
แนวทางของแรนซัมแวร์ยุคใหม่ในตระกูล Nefilim นี้ ทำให้ตรวจจับและตอบโต้ได้ยากมากขึ้นสำหรับทีมศูนย์รักษาความปลอดภัยและทีมดูแลความปลอดภัยระบบไอทีที่มีงานล้นมืออยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะกระทบถึงรายได้และชื่อเสียงขององค์กรแล้ว ยังรวมถึงสวัสดิภาพของทีมงานที่ดูแลเรื่องรักษาความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
ปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “แรนซัมแวร์ยุคใหม่จะโจมตีแบบพุ่งเป้าเจาะจงมากขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและซ่อนอำพรางได้เก่งขึ้น โดยใช้แนวทางการโจมตีที่สมบรูณ์แบบด้วยเทคนิคขั้นสูงอย่างการโจมตีของกลุ่ม APT (Advance Persistent Threat) ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต ด้วยการขโมยข้อมูลและปิดล็อคการทำงานของระบบสำคัญๆ อย่าง การโจมตีของกลุ่มอย่าง Nefilim ซึ่งพุ่งเป้าไปที่องค์กรระดับโลกที่มีผลกำไรสูง”
“ประเทศไทยเอง ก็เป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่มีสถิติการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์สูงเป็นอันดับต้น และเราก็ได้เห็นข่าวการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์มาเรื่อยๆ เช่นกัน รวมถึงการโจมตีที่เกิดขึ้นกับสื่อบนยูทูปล่าสุด โดยรายงานฉบับล่าสุดของเรา จะช่วยให้ใครก็ตามที่อยู่ในอุตสาหกรรม ที่อยากเข้าใจถึงมุมมองจากภายในของระบบเศรษฐกิจใต้ดินดังกล่าวที่เติบโตอย่างรวดเร็วว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และโซลูชันระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์อย่าง Trend Micro Vision One จะช่วยผู้คนรับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างไร” ปิยธิดา กล่าวเสริม
จากการศึกษาแรนซัมแวร์ 16 กลุ่มที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 – มกราคม 2564 เช่น Conti, Doppelpaymer, Egregor และ REvil ที่ประเดิมให้เห็นในแง่ของจำนวนเหยื่อที่เปิดเผยว่าโดนโจมตี และกลุ่มของ Clop ที่โจมตีด้วยการขโมยข้อมูลบนออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดถึง 5 เทราไบต์
อย่างไรก็ตาม หากประเมินแบบคร่าวๆ โดยพิจารณาองค์กรธุรกิจที่มีรายรับมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ หรือในราวสามหมื่นล้านบาท พบว่า Nefilim เป็นแรนซัมแวร์ที่สามารถเรียกค่าไถ่ไปได้เป็นจำนวนเงินสูงสุด
ในรายงานยังเผยให้เห็นว่า การโจมตีของ Nefilim โดยทั่วไปจะมีรูปแบบและขั้นตอนการโจมตีดังต่อไปนี้
• เริ่มจากการเจาะเข้าไปยังช่องโหว่ที่เป็นจุดอ่อนในบริการ RDP หรือบริการ HTTP อื่นๆ
• เมื่อเจาะเข้าไปได้แล้ว ก็จะใช้เครื่องมือในการจัดการที่ใช้งานอย่างถูกต้อง เข้าไปค้นหาระบบสำคัญเพื่อขโมยข้อมูล จากนั้นก็จะทำการเข้ารหัสไฟล์ข้อมูลทำให้ไม่สามารถใช้งานได้
• ระบบจะถูกตั้งการทำงานให้ “แจ้งเตือน” กลับไปยังระบบควบคุม ด้วย Cobalt Strike และรูปแบบการเชื่อมต่ออื่นๆ ที่สามารถทะลุผ่านไฟร์วอลล์ได้ทันที เช่น HTTP, HTTPS และ DNS
• ใช้บริการ bulletproof โฮสต์ติ้ง สำหรับการสั่งงานและควบคุมการโจมตี
• มีการถ่ายเทข้อมูลและนำไปโพสต์บนเว็บไซต์เพื่อการเรียกค่าไถ่จากเหยื่อที่เป็นองค์กรธุรกิจ โดย Nefilim ได้ทำการโพสต์ข้อมูลที่ขโมยมาได้บนเว็บไซต์มีขนาดถึง 2 เทราไบต์เมื่อปีที่แล้ว
• หลังจากที่ได้ข้อมูลไปมากพอแล้ว ransomware payload ก็จะถูกติดตั้งเพื่อดำเนินการต่อไปด้วยตัวเอง
ก่อนหน้านี้ เทรนด์ไมโครได้มีการออกคำเตือนถึงการนำเอาเครื่องมือบางตัวมาใช้อย่างแพร่หลาย เช่น AdFind, Cobalt Strike, Mimikatz, Process Hacker, PsExec และ MegaSync ซึ่งช่วยให้ผู้โจมตีด้วยแรนซัมแวร์ สามารถบรรลุเป้าหมายการโจมตีได้ในขณะที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ ซึ่งพฤติกรรมนี้สร้างความท้าทายให้กับทีมดูแลงานรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในแง่ของการวิเคราะห์บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากส่วนต่างๆ ในสภาพแวดล้อมเพื่อให้เห็นจุดที่โดนโจมตีในภาพรวมที่กว้างขึ้น
Trend Micro Vision One จะตรวจสอบและเชื่อมโยงพฤติกรรมที่น่าสงสัยที่เกิดขึ้นในหลากหลายเลเยอร์ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ปลายทาง อีเมล เซิร์ฟเวอร์ และการใช้งานบนคลาวด์ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีพื้นที่ซ่อนตัวสำหรับผู้โจมตี ทำให้ดำเนินการตอบสนองได้ทันต่อเหตุการณ์และสามารถหยุดการโจมตีได้ก่อนที่ผู้บุกรุกจะมีโอกาสสร้างผลกระทบร้ายแรงต่อองค์กร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“Energy Transparent Glass” กระจกใสพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมที่นักออกแบบควรจับตามอง
ในปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าวัสดุอย่าง “กระจกใส” ได้ถูกนำมาใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบงานสถาปัตยกรรม เพื่อสร้างความโดดเด่นและทันสมัยให้กับอาคาร ทั้งยังทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดโปร่ง สามารถชมทัศนียภาพได้โดยรอบ
วันนี้ BuilderNews จะพาไปรู้จักกับ Energy Transparent Glass หรือ กระจกใสพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นสำหรับนักออกแบบ ที่ยังคงความสวยงามของอาคารและตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมไปได้พร้อมกัน
Energy Transparent Glass คืออะไร ?
Energy Transparent Glass หรือ กระจกใสพลังงานแสงอาทิตย์ คิดค้นโดยสถาบัน Ulsan National Institute of Science and Technology ประเทศเกาหลีใต้ นักวิจัยได้ออกแบบแผงโซลาร์เซลล์ใช้วัสดุหลักเป็นกระจกใสให้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 ไมโครเมตร และมีความหนาประมาณ 200 ไมโครเมตร
ใช้งานง่ายกว่าแผงโซลาร์เซลล์ชนิดทึบด้วยสีที่ใสไม่ดำทึบแบบสมัยก่อน อีกทั้งยังคงประสิทธิภาพของการดูดซับและเปลี่ยนแปลงแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานได้ดังเดิม เหมาะกับการประยุกต์ใช้กับอาคารบ้านเรือนทั่วไปแทนวัสดุกระจกที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
การใช้งาน Energy Transparent Glass ในอนาคต
ปัจจุบัน Energy Transparent Glass ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา เพื่อปรับปรุงศักยภาพให้สามารถใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจอย่างมากในงานออกแบบและยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกระจกใสพลังงานแสงอาทิตย์ได้หลากหลาย เช่น
- สามารถใช้งานร่วมเป็นวัสดุหลักในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมแทนกระจกและหน้าต่าง
- สามารถใช้งานร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนพลังงานงานแสงอาทิตย์เปลี่ยนเป็นพลังงานสำรอง
- สามารถประยุกต์ใช้งานกับสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น ป้ายรถเมล์ เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานทีมากขึ้น
“Energy Transparent Glass” กับงานออกแบบสถาปัตยกรรมในไทย
ในปัจจุบันประเทศไทยเองได้มีการผลักดันการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยการนำระบบโซลาร์เซลล์มาใช้ร่วมในการออกแบบงานอาคาร บ้าน หรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ให้สามารถใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่ เพื่อทำให้ประหยัดการใช้ทรัพยากรและประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว
แต่ทว่ายังขาดความชัดเจนในการดำเนินงานมาในภาคประชาชน ทำให้หลาย ๆ คนยังรู้สึกว่าระบบโซลาร์เซลล์ยังเป็นความรู้ที่ไกลตัวมากกว่าพลังงานชนิดอื่น ๆ
นอกจากนี้ Energy Transparent Glass ยังติดประเด็นในส่วนของเรื่องราคาที่ในปัจจุบันอาจจะราคาสูงไปสักเล็กน้อย หากเทียบกับการใช้พลังงานรูปแบบอื่น ๆ รวมถึงการเข้าถึงลูกค้าที่อยู่นอกประเทศซึ่งยังไม่ได้มีการโปรโมทได้มากเท่าที่ควร
“Energy Transparent Glass” นับว่าเป็นวัสดุพลังงานสะอาด ที่จะถูกนำมาใช้ร่วมกับการออกแบบอาคารสูงมากยิ่งขึ้น เพราะกระจกใสจะไม่ได้มีหน้าที่ไว้เพียงแค่ตกแต่งภายนอกอาคารเท่านั้น หากแต่ยังเป็นวัสดุทางเลือกที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,700.00 | 26,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,730.00 | 26,226.80 | 27,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,557.00 | 23,604.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,384.00 | 20,981.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 779.00 | 11,809.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 606.00 | 9,186.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,793.00 | 27,181.88 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30/06/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.05 | 29.05 | 29.05 | 29.05 | 29.05 | 29.05 | 29.05 | 29.05 | 29.05 | 29.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 28.78 | 28.78 | 28.78 | 28.78 | 28.78 | 28.78 | 28.78 | 28.78 | 28.78 | 28.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.54 | 27.54 | 27.54 | 27.54 | 27.54 | – | 27.54 | 27.54 | 27.54 | 27.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.59 | 22.59 | – | – | – | – | – | – | – | 22.59 |
เบนซิน 95 | 36.46 | – | – | – | 36.91 | – | 36.96 | 36.46 | – | 36.46 |
ดีเซล B7 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 |
ดีเซล | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 |
ดีเซล B20 | 25.74 | 25.74 | 25.94 | – | 25.74 | – | 25.74 | 25.74 | – | 25.74 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.76 | 33.76 | 35.44 | 35.16 | – | – | – | – | – | 33.76 |
แก๊ส NGV | 13.99 | 13.99 | – | – | – | – | – | – | – | 13.99 |