แคมเปญกระตุ้นยอดขาย ฉุดราคาบ้าน -คอนโดฯร่วงต่อ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเผย ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยไตรมาส 4 ปี 2563 พื้นที่ กรุงเทพฯ – ปริมณฑล ยังติดลบต่อหลังผู้ประกอบการอัดแคมเปญช่วยกระตุ้นยอดขาย
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้รายงานดัชนีราคาที่อยู่อาศัยใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ประจำไตรมาส 4 ปี 2563 ว่า ภาพรวมของดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายลดลงต่อเนื่อง 3 ไตรมาส (ตั้งแต่ไตรมาส 2) และ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายลดลงต่อเนื่อง 4 ไตรมาส (ตั้งแต่ไตรมาส 1) ที่อยู่อาศัยทั้ง 2 ประเภทยังคงมีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 โดยเป็นผลมาการแพร่ระบาด COVID-19 รอบ 2 กระทบความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ ทำให้ผู้ประกอบการจำต้องจัดแคมเปญส่วนลดราคาขายทั้งราคาขายและของแถมต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลการจัดทำดัชนีราคาที่อยู่อาศัย ไตรมาส 4 ปี 2563 ลดลงต่อเนื่อง โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2563 มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.8 จุด ลดลงต่อเนื่อง โดยดัชนีราคาบ้านจัดสรรลดลงร้อยละ -0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งติดลบติดต่อกัน 3 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นผลมาจากการลดราคาและจัดรายการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการเพื่อเร่งรัดการตัดสินใจของผู้ซื้อในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีการล็อกดาวน์ทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 (YoY) กลับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 ซึ่งสะท้อนว่า ในภาพรวมของตลาดบ้านจัดสรรมีจุดสูงสุดของราคาที่ไตรมาส 2 ปี 2563 และมีการปรับราคาลงมาอย่างต่อเนื่อง
ดังจะเห็นได้ว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2563 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 126.0 จุด มีการปรับลดลงร้อยละ -0.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แต่มีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์มีค่าเท่ากับ 129.7 จุด มีทิศทางเดียวกัน คือ ลดลงร้อยละ -0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) แต่มีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) เช่นกัน
สำหรับรายการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 41.6 เป็นของแถม เช่น เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน ปั๊มน้ำ แท้งก์น้ำ ฯลฯ รองลงมาร้อยละ 33.0 เป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ และ/หรือ ฟรีค่าส่วนกลาง และร้อยละ 25.4 เป็นส่วนลดเงินสด
สำหรับ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 4 ปี 2563 ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล พบว่ามีค่าดัชนีเท่ากับ 151.9 จุด ลดลงร้อยละ -0.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวติดลบติดต่อกัน 4 ไตรมาส นับตั้งแต่มีการล็อกดาวน์ทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2563 และยังเป็นไตรมาสแรกที่ดัชนีราคาลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า(YoY) ถึงร้อยละ -1.2 ซึ่งสะท้อนว่า ในภาพรวมของตลาดห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายมีจุดสูงสุดของราคาที่ไตรมาส 4 ปี 2562 และมีการปรับราคาลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลที่กำลังซื้อหดตัวทั้งผู้ซื้อชาวไทยในกลุ่มนักลงทุนและชาวต่างชาติที่ติดปัญหาจาก COVID-19 ประกอบกับอุปทานห้องชุดที่เหลือขายที่ทยอยสร้างเสร็จจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นพอสมควร ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องจัดแคมเปญลดราคาขายและจัดโปรโมชั่นเพื่อเร่งรัดการตัดสินใจของผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในไตรมาส 4 ปี 2563 นี้ เมื่อพิจารณาแยกตามพื้นที่ พบว่ากรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 153.3 จุด ลดลงร้อยละ -0.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และลดลงร้อยละ -1.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และขณะที่ปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 144.8 จุด ลดลงร้อยละ -0.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และลดลงร้อยละ -0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) เช่นกัน
สำหรับรายการส่งเสริมการขายห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 43.8 เป็นส่วนลดเงิน รองลงมาร้อยละ 38.4 เป็นของแถม เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ และร้อยละ 17.8 เป็นส่วนลดค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์
“ที่อยู่อาศัยที่เหลือขายที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ศูนย์ข้อมูลได้สำรวจ ณ สิ้นครึ่งแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นบ้านจัดสรรที่มีอยู่ประมาณ 27,907 หน่วย และอาคารชุดที่มีประมาณ 34,481 หน่วย และส่วนหนึ่งจะทยอยสร้างเสร็จออกมาเป็น inventory ของผู้ประกอบการในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอยู่ในภาวะที่อาจมีกำลังซื้อและความมั่นใจลดลง น่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันให้ผู้ประกอบการยังคงมีการใช้มาตรการลดราคาและส่วนลดของแถมมากระตุ้นตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากส่วนหนึ่งผู้ประกอบการจะมีภาระด้านต้นทุนที่ลดลงจากความช่วยเหลือของรัฐบาลในเรื่องภาษีที่ดินฯ และการยืดระยะเวลาในการใช้ราคาประเมินฯ ใหม่ออกไป อีกทั้งการออกแคมเปญยังเป็นการสอดรับกับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของรัฐในการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ที่จะมีขึ้นและขยายเพดานไปครอบคลุมบ้านราคาสูงกว่า 3 ล้านบาทอีกด้วย”
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การประสานมือของภาครัฐและเอกชนเช่นนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการซื้อที่อยู่อาศัยในตลาดได้ดี เพราะประชาชนจะสามารถซื้อบ้านในราคาไม่แพง และค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ก็น้อย นับเป็นโอกาสดีสำหรับคนไทยที่ต้องการมีบ้านนะครับ สำหรับผู้ประกอบการคงต้องอดทน การขยายโครงการใหม่ๆ จะต้องสอดคล้องความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และต้องมีการบริหารสภาพคล่องที่ดี “ผมเชื่อว่า การดำเนินการเช่นนี้จะช่วยให้เราจะผ่านวิกฤตนี้ได้อย่างดีด้วยกัน”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทะลวง ทางเข้า-ออก สนามบิน”สุวรรณภูมิ”ลาก ไฮสปีดไปอู่ตะเภา
ตอกเข็ม ไฮสปีดซีพี คมนาคม ขอที่ดินกรมทางหลวง-เวนคืนที่ดินทางเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมอู่ตะเภา ไล่ร้อ บุกรุกกว่า300 ราย หลังชยธรรม์ พรหมศร นั่งหัวโต๊ะคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน ครั้งที่ 1/2564
นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานประชุมคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ครั้งที่ 1/2564 (ครั้งที่ 12) โดยมี ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงบประมาณ กระทรวงพลังงาน กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กรุงเทพมหานคร การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม
การประชุมครั้งนี้ เป็นการรับทราบและติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานของคณะทำงานฯ ได้แก่ การขอใช้พื้นที่ของกรมทางหลวงและเวนคืนพื้นที่บริเวณทางออกสุวรรณภูมิ ซึ่งรูปแบบแนวเส้นทางของโครงการรถไฟความเร็วสูงขาออกจากสถานีสุวรรณภูมิไปยังอู่ตะเภาจะก่อสร้างอยู่ระหว่างโครงสร้างของโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เดิมกับถนนต่างระดับขาเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของกรมทางหลวง และต้องมีการเวนคืนพื้นที่ในช่วงทางโค้งเข้าบรรจบกับทางวิ่งหลัก โดยมีการเวนคืนพื้นที่ 1 ไร่ 89 ตารางวา ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบตามแนวทางดังกล่าว
โดยเอกชนคู่สัญญาตกลงปรับรูปแบบโครงสร้างบริเวณจุดตัดทางต่างระดับ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างทางยกระดับศรีนครินทร์ – ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (M7) ตามที่กรมทางหลวงออกแบบ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางดำเนินการของฝ่ายรัฐ ได้แก่ การรังวัดโฉนดที่ดินในเขตตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน การทำสัญญาจ่ายค่าทดแทนการเวนคืน
การขอใช้พื้นที่หน่วยงานรัฐในพื้นที่เวนคืน ซึ่งปลัดกระทรวงคมนาคมขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยประสานงานกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ส่วนการโยกย้ายผู้บุกรุกในช่วงสุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา จากทั้งหมด 302 หลัง ได้ดำเนินการไปแล้ว 300 หลัง และฝ่ายเอกชนได้เริ่มดำเนินการล้อมรั้วเพื่อป้องกันผู้บุกรุกแล้ว และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยติดตามตรวจสอบไม่ให้มีประชาชนบุกรุกเข้าพื้นที่ พร้อมทั้งให้รายงานต่อที่ประชุมทุก ๆ เดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แบงก์ทีเอ็มบีกำไรปี63โต40%
ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย แจ้งผลประกอบการไตรมาส 4 และ 12 เดือน ปี 2563 โดยรวมแล้วผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ทั้งด้านรายได้และการบริหารค่าใช้จ่ายปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) 9,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสที่แล้ว รวมทั้งปี PPOP อยู่ที่ 37,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงการรับรู้ผลประโยชน์จากการรวมกิจการ ซึ่งทำได้ตามแผนตลอดทั้งปี จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้ ธนาคารจึงตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นแม้ว่าสัดส่วนหนี้เสียยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.5% โดยในไตรมาส 4 ตั้งสำรองฯ อีก 8,237 ล้านบาท รวมทั้งปีเป็นจำนวน 24,831 ล้านบาท ถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินเพื่อรับมือกับแนวโน้มเศรษฐกิจและผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2564 หลังหักสำรองฯ และภาษี กำไรสุทธิ ปี 2563 อยู่ที่ 10,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2562
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า สำหรับทีเอ็มบีและธนชาต เป้าหมายหลักในปี 2563 เป็นเรื่องของการดำเนินการตามแผนรวมกิจการเพื่อให้เกิดการรับรู้ผลประโยชน์ด้านงบดุล (Balance Sheet Synergy) และด้านต้นทุน (Cost Synergy) และเพื่อให้การรวมธนาคาร (Integration) เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคมนี้ แต่เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 สิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ลูกค้าทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และกลายมาเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญในปีที่ผ่านมา
ในด้านผลประกอบการ แน่นอนว่ามีแรงกดดันด้านรายได้จากเศรษฐกิจที่หดตัวและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้ง อย่างไรก็ดี ทีเอ็มบีและธนชาตสามารถดำเนินการตามแผนรวมกิจการได้ตามเป้าหมาย จึงทำให้เกิด Balance Sheet Synergy จากการปรับโครงสร้างเงินฝากและสินเชื่อ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนรายได้ดอกเบี้ย ขณะที่ Cost Synergy ซึ่งเกิดจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดค่าใช้จ่ายที่ทับซ้อนกันระหว่าง 2 ธนาคาร ช่วยให้ธนาคารสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างดี ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานยังคงแข็งแกร่ง
ในด้านการบริหารความเสี่ยง แม้ว่าสัดส่วนหนี้เสียในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.50% ใกล้เคียงกับ 2.35% ในปีก่อนหน้า และลูกค้าส่วนใหญ่ที่ออกจากโปรแกรมพักชำระหนี้สามารถกลับมาชำระหนี้ตามปกติ แต่ธนาคารประเมินว่าสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่จะกลับมาสร้างแรงกดดันต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าในช่วงถัดไป ดังนั้น จึงตัดสินใจตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากผลการดำเนินงานที่ยังคงดีอยู่ ผลลัพธ์คือสัดส่วนเงินสำรองฯ ต่อหนี้เสียซึ่งเปรียบเสมือนกันชนรับความเสี่ยงปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 134% เทียบกับ 120% ในปี 2562 ถือเป็นการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบและเตรียมการล่วงหน้าเพื่อรองรับแนวโน้มหนี้เสียในอนาคตภายหลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2563 สินเชื่อภายใต้โปรแกรมพักชำระหนี้ของธนาคารลดลงจากระดับประมาณ 40% ในช่วงเริ่มต้นโปรแกรม มาอยู่ที่ประมาณ 15% ของสินเชื่อรวม ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่เข้ามาขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังจากที่โปรแกรมแรกจบลง
สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินรอบ 12 เดือน ปี 2563 มีดังนี้ เงินฝากอยู่ที่ 1.37 ล้านล้านบาท ลดลง 1.8% จากสิ้นปี 2562 การลดลงดังกล่าวเป็นไปตามแผนการบริหารการเติบโตของเงินฝากให้สอดคล้องกับภาวะสินเชื่อ และการปรับโครงสร้างเงินฝากหลังการรวมกิจการ โดยการปรับลดสัดส่วนเงินฝากประจำและแทนที่ด้วยเงินฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์หลัก เช่น เงินฝาก All Free และเงินฝาก No Fixed ซึ่งยังคงเติบโตได้ดี
เงินให้สินเชื่ออยู่ที่ 1.39 ล้านล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน ตามการชะลอตัวของสินเชื่อใหม่ และการปรับโครงสร้างเพื่อเสริมคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ โดยการลดสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันลง ทั้งนี้ เมื่อรวมพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารธนชาตเข้ามา ส่งผลให้สินเชื่อที่มีหลักประกันมีสัดส่วนสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพอร์ตสินเชื่อรายย่อย ซึ่งประมาณ 90% ของพอร์ตเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน
ด้านรายได้ ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 53,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.3% จากปีก่อนหน้า (YoY) หนุนโดยส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย หรือ NIM ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.00% จาก 2.81% ในปีก่อนหน้า เป็นผลจากการรับรู้ Balance sheet synergy และการบริหารการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 14,986 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7% YoY การเติบโตที่น้อยกว่าด้านรายได้ดอกเบี้ย สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ต่อรายได้ค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ที่ 10,575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% YoY จากการชะลอตัวของรายได้จากการขายประกันและกองทุนรวมโดยเฉพาะในไตรมาส 2 ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 68,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72.8% YoY
ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้น แม้ว่าในปีนี้ธนาคารมีการทำ Integration แต่จากการรับรู้ประโยชน์ด้าน Cost synergy ก็ทำให้สามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ทำให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 46% จาก 51% ในปีที่แล้ว และส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ ทรงตัวในระดับแข็งแกร่งที่ 37,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.6% จากปี 2562 และเอื้อให้ธนาคารสามารถตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้นเป็น 24,831 ล้านบาท หลังหักสำรองฯ และภาษี ธนาคารรายงานกำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 10,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.0% จากปี 2562
ด้านสภาพคล่องและเงินกองทุนยังคงแข็งแกร่ง โดยอัตราส่วน LCR ซึ่งบ่งบอกถึงสินทรัพย์สภาพคล่องที่ใช้รองรับความผันผวนในภาวะวิกฤต ในปีผ่านมาอยู่ในช่วง 170%-220% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 100% มาโดยตลอด สำหรับความเพียงพอของเงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูงเป็นลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมธนาคารไทย โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 อัตราส่วน CAR และ Tier I (เบื้องต้น) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.5% และ 15.4% จาก 18.9% และ 14.6% ในปีก่อนหน้า และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 11.0% และ 8.5% ตามลำดับ
นายปิติ ตัณฑเกษม กล่าวในตอนท้ายว่า “ด้วยการเตรียมการและเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินในปี 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารมีความพร้อมในการรับมือกับปี 2564 และพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดในครั้งใหม่ ด้านการรวมธนาคารคาดว่าเสร็จสิ้นได้ตามแผนภายในเดือนกรกฎาคมนี้”
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“กุลวุฒิ-พรปวีณ์” ไม่พลาด ควงคู่ลิ่วรอบ 2 แบดฯ ไทยแลนด์ โอเพ่น
“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ กับ “น้องหมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ ควงคู่เข้ารอบสองได้ตามคาด ในศึกขนไก่ “โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น”
วันที่ 20 ม.ค.64 การแข่งขันแบดมินตัน รายการ “โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น” ทัวร์นาเมนต์เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,100,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี โดยวันนี้เป็นการชิงชัยในวันที่สอง ซึ่งยังคงเป็นการชิงชัยในรอบแรก
ประเภทชายเดี่ยว “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 29 ของโลก พลิกแซงเอาชนะ โลห์ เคียน ยิว มืออันดับ 38 ของโลก จากสิงคโปร์ หวุดหวิด 2-1 เกม 14-21, 21-16, 21-10 เข้ารอบสองไปรอพบผู้ชนะระหว่าง วิคเตอร์ อเซลเซ่น อันดับ 4 ของโลกจากเดนมาร์ก
ส่วน กันตภณ หวังเจริญ แพ้ กา หลง แองกัส มือวางอันดับ 7 ของรายการ จากฮ่องกง 0-2 เกม 20-22, 12-21 “ไบรท์” สัพพัญญู อวิหิงสานนท์ แพ้ โจว เทียน เฉิน เต็ง 2 ของรายการจากไต้หวัน 0-2 เกม 16-21, 4-21
ประเภทหญิงเดี่ยว “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 13 ของโลก ใช้เวลาเพียง 19 นาที เอาชนะ ฮาเดีย ฮอสนี มืออันดับ 103 ของโลก จากอียิปต์ 2-0 เกม 21-6, 21-7 เข้ารอบไปพบกับรุ่นน้องชาวไทยอย่าง “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด ที่เอาชนะ เยฟเกนิยา โคเซทสกายา มืออันดับ 25 ของโลก จากรัสเซีย ไปแบบสนุก 2-1 เกม 21-15, 17-21, 21-19
ด้าน “จิว” พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ แพ้ อัน เซ ยอง มือวางอันดับ 7 ของรายการ จากเกาหลีใต้ 0-2 เกม 12-21, 8-21 ณัฐชนันพร รุ่งพิบูลโสภิษฐ์ แพ้ อิวอน หลี่ จากเยอรมนี 1-2 เกม 10-21, 21-16, 14-21
ประเภทชายคู่ ณัฐชนน ตุลาโมกข์ กับ อภิรักษ์ เกตุระหงษ์ ของไทย แพ้ มาร์ค แลมฟัสส์ กับ มาร์วิน ซีเดล จากเยอรมนี 0-2 เกม 14-21, 11-21
ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ-วิว” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก ชนะ ซีติ ฟาเดีย รามาดานติ กับ ริปกา ซูกรีอาโต คู่มืออันดับ 32 ของโลก จากอินโดนีเซีย 2-0 เกม 21-11, 21-10 เข้ารอบสองไปพบกับ อเมลี แม็กลุนด์ กับ ฟรีกา ราเวน คู่มืออันดับ 41 ของโลกจากเดนมาร์ก ที่เอาชนะ “เจน” เฌอย์นิชา สุดใจประภารัตน์ กับ “นั่ง” ชาสิณี โกรีภาพ คู่มืออันดับ 50 ของโลกมาได้ 2-0 เกม 21-10, 21-13
ส่วน ลักษิกา กัลละหะ กับ อทิตยา โปวานนท์ แพ้ วีมาลา เฮอรีอู กับ มาร์ก๊อต แลมเบิร์ท คู่มืออันดับ 60 ของโลกจากฝรั่งเศส 0-2 เกม 20-22, 21-23
และประเภทคู่ผสม “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน ชนะ มาติอัส คริสเตียนเซ่น กับ อเล็กซานดรา โบเย จากเดนมาร์ก 2-1 เกม 21-16, 15-21, 21-18.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
รู้หรือไม่? “ไส้เลื่อน” เกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
หลายคนอาจเข้าผิดคิดว่า “ไส้เลื่อน” เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้เฉพาะกับผู้ชายเท่านั้น แต่ความจริงแล้วผู้หญิงก็สามารถเป็นไส้เลื่อนได้ ซึ่งไส้เลื่อนคืออะไร เกิดขึ้นกับผู้หญิงได้อย่างไรนั้น ไปหาคำตอบพร้อมกันกับ
อ. นพ.พงศศิษฏ์ สิงหทัศน์ สาขาวิชาศัลยศาสตร์อุบัติเหตุและเวชบำบัดวิกฤตศัลยกรรม ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กันเลย
ไส้เลื่อนเกิดจากอะไร
ไส้เลื่อนเกิดจากความผิดปกติของผนังช่องท้องที่อ่อนแรงมาตั้งแต่เกิด หรือเกิดจากการที่ผู้ป่วยเคยได้รับการผ่าตัดจนทำให้ผนังช่องท้องบริเวณนั้นอ่อนแอ ในบางกรณีสามารถเกิดขึ้นจากแรงดันที่มากผิดปกติในช่องท้อง เช่น ไอ-จาม ยกของหนัก ทำให้ลำไส้หรือกลุ่มไขมันในช่องท้องบริเวณนั้น เลื่อนออกมาจากตำแหน่งที่เคยอยู่
อาการของไส้เลื่อน
ในตอนเริ่มต้นผู้ป่วยที่เป็นไส้เลื่อนนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ แสดงออกมาให้เห็นชัดเจน ต้องอาศัยการสังเกตจากลักษณะภายนอกเป็นหลัก เช่น มีก้อนลักษณะตุงนูนยื่นออกมาบริเวณที่เคยผ่าตัด หรือบริเวณขาหนีบ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษาจะเริ่มมีอาการจุก ไปจนถึงเจ็บปวดบริเวณที่มีก้อนตุงนูนออกมาจนถึงขั้นรู้สึกแน่นท้อง ปวดแสบปวดร้อน ซึ่งเป็นอาการในระดับรุนแรงต้องได้รับการผ่าตัดด่วน
ไส้เลื่อนเกิดขึ้นได้บริเวณใดบ้าง
ผู้หญิงเป็นไส้เลื่อนได้หรือไม่
นอกจากไส้เลื่อนจะสามารถเกิดขึ้นได้หลายส่วนของร่างกายแล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชายอีกด้วย แต่จะพบได้ในผู้ชายมากกว่า เนื่องจากบริเวณขาหนีบของผู้ชายจะมีช่องถุงอัณฑะที่อ่อนแรงได้ง่าย ทำให้มีโอกาสเกิดไส้เลื่อนขึ้นมากกว่า ส่วนไส้เลื่อนที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากการยกของหนัก รวมถึงผ่าตัดหรือผ่าคลอดเนื่องจากการตั้งครรภ์จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องอ่อนแรงจนเกิดไส้เลื่อนขึ้นมาได้
อันตรายที่เกิดจากไส้เลื่อน
ไส้เลื่อนเป็นภาวะที่ไม่อันตรายแต่ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานเพราะจะทำให้ลำไส้ทะลักออกมาเยอะจนผนังของช่องท้องเกิดการรัดตัวทำให้ลำไส้ขาดเลือด เนื้อเยื่อเกิดการติดเชื้อและตายในที่สุด ซึ่งในกรณีนี้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินอย่างเร็วที่สุด เพราะหากผ่าไม่ทันอาจถึงขึ้นเสียชีวิตจากการติดเชื้อได้
ข้อดีข้อเสีย หรือว่า จุดเด่นจุดด่อย ภาษาอังกฤษพูดว่ายังไงดีนะ?
มีใครสงสัยไหมว่า ถ้าเราพูดว่าข้อดีข้อเสีย หรือว่า จุดเด่นจุดด่อย เพื่ออธิบายถึงของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือใครคนใดคนหนึ่ง เป็นภาษาอังกฤษจะพูดว่าอะไรดีนะ
อันที่จริงเราสามารถพูดและเขียนได้หลากหลายแบบ เลยละสำหรับการอธิบายถึง ข้อดีข้อเสีย ตัวอย่างเช่น
Strengths หมายถึง จุดแข็ง
Weaknesses หมายถึง จุดอ่อน
Advantages หมายถึง ข้อได้เปรียบ
Disadvantages หมายถึง ข้อเสียเปรียบ
Reasons to support หมายถึง เหตุผลที่สนับสนุน
Reasons to oppose หมายถึง เหตุผลที่สนับสนุน
Positive points หมายถึง มุมมองด้านบวก
Negative points หมายถึง มุมมองด้านบวก
Pros หมายถึง ข้อดี (ย่อมาจาก ภาษาลาตินว่า for หรือ in favour of)
Cons หมายถึง ข้อเสีย (ย่อมาจาก ภาษาลาตินว่า contra แปลว่า against)
ส่วนใหญ่ถ้าเป็นทางการหน่อยก็จะใช้ Advantages กับ Disadvantages หรือ Strengths กับ Weaknesses ก็ได้
คราวนี้ก็หายสงสัยกันแล้วอย่าลืมนำไปใช้กัน อย่าลืมใช้ให้ถูกคู่ของมันนะห้าม แยกกัน เช่น Strengths ก็ใช้กับ Weaknesses หรือ Pros ก็ใช้กับ Cons
ขอบคุณข้อมูลจาก shorteng.com
‘ไปรษณีย์’ ชู รถควบคุมอุณหภูมิ ส่งของสด – สินค้าเกษตร หนุนธุรกิจช่วง โควิด – 19
ไปรษณีย์ไทย เดินหน้าพัฒนา “รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ” ขนส่งสินค้าประเภทอาหาร ผลผลิตทางการเกษตร และของสด หนุนผู้ประกอบการช่วงโควิด-19
นายกาหลง ทรัพย์สอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์ โควิด – 19 ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคมักจะมีการสั่งซื้อและฝากส่งสินค้าประเภทอาหารแห้ง อาหารสด และอาหารแปรรูปกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อให้สอดรับกับความต้องการและสร้างความพึงพอใจในด้านดังกล่าว
5 ประโยชน์จาก “กาแฟดำ” หอม ละมุน แถมดีต่อสุขภาพ
กาแฟดำ (Black Coffee) ถึงแม้จะมีรสชาติที่ขมและฝาด แต่มันก็มีเสน่ห์จนทำให้หลายคนติดอกติดใจ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย บทความนี้ Hello คุณหมอ จึงเอาใจคอกาแฟ ด้วยการนำประโยชน์ของกาแฟดำ มาให้ทุกคนได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น
ทำความรู้จัก กาแฟดำ (Black Coffee)
กาแฟดำ มีรสชาติและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ อีกด้วย เช่น ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ป้องกันตับ ส่งเสริมการลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากาแฟดำจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเพียงใด แต่เราควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน เราไม่ควรรับประทานกาแฟมากกว่า 400 มิลลิกรัมต่อวัน หากคุณเป็นคนติดกาแฟ ควรจำกัดปริมาณการดื่มกาแฟไม่ให้เกิน 4 ถ้วย ต่อวัน เพราะหากดื่มมากจนเกินไป ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน
โภชนาการของกาแฟดำ
กาแฟดำปริมาณ 8 ออนซ์ มีสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ ดังต่อไปนี้
- พลังงาน 2 แคลอรี่
- โปรตีน 0 กรัม
- ไขมัน 0 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม
- ไฟเบอร์ 0 กรัม
- น้ำตาล 0 กรัม
- โซเดียม (Sodium) 5 มิลลิกรัม
- โรคมะเร็ง
กาแฟดำมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งในช่องปาก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่
- โรคตับแข็ง
การดื่มกาแฟ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคตับแข็งที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ หากดื่มกาแฟ 4 ถ้วย ขึ้นไปต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงของการเป็นโรคตับแข็งจากแอลกอฮอล์ได้มากถึง 80%
- โรคเบาหวาน
ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำมีความเสี่ยงต่ำต่อการเป็นโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2 นอกจากนี้ปริมาณคาเฟอีน (Cafeine) ในกาแฟยังมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อม
โรคอัลไซเมอร์ (Alzeimer) เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะสมองเสื่อม ภาวะนี้มักส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไป จากผลการวิจัย ได้มีข้อระบุว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้ถึง 65%
- บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
การดื่มกาแฟ 1-2 ถ้วย เป็นประจำทุกวัน สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดต่าง ๆ รวมถึงหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบในร่างกายให้ลดลงอีกด้วย
นอกจากกาแฟดำจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีดีทั้งกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม มีประโยชน์ทางสุขภาพ และยังมีข้อดี คือ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว แต่เราก็ไม่ควรบริโภคกาแฟดำมากกว่า 4-5 แก้ว ต่อวัน เพราะนอกจากจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้นอนไม่หลับ ยังอาจจะเกิดอาการติดคาเฟอีนได้อีกด้วย
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,400.00 | 26,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,710.00 | 25,923.60 | 27,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,539.00 | 23,331.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,368.00 | 20,738.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 770.00 | 11,673.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 599.00 | 9,080.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,772.00 | 26,863.52 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/01/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 | 24.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 | 23.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 22.74 | 22.74 | 22.74 | 22.74 | 22.74 | – | 22.74 | 22.74 | 22.74 | 22.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.49 | 19.49 | – | – | – | – | – | – | – | 19.49 |
เบนซิน 95 | 31.66 | – | – | – | 32.11 | – | 32.16 | 31.66 | – | 31.66 |
ดีเซล B7 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 |
ดีเซล | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 | 22.09 |
ดีเซล B20 | 21.84 | 21.84 | 21.84 | 21.84 | 21.84 | – | 21.84 | 21.84 | – | 21.84 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.54 | 29.56 | 31.54 | 30.94 | – | – | – | – | – | 29.54 |
แก๊ส NGV | 13.12 | 13.12 | – | – | – | – | – | – | – | 13.12 |