เฟรเซอร์สฯรับโอกาสทุนนอกย้ายฐาน ทุ่ม2.5หมื่นล.ลงทุนโรงงาน-คลังสินค้า
กระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI : Foreign Direct Investment) ในอาเซียนเพิ่มสูงหลังความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ขยายตัว ส่งผลให้ดีมานด์ภาคการผลิตในประเทศเพิ่ม เป็น “โอกาส” ของ “โรงงาน-คลังสินค้า” โดยเฉพาะซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องรถยนต์ไฟฟ้า อีเล็กทรอนิกส์
พีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2566 ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเติบโตและมีดีมานด์ต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ส่งผลให้กลุ่มทุนในประเทศต่างๆ ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศในอาเซียน ถือเป็นโอกาสของไทยในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จากประเทศจีน และตามมาด้วยซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง
ปี 2566 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ มีมูลค่า 1,364 ล้านดอลลาร์ เป็นการลงทุนในอาเซียน 15.3% จากมูลค่าลงทุนทั้งหมด ถือเป็นปัจจัยบวก มีผลต่อการกระตุ้นจีดีพี
“หลังโควิด-19 หลายคนกังวลว่าเศรษฐกิจจะถดถอย เชื่อว่าเราพ้นจุดนั้นมาแล้ว แต่เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าค่ากลางของจีดีพีโลกเป็นเรื่องที่น่ากังวล”
แนวโน้มดังกล่าวบริษัทมุ่งสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งทั้งในไทยและระดับภูมิภาค ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยวางแผนลงทุน 25,000 ล้านบาท ขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็น 5 ล้านตร.ม.ภายใน 5 ปี (2568-2572) เป็นการลงทุนในไทยปีละ 3,000 ล้านบาท ต่างประเทศปีละ 2,000 ล้านบาท
ปัจจุบันอัตราการเช่าโรงงานและคลังสินค้าของเฟรเซอร์สฯ ในอินโดนีเซียสูงถึง 100% เวียดนาม 90% และไทย 86% สะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ของกลุ่มทุนที่เข้ามาลงทุนในอาเซียนเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ละประเทศมีจุดขายแตกต่างกันในการดึงนักลงทุนเข้าประเทศ
สำหรับประเทศไทย มีจุดแข็งการเป็นศูนย์กลางยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า ฮาร์ดดิส อัตโนมัติ ซึ่งมีพื้นที่รองรับการพัฒนาสูงสุด 5 ล้านตร.ม. ส่วนเวียดนาม โดดเด่นในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า สมาร์ตโฟน มีพื้นที่รองรับการพัฒนาสูงสุด 2 แสน ตร.ม. และอินโดนีเซีย โดดเด่นเรื่องเหมืองแร่ เกษตรกรรม และเครื่องนุ่งห่ม มีพื้นที่รองรับการพัฒนาสูงสุด 1 แสน ตร.ม.
ทั้งนี้วางเป้าหมาย 5 ปี หรือ ภายในปี 2572 เพิ่มพื้นที่ให้เช่า 5 ล้านตร.ม. จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.5 ล้านตร.ม. รายได้จากค่าเช่า 7,500 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบัน 6,000 ล้านบาทต่อปี มีอัตราการเช่าเฉลี่ย 85-90% และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินถึง 1 แสนล้านบาท จาก 80,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน
ในครึ่งปีแรกของปีงบการเงิน 2567 (ต.ค 2566-มี.ค.2567) บริษัทส่งมอบพื้นที่ให้ลูกค้าราว 50,000 ตร.ม. เป็นอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit และ Built-to-Function รวมถึงโครงการ AEI ที่เข้าไปยกระดับและพัฒนาอาคารเพิ่มเติมให้ลูกค้า และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเตรียมส่งมอบในครึ่งปีหลัง (เม.ย.-ก.ย.2567) ทั้ง Last Mile Warehouse พื้นที่ 21,000 ตร.ม. ทำเลปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ รองรับ City Logistics และโรงงานพื้นที่ 65,000 ตร.ม. สำหรับลูกค้าธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในบินห์เดือง โลจิสติกส์ พาร์ค ประเทศเวียดนาม ทั้งหมดนี้ทำให้มีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็น 3.6 ล้านตร.ม.
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
4 กลยุทธ์ อสังหาฯลักซ์ชัวรี่ ด้วยแนวคิด “Guiding You to Practical Living”
“กลุ่มบริษัทเอ็นริช” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เผย 4 กลยุทธ์ ปั้นความสำเร็จตลาดอสังหาฯ ลักซ์ชัวรี่ พร้อมเดินหน้าผนึก 3 บิ๊กจากญี่ปุ่น ทุ่มโปรเจ็กต์ใหม่ 4,000 ล้าน แนวคิดพัฒนาโครงการ “Guiding You to Practical Living” นักลงทุนไทย-ต่างชาติ ปักธงร่วมทุนกันอย่างต่อเนื่อง
นายอนวัช ฉัตรศิริกุล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอ็นริช เผยว่า ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมไปจนถึงระดับลักซ์ชัวรี่หลายโครงการ อาทิ The Marq ปิ่นเกล้า, The Marq Exquisite ราชพฤกษ์ – จรัญสนิทวงศ์ และ ARCH Sukhumvit 39 ภายใต้นโยบายดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นและความเชื่อมั่น
ผ่านแนวคิด “Guiding You to Practical Living” หรือการเป็นคู่คิดสำหรับการใช้ชีวิตจริง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อาศัยได้อย่างลงตัวและสร้างสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดให้แก่ทุกคน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพราะนอกจากเอ็นริชจะเน้นเรื่องประสบการณ์การอยู่อาศัยร่วมกันของคนในครอบครัวแล้ว ยังคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันของผู้อยู่อาศัยภายในโครงการและชุมชนโดยรอบด้วย
เปิด 4 กลยุทธ์หัวใจหลักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
นายอนวัช กล่าวว่า ความสำเร็จของบริษัทตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นเพราะดำเนินธุรกิจภายใต้ 4 กลยุทธ์สำคัญ ถือเป็นหัวใจหลัก คือ
1.การศึกษาความต้องการและให้ความสำคัญต่อกลุ่มลูกค้าในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
2.การใส่ใจในการพัฒนาโปรดักส์อย่างละเอียด ทั้งด้านฟังก์ชั่น และการเลือกใช้สเปควัสดุ
3.การทำงานแบบโปร่งใส ตรวจสอบได้อย่างชัดเจน
4. การเตรียมพร้อมรับมือกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีความผันผวนตลอดเวลา
ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ เอ็นริชเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่มีนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาร่วมงานเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาได้จับมือร่วมกับพันธมิตรธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติ พัฒนาโครงการไปแล้วรวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าแม้กลุ่มบริษัทเอ็นริช ไม่ใช่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ยังได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติชั้นนำเข้ามาร่วมทุน
พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองความต้องการอย่างเป็นสากล เพื่อพัฒนาโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง และเหตุผลที่ผู้ร่วมทุนตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับกลุ่มบริษัท เอ็นริช เพราะมองเห็นว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯที่มีเป้าหมาย มุ่งมั่นในการพัฒนาโปรดักส์โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลักสำคัญ
โครงการที่พัฒนาออกมามีความโดดเด่นในเรื่องของฟังก์ชันและการเลือกใช้วัสดุ ทำให้สินค้ามีความแตกต่างจากคู่แข่ง และเป็นที่ต้องการของลูกค้า ซึ่งในการทำงานร่วมกันยังได้มีส่วนในการแชร์ไอเดีย เกี่ยวกับแนวคิดการพัฒนาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะคำนึงถึงเรื่องความละเอียด การแนะนำวัสดุใหม่ต่าง ๆ ที่มาจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาใช้ในโครงการ โดยได้เริ่มร่วมทุนกับพันธมิตรจากญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2562 กับโครงการ The Marq Exquisite ราชพฤกษ์ – จรัญสนิทวงศ์ และ ARCH Sukhumvit 39
ทุ่ม 4,000 ล้านบาท ร่วมทุนบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น
ในปีนี้ได้วางแผนเปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท ในทำเลกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก และโซนราชพฤกษ์ ซึ่งได้ร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศญี่ปุ่น เช่น อนาบูกิ โคซัน กรุ๊ป (Anabuki Kosan Group) โดยคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง นับเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดมุมมองช่วยให้องค์กรสามารถขยายการเติบโตได้รวดเร็ว สร้างศักยภาพที่มั่นคงมากขึ้น
นอกจากการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นแล้ว กลุ่มเอ็นริช ยังเปิดรับทุกโอกาสที่จะได้ร่วมมือกับนักลงทุนซึ่งมีแนวคิดการพัฒนาโครงการในทิศทางเดียวกันด้วย
ออกแบบตอบรับการใช้ชีวิตจริง คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
ด้านนางสาวสุพิชา ณัฐสุวรรณพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ กลุ่มบริษัทเอ็นริช กล่าวว่า การคำนึงถึงทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต ที่เอ็นริชนำมาพัฒนาโครงการ ให้มีจุดเด่น ใส่ใจในด้านการออกแบบซึ่งตอบรับทุกจังหวะการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ให้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด รวมถึงยังผสานกับแนวคิดการจัดบ้านแบบ “คอนมาริ” นักจัดบ้านชื่อดังระดับโลก “มาริเอะ คอนโดะ” ซึ่งเอ็นริชเป็นเจ้าแรกของประเทศที่นำแนวคิดนี้มาใช้ในธุรกิจอสังหาฯ ผ่านตัวแทนที่ปรึกษาระดับมาสเตอร์ และได้ผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกัน เอ็นริชยังให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ในการอยู่อาศัยภายในโครงการอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน อาทิ การศึกษาคัดสรรพันธุ์ไม้ภายในโครงการเพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ และส่งเสริมด้านภูมิทัศน์ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มคุณภาพการอยู่อาศัยที่ดี ทั้งในโครงการและชุมชนโดยรอบ
มุมมองของตลาดอสังหาฯปีนี้ เป็นปีที่มีความท้าทายในหลายๆด้าน ด้วยสถานการณ์ปัจจัยภายนอก ประกอบกับลูกค้าใช้เวลาในการวางแผนเลือกและตัดสินใจซื้อบ้านที่นานขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดอสังหาฯ ซึ่งเอ็นริชมีนโยบายเลือกพัฒนาโครงการโดยเน้นเรื่องคุณภาพและเลือกพัฒนาบนทำเลศักยภาพและโปรดักส์ที่น่าสนใจ โดดเด่นด้วยฟังก์ชันพร้อมเทคโลยี ผ่านแนวคิด Guiding You to Practical Living ที่ยึดถือมาโดยตลอด บ่งบอกถึงความเป็น “เอ็นริช” ได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณข้อมุลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27มิ.ย. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 36.96 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจชะลอการอ่อนค่าแถวโซนแนวต้าน 37บาท/ดอลลาร์ หากเงินเยนไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนทะลุระดับ 161 เยนต่อดอลลาร์จะยิ่งหนุนให้เงินดอลลาร์สามารถแข็งค่าขึ้นได้
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27มิ.ย. 2567 ที่ระดับ 36.96 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.82 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินบาทจนทะลุโซนแนวต้าน 36.85 บาทต่อดอลลาร์ (ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากกว่าที่เราประเมินไว้) จะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านถัดไป แถว 37 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทอาจชะลอแถวโซนแนวต้านดังกล่าวได้ หากเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ไม่ได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนทะลุระดับ 161 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งจะยิ่งหนุนให้เงินดอลลาร์สามารถแข็งค่าขึ้นต่อได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ยังคงต้องจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังแรงขายสินทรัพย์ไทยก็เริ่มชะลอลงได้จริงตามที่เราประเมินไว้ และหากบรรยากาศในตลาดการเงินไม่ได้อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง เรามองว่า แรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติก็มีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องและอาจเริ่มเห็นการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติได้บ้าง
นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด เพราะหากราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับได้ +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ ซึ่งจะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้
โดยอาจต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้ อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ว่าจะออกมาแย่กว่าคาด หรือสะท้อนภาพการชะลอลงต่อเนื่องของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้หรือไม่
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.85-37.10 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 36.81-36.97 บาทต่อดอลลาร์) ตามการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ ที่ยังคงได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก
โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) โดยหลังจากที่เงินเยนญี่ปุ่นได้อ่อนค่าทะลุระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ ก็อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนเกือบแตะระดับ 161 เยนต่อดอลลาร์
นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่โซนแนวรับระยะสั้นแถว 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ดังจะเห็นได้จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นในตลาดก็กระจุกอยู่ในหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Amazon +3.9%, Apple +2.0%
โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ และการดีเบตรอบแรกระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.16%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.56% หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศส สะท้อนจากการปรับตัวลงของดัชนี CAC40 ของฝรั่งเศสราว -0.69% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยเฉพาะ Tech. Services อย่าง SAP +2.4%
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.34% หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มทยอยปรับลดโอกาสที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปีนี้ ก่อนที่จะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในวันศุกร์
นอกจากนี้ ในช่วงนี้ก็มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งระยะสั้นและระยะกลาง ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจมีการขายบอนด์ระยะยาวออกมาบ้าง อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดังกล่าวก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเรา
ซึ่งเราคงคำแนะนำเดิมว่า ในทุกๆ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะข้างหน้ามีเพียงแค่ “คง” หรือ “ลง”
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องจนเข้าใกล้ระดับ 161 เยนต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ เราเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD บ้าง หลังเงินดอลลาร์ได้ปรับตัวขึ้นใกล้จุดสูงสุดในรอบ 1 เดือน ซึ่งแรงขายทำกำไรดังกล่าวก็พอช่วยชะลอโมเมนตัมการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้บ้าง โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 106.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.8-106.1 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง กลับสู่โซนแนวรับแถว 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะดังกล่าวในการทยอยเข้าซื้อทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ (Jobless Claims) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งเรามองว่า หากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่องและอาจไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่เฟดประเมินไว้ ก็อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ เฟดสามารถเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อช่วยประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB และ BOE
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เช็กตัวเองด่วน! หมอฟันเตือน 4 สัญญาณ มะเร็งในช่องปาก คนเป็นเยอะ แต่รู้ตัวน้อย
หมอฟันเตือน! แนะเช็ก 4 สัญญาณ มะเร็งในช่องปาก อ้าปากส่องเบื้องต้นด้วยตัวเอง รู้ตัวก่อนสายเกินรักษา
Dr. Vikas Prinja ทันตแพทย์ชาวอังกฤษ กลายเป็นกระแสไวรัลหลังโพสต์วิดีโอลง TikTok โดยอธิบายถึงสัญญาณ 4 ประการ ของโรคมะเร็งในช่องปากที่ผู้คนควรระวัง
เนื่องจากตามรายงานของสถาบันสุขภาพพบว่า อัตราการเกิดมะเร็งช่องปากเพิ่มสูงขึ้น และอัตราการรอดชีวิตก็ต่ำลง เนื่องจากตรวจพบช้า ดังนั้น ทันตแพทย์ท่านนี้จึงได้เรียกร้องให้ประชาชนตระหนักถึงอาการหลักของโรคมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นถึงสัญญาณ 4 ประการที่ต้องระวัง ซึ่งหากสังเกตได้เร็วอาจช่วยรักษาชีวิตไว้ได้
- แผลด้านในปากไม่หาย หรือหายช้า
- อาการชาและรู้สึกเสียวซ่าที่ริมฝีปาก คาง หรือลิ้น
- มีปื้นสีขาวหรือสีแดงที่ด้านในปาก
- ฟันโยกเยกโดยไม่ทราบสาเหตุ
Dr. Vikas Prinja ยังได้กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า มีสิ่งสำคัญบางประการที่ผู้ป่วยต้องระวังคือ “โดยทั่วไปแล้ว การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ถือเป็นความเสี่ยงสูงสุดในการเป็นมะเร็งช่องปาก”
“ยังมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) อาจเป็นสารตั้งต้นของมะเร็งในช่องปากได้ด้วย”
“ปัจจัยอีกประการหนึ่งคือสุขภาพช่องปากที่ไม่ดี หากมีฟันหักหรือบิ่นก็อาจทำให้เกิดแผลในปากได้ ซึ่งอาจกลายเป็นมะเร็งได้หากไม่สามารถรักษาให้หาย”
“ขณะเดียวกัน การสัมผัสกับแสงแดดที่มากเกินก็ไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งริมฝีปากด้วย ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรระมัดระวังตัวในช่วงฤดูร้อนด้วย”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ได้ครบทุกชาติ! สรุปผลการประกบคู่ “ฟุตบอล ยูโร 2024” รอบ 16 ทีมสุดท้าย
การแข่งขัน ฟุตบอลยูโร 2024 หรือ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ที่จัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ระหว่าง 14 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม 2567
โดยหลังผ่านการแข่งขันครบทั้ง 3 เกม ในรอบแบ่งกลุ่ม จากทั้งหมด 6 กลุ่ม คัดเอาแชมป์ และรองแชมป์ของแต่ละกลุ่ม บวกกับอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากทั้งหมดอีก 4 ทีม
ทำให้ได้ครบทั้ง 16 ชาติ ที่จะได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อกเอาต์เป็นที่เรียบร้อย
โปรแกรมการแข่งขัน ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 16 ทีม
วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2567
23.00 น. สวิตเซอร์แลนด์ พบ อิตาลี
02.00 น. เยอรมนี พบ เดนมาร์ก
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567
23.00 น. อังกฤษ พบ สโลวาเกีย
02.00 น. สเปน พบ จอร์เจีย
วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2567
23.00 น. ฝรั่งเศส พบ เบลเยียม
02.00 น. โปรตุเกส พบ สโลวีเนีย
วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567
23.00 น. โรมาเนีย พบ เนเธอร์แลนด์
02.00 น. ออสเตรีย พบ ตุรกี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำความรู้จักกับ คำนำหน้าภาษาอังกฤษ ฉบับพร้อมใช้เข้าใจได้ง่าย
เมื่อพูดถึงคำนำหน้าชื่อแล้ว ในภาษาไทยคงรู้จักกันดี เช่น นาย นาง นางสาว หรือคำนำหน้ายศและตำแหน่งต่าง ๆ ส่วนภาษาอังกฤษก็จะมีคำนำหน้าเช่นเดียวกัน ซึ่ง คำนำหน้าภาษาอังกฤษ เหล่านี้ เราจะได้เห็นและอ่านพบได้อยู่ทุกวัน ทั้งในข่าว หนังสือ วรรณกรรม การสนทนา เพราะเป็นคำที่ใช้กับบุคคลโดยตรง หากเราเข้าใจคำนำหน้าของบุคคลต่าง ๆ แล้ว ก็จะเข้าใจเนื้อหาภาษาอังกฤษที่เราฟังและอ่านได้มากขึ้น อีกทั้งยังนำไปเขียนและพูดได้อย่างถูกต้องด้วย
มาดูกันว่า คำนำหน้า ภาษาอังกฤษ ที่พบบ่อยนั้น แต่ละคำมีหลักการใช้อย่างไร ในบทความนี้เราจะมารวบรวมและสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ทั้งประเภทของคำนำหน้าภาษาอังกฤษ คำแปล วิธีการใช้ ยกตัวอย่างประโยค พร้อมนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ประเภทของ คำนำหน้าภาษาอังกฤษ
คำนำหน้าภาษาอังกฤษมีหลายประเภท เรามาดูแบบที่พบเห็นและใช้กันอยู่บ่อย ๆ พร้อมคำแปล ได้แก่ Miss แปลว่า เด็กหญิงหรือนางสาว, Mrs. แปลว่า นาง ใช้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ที่ใช้นามสกุลสามี, Mr. แปลว่านาย, Master แปลว่า เด็กชาย, Buddhist monk แปลว่า พระสงฆ์, Rev. คือ บาทหลวง, Mom Luang (M.L.) คือ หม่อมหลวง, Mom Rajawong (M.R.) คือ หม่อมราชวงศ์, Mom Chao (M.C.) คือ หม่อมเจ้า, Emeritus Professor แปลว่า ศาสตราจารย์เกียรติคุณ, Professor (Prof.) แปลว่า ศาสตราจารย์ มักใช้ในมหาวิทยาลัย, Assistant Professor (Asst. Prof.) แปลว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์, Associate Professor (Assoc. Prof.) แปลว่า รองศาสตราจารย์ Dr. อ่านว่า ดอคเท่อะ ซึ่งใช้กับผู้จบปริญญาเอกหรือแพทย์ คำนำหน้าต่าง ๆ เหล่านี้มักจะตามด้วยนามสกุล (last name)
นอกจากตำแหน่งทางการศึกษาแล้ว ยังมีตำแหน่งทางการบริหาร หรือทางธุรกิจ เช่น ผู้บริหารสูงสุด หรือประธาน ใช้ Chairman, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ใช้ Chief Executive Officer หรือตัวย่อ CEO, กรรมการผู้จัดการ ใช้ Managing Director, รองประธาน / รองอธิการบดี ใช้ว่า Vice-President, นักการเงินอาวุโส ใช้ Chief Financial Officer, ส่วนผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน จะใช้ Financial Director (หากเป็นฝ่ายอื่น ๆ ก็สามารถเปลี่ยนคำด้านหน้าแทน Financial)
สำหรับคำนำหน้าชื่อบุคคลที่อยู่ในวงการราชการและการเมือง เช่น สมาชิกรัฐสภา จะใช้ว่า Members of the Parliament ส่วนเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ หรือนายอำเภอ ผู้นำต่าง ๆ ใช้ว่า Prefect สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้แทนต่าง ๆ จะใช้ Representative รัฐมนตรีหรืออัครราชทูต ใช้ Minister ส่วน Prime Minister คือนายกรัฐมนตรี และ Minister คือรัฐมนตรี
ส่วนบรรดาศักดิ์ของชนชั้นสูงและขุนนาง ก็มีคำภาษาอังกฤษให้เรียกเช่นกัน เช่น เจ้าชายหรือเจ้าหญิง จะใช้ว่า Prince/Princess ขุนนางชั้นสูง ใช้ Duke/Duchess/Count/Countess ส่วนขุนนางอังกฤษใช้ Earl ส่วนขุนนางหรือสมาชิกของสภาขุนนาง คุณหญิง จะใช้ Lord และ Lady เป็นคำนำหน้าของเหล่าขุนนาง
นอกจากนี้ ยังมีคำเรียกต่าง ๆ ได้แก่ Sir อ่านว่า เซ่อร์ เป็นคำที่ใช้กับผู้ใหญ่เพศชายได้ทุกช่วงอายุ ส่วน Ma’am อ่านแมมหรือมาม สามารถใช้กับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิง ที่นิยมใช้ในแถบอเมริกาเหนือ หรือ Madam อ่านว่า แมดเดิม ก็ใช้กับผู้ใหญ่เพศหญิงเช่นกัน
หลักการและวิธีการใช้ คำนำหน้าภาษาอังกฤษ ที่ควรรู้
สำหรับบางคำ จะมีที่มาและหลักการ รวมทั้งวิธีการใช้ เช่น แต่ก่อนจะใช้คำว่า Master ที่แปลว่าเด็กชาย แต่ปัจจุบันจะใช้ mister หรือ Mr. แทน ซึ่งจะใช้ทั้งผู้ใหญ่เพศชายและเด็กผู้ชาย รวมทั้ง ใช้ได้กับทั้งผู้ชายที่แต่งงานแล้ว และยังไม่ได้แต่งงาน การใช้ จะแบ่งเป็นแบบอเมริกัน English ที่ต้องใส่จุด เช่น Mr., Mrs. ส่วนแบบอังกฤษ จะไม่ค่อยใส่จุด เช่น Mr, Mrs ซึ่งพิจารณาเลือกใช้จากประเทศที่เราจะติดต่อหรือธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา ส่วน Ms. ออกเสียงท้ายคำเป็นตัว z (miz) สามารถใช้ได้กับทั้งผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่ง หรือไม่แน่ใจว่าแต่งงานแล้วหรือไม่ หรือใช้ในทางธุรกิจ ซึ่งค่อนข้างสุภาพและเป็นทางการ ส่วน Miss ใช้กับผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน หรือแปลว่านางสาว เช่น Miss Rosy Koper สำหรับ Mrs. จะใช้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ซึ่งคำนำหน้าทั้งหลายนี้ หากเป็นทางการ จะตามด้วยนามสกุลก่อนชื่อ
ชื่อ จะประกอบไปด้วยชื่อจริง (First name, Given name, Real name) ซึ่งมักใช้กับผู้ที่สนิทคุ้นเคยกัน และไม่เป็นทางการ ชื่อกลาง (Middle name) มักจะไม่ค่อยใช้ มักจะใช้ชื่อจริงและนามสกุลมากกว่า บางครั้งจะใช้เป็นอักษรย่อ โดยใช้อักษรตัวแรกของชื่อกลาง สำหรับบางคน อาจมีชื่อกลางมากกว่า 1 ชื่อ สำหรับนามสกุล (Last name, Family name, surname) สื่อให้เห็นถึงการเป็นครอบครัวเดียวกัน เช่น การใช้นามสกุลของพ่อแม่ หรือการใช้นามสกุลของสามี หลังแต่งงาน เป็นต้น มักจะใช้ในกรณีที่ต้องการความเป็นทางการ เพิ่มความสุภาพ เรียกผู้อาวุโสกว่า ใช้ในพิธีการ หรือใช้ในธุรกิจ ซึ่งจะใช้ตามหลังคำนำหน้าชื่อ ส่วนชื่อเล่น หรือ nickname ไม่เป็นที่นิยมในต่างประเทศเหมือนของไทย ซึ่งจะเรียกชื่อเล่นกับคนสนิท ญาติพี่น้อง แต่ในภาษาอังกฤษ อาจเป็นชื่อเล่นที่ย่อมาจากชื่อจริง เช่น Camaroon เรียกว่า Cam เพื่อให้เรียกง่าย ๆ หรืออาจจะตั้งเป็นฉายา ส่วนลำดับการเขียนจะเริ่มจาก ชื่อจริง ตามด้วยชื่อกลาง และตามด้วยนามสกุล เช่น Katie Luise Bird กรณีไม่มีชื่อกลาง ก็จะเป็น Katie Bird นอกจากนี้ ยังพบกรณีที่ต้องเขียนชื่อในงานวิจัย ที่ต้องเขียนนามสกุลก่อน แล้วก็มีเครื่องหมายคอมม่าคั่น และตามด้วยชื่อจริง
ตัวอย่างประโยคที่มีการใช้คำนำหน้าภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างประโยคในการเรียกชื่อภาษาอังกฤษ เช่น กรณีคุยกับคนรู้จัก หรือสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการมากนัก ให้ใช้ว่า Hello, Camaroon, How have you been? แปลว่า สวัสดี Camaroon คุณเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นการใช้ชื่อจริง
หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ แต่มีความสนิทสนมกันมาก อาจเรียกชื่อเล่น หรือชื่อย่อได้ เช่น Hi, Cam, Where are you heading? หมายถึง สวัสดี Cam คุณกำลังจะไปที่ไหน
กรณีมีการกล่าวถึงบุคคลที่สามที่อีกฝ่ายอาจจะไม่รู้จัก สามารถพูดได้ทั้งชื่อและนามสกุล เช่น Do you know where Katie Bird lives? หมายถึง คุณรู้ไหมว่า Katie Bird อาศัยอยู่ที่ไหน
ส่วนสถานการณ์ที่เป็นทางการ ก็ให้เรียกทั้งคำนำหน้าชื่อ ชื่อ และนามสกุลให้ครบถ้วน เช่น I would like to invite Ms. Katie Bird to deliver a speech. ซึ่งหมายถึง ขอเรียนเชิญคุณ Katie Bird กล่าวสุนทรพจน์
หรือในกรณีใช้ในทางธุรกิจก็ควรมีคำนำหน้าด้วยเช่นกัน แต่ตามด้วยนามสกุล เช่น Nice to meet you, Ms. Bird หรือ May I help you, Mr. Mui ซึ่งแปลว่า ยินดีที่ได้พบคุณ คุณ Bird หรือ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม คุณ Mui บางกรณีอาจเรียกว่า Miss เฉย ๆ เมื่อพูดกับผู้หญิงอายุน้อยกว่าและยังไม่รู้จักชื่อ เช่น May I invite you to our group, Miss? ซึ่งแปลว่า ขออนุญาตเชิญคุณเข้ากลุ่มนะคะ แต่กรณีพูดกับผู้หญิงอายุมากกว่า หรือคาดว่าน่าจะมากกว่า ให้ใช้คำว่า ma’am แทนคำว่า miss เช่น Could you please open the door for me, ma’am? หมายถึง กรุณาช่วยเปิดประตูให้ฉันทีค่ะคุณผู้หญิง หรือกรณีผู้ชาย ใช้ว่า Excuse me, sir. Do you forget your luggage? ขอโทษค่ะท่าน คุณลืมกระเป๋าหรือเปล่าคะ
สำหรับตัวอย่างการเรียกตามความสนิท เช่น อาจารย์ชื่อ Miss Katie Bird หากไม่ได้สนิทกับอาจารย์ท่านนี้มากนัก ให้เรียกว่า Miss Bird แต่เมื่อเกิดความสนิทมากขึ้นแล้ว อาจเรียกว่า Miss Katie ทั้งนี้ ควรได้รับการอนุญาตจากเจ้าของชื่อก่อน หรือหากผู้นั้นอนุญาตให้เรียกชื่อจริง ชื่อสั้น ๆ หรือชื่อเล่นตั้งแต่แรก ก็สามารถเรียกตามนั้นได้ เช่น Please call me Rose แปลว่า เรียกฉันว่าโรสก็ได้นะคะ เป็นต้น
ส่วนตัวอย่างกรณีผู้มีตำแหน่งหรือยศ เช่น Professor Richard, I would like to call you to consult about something. หมายถึง ศาสตราจารย์ Richard คะ ฉันมีเรื่องต้องการปรึกษาค่ะ
ส่วนกรณีการเรียกคนแปลกหน้า ภาษาอังกฤษจะไม่มีคำเฉพาะ แต่ให้ใช้คำนำหน้า และใช้คำทักทายแทน เช่น Excuse me, Ms, you have dropped your glasses. แปลว่า ขอโทษนะคะคุณ คุณทำแว่นตกค่ะ หรือ Sorry, Ma’am, are you in England? ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง คุณอยู่ที่ประเทศอังกฤษหรือเปล่าคะ
นอกจากนี้ ยังมีคำนำหน้าชื่อตามตำแหน่งงานในบางอาชีพ ที่สามารถเรียกเป็นคำเรียกชื่อหรือคำนำหน้า เช่น แพทย์ หรือ doctor, พยาบาล หรือ nurse, รัฐมนตรี หรือ minister, พนักงานเสิร์ฟหรือ waiter, พนักงานขับรถ หรือ driver, เจ้าหน้าที่หรือ officer ตัวอย่างประโยค เช่น Is it serious, doctor? คุณหมอคิดว่ามันร้ายแรงไหมคะ Waiter, may I have some more crackers? ขอแครกเกอร์เพิ่มได้ไหมคะ Excuse me, driver, where is the last stop? แปลว่า ขอโทษทีค่ะ ป้ายรถป้ายสุดท้ายคือป้ายไหนคะ เป็นต้น
บทความนี้ ก็ได้พาทุกท่านมาเรียนรู้ประเภทของคำนำหน้าภาษาอังกฤษประเภทต่าง ๆ ที่หลากหลาย พร้อมคำแปล วิธีการใช้ ตัวอย่างประโยค ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับชาวต่างชาติ การประชุมนานาชาติ การพูดคุยกับชาวต่างชาติ ในสถานการณ์และบริบทต่าง ๆ ที่ต้องใช้คำนำหน้าชื่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
Google ใช้ AI ดักคอนเทนต์คุณภาพต่ำ
Google ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการจัดการการค้นหา และปิดบังการมองเห็นของเนื้อหาที่มี “คุณภาพต่ำ” หรือเนื้อหาที่สร้างโดย AI ด้วยกัน ออกจากการการแสดงผล
โดยการอัปเดตนี้ช่วยให้ผู้ค้นหาได้เจอเนื้อหาที่จริงใจ และตรงที่ต้องการมากที่สุด โดย Google จัดการกับคอนเทนต์สแปมไปได้มากถึง 45%
แต่ในทางกลับกันอัลกอลิทึมนี้ดันไปกีดกั้นการมองเห็นของเว็ปไซต์สำนักข่าวต่าง ๆ ที่พาดหัวโดยการ Clickbait ออกไป ทำให้เว็บไซต์มี Traffic ลดลง จากการรายงานของสำนักข่าวต่าง ๆ พบว่ามียอดการมองเห็นลดลงถึง 40%
อย่างไรก็ตามเป้าหมายของ Google ก็ยังเป็นการสร้างเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ให้ฉลาดมากขึ้น ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ Generative AI ที่สามารถค้นหาข้อมูลได้ด้วยข้อความ เสียง ภาพ และวิดีโอ แต่การเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้งจะกระทบกับธุรกิจใดบ้าง และ Google จะแก้เกมอย่างไร ติดตามข่าวก่อนใครที่ SKY ICT
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประโยชน์และโทษของ ถั่วปากอ้า ที่คาดไม่ถึง
ถั่วปากอ้า (หรือ ถั่วบอน) เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีเมล็ดใหญ่ นิยมนำมาทานทั้งแบบสด ต้ม หรืออบ มีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
สารอาหารจากถั่วปากอ้า:
- โปรตีน: ถั่วปากอ้าอุดมไปด้วยโปรตีน เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีสำหรับผู้ทานมังสวิรัติและวีแกน
- ใยอาหาร: ถั่วปากอ้ามีใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดี ป้องกันท้องผูก
- ธาตุเหล็ก: ถั่วปากอ้ามีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
- วิตามินบี: ถั่วปากอ้ามีวิตามินบีรวมหลายชนิด ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
- แร่ธาตุต่างๆ: ถั่วปากอ้ามีแร่ธาตุอื่นๆ เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส
สรรพคุณ:
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ถั่วปากอ้ามีใยอาหารสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ลดความดันโลหิต: ถั่วปากอ้ามีโพแทสเซียมสูง ช่วยลดความดันโลหิต
- บำรุงหัวใจ: ถั่วปากอ้ามีใยอาหารและแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยบำรุงหัวใจ
- ลดคอเลสเตอรอล: ถั่วปากอ้ามีใยอาหารที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล
- ป้องกันมะเร็ง: ถั่วปากอ้ามีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันมะเร็ง
- บำรุงกระดูก: ถั่วปากอ้ามีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูก
ข้อควรระวัง อย่างไรก็ตาม ถั่วปากอ้ามีสารที่อาจกระตุ้นอาการเม็ดเลือดแดงแตกในผู้ป่วยที่มีโรคพร่องเอนไซม์ G-6-PD ผู้ป่วยโรคนี้ควรหลีกเลี่ยงการทานถั่วปากอ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/06/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,150.00 | 40,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,601.00 | 39,431.16 | 40,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,340.90 | 35,488.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,080.80 | 31,544.93 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,170.00 | 17,737.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 910.00 | 13,795.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,695.00 | 40,856.20 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/06/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.45 | 38.45 | 38.95 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 | 38.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.08 | 38.08 | 38.38 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 | 38.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.34 | 36.34 | 36.64 | 36.34 | 36.34 | – | 36.34 | 36.34 | 36.34 | 36.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.09 | 36.09 | – | – | – | – | – | – | – | 36.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.04 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 47.04 |
เบนซิน 95 | 46.34 | – | – | – | 49.11 | – | 46.84 | 46.49 | – | 46.34 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |