แสนสิริ จ่อคิวเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 9.7 พันล้านบาท
แสนสิริ ลุยตลาดโค้งสุดท้ายปลายปี จ่อคิวเปิด 7 โครงการบ้านเดี่ยวใหม่ เดือน พ.ย. อณาสิริ – สราญสิริ – เศรษฐสิริ มูลค่ารวม 9,700 ลบ. พร้อมรุกต่อทำเลรังสิต ขณะที่ยอดขายแนวราบล่าสุดพุ่ง 18,000 ล้านบาท และยอดโอนกว่า 14,700 ล้านบาท
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนพัฒนาโครงการแนวราบในเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะในทำเลกรุงเทพโซนเหนือ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบตามกลยุทธ์ Made for Life ที่ได้วางไว้ในปีนี้ ในการเป็นแบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ตอบรับเรียลดีมานต์ในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ และกระจายพอร์ตให้ครอบคลุมและตอบรับความต้องการทุกเซกเมนต์ โดยจะเปิดตัว 7 โครงการบ้านเดี่ยวใหม่ มูลค่ารวม 9,700 ล้านบาท ครอบคลุมในทุกระดับราคาตั้งแต่แบรนด์อณาสิริ ระดับราคา 2 – 6 ล้านบาท แบรนด์สราญสิริ ระดับราคา 5– 12 ล้านบาท และ แบรนด์เศรษฐสิริ ระดับราคา 8 – 25 ล้านบาท
โดยบริษัทมีแผนรุกทำเลรังสิตต่อเนื่อง หลังมองเห็นแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยที่ดี จากการ ปิดการขาย 2 โครงการบ้านเดี่ยวในเดือนกันยายนที่ผ่านมาได้แก่ โครงการคณาสิริ รังสิต – คลอง 2 จำนวนทั้งสิ้น 212 ยูนิต และบุราสิริ รังสิต จำนวน 268 ยูนิต ขณะที่ทาวน์โฮม สิริ เพลส รังสิตมีจำนวนยูนิตที่ยังเปิดการขายอีกเพียง 60 ยูนิตเท่านั้น คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้เร็วๆ นี้เช่นกัน
“รังสิต นับเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มความต้องการและมีอัตราการเติบโตสูง เป็นทำเลที่มีศักยภาพในการอยู่อาศัย ทั้งการเป็นทำเลใกล้เมืองที่เดินทางสะดวกเหมาะสำหรับคนทำงานในเมือง จากการเดินทางที่สะดวก ทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัวที่ใกล้ทางด่วนโทลล์เวย์ รวมทั้งยังมีโครงข่ายรถโดยสารสาธารณะทั้งรถเมล์ รถตู้ รถแท็กซี่ รองรับการเดินทางแวดล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกในทำเล อาทิ Future Park, ZPELL, Tesco Lotus, Big C Supercenter, Major Cineplex, สนามบินดอนเมือง,โรงพยาบาลเปาโล รังสิต,มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นทำเลของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในอนาคตที่น่าสนใจ อาทิ แผนการลงทุน เมกะ รังสิต, แผนการเปิด IKEA รังสิต และแผนพัฒนาโครงการ Central M เป็นต้น นอกจากนี้ศักยภาพของทำเลที่สำคัญ คือ การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต และส่วนต่อขยายจากรังสิต ไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ที่จะเปิดใช้บริการในต้นปี 2566 โดยจะเปิดใช้บริการในช่วงเส้นทางบางซื่อ-รังสิตเป็นลำดับแรก มีสถานี “รังสิต” อยู่ใกล้ในย่านนี้ ทำให้มีทางเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวกมากยิ่งขึ้นในอนาคต” นายอาณัติ กล่าว
บริษัทจึงมีแผนเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวรับดีมานต์ความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านนี้ ประกอบด้วย โครงการ อณาสิริ รังสิต – คลอง 2 บนพื้นที่โครงการ 31 ไร่ จำนวน 178 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 3.69 – 6 ล้านบาท
โครงการสราญสิริ รังสิต บ้านเดี่ยวโครงการใหม่ ใกล้จุดขึ้น-ลง ทางด่วนอุดรรัถยา ด่านบางพูน เพียง 1 กม. พร้อมรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคต ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการขนาด 65 ไร่ จำนวน 265 ยูนิต ราคา 5.59 – 12 ล้านบาท
โครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี บนพื้นที่โครงการ 28 ไร่ ในบ้านเดี่ยวเพียง 83 ยูนิตที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมคลับเฮาส์ขนาดใหญ่ ในระดับราคา 8.99 – 25 ล้านบาท
โครงการเศรษฐสิริ พระราม 5 ประกอบด้วยบ้านเดี่ยวจำนวน 186 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 61 ไร่ ในราคาขาย 9.89 – 25 ล้านบาท เปิดพรีเซลล์เศรษฐสิริพร้อมกันทั้ง 2 โครงการ ในวันที่ 7 – 8 พฤศจิกายนนี้
“แผนการพัฒนาโครงการแนวราบภายใต้ กลยุทธ์ Made for Life โดยกระจายพอร์ตการเปิดตัวโครงการใหม่ให้ครอบคลุมทุกความต้องการ ทุกเซกเมนต์และทุกระดับราคาเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในปีนี้ที่จะช่วยผลักดันให้แสนสิริก้าวสู่เป้าหมาย ทั้งในด้านยอดขายโครงการแนวราบ ซึ่งทำได้ล่าสุดแล้วกว่า 18,000 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายแนวราบ 19,000 ล้านบาท และยอดโอนซึ่งทำได้แล้วกว่า 14,700 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดโอน 17,500 ล้านบาท รวมทั้งผลสำเร็จจากการรุก Sansiri Housing Evolution และ Sansiri Service ที่ยืนหนึ่งในใจผู้บริโภค จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ ซึ่งเรามั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างผลงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้อย่างแน่นอน” นายอาณัติ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เข็นงาน ” ACT FORUM ’20 ” หวังฟื้นฟูอุตสาหกรรมออกแบบและก่อสร้าง
สภาสถาปนิก และ อารยะ เอ็กซ์โป หวังเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมออกแบบและก่อสร้าง เดินหน้า จัดงาน ACT FORUM ’20 Design + Built
นายประกิต พนานุรัตน์ ประธานจัดงาน กล่าว เดินหน้าจัดงาน ACT FORUM ’20 Design + Built ซึ่งเป็นงานใหญ่งานเดียวแห่งปีที่จะรวบรวมเรื่องราวองค์ความรู้ด้านสถาปัตยกรรมที่ครอบคลุมทุกสาขา ทั้งสถาปัตยกรรมหลัก สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ภูมิสถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมผังเมือง รวมถึงเทรนด์ด้านการออกแบบ และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศไว้อย่างครบครัน ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ที่ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า การจัดงานในปีนี้ถือได้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งของสถาปนิกและนักออกแบบที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีโจทย์ใหม่ๆ ในการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องไปกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังโรคระบาด ไม่ใช่แค่เรื่องที่อยู่อาศัย แต่รวมถึงพื้นที่สาธารณะอื่นๆ อย่างโรงพยาบาล สวนสาธารณะ ผังเมือง หรือแม้แต่เรือนจำ นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่วงการกำลังให้ความสำคัญ เช่น เศรษฐกิจหมุนเวียนกับความยั่งยืน การจัดการกับพื้นที่หรือสิ่งก่อสร้างทิ้งร้างให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเมื่อการออกแบบเปลี่ยนไป ฝั่งผู้ประกอบการด้านวัสดุก่อสร้างเองก็มีความท้าทายในการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนด้วย งานในปีนี้เราจึงมีเป้าหมายที่จะเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ แบ่งปันองค์ความรู้ ประสบการณ์ และนวัตกรรมใหม่ๆ ระหว่างคนในวิชาชีพสถาปนิก นักออกแบบ ก่อสร้าง และร่วมกันส่งต่อสิ่งเหล่านี้ไปสู่สังคม เพื่อแบ่งเบาวิกฤตที่เราต้องเผชิญด้วยกัน และท้ายที่สุดเพื่อก่อให้เกิด “ความสุข” อันเป็นเรื่องพื้นฐานของความเป็นมนุษย์”
นอกจากนี้ยังมีวิทยากรอีกกว่า 40 ท่าน ที่จะมาร่วมส่งมอบประสบการณ์ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจ ตลอด 5 วัน ของการจัดงาน ในหัวข้อที่น่าสนใจที่ครอบคลุมทุกด้านทั้งการออกแบบ การฟื้นฟู การบริหารจัดการ ธุรกิจ กฎหมาย ทักษะแห่งอนาคต เช่น Landscape and Urban Planning Architect, สถาปนิกในยุค New Normal, นวัตกรรมวิถีใหม่ในโรงพยาบาล, การออกแบบโรงแรมและคอนโดมิเนียมในยุค COVID-19, สถาปนิกจบใหม่..ทำอะไรดี, ประสบการณ์การบริหารสำนักงานสถาปนิกภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจ, การทำประกันภัยวิชาชีพ, ออกแบบอย่างไรไม่ให้ถูกฟ้อง, การพัฒนาวิชาชีพและการขอเลื่อนระดับ, Urban Management เมืองมรดกโลกไทย, เสน่ห์และศักยภาพของพื้นที่ชุมชนขนาดเล็ก, สถาปนิกผังเมืองกับการจัดผังเมืองในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส, การปลูกป่ากลางเมืองเรื่องที่ทำได้จริง, World Environmental Design, Modular House, Biotechnology Design, Proxemics Diagram For Architects, เรือนจำกับแนวทางพ้นวิกฤติความหนาแน่น, การชุบชีวิตของโครงสร้างทิ้งร้างของเมือง, คุณภาพชีวิตใหม่ในบ้านพักคนงาน, การตรวจสอบแก้ไขอาคารเก่าและส่วนต่อเติม, ผู้ตรวจสอบประเมินอาคารอนุรักษ์พลังงาน, Circular Economy in Architecture, Service Design กับสถาปนิก, ผ่านร้อนผ่านหนาว ด้วยการบริหารองค์กรแบบมืออาชีพ ฯลฯ
ทั้งนี้ งาน ACT FORUM ’20 Design + Built ชื่อ ACT นั้นมาจากคำว่า Architect Council of Thailand หรือ สภาสถาปนิก โดยงานนี้มีจุดเด่นคือ เป็นงานประชุมนานาชาติทางสถาปัตยกรรม และแสดงเทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ครอบคลุมทั้ง 4 สาขาวิชาชีพทางสถาปัตยกรรม ได้แก่ สถาปัตยกรรมหลัก สถาปัตยกรรมภายในและมัณฑนศิลป์ ภูมิสถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมผังเมือง สำหรับงานในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง หลังจากการจัดงานในปีแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยยอดผู้เข้าชมงานกว่า 25,000 ราย และได้รับความสนใจจากผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างกว่า 300 ราย จาก 30 ประเทศทั่วโลกที่ตอบรับเข้าร่วมจัดแสดงสินค้า
ด้านนายศุภแมน มรรคา ผู้อำนวยการโครงการ บริษัท อารยะ เอ็กซ์โป จำกัด ผู้จัดงาน ACT FORUM ’20 Design + Built เผยว่า “สำหรับในปีนี้การจัดงานยังคงความเข้มข้นครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งผู้แสดงสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในไทยและต่างประเทศ กว่า 300 ราย ที่เตรียมทัพนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมาเปิดตัวและประชันโฉมภายในงาน นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ก่อสร้างภายใต้คอนเซปต์ New Normal Technologies เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในยุควิถีใหม่ อาทิ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซปต์ “NEW LIGHT FOR NEW NORMAL” ,การเปิดตัววัสดุปิดผิวลามิเนต ภายใต้คอนเซปต์ “EXPLORE THE NATURE” , การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองผู้ใช้ยุคใหม่ทั้งด้านดิจิตอลและชีวิตวิถีใหม่ , การประชันเทคโนโลยีเครื่องมือช่างจาก Makita และ Milwaukee ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นและอเมริกา ที่จะมาเปิดตัวแบตเตอรี่ใหม่ในงานนี้โดยเฉพาะ
นอกจากไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่กล่าวมาแล้ว ในปีนี้เราได้มีการพัฒนารูปแบบการจัดงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน อาทิ เวทีสัมมนาในรูปแบบ Hybrid Conference ครั้งแรกในปีนี้ , การยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน ,การเปิดตัว ACT FORUM Digital Showroom เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจบนโลกออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้างควบคู่กับการจัดงานแบบออฟไลน์ โดยได้รวบรวมข้อมูลผลิตภัณฑ์และผู้ให้บริการด้านวัสดุก่อสร้างและออกแบบไว้อย่างครบครัน โดยคาดว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูอุตสาหกรรมก่อสร้างให้กลับมาดีขึ้น และช่วยสร้างโอกาสให้กับธุรกิจทั้งรายใหญ่และรายย่อยหลังจากที่ทรุดหนักไปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเป็นงานที่ช่วยผลักดันให้สถาปนิก นักออกแบบของไทย สามารถพัฒนาศักยภาพไปสู่ระดับสากลได้”
สำหรับงาน ACT FORUM ’20 Design + Built มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ที่ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.ActForumExpo.com
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
น้ำมัน,ทองร่วงแรง/หุ้นปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,659.11 จุด เพิ่มขึ้น 139.16 จุด หรือ +0.52% ขณะที่ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,310.11 จุด เพิ่มขึ้น 39.08 จุด หรือ +1.19% ส่วนดัชนีแนสแดค ปิดที่ 11,185.59 จุด เพิ่มขึ้น 180.72 จุด หรือ +1.64%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.17 ดอลลาร์ ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 11.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,868.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“ซูมาเรห์” ยังไม่พร้อม! “โค้ชอ้น” หวังพาเทโรฯ บุกคว้าแต้มกลับบ้าน
ความพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2020 นัดที่ 11 คู่ระหว่าง สุพรรณบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 9 เปิดสนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี พบกับ โปลิศ เทโร เอฟซี ทีมอันดับ 8 ในวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563 เวลา 18.30 น.
เจ้าถิ่น “ช้างศึกยุทธหัตถี” เพิ่งปลดล็อคหลังบุกไปชนะ สมุทรปราการ ซิตี้ มา 2-1 ส่วน “มังกรโล่เงิน” ไม่ชนะใครมา 5 เกมติดต่อกันแล้ว
“โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค หัวหน้าผู้ฝึกสอน โปลิศ เทโร เอฟซี กล่าวถึงความพร้อมก่อนเกม ว่า “สภาพความพร้อมของทีมตอนนี้ถือว่าโอเค อาจจะมีผู้เล่นบาดเจ็บบางคน รวมถึงติดโทษแบนแต่ไม่กระทบมากนัก ส่วน ซูมาเรห์ ยังต้องรอให้ฟิตกว่านี้ เขาไม่ได้เล่นมา 4-5 เดือน จำเป็นต้องเรียกความฟิต ซึ่งยังไม่รู้ว่าเขาจะพร้อมเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้น และซ้อมกับทีมแล้ว”
“เกมเจอสุพรรณบุรี พวกเขาเป็นทีมที่เล่นในบ้านได้ดี แต่เราจะพยายามปรับทีมให้ลงตัวที่สุด และการบุกไปเยือนเกมนี้ เราตั้งเป้าว่าจะต้องมีแต้มกลับออกมาฝากแฟนบอลของเรา”
“ตอนนี้เราไม่กังวลอะไร มันเป็นเรื่องปกติของฟุตบอล เราไม่ได้มองว่าเรามีลุ้นแชมป์ การพ่ายแพ้ ในแต่ละนัด รูปเกมของเราค่อนข้างทำได้ดี และมีโอกาสเยอะ แต่เรายิงประตูไม่ได้เอง แต่ผมยืนยันว่าเราไม่ได้รู้สึกกดดันแต่อย่างใด”
โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก แมตช์เดย์ ที่ 11
วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563
18.30 น. สุพรรณบุรี เอฟซี พบ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี ช่อง NBT 2HD
วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563
17.00 น. สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่สนาม สิงห์ สเตเดียม ช่อง 9 MCOT HD
18.00 น. ระยอง เอฟซี พบ ตราด เอฟซี ที่ สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง ช่อง ททบ.5 HD1
18.00 น. บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สนาม ช้าง อารีนา ช่อง 7HD
18.30 น. ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ การท่าเรือ เอฟซี ที่ สนาม ทรู สเตเดียม ช่อง NBT 2HD
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน 2563
17.00 น. นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบ พีที ประจวบ เอฟซี ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ช่อง 9 MCOT HD
18.00 น. สมุทรปราการ ซิตี้ พบ สุโขทัย เอฟซี ที่สนาม สมุทรปราการ สเตเดียม ช่อง ททบ.5 HD1
18.30 น. ชลบุรี เอฟซี พบ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่สนาม ชลบุรี สเตเดียม ช่อง NBT 2HD
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จับสัญญาณเตือน อัมพฤกษ์-อัมพาต
กรมการแพทย์ เตือนประชาชนให้ตื่นตัวในการป้องกันตนเองจากโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ซแนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้นทุกปี พบสัญญาณเตือน ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุดภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (World Stroke Organization: WSO) ได้กำหนดให้วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันอัมพาตโลก (World Stroke Day) จึงรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยประเทศไทยพบโรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 รองจาก โรคมะเร็งและโรคหัวใจตามลำดับ และยังพบว่าเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุด ของโรคทางระบบประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและความพิการ หากประชาชนรู้จักดูแลตนเองและ หมั่นสำรวจความผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอจะสามารถป้องกันและลดความรุนแรงของโรคดังกล่าวได้ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง อายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม และภาวะน้ำหนักเกิน
แพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการเตือนสำคัญที่สังเกตได้ด้วยตนเองตามหลัก FAST คือ F = Face ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้า ตามัวเห็นภาพซ้อนหรือเห็นครึ่งซีก A = Arm อาการแขนขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง S=Speech ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดลำบาก และ T= Time เวลาที่ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดภายใน 4 ชั่วโมงครึ่ง อาการเหล่านี้มักเกิดอย่างเฉียบพลันในรายที่มีภาวะสมองขาดเลือดแบบชั่วคราว อาจเกิดขึ้นชั่วขณะแล้วหายไปเอง หรืออาจเกิดขึ้นหลายครั้ง ก่อนจะมีอาการสมองขาดเลือดอย่างถาวร สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องสังเกตอาการข้างต้นและรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดจะช่วยลดการเสียชีวิตและความพิการได้ เนื่องจากเซลล์สมองขาดเลือดเพียง 1 นาที จะมีเซลล์สมองตายประมาณ 1 ล้านเซลล์ ถ้าได้รับการรักษาช้าอาจทำให้เกิดความพิการมากขึ้น
สำหรับแนวทางเพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง คือ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหาร รสเค็มจัดไขมันสูง ควบคุมระดับความดันโลหิต ไขมันและน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบหรี่ รวมถึงตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยง ดังนั้นประชาชนควรตระหนักและมีความรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และตลอดจนอาการเบื้องต้นของโรค หากผู้ที่เป็นโรคนี้อยู่แล้วควรรักษาและรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด และรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
คําเชื่อม ภาษาอังกฤษ (conjunctions) อธิบายการใช้คําเชื่อมประโยคง่ายๆ
คําเชื่อม ภาษาอังกฤษ มันก็คล้ายกับคำเชื่อมของไทยนั่นแหละ เป็นคำเชื่อมประโยคต่างๆเข้าด้วยกัน เพื่อให้ประโยคดูสลับซับซ้อนมากขึ้น ชื่อเรียกของมันก็คือ conjunction แปลว่า “คำสันธาน” หรือ Linking Words (คำเชื่อม)
conjunction คืออะไร นำมาใช้ยังไง
ลองดูประโยคที่ไม่มีคำเชื่อนะครับ ว่าหน้าตาจะออกมาเป็นอย่างไรถ้าไม่มีคำเชื่อมประโยคเข้าด้วยกัน
- ผมชอบแมว
- ผมชอบหมา
- ผมไม่ชอบลิง
ประโยคที่ได้มันเป็นอย่างที่เห็นนะครับ เหมือนเด็กอนุบาลศูนย์เขียนเรียงความเลย ทีนี้ลองเอาคำเชื่อมมาใช้เชื่อมประโยคเข้าด้วยกันดูนะครับ
- ผมชอบแมวและหมา แต่ผมไม่ชอบลิง
เป็นอย่างไรบ้างครับ จะเห็นว่าคําเชื่อมจะช่วยให้ประโยคเดี่ยว รวมตัวกันได้เป็นประโยคยาวๆ และดูดึขึ้นมาทันที
◊ คำเชื่อมประโยคมีอะไรบ้าง
conjunction สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทด้วยกันคือ
- Coordinating conjunctions
- Subordinating Conjunctions
- Correlative Conjunctions
♦ หลักการใช้ Coordinating conjunctions
คำเชื่อมชนิดนี้ จะเป็นการเชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่ากัน เข้าด้วยกัน คำเชื่อมมีอยู่ด้วยกันดังนี้คือ FAN BOYS = for, and, nor, but, or, yet, so
ตัวอย่างประโยค
For – แปลว่า เพราะว่า
They chat on Facebook or Line, for it’s easy. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค หรือไม่ก็ไลน์ เพราะว่ามันง่าย
And – แปลว่า และ เชื่อมประโยคไปในแนวเดียวกัน
They chat on Facebook, and they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค และพวกเขาแชททางไลน์
Nor – แปลว่า ไม่ทั้งสอง
They chat on Facebook, nor they chat on Line. พวกเขาไม่แชททั้งทางเฟสบุ๊ค ไม่แชททั้งทางไลน์
But – แปลว่า แต่
They chat on Facebook, but they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค แต่พวกเขาไม่แชททางไลน์
Or – แปลว่า หรือ
They chat on Facebook, or they chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค หรือไม่ก็พวกเขาแชททางไลน์
Yet – แปลว่า แต่
They chat on Facebook, yet they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค แต่พวกเขาไม่แชททางไลน์
So – แปลว่า ดังนั้น
They chat on Facebook, so they don’t chat on Line. พวกเขาแชททางเฟสบุ๊ค ดังนั้นพวกเขาไม่แชททางไลน์
♦ หลักการใช้ Subordinating Conjunctions
คำเชื่อมชนิดนี้ จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลัก เข้าด้วยกัน ประโยครองคือประโยคที่สื่อความหมายไม่สมบูรณ์ คำเชื่อมที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่
after (หลังจาก), although (แม้ว่า), as (เพราะว่า), as far as (เท่าที่), as if (ราวกับว่า), as long as (ตราบใดที่), as soon as (ทันทีที่), as though (ราวกับว่า), because (เพราะว่า), before (ก่อน) , even if, even though (แม้ว่า), if (ถ้า), in order that (เพื่อว่า), since (เพราะว่า), so that (เพื่อว่า), than (กว่า), though (แม้ว่า), unless (เว้นเสียแต่ว่า), until (จนกระทั่ง), when (เมื่อ), whenever(เมื่อใดก็ตาม), where (ที่ซึ่ง), whereas (ขณะที่), wherever (ที่ใดก็ตาม) which (ที่) who (ผู้ที่) และ while (ในขณะที่).
อย่างที่บอกไปแล้วว่าตัวเชื่อมนี้จะเป็นการเชื่อมประโยครองกับประโยคหลักเข้าด้วยกัน ดังนั้นให้สังเกตุดีๆ ถ้าเป็นประโยครองจะตามหลังด้วยคำเชื่อมดังกล่าว ในขณะที่ประโยคหลักไม่ต้องใช้คำเหล่านี้
ตัวอย่างประโยค
I can do everything for you because I love you.
ฉันทำให้เธอได้ทุกอย่าง เพราะว่าฉันรักเธอ
He will go homes after he finishes his work.
เขาจะกลับบ้าน หลังจากเขาทำงานเสร็จ
We take a bath before we eat breakfast.
พวกเราอาบน้ำก่อนพวกเรากินข้าวเช้า
We will eat dinner as soon as dad gets home.
พวกเราจะกินข้าว ทันทีที่พ่อมาถึง
I will love you as long as you love me.
ฉันจะรักคุณ ตราบใดที่คุณรักฉัน
He is running as if a lion is chasing him.
เขาวิ่งราวกับว่า มีสิงโตกำลังไล่ล่าเขาอยู่
She drinks water when she is thirsty only.
หล่อนกินน้ำเมื่อหล่อนกระหายเท่านั้น
This is the house where we were born.
นี่คือบ้าน ที่ซึ่งเราถือกำเนิด
♦ หลักการใช้ Correlative Conjunctions
คำเชื่อมชนิดนี้คล้ายๆกับ Coordinating conjunctions ซึ่งเป็นการเชื่อมประโยคที่มีน้ำหนักเท่าๆกัน แต่คำเชื่อมนี้จะมาเป็นแพ็คคู่ คำเชื่อมชนิดนี้ได้แก่
- as…as แปลว่า ….เท่ากับ…..
- both…and แปลว่า ทั้ง…..และ…..
- either…or แปล่า ไม่….ก็…
- neither…nor แปลว่า ไม่ทั้ง…….ไม่ทั้ง…….
- just as…so แปลว่า …..เหมือนกับที่…..
- not only…but (also) แปลว่า ไม่เพียงแค่…..แต่ยัง….(อีกด้วย)
- no sooner…than ยังไม่ทันที่……ก็…..
- rather…than …….ดีกว่า….
- whether…or แปลว่า ว่า…..หรือ….
- the…the แปลว่า ยิ่ง…..ยิ่ง….
ตัวอย่างประโยค
She is as tall as me.
หล่อนสูงเท่ากับฉัน
She is both beautiful and nice.
หล่อนทั้งสวยและนิสัยดี
Either John or Jane must go home now.
ไม่จอห์ก็เจนต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้
He is not only kind but also clever.
เขาไม่เพียงแค่ใจดี แต่ยังฉลาดอีกด้วย
The more you give, the more you get.
ยิ่งคุณให้ คุณยิ่งได้
ขอบคุณข้อมูลจาก ภาษาอังกฤษออนไลน์.com