ดัมพ์คอนโดหรูรอขาย 4พันหน่วยให้วีซ่า5ปีพ่วงอิลิทการ์ดดูดต่างชาติ
แห่เทขายคอนโดไฮเอ็นด์ หลังบิ๊กเนมเด้งรับนโยบายรัฐ ขายอีลิทการ์ด พ่วงห้องชุดแพง แลกวีซ่าอยู่ยาว 5 ปี สแกนพบสต๊อกคอนโดฯหรูใจกลางเมือง 10 ล้านอัพรอขาย 4,600 พันหน่วย ไม่นับอานิสงส์เมืองท่องเที่ยว เสนอรัฐลดเพดานราคาเหลือ 5 ล้าน หวังดูดลูกค้ากลุ่มใหญ่ชาวจีน
แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ผ่านการทยอยปลดล็อกการเข้ามาของชาวต่างชาติ หลายนโยบาย หวังเม็ดเงินจากกลุ่มกำลังซื้อสูงนำร่องฟื้นภาคการท่องเที่ยวและบริการก่อนพุ่งเป้ามายังภาคอสังหาริมทรัพย์ ผุดการเปิดตัวบัตร Elite Flexible One ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย ซื้อคอนโดมิเนียมราคาหน่วยละ 10 ล้านบาทขึ้นไป หรือรวมกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ด้วยสิทธิประโยชน์ บัตรอีลิท การ์ด โดยห้ามจำนอง จำหน่ายโอนฯ ภายในระยะ 5 ปี
เป้า 100 หน่วย
ทั้งนี้ตั้งเป้าเม็ดเงินที่เกิดขึ้นไม่ตํ่ากว่า 1 พันล้านบาท หรือ 100 หน่วย ดีเดย์ 1 มกราคม 2564-31 ธันวาคม 2565 เป็นระยะเวลา 2 ปีนั้น ซึ่งรัฐบาลคาดจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่างชาติ อีกนัยกลายเป็นความหวังใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลายโครงการราคาแพงก่อสร้างแล้วเสร็จ รอการดูดซับอยู่จำนวนมากในทำเลต่างๆ หลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การซื้อ-ขายซึ่งเดิมเจาะลูกค้าต่างชาติชะลอตัวอย่างรุนแรง
98 ไวร์เลสปิดการขาย
สำหรับคอนโดมิเนียมหรูใจกลางกทม. ซึ่งเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ โดย บมจ.แสนสิริ เคยทำประวัติศาสตร์ไว้แก่ตลาดอสังหาฯไทย ด้วยการปิดการขาย โครงการแฟล็กชิพ
ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ “98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส)” บนถนนวิทยุ มูลค่า 8.7 พันล้านบาท ด้วยราคาขายเฉลี่ยต่อตร.ม. ถึง 6 แสนบาท และสูงสุดเกือบ 9 แสนบาทต่อตร.ม. ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาท่ามกลางตลาดกำลังประสบกับสถานการณ์โควิด สะท้อนว่าตลาดคอนโดฯซูปเปอร์ลักชัวรีของไทย ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากของกลุ่มกำลังซื้อสูง
สโคปตรม.ละ 4.6 แสน
ขณะ “สโคป หลังสวน” โดยผู้พัฒนา บริษัท สโคป จำกัด (หุ้นใหญ่ : บมจ.เอสซี แอสเสท) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาบนที่ดินที่มีการซื้อ-ขาย ราคาต่อตร.ว.แพงที่สุดในประเทศไทย 3.1 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565 ด้วยมูลค่าโครงการรวมกว่า 8.4 พันล้านบาท ราคาขาย 38-250 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 4.6 แสนบาท ต่อ ตร.ม.คาดจะเป็นอีกโครงการเนื้อหอม ที่ต่างชาติต้องการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยระยะยาว
รวมถึงโครงการหรูริมแม่นํ้าเจ้าพระยา “โฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์” บนถนน เจริญกรุง โดยบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในเครือ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGH เป็นอาคารสูง 73 ชั้น ห้องชุดขนาดใหญ่ ราคาขาย 3.5 แสนบาทต่อตร.ม.เป็นต้น
รอต่างชาติซื้อ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวจากโควิด คอนโดมิเนียมหรู ปี2563 แทบไม่มีจำนวนหน่วยเปิดใหม่ เนื่องจาก สถานการณ์การระบาดโควิด-19 กำลังซื้อหลักต่างชาติหายไป แต่ สต็อกคงเหลือตรม.สูงกว่า 3แสนบาท ยังมีอยู่ในตลาด 6,518หน่วย ทั้งนี้บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลเทนซี่ จำกัด บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาอสังหา ริมทรัพย์ พบมีการกระจุกตัวอยู่บนทำเลสุขุมวิทตอนต้น มากถึงเกือบ 60% รองลงมาบริเวณรอบสวนลุมพินี ตามด้วยทำเลริมแม่นํ้าเจ้าพระยา
โละ 4,000หน่วย
ด้านนายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด เผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบัน โครงการคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานคร ที่ระดับราคาขาย 10 ล้านบาทต่อหน่วย ขึ้นไป ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 มีทั้งสิ้นประมาณ 16,033 หน่วย ขายไปแล้วประมาณ 11,355 หน่วย หรือ 70.8% เหลือขายทั้งหมด 4,678 หน่วย หรือ 29.2% ซึ่งส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่โซนสุขุมวิท สีลม สาทร เพลินจิต ชิดลม เป็นต้น
ส่วนโครงการอื่นๆ ที่น่าสนใจ โดยมีราคาระดับกลาง-บน รองลงมา และอยู่ใจกลางเมืองซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จรอการระบายเช่น โครงการศุภาลัย โอเรียลทัล สุขุมวิท 39, พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ, เดอะ ริช แอท นานา, ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ เป็นต้น
“พราวกรุ๊ป”สน
นอกจาก ทำเลย่านธุรกิจใจกลางเมืองแล้ว หัวเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน แหล่งข่าวจากบริษัท พราวเรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) ยอมรับได้ให้ความสนใจไม่แพ้กันเนื่องจากมีคอนโดฯ หรูราคาเกิน 10 ล้านบาท เน้นขายต่างชาติ
นายชนินทร์ วานิชวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมเพื่อการลงทุนของไทย ระบุว่าเห็นด้วยกับกรณีที่รัฐบาลเตรียมดึงชาวต่างชาติ เข้ามากระตุ้นภาคอสังหาฯไทยผ่านโปรแกรมพิเศษ “Elite Flexible One” เพราะถือเป็นการอุ้มตลาดภาพรวม และมีผลช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่แนวโน้มอาจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ อีกนัยนับเป็นการช่วยเบาแบ่งภาระผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการ เน้นขายนักลงทุนและเจาะลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากยอมรับว่า ที่ผ่านมา เคยมีการติดต่อไปยังบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด เพื่อขอดีล แลกกับการให้ลูกค้าได้สิทธิพิเศษ ขณะพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะ ฟรีวีซ่าระยะยาวเช่นกัน แต่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องแลก เช่น ซื้อคอนโดฯ ราคา 7 ล้านบาท ต้องจ่ายเพิ่มราว 5 แสนบาท ซึ่งเหมือนเป็นการที่ผู้ประกอบการต้องควักกระเป๋าเพิ่ม
พ่วงคอนโด 5 ล้าน
อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐบาลพิจารณาใหม่ในแง่ราคาตั้งต้นโดยมีเงื่อนไขต้องซื้อ
อสังหาฯ รวมกันตั้งแต่ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อแลกกับสิทธิ์วีซ่าอยู่ไทยระยะยาว 5 ปี เนื่องจากอาจเป็นกระตุ้นได้แค่เฉพาะตลาดคอนโดฯไฮเอนท์ ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯเท่านั้น ขณะชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติกลุ่มใหญ่ของอสังหาฯไทย นิยมจ่ายราว 1 ล้านหยวน หรือ ประมาณ 4-5 ล้านบาท
“หากอสังหาฯปีหน้า มีมาตรการนี้มากระตุ้น คงช่วยตลาดได้มาก แต่อยากให้มีแพกเกจย่อยลงมาเช่น ซื้อ 5 ล้าน ได้วีซ่า 3 ปี เพื่อกระจายโปรดักส์ให้หลากหลายขึ้น เพราะในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แม้คนมีเงินลงทุน แต่ก็คงไม่อยากซื้อแพงๆทิ้งไว้ หากปลดล็อกได้ ท่องเที่ยวก็ได้ประโยชน์อสังหาฯก็ถูกกระตุ้นไปในทิศทางที่ดี”
ขอบคุณข้อมูล thansettakij.com
แห่ฝากขายโรงแรม กทม.สร้างเสร็จทะลัก 1.5 หมื่นห้อง
โรงแรมเมืองท่องเที่ยววิกฤติ แห่ฝากโบรกเกอร์ขายอื้อ หลังยื้อเปิดบริการได้ไม่คุ้มเสีย ด้านฟินิกซ์ คาดรออีก 3-4 ปี ธุรกิจท่องเที่ยวไทยถึงกลับมาฟื้นรับต่างชาติ จ่อเปิดประมูล “สมุยบุรี บีช รีสอร์ท” เคาะเริ่ม 400 ล้าน เซ่นโควิด ขณะกทม.น่าห่วง อีกกว่า 15,000 ห้องพัก รอทะลักเข้าตลาด
ธุรกิจท่องเที่ยวหนึ่งในฟันเฟืองเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ผ่านการสร้างรายได้สัดส่วนต่อปีประมาณ 12% ต่อจีดีพี (การเติบโตทางเศรษฐกิจ) กำลังอยู่ในภาวะได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบางโรงแรมมีปัญหาขาดทุนเก่าอยู่ก่อนแล้ว ทำให้หลายโรงแรมตัดสินใจปิดกิจการ ไม่สามารถไปต่อได้ อย่างกรณีล่าสุด โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว “ดาราเทวี เชียงใหม่” จำต้องประกาศปิดฉาก 18 ปี ลงอย่างน่าเสียใจ ขณะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นไตรมาส 3 พบกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมร่วมด้วย เช่น สิงห์ เอสเตท, แกรนด์ แอสเสท มีรายได้ลดลงถึง 50% และ 20% ตามลำดับ เนื่องด้วยการหยุดให้บริการ และมีอัตราการเข้าพักของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายลดลงอย่างมาก ด้วยข้อจำกัดการเดินทางและปิดประเทศเป็นระยะเวลา
บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลเทนซี่ จำกัด บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักและเข้าสู่ช่วงวิกฤติตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา และยังไม่มีท่าทางว่าจะกลับมาฟื้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เพราะสถานการณ์หลายประเทศทั่วโลกยังน่ากังวล โดยแม้มีข่าวดีเรื่องวัคซีน แต่คาดว่า การกระจายวัคซีนไปยังทั่วโลก ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร จึงมีความเป็นไปได้ว่า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศของไทย จะกลับมาปกติ อาจต้องรอนานอีก 3-4 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ แม้หลายโรงแรมพยายามประคองธุรกิจ โดยหวังพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งคึกคักจากมาตรการสนับสนุนของรัฐ และเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว (พ.ย.-ก.พ.) แต่พบก็ยังไม่สามารถกระตุ้นได้มากนัก เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวเพียงไม่กี่แห่ง ไม่กี่พื้นที่เท่านั้นที่ได้รับความสนใจจากกำลังซื้อคนไทย โดยนายปฎิมา จีระแพทย์ ประธานกรรมการบริษัท ฟีนิกซ์ ระบุว่า ขณะนี้ตลาดโรงแรมส่งสัญญาณน่าห่วง หลังจากมีผู้ประกอบการ และกองทุนด้านอสังหา ริมทรัพย์ ติดต่อบริษัทเข้ามา เพื่อฝากขายโรงแรมทิ้งแล้วมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในเกรด 3-5 ดาว เป็นโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่ทั้งสิ้น ทั้งในทำเลกรุงเทพฯ, พัทยา, สมุย และ ภูเก็ต เนื่องจาก เดิมเป็นรูปแบบการพัฒนา เพื่อจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก
จึงได้รับผลกระทบมาก หลังจากต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ อีกทั้งนอกจากไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโรงแรม ค่าจ้างพนักงานแล้ว บางส่วนต้องแบกรับภาระค่าดอกเบี้ยธนาคารเป็นจำนวนมาก จึงเป็นต่อไม่ไหว และแม้มีการลดราคาอย่างหนัก เช่น บางแห่งจาก 900 ล้านบาท เหลือ 200 ล้านบาท ก็ยังขายไม่ออก จำเป็นต้องปิดตัวไปอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม พบยังมีกลุ่มทุน ซึ่งอยู่ในธุรกิจอื่นๆ หรือคนที่มีเงินเย็นเก็บสะสม รอจังหวะช้อนซื้อ มองหาของถูก ติดต่อเข้ามาถามซื้อโรงแรมเช่นเดียวกัน โดยมักขึ้นอยู่กับทำเลและความเหมาะสมของราคาที่บุคคลเหล่านั้นต้องการเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังเกิดเทรนด์การลงทุนใหม่ๆ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านลักษณะการระดมทุนร่วมกับเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เข้าซื้อโรงแรมที่ประกาศขาย เพราะอยากมีโรงแรมเป็นของตัวเอง ก่อนจ้างบริษัท หรือเชนจ์โรงแรม เข้ามาบริหารจัดการ ต่อยอด ซึ่งพบแนวโน้มการลงทุนลักษณะนี้มีเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าสนใจ
สำหรับการประมูลที่น่าสนใจนั้น เช่น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สมุย บุรี เตรียมให้บริษัทเป็นผู้จัดประมูลแบบยื่นซองเพื่อซื้อหรือเช่าโรงแรม “สมุยบุรี บีช รีสอร์ท” ซึ่งเป็นโรงแรมสร้างเสร็จ บนเนื้อที่ 13 ไร่ ติดหาดแม่น้ำ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบไปด้วยห้องพักแบบปกติและพูลวิลล่ารวมกันทั้งหมด 88 ห้อง ในราคาทรัพย์สินเริ่มต้น 400 ล้านบาท โดยจะมีการเปิดยื่นซองประมูลขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 11 กุมภาพันธ์ 2564
“มีการเข้ามาฝากขายโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระดับร้อยล้านถึงพันล้าน ขนาดประมาณ 100-150 ห้องต่อโรงแรม ผ่านทั้งส่วนที่เป็นเจ้าของโดยตรงและกองทุนอสังหาฯกลุ่มโรงแรม เนื่องจาก เพิ่งเปิดบริการ แต่รายได้ไม่มากพอในการแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคาร ขณะธุรกิจโรงแรมปีหน้ายังคงเหนื่อย”
ทั้งนี้ ยังมองว่า อสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม ในแง่การลงทุนและเปิดบริการในอนาคต จำเป็นต้องคำนึงถึงทำเลที่ตั้ง และเคาะราคาห้องพักต่อคืนลงมากกว่า 20-30% จนกว่าตลาดท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมาในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะทำเลกรุงเทพฯ เนื่องจากพบ ยังมีจำนวนห้องพักใหม่ ตั้งแต่ระดับกลาง ถึง ลักชัวรี ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างรอทะลักเข้ามาในตลาดอีกราว 15,120 ห้อง ในช่วงปี 2564-2566
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บสย. พักชำระค่าธรรมเนียม 6 เดือน ช่วย SMEs 11 จังหวัดภาคใต้
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า จากกรณีพื้นที่ 11 จังหวัดภาคใต้ได้เกิดภัยพิบัติจากเหตุการณ์น้ำท่วมอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs ลูกค้า บสย.จึงได้ออกมาตรการเร่งด่วนยืดพักชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันนาน 6 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน สำหรับลูกค้า บสย. ที่มีคุณสมบัติเข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือการพักชำระค่าธรรมเนียม ระยะเวลา 6 เดือน จะต้องเป็นลูกค้า บสย. ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 11 จังหวัด ได้แก่
1.จังหวัดชุมพร
3. จังหวัดกระบี่
4. จังหวัดนครศรีธรรมราช
5. จังหวัดตรัง
6. จังหวัดพัทลุง
7. จังหวัดสตูล
8. จังหวัดสงขลา
9. จังหวัดปัตตานี
10.จังหวัดยะลา
11.จังหวัดนราธิวาส
สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ บสย.สำนักงานเขตภาคใต้จังหวัดสงขลา และ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อกรอกแบบฟอร์มคำขอ หรือ ติดต่อ บสย. Call center โทร. 02 – 890-9999 ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ไม่ใช่เวนเกอร์ “ฟาน เพอร์ซี” เผยเหตุเบื่ออาร์เซนอล ก่อนโยกซบแมนยูฯ
อดีตดาวยิงชาวดัตช์ขวัญใจแฟนบอลปืนโต เผยชื่อตัวการคนสำคัญที่ทำให้รู้สึกเบื่อทีม ก่อนตัดสินใจชิ่งซบคู่ปรับร่วมศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2012
วันที่ 11 ธ.ค.63 ในช่วงซัมเมอร์ของปี 2012 มีข่าวย้ายทีมช็อกแฟนบอลทั้งพรีเมียร์ลีก เมื่อ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ชูเสื้อเปิดตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี ศูนย์หน้าคนสำคัญของอาร์เซนอล มาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบสุดเซอร์ไพรส์ ด้วยค่าตัวราว 22.5 ล้านปอนด์ ก่อนที่แข้งดังจากแดนกังหันลม จะมีส่วนช่วยปิศาจแดงทวงแชมป์พรีเมียร์ลีกคืนจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ
และหลังจากตกเป็นที่สาปแช่งของแฟนบอลปืนโตมาหลายปี ล่าสุด ฟาน เพอร์ซี ออกมาเผยว่า ในตอนแรกเกือบย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสในอิตาลี แต่เป็นเพราะ ปีเตอร์ ฮิลล์-วูด ประธานสโมสรในขณะนั้น ที่ดื้อด้านไม่ยอมตกลงเงื่อนไขกับทีมดังจากเซเรีย อา ทำให้ตัวเองต้องยอมย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แทน
“ที่อาร์เซนอล ผมไม่รู้สึกว่าเราสามารถแข่งขันกับทีมอื่นได้ แต่วันหนึ่งประธานสโมสรโชว์ให้ผมเห็นบัญชีสโมสร และสถานะทางการเงินว่ามันดีแค่ไหน แต่ผมบอกเขาไปว่า ผมไม่สนใจตัวเลขห่าเหวนั่นหรอก ผมต้องการแค่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเท่านั้น”
“เรารู้สึกว่าทางออกที่ดีที่สุดในตอนนั้น คือการย้ายไปอยู่กับทีมนอกอังกฤษ ซึ่งข้อตกลงกับยูเวนตุสเรียบร้อยแล้ว แต่ประธานสโมสรยังดื้อดึงกับพวกเขาอยู่ ผมบอกไปว่ายังเหลืออีกสองทางเลือก นั่นคือการย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมันจะให้พวกเขาต้องพบกับความเสี่ยงในอนาคต”
“อย่างไรก็ตาม การย้ายทีมของผมเพื่อไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเป็นประเด็นที่อ่อนไหวในอังกฤษ แต่โดยส่วนตัวผมก็แค่อยากคว้าแชมป์ และผมต้องยอมเสี่ยงกับสิ่งนั้น” ฟาน เพอร์ซี ให้สัมภาษณ์กับ Kaj Gorgels ในเนเธอร์แลนด์.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
1 ม.ค.64 มะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อม
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป ผู้ป่วยที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง สามารถเลือกไปรับการรักษาในหน่วยบริการใกล้บ้านที่มีความพร้อม และมีศักยภาพในการให้บริการโรคมะเร็ง
ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือและมอบนโยบาย “โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ระหว่าง สธ. กรมการแพทย์ เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในการร่วมพัฒนาระบบบริการเพื่อดูแลผู้ป่วยมะเร็ง โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง เพื่อให้คนไทยเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่จำเป็น และลดภาวะล้มละลายของครัวเรือนจากค่ารักษาพยาบาลที่เห็นผลเป็นรูปธรรม พร้อมสนับสนุนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยบริการ “โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหน ก็ได้ที่พร้อม” เริ่มในวันที่ 1 มกราคม 2564 เป็น 1 ใน 4 บริการใหม่ตามนโยบาย “ยกระดับบัตรทอง สู่ระบบหลักประกันสุขภาพยุคใหม่” ที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เป็นอีกหนึ่งความท้าทายในก้าวย่างที่สำคัญของระบบบัตรทอง จากความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สธ. โดย กรมการแพทย์ เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย และ สปสช. ได้นำมาสู่การลงนามบันทึกความร่วมมือในวันนี้
“จุดเริ่มต้นของนโยบายนี้ เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นภาวะเจ็บป่วยที่ซับซ้อนและต้องรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ลุกลาม โดยโรคมะเร็งบางชนิดรักษาให้หายขาดได้ถ้าได้รับบริการทันท่วงที แต่ที่ผ่านมา ด้วยขั้นตอนการส่งตัวบางครั้งอาจทำให้การเข้าถึงการรักษาล่าช้าและเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ปัญหาจนนำมาสู่นโยบายนี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการให้กับผู้ป่วยมะเร็ง ลดระยะเวลาการรอคอย แต่ยังทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานเพิ่มขึ้น ได้รับการรักษาต่อเนื่องโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว” นายอนุทิน กล่าว
รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ความท้าทายนับตั้งแต่การเริ่มต้นโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ในการเพิ่มสิทธิรักษาประชาชนเพื่อประโยชน์ในการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยเอดส์ การดูแลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย การดูแลผู้ป่วยที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง รวมถึงครอบคลุมค่าใช้จ่ายและยาราคาแพง วันนี้นับเป็นอีกครั้งหนึ่งในความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้น เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคการเข้ารับบริการให้กับประชาชนโดยเฉพาะโรคมะเร็ง ที่อยู่ในกลุ่มโรคร้ายแรง คร่าชีวิตผู้ป่วยจำนวนมาก มีความจำเป็นต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นโรคที่ยากต่อการรักษาให้หายขาด มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจนถึงทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวประสบปัญหาทางการเงินได้ จึงนำมาสู่นโยบายการพัฒนายกระดับบริการประชาชน
“คำว่ามีความพร้อม หมายความว่า หากท่านป่วยเป็นโรคมะเร็ง จะต้องไปหาโรงพยาบาลเฉพาะทางที่รักษาได้ สามารถรักษาผู้ป่วยข้ามเขตได้ มีการส่งประวัติผู้ป่วยอิเล็กทรอนิกส์แทนใบส่งตัว ใช้เทคนิคในการจัดลำดับคิว สถานะว่างของหน่วยบริการต่างๆ เพื่อทำให้ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการได้โดยตรงในสถานที่ที่มีความพร้อมและไม่ต้องเสียเวลาในการรอคอย ทั้งนี้การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งไม่ได้มีเพียงการฉายรังสี ดังนั้น สธ. จะส่งเสริมให้มีการนำน้ำมันกัญชาหรือสารสกัดจากกัญชาที่เป็นประโยชน์ มาใช้ในการบรรเทาอาการในผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่ต้องได้รับการดูแลในระยะประคับประคอง ในระยะถัดไป จะบรรจุสารสกัดที่ได้จากน้ำมันกัญชาให้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ตนและนายสาธิตเดินไปไหนก็ยิ้มแฉ่ง เนื่องจากมีความภาคภูมิใจที่ได้ผลักดันและขอให้ทางรัฐบาลได้อนุมัติเครื่องฉายรังสีมะเร็งอีก 7 เครื่อง เพื่อมาให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ตอนที่ผมไปขออนุมัติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ท่านก็รีบจัดการให้ทันที จะเห็นได้ว่าเรื่องแบบนี้มีผลต่อการตัดสินใจของทุกคน เพราะ เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องผ่านประสบการณ์หรือคนใกล้ชิดป่วยโรคมะเร็ง มีการเสียชีวิตใดบ้าง หรือ รักษาหายบ้าง ที่สำคัญคือ เรื่องนี้บั่นทอนทั้งสุขภาพ ชีวิต เศรษฐกิจ และจิตใจของทั้งผู้ป่วย ญาติพี่น้อง ครอบครัวของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นความสำคัญ ต้องขอขอบคุณกรมการแพทย์ที่ได้ประสานงานไปยังหน่วยบริการต่างๆ ในเครือข่ายโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องด้วย และต้องขอบคุณ สปสช.ที่สนองนโยบายอย่างเต็มที่ จัดสรรงบประมาณโดยทันที เพื่อมาให้การดูแลประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าภายหลังปีใหม่นี้เป็นต้นไป การบริการให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งในประเทศไทยจะมีความพร้อม มีมาตรฐาน และมีความสะดวกให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ต้องให้นโยบายปลัด สธ. ต่อไปว่า ในวันที่ 1 มกราคม 2564 สถานบริการทุกที่ต้องมีความพร้อม โดยไม่มีข้อยกเว้น ทำให้ได้ ทำโครงการแบบนี้มาล้มเหลวไม่ได้ สะดุดไม่ได้
“จริงๆ ต้องเริ่มตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ใช่เริ่มวันที่ 1 มกราคม ผมให้ความมั่นใจและเชื่อว่า นโยบายต่างๆ จะได้รับการตอบสนองเพื่อประโยชน์ของประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละ 122,757 ราย และเสียชีวิตปีละ 80,665 ราย จากนโยบายโรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม สธ. ได้จัดเตรียมระบบบริการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งในเขตสุขภาพทั้ง 13 เขต โดยปรับระบบบริการให้สอดคล้องกับบริบท ศักยภาพ และทรัพยากรที่มีในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรองรับนโยบายดังกล่าวได้ และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป ผู้ป่วยที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง สามารถเลือกไปรับการรักษาในหน่วยบริการใกล้บ้านที่มีความพร้อมและมีศักยภาพในการให้บริการโรคมะเร็ง โดยสามารถรักษาความเขตสุขภาพได้ ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกของผู้ป่วยอย่างแท้จริง แพทย์ผู้วินิจฉัยจะส่งข้อมูลผู้ป่วยมายังศูนย์ประสานการส่งต่อโรคมะเร็ง เพื่อจัดหาโรงพยาบาล (รพ.) ที่มีศักยภาพรักษามะเร็ง และไม่แออัดให้แก่ผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอยในการรับบริการรักษา และได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัวเหมือนในอดีต
“กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้พัฒนาโปรแกรม Thai Cancer-based เป็นเครื่องมือช่วยส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้แพทย์สามารถดูแลผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ รวมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์ม The ONE ช่วยสืบค้นข้อมูลและประเมินศักยภาพการให้บริการของ รพ. ที่เข้าร่วมโครงการ โดย รพ.ต่างๆ ทั่วประเทศสามารถจองคิวการตรวจทางรังสีวินิจฉัย จองคิวการรักษาด้วยรังสีรักษาและเคมีบำบัดผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังได้พัฒนาโปรแกรม DMS Bed Monitoring เพื่อใช้บริหารจัดการเตียง รวมทั้งพัฒนาแอพพลิเคชั่น DMS Telemedicine ที่ใช้นัดคิวเพื่อขอรับคำปรึกษาทางไกลจากแพทย์ (Tele-Consult) ในการนัดรับยา โดยผู้ป่วยไม่ต้องใช้ใบส่งตัวอีกต่อไป” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีหน่วยบริการรักษาโรคมะเร็งในระบบกระจายทั่วทุกเขต เป็นหน่วยบริการที่รับการส่งต่อเฉพาะด้านรังสีรักษา 36 แห่ง และหน่วยบริการรับส่งต่อทั่วไปด้านเคมีบำบัด 164 แห่ง เพื่อให้บริการผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยในปีงบประมาณ 2563 หลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้สนับสนุนการจัดบริการยาเคมีบำบัดที่บ้าน (Home chemotherapy) สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปัจจุบันมีหน่วยบริการที่ให้บริการยาเคมีบำบัดที่บ้าน 7 แห่ง คือ รพ.รามาธิบดี สถาบันมะเร็งแห่งชาติ รพ.ราชวิถี รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า รพ.จุฬาภรณ์ รพ.มะเร็งชลบุรี และ รพ.มะเร็งลพบุรี นอกจากนี้ สปสช. ได้เตรียมระบบการเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมเพื่อรองรับนโยบายดังกล่าว
“นโยบายโรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อมเกิดจากความร่วมมือระหว่าง สธ. โดย กรมการแพทย์ เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย และ สปสช. โดยมีเครือข่ายภาคประชาชนจะเป็นกลไกสำคัญในสื่อสารข้อมูล ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข และช่วยขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขและระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ก้าวหน้าต่อไป” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ น.ส.ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งไทย (Thai Cancer Society) กล่าวว่า การจัดระบบบริการโรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อมสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งในระบบบัตรทอง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ในฐานะเครือข่ายผู้ป่วยต้องขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้มีนโยบายออกมาช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง สอดคล้องกับนโยบายเดิมที่ว่าใกล้บ้านใกล้ใจ ซึ่งผลักดันให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาในเขตพื้นที่บริการใกล้บ้าน โดยมีญาติคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
รวมคำศัพท์ เกี่ยวกับกีฬา ภาษาอังกฤษ เกม ประเภทต่างๆ ที่ต้องรู้
บทเรียนภาษาอังกฤษหน้านี้ รวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับเกมและกีฬามาให้เรียนรู้กันครับ (ซึ่งจะเพิ่มคำอ่านและสามารถฟังเสียงเจ้าของภาษา ให้ครบทุกคำ เร็วๆ นี้ ครับ) คำศัพท์กีฬาภาษาอังกฤษ aerobics […]
บทเรียนภาษาอังกฤษหน้านี้ รวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับเกมและกีฬามาให้เรียนรู้กันครับ (ซึ่งจะเพิ่มคำอ่านและสามารถฟังเสียงเจ้าของภาษา ให้ครบทุกคำ เร็วๆ นี้ ครับ)
คำศัพท์กีฬาภาษาอังกฤษ
aerobics แอโรบิก
ตัวอย่างประโยค เช่น
– I go to aerobics once a week.[ไปสถานที่ซึ่งสอนแอโรบิก] – She does aerobics.
American football = อเมริกันฟุตบอล
archery (อาร์’ชะรี) = ยิงธนู
athletics (แอธเลท’ทิคซฺ) = กรีฑา
badminton (แบด’มินเทิน) = แบดมินตัน
baseball (เบส’บอล) = เบสบอล
basketball (บาส’คิทบอล) = บาสเก็ตบอล
beach volleyball (บีชฺ วอล’ลีบอล) = วอลเลย์บอลชายหาด
bowling (โบ’ลิง) = กีฬาโบว์ลิ่ง
boxing (บอค’ซิง) = มวย
canoeing = พายเรือแคนู
climbing = การปีน[climb (ไคลบฺ) ปีน]
cricket (คริค’คิท) = กีฬาคริคเก็ต
cycling (ไซ’คลิง) = ปั่นจักรยาน
We did a lot of cycling last year.
dart (ดาร์ท) = ปาเป้า
diving = ดำน้ำ
fishing = ตกปลา
football = ฟุตบอล
go-karting = แข่งรถโกคาร์ท
golf = กอล์ฟ
gymnastics = ยิมนาสติก
handball = กีฬาแฮนด์บอล
hiking = เดินป่า, เดินเขา
hockey = ฮอกกี้
horse racing = แข่งม้า
horse riding = ขี่ม้า
hunting = ล่าสัตว์
ice hockey = ฮอกกี้น้ำแข็ง
ice skating = สเกตน้ำแข็ง
inline skating = อินไลน์สเกต
rollerblading = โรลเลอร์เบลด
jogging = การวิ่งเหยาะ, วิ่งจ๊อกกิ้ง
judo = ยูโด
karate = คาราเต้
kick boxing = มวยไทย
lacrosse (ละครอส’) = ลาครอส[กีฬาที่ใช้สวิงตีลูกบอลเล็ก ใช้คนเล่น 10 คน]
martial arts = ศิลปะการต่อสู้
motor racing = แข่งรถ
mountaineering = ปีนเขา
netball = เนตบอล
pool = แทงบิลเลียด
rowing = การแข่งเรือพาย
rugby = รักบี้
running = วิ่ง
sailing = แล่นเรือใบ
scuba diving = ดำน้ำแบบติดถังออกซิเจน เครื่องช่วยหายใจใต้น้ำ
shooting = ยิงปืน
skateboarding = สเกตบอร์ด
skiing = สกี
snooker = การเล่นสนุกเกอร์
snowboarding = สโนบอร์ด
squash (สควอช) = สควอช
surfing = กีฬาเล่นกระดานโต้คลื่น
swimming = ว่ายน้ำ
table tennis = ปิงปอง
ten-pin bowling = โบลลิ่ง 10 พิน
tennis = เทนนิส
volleyball = วอลเลย์บอล
walking = การเดิน
water polo = โปโลน้ำ
water skiing = สกีน้ำ
weightlifting = กีฬายกน้ำหนัก
windsurfing = โต้คลื่น
wrestling (เรส’ลิง) = กีฬามวยปล้ำ
yoga (โย’กะ) = โยคะ
คำศัพท์เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล
booking = การจองตั๋ว
corner kick / corner = เตะมุม
crossbar / bar = คานประตู
fan = แฟนบอล
foul (เฟาล์) = เล่นผิดกติกา [มักพูดทับศัพท์]
football club = สโมสรฟุตบอล
free kick = การเตะลูกโทษ
goal = ประตู
goal kick = ยิงประตู
goalkeeper = ผู้รักษาประตู
goalpost / post = เสาประตู
half-way line = เส้นครึ่งทาง
half-time = พักครึ่งเวลา
header = ผู้เล่นที่ใช้หัวโหม่งลูก
linesman = ผู้กำกับเส้น
net = ตาข่าย
offside = ล้ำหน้า
pass = ส่งต่อบอล
player = ผู้เล่น
penalty (เพน’เนิลที) = ลงโทษ, ถ่วง
penalty area = บริเวณลูกโทษ
penalty spot = จุดโทษ
red card = ใบแดง
referee = ผู้ตัดสิน
shot = ยิงประตู
supporter = ผู้สนับสนุน
tackle (แทค’เคิล) = แย่งลูก
throw-in = การทุ่ม
touchline = เส้นข้าง
yellow card = ใบเหลือง
World Cup = บอลโลก
คำกริยาในกีฬาฟุตบอลที่น่าสนใจ
to kick the ball = เตะบอล
to head the ball = ใช้ศีรษะโหม่งลูกบอล
to pass the ball = ส่งบอลต่อ
to score a goal = ทำประตูได้
to send off = ส่ง
to book = จอง
to be sent off = ถูกไล่ออกจากสนาม
to shoot = ยิง
to take a penalty = ถูกทำโทษ
สถานที่จัดกีฬา
boxing ring = เวทีมวย
cricket ground = สนามคริกเก็ต
football pitch = ขว้างลูกฟุตบอล
golf course = สนามกอล์ฟ
gym โรงยิม
ice rink ลานสเก็ตน้ำแข็ง
racetrack ลู่แข่ง
running track ลู่วิ่ง
squash court สนามสควอซ
swimming pool สระว่ายน้ำ
tennis court สนามเทนนิส
stand แท่นนั่ง
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับจักรยาน
bell กระดิ่ง
bicycle pump ที่สูบลมจักรยาน
brake เบรก
chain โซ่
gears เกียร์
handlebars ราวจับ
inner tube หลอดใน
pedal คันเหยียบ
puncture ยางรั่ว
puncture repair kit ชุดซ่อมยางรั่ว
saddle อาน
spokes ซี่ล้อรถ
tyre ยาง
wheel ล้อ
to have a puncture ยางรั่ว
to ride a bicycle / to ride a bike ขี่จักรยาน
คำศัพท์อุปกรณ์กีฬาภาษาอังกฤษ
badminton racquet ไม้แบดมินตัน
ball ลูกบอล
baseball bat ลูกเบสบอล
cricket bat ลูกคริกเก็ต
boxing glove นวม
fishing rod คันเบ็ด
football ลูกฟุตบอล
football boots รองเท้าเล่นฟุตบอล
golf club ไม้กอล์ฟ
hockey stick ไม้ฮอกกี้
ice skates สเก็ตน้ำแข็ง
pool cue ไม้แทงบิลเลียด
rugby ball ลูกรักบี้
running shoes รองเท้าวิ่ง
skateboard กระดานเล่นสเก็ต
skis สกี
squash racquet ไม้สควอช
tennis racquet ไม้เทนนิส
เกมบนโต๊ะ
board game กระดานเกม
backgammon แบ็กแกมมอน
chess หมากรุก
dominoes โดมิโน
draughts เกมหมากรุก
go หมากล้อม
table football ฟุตบอลโต๊ะ
คำศัพท์เล่นไพ่ภาษาอังกฤษ
blackjack แบล็คแจ๊ค
bridge บริดจ์
poker โป๊กเกอร์
card ไพ่
pack of cards สำรับไพ่
hand มือ
trick ลูกเล่น
to cut the cards ตัดไพ่
to deal the cards แจกไพ่
to shuffle the cards สับไพ่
suit ไพ่ป๊อกหน้า
hearts โพแดง
clubs ดอกจิก
diamonds ข้าวหลามตัด
spades โพดำ
ace หนึ่งแต้ม
king คิง
queen ควีน
jack แจ็ค
joker โจ๊กเกอร์
your turn! ตาคุณ!
คำศัพท์หมากรุก ภาษาอังกฤษ
chessboard กระดานหมากรุก
piece ตัวหมาก
king ตัวขุน
queen ตัวควีน
bishop ตัวโคน
knight ตัวม้า
rook / castle เรือ
pawn เบี้ย
move การเดินหมากรุก
check รุก
checkmate รุกจนแต้ม
stalemate รุกจนมุม
to take / to capture ยึด
to castle เดินหมาก
to move เดินหมาก
to resign ถอนตัว
your move! ตาคุณ!
good move! เดินได้เยี่ยมเลย!
ศัพท์เกี่ยวกับงานกีฬา
100 metres 100 เมตร
1500 metres 1500 เมตร
discus throw ขว้างจักร
hammer throw ขว้างฆ้อน
high jump กระโดดสูง
hurdles กระโดดข้ามรั้ว
javelin throw พุ่งเหลน
long jump กระโดดไกล
marathon มาราธอน
pole vault กีฬากระโดดค้ำถ่อ
shot put ทุ่มน้ำหนัก
triple jump เขย่ง 9 กระโดด
คำศัพท์อื่นๆ เกี่ยวกับกีฬาที่ควรรู้
to play เล่น
to win ชนะ
to lose แพ้
to draw เสมอ
to watch ชม
game เกม
fixture สิ่งตรึงตรา
match การแข่งขัน
competition การแข่งขัน
league table ตารางลีก
score แต้ม
result ผลลัพธ์
winner ผุ้ชนะ
loser ผู้แพ้
opponent คู่ต่อสู้
umpire กรรมการตัดสิน
spectator ผู้ชม
win ชนะ
loss การแพ้
victory ชัยชนะ
defeat การพ่ายแพ้
draw เสมอ
to play away เล่นนอกบ้าน
to play at home เล่นในบ้าน
Olympic Games เกมโอลิมปิกส์
ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com
แนะธุรกิจไทยปรับ 4 ด้านรับมือ 9 เทรนด์แรงปี 64
สถาบันไอเอ็มซีแนะธุรกิจไทยต้องปรับตัวอย่างน้อย 4 ด้านเพื่อรับมือ 9 เทรนด์เทคโนโลยีมาแรงปี 64 ย้ำองค์กรต้องปรับตัวทั้งเรื่องรูปแบบการทำงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญญาประดิษฐ์ และการเพิ่มความยืดหยุ่นให้บริการเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ยืนยันสังคมไทยหนีไม่พ้นแม้หลายบริษัทเริ่มเรียกพนักงานเข้าสำนักงาน กระตุ้นองค์กรพัฒนาคนให้ทันผ่านหลักสูตรใหม่ของไอเอ็มซีที่ปรับเปลี่ยนตามการวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ทุกปี
รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็มซี (IMC Institute) กล่าวถึงแนวโน้มดิจิทัลปี 2564 ว่าการ์ทเนอร์ได้สรุปทิศทางปี 64 โดยมองสังคมโลกที่เปลี่ยนไปและการเกิดขึ้นของโควิด-19 ทั้งหมดมีผลทำให้คนทั่วโลกต้องเปลี่ยนวิถีการทำงาน การใช้ชีวิต การเว้นระยะห่าง และอีกหลายพฤติกรรม
“การ์ทเนอร์แบ่งเทรนด์เทคโนโลยีปี 2564 ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือผู้คนยังเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง (People centricity) เพราะคนยังคงเป็นศูนย์กลางของธุรกิจที่จำเป็นจะต้องทำให้กระบวนการทำงานต่างๆถูกแปลงเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ กลุ่มที่ 2 คือความเสรีที่สถานที่ทุกแห่งสามารถทำงานหรือเรียนได้ (Location independence)
สอดรับกับรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม และกลุ่มที่ 3 คือธุรกิจต้องปรับและคล่องตัว จะต้องเอาเทคโนโลยีเข้ามารองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น (Resilient delivery) ทั้ง 3 ส่วนนี้จะกลายเป็นยุคใหม่ที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตแห่งพฤติกรรมหรือ Internet of Behaviors ซึ่งธุรกิจต้องเข้าใจลูกค้า”
อินเตอร์เน็ตแห่งพฤติกรรมถือเป็นแนวโน้มแรกที่การ์ทเนอร์ยกให้เป็นดาวเด่นแห่งปีหน้า ขณะที่แนวโน้มที่ 2 ที่ธุรกิจโลกจะมุ่งไปคือการรวบรวมประสบการณ์ที่หลากหลายทั้งจากลูกค้า (customer experience), พนักงาน (employee experience) และผู้ใช้ (user experience) นำมาเพื่อเปลี่ยนแปลงการทำงานให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อประมวลผลข้อมูลได้อย่างปลอดภัย กลายเป็นนวโน้มเทคโนโลยีที่ 3
แนวโน้มที่ 4-6 เกี่ยวข้องกับตำแหน่งสถานที่หรือโลเคชัน ได้แก่ เทคโนโลยีคลาวด์แบบกระจาย การปรับรูปแบบของธุรกิจที่จะให้บริการลูกค้าจากที่ใดก็ได้ รวมถึงให้พนักงานทำงานจากที่ใดก็ได้ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล และการใช้สถาปัตยกรรมแบบกระจาย
แนวโน้มที่ 7-9 โฟกัสที่การปรับตัวของธุรกิจ ได้แก่ การปรับให้บริษัทมีสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็ว การใช้วิศวกรรมระบบแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหากมีช่องทางทำระบบออโตเมชันได้ ธุรกิจก็ควรทำให้กระบวนการทำงานต่างๆเป็นระบบอัตโนมัติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เพื่อให้ตอบ 9 เทรนด์นี้ ธุรกิจจะต้องทำ 4 ด้าน ได้แก่ การปรับกลยุทธ์ด้านการวางแผนสถาปัตยกรรมไอที จากการรวมศูนย์ให้เป็นการกระจาย อาจจะปรับให้ข้อมูลถูกเก็บไว้หลายที่ ทั้งพับลิกคลาวด์หรือที่ใดก็ได้ แต่ต้องทำให้บริการสร้างได้เร็ว ขณะเดียวกันก็ต้องกระจายเรื่องความปลอดภัย จากที่กระจุกแต่ในบางส่วนขององค์กร ก็จะต้องกระจายให้ครอบคลุมทั่วทุกส่วนขององค์กร”
ด้านที่ 2 ที่องค์กรควรปรับตัวคือเรื่องไอที โดยเฉพาะการทำบิ๊กดาต้า เนื่องจากเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญของปีหน้าคือ “อินเตอร์เน็ตแห่งพฤติกรรม” ทำให้ธุรกิจต้องเก็บข้อมูลให้มากที่สุดทั้งในส่วนของระบบ CRM และช่องทางโซเชียล และต้องให้สอดคล้องกับกฏหมาย เพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และสร้างโซลูชันที่ตอบทุกฝ่าย
นอกจากนี้ ทุกองค์กรควรมองไปที่ระบบ AI โดยองค์กรควรลงมือหรือมองแนวทางทำออโตเมชัน รวมถึงเตรียมความพร้อมในส่วนวิศวกร เพื่อปรับให้บริการองค์กรสามารถปรับหรือเพิ่มระบบ AI ให้ฝังอยู่ในบริการ ด้านที่ 3 นี้สอดรับกับด้านที่ 4 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรควรปรับให้มีการออกแบบแอปหรือบริการให้ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบความต้องการได้ตลอด
“4 แนวทางนี้จะสอดคล้องกับหลักสูตรที่สถาบันไอเอ็มซีเตรียมไว้สำหรับเทรนด์ปีหน้า จะประกอบด้วยหลักสูตรผู้บริหาร การวางแผน AI และเทคโนโลยีใหม่รวมถึงบล็อกเชน จะมีการให้ข้อมูลเชิงลึกที่ธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้”
สำหรับหลายธุรกิจไทยที่มีวัฒนธรรมองค์กรประณีประนอม สถาบันไอเอ็มซีมองว่าสังคมไทยมีความผสมผสาน ความเป็นไฮบริดอาจทำให้องค์กรไทยไม่ปรับใช้เทคโนโลยีเต็มที่ แต่ก็ต้องมีเทคโนโลยีไว้ตอบโจทย์ เรียกว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้นเพราะวันนี้มีหลายปัจจัยสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่คนไทยเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้บริการจากทุกที่ ทำให้ระบบงานขององค์กรต้องกระจายตัว
ภาวะนี้ยิ่งเห็นได้ชัดจากสถานการณ์โควิด-19 เพราะองค์กรที่ไม่ได้เตรียมการ จะไม่สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง ดังนั้นทุกธุรกิจจะต้องพร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ว่าหลายองค์กรไทยจะเรียกพนักงานให้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะต้องกำหนดให้พนักงานหรือลูกค้าเดินทางไปศูนย์บริการเท่านั้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับการรับบริการจากที่ใดก็ได้
“สิ่งสำคัญที่ต้องทำคู่ขนานไปกับการปรับตัว 4 ด้านนี้คือการพัฒนาบุคลากร สิ่งที่ไอเอ็มซีทำคือการกระตุ้นให้องค์กรวางกลยุทธ์ด้านคน เนื่องจากความท้าทายหลักของการปรับตัวไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่อยู่ที่คนในองค์กร โควิด-19 ที่ผ่านมาส่งผลให้ผู้คนปรับตัวได้มาก และยิ่งเร่งให้การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลหรือดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันเกิดได้เร็วขึ้น อีกจุดที่ชัดเจนคือโมบายเพย์เมนต์ซึ่งคนไทยคุ้นเคย โควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม คนไทยปรับตัวได้เร็วเพราะถูกบังคับ จึงถือเป็นโอกาสดีที่องค์กรต้องปรับวัฒนธรรม ซึ่งหากวิธีคิดเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็จะต้องนำมาใช้ต่อให้เป็นประโยชน์ ต้องผสมและนำเอาหลักคิดใหม่เข้ามาใช้ให้การทำงานเกิดขึ้นได้มีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้เมื่อเร็วๆนี้ทาง World Economic Forum (WEF) ได้เผยแพร่รายงานเรื่อง The Future of Jobs 2020 ผลการสำรวจมีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะด้านทักษะการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากการเกิดวิกฤติโควิด ซึ่งทาง WEF ระบุว่า การล็อกดาวน์และเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นทั่วโลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของการทำงานอย่างมาก และทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Double Disruption”ทำให้ความต้องการตำแหน่งงานใหม่ๆ มีมากขึ้น WEF ได้ระบุตำแหน่งที่จะมี
ความต้องการอย่างมากในหลายด้านซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมีทักษะทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Data Analysis and Scientist, AI and Machine Learning Specialists, Big Data Specialists นอกจากนี้ยังมีงานใหม่ๆ อีกหลายด้าน ดังเช่น Customer Success Specialist, Digital Marketing and Strategy Specialist หรือ Digital Transformation Specialists
แม้ว่าคาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานที่จะลดลงจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีปี 2025 จะลดลงไป 85 ล้านตำแหน่ง แต่ก็จะมีตำแหน่งงานใหม่ๆ เกิดขึ้นถึง 97 ล้านตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่าองค์กรต่างๆ ยังให้ความสำคัญกับการหาบุคลากรในการทำงานอยู่ แต่ต้องการคนที่มีความสามารถ และปรับทักษะตามการเปลี่ยนแปลงของโลกได้
จากการสำรวจพบว่าครึ่งหนึ่งของพนักงานที่มีอยู่จำเป็นต้องการปรับทักษะใหม่ (Re-skill) และคนที่ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม 40% ต้องเพิ่มทักษะ (Up-skill) การทำงานของตัวเอง เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของการทำงานในรูปแบบใหม่ ซึ่งมีทักษะทั้งทางด้านการใช้เทคโนโลยี การวิเคราะห์ข้อมูล องค์ความรู้ด้านเอไอ ความคิดเชิงสร้างสรรค์ ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน รวมถึงทักษะความเป็นผู้นำ
สำหรับปีนี้ สถาบันไอเอ็มซีมีการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรตามการวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์และทักษะใหม่ตามที่ทาง WEF ระบุไว้ ทำให้มีการเน้นหลักสูตรด้านเอไอ บิ๊กดาต้า Data Science มากขึ้นกว่าทุกปี รวมถึงการวางสถาปัตยกรรมแบบกระจาย การทำไมโครเซอร์วิส ทั้งหมดออกแบบเพื่อให้องค์กรสร้างคนสำหรับการพัฒนาไปสู่อนาคตได้
“ความท้าทายที่สำคัญที่สุดของการปรับตัวเพื่อรับมือเทรนด์ปี 64 ยังคงอยู่ที่ผู้บริหารระดับสูงขององค์กร วิสัยทัศน์ที่ควรมีคือการมองว่าเทคโนโลยีจะเป็นตัวหลักของธุรกิจ โดยต้องเอามาเป็นตัวขับเคลื่อน ใช้เป็นกลยุทธ์นำหน้าและมาก่อนเป็นอันดับต้น เพื่อเปลี่ยนรูปแบบวิธีการทำงานให้ยืดหยุ่นว่าเดิม” รศ.ดร.ธนชาติ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ต้นกระบองเพชรกับ 10 ความลับน่าทึ่งที่ซ่อนไว้ใต้หนามแหลม
ต้นกระบองเพชร กับ 10 ความลับและประโยชน์ของต้นกระบองเพชร ที่มีดีมากกว่าเป็นแค่ต้นไม้จัดสวนหรือต้นไม้วางประดับบนโต๊ะทำงาน ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่เรายังไม่เคยรู้
ต้นกระบองเพชร หรือ แคคตัส (Cactus) เป็นพืชอวบน้ำที่มีรูปร่างสวยงามและหลากหลาย เลี้ยงง่าย ทนต่อทุกสภาพแวดล้อม เลยทำให้ได้รับความนิยมในการตกแต่งสวนหรือปลูกใส่กระถางเล็ก ๆ ไว้ประดับบ้านและวางบนโต๊ะทำงาน แต่รู้หรือไม่ว่าต้นกระบองเพชรหรือแคคตัสที่คุณเลี้ยงอยู่เป็นต้นไม้มหัศจรรย์ที่มีความลับและประโยชน์มากมายเกิดคาดเลยล่ะ
1. มีมากกว่า 2,000 สายพันธุ์
ต้นกระบองเพชรถือเป็นพืชมีความหลากหลายทางสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง ที่มีมากกว่า 2,000 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธู์ก็มีรูปร่างและขนาดต่างกันออกไป เช่น กระบองเพชรคัลเดราที่พบในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกาสูงกว่า 20 เมตร ในขณะที่กระบองเพชรสายพันธุ์รีบูเทียจากประเทศโบลิเวียและอาร์เจนตินานั้นมีความสูงแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
2. มีรากขนาดใหญ่
รากของกระบองเพชรไม่ว่าจะสายพันธุ์เล็กหรือใหญ่ ต่างก็มีรากที่มีขนาดใหญ่และมีความแข็งแรง เนื่องจากพวกมันต้องใช้รากแทงลึกลงในดิน เพื่อดูดซึมและกักเก็บน้ำจากใต้ดิน
3. หนามมีพิษ
หนามของกระบองเพชรที่พบทั่วไปมีขนาดเล็กและเรียวแหลม หากถูกผิวหนังจะแค่รู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่หนามของกระบองเพชรบางสายพันธุ์นั้นมีพิษ เมื่อโดนผิวหนังอาจทำให้มีอาการปวดและเป็นหนองไปหลายวัน ถึงแม้ว่าจะเอาหนามออกจากผิวหนังแล้วก็ตาม
4. ออกดอกต่างเวลา
สีของดอกกระบองเพชรมีหลากหลายขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ทั้งสีขาว เหลือง แดง ชมพู และม่วง อีกทั้งดอกของกระบองเพชรบางสายพันธุ์สามารถอยู่ได้หลายวัน ในขณะที่ดอกกระบองเพชรบางสายพันธุ์บานเช้า-เย็นร่วง บานเฉพาะตอนกลางคืน หรือบานเฉพาะตอนกลางวันเท่านั้น
5. ดอกจะส่งกลิ่นเหม็นเน่าเพื่อล่อแมลง
เช่นเดียวกับดอกไม้ทั่ว ๆ ไป ดอกกระบองเพชรจะผสมเกสรผ่านทางแมลงและนกฮัมมิ่งเบิร์ด โดยดอกกระบองเพชรสีแดงบางชนิด จะส่งกลิ่นคล้ายเนื้อเน่าเพื่อล่อแมลงและนกให้เข้ามาหานั่นเอง
6. รากมีฤทธิ์กดประสาท
รากของกระบองเพชรสายพันธุ์ปีโยเต (Peyote Cactus) สายพันธุ์ท้องถิ่นของเม็กซิโก ถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์ในยุคก่อนการค้นพบของโคลัมบัส โดยจะใช้ในการผ่าตัด เนื่องจากรากกระบองเพชรชนิดนี้มีฤทธิ์กดประสาท ช่วยระงับอาการเจ็บปวดได้
7. ผู้ช่วยชีวิตกลางทะเลทราย
ถึงแม้ว่าน้ำในลำต้นของกระบองเพชรจะมีลักษณะเหนียวข้นและไม่ได้ใสสะอาดน่าดื่ม แต่มีผู้พิสูจน์มาแล้วว่าสามารถดื่มได้ เป็นผู้ช่วยชีวิตสัตว์จากความกระหายในท้องทะเลทรายอันแห้งแล้งมาเยอะแล้ว
8. หนามใช้เย็บแผลได้
เนื่องจากหนามของกระบองเพชรมีลักษณะเรียวแหลมและแข็งคล้ายกับเข็ม จึงสามารถนำไปเย็บแผลได้ แต่ทั้งนี้ต้องผ่านการฆ่าเชื้อก่อน ซึ่งการฆ่าเชื้อก็ทำได้โดยการวางบนถ่านหรือหินร้อน ๆ นอกจากนั้นแล้วชนเผ่าในสมัยก่อนยังใช้หนามของกระบองเพชรในการสักอีกด้วย
9. เยียวยาบาดแผลให้ตนเอง
กระบองเพชรเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์หลายชนิด ถึงแม้ว่าจะมีการสร้างหนามเพื่อป้องกันแล้ว แต่ก็ยังโดนนกและแมลงตัวเล็ก ๆ กัดกินเนื้อและดูดน้ำ ทำให้เกิดรอยขีดข่วนตามลำต้น แต่บาดแผลและรอยขีดข่วนจะหายได้เอง โดยต้นกระบองเพชรจะสร้างเนื้อเยื่อไปแทนที่ส่วนที่แหว่งไป
10. อายุยืนกว่าร้อยปี !
เนื่องจากกระบองเพชรเป็นพืชทนร้อน เลยทำให้ต้นกระบองเพชรป่าสามารถอยู่ได้ถึง 100 ปี ส่วนกระบองเพชรที่นิยมเลี้ยงกันนั้นก็มีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปเลยทีเดียวถ้าได้รับการดูแลที่ถูกต้อง แต่ประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผลจะลดลงเมื่อกระบองเพชรมีอายุมากขึ้น โดยรอยขีดข่วนจะอยู่กับกระบองเพชรนาน อาจจะทำให้ไม่ค่อยสวยเหมือนตอนกระบองเพชรยังอายุน้อย ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก home.kapook.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,050.00 | 26,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,687.00 | 25,574.92 | 26,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,518.30 | 23,017.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,349.60 | 20,459.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 759.00 | 11,506.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 590.00 | 8,944.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,748.00 | 26,499.68 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/12/2563
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 | 22.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 | 22.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.84 | 20.84 | 20.84 | 20.84 | 20.84 | – | 20.84 | 20.84 | 20.84 | 20.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.34 | 18.34 | – | – | – | – | – | – | – | 18.34 |
เบนซิน 95 | 29.76 | – | – | – | 30.21 | – | 30.26 | 29.76 | – | 29.76 |
ดีเซล B7 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 | 23.79 |
ดีเซล | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 | 20.79 |
ดีเซล B20 | 20.54 | 20.54 | 20.54 | 20.54 | 20.54 | – | 20.54 | 20.54 | – | 20.54 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 28.24 | 28.26 | 30.24 | 29.64 | – | – | – | – | – | 28.24 |
แก๊ส NGV | 13.10 | 13.10 | – | – | – | – | – | – | – | 13.10 |