รถไฟฟ้า สายสีส้ม-แดง บูมย่านศิริราช แห่ชิงที่ดินรถไฟ
ย่านศิริราชบูมสนั่น รฟท.ปั้นฮับสุขภาพ-จุดตัดรถไฟฟ้าสีแดง-ส้ม 3 ยักษ์โรงพยาบาลชั้นนำ แห่ชิงที่ดินทำเลทอง หลังการรถไฟฯ เตรียมรื้อบ้านพักพนักงาน 21 ไร่ ออกพัฒนามิกซ์ยูส มูลค่า 3 พันล้านบาท
ที่ดินย่านโรงพยาบาลศิริราชร้อนระอุอีกครั้งเมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียม รื้อบ้านพักพนักงานรถไฟ 21ไร่ บริเวณสถานีธนบุรี ออกพัฒนารูปแบบมิกซ์ยูสศูนย์สุขภาพมูลค่ากว่า3,000 ล้านบาท ประเมินว่า มีเอกชนให้ความสนใจไม่น้อย
ฮับสุขภาพ-ระบบราง
เนื่องจากเป็นที่ดินผืนสุดท้าย ที่มีศักยภาพสูง เพราะนอกจากใกล้ โรงพยาบาลศิริราชแล้วอนาคตอันใกล้กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงทางรางขนาดใหญ่ ของรถไฟฟ้า 2 สายคือ สายสีแดง (ตลิ่งชัน-ศาลายา) และสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์) ที่สถานีศิริราช โดยออกแบบ เชื่อมอาคาร 15 ชั้นของโรงพยาบาล และเชื่อมการเดินทางสายสีน้ำเงินที่สถานีอิสรภาพ สร้างความเจริญให้กับพื้นที่ ขณะที่ดินราคา 2 แสนบาทต่อตรว.
3 บิ๊กทุนร.พ. เดือด!
ขณะเอกชนมีกลุ่มทุนโรงพยาบาลชั้นนำอย่างน้อย 3 ราย แสดงความสนใจ ประกอบด้วย บริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ (THG) โรงพยาบาล ธนบุรี ของนพ.บุญ วนาสิน ที่ แสดงเจตจำนงค์มาตั้งแต่แรก นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มโรงพยาบาลพระราม 9 ที่มีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ถือหุ้นใหญ่ เช่นเดียวกับ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 บริหารโดย รศ.พิทยา และพ.ญ. เจรียง จันทรกมล
“หมอบุญ” ช่วยศิริราช
ด้านนพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ยอมรับว่า สนใจประมูลที่ดินรฟท.ระยะยาวส่วนหนึ่งนำมาทำประโยชน์ช่วยเหลือทางการแพทย์ โดยเฉพาะศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเช่น การรักษาโรงมะเร็ง โดยใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาช่วยขณะเดียวกันยังมีแผนสร้างที่พักอาศัยเพื่อบริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราชจำนวน5 ไร่ ล่าสุด ทราบว่า รฟท.เตรียมเปิดให้เอกชนรับฟังความเห็นโครงการสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
รฟท.เปิดร่างทีโออาร์
ความคืบหน้าการประมูลโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านสถานีธนบุรีนั้น แหล่งข่าวจากรฟท.ระบุว่า หลังคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟท.)อนุมัติดำเนินโครงการฯ ล่าสุดอยู่ระหว่างจัดทำร่างประกาศเชิญชวน (ทีโออาร์) เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการฯ โดยให้สิทธิเอกชนเช่าระยะเวลา 30 ปี ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี และประมูลได้ภายในปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564 คาดว่ากลางปี 2564ได้ตัวผู้รับจ้าง
“สำหรับกลุ่มเอกชนที่ให้ความสนใจจะประมูลโครงการฯ คือ ธนบุรี เฮลท์แคร์ หรือ THG ส่วนกลุ่มธุรกิจของโรงพยาบาลศิริราชยังไม่แน่ชัดว่าจะเข้าร่วมประมูลหรือไม่ ขณะกลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มเดอะมอลล์ ยังไม่ชัดเจนที่จะเข้าร่วม
ส่วนการจัดสัมมนาเพื่อประเมินความสนใจของภาคเอกชน ของโครงการฯ จะมีขึ้นอีกครั้งหรือไม่ คงต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรฟท. ก่อน หากจะจัดสัมมนาเพื่อประเมินความสนใจของภาคเอกชน คงต้องดำเนินการก่อนที่จะประกาศร่างทีโออาร์เพื่อนำรายละเอียดมาใส่ไว้ในทีโออาร์ด้วย ขณะนี้ยังไม่ได้มีการสั่งการก็จะดำเนินการจัดทำเอกสารร่างประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนไปก่อน เนื่องจากมีการดำเนินการตามผลการศึกษาในการจัดมาร์เก็ตซาวด์ดิ้งในช่วงที่ผ่านมาแล้ว
ลุยรื้อบ้านพักรถไฟ
สำหรับรูปแบบเป็นโครงการมิกซ์ยูส ธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาลและเป็นโรงแรมสำหรับที่พักเพื่อเยี่ยมผู้ป่วย (health & wellness hub) ประกอบด้วย 1.โรงแรมและรีเทล เพื่อรองรับญาติผู้ป่วยโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลธนบุรี ค่าห้องไม่เกิน 1,000 บาท/คืน2.ศูนย์พักฟื้นสุขภาพ รองรับผู้ป่วยพักฟื้นและดูแลสุขภาพโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลธนบุรี ค่าห้อง 40,000-60,000 บาท/เดือน และ3.เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และที่อยู่ผู้สูงวัย ค่าเช่า 30,000-50,000 บาท/เดือน 4.บ้านพักพนักงานรถไฟ 315หน่วย พื้นที่ใช้สอย 35-50 ตารางเมตรทดแทนบ้านพักเดิม
ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาโครงการฯ เปิดรับฟังความคิดเห็น เพื่อดูแนวโน้มสถานการณ์การเปิดประมูลโครงการฯ ว่าบริเวณใดที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อรฟท.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘DHOUSE’ จากดีลเลอร์เบียร์ สู่ธุรกิจอสังหาฯ
บริษัทดีเฮ้าส์พัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE บริษัทพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดมหาสารคาม เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ดีเฮ้าส์โฮมเซ็นเตอร์จำกัด (DHC) กับบริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (DH) โดยกลุ่มครอบครัว เลิศรุ้งพร และครอบครัวแก้ววิศิษฏ์ ภายใต้การบริหารงานของ 3 พี่น้อง นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร นายพงศ์นรินทร์ เลิศรุ้งพร และนายอรรถ เลิศรุ้งพร ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่ DHOUSE ประสบความสำเร็จ เน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเจาะกำลังซื้อมหาสารคามเป็นหลัก จำนวน 4 โครงการ ได้แก่
โครงการเดอะแกรนด์ เรสซิเดนซ์, เดอะแกรนด์ คาแนนนล, แกรนด์ บิช และพฤกภิรมย์ศาลากลางมูลค่ารวม 1,068 ล้านบาท และหลังระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ 130 ล้านบาท วางแผนพัฒนาอีก 2 โครงการได้แก่ U Park บนเนื้อที่ 40 ไร่ จาก 74 ไร่ ที่ดินทำเลทองผืนสุดท้ายติดรั้วมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 249 หน่วย มูลค่า 607 ล้านบาท เริ่มเปิดตัวโครงการไตรมาสแรกปี 2564 และโครงการแกรนด์บิช 2 บนเนื้อที่ 3 ไร่ ไตรมาส 2 ปี 2564 ทำเลในเมืองใกล้สถานศึกษา ศูนย์การค้าและสถานีที่ราชการมูลค่า 127 ล้านบาท รวมมูลค่ารวม 734.67 ล้านบาท
ส่วนอีก 3 โครงการใน 3-5 ปีข้างหน้า มีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์แบรนด์ “M Park” จำนวน 1,500 หน่วย และ “River Condo” มูลค่าโครงการ 321.72 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการมิกซ์ยูส เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย สร้างรายได้ประจำในอนาคตอีกทั้งมีแผนขยายโครงการไปยังจังหวัดขอนแก่น อุบลราชธานี ฯลฯ จากกรณีมีแหล่งงานและเมืองมหาวิทยาลัย เรียกว่าเป็นแบรนด์ใหญ่ ในอีสานที่ขยับตัวแรงอย่างน่าจับตาสะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังมีอีกมากโดยไม่ต้องพึ่งพาภาคท่องเที่ยว
จากดีลเลอร์สู่บิ๊กอสังหาฯ
ทั้งนี้กว่าจะเป็น DHOUSE สองพี่น้องตระกูล เลิศรุ้งพร นายพงศ์นรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายอรรถ กรรมการผู้จัดการ DHOUSE ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนเข้าสู่วงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เคยเป็นดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่ายเบียร์ช้าง (บริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด (มหาชน)) ในจังหวัดขอนแก่น บ้านเกิด และด้วยความชื่นชอบ เรื่องที่ดินประกอบกับคุณพ่อเป็นต้นแบบนักสะสมที่ดินซื้อมาขายไปตลอดจนเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาคารพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2535 จึงจุดประกายทำธุรกิจด้านนี้ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทปี 2553
โดยที่ดินแปลงแรกได้ซื้อต่อจาก บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัดหรือ SAM ในราคาเพียง 6 แสนบาทต่อไร่ ในเวลาเดียวกับ ห้าง โกลบอลทำเลในเมือง โดยมองว่า ต่อไปจะเป็นทำเลศักยภาพดึงดูด การพัฒนาและนำพาคนเข้าพื้นที่ อีกทั้งทำเลใกล้ศูนย์ราชการและมีรถไฟทางคู่ สายใหม่บ้านไผ่-นครพนม พาดผ่าน ถนนวงแหวนเฉือนผ่านแปลงที่ดินเพิ่มมูลค่า ขณะราคาที่ดินปัจจุบันปรับสูง 12 ล้านบาท และความได้เปรียบที่เป็นนักสะสมที่ดินนักเก็งกำไรตัวยง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสามารถหาของถูกมาพัฒนา ซึ่งจุดนี้เป็นข้อได้เปรียบที่ แบรนด์ดังจากส่วนกลางยากที่จะต่อกร
ถึงเวลา บริษัทต้องโต
นายพงศ์พจน์ มองว่า เนื่องจากพัฒนาโครงการในหลายรูปแบบในจังหวัดมหาสารคามมากว่า 10 ปี อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ทำให้ DHOUSE เป็นผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ระดับแนวหน้าของจังหวัดมหาสารคาม ที่ถือเป็นจังหวัดที่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตเป็นอันดับ 5 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองจากนครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี พร้อมทั้งตั้งเป้าขึ้นเป็นเบอร์ 1 บริษัทอสังหาฯ ในภาคอีสาน ด้วยแผนพัฒนา 5 โครงการกระจายทุกเซ็กเมนต์ เล็งขยายฐานตลาดแนวราบหัวเมืองใหญ่หวังสร้างแบรนด์ ตั้งเป้า 3-5 ปี รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เชื่อหากเศรษฐกิจฟื้นอาจเติบโตถึง 50%
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้บริษัทมีอัตราการเติบโตมากขึ้น จะต้องมีการจัดโครงสร้างและระบบให้ดีกว่าเดิม จึงมองเห็นช่องว่างที่จะสามารถทำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ จึงได้เริ่มศึกษาข้อมูลจากที่ปรึกษาทางการเงินคือ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) และมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST แกนนำในการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งได้ทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถระดมทุนได้จำนวน 130 ล้านบาท โดยเม็ดเงินจำนวน 20 ล้านบาท บริษัทฯจะนำไปชำระหนี้สิน ส่วนอีก 60 ล้านบาท จะนำไปพัฒนาโครงการในอนาคตและที่เหลืออีก 35 ล้านบาท เก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
“มหาสารคาม ไม่ใช่จังหวัดที่ใหญ่ แต่สามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจ เพราะสามารถทำให้ภาพพจน์ของบริษัทฯ ดีขึ้น มีความน่าเชื่อถือแต่ตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ธุรกิจอสังหาฯในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เร็วที่สุด”
ศก.ครึ่งปีหลังเริ่มฟื้น
ด้านนายอรรถ มองภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่าครึ่งปีแรก จากผลกระทบที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โครงการมีลูกค้าให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนอกจากนี้ยังมีธุรกิจหอพักให้เช่า บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 1 อาคาร สูง 5 ชั้นจำนวน 80 ห้อง ราคาประมาณ 5,000 บาท/เดือน และยังดำเนินธุรกิจรีเทล ภายใต้แบรนด์ “ฟาร์มมาร์ท” ที่จ.ขอนแก่น และจ.มหาสารคาม รวมไปถึงยังมีธุรกิจปั๊มน้ำมันในมหาสารคามจำนวน 2 แห่ง และในอนาคตมีแผนที่จะขยายธุรกิจดังกล่าวต่อเนื่องอีกด้วยแต่ทั้งนี้ ยังไม่ลืมที่จะเป็นนักสะสมแลนด์แบงก์เพื่อเป็นสินทรัพย์และรองรับการพัฒนาในอนาคต
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,631 วันที่ 29 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เรามีคนแบบนี้จริงๆในระบบการพยายามยื่นขอกู้… ความรู้ที่จะพาคนวิบัติ
จากการที่เครดิตบูโรมีระบบติดตาม เฝ้าดู เฝ้าระวังในโลกสื่อสารออนไลน์ เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ว่าในขณะนี้เรากำลังจะมีประเด็นอะไรบ้างที่สร้างความเสี่ยงในระบบของการให้สินเชื่อ แล้วเราก็พบสิ่งที่น่าสนใจครับ มีคนหัวหมอเขียนบทความว่า การกู้เพื่อหาทางเพิ่มทรัพย์สินด้วยการคิดว่ามันมีช่องโหว่ในระบบ แล้วก็ออกคำแนะนำ ผู้เขียนขอแจ้งไปยังท่านที่คิดจะทำตามว่าเรื่องนี้ได้มีการจัดวางระบบเพื่อการแก้ไขดังนี้นะครับ
ประเด็นที่มีการนำเสนอว่า กู้แบบระเบิดบูโร ทำได้อย่างไร ลองอ่านดูก่อนนะครับ ข้อความดังนี้……
“ระเบิดบูโร” แนวคิดจริงๆ อันนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะสีเทาหน่อยๆ นะครับ เพราะว่าการระเบิดบูโร ถามว่ามันถูกต้องตามกฎ ตามหลักการของทางแบงก์หรือไม่ ผมว่ามันก็ไม่ถูก แต่มันเป็นการใช้ช่องโหว่ในระบบมาทำ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรในมุมการลงทุน (ผู้เขียน: เพื่อให้ได้ทรัพย์สิน เช่น คอนโดมาหลายห้องเอาไปหาประโยชน์ สร้างรายได้) ถ้าเราวางแผนที่จะจ่ายคืนหนี้ทั้งหมดได้นะครับ (ผู้เขียน : คำถามคือจะมีสักกี่คนที่สามารถหมุนหนี้แล้วรอด)
มาเริ่มกันก่อนที่คำว่า “ระเบิดบูโร” จริงๆ เป็นการพูดให้เท่ห์ นิยามของมันก็คือการกู้แบงก์ พร้อมกันหลายๆ ทรัพย์ เช่น ปกติโดยฐานเงินเดือนเราสามารถจะกู้ซื้อคอนโดได้ที่วงเงิน 5 ล้านบาท ถ้าเราคิดว่าเราอยากจะลงทุน หรือเราอยากจะได้คอนโดทั้งหมด 2 หลังๆ ละ 5 ล้านบาท โดยวิธีปกติ ถ้าเรากู้คอนโดสองครั้ง ก็เท่ากับว่าเราต้องมีวงเงิน 10 ล้านเราถึงจะกู้ได้ทั้งสองหลัง แต่ ๆ ๆ ๆ ถ้าเราใช้วิธีการระเบิดบูโร คือ ยื่นกู้พร้อมกัน และโอนพร้อมกัน เราก็จะสามารถเป็นเจ้าของคอนโดทั้ง 2 หลังได้ (ผู้เขียน : คำเตือนคือท่านก็เป็นหนี้สองก้อนบนความสามารถตั้งแต่วันแรกว่ารับผิดชอบได้แค่ก้อนเดียว กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ชีวิตก็เสี่ยง มันเท่ห์ตรงไหน) แล้วทำไมมันถึงสามารถกู้พร้อมกันได้ล่ะ ต้องย้อนกลับไปมองที่ระบบกลางของธนาคารในไทยเรานะครับ ปกติเขาจะมีสำนักงานเครดิตบูโร ที่จะบันทึก (record) ยอดหนี้สินของทุกๆ คนในทุกๆ เรื่องเอาไว้ เวลาที่เราจะทำการกู้ทางธนาคาร ก็จะเอาประวัติเราไปเช็กหนี้สินที่ฐานข้อมูลจากเครดิตบูโรก่อน
แต่จากที่ผมทราบมาฐานข้อมูลตัวนี้จะไม่ได้ปรับปรุงให้ทันสมัย (update) ตามเวลาจริง (real time) มากนัก มันจะมีอัตราการปรับให้ทันสมัย (update) ข้อมูลที่ช้ากว่ากำหนด (delay) ประมาณ 30 วัน (อันนี้จากที่เคยได้ยิน จริงๆ ก็ไม่รู้ว่ากี่วันนะครับ) ดังนั้น ถ้าเราทำการกู้คอนโด 2 หลังพร้อมกัน โอนที่ที่ดินในวันเดียวกัน ข้อมูลในเครดิตบูโรมันก็ยังจะไม่ขึ้นว่าเรามียอดหนี้เกินกว่าฐานเงินเดือนของเรา ก็จะทำให้เรากู้ได้ และโอนคอนโดมาเป็นเจ้าของได้ครับ (ผู้เขียน : ระบบจะทำการ update รายเดือนหลังจากที่บัญชีใหม่เปิดขึ้นมาไม่เกิน 30 วันซึ่งเป็นไปตามรอบ เช่น ข้อมูลที่เกิดภายในเดือนมีนาคมจะถูกนำส่งเข้าระบบไม่เกินวันที่ 20 ของเดือนเมษายน และจะถูกนำขึ้นระบบฐานข้อมูลไม่เกินวันที่ 25 ของเดือนเมษายนครับ)
เรื่องที่ต้องระวังกับการ ระเบิดบูโร ??!!??
อย่างที่บอกไปนะครับว่าระเบิดบูโรไม่เป็นสีเทามันก็อาจจะมีผลเสียเกิดขึ้นกับเราได้ (ผู้เขียน : ท่านที่แนะนำผมต้องขอเรียนว่าท่านกำลังทำบาป บาปเคราะห์จะตกกับคนที่คิดไม่ครบ โลภ และท้ายที่สุดจะเป็นหนี้เสีย) อย่างที่ผมพอจะคิดๆ ออกก็คือ
1. เราต้องมั่นใจจริงๆ นะ ว่าเราสามารถจ่ายคืนหนี้ได้ (ผู้เขียน : ก็ตั้งแต่ต้นมันผ่อนไม่ไหว แล้วจะมั่นใจว่าจ่ายหนี้ได้อย่างไร ก็เพราะรู้ตั้งแต่ต้นว่ากู้ตรงไปตรงมาไม่ได้ เลยจะมาวิ่งทางลัดไม่ใช่หรือ) เพราะ ถ้าหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนมันเกินกำลังเรา สุดท้าย ไปต่อไม่ไหว ก็จะล้มกันหมดนะครับ ทีนี้จะกลายจากระเบิดบูโร เป็นติดเครดิตบูโร (ผู้เขียน : การมีประวัติผิดนัดชำระมันเป็นเรื่องที่ดีกับชีวิตเหรอ มันไม่ได้สนุกเหมือนเล่นเกมนะครับ จะทำไปเพื่อ..) คิดง่ายๆ ว่า กู้ 5 ล้านต้องจ่ายเดือนละ 3 หมื่น ถ้าเรากู้สองห้องพร้อมกันก็ต้องจ่าย 6 หมื่นบาทต่อเดือน เราไหวกันไหมครับ แต่ ๆ ๆ ๆ ในกรณีที่เราเอาห้องมาปล่อยเช่า ผู้เช่าก็จะช่วยเราจ่ายด้วย ดังนั้นก็ต้องคิดเลขดีๆ ไว้ก่อน และคิดเผื่อตอนที่แย่ที่สุดไว้ด้วยนะครับ เช่น ตอนที่ห้องว่างหมดเลย เราจะเอาเงินสำรองที่ไหนมาจ่าย ถ้ามันว่างต่อไป 3 เดือน จะทำอย่างไร คิดไว้ด้วยนะครับ (ผู้เขียน? : ท่านที่แนะนำ ทำไมท่านไม่บอกต่อล่ะครับว่าเวลาจมลงไปในบ่อหนี้ ปีนขึ้นมาไม่ได้ ถูกทนายเร่งรัดหนี้สิน ชีวิตมันตกนรกแค่ไหน ให้คำแนะนำ สร้างฝัน แล้วหนีออกไปแบบเนียนๆ ท่านกำลังทำบาปที่ให้ยาพิษเป็นความรู้กับคนที่โลภและหลงไปกับความไม่มีอยู่จริง)
2. จำนวนแบงก์ที่เรายื่นกู้ก็มีผลนะครับ หมายถึงว่า ตอนที่เรายื่นกู้ทางธนาคารเขาจะมีการเช็กเครดิตบูโรของเรา ซึ่งในรายงาน (report) มันจะไม่ได้แสดงแค่ยอดเครดิตของเราแต่มันจะบอกด้วยว่า ที่ผ่านมามีใครมาเช็กเครดิตเราบ้าง ซึ่งก็แน่นอนถ้าธนาคารเขาเห็นเรายื่นกู้แต่มีการเช็กเครดิตบูโรก่อนหน้า 9 ครั้งใน 1 เดือนมันก็เป็นสัญญาณ (sign) ของการไม่ปกติแน่ๆ เลยที่ใครจะกู้ทีละตั้ง 9 แบงก์พร้อมกัน ดังนั้นก่อนจะทำ ต้องวางแผนดีๆ หน่อยว่า ห้องนี้จะกู้ด้วยแบงก์ไหน อีกห้องจะกู้ด้วยแบงก์ไหน ธนาคารเขาจะได้ไม่ผิดสังเกตุนะครับ แต่ ๆ ๆ ๆ ถ้าเรายื่นเยอะจริงๆ เราก็เอาสีข้างถูไปได้นะ ก็บอกว่า เรายื่นหลายแบงก์ก็เพื่อหาดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด ก็ยังเป็นสิ่งที่เราทำได้ (ผู้เขียน : เวลานี้แบงก์เขาก็เช็กได้ครับ เขาเช็กจากประวัติการสืบค้นข้อมูลครับ ข้อมูลนี้ส่งให้กับแบงก์ทุกครั้งที่ตรวจเครดิตบูโร ส่งทันทีในเวลาที่มีการเรียกดูข้อมูล บางแบงก์ ก่อนจะโอนเงินกู้ให้ จะมีการเช็กอีกรอบครับ ทางธนาคารกลางเขาก็รู้ประเด็นนี้ สมาคมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เขาก็รู้ประเด็นนี้ ใครที่คิดว่าเขาจะดูตื้นๆ แบบนี้ขอให้คิดใหม่ ถูกปฏิเสธสินเชื่อมาเยอะแล้ว ท่านที่แนะนำเคยรู้จักคำว่า เครดิตบูโรช้ำหรือไม่ล่ะ จะมั่วก็ต้องไปให้สุด หยุดที่ถูกปฏิเสธ แล้วคิดไหมว่าการจะกลับมายื่นขอสินเชื่อได้อีกเวลานี้มันต้องรอระยะดูใจอีกนานพอสมควร)
3. ควรให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร รู้หรือไม่ว่า เรากำลังจะระเบิดบูโร … เรื่องนี้ตอบยาก ผมคิดอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ ตามหน้าที่แล้ว เขาไม่สนับสนุนการระเบิดบูโรหรอกครับ น่าจะเป็นเรื่องที่ผิดเต็มๆ ดังนั้นผมว่าไม่จำเป็นต้องให้เขารู้ครับ แต่ ๆ ๆ ๆ สุดท้ายเขาก็จะเห็นจากจำนวนการยื่นขอดูเครดิตบูโรที่ผมบอกไปในข้อที่แล้วเอง … โดยสรุปถ้าไม่สนิทกันจริงๆ ผมว่าไม่ต้องให้รู้ (ผู้เขียน : ไม่ต้องสนิทกันครับ คนทำสินเชื่อเขารู้มุกนี้นานแล้ว)
4. ควรที่จะโอนทุกทรัพย์ในวันเดียวกัน ผมว่าชัวร์สุด … จากที่เคยๆ ทำมา ผมจะให้โอนวันเดียวกันเลยนะครับ อย่างเช่น คอนโดสองที่ ก็โอนมันวันที่ 3 พร้อมกันเลย จะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องการ update ฐานข้อมูลของเครดิตบูโร แต่ ๆ ๆ ๆ ก็อย่างที่บอกว่ามันจะช้ากว่ากำหนด (delay) แต่ผมก็ไม่รู้ว่าระยะมันเป็นอย่างไร มันตัดรอบการ update อย่างไร เอาว่าเสี่ยงน้อยสุดก็ใช้วันเดียวกันให้หมดครับผม (ผู้เขียน : มันทำได้จริงเหรอ ระวังนะครับ จินตนาการกับความจริง)
5. ความเร็ว ความพร้อมของเอกสาร ต้องสมบูรณ์แบบ (perfect)!!! อย่างที่บอกว่าเราพยายามจะทำให้ทุกการโอนจบในวันเดียว ดังนั้นเรื่องเอกสาร การตรวจทาน กับทางธนาคารที่เราเลือก ก็ต้องดูให้ดีให้ครับ จะได้ไม่มีปัญหาต้องเลื่อนเวลาโอน เพราะจะไปกระทบกับการโอนอีกห้องได้ครับ (ผู้เขียน : หึหึ)
แบบอย่าง (โมเดล-Model) การจัดการของผม (การจ่ายคืน) จริงๆ แล้วเหตุผลของการระเบิดบูโรของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน ที่แน่ๆ ถ้าอยากจะได้แค่คอนโดเงินเหลือ แล้วจะกู้ทีละหลายๆ ห้องเพื่อจะเอาเงินส่วนต่างมาใช้ ผมไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่งเลยครับ (ผู้เขียน : สินเชื่อเงินทอนถูกจัดการอย่างเด็ดขาดด้วยมาตรการ LTV (Loan to Value อัตราส่วนการให้สินเชื่อโดยเทียบกับมูลค่าหลักประกัน) ไปเรียบร้อยแล้วครับตั้งแต่ปลายปี 2562) ห้าม ๆ ๆ ๆ ๆ ทำเลยนะ เพราะถ้าเราไม่มีปัญญาจ่ายคืน ก็อย่ากู้มาดีกว่าครับ เสียประวัติซะเปล่าๆ มาว่ากันเรื่องแบบอย่าง model ที่ผมใช้ดีกว่านะครับ
บทสรุป คนโลภจะเป็นเหยื่อของความโลภ คนที่คิดว่าตนเองฉลาดแกมโกง บ่มเพาะนิสัย สร้างสิ่งที่ผิด สร้างบาปในความคะนองทางปัญญาที่คิดว่ามีกว่าคนอื่น มันคือสิ่งที่เรียกว่า ศีลธรรมวิบัติในโลกการเงิน เรามีคนอย่างนี้จริงๆ ในอดีตก็มักหลบในมุมมืด แต่ตอนนี้มีความกล้าถึงขนาดประกาศก้องว่าเป็น model ช่างเป็นสิ่งที่น่าอับอายจริงๆ ต้องย้อนกลับไปตอนรับปริญญาหากท่านที่แนะนำมีการศึกษาในระดับนั้น เวลาเราปฏิญาณตนต่อปริญญานั้นเราได้เปล่งวาจาว่าอย่างไร เวลาเราถ่ายภาพกับคนที่รักและครอบครัวเราภาคภูมิใจกับสิ่งใด แล้ววันนี้เราได้ใช้ความรู้เราให้สังคมดีขึ้นหรือเลวลง สำหรับท่านที่คิดจะทำตาม model ผู้เขียนมีคำเตือน “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้ก่อนการตัดสินใจ”
ขอบคุณครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
โค้ชใหม่หน้าเดิม ขอนแก่น เอฟซีจ่อตั้ง “พิเชษฐ์” คุมทัพอีกครั้ง
“เดอะ ทีเร็กซ์” เตรียมดึง พิเชษฐ์ สุโพธิ์เมือง อดีตกุนซือยุครุ่งเรืองเมื่อซีซั่น 2010 กลับมากุมบังเหียนอีกครั้ง เพื่อลุยศึกไทยลีก 2 ในฤดูกาลนี้
วันที่ 28 พ.ย.63 ความเคลื่อนไหวของทีม “เดอะทีเร็กซ์” ขอนแก่น เอฟซี ทีมในศึกไทยลีก 2 ซึ่งล่าสุด ได้ “โค้ชเชษฐ์” ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายฝึกอบรมและพัฒนาเยาวชน มาคุมทีมฝึกซ้อม ที่สนามวิชชิ่ง ทรี รีสอร์ต จ.ขอนแก่น
สำหรับ “โค้ชเชษฐ์” พิเชษฐ์ สุโพธิ์เมือง มีดีกรี เอ ไลเซนซ์ ของเอเอฟซี ถือเป็นลูกหม้อคนสำคัญของสโมสร ซึ่งเคยเล่นที่สังกัดทีมเดียวตลอดชีวิต กับขอนแก่น เอฟซี และได้เรียนโค้ชในโควตาของสโมสรฯ
นอกจากนี้ โค้ชพิเชษฐ์ ยังเคยคุมทีมขอนแก่น เอฟซี สมัยโลดแล่นในไทยลีก 1 เมื่อฤดูกาล 2010 มาแล้ว และเป็นคณะทำงานเดอะทีเร็กซ์พัฒนาเยาวชน และได้สร้างนักฟุตบอลดาวรุ่งสู่ระดับอาชีพมากมายนับร้อยคน.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มะเร็งปอด อัตรารอดน้อย ไม่สูบบุหรี่ก็เสี่ยง เช็กสัญญาณเตือนโรค
- สัญญาณเตือนโรค “มะเร็งปอด”
- ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้
- มะเร็งปอด จำแนกได้เป็น 2 ประเภท
พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นเดือนที่ประเทศไทยและทั่วโลก ร่วมกันรณรงค์ต่อต้านและสร้างความตระหนักกับ “มะเร็ง” แต่วันนี้เราจะพูดถึง “มะเร็งปอด” ซึ่งทุกชั่วโมงจะมีผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ 2.7 ราย หรือ 23,957 รายต่อปี และคร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ คนไทยส่วนใหญ่ถึง 70% ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดมักพบในระยะที่ 4 หรือระยะลุกลาม ซึ่งมีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี ไม่ถึง 5%
รศ.ดร.นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ ประธานคณะทำงานมะเร็งปอดเพื่อคนไทย เปิดเผยว่า มะเร็งปอด ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย เพราะไม่เพียงแต่เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเท่านั้น แต่อัตราการรอดชีวิตยังต่ำอีกด้วย เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนใหญ่มักได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลาม อีกทั้งมะเร็งปอดยังแสดงอาการบางอย่างที่ใกล้เคียงกับการติดเชื้อไวรัส “โควิด-19” และวัณโรค เช่น ไอเรื้อรัง, หายใจลำบาก ทำให้แพทย์ต้องวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วน และเลือกแนวทางการรักษาที่ตรงจุด เพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตต่อไปได้
สำหรับการเกิดมะเร็งปอดนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ควันบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่ง ไม่ว่าจะมาจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่ด้วยตนเอง หรือได้รับควันบุหรี่มือสองจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณและระยะเวลาที่สูบ ข้อมูลจากการศึกษาพบว่า หากสูบบุหรี่วันละ 35 มวน โอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 50 เท่า
นอกจากปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว มะเร็งปอด อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของลักษณะทางพันธุกรรม หรือยีนในร่างกายที่กลายพันธุ์ กรณีนี้มักพบในผู้ป่วยอายุน้อย ไม่มีประวัติสูบบุหรี่ หรือไม่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ในครอบครัว จะเห็นได้ชัดว่าโรคมะเร็งปอดมีสาเหตุการเกิดที่หลากหลาย และอาจพบได้แม้ในคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง
สำหรับมะเร็งปอด จำแนกได้เป็น 2 ประเภท ตามพยาธิสภาพของมะเร็ง คือ ชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small Cell Lung Cancer – SCLC) และชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer – NSCLC) โดยอุบัติการณ์ของมะเร็งปอด ชนิดเซลล์ขนาดเล็กพบอยู่เพียง 10-15% ของผู้ป่วย ในทางกลับกัน ชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็กกลับพบมากถึง 80-85% ส่วนผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งปอดมาก่อน หรือไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงก็อาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดได้ โดยมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของยีนชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็ก ในบรรดาการกลายพันธุ์ของยีนทั้งหมด พบว่าการกลายพันธุ์ประเภท Epidermal Growth Factor Receptor (EGFR) มีโอกาสพบได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนเอเชียที่ไม่สัมผัสกับควันบุหรี่ พบยีนกลายพันธุ์ EGFR ถึง 50% เมื่อเทียบกับยีนกลายพันธุ์ประเภทอื่น
ดังนั้น เทคโนโลยีการวินิจฉัยทางการแพทย์สมัยใหม่จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แพทย์ทราบลักษณะการกลายพันธุ์ของยีนได้ชัดเจนและครบถ้วน ทั้งยังช่วยให้แพทย์กำหนดแนวทางการรักษาและเลือกยาที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย หรือที่เรียกว่า “การรักษาแบบจำเพาะบุคคล” ซึ่งส่งผลให้การรักษาและการกำจัดเซลล์มะเร็งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับวิธีการรักษานั้น รศ.พญ.ธัญนันท์ เรืองเวทย์วัฒนา เผยว่า ปัจจุบัน บุคลากรทางการแพทย์มีตัวเลือกในการรักษามะเร็งปอดมากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาแบบมุ่งเป้าที่สามารถออกฤทธิ์ไปที่เซลล์มะเร็งโดยเฉพาะ หรือยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันร่างกาย ให้สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งการรักษาด้วยยาเหล่านี้มีผลข้างเคียงน้อยกว่าวิธีการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบดั้งเดิม กล่าวคือ เมื่อให้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดกับผู้ป่วย พบว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น และลดอัตราการเสียชีวิตลงถึง 41% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด นอกจากนี้ การให้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดยังช่วยเลี่ยงการเกิดอาการข้างเคียงต่างๆ เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ล่าสุด ยังมีการรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดผสมผสาน ซึ่งเป็นการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาเคมีบำบัด หรือ ยาต้านการสร้างหลอดเลือด พบว่านอกจากจะช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองและยืดระยะเวลาตอบสนองต่อยาแล้ว การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดผสมผสานยังช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยได้ในระยะยาวอีกด้วย
แนวทางการรักษานี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะลุกลามที่ไม่มียีนกลายพันธุ์ และผู้ป่วยที่ตรวจพบยีนกลายพันธุ์ ซึ่งได้รับยามุ่งเป้าแล้วเกิดอาการดื้อยา อย่างไรก็ดี การพิจารณาแนวทางการรักษาต้องอาศัยดุลพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยจากโรคและปัจจัยจากผู้ป่วย เช่น ระยะของโรค ตำแหน่ง ขนาดของก้อนเนื้อ สภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน รวมไปถึงสิทธิการเข้าถึงการรักษา
น่ารู้ 60 คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน มีคำว่าอะไรบ้าง
ก็ทักทายสวัสดีคุณผู้อ่านและเหล่านักรักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภา ช่ะช่ะช่าหัวใจกันทุกคนค่ะ ก็กลับมาพบกันอีกครั้ง สำหรับบทความน่ารู้เล็กๆน้อยเกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่จะมาบรรยายพร่างพราย ให้ได้อ่านฆ่าเวลากัน หลังจากที่บทความก่อนหน้านี้ ได้แนะนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษดินฟ้าอากาศกันไปแล้ว เพื่อไม่ให้เว็ปไซต์ร้างไป วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ก็ขอมาแนะนำคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายทั้งของผู้หญิงและของผู้ชาย มาให้อ่านกันดังนี้จ้า
1.uniform (ยูนิฟอร์ม) หมายถึง เครื่องแบบ, ชุดเครื่องแบบ
2.dress (เดรส) หมายถึง กระโปรงชุด, ชุดเสื้อกระโปรงติดกัน
3.bra (บรา ) หมายถึง เสื้อชั้นในสตรี, ยกทรง
4.blouse ( เบลา) หมายถึง เสื้อครึ่งตัวของสตรี, เสื้อแขนสั้นผู้หญิง
5.skirt ( สเคิท) หมายถึง กระโปรง
6.miniskirt (มินิสเกิร์ท) หมายถึง กระโปรงสั้นcloak
7.Coat (โคลค) หมายถึง เสื้อคลุม
8.evening gown (อีฟนิงกาวน์) หมายถึง ชุดราตรี
9.gymslip (จิมสลิพ) หมายถึง เสื้อแขนกุดสำหรับสวมทับเสื้อเชิ้ต
10.jumper (จัมเปอร์) หมายถึง เสื้อถักไหมพรม
11.leather jacket (ลีดเทอร์ แจ๊คเกต) หมายถึง เสื้อคลุมหนังฟอก
12.blazer (บลัสเซอร์ หมายถึง เสื้อคลุมแบบลำลอง
13.jacket (แจคเก็ต) หมายถึง เสื้อแจ็คเก็ต
14.jeans (ยีน) หมายถึง กางเกงยีน
15.leggings (เลกกิงส) หมายถึง กางเกงรัดรูป
16.overcoat (โอเวอะโคท) หมายถึง เสื้อคลุมกันหนาว, เสื้อคลุมตัวยาว
17.pajamas (พะจามัส) หมายถึง ชุดนอน, เสื้อกางเกงชุดนอน
18.shirt (เชิ๊ต) หมายถึง เสื้อเชิ้ต
19.underpants (อันเดอะแพนทซ) หมายถึง กางเกงชั้นใน, กางเกงใน
20.t-shirt ( ทีเชิ๊ต) หมายถึง เสื้อยืด
21.vest ( เวท) หมายถึง เสื้อกล้าม
22.waistcoat ( เวสโคท) หมายถึง เสื้อกั๊ก
23.sweater (สเวทเทอะ) หมายถึง เสื้อขนแกะอย่างหนา,เสื้อที่ถักด้วยขนสัตว์
24.raincoat (เรนโคท) หมายถึง เสื้อกันฝน
25.shorts (ชอร์ท) หมายถึง กางเกงขาสั้น
26.slacks (สแลค) หมายถึง กางเกงทรงหลวม
27.suit (ซูท) หมายถึง ชุดสูท, เสื้อผ้าที่เป็นชุดเดียวกัน
28.bikini (บิกินี หมายถึง ชุดว่ายน้ำแบบสองชิ้นสำหรับสตรี
29.swimming costume (สวิมมิ่ง คอสตูม) หมายถึง ชุดว่ายน้ำ
30.swimming trunks (สวิมมิ่ง ทรังค์) หมายถึง กางเกงว่ายน้ำ
31.maternity dress (มะเทอนิทีเดรส) หมายถึง ชุดคลุมท้อง
32.trousers (เทราเซอร์) หมายถึง กางเกงขายาว
33.underwear (อันเดอะแวร์) หมายถึง ชุดชั้นใน
34.turtleneck (เทอร์เทิลเน็ค) หมายถึง เสื้อคอเต่า
35.boxer shorts (บอกเซอร์ช๊อท) หมายถึง กางเกงบอกเซอร์
36.shoe (ชู ) หมายถึง รองเท้า
37.high-heeled shoe (ไฮฮีล-ชู) รองเท้าส้นสูง
38.stiletto (สทิเลทโท) รองเท้าส้นเข็ม
39.sneaker (สนีคเกอร์) รองเท้าผ้าใบ, รองเท้ากีฬา
40.slippers (สลิปเปอร์) หมายถึง รองเท้าแตะ
41.boot ( บูท ) หมายถึง รองเท้าบูท, รองเท้าหุ้มข้อ
42.sock (ซอค) หมายถึง ถุงเท้า
43.stocking (สทอคกิ๊ง) หมายถึง ถุงเท้ายาว
44.pantyhose (แพนตี้โฮส) หมายถึง ถุงน่อง
45.sabot (แซบอท) หมายถึง รองเท้าไม้,รองเท้าเกี๊ยะ
46.shoelace (ชูเลค) หมายถึง เชือกผูกรองเท้า
47sandal ( แซนเดิล) หมายถึง รองเท้าแตะแบบรัดส้น
48.wedding dress (เวดดิ้งเดรส) หมายถึง ชุดแต่งงาน
49.tie (ไท) หมายถึง เนกไท
50.handkerchief (แฮนด์เคอะชีฟ) หมายถึง ผ้าเช็ดหน้า
51.tuxedo (ทัคซีโด) หมายถึง ชุดทักซิโด้
52.glove (กลัฟว) หมายถึง ถุงมือ
53.scarf (สคาร์ฟ) หมายถึง ผ้าพันคอ
54.belt (เบลท) หมายถึง สายคาดเอว,เข็มขัด
55.brooch (โบรช) หมายถึง เข็มกลัด
56.earring (เอียริง) หมายถึง ต่างหู,ตุ้มหู
57.necklace (เนคเลค) หมายถึง สร้อยคอ, สายสร้อยคอ
58.bracelet (เบรสลิท) หมายถึง สร้อยข้อมือ
59.pendant (เพนแดน) หมายถึง จี้, จี้ห้อยคอ
60.bangle (แบงเกิล) หมายถึง กำไลข้อมือ, กำไลข้อเท้า
61.ring (ริง) หมายถึง แหวน
62.hairband (แฮร์แบน) หมายถึง ที่คาดผม
63.hair clip ( แฮร์คลิป) หมายถึง กิ๊บหนีบผม
64.buckle (บัคเคิล) หมายถึง หัวเข็มขัด
65.earmuffs (เอียร์มัฟ) หมายถึง ที่ปิดหูกันหนาว
66.bow tie (โบว์ไท) หมายถึง หูกระต่าย
67.glasses ( กลาสเซส) หมายถึง แว่นตา
68.hat (แฮท) หมายถึง หมวก
69.watch (วอทช) หมายถึง นาฬิกาข้อมือ
เร่งทดสอบ Mobile ID ปี 64 นำร่องยื่นภาษีออนไลน์
กสทช. เผยโอเปอเตอร์ร่วมทดสอบ ระบบ Mobile ID “แทนบัตร” ครบทุกราย หลังดึง ดีแทค-ทีโอที ร่วมต้น ธ.ค.นี้ คาดปี 64 สรรพากร นำร่องยื่นภาษีออนไลน์
นางสาวจิตสถา ศรีประเสริฐสุข ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าภายในต้นเดือนธันวาคมนี้จะมีโอเปอเรเตอร์เข้ามาร่วมทดสอบระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ โมบาย ไอดี (Mobile ID) ภายใต้ชื่อ “แทนบัตร” ครบทุกราย โดยมี บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทคเข้ามาร่วมทดสอบเพิ่มอีก 2 ราย
จากเดิมก่อนหน้านี้ กสทช. ได้ร่วมทำการทดสอบกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิสจำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส, บริษัทกสท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแแคทเทเลคอม และบริษัททรู คอร์ปเรชัน จำกัด (มหาชน) โดยมีหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนร่วมทดสอบ อาทิ กรมสรรพากร, ไปรษณีย์ไทย, สำนักงานประกันสังคม, กรมการขนส่งทางบก และเซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น โดยภายใต้การทดสอบระบบดังกล่าวนั้น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานในเรื่องการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการให้บริการ
ทั้งนี้คาดว่าในไตรมาส 1 ปี 2564 ระบบจะพร้อมในการทดสอบการให้บริการ โมบาย ไอดี กับประชาชนคาดว่าประมาณไม่เกิน 6 เดือน โดยจะต้องเพิ่มจำนวนของการกลุ่มทดสอบและติดตามประเมินผลระบบ เพื่อให้ออกมาปลอดภัยที่สุด เพราะเกี่ยวกับเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย หากทุกอย่างเรียบร้อยและประชาชนยินดีที่จะใช้บริการ ทางโอเปอเรเตอร์ก็จะนำไปพัฒนาต่อเพื่อให้บริการในเชิงพาณิชย์
นางสาวจิตสถา กล่าวต่อไปว่าคาดว่าภายในปี 2564 จะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น สรรพากรที่จะมีการทดลองยื่นภาษีออนไลน์ การสมัครประกันสังคม หรือการสมัครใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ ภาครัฐและเอกชนก็จะเข้ามาร่วมมือกันโดยในช่วงแรกจะไม่อนุญาตให้มีการเก็บค่าบริการเพราะทาง กสทช. เป็นผู้ลงทุนระบบในการทดลองใช้งานซึ่งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับคือ ความสะดวกในการทำธุกรรมกับหน่วยงานหรือสถาบันการเงินต่างๆ หรืออาจจะเป็นในรูปแบบ QR Code แทนการใช้บัตรประชาชนตัวจริงโดยที่หน่วยงานสามารถพิสูจน์ตัวตนได้ ลดเรื่องการเปิดเผยเอกสารความลับด้านข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงไปใช้ในการปลอมแปลงทำอย่างอื่นเพราะทุกวันนี้ในการทำธุรกรรมก็มีการใช้หมายเลขโทรศัพท์ในการอ้างอิงความเป็นเจ้าของ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มะเขือเปราะ (Thai Eggplant) สรรพคุณ และการปลูกมะเขือเปราะ
มะเขือเปราะ (Thai Eggplant) เป็นมะเขือที่นิยมรับประทานสดหรือใช้ประกอบอาหาร เพราะผลมะเขือเปราะมีความกรอบ ไม่มีเส้นใย มีรสหวาน และรับประทานได้ทั้งผล
• วงศ์ : Solanaceae (วงศ์มะเขือ)
• ชื่อวิทยาศาสตร์ Solanum virginianum L.
• ชื่อสามัญ : Thai Eggplant
• ชื่อท้องถิ่นไทย :
ภาคกลาง และทั่วไป
– มะเขือเปราะ
ภาคเหนือ
– มะเขือขัยคำ
– มะเขือคางกบ
– มะเขือจาน
– มะเขือแจ้
– มะเขือแจ้ดิน
– มะเขือดำ
ภาคอีสาน
– มะเขือเผาะ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น
มะเขือเปราะ เป็นไม้ล้มลุกอายุข้ามปี มีลำต้นแตกกิ่งเป็นทรงพุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 20-100 เซนติเมตร ลำต้นแตกกิ่งแขนงตั้งแต่ระดับต่ำ แตกกิ่งแขนงย่อยสั้น เกิดที่ซอกใบ เปลือกลำต้นบาง มีสีเขียวเขียวอมเทา เปลือกที่ปลายกิ่งมีสีเขียวอ่อน ส่วนแกนเนื้อไม้เป็นไม้เนื้ออ่อน สีขาว เปราะหักง่าย
ใบ
มะเขือเปราะ เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ แตกออกเป็นใบเดี่ยวสลับกันบนกิ่ง มีก้านใบทรงกลม ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ขนาดใบกว้างประมาณ 5-10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร แผ่นใบเรียบ มีขนปกคลุมทั้งด้านล่าง และด้านบน แผ่นใบอ่อนนุ่ม ฉีกขาดได้ง่าย ขอบใบเว้า โค้งเป็นลูกคลื่น และงุ้มเข้าหากลางใบ แผ่นใบมีเส้นกลางใบสีเขียวอ่อนขนาดใหญ่ มีเส้นแขนงใบเรียงสลับกันออกด้านข้าง
ดอก
มะเขือเปราะ ออกเป็นดอกเดี่ยวๆหรือออกเป็นช่อ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ดอกจะแทงออกบริเวณซอกใบตั้งแต่โคนต้นจนถึงปลายกิ่ง ดอกที่ออกเป็นช่อมีก้านช่อดอกสั้น แต่มีขนาดใหญ่ ส่วนดอกย่อยหรือดอกเดี่ยวมีก้านดอกทรงกลม ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร โคนก้านใหญ่ ปลายก้านเรียวเล็กลง ถัดมาเป็นตัวดอก ดอกตูมมีลักษณะเป็นหลอด ดอกบานแผ่กลีบดอกออก ประกอบด้วยกลีบเลี้ยงสีเขียวขนาดเล็ก 5 กลีบ หุ้มห่อฐานดอกไว้
ถัดมาเป็นกลีบดอก จำนวน 5 กลีบ โคนกลีบ และกลางกลีบเชื่อมติดกัน ปลายกลีบแยกเป็นแฉก 5 แฉก มีลักษณะแหลมตรงกลางกลีบ แผ่นกลีบดอกไม่เรียบ มีสีขาว มีขนปกคลุม ถัดมาตรงกลางดอกเป็นเกสรตัวผู้ที่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกสีเหลือง จำนวน 5 อัน ยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร และตรงกลางของเกสรตัวผู้เป็นเกสรตัวเมีย มีก้านเกสรสีเหลืองอมส้ม แทงยื่นยาวกว่าเกสรตัวผู้ จำนวน 1 อัน ด้านล่างสุดของฐานดอกเป็นรังไข่
ผล
มะเขือเปราะออกเป็นผลเดี่ยวหรือออกรวมกันเป็นช่อ แต่ละผลมีก้านผลที่พัฒนามาจากก้านดอก โคนก้านบริเวณขั้วผลใหญ่ โคนก้านติดกิ่งเล็ก ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ถัดมาเป็นตัวผลที่ขั้วผลหุ้มด้วยกลีบเลี้ยงขนาดใหญ่ สีเขียว จำนวน 5 กลีบ ซึ่งพัฒนามาจากกลีบเลี้ยงของดอก โคนกลีบใหญ่เชื่อมติดกัน ปลายกลีบเรียวแหลม และมีขนอ่อนปกคลุมทั่วกลีบเลี้ยง ทั้งนี้ มะเขือเปราะบริเวณก้านผล และกลีบเลี้ยงจะไม่มีหนาม แต่จากมะเขือขื่น (อีสาน) จะพบหนามบริเวณดังกล่าว
ผลแต่ละผลมีลักษณะทรงกลมหรือเป็นรูปไข่ ขนาดผลกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-8 เซนติเมตร เปลือกผลหนา เรียบ และเป็นมัน มีหลายสีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ อาทิ สีขาว สีเขียวอ่อน สีเขียวเข้ม และมีลายปะสีขาว เป็นต้น เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในทุกพันธุ์ ถัดมาด้านในเป็นเมล็ดที่แทรกตัวในเนื้อผล ทั้งนี้ เปลือกผล และเนื้อด้านในจะแยกออกจากกันอย่างชัดเจน และแยกออกได้ง่ายเมื่อผลแก่หรือสุก เนื้อเปลือกผลมีลักษณะอ่อน และกรอบ เมื่อแก่จนเหลืองจะแข็งขึ้น มีรสเฝื่อนเล็กน้อย ส่วนเนื้อผลด้านในมีรสหวาน เฝื่อนน้อยกว่าเปลือก ดังนั้น มะเขือเปราะจึงนิยมรับประทานในระยะผลอ่อนหรือผลที่ยังไม่สุก
พันธุ์มะเขือเปราะตามสี
พันธุ์มะเขือเปราะที่นิยมปลูก ได้แก่
1. พันธุ์สีเขียวเข้มปะขาว ตัวอย่างชื่อพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์พวงหยกจักรพันธ์ มีมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นผู้จดสิทธิบัตรสายพันธุ์ เป็นพันธุ์ผสมระหว่างพันธุ์ขาวกรอบแม่โจ้กับพันธุ์ EP 06 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีลักษณะเด่น คือ ผลออกเป็นพวง ผลมีขนาดเล็ก 2-3 เซนติเมตร พื้นผลสีเขียวเข้ม มีลายปะสีขาวที่ท้ายผล [2]
2. พันธุ์สีเขียวอ่อนปะขาว
3. พันธุ์สีเขียวอ่อนล้วน (หยดน้ำค้าง)
4. พันธุ์สีขาวล้วน
ประโยชน์มะเขือเปราะ
1. ผลมะเขือเปราะสดใช้รับประทานเป็นผักคู่กับอาหารต่างๆ อาทิ น้ำพริก ลาบ ซุบหน่อไม้ ส้มตำ และคั่วกลิ้ง เป็นต้น
2. มะเขือเปราะใช้ประกอบอาหารเดี่ยวๆ อาทิ ซุบมะเขือ (อาหารอีสาน) หรือใช้ประกอบอาหารต่างๆ อาทิ แกงคั่ว แกงเลียง แกงอ่อม และผัดต่างๆ เป็นต้น
3. มะเขือเปราะใช้ใส่เป็นส่วนประกอบของส้มตำ
4. เศษผล และใบมะเขือเปราะใช้ทำน้ำหมักชีวภาพ
5. ลำต้น และใบสดนำมาสุมรมควัน ช่วยไล่เหลือบ ยุง
6. สารโซลาโซดีนที่พบในมะเขือเปราะ ใช้เป็นสารตั้งต้นสำหรับสังเคราะห์สารสเตียรอยด์คอร์ติโซน และฮอร์โมนเพศบางชนิด
คุณค่าทางโภชนาการมะเขือเปราะ (ผล 100 กรัม)
• Proximates | ||
น้ำ | กรัม | 87.9 |
พลังงาน | กิโลแคลอรี่ | 50 |
โปรตีน | กรัม | 1.8 |
ไขมัน | กรัม | 0.8 |
คาร์โบไฮเดรต | กรัม | 8.8 |
เส้นใย | กรัม | 2.5 |
เถ้า | กรัม | 0.7 |
• Minerals | ||
แคลเซียม | มิลลิกรัม | 38 |
เหล็ก | มิลลิกรัม | 1.2 |
ฟอสฟอรัส | มิลลิกรัม | 70 |
• Vitamins | ||
วิตามิน C | มิลลิกรัม | 3 |
ไทอะมีน | มิลลิกรัม | 0.07 |
ไรโบฟลาวิน | มิลลิกรัม | 0.16 |
ไนอะซีน | มิลลิกรัม | 2.4 |
วิตามิน A, RE | ไมโครกรัม | 29 |
สรรพคุณมะเขือเปราะ
ผล
– ช่วยลดไข้
– ช่วยต้าน และยับยั้งมะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้
– ช่วยลดการอักเสบ
– ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย
– ช่วยลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบ
– ช่วยต้านโรคมะเร็ง
– ช่วยบำรุงหัวใจ
– ช่วยลดความดันเลือด
– ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
– น้ำต้มใช้ดื่ม ช่วยป้องกัน และรักษาโรคเบาหวาน ประเทศที่ใช้ประโยชน์จากน้ำต้มในด้านนี้ ได้แก่ ประเทศอินเดีย
– ช่วยกระตุ้นการเผาพลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงาน
– ช่วยขับพยาธิใบ
– ใบสดนำมาต้มดื่ม แก้อาการร้อนใน
– น้ำต้มจากใบใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
– ใบสดนำมาขยำ ก่อนพอกประคบรักษาแผล ช่วยห้ามเลือดของแผล
– ใบสดนำมาเคี้ยว ช่วยแก้อาการเหงือกอักเสบ
– น้ำต้มจากใบใช้อาบ แก้ผดผื่นคันตามผิวหนัง
ราก
– รากนำมาล้างน้ำแล้วต้มดื่ม ลดอาการคันคอ ช่วยบรรเทาอาการไอ
– น้ำต้มจากรากแก้อาหารอักเสบในลำคอ
– น้ำต้มใช้เป็นยาแก้หอบหืด
– น้ำต้มใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
– รากสดนำมาเคี้ยว ช่วยบรรเทาอาหารเหงือกบวม เหงือกอักเสบ และบรรเทาอาการปวดฟัน
เพิ่มเติมจาก : [1], [4]
การปลูกมะเขือเปราะ
วิธีเพาะกล้า
เมล็ดจากผลสุกในแปลง ให้แยกเมล็ดออก และเก็บรักษาในห่อผ้านาน 1-2 เดือน หากเป็นเมล็ดพันธุ์จากตลาดสามารถใช้เพาะได้ทันที
เตรียมแปลงเพาะขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวตามปริมาณที่ต้องการเพาะ ให้พรวนดิน พร้อมกำจัดวัชพืชออกก่อน จากนั้น หว่านปุ๋ยคอกรองพื้น 1 ถัง/ตารางเมตร ก่อนคลุกพรวนด้วยจอบ ก่อนนำเมล็ดหว่านลงแปลง พยายามให้เมล็ดห่างกัน 2-4 เซนติเมตร หลังจากนั้น ใช้คราดเกลี่ยหน้าดินตื้นให้กลบเมล็ด ก่อนรดน้ำให้ชุ่ม และดูแลให้น้ำต่อเนื่อง วันละ 1 ครั้ง ในช่วง 7 วันแรก จากนั้น ลดเหลือ 2 วัน/ครั้ง เมื่ออายุกล้าได้ประมาณ 10-15 วัน จึงย้ายปลูกลงแปลงต่อ ทั้งนี้ อาจเพาะในกะบะเพาะก็ได้
การเตรียมแปลงปลูก
แปลงปลูกจะต้องไถพรวนดิน และกำจัดวัชพืชอย่างน้อย 1 ครั้ง จากนั้น หว่านรองพื้นด้วยปุ๋ยคอก 1-2 ตัน/ไร่ ก่อนไถพรวนแปลงอีกรอบ
การปลูกเป็นแถว หากต้องการทำร่องปลูก ให้หว่านโรยปุ๋ยคอกตามร่องก่อน และไม่ต้องหว่านรองพื้นตอนไถกลบ
วิธีย้ายกล้า และการปลูก
การย้ายกล้าปลูก ควรดูแลกล้าจนมีอายุประมาณ 10-15 วัน หรือแตกใบจริงแล้ว 3-5 ใบ โดยรดน้ำให้ชุ่มก่อนถอนย้ายกล้า และต้องเตรียมแปลงให้เสร็จก่อน
ขุดหลุมปลูก ลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร เรียงเป็นแถวๆ ระยะห่างระหว่างต้น และแถว ประมาณ 80-100 เซนติเมตร หลังจากปลูกรดน้ำให้ชุ่ม
การให้น้ำ
หลังการปลูก 7-14 วันแรก ควรให้น้ำทุกวัน จากนั้น ลดเหลือ 2 วัน/ครั้ง แต่ต้องให้ชุ่มในทุกครั้ง จนอายุมะเขือได้ประมาณ 2 เดือน จึงลดเหลือประมาณ 3 ครั้ง/อาทิตย์
การใส่ปุ๋ย
หลังปลูกแล้ว 20-25 วัน ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 รอบโคนต้น ประมาณต้นละ 1 หยิบมือ และให้อีกรอบเมื่อต้นอายุได้ 45-50 วัน ในสูตร 12-12-24 ในอัตราเท่าเดิม ทั้งนี้ ควรให้ปุ๋ยคอกร่วมด้วยอย่างน้อย 1 ครั้ง
การกำจัดวัชพืช
หลังปลูกแล้ว 20-30 วัน ให้กำจัดวัชพืชด้วยจอบถากหรือใช้มือถอน และอีกครั้งเมื่ออายุครบ 2 เดือน หรือกำจัดเมื่อพบเห็นวัชพืช
การเก็บผลผลิต
หลังปลูกประมาณ 45-60 วัน มะเขือเปราะจะเริ่มติดผล และทยอยเก็บผลได้หลังจากปลูก 60-80 วัน และเก็บต่อเนื่องนานกว่า 4-5 เดือน ทั้งนี้ การเก็บผล ควรใช้กรรไกรตัดขั้วผล ไม่ควรใช้มือเด็ด เพราะอาจทำให้ยอดขาดหรือโคนต้นถอนได้ แต่หากใช้มือต้องมีความชำนาญ และระมัดระวังเป็นพิเศษ
ขอบคุณข้อมูลจาก puechkaset.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,350.00 | 25,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,642.00 | 24,892.72 | 25,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,477.80 | 22,403.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,313.60 | 19,914.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 739.00 | 11,203.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 575.00 | 8,717.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,702.00 | 25,802.32 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 30/11/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.84 | 20.84 | 20.84 | 20.84 | 20.84 | – | 20.84 | 20.84 | 20.84 | 20.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.34 | 18.34 | – | – | – | – | – | – | – | 18.34 |
เบนซิน 95 | 29.76 | – | – | – | 30.21 | – | 30.26 | 29.76 | – | 29.76 |
ดีเซล B7 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 |
ดีเซล | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 |
ดีเซล B20 | 20.54 | 20.54 | 20.54 | 20.54 | 20.54 | – | 20.54 | 20.54 | – | 20.54 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 28.24 | 28.26 | 30.24 | 29.64 | – | – | – | – | – | 28.24 |
แก๊ส NGV | 13.10 | 13.10 | – | – | – | – | – | – | – | 13.10 |