ผ่า ตลาด อสังหาฯ เค้นดีมานด์ ล้านหลัง
คอลัมน์ ผ่ามุมคิด …แนวโน้ม “ตลาดอสังหาฯ” มีสัญญาณบวก กำลังซื้อเริ่มฟื้นกลับ ซึ่งสะท้อนจากยอดขายและการรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาสสอง 4.39% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน
แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัย มีสัญญาณบวก กำลังซื้อเริ่มฟื้นกลับ ซึ่งสะท้อนจากยอดขายและการรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาสสอง 4.39% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน ส่งผลบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเคยประเมินก่อนหน้า ว่าผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ทั้งปี 2563 ตลาดหดตัวมากกว่า 50% เหลือคาดการณ์ตลาดหดตัวลงในแง่จำนวนหน่วยเปิดใหม่ประมาณ 25-30% เท่านั้น ขณะ ดร.โจ-นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ชี้ กลยุทธ์ราคา ที่ช่วยดึงดีมานด์ เพิ่มการตัดสินใจทั้งฝั่งผู้ซื้ออยู่จริง และนักลงทุนอย่างคึกคักในช่วงก่อนหน้า คือ ผลลัพท์ของดีมานด์ และกำลังซื้อที่ไม่เคยหายไปจากตลาด พร้อมคาด ยังมีดีมานด์รอดูดซับหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งเก่าและใหม่อีก “ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านยูนิต” หากผ่อนคลายข้อจำกัดใหญ่เรื่องความสามารถของผู้ซื้อได้ ขณะเดียวกันแนะผู้พัฒนาฯ “สงครามราคา ไม่ใช่คำตอบ โฟกัสสำคัญ คือ การเฟ้นหาลูกค้าให้เจอ” ภายใต้เทรนด์การพัฒนาใหม่ๆ
ลุ้นเปิดใหม่ไม่ต่ำ 3 หมื่นหน่วย
ขณะผลศึกษาพบว่า หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ Lock Down อย่างต่อเนื่อง ทำให้กำลังซื้อของตลาดที่อยู่อาศัยค่อยๆดีขึ้น จึงคาดว่าในช่วง 4-5 เดือนหลังจากนี้ ผู้ประกอบการจะค่อยๆทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกทม.-ปริมณฑล รวมประมาณ 31,000-41,000 หน่วย มูลค่า 1.74-1.89 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20-34% จากช่วง 7 เดือนก่อนหน้า รวมทั้งปี 65,000-75,000 หน่วย มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.15 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดผู้ประกอบการ จะยังชะลอแผนเปิดคอนโดฯต่อไป แต่จะเน้นไปยังแนวราบมากขึ้น สัดส่วนประมาณ 70% เนื่องจากปัจจุบันตลาดคอนโดฯ ยังมีหน่วยค้างเหลือขายมากกว่า 9 หมื่นหน่วย (รวมสถานะทั้งก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างก่อสร้าง) ขณะแนวราบที่อยู่ในสถานะสร้างเสร็จพร้อมอยู่ มีทั้งสิ้นเพียง 12,994 หน่วย คาดใช้เวลา 6 เดือนระบายหมด
เฟ้นดีมานด์ล้านหลัง
อย่างไรก็ตาม แม้หน่วยคงค้างทั้งตลาดคอนโดฯ และแนวราบ มีตัวเลขค่อนข้างมาก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจมีทิศทางถดถอยจากผลกระทบโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อัตราดูดซับฟื้นกลับมาดีขึ้นอยู่ ในระดับ 40% จากจุดต่ำสุด 11% ช่วงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่อาศัย ณ ครึ่งปีแรก ระบายออกเหลือเพียง 24,955 หน่วย จาก ณ สิ้่นปี 2562 อยู่ที่ 34,790 หน่วย บวกเพิ่มที่แล้วเสร็จใหม่ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาแล้วด้วยสะท้อน ถึงดีมานด์ความต้องการของตลาด ที่ประเมินว่ายังเหลืออีกประมาณ 1 ล้านยูนิตดูดซับได้ ภายใต้จีดีพีประเทศเติบโตประมาณ 4-5% ต่อปี ซึ่งเปรียบเป็นความหวังของผู้พัฒนาฯ เนื่องจากแต่ละปีเขตกทม.-ปริมณฑล มีประชากรแฝงใหม่ๆ เข้ามาในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก รวมถึงจำนวนเลขที่บ้านจดทะเบียนใหม่ และอัตราดูดซับประมาณ 4 พันหน่วยต่อเดือน (เฉลี่ย 6 เดือนที่
ผ่านมา) คาดการณ์ 1:3 ของผู้เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
“ประชากรใหม่ที่เข้ามาในแต่ละปี บวกกับกลุ่มคนเดิมที่อายุถึงเกณฑ์เหมาะสม และยังไม่มีบ้าน แต่มีความต้องการ รวมกันมหาศาลร่วมๆ 1 ล้านยูนิต เพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี ซึ่งหากอัตราดูดซับที่ดีขึ้น มากกว่า 4-5 พันหน่วยต่อเดือน ทำได้ต่อเนื่อง ภายใต้ไม่มีการระบาดซ้ำ ตัวเลขดีมานด์ดังกล่าว ก็มีความเป็นไปได้”
ข้อจำกัดผู้ซื้อ-ผู้พัฒนา
จริงอยู่ แม้มีดีมานด์รอในตลาดนับ 1 ล้านยูนิต แต่ยังมีข้อจำกัดใหญ่ในฝั่งผู้ซื้อ ที่ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากกับดับ “ความสามารถในการเป็นหนี้” ได้ เนื่องจากปัจจุบันไทยมีตัวเลขหนี้สินต่อจีดีพีสูงมากกว่า 80% การก่อหนี้เพิ่มในภาคครัวเรือนทำได้ยากขึ้น ท่ามกลางธนาคารระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อการลงทุนของผู้ประกอบการเองก็ตาม ขณะในแง่ของผู้พัฒนาฯนั้น เนื่องจากขณะนี้ ตลาดกลายเป็นของผู้ซื้อ จากการที่ผู้ประกอบการยืดหยุ่นลดราคาลงมาให้ มีการหาข้อมูลข่าวสารได้เยอะขึ้น จึงต้องทำการบ้านมากกว่าเดิม ในการเปิดโครงการใหม่ๆ ควบคู่กับการศึกษาข้อกฎหมายที่บังคับใช้ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะเป็นต้นทุนในระยะยาว รวมถึงเทรนด์ที่อยู่อาศัยที่ถูกเปลี่ยนไปจากวิถี New Normal, การใช้ฐานข้อมูลที่น่าเชื่อถือประกอบร่วมและใช้กลยุทธ์ทางการตลาดระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ ควบคู่กันอย่างมีคุณภาพ เป็นต้น
แนะหลักการพัฒนา
ทั้งนี้ จุดน่าสนใจอีกข้อ คือ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างช่วงที่ตลาดมีแรงกระตุ้นจากแคมเปญลดราคาหนัก กับช่วงสถานการณ์ปกติ พบแทบไม่มีความแตกต่างกันในแง่หน่วยที่ขายออกได้ เพราะสินค้าที่ขายได้ดีส่วนใหญ่ ก็ยังอยู่ในระดับราคากลางในทุกโปรดักต์โดยกลุ่มขายออกดีสุด ในคอนโดฯ คือ กลุ่ม 2-3 ล้านบาท และต่ำกว่า 2 ล้าน ส่วนแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์) อันดับ 1 อยู่ในกลุ่ม 3-5 ล้านบาท รองลงมา 2-3 ล้านบาท สะท้อนอีกนัย ว่าแม้คนมีรายได้สูง แต่ของที่ต้องการซื้อนั้น อาจไม่ใช่ของแพงทั้งหมดเสมอไป ฉะนั้น การทำสงครามราคา อาจเป็นคำตอบในระยะสั้นเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทางออก คือ ผู้พัฒนาฯต้องหาผู้ซื้อกลุ่มก้อนใหญ่ให้เจอ อ้างอิงจากสัดส่วน 60-70% ของผู้ซื้อ ซื้อเพื่อต้องการอยู่อาศัยเอง อีก 30-40% ซื้อเพื่อลงทุน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เดินรถไฟฟ้า ‘สายสีทอง’ที่ดิน ‘คลองสาน’ พุ่ง 5เท่า
ที่ดินเขตคลองสาน ย่านฝั่งธนฯ พุ่ง 5 เท่า เฉลี่ย 1 แสน ปี 54 เป็น 5 แสน อานิสงส์ รถไฟฟ้าสายสีทอง เฟสแรก เชื่อม บีทีเอสสายสีลม วิ่งเข้าเมือง 29 ต.ค. ผังกทม.ชูซับซีบีดี ย่านพาณิชยกรรมย่อย พัฒนาตึกสูงใหญ่เต็มพิกัด
รถไฟฟ้าสายสีทอง เริ่มทดสอบเดินรถ และมีแผนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ วันที่ 29 ตุลาคม 2563 เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีกรุงธนบุรี เข้าสู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญ อย่างสีลม สาทร ได้สะดวกรวดเร็ว จากที่ผ่านมาต้องใช้เส้นทางทางเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หรือไม่ต้องฝ่าการจราจรมหาโหด ผ่านเส้นทางทางถนน-สะพาน กว่าจะเดินทางสู่เป้าหมายยังฝั่งพระนครต้องใช้เวลานาน
อย่างไรก็ตามแม้สายสีทองเป็นเพียง “ฟีดเดอร์” หรือระบบขนส่งมวลชนรอง ระยะแรก 1.8 กิโลเมตร มีเพียง สถานีสั้นๆ ประกอบด้วย 1. สถานีกรุงธนบุรี ตัดบีทีเอสสีเขียวสายสีลม 2. สถานี เจริญนคร และ 3. สถานีคลองสาน สร้างความมั่งคั่งกระจายความเจริญเข้าสู่พื้นที่ ผังเมืองกรุงเทพมหานคร ใหม่ ปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นพื้นที่สีน้ำตาล ประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมากเพิ่มพื้นที่สีแดง (ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม) ให้เป็นย่านพัฒนาเชิงพาณิชย์ย่อย หรือซับซีบีดีที่ขยายจากย่านสีลม สาทร ย่านซีบีดีหลัก ข้ามฝั่งมาพร้อมกับรถไฟฟ้าเส้นนี้ ตึกเก่าทรุดโทรมกลายเป็นคอนโดมิเนียม โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เกิดขึ้นคึกคักโดยเฉพาะริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สามารถเชื่อมโยงการใช้ชีวิต ระหว่างคนฝั่งธนบุรีกับฝั่งพระนคร ได้อย่างไร้รอยต่อ มองว่านับจากนี้หากต้องการเดินทางจากแหล่งงานขนาดใหญ่ใจกลางเมืองใช้เวลา เพียง 20 นาที ข้ามฝั่งมายังที่พักอาศัย เขตคลองสานได้อย่างไรข้อจำกัด
ขณะราคาที่ดินปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์จากห้างยักษ์ไอคอนสยาม ผสมโรงกับการมาของรถฟ้าสายสีทอง จุดพลุทำเลทองให้ย่านคลองสาน ราคาที่ดินปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว 5 เท่า ทำเลติดแม่น้ำเจ้าพระยาสูงสุดเฉลี่ยกว่า 5 แสนบาทต่อตารางวา ขณะปี 2554 ราคาเพียง 100,000 บาทต่อตารางวาเท่านั้น สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของนายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด ที่ระบุว่า
ราคาที่ดินในพื้นที่คลองสานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากราคาประมาณ 100,000-150,000 บาทต่อตารางวาในปีพ.ศ. 2554 ขึ้นไปถึง 400,000-500,000 บาทต่อตารางวาสำหรับที่ดินติดแม่น้ำเจ้าพระยา และประมาณ 300,000-400,000 บาทต่อตารางวา สำหรับที่ดินไม่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทองเข้ามาเป็นปัจจัยเสริม
ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้นแบบชัดเจนหลังจากปี 2557 เป็นต้นมา เนื่องจากนับตั้งแต่ปี2558-2563 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่ประมาณ 1,487 หน่วย และตลอดแนวเส้นทาง 3 สถานี ตั้งแต่สถานีกรุงธนบุรี-คลองสาน มีคอนโดมิเนียมสะสมอยู่ที่ประมาณ 4,291 หน่วย และมีอีกประมาณ 170 หน่วยมีแผนจะเปิดขายในพื้นที่ โดยคอนโด มิเนียมในพื้นที่ขายไปได้ค่อนข้างมาก คือมีอัตราการขายเฉลี่ยที่ประมาณ 90% เพราะส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เปิดขายมามากกว่า 2 ปี
ด้วยศักยภาพของพื้นที่ซึ่งสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ในปัจจุบันจึงมีผลให้โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ได้รับความสนใจรวมไปถึงปิดการขายไปหลายโครงการ ยกเว้นโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร เพราะราคาขายเฉลี่ยในพื้นที่ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 195,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ก็ยังคงมีคอนโดมิเนียมราคาขายต่ำกว่า 120,000 บาทต่อตารางเมตรอยู่เช่นกันเพียงแต่เป็นคอนโดมิเนียมมือสองที่เปิดขายมาหลายปีก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามการลงทุน ระบบชนส่งมวลชนทางรางยังมีต่อเนื่อง รองรับการขยายตัวของเมืองและการเติบโตของที่อยู่อาศัย ในย่านฝั่งธนฯ สำหรับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีทอง แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร(กทม.) ระบุว่า เริ่มจากช่วงที่ 1 สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน-สะพานพุทธ เป็นเส้นทางยกระดับความสูง 14-17 เมตรจากระดับดินไปตามแนวถนน โดยแบ่งออกได้อีก 2 ระยะดังนี้ “ระยะที่ 1” แนวเส้นทางจะเริ่มต้นจากสถานีกรุงธนบุรี ของรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสีลม เบี่ยงเข้าถนนกรุงธนบุรีทางซ้ายบริเวณปลายสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเจริญนครฝั่งเหนือ ผ่านวัดสุวรรณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม สำนักงานเขตคลองสาน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสมเด็จเจ้าพระยา ผ่านโรงพยาบาลตากสิน และไปสิ้นสุดที่สถานีคลองสาน ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้มในอนาคต ที่จะเปิดให้บริการเดือนตุลาคมนี้
และ “ระยะที่ 2” ที่จะก่อสร้างเร็วๆนี้ แนวเส้นทางจะวิ่งตรงต่อไปตามแนวถนนสมเด็จเจ้าพระยา ผ่านสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา โรงเรียนจันทรวิทยา วัดอนงคารามวรวิหาร และวัดพิชยญาติการามวรวิหาร สิ้นสุดบริเวณแยกสมเด็จเจ้าพระยา-ประชาธิปก บริเวณด้านหลังอนุสรณสถานสมโภช 100 ปี เขตคลองสาน รวมระยะทางทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ประมาณ เกือบ 5 กิโลเมตรเป้าหมายรองรับการเดินทาง 50,000 คนต่อเที่ยวต่อวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ออมสินปล่อยกู้ซอฟท์โลนท่องเที่ยว15,000ล้านบาท
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงแนวทางโครงการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากวิกฤติการแพร่ระบาด Covid-19 ตามที่ธนาคารออมสินเป็นผู้ดำเนินการ โดยธนาคารฯ ได้ปรับปรุงแนวทางการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน (Soft Loan) วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท เน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว
ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 10,000 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในภาคการท่องเที่ยว วงเงิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้มีการขยายขอบเขตคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้รับอนุมัติสินเชื่ออีกด้วย เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้มากขึ้น
ETDA ขับเคลื่อนอีโคซิสเต็มดิจิทัลครบเครื่องปี 65
ETDA ตั้งเป้าภายในปี 65 พาคนไทย Go Digital with ETDA สร้างอีโคซิสเต็มครอบคลุมบริการดิจิทัลที่สำคัญ พร้อมจัดทำหลักเกณฑ์ กฎหมาย มาตรฐาน รวมถึงแนวปฏิบัติในการดูแลธุรกิจดิจิทัลและบริการ สร้างความเชื่อมั่นและเข้าถึงได้อย่างมั่นใจ ควบคู่การส่งเสริมและพัฒนาบริการพื้นฐานด้านดิจิทัล
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Future of Digital Economy and Society” ในงาน “Go Digital with ETDA” ว่า ประเทศไทยและทั่วโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัลไปอย่างรวดเร็ว คนไทยพร้อมใช้ดิจิทัล ภาครัฐก็ต้อองพร้อมให้บริการ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำจากวันนี้คือ การพัฒนากฎหมายไปข้างหน้า วิเคราะห์ว่าจะเกิดขึ้นอะไรในอนาคต เพื่อปกป้องดูแลผลประโยชน์ของคนไทย ซึ่ง ETDA เป็นหน่วยงานสำคัญในการพัฒนากฎหมายและมาตรฐานของบริการดิจิทัลต่าง ๆ ที่รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต
นอกจากนี้ ประเทศไทยต้องมี Thailand Single Platform เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในลักษณะแบบเป็นศูนย์กลางที่เข้าถึงง่าย โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้พัฒนา เพื่อให้การแก้ไขปัญหาทำได้เร็วขึ้น
อีกเรื่องคือ การพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลไอดี ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ส่งเสริมบริการออนไลน์ให้มีความน่าเชื่อถือ ผ่านการพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยไม่ต้องเดินทางและเสียเวลาการลงทะเบียนใหม่ซ้ำ ๆ กัน ซึ่งกระทรวงฯ กำลังจะประสานให้ทุกหน่วยมาร่วมพัฒนาแพลตฟอร์มกลางสำหรับบริการประชาชน รวมทั้งการป้องกันระวังภัยคุกคามทางออนไลน์ (Online Fraud Prevention) ที่ต้องยกระดับการเฝ้าระวังป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ให้กับหน่วยงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ด้าน นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ETDA มีเป้าหมายสำคัญคือ “Go Digital with ETDA” หรือการเป็นองค์กรขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์โดยสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทันกับสถานการณ์โลก ภายใต้บทบาทหน้าที่หลักคือ การส่งเสริมให้เกิดการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างบูรณาการ และสุดท้ายคือ การกำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล สร้างความน่าเชื่อถือ รองรับการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ด้วยงานสำคัญทั้งการกำกับดูแลธุรกิจบริการด้านดิจิทัล พัฒนามาตรฐานและกฎหมายด้านดิจิทัล การพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลไอดี การป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์ และการพัฒนาความพร้อมของคนดิจิทัล
นโยบายและแผนการดำเนินงานก้าวต่อในปี 2564 ETDA จะเดินหน้าดำเนินงานผ่าน 3 โครงการที่จะยกระดับการขับเคลื่อนจากปี 2563 ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ได้แก่
1. การนำการขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการสร้างกลไกขับเคลื่อนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของของประเทศผ่านแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านมาตรฐาน พร้อมผลักดันแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมฯ ให้ทุกภาคส่วนนำไปกำหนดแนวทางการพัฒนาในทิศทางเดียวกัน พร้อมจัดการสำรวจวิจัยที่ทำให้มองภาพอนาคต (Foresight) ชัดเจนขึ้น สู่การกำหนดนโยบาย ทิศทางการดำเนินธุรกิจ และการทำการตลาด รวมถึงเสริมสร้างทักษะด้านอีคอมเมิร์ซ เพื่อพัฒนากำลังคนตอบโจทย์ความต้องการของตลาดยุคดิจิทัล ไปพร้อมๆ กับการคุ้มครองผู้บริโภคที่ยกระดับการคุ้มครองโดยการสร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับเครือข่าย ทำให้การคุ้มครองมีความรวดเร็วขึ้น
2. การเร่งเครื่องกลไกดูแลธุรกิจดิจิทัล ด้วยการจัดทำหลักเกณฑ์ กฎหมาย มาตรฐาน รวมถึงแนวปฏิบัติในการดูแลธุรกิจดิจิทัลและบริการที่สำคัญ ๆ พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการใช้บริการธุรกิจบริการด้านดิจิทัลที่เปิดให้บริการไปแล้ว และกำลังจะเปิดให้บริการ เช่น บริการด้าน e-Meeting บริการด้าน Digital ID ด้วยระบบการตรวจประเมินที่มีมาตรฐาน
3. การเสริมฐานรากแพลตฟอร์มดิจิทัลของรัฐ สู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม ผู้ประกอบการและประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย ด้วยการพัฒนาแบบจำลองมาตรฐานและแบบจำลองข้อมูล (Data Model) แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน สนับสนุนศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ จัดทำมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ Digital ID และ e-Signature สร้างความพร้อม ความตระหนัก แก่บุคลากรภาครัฐ ผ่านการอบรม พร้อมให้บริการเฝ้าระวัง ตอบสนองและจัดการภัยคุกคามไซเบอร์ให้กับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและบริการออนไลน์ของหน่วยงานภาครัฐ
จากการดำเนินงานข้างต้น ETDA ตั้งเป้าไว้ว่า ภายในปี 2565 ประเทศจะต้องมีภูมิทัศน์ด้านบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน (Digital Services Landscape) ที่ครบถ้วน เพื่อเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศ รวมถึงเกิดระบบนิเวศ Digital ID หรือ Digital ID Ecosystem สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่การใช้งาน Digital ID ในวงกว้าง และหน่วยงานรัฐจะต้องมีระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (e-office) ภายใต้มาตรฐาน กฎเกณฑ์ และการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริงของ ETDA ที่จะพาทุกภาคส่วน Go Digital ไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ ใน ปี 2563 ETDA ได้ส่งมอบงานสำคัญผ่าน 5 โครงการ ได้แก่
1. โครงการ Digital Governance เพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมั่นใจ มีกลไกกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ ผ่านกฎหมายและมาตรฐานสำคัญๆ เช่น ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ. Digital ID) รองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ส่งเสริมธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลไอดี เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่เชื่อถือได้ สะดวก รวดเร็ว และ ร่าง พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจการให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับสนุนลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (CA) รวมทั้งการออกข้อเสนอแนะฯ มาตรฐาน แนวทางการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลาย ลดความเสี่ยง รวมถึงผลักดันเรื่องระบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือ e-Meeting ทั้งการออกกฎหมายและมาตรฐาน ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วยปลดล็อกกฎหมายที่มีอยู่เดิม และช่วยรับรองผู้ให้บริการระบบประชุม เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความเชื่อมั่นในระบบที่ใช้งานด้วย พร้อมเปิด Digital Service Sandbox เพื่อทดสอบการใช้นวัตกรรมหรือบริการดิจิทัลใหม่ ๆ ให้สอดคล้องข้อกฎหมาย หรือมาตรฐานต่าง ๆ ก่อนการใช้งานจริง
2. โครงการ Speed-up e-Licensing เร่งเครื่องระบบดิจิทัลในบริการภาครัฐ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้รับบริการที่รวดเร็ว โดยการพัฒนาบริการของรัฐให้เป็นบริการดิจิทัล ผ่านโครงสร้างข้อมูล (Schema) การออกใบอนุญาตหรือเอกสารหลักฐานของภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัล พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับบริการดิจิทัลของเอกชน ด้วยการตรวจประเมินรับรองระบบสารสนเทศและการใช้บริการ e-Timestamping ประทับรับรองเวลาของ e-Document
3. โครงการ Digital Transformation ให้ภาครัฐมีระบบดิจิทัลที่มั่นคงปลอดภัย ห่างไกลภัยไซเบอร์ ด้วยโครงการ Government Threat Monitoring System (GTM) เฝ้าระวังภัยไซเบอร์ให้กับหน่วยงานรัฐ พร้อมเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์ม Threat Watch ยกระดับการเฝ้าระวังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. โครงการ Thailand e-Commerce Sustainability ลดเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้ ด้วยอีคอมเมิร์ซ อย่างยั่งยืน ผ่านความร่วมมือกับเครือข่ายลงพื้นที่พัฒนาศักยภาพอีคอมเมิร์ซชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรด้านอีคอมเมิร์ซ ปูทางความพร้อมให้กับนักเรียน (ทสรช.) นักศึกษา (มศว, เอแบค ฯลฯ) เพื่อป้อนตลาดแรงงานยุคดิจิทัล เปิดหลักสูตรออนไลน์เพื่อให้คนไทยเรียนรู้ได้ผ่านแพลตฟอร์มของ ETDA และสำนักงาน ก.พ. พร้อมผลักดันแผนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อกำหนดทิศทางพัฒนาให้ทุกภาคส่วน ตลอดจนเดินหน้าสำรวจการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย มูลค่าอีคอมเมิร์ซประเทศไทย และสถิติต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับไปวางแผนการตลาด และสร้างโอกาสในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้
5. โครงการ Stop e-Commerce Fraud ทั้ง คุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์เชิงรุก ผ่านการนำเครื่องมือ Social Listening วิเคราะห์ข้อมูลในโลกออนไลน์เพื่อนำมาแจ้งเตือนภัยก่อนเกิดเหตุหรือลุกลาม และการจัดอบรมและเสริมสร้างความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องและประชาชนที่สนใจ เพื่อให้ประเทศไทยมีกำลังคนด้านไซเบอร์เพิ่มขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“บวบเหลี่ยม” สรรพคุณ-ประโยชน์บำรุงร่างกาย ไฟเบอร์สูง ท้องผูกหายสนิท
“บวบ” มีหลายชนิดที่นำมาประกอบอาหารได้ แต่บวบที่คนทานมากที่สุดคือบวบเหลี่ยม เนื่องจากมีผลิตผลให้ทานตลอดทั้งปี ในขณะที่บวบชนิดอื่นให้ผลแค่บางฤดูกาลเท่านั้น บวบเหลี่ยมเป็นผักพื้นบ้านชนิดหนึ่งของคนไทย นิยมปลูกไว้ตามบ้าน เป็นทั้งรั้วและอาหาร สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ นอกจากสารอาหารดีๆ แล้ว วันนี้เรามาดูกันดีกว่า บวบเหลี่ยม มีสรรคุณและประโยชน์อย่างไรบ้าง
บวบเหลี่ยม ( Angled Gourd ) มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Luffa acutangula Roxb. จัดเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Cucurbitaceae หรือวงศ์แตง มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอินเดีย เนื่องจากพบพืชป่าชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับบวบเหลี่ยมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการกระจายพันธุ์ไปตามพื้นที่เขตร้อนทั่วโลก แต่ว่าประเทศที่นิยมนำบวบเหลี่ยมมารับประทานคือ ไทย อินเดีย ฮ่องกง จีน เป็นต้น การขยายพันธุ์ทำได้โดยการเพาะเมล็ด สามารถเจริญเติบโตได้ง่าย ทนฝน ทนโรคและแมลง นอกจากเพาะพันธุ์เองแล้วก็ยังพบได้ทั่วไปตามพื้นที่ใกล้ๆ แหล่งน้ำ
ลักษณะทางพันธุศาสตร์
ดอก ออกดอกเดี่ยวๆ โดยดอกตัวผู้และตัวเมียแยกกันอยู่ในต้นเดียวกัน ดอกตัวผู้ออกเป็นช่อตามซอกกิ่ง กลีบดอกสีเหลืองเข้ม มี 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกัน กลีบเลี้ยงสีเขียว มี 5 กลีบเช่นเดียวกัน ผิวกลีบเลี้ยงมีขนอ่อนปกคลุม ส่วนดอกตัวเมียจะเป็นดอกเดี่ยว ลักษณะดอกคล้ายดอกตัวผู้ เพียงแต่ว่าจะมีรังไข่คล้ายๆ ลูกบวบเล็กติดอยู่ด้านใต้ ซึ่งก็จะเจริญไปเป็นผลบวบในเวลาต่อไป
ผล เป็นรูปทรงกระบอก ขนาดสั้นกว่าบวบกลม ปลายผลใหญ่ โคนผลเรียวเล็กกว่า ผิวจะมีสันที่แข็งและคมประมาณ 8-10 สัน โดยยาวตลอดความยาวผล ผิวเปลือกแข็งและหนา สีเขียวขรุขระเล็กน้อย เนื้อด้านในสีขาวฉ่ำน้ำ มีไส้ในและเมล็ดจำนวนมากเรียงกันอยู่ ผลอ่อนรสชาติหวานกรอบ นิยมนำมาประกอบอาหาร ผลแก่เนื้อมีรสขม นิยมปล่อยให้แห้งแล้วนำเมล็ดมาขยายพันธุ์ต่อไป
เมล็ด รูปร่างแบนรี เมล็ดอ่อนสีขาวหรือเหลืองอ่อน เมล็ดแก่สีดำ ผิวเปลือกเมล็ดแข็งและขรุขระ
10 สรรพคุณของบวบเหลี่ยม
1. บวบช่วยคลายร้อน บวบเป็นที่มีฤทธิ์เย็น เนื้อชุ่มฉ่ำน้ำ ทานแล้วช่วยดับร้อน แก้ร้อนใน ดับกระหาย
2. บวบช่วยแก้หวัด ช่วยลดไข้ แก้ปวดหัว แก้หวัด ขับเสมหะ บรรเทาอาการเจ็บคอ ทำให้ชุ่มคอ ช่วยรักษาโพรงจมูกที่อักเสบ
3. บวบแก้ท้องผูก เพราะมีไฟเบอร์สูงมาก เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้อุจจาระนิ่มลง ขับถ่ายได้ง่าย รักษาโรคริดสีดวง และยังช่วยขับปัสสาวะด้วย
4. บวบช่วยบำรุงฟัน มีฟอสฟอรัสสูง มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
5. บวบบำรุงเลือด บวบอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง
6. บวบบรรเทาอาการปวดฟัน นำเมล็ดหรือเถาบวบไปเผาแล้วบดเป็นผง มาทาบริเวณที่ปวด ทำให้ปวดฟันหรือเสียวฟันน้อยลงได้
7. บวบช่วยขับพยาธิ นำเมล็ดแก่จัดมาบดเป็นผงทาน อาจจะบรรจุในแคปซูลก็ได้เพื่อให้ทานง่าย เด็กควรทานประมาณ 30 เมล็ด ส่วนผู้ใหญ่ทาน 40-50 เมล็ด
8. ขวบช่วยขับเลือด ช่วยบำรุงเลือดลมให้ไหลเวียนสะดวก หากใครประจำเดือนมาไม่ปกติ การรับประทานบวบจะช่วยให้ประจำเดือนมาตรงเวลามากขึ้น
9. บวบช่วยถอนพิษ ใช้ถอนพิษจากแมงสัตว์กัดต่อย ผื่นคันตามผิวหนัง โรคผิวหนังเช่นกลากหรือเกลื้อน โดยการนำใบสดมาบดแล้วพอกบริเวณที่มีอาการ
10. บวบช่วยบำรุงน้ำนม คุณแม่หลังคลอดบุตรแนะนำให้นำบวบมาปรุงอาหารรับประทานบ่อยๆ จะทำให้มีปริมาณน้ำนมมากขึ้น
ประโยชน์ของบวบเหลี่ยม
- นำมารับประทาน บวบเหลี่ยมนำมาปรุงอาหารได้หลายชนิด ไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ห่อหมก มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปวิตามิน แร่ธาตุและใยอาหาร ช่วยบำรุงร่างกาย
- ใยบวบ มีลักษณะหนาแข็งแรงและค่อนข้างเหนียว ทนต่อแรงกระแทก ทนความร้อนได้ดี จึงเหมาะสำหรับนำมายัดหมอน ยัดเบาะ ใช้ทำเป็นที่จับของร้อน เช่น หม้อน้ำรถยนต์ หม้อปรุงอาหาร เป็นต้น สามารถเอามาถักทอเป็นเครื่องสาน หรือจะนำไปทำกระดาษก็ได้เพราะมีเส้นใยเยอะมาก นอกจากนี้ยังนำมาขัดถูทำความสะอาดพวกเครื่องเงิน เครื่องแก้ว รถยนต์ เครื่องตัว เอามาขัดตัวก็ได้เช่นกัน แต่มาเป็นที่นิยมมากนัก เพราะบวบเหลี่ยมมีใยแข็ง เอาเนื้อออกยาก (ใยบวบที่มักนำมาใช้ขัดตัว ทำจากใยบวบหอม)
ข้อควรระวังในการรับประทานบวบ
หากจะรับประทานเมล็ดบวบในลักษณะเป็นยา ให้ระวังไม่ทานมากจนเกินไป เมล็ดบวบที่มีรสขม มีสาร Elaterin ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบาย หากทานไม่ระวังอาจจะท้องเสียและอาเจียนอย่างรุนแรงได้
การเลือกซื้อบวบ
เลือกบวบที่มีขั้วติดแน่นที่ผล สีเขียวสดใส ผิวบวบต้องไม่ช้ำ ไม่มีรอยดำเปลือกแน่นสีเขียว กดแล้วไม่ยุบ ผลไม่หักหรืองอ ส่วนสันต้องเป็นเหลี่ยมคมเสมอกัน
บวบ ปรุงอาหารยังไงให้หวานอร่อย
เทคนิคการใช้บวบประกอบอาหารให้มีรสหวานธรรมชาติคงเดิมคือ ไม่ต้องปอกเปลือกออกทั้งหมด เพียงแค่ใช้มีดปาดสันของบวบออกเท่านั้น ไม่ว่าจะต้ม ผัด หรือใส่แกง บวบจะไม่เสียรสชาติเดิมๆ ไป รวมทั้งยังคงคุณสารอาหารที่ใกล้เคียงกับตอนยังเป็นผลสดด้วยค่ะ
วิธีเก็บรักษาบวบเหลี่ยม
นำบวบมาล้างให้สะอาด จากนั้นผึ่งหรือเช็ดให้แห้งสนิท แล้วห่อด้วยกระดาษหรือผ้าแห้ง เก็บใส่ถุงหรือกล่องที่แห้งสนิท นำไปแช่ตู้เย็น จะสามารถเก็บได้นาน
ได้รู้จักสรรพคุณ ประโยชน์ของบวบเหลี่ยมกันไปแล้ว อย่าลืมนำมาปรุงอาหาร เพิ่มไฟเบอร์ให้ร่างกาย ช่วยในการขับถ่ายกันด้วยนะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sukkaphap-d.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,800.00 | 28,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,866.00 | 28,288.56 | 29,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,679.40 | 25,459.70 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,492.80 | 22,630.85 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 840.00 | 12,734.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 653.00 | 9,899.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,934.00 | 29,319.44 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/08/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 | 22.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 | 21.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.74 | 20.74 | 20.74 | 20.74 | 20.74 | – | 20.74 | 20.74 | 20.74 | 20.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.34 | 18.34 | – | – | – | – | – | – | – | – |
เบนซิน 95 | 29.66 | – | – | – | 30.11 | – | 30.16 | 29.66 | – | 29.66 |
ดีเซล | 22.29 | 22.29 | 22.29 | 22.29 | 22.29 | 22.29 | 22.29 | 22.29 | 22.29 | 22.29 |
ดีเซล B10 | 19.29 | 19.29 | 19.29 | 19.29 | 19.29 | 19.29 | 19.29 | 19.29 | 19.29 | 19.29 |
ดีเซล B20 | 19.04 | 19.04 | 19.04 | 19.04 | 19.04 | – | 19.04 | 19.04 | – | 19.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.74 | 26.76 | 28.74 | 28.74 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 14.41 | 14.41 | – | – | – | – | – | – | – | – |