ที่ดินใจกลางเมืองฝ่อ เพลินจิต – ลุมพินี ยังนิ่ง ‘3.9 ล้าน ต่อ ตร.ว.’
ซีบีอาร์อี เผย โควิด ฉุดราคาที่ดินใจกลางเมืองคงที่ เพลินจิต – ลุมพินี ยังรั้งดีล ปิดราคาขายสูงสุด ที่ 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา ชี้เป็นโอกาสดีของนักพัฒนาโครงการ
นางกุลวดี สว่างศรี หัวหน้าแผนกการลงทุนและที่ดิน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ระบุว่า วิกฤติโควิด-19 ได้ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ให้เป็นตลาดของผู้เช่าและผู้ซื้อมากขึ้น จากระดับราคาที่สมเหตุสมผล เพราะราคาที่ดินโดยรวมในทำเลชั้นนำยังไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ราคาที่ดินในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและชานเมืองโดยรวมลดลง ยกเว้นบางพื้นที่จะปรับตัวสูงขึ้นตามการขยายเส้นทางระบบขนส่งมวลชนและการขยายถนนในพื้นที่
ทั้งนี้ พบว่า ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2562-2563) ตลาดที่ดิน ใจกลางเมือง หรือ ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) 3 ทำเลสำคัญ ซึ่งเคยมีการซื้อขายกันอย่างร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า ระดับราคาที่ดินแทบจะคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง คาดเนื่องมาจาก การชะลอแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการ ทำให้ไม่มีการกว้านซื้อใหม่เกิดขึ้น
โดยราคาซื้อ-ขาย ที่ดินสูงสุด ยังอยู่ในระดับเดิมดังนี้
ปี 2562 ทำเล เพลินจิต – ลุมพินี ราคาสูงสุด 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา
ปี 2562 ทำเล สุขุมวิท ราคาสูงสุด 2.8 ล้านบาทต่อตารางวา
ปี 2562 ทำเล สีลม -สาทร ราคาสูงสุด 1.7 ล้านบาทต่อตารางวา
นางกุลวดี ประเมินต่อ แนวโน้มระดับราคาที่ดินของทั้ง 3 ทำเลดังกล่าว ในช่วงปี 2564 น่าจะยังหยุดนิ่งและไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ โดยพบว่า ขณะนี้ยังมีที่ดินอีกหลายแปลง ที่เจ้าของเตรียมนำออกขาย รอเพียงจังหวะที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม มีเจ้าของที่ดินบางส่วน มีปัญหาสภาพคล่อง และต้องการขายออกโดยเร็ว เริ่มยอมเคาะราคาให้ต่ำลง เช่น จากเดิมตั้งราคาไว้ที่ตารางวาละ 1.7 ล้านบาท ก็ยอมลดราคาเหลือเพียง 1.5-1.6 แสนบาทต่อตารางวา เป็นต้น
เช่นเดียวกับที่ดินแปลงเล็กราว 200-400 ตารางวา ในซอย มีการประกาศขายลดราคาลงราว 30% จาก 6 แสนบาทต่อตารางวา เหลือเพียง 3-4 แสนบาทต่อตารางวาเท่านั้น ซึ่งมองเป็นโอกาสของผู้ประกอบการบางส่วน ที่เริ่มปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการใจกลางเมือง ในขนาดที่เล็กลง ใช้เวลาก่อสร้างราว 1 ปี เสร็จ
” หลังจากราคาที่ดินได้ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซีบีอาร์อีเชื่อว่าราคาที่ดินโดยรวมในทําเลชั้นนําจะยังคงทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวโดยไม่มีการซื้อขายใหม่ๆ ที่ทําลายสถิติราคาสูงสุด การพัฒนาคอนโดมิเนียมหรูได้กลายเป็นการลงทุนเพียงอย่างเดียวที่มีความสมเหตุสมผลทางการเงินสําหรับการพัฒนาที่ดินแบบมี กรรมสิทธิ์เต็มหรือฟรีโฮลด์ในย่านใจกลางเมือง ซึ่งไม่ได้มีความยั่งยืนในระยะยาว”
ทั้งนี้ ในปี 2564แม้ว่าผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยส่วนใหญ่จะปรับลดรายได้เป้าหมายและจํานวนโครงการใหม่ลง แต่ยังคงซื้อที่ดินสําหรับการพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องหากราคาที่ดินเหมาะสม มีความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการสําหรับตลาดผู้ที่มีรายได้ปานกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงการบ้านและทาวน์เฮาส์ในทําเลรอบนอกใจกลางเมือง และชานเมือง รวมถึงตามแนวระบบขนส่งมวลชนใหม่
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการจะยังคงสนใจที่จะลงทุน แต่เวลาที่ใช้ในการตัดสินใจจะนานขึ้นกว่าปกติ ซีบีอาร์อีเชื่อว่าที่ดินชั้นนําในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นที่ต้องการ ในขณะที่ผู้พัฒนาโครงการกําลังหันกลับไปประเมินจํานวนซัพพลายและความต้องการในตลาดอีกครั้ง และรอรายละเอียดสุดท้ายของผังเมืองรวมกรุงเทพฯ ฉบับใหม่ที่จะลดข้อจํากัดในการพัฒนาในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและชานเมืองตามเส้นทางระบบขนส่งมวลชนในอนาคตลดจํานวนที่ดินที่สะสมไว้จากการให้ความสําคัญกับความมั่นคงและสภาพคล่องทางการเงิน
จึงเห็นว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายที่มีที่ดินสะสมไว้จํานวนมากได้นําที่ดินบางส่วนออกเสนอขาย เนื่องจากที่ดินเหล่านั้นมีศักยภาพในการพัฒนาตํ่ากว่าแปลงอื่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะยังคงให้ความสําคัญกับการลดจํานวนยูนิตเหลือขาย และปลดล็อกเงินทุนจากที่ดินที่ถือครองอยู่ รวมถึงลดภาระทางภาษีที่ดินบางแปลงที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตัดสินใจที่เก็บไว้จะได้รับการพัฒนาหรือปล่อยเช่าในระยะสั้นเพื่อสร้างรายได้เช่น ตลาด หรือที่จอดรถ จนกว่าตลาดจะฟื้นตัวลดความเสี่ยงในการลงทุน เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการต้องการลดความเสี่ยงในการลงทุน
โดยเชื่อว่าจะยังคงมีการร่วมทุนใหม่ๆ เกิดขึ้นในกลุ่มผู้พัฒนาโครงการในประเทศ หรือระหว่างผู้พัฒนาโครงการในประเทศกับพันธมิตรต่างชาติที่อยู่ในตลาดในประเทศอยู่แล้วและมีความรู้เกี่ยวกับตลาดในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ โครงการที่จะพัฒนาจะมีขนาดเล็กลงเพื่อลดขนาดการลงทุน ซีบีอาร์อีเชื่อว่าการพัฒนาโครงการที่มีมูลค่าตํ่ากว่า 500 ล้านบาทจะมีความเหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มท.1 เปิดตัว e-QLands จองคิวทำธุรกรรมที่ดินล่วงหน้าได้ทุกที่
มท.1 เปิดตัว e-QLands จองคิวทำธุรกรรมที่ดิน จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม คิวรังวัดล่วงหน้า ทางอินเทอร์เน็ต ผ่านโทรศัพท์ มือถือ ณ สำนักงานที่ดินทั่วประเทศ
วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ณ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดตัวแอปพลิเคชัน “e-QLands” ระบบจองคิวยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรมและการรังวัดล่วงหน้า ณ สำนักงานที่ดินทั่วประเทศ ทางอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ให้หน่วยงานภาครัฐภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย มีการบริหารจัดการที่ดี
โดยมีเป้าประสงค์ ในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนในรูปแบบดิจิทัล ให้เป็นรูปธรรม รองรับการให้บริการที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทันต่อกระแสความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้การนำของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
การพัฒนาแอปพลิเคชัน e-QLands ของกรมที่ดิน ตอบสนองโดยตรงต่อภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน” สามารถอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถจองคิวล่วงหน้า เพื่อยื่นคำขอจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดินได้ทั่วประเทศผ่านโทรศัพท์มือถือ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและให้บริการประชาชนในรูปแบบดิจิทัล (Digital Service) เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีประชาชนเข้ามารับบริการ ณ สำนักงานที่ดินทั่วประเทศ เป็นจำนวนมากกว่า 13 ล้านรายต่อปี การพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนในการจองคิวยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและการรังวัด ผ่านแอปพลิเคชั่น e-QLands ของกรมที่ดิน ช่วยให้ประชาชนมีความสะดวกสบาย ทราบเวลาแน่ชัดในการไปทำธุรกรรมด้านที่ดิน เป็นการช่วยลดความแออัดในสำนักงานที่ดินลง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่สำคัญเป็นการขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน (Ease of Doing Business) ได้อีกทางหนึ่งด้วย
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวทิ้งท้ายว่า แอปพลิเคชัน e-QLands จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการขอรับบริการจากภาครัฐ โดยสามารถจองคิวในการยื่นคำขอทำธุรกรรมทางด้านที่ดินกับสำนักงานที่ดินทั่วประเทศล่วงหน้า ได้ทุกที่ ทุกเวลาด้วยตนเองทางอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยประชาชนสามารถเลือกวัน เวลา และสำนักงานที่ดินที่ต้องการมาทำธุรกรรมได้ ซึ่งจะทำให้ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่สามารถบริหารจัดการเวลาที่จะไปรับบริการ/ให้บริการได้ตามความสะดวกและเหมาะสม มีช่องทางเพิ่มขึ้นในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินก่อนจะเข้ามาใช้บริการ และสามารถส่งเอกสารผ่านระบบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ล่วงหน้า
พร้อมทั้งรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ได้ ลดระยะเวลาการรอคิวของประชาชนเมื่อมาติดต่อขอรับบริการ ณ สำนักงานที่ดิน เพราะจะได้รับบริการตามวันเวลาที่ประชาชนกำหนดไว้เอง ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาของการอยู่ในพื้นที่ของสำนักงานที่ดินลง ลดความแออัดของประชาชนที่มารับบริการในสำนักงานที่ดิน เนื่องจากเจ้าหน้าที่จะทราบล่วงหน้าถึงจำนวนของประชาชนที่จะมารับบริการ ซึ่งจะได้กำหนดวันเวลาที่เหมาะสมและแจ้งยืนยันกลับต่อประชาชนได้ เป็นการรองรับมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในสำนักงานที่ดินในช่วงนี้ได้ ที่สำคัญสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการดำเนินชีวิตในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี
ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น e-QLands และจองคิวยื่นคำขอผ่านระบบได้แล้ววันนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Dol Call Center : 0 2141 5555 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 30.01/02 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.01/02 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.04 บาท/ดอลลาร์
วันนี้คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากปัจจัยสำคัญผ่านไปเมื่อวานแล้วในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขณะที่ปัจจัยวันนี้เป็นเพียงการติดตามข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BoE)
“วันนี้บาทคงอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะไม่มีปัจจัยอะไรพิเศษ การประชุมกนง.ก็ผ่านไปแล้ว ไม่มีผลต่อบาทมากนัก เพราะคงดอกเบี้ยตามตลาดคาด” นักบริหารเงินระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.85-30.05 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“ออสเตรเลียน โอเพ่น” ต้องกักตัว 600 คน หลังคนงานโรงแรมฝ่ายจัดติดโควิด-19
เทนนิสแกรนด์สแลมแรกของปีต้องลุ้นว่าจะเริ่มแข่งในสัปดาห์หน้าตามเดิมได้หรือไม่ หลังพบคนงานของโรงแรมฝ่ายจัดติดโควิด-19 จนต้องกักตัวราว 600 คน
วันที่ 3 ก.พ. 64 นายแดเนียล แอนดรูว์ส ผู้ว่าการรัฐวิคตอเรีย แถลงว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ 1 ราย ซึ่งเป็นคนงานของโรงแรมแห่งหนึ่งที่ฝ่ายจัดการแข่งขันใช้เป็นสถานที่กักตัว 14 วันของบรรดานักเทนนิส, เจ้าหน้าที่ และทีมงานฝ่ายสนับสนุนกว่า 1,000 คนที่เดินทางมายังประเทศออสเตรเลีย ก่อนลงแข่งเทนนิสแกรนด์สแลมแรกของปี รายการออสเตรเลียน โอเพ่น 2021 ซึ่งจะเปิดฉากในวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์นี้
จากการสอบสวนโรคคนงานที่ติดเชื้อโควิด-19 พบว่ามีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับนักหวด, สตาฟฟ์ และทีมงานที่อยู่ในโรงแรมดังกล่าวประมาณ 500-600 คน แม้จะไม่ใช่การคลุกคลีหรือสัมผัสกันโดยตรง แต่ก็ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวจนกว่าจะมีผลตรวจเป็นลบ เพื่อยืนยันความปลอดภัย ซึ่งก็จะกระทบต่อโปรแกรมอุ่นเครื่องที่กำลังจัดการแข่งขันอยู่ที่เมลเบิร์น พาร์ค ในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม นายแอนดรูว์ส กล่าวว่า “เวลานี้ยังไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการแข่งขันจริง (ออสเตรเลียน โอเพ่น) เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเพียงรายเดียว ทุกคนจึงไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกหรือตกใจไป ก่อนหน้านี้เราได้พิสูจน์แล้วว่ารัฐวิคตอเรียประสบความสำเร็จอย่างมากในการจัดการกับสถานการณ์แพร่ระบาด ซึ่ง ณ ตอนนี้ได้ตัดสินใจกันว่าการแข่งขันจะเดินหน้าต่อไปในสัปดาห์หน้า”
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
แนะป้องกันปอดอักเสบ ลดความเสี่ยงอาการแทรกซ้อน
กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลราชวิถี แนะประชาชนดูแลสุขภาพและสุขอนามัย สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เมื่อเป็นหวัดรักษาให้หายขาด หลีกเลี่ยงอากาศเย็น ไม่สูบบุหรี่ งดดื่มสุรา ฉีดวัคซีน และลดพฤติกรรมเสี่ยงป้องกันปอดอักเสบ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปอดอักเสบที่พบได้บ่อยคือปอดอักเสบจากการติดเชื้อ ส่วนใหญ่เกิดจากการรับเชื้อในชุมชน ได้แก่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา โดยเชื้อจะเข้าสู่ปอดทำให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบ สามารถรับเชื้อได้จากการไอจาม หรือหายใจรดกัน ซึ่งจะเอาเชื้อที่อยู่ในรูปละอองฝอยขนาดเล็กเข้าสู่ปอด การสำลักเชื้อที่อยู่บริเวณทางเดินหายใจส่วนบนลงสู่ปอด เช่น สำลักน้ำลาย อาหาร หรือสารคัดหลั่ง การแพร่กระจายของเชื้อตามกระแสโลหิต และการลุกลามจากการติดเชื้อของอวัยวะข้างเคียง สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยแต่มักพบบ่อยในผู้มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ 1.เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 2.ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หอบหืด
3.ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ผู้ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ 4. ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการให้เคมีบำบัด หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานาน 5.ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ป่วยจะมีอาการ ไอ มีเสมหะ เจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอ มีไข้ เหงื่อออกมาก หายใจลำบาก หอบ คลื่นไส้อาเจียน หนาวสั่น ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การหายใจล้มเหลว ไตวายเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาอาจมีอาการรุนแรงจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้
นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กล่าวว่า การรักษาปอดอักเสบเป็นการรักษาร่วมกับป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ทางแพทย์จะรักษาผู้ป่วยด้วยวิธี 1. ให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย 2.รักษาแบบประคองอาการ สำหรับโรคที่ยังไม่มียาต้านไวรัสโดยตรง เช่น การติดเชื้อ RSV 3.การรักษาภาวะแทรกซ้อน มักเกิดในกรณีของกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการรุนแรงมาก เช่น ภาวะหายใจล้มเหลว
การป้องกันโรคจึงมีความสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงและลดความเสี่ยงการเกิดโรคปอดอักเสบ ได้แก่ 1.ฉีดวัคซีนป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยงเพื่อลดอัตราการเกิดโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน วัคซีนป้องกันที่ใช้บ่อยคือ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ แนะนำให้ฉีดทุกปีก่อนฤดูฝนและฤดูหนาว โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ มี 2 ชนิด คือ วัคซีนแบบโพลีแซคคาไรด์ สำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงและผู้สูงวัย และวัคซีนแบบคอนจูเกต สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ – 5 ปี ผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและผู้มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
2.ไม่สูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะทำลายกระบวนการป้องกันในระบบทางเดินหายใจ 3.ดูแลสุขอนามัยทั่วไป เช่น ล้างมือ หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในบริเวณที่มีผู้คนหนาแน่น 4. หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากท่อไอเสีย หรืออากาศเย็น 5.เมื่อเป็นหวัดควรรักษาให้หายขาด 6.ไม่ดื่มเหล้า 7.สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
สรุป! Must not VS Don’t have to ที่หลายคนไม่รู้
สรุป! Must not VS Don’t have to ที่หลายคนไม่รู้
Must and have to แปลว่า ต้องเหมือนกัน แต่เมื่อเป็นประโยคปฏิเสธ Must not and Don’t have to นั่นมีความหมายของที่แตกต่างจากเดิม และนอกจากสองคำนี้มีหลักการใช้แตกต่างจาก Must and have to อย่างชัดเจน และเป็นเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิดและนำมาใช้ผิดกันอยู่บ่อยๆ ซึงวันนี้เราสรุปการใช้ Must not กับ Don’t have to มาฝากเพื่อจะได้เข้าใจหลักการใช้และนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง
Must not แปลว่าอะไร?
Must not หรือ Mustn’t แปลว่า “ต้องไม่” มีความหมายคล้ายกับ Do not ซึ่งเป็นการพูดถึงข้อห้ามที่ยึดถือปฏิบัติเป็นกฏที่ห้ามไม่ให้ทำ
Must not โครงสร้างของประโยค
Subject+mustn’t+verb infinitive.
ยกตัวอย่าง
- the librarian tells them they mustn’t make too much noise. บรรณารักษ์แจ้งกับพวกเขาว่าอย่าส่งเสียงดัง
- You mustn’t leave litter lying around. คุณต้องไม่ทิ้งขยะเอาไว้
- You mustn’t smoke at the hospital areas. คุณต้องไม่สูบบุหรี่บริเวณโรงพยาบาล
- I mustn’t forget my ID card. ฉันต้องไม่ลืมบัตรประชาชน
Don’t have to แปลว่าอะไร?
Don’t have to/ Doesn’t have to แปลว่า “ไม่จำเป็นต้อง….” ทำหรือไม่ทำก็ได้ ไม่ได้มีความจำเป็นต้องทำ ไม่ได้มีกฏเกณฑ์มาบังคับให้ทำ
โครงสร้างของ Don’t have to
Subject ที่เป็นพหูพจน์+don’t have to+ verb infinitive.
Subject ที่เป็นเอกพจน์+ doesn’t have to + verb infinitive.
ยกตัวอย่าง
- You don’t have to come early because the meeting starts in the afternoon. คุณไม่จำเป็นต้องรีบมาหรอกเพราะการประชุมเริ่มบ่ายโมง
- I don’t have totell you. This is my business. ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณ นี่มันเรื่องของฉัน
- She doesn’t have to go because the store is closing. หล่อนไม่ต้องไปก็ได้ เพราะร้านค้าปิด
- They don’t have to listen to the negative comments. พวกเขาไม่ความจำเป็นต้องฟังความคิดเห็นด้านลบ
- You don’t have to wash the dishes, so I will do. เธอไม่ต้องล้างจานหรอก เพราะฉันจะทำเอง
สรุปได้ว่า
- Must not = ห้ามทำ เป็นข้อห้าม
- Don’t have to = ไม่จำเป็นต้องทำ ทำหรือไม่ทำก็ได้
- ยกตัวอย่างเช่น You don’t have to do the housework but you mustn’t litter in the house. คุณไม่ต้องทำงานบ้านก็ได้แต่ห้ามทิ้งขยะในบ้าน
ทดสอบความเข้าใจ
- You _____ use the phone while driving. จงเติบคำที่ถูกต้องลงในช่องว่าง?
A.don’t have to B. must not
2. We have a lot of food for the party, so you_____ bring anything.จงเติบคำที่ถูกต้องลงในช่องว่าง?
A.don’t have to B. must not
3. You _______ come to the office but you _____ forget to send the agenda. จงเติบคำที่ถูกต้องลงในช่องว่าง?
A. don’t have to ,must not B. must not ,don’t have to
เฉลย 1. B 2. A 3. A
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ปี 64 ยุครุ่งเรืองนวัตกรรมนักพัฒนาซอฟต์แวร์
เอาท์ซิสเต็มส์ เผยปี 64 ยุครุ่งเรืองของนวัตกรรมและวิวัฒนาการของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยจะมีความร่วมมือด้านเทคนิคระหว่างฝ่ายธุรกิจและฝ่ายไอทีที่มากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มนักพัฒนาที่มีความหลากหลายและเปิดรับนวัตกรรม และมากขึ้น และจะขับเคลื่อนคลื่นลูกใหม่ของนวัตกรรมทางธุรกิจ
นายเอกรัฐ งานดี ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเวียดนาม เอาท์ซิสเต็มส์ เปิดเผยว่าองค์กรธุรกิจหลายล้านแห่งทั่วโลก การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการเติบโต ความยืดหยุ่น และความสามารถในการปรับขยายขนาดขององค์กร วิกฤตการณ์ดังกล่าวส่งผลให้หลาย ๆบริษัทต้องคิดทบทวนเพื่อมองหาหนทางที่จะดำเนินธุรกิจและอยู่รอดให้ได้ในโลกวิถีใหม่ ในขณะที่องค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปก็จะต้องเลิกกิจการไปในท้ายที่สุด
แต่เมื่อเรามองย้อนกลับไปตลอดช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งเต็มไปด้วยปัญหาและความยากลำบาก เรากลับพบว่ามีความสำเร็จมากมายเกิดขึ้นในขณะที่เราต้องรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งนักพัฒนาได้กลายเป็นฮีโร่ในการสร้างสรรค์โซลูชั่นนวัตกรรมต่าง ๆ และนำแนวการพัฒนาโลกดิจิทัลไปพร้อม ๆ กับผู้บริหารองค์กรธุรกิจ
สถานการณ์การแพร่ระบาดย่อมจะสิ้นสุดลงไม่ช้าก็เร็ว และเมื่อการแข่งขันช่วงชิงตำแหน่งผู้นำตลาดเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 2564 บริษัทต่าง ๆ ก็จะเตรียมพร้อมก้าวเข้าสู่สนามแข่งขันในโลกดิจิทัลอย่างเต็มตัว
ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีประสบการณ์ตระหนักดีว่า ในการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในช่วงที่สถานการณ์ของเกมเปลี่ยนไป จำเป็นที่จะต้องเขียนกฎกติกาขึ้นใหม่ “วิถีปฏิบัติแบบเดิม ๆ ” ได้กลายเป็นอดีตไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครื่องมือที่เราใช้หรือวิธีคิด ตอนนี้เราต้องเลิกคิดที่จะหวนกลับไปสู่รูปแบบเดิม ๆ ที่เคยมีมา และเริ่มต้นเผชิญหน้ากับอนาคต โดยเริ่มจากการวิเคราะห์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 เพื่อให้องค์กร เตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้า
ข้อมูลคาดการณ์อุตสาหกรรมในปี 2564
1. จะมีแพลตฟอร์มประเภทใหม่เกิดขึ้น เพราะบริษัทต่าง ๆ เผชิญขีดจำกัดของแพลตฟอร์ม No-code และ Low-code ที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ขณะที่บริษัทต่าง ๆ ใช้งานเครื่องมือแบบ No-code และ Low-code เพื่อตอบสนองความต้องการ โดยในการพัฒนาแอพท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนในช่วงปี 2563 แต่อีกไม่นาน บริษัทเหล่านี้ก็จะตระหนักถึงข้อจำกัดของแพลตฟอร์มดังกล่าว และจะเริ่มมองหาแพลตฟอร์มที่ก้าวล้ำมากกว่า เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่ทีมงานฝ่ายพัฒนาสำหรับการทำงานในรูปแบบใหม่ ๆแพลตฟอร์ม No-code และ Low-code รองรับการสร้างแอพพลิเคชั่นทั่วไปที่มีความสามารถในการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เมื่อองค์กรต้องการสร้างแอพที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจหรือแอปใหม่ที่อยู่นอกขอบเขตของเครื่องมือดังกล่าว ท้ายที่สุดแล้วแพลตฟอร์มนี้ก็จะไปถึงทางตันและกลายเป็นเครื่องมือที่ล้าสมัย หลาย ๆ บริษัทจะเริ่มทิ้งแพลตฟอร์มระดับเบื้องต้นดังกล่าวซึ่งถูกใช้ในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า แล้วหันไปใช้ Modern Application Platforms ที่มีความสามารถสูงกว่ามาก เพราะสามารถรองรับการสร้างแอปพลิเคชั่นทุกประเภท โดยนอกจากจะสร้างได้เร็วแล้ว ยังสามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น ปลอดภัย และช่วยสร้างความแตกต่างและข้อได้เปรียบที่จำเป็นสำหรับการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในอนาคต
2. แนวคิดของนักพัฒนาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยจะมุ่งเน้นสิ่งที่จะสร้าง มากกว่าวิธีการสร้าง โดยทั่วไปแล้ว นักพัฒนามักจะทุ่มเทความสนใจให้กับวิธีการสร้างซอฟต์แวร์ และความถนัดกับภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมและ ‘สแต็ก’ (Stack) แต่ความคุ้นเคยที่ว่านี้จะค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไป เพราะปัญหาที่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ในการแก้ไขจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งจะมีโครงการพัฒนามากมายที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างฝ่ายธุรกิจและฝ่ายไอที ดังนั้นนักพัฒนาจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อมุ่งเน้นการส่งมอบโซลูชั่นที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงาน (mission-critical solutions)โดยไม่คำนึงถึงวิธีที่ใช้ในการสร้างโซลูชั่นนั้น ๆ นักพัฒนาจะเปิดกว้างมากขึ้นและยอมรับแนวทางใหม่ ๆ เช่น การปรับใช้ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัว ลดข้อผิดพลาด และลดการพึ่งพาฝ่ายเทคนิค นักพัฒนาจะละทิ้งแนวคิดแบบเก่า และยอมรับทางเลือกใหม่ ๆ เพราะตระหนักว่าผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุด
3. AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับนักพัฒนาทุกกลุ่ม บทบาทของ AI ต่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นในอนาคตเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างมาก โดยมีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับศักยภาพของ AI แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือ AI สามารถสร้างสรรค์โอกาสและความเป็นไปได้มากมายเกินกว่าขีดจำกัด และในปีนี้ การพัฒนาแอพโดยอาศัย AI จะยกระดับมาตรฐานของการพัฒนา ด้วยรูปแบบการใช้งานที่แปลกใหม่และมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น AI สามารถใช้งานได้ทั้งสำหรับนักพัฒนามืออาชีพและมือสมัครเล่น ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการสร้างแอปพลิเคชั่น และจะช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนานวัตกรรม มากกว่าที่จะเป็นอุปสรรค ปัจจุบันโลกของเราซึ่งอยู่ในช่วงจุดสูงสุดของการพัฒนาระบบอัตโนมัติและซอฟต์แวร์ที่เสริมสร้างกระบวนการทำงาน กำลังก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และในไม่ช้า AI จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักพัฒนาขยายขอบเขตการทำงานและการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเหนือชั้น
องค์กรธุรกิจหลายแห่งได้เริ่มปรับสู่ความเป็นดิจิทัลก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา เราได้ประจักษ์ว่าการแพร่ระบาดสร้างแรงกระเพื่อม ที่เร่งการขับเคลื่อนสู่ดิจิทัลในทุกอุตสาหกรรม กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในการสร้างนวัตกรรมและคว้าตำแหน่งผู้นำท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น คู่แข่งที่สามารถฟันฝ่ามรสุมและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจจะกลายเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัว ดังนั้นเพื่อให้มีชัยเหนือคู่แข่ง เราจำเป็นที่จะต้องมีความกล้าที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ฉีกกฎเดิม ๆ และปรับตัวเพื่อรับมือกับปัญหาท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปีใหม่นี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แคนา สรรพคุณและประโยชน์ของต้นแคนา 23 ข้อ ! (แคขาว)
แคนา
แคนา ชื่อวิทยาศาสตร์ Dolichandrone serrulata (Wall. ex DC.) Seem. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Bignonia serratula Wall. ex DC., Bignonia serrulata Wall. ex DC., Spathodea serrulata (Wall. ex DC.) DC., Stereospermum serrulatum DC.)[1] จัดอยู่ในวงศ์แคหางค่าง (BIGNONIACEAE)[1]
สมุนไพรแคนา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แคขาว แคเก็ตวา แคเก็ตถวา แคเค็ตถวา (เชียงใหม่), แคภูฮ่อ (ลำปาง), แคป่า (เลย, ลำปาง), แคทราย (นครราชสีมา), แคยาว แคอาว (ปราจีนบุรี), แคยอดดำ (สุราษฎร์ธานี), แคตุ้ย แคแน แคฝา แคฝอย แคหยุยฮ่อ แคแหนแห้ (ภาคเหนือ), แคนา (ภาคกลาง) เป็นต้น[1],[2],[3],[5]
ลักษณะของแคนา
- ต้นแคนา หรือ ต้นแคป่า จัดเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีความสูงของลำต้นได้ถึง 10-20 เมตร ลำต้นเปลาตรง มักแตกกิ่งต่ำ เปลือกของลำต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อนอมสีเทาและอาจมีจุดดำประ ผิวต้นเรียบหรือล่อนเป็นเกล็ดขนาดเล็ก ๆ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและการปักชำราก โดยสามารถพบต้นแคนาได้ตามป่า ตามทุ่ง ตามไร่นา และตามป่าเบญจพรรณทั่วไป[1],[3],[4] มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ในประเทศลาว พม่า เวียดนาม และในประเทศไทยสามารถพบได้ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และทางภาคกลาง โดยอาจจะได้ประปรายในป่าเบญจพรรณ และพบได้บ่อยตามนาข้าวทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ระดับความสูงไม่เกิน 300 เมตร[2],[5]
- ใบแคนา มีใบเป็นใบประกอบแบบขนชั้นเดียวปลายคี่ ออกตรงข้ามกันประมาณ 3-5 คู่ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบเบี้ยว ส่วนขอบใบหยักเป็นแบบซี่ฟันตื้น ๆ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-7 เซนติเมตรและยาวประมาณ 6-16 เซนติเมตร ผิวใบด้านล่างมีขนสั้นอยู่ประปรายบนก้านใบ ส่วนก้านใบย่อยมีความยาวประมาณ 7-10 มิลลิเมตร[1]
- ดอกแคนา ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะสั้น ดอกมีขนาดใหญ่ ลักษณะของดอกเป็นรูปแตรสีขาว โดยจะออกดอกตามปลายกิ่ง ดอกยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ส่วนก้านดอกยาวประมาณ 1.8-4 เซนติเมตร ในแต่ละช่อจะมีดอกอยู่ประมาณ 2-10 ดอก กลีบเลี้ยงหนาและเหนียว ปลายเรียวเล็กและโค้งยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร หุ้มดอกตูมมิด เชื่อมติดกันเป็นหลอดโค้งปลายแหลม เมื่อดอกบานจะมีรอยแตกทางด้านล่าง มีลักษณะเป็นกาบหุ้มกลีบดอกติดกันเป็นท่อ ส่วนปลายขยายออกเป็นรูประฆัง และจะแยกออกเป็นแฉก 5 แฉก กลีบดอกเชื่อมติดกัน ยาวประมาณ 16-18 เซนติเมตร ส่วนหลอดกลีบดอกจะยาวประมาณ 13-14 เซนติเมตร ส่วนโคนจะแคบเป็นหลอด สีเขียวอ่อน ส่วนบนจะบานออกคล้ายกรวยเป็นสีขาวแกมสีขมพู แฉกกลีบดอกมีอยู่ 5 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่ ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ที่ขอบกลีบจะย่นเป็นคลื่น ๆ ดอกเป็นสีขาว ดอกตูมเป็นสีเขียวอ่อน ๆ โคนกลีบมีสีน้ำตาลปน ดอกมีเกสรตัวผู้ 4 ก้าน ติดอยู่ด้านในของท่อกลีบดอก ปลายแยก มีขนาดสั้น 2 ก้านและยาว 2 ก้าน และยังมีเกสรตัวผู้ที่เป็นหมันอีก 1 ก้าน มีรูปร่างเป็นเส้นเรียวเล็กคล้ายเส้นด้าย มีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ส่วนอับเรณูยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เป็นสีเทาดำ และจานฐานดอกเป็นรูปเบาะ เป็นพูตื้น ๆ และมีเกสรตัวเมียอยู่ 1 ก้าน โดยดอกแคนาจะค่อย ๆ บานทีละดอก ดอกมีกลิ่นหอม บานในตอนกลางคืน และจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน[1]
- ผลแคนา ผลเป็นฝัก ออกฝักช่อละประมาณ 3-4 ฝัก ลักษณะของฝักแบนเป็นรูปขอบขนาน ฝักโค้งและบิดเป็นเกลียว มีความยาวประมาณ 40-60 เซนติเมตร ส่วนเมล็ดเป็นรูปสี่เหลี่ยม ยาวประมาณ 2.2-2.8 เซนติเมตรรวมปีกบางใส[1],[5]
สรรพคุณของแคนา
- รากมีรสเย็น ช่วยบำรุงโลหิต (ราก)[1]
- เมล็ดใช้เป็นยาแก้อาการปวดประสาท (เมล็ด)[1]
- ช่วยในการนอนหลับ (ดอก)[6]
- ช่วยแก้โรคชัก (เมล็ด)[1]
- ช่วยแก้ไข้ลมหัวได้เช่นเดียวกับดอกแคบ้าน (ดอก)[6]
- ใบนำมาต้มกับน้ำเป็นยาบ้วนปาก (ใบ)[1]
- ดอกมีรสหวานเย็น ใช้เป็นยาขับเสมหะ โลหิต และลม (ดอก)[1]
- ช่วยแก้เสมหะและลม (ราก)[1]
- ใช้ต้มรับประทานแก้อาการท้องร่วง (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2],[3]
- ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยใช้กับสตรีหลังคลอดบุตร (เปลือกต้น)[1]
- ช่วยขับผายลม (ดอก)[1]
- ช่วยในการขับถ่ายให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น (ดอก)[6]
- ช่วยแก้พยาธิ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2],[3]
- ช่วยแก้ริดสีดวงงอก (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2],[3]
- ช่วยแก้อาการตกเลือด (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2],[3]
- ใบใช้ตำพอกรักษาแผล (ใบ)[1]
- ช่วยแก้ฝีราก (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2],[3]
- ใช้เป็นยาแก้บวม (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)[2],[3]
ประโยชน์ของแคนา
- ดอกแคนาสามารถนำมาใช้ประกอบอาหารได้ โดยนำมาทำเป็นแกงส้ม หรือจะนำดอกมาลวก หรือต้มจิ้มกินกับน้ำพริกก็ได้เช่นกัน[1],[3]
- รสขมของดอกแคนาจะช่วยทำให้รับประทานอาหารอร่อยยิ่งขึ้น[6]
- ต้นแคนาเป็นต้นไม้ทรงพุ่ม ใบและฝักแลดูสวยงาม เหมาะสำหรับปลูกเป็นไม้สำหรับให้ร่มเงาและเป็นไม้ประดับเสริมจุดเด่นให้สวนที่ปลูกได้[4]
- ใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น วัว ควาย (ข้อมูลไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าใช้ส่วนไหน แต่เข้าใจว่าเป็นดอก)[4]
- เนื้อไม้ของต้นแคนาสามารถนำมาใช้ทำสิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือนได้ เช่น ทำเป็นเสา ไม้กระดาน ฝาเพด้าน พื้น ฯลฯ[2],[3]
ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,850.00 | 25,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,674.00 | 25,377.84 | 26,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,506.60 | 22,840.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,339.20 | 20,302.27 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 753.00 | 11,415.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 586.00 | 8,883.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,735.00 | 26,302.60 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/02/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 24.65 | 24.65 | 24.95 | 24.65 | 24.25 | 24.65 | 24.65 | 24.65 | 24.65 | 24.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 24.38 | 24.38 | 24.68 | 24.38 | 23.98 | 24.38 | 24.38 | 24.38 | 24.38 | 24.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.14 | 23.14 | 23.44 | 23.14 | 22.74 | – | 23.14 | 23.14 | 23.14 | 23.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.69 | 19.69 | – | – | – | – | – | – | – | 19.69 |
เบนซิน 95 | 32.06 | – | – | – | 32.11 | – | 32.56 | 32.06 | – | 32.06 |
ดีเซล B7 | 25.49 | 25.49 | 25.79 | 25.49 | 25.09 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 |
ดีเซล | 22.49 | 22.49 | 22.79 | 22.49 | 22.09 | 22.49 | 22.49 | 22.49 | 22.49 | 22.49 |
ดีเซล B20 | 22.24 | 22.24 | 22.74 | 22.24 | 21.84 | – | 22.24 | 22.24 | – | 22.24 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.94 | 29.96 | 32.24 | 31.34 | – | – | – | – | – | 29.94 |
แก๊ส NGV | 13.35 | 13.35 | – | – | – | – | – | – | – | 13.35 |