กทม.เร่งโครงข่ายถนนพลิกโฉมโซนตะวันตก เม.ย.เปิด “วงแหวน-สาย 2”
กทม.เร่งเครื่องโครงข่ายใหม่ แก้ปัญหาการจราจร พลิกโฉมทำเลโซนตะวันตก ดีเดย์ เม.ย.เปิดใช้ถนนต่อเชื่อม “วงแหวนฯ-พุทธมณฑลสาย 2” ศาลาธรรมสพน์ ปลายปีวิ่งฉิว “อุโมงค์แยกไฟฉาย” ทุ่ม 2.4 พันล้าน ลุยสร้างถนนพุทธมณฑลสาย 2-3 เดินหน้าของบประมาณปี’65 จำนวน 1.3 พันล้าน เวนคืนที่ดินสร้างทะลุพุทธมณฑลสาย 4 นครปฐม
นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประมาณต้นเดือน เม.ย. 2564 นี้ กทม.จะเปิดการจราจรโครงการต่อเชื่อมถนนกาญจนาภิเษก-ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งงานก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. และเร่งปรับปรุงภูมิทัศน์ให้แล้วเสร็จเดือน เม.ย.นี้ หลังจากเริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2561 มีบริษัท ประยูรวิศร์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างด้วยวงเงิน 1,135 ล้านบาท ล่าช้าจากสัญญามีกำหนดแล้วเสร็จวันที่ 13 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมา
ทะลวงการจราจรฝั่งธนบุรี
รูปแบบโครงการเป็นการก่อสร้างทางยกระดับจากถนนกาญจนาภิเษก-ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ขนาด 4-6 ช่องจราจร และทางแยกต่างระดับบริเวณจุดตัดถนนพุทธมณฑลสาย 2 และก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 6 ช่องจราจร พร้อมจุดกลับรถใต้สะพาน ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง รวมระยะทาง 1.67 กม.
“โครงการจะเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรของพื้นที่ฝั่งธนบุรี ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ถนนเพชรเกษม ถนนบรมราชชนนี ถนนสายรองโดยรอบ และยังเชื่อมโยงโครงข่ายถนนระหว่างพื้นที่กรุงเทพฯโซนตะวันออก-ตะวันตกให้สมบูรณ์ เดินทางสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น”
ลุยพุทธมณฑลสาย 2 ทะลุสาย 4
นายไทวุฒิกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ โครงการต่อเชื่อมถนนกาญจนาภิเษก-ถนนพุทธมณฑลสาย 2 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างถนนพรานนก-ถนนพุทธมณฑลสาย 4 มีระยะทาง 15.2 กม. ซึ่ง กทม.แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ช่วง
ช่วงที่ 1 จากถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนกาญจนาภิเษก ความยาว 7.13 กม. เปิดใช้งานเมื่อปี 2558
ช่วงที่ 2 ถนนกาญจนาภิเษก-ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ระยะทาง 1.67 กม. จะเปิดใช้ในเดือน เม.ย. 2564 นี้
ช่วงที่ 3 ถนนพุทธมณฑลสาย 2-ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ระยะทาง 3.4 กม. เปิดประมูลแล้ว ค่าก่อสร้างรวมงานระบบไฟฟ้าและประปา วงเงิน 2,403 ล้านบาท ขณะนี้ได้ผู้ชนะประมูลงานโยธาแล้ว คือ กลุ่มกิจการร่วมค้าเอสซีพี (สามประสิทธิ์และประยูรชัย) วงเงิน 1,532 ล้านบาท อยู่ระหว่างให้สิทธิผู้เสนอราคาพิจารณาอุทธรณ์ หากไม่มีข้อขัดข้องคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในเดือน ก.พ.นี้ ใช้เวลาก่อสร้าง 720 วัน หรือประมาณ 2 ปี
“ช่วงนี้จะก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 8 ช่องจราจร ก่อสร้างสะพานข้ามคลอง ทางแยกต่างระดับบริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 3 และส่วนต่อเนื่อง”
และ ช่วงที่ 4 ถนนพุทธมณฑลสาย 3-ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ระยะทางประมาณ 3 กม. อยู่ระหว่างขอจัดสรรงบประมาณเพื่อเวนคืนและก่อสร้างในปี 2565 วงเงิน 1,300 ล้านบาท ยังไม่รวมงานระบบไฟฟ้าและประปา หากได้รับอนุมัติจะใช้เวลาสร้าง 720 วัน
“เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นโครงข่ายใหม่ที่เชื่อมจากศิริราชถึง จ.นครปฐม”
มี.ค.ขยายศาลาธรรมสพน์เสร็จ
ด้านแหล่งข่าวจาก กทม.กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการปรับปรุงถนนศาลาธรรมสพน์จากถนนพุทธมณฑลสาย 2 ถึงถนนทวีวัฒนาค่าก่อสร้าง 204.4 ล้านบาท ก่อสร้างถนนขนาด 2-4 ช่องจราจร พร้อมขยายสะพานข้ามคลอง 5 แห่ง เป็นทางลัดเชื่อมพื้นที่กรุงเทพฯกับนครปฐมและนนทบุรี อีกทั้งช่วยการจราจรจากถนนบรมราชชนนี และแก้ปัญหาน้ำท่วมบนถนนศาลาธรรมสพน์
ปัจจุบันกำลังเร่งรัดงานผิวจราจรและงานไหล่ทางบริเวณสะพานข้ามคลองบางคูเวียงให้แล้วเสร็จในวันที่ 15 ก.พ. และเร่งรัดงานก่อสร้างบ่อไฟฟ้าใต้ดินบริเวณคลองบางคูเวียงของการไฟฟ้านครหลวงให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ภายในวันที่ 8 มี.ค.นี้
ปลายปีวิ่งฉลุยอุโมงค์แยกไฟฉาย
และภายในปี 2564 จะเปิดการจราจรโครงการอุโมงค์ทางลอดถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพรานนก หรือแยกไฟฉาย วงเงิน 788 ล้านบาท ระยะทาง 1.25 กม. หลังได้รับพื้นที่คืนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แล้ว ทางบริษัท กำแพงเพชรวิวัฒน์ก่อสร้าง จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้างได้เดินหน้าก่อสร้างเมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา หลังหยุดสร้างเมื่อปี 2557 เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างทับซ้อนกับโครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ
ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 70% เดิมตั้งเป้าจะสร้างเสร็จเปิดใช้ต้นปีนี้ แต่เนื่องจากงานก่อสร้างที่เหลือค่อนข้างยาก เป็นงานระบบ และขุดอุโมงค์อยู่ด้านล่างรถไฟฟ้า จะต้องใช้เวลาดำเนินการ ซึ่งจะเร่งให้เสร็จปลายปีนี้ จากนั้นต้นปี 2565 จะเก็บความเรียบร้อยของโครงการเสร็จทั้งหมด เมื่อเปิดใช้จะช่วยลดการติดขัดการจราจรบริเวณทางแยกไฟฉาย
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
เทรนด์“เช่าแทนซื้อ”ที่ดินย่านซีบีดีมาแรง ระบุปีนี้แลนด์ลอร์ดบางรายยอมลดราคารักษาสภาพคล่อง
ซีบีอาร์อี ระบุแนวโน้มเช่าซื้อที่ดินย่านศูนย์กลางธุรกิจโตต่อเนื่องหลังราคาที่ดินสูงไม่คุ้มลงทุนซื้อพัฒนาโครงการหันมาเช่าแทนเหตุต้นทุนถูก สามารถเข้ากองรีทได้ เผยแลนด์ลอร์ดบางรายยอมลดราคาลงต้องการเงินสดมาเพิ่มสภาพคล่องในช่วงเศรษฐกิจขาลง
นางกุลวดี สว่างศรี หัวหน้าแผนกการลงทุนและที่ดิน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวถึงแนวโน้มราคาที่ดินว่า ในปี 2563 ธุรกรรมของซีบีอาร์อีส่วนใหญ่ และเป็นที่ดินในเมือง จะเป็นการเช่าที่ดินทั้งสิ้น การซื้อขายไม่มีเลยในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD: Central Business District) เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากที่ดินแบบมีกรรมสิทธิ์ หรือ “ฟรีโฮลด์”(freehold)ในย่านใจกลางเมืองพุ่งสูงขึ้นเพราะในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของ หรือ บริษัท ต่างตั้งราคาที่ดินไว้สูง ทำให้การพัฒนาสินค้าและโครงการออกมาขายยากส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการส่วนใหญ่หันมาเช่าที่ดิน หรือ“ลีสโฮลด์”(leasehold)
ทั้งนี้ เนื่องจากการเช่าที่ดิน มีต้นทุนถูกกว่าการซื้อที่ดินราคาแพง เพราะสามารถนำไปพัฒนาโครงการและทำกำไรได้ จึงเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยม โดยบางบริษัทได้เช่าที่ดินเพื่อพัฒนาและนำขายเข้าทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT)หรือ กองรีท คาดการณ์ว่า ในปีนี้จะเป็นแนวทางเดียวกับปี2563ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากการชะลอตัวของกำลังซื้อตลาดคอนโดถือเป็นปัจจัยหลักให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างชะลอการซื้อที่ดิน ในการพัฒนาคอนโดในปีที่ผ่านมา และจากข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า การซื้อขายที่ดินในศูนย์กลางธุรกิจหรือซีบีดี ใน 3 ทำเลหลักในกรุงเทพฯ ได้แก่ 1. เพลินจิต-ลุมพินี 2.สุขุมวิท และ 3.สีลม-สาทร จะเห็นว่า ราคาที่ดินในแต่ละทำเล ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตเพลิตจิต-ลุมพินี มีการซื้อขายสูงถึง 3.9 ล้านบาทต่อตร.วในปี 2562 สุขุมวิท ราคาซื้อขายสูงสุด 2.8 ล้านบาทต่อตร.ว. ขณะที่สาทร-สีลม ปรับราคาไม่สูงเท่ากับ 2 ทำเลแรก โดยมีการซื้อขายอยู่ที่ 1.7 ล้านบาทต่อตร.ว.
นางกุลวดี กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า ในปีที่ผ่านมาทำเลย่านสุขุมวิท สีลม และสาทร ราคาที่ดินที่ซีบีอาร์อีดูแลอยู่ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก และบางแปลงเจ้าของยอมลดราคาลงมาจากเดิมตั้งราคาไว้1.6-1.7 ล้านบาทต่อตร.ว.ปรับราคาลงมาอยู่ที่ 1.4-1.5 ล้านบาทต่อตร.ว. เพราะเจ้าของที่ดินต้องการขายและให้เร่งโอนกรรมสิทธิ์เร็ว เนื่องจากมีความจำเป็นในเรื่องของกระแสเงินสด เช่นเดียวกับผู้ประกอบการบางราย ที่มีที่ดินสะสมไว้จํานวนมาก ได้นําที่ดินบางส่วนออกเสนอขายเพราะขาดสภาพคล่อง รวมถึงลดภาระทางภาษี ที่ดินบางแปลง โดยปล่อยเช่าในระยะสั้น เพื่อสร้างรายได้ อาทิ ทำตลาดนัด ที่จอดรถ จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้น
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ก.อุตฯ เร่งทำประชาพิจารณ์มาตรฐานหน้ากากอนามัย-ชูแล็ปทดสอบพร้อมการันตี คาดบังคับใช้ส.ค.นี้
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หน้ากากอนามัยกลายเป็นของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของประชาชนทุกคนตามวิถีปกติใหม่ หรือ นิว นอร์มัล (New Normal) จึงทำให้เกิดความต้องการใช้หน้ากากอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้มีการจำหน่ายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพปะปนอยู่ในท้องตลาดหลากหลายรูปแบบ และราคาที่แตกต่างกันไป
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า มีการนำหน้ากากอนามัยไม่ได้มาตรฐานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน จึงต้องเร่งรัดให้ สมอ. ดำเนินการประกาศเป็นสินค้าควบคุม
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า ด้านห้องแล็ปทดสอบหน้ากากอนามัยในประเทศมีความพร้อมดำเนินงานอย่างเต็มที่ มีขีดความสามารถในการทดสอบตามมาตรฐานกำหนดได้ครบทุกรายการ เพื่ออำนวยความสะดวก และลดภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการโดยไม่ต้องส่งสินค้าไปทดสอบยังต่างประเทศ และหากผู้ประกอบการรายใดต้องการยื่นขอ มอก. สามารถยื่นคำขอออนไลน์ผ่านระบบ E-license ได้ที่ https://itisi.go.th/e-license/ ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะนี้ สมอ. อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์เพื่อหาข้อสรุปมาตรฐานหน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว มอก.2424-2562 ที่ยอมรับได้จากทุกฝ่าย คาดว่ามาตรฐานดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งผู้ประกอบการที่ทำ หรือนำเข้าสินค้าดังกล่าวจะต้องขออนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำหรือนำเข้า จึงขอแจ้งไปยังผู้ประกอบการให้ทราบและเตรียมตัวยื่นขอใบอนุญาตก่อนวันที่มาตรฐานจะมีผลบังคับใช้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แบ่งตามระดับการใช้งานและการป้องกันออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 หน้ากากอนามัยสำหรับใช้งานทั่วไป ระดับที่ 2 หน้ากากอนามัยสำหรับใช้งานด้านการแพทย์ทั่วไป และระดับที่ 3 หน้ากากอนามัยสำหรับใช้งานด้านการแพทย์ในทางศัลยกรรม ซึ่งทั้ง 3 ระดับนี้ จะมีประสิทธิภาพในการกรองแบคทีเรีย กรองอนุภาคขนาดเล็ก และป้องกันไม่ให้ของเหลวซึมผ่านได้
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ สมอ. ได้ออกใบอนุญาต มอก.2424-2562 หน้ากากอนามัยใช้ครั้งเดียว ระดับที่ 1 สำหรับการใช้งานทั่วไปให้บริษัท เท็กซ์ไทล์ เพรสทีจ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายแรกของไทยที่ได้รับการรับรองคุณภาพสินค้าจาก สมอ. ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Welcare”
“ขอเตือนประชาชนให้เลือกซื้อหน้ากากอนามัยเฉพาะที่มี มอก. เท่านั้น เพื่อจะได้มั่นใจว่ามีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย” เลขาธิการ สมอ. กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก khaosod.co.th
“เอฟไอวีบี” เลือก “นุศรา” ติดท็อป 100 นักตบผลงานเด่นรอบทศวรรษ
“สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ” เลือก “นุศรา ต้อมคำ” มือเซตทีมชาติไทย เข้ามาอยู่ในหัวข้อ Roster 100 หรือ 100 นักตบที่มีผลงานโดดเด่นในรอบทศวรรษ
วันที่ 5 ม.ค. 64 สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) เลือก นุศรา ต้อมคำ มือเซตทีมชาติไทย เข้ามาอยู่ในหัวข้อ Roster 100 หรือ 100 นักตบที่มีผลงานโดดเด่นในรอบทศวรรษ
องค์กรลูกยางโลก เริ่มต้นนำเสนอเรื่องราวของนักกีฬาวอลเลย์บอล ทั้งในร่ม และชายหาด ทีละคน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 โดยจะเป็นผู้เล่นที่มีผลงานโดดเด่น ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
FIVB เลือก มือเซตทีมชาติไทย พร้อมกับหัวข้อว่า เหตุใด “นุศรา” เธอจึงโดดเด่น และไม่เหมือนกันเซตเตอร์ทั่วไป
“คนที่มีอิทธิพลในการลงเล่นของฉันคือตัวฉันเอง ในแต่ละปีฉันต้องต่อสู้และแข่งขันกับตัวเองเพื่อเอาชนะความกดดันที่เข้ามา” นุศรา เผยกับ FIVB
“มือเซตแต่ละคนมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน เนื่องจากความคิดที่แตกต่างกัน ซึ่งบางทีจำเป็นที่จะต้องพยายามทำให้แตกต่าง เพราะฉันชอบที่จะสร้างสรรค์การจ่ายบอลที่ดี มันเป็นความท้าทาย แม้การจ่ายบอลที่ยากจะมีความเสี่ยงสูง แต่มันก็คงตื่นเต้นเมื่อคุณทำมันได้”
นุศรา ยังเผยถึงผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่ชื่นชอบคือ นาตาเลีย เปเรรา หัวเสาทีมชาติบราซิล ที่ทั้งคู่เคยลงเล่นด้วยกันในช่วงฤดูกาล 2016-17, 2017-18 กับทีมเฟเนร์บาห์เช ที่ประเทศตุรกี
“ฉันชื่นชอบผู้เล่นหลายคน แต่ในบรรดาคนที่ฉันเคยเล่น และชอบจ่ายบอลให้นั่นคือ นาตาเลีย เปเรรา เธอเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถและเป็นเพื่อนที่ดี”
“แมตช์ที่น่าจดจำที่สุดสำหรับฉัน คือการแข่งขันเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2017 ที่ประเทศญี่ปุ่น เป็น ไทย เราสามารถเอาชนะ บราซิล ไปได้ 3-0 เซต” มือเซตสาวไทย กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
สูดดมฝุ่น PM 2.5 ปริมาณมาก เสี่ยงเกิดโรคเรื้อรัง
ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกับสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย โดยทางสถาบันโรคทรวงอก เตือนหากได้รับฝุ่น PM 2.5 ปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการทำงานอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
นายแพทย์อเนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอกกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ฝุ่น PM 2.5ส่งผลกระทบด้านสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทำให้กระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง อาจเสียชีวิตได้หากไม่รู้จักป้องกันตนเอง
โดยผู้ที่ได้รับฝุ่น PM2.5 มักมีอาการไอเรื้อรังระคายเคืองตา คัดจมูก แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ผิวหนังเป็นตุ่ม หรือผื่นนูนแดง และถ้าหากได้รับในปริมาณมากติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง ทั้งโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็งปอด โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งอันตรายของฝุ่น PM2.5 เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของ PM2.5 ทุก 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะเพิ่มการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น 0.38% สมรรถภาพของปอดลดลงประมาณ 3.5 มิลลิลิตร และการเจริญเติบโตของปอดลดลง 1.4 มิลลิลิตรต่อปี เพิ่มอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคปอด 6% เพิ่มอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคมะเร็ง 8% และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคหัวใจ 4% นอกจากนี้หากผู้ที่ตั้งครรภ์สูดดมฝุ่น PM2.5 เป็นเวลานานจะส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์อีกด้วย
ควรป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากาก N95 หากไม่มีให้สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น ซึ่งสามารถกรองฝุ่นละอองได้บางส่วน หลีกเลี่ยงกิจกรรมนอกบ้านเมื่ออากาศปิดไม่มีลมพัดผ่าน ควรปลูกต้นไม้เช่น ต้นจั๋ง ต้นเดลี่ และต้นวาสนา เพื่อช่วยกรองอากาศและดูดสารพิษ หมั่นดื่มน้ำสะอาด ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เพื่อลดควันดำจากการเผาไม้เครื่องยนต์ อาบน้ำชำระร่างกายทันทีเมื่อออกไปทำธุระนอกบ้าน ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นภายในบ้าน หากพบอาการผิดปกติของร่างกายให้รีบมาพบแพทย์ทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
25 ศัพท์ที่ความหมายปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิม
ว่ากันว่าภาษาต่าง ๆ ที่ยังไม่ตายมันจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ภาษาอังกฤษก็เช่นกันค่ะ หลายครั้งคำศัพท์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เมื่อหลายสิบปีก่อนหรือร้อยปีก่อนมันอาจจะไม่ได้หมายความตามที่เราเข้าใจกันอยู่ก็เป็นได้ และนี่ก็คือคำศัพท์ทั้ง 25 คำในภาษาอังกฤษ ที่ความหมายใหม่ของมันเปลี่ยนไปจากความหมายเดิมจนเรายังนึกไม่ถึงกันเลยค่ะ
ALIENATE
คำว่า alienate เหมือนกับคำว่า alien เป็นศัพท์ที่มาจากคำในภาษาละตินที่ว่า alienus ซึ่งเคยเอาไว้ใช้เรียกสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ติดต่อสื่อสารไม่ได้ หรือว่าต่างที่ต่างถิ่น และเมื่อคำว่า alienate ปรากฎในภาษาอังกฤษครั้งแรกในฐานะศัพท์ทางกฎหมายในช่วงกลางศตวรรษที่ 1400s มันหมายถึงการโอนความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ไปสู่คนอื่น มันจึงกลายเป็นสินศัพท์ที่ต่างที่/ต่างถิน หรือติดต่อสื่สารไม่ได้สำหรับคุณ แต่สำหรับในปัจจุบันนี้คำนี้มีความหมายว่า ออกห่าง หรือแปลกแยกค่ะ
AMBIDEXTROUS
คำนี้จริง ๆ แล้วหมายความว่า “สามารถใช้มือทั้งสองมือได้ดีเหมือนกัน หรือว่าถนัดทั้งสองมือนั่นเอง” แต่ความหมายปัจจุบันของมันไม่ใช่ความหมายเดิมของมันเสียทีเดียวนะคะ คำนี้เข้ามาในภาษาอังกฤษประมาณกลาง ๆ ศตวรรษที่ 16 และ ambidexter ก็คือคนที่รับเงินได้โต๊ะจากทั้งฝั่งที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย คำว่า ambidextrous จึงแปลว่า “คนสองหน้า” ในสมัยนั้นค่ะ ไม่ใช่คนถนัดสองมือแบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน
BUNNY
คำว่า Bunny ที่ปัจจุบันแปลว่ากระต่ายนั้นมาจากคำว่า bun ซึงในภาษาอังกฤษสมัยเก่าและว่ากระรอกค่ะ ไม่ใช่กระต่าย
CHEAP
คำว่า cheap หมายถึงอะไรก็ตามที่มี “ต้นทุนต่ำ” ซึ่งการเกิดขึ้นของคำนี้ก็สาวย้อนกลับไปได้ถึง 500 ปีเลยทีเดียว มันอาจจะไม่ได้ฟังดูทันสมัยขนาดนั้น แต่เมื่อเทียกับความจริงที่ว่าการบันทึกคำศัพท์ cheap ครั้งแรก ๆ นั้นเกิดในช่วงศตวรรษที่ 9 นั่นแล้ว ซึ่งเป็นคำที่หมายถึงบางอย่างที่อยู่ในหมวดหมู่ของ “การขาย” หรือ “การต่อรอง” หรือ “การตลาด” ดังนั้นสมัยก่อนการ cheapen อะไรบางอย่าง จริง ๆ หมายความว่าของสิ่งนั้นราคาเท่าไรนั่นเองค่ะ
DUMP
ทุกวันนี้ถ้าได้ยินใครพูดว่า “down in the dump” จะหมายความว่าเราอยู่ในอารมณ์ย่ำแย่ หม่นหมอง ไร้ชีวิตชีวาสุดขีดใช่ไหมคะ แต่คำว่า dump เดิมนั้นมาจากภาษาอังกฤษแบบทูดอร์ ซึ่งแปลว่าไม่มีสติ เหม่อลอย (absent-minded) จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือการฝันกลางวันนั่นเองค่ะ ไม่ได้มีความหมายที่ขึ้งเครียดอย่างที่ใช้กันในปัจจุบันนะคะ คำนี้นี่มีรากมาจากภาษาเยอรมัน คำว่า “Domp” แปลว่าหมอกค่ะ
EXPLODE
คำเติมท้าย -plode ที่อยู่ในคำว่า “explode” (ระเบิด) มาจากรากเดียวกับคำว่า “applaud” (ปรบมือ) ซึ่งเดิมแล้วหมายความว่า “ไล่นักแสดงให้ลงจากเวที” ค่ะ
FANTASTIC
ความเชื่อมโยงกับสิ่งที่ fantastic กับความเป็น fantasy ในสมัยก่อนมันเกี่ยวข้องกันมากกว่าในปัจจุบันค่ะ เดิมทีแล้วคำว่า fantastic มีความหมายว่า “มีอยู่เพียงแค่ในจินตนาการเท่านั้น” หรือจะเรียกว่า “ไม่เป็นจริง” “สร้างจากความฝัน” ก็ได้ ไม่ต่างจากคำว่า fantasy ที่หมายถึง “ความฝัน” เลย เพราะสิ่งที่ fantastic นั้นจะพิเศษมาก หรือไม่ก็แปลกประหลาดมาก ซึงคำนี้มันดันมาเกี่ยวข้องกับสิ่งสวยงามมหัศจรรย์ด้วย ก็เลยลงเอยเป็นความหมายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
FASCINATED
รากศัพท์ของคำว่า fascinated มาจากภาษาละตินคำว่า fascinus ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับมนต์วิเศษ หรือว่าเวทย์มนต์ เช่นนั้นแล้วความหมายเดิมมันจึงหมายถึง “การสะกด” หรือ “การต้องมนต์” ไม่ใช่แค่ “น่าสนใจ” หรือว่า “ตื่นตาตื่นใจ” เท่านั้น
GAMUT
ก่อนหน้าที่จะมีการใช้ “โด-เร-มี” กัน โน้ตตัวที่เสียงต่ำของเสียงดนตรีคือ ut (อึต) ค่ะ และเสียงที่ต่ำที่สุดของเสียง ut ก็คือเสียง gamma ut (กามมา อึต) ซึ่งเอามาเรียกง่าย ๆ กันว่า gamut (กามุต) พอเวลาผ่านไป คำว่า gamut ก็กลายมามีความหมายรวม ๆ ว่าช่วงเสียงดนตรี ซึ่งความหมายแบบสมัยใหม่นี้ได้มากจากการนิยามคำช่วง 1700s นั่นเอง
GIRL
น่าแปลกมาก แต่คำว่า girl นั้นเดิมทีแล้วเป็นคำกลาง คือคำที่ไม่มีเพศ เหมือนที่เราใช้คำว่า child หรือคำว่า kid ความหมายของมันเริ่มมาเจาะจง หรือใช้เฉพาะเพศเอาเมื่อช่วงศตวรรษที่ 15 นี่เอง หลังจากคำว่า Boy ซึ่งเดิมหมายความว่า “คนใช้/ผู้ช่วยที่เป็นเพศชาย” เอามาใช้ในภาษาอังกฤษ (เดาว่าอาจจะเขามาจากภาษาฝรั่งเศส) แล้วก็เอาความหมายอีกครึ่งหนึ่งของคำว่า girl ไปได้ ทำให้เราต้องใช้ทั้ง boy และ girl กันในทุกวันนี้
HANDICAP
นิรุกติศาสตร์คติชนเชื่อว่าคำว่า handicap มาจากทหารบาดเจ็บที่กลับมาจากสงครามและไม่สามารถทำงานได้ จึงถูกบังคับให้ออกไปขอทานตามถนนด้วยการถือหมวกไว้ในมือ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่จริงเลย อันที่จริงแล้ว คำว่า handicap มาจากการค้าขายหรือต่อรองทางธุรกิจแบบเก่า ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะต้องให้บุคคลที่สามซึ่งเป็นกลางเข้าถึงสินค้าได้ด้วย แล้วคน ๆ นี้ก็จะตรวจสอบมูลค่าที่แตกต่างกัน เพื่อให้แน่ใจว่าของที่เอามาขายนั้นมีราคาเท่ากัน ถ้าทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยกับราคาที่เขาตั้งขึ้น ก็จะหย่อนเงินเล็กน้อยลงบนหมวกที่ไม่ได้กลับด้านของเขา และเขาก็จะเก็บเงินจำนวนนั้นไว้ได้เป็นค่าทำสัญญา ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย ก็จะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นและเขาก็จะไม่ได้เงินเลย จากความหมายนี่เองที่ภายหลังเรามี handicap race หรือการแข่งขันกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแรงที่สุดจะต้องถูกกีดขวางไว้เพื่อการแข่งขันที่เป็นธรรม ในช่วงศตวรรษที่ 18 และช่วงปลาย ๆ ศตวรรษที่ 18 นั่นเองที่ความหมายทั่วไปของคำนี้กลายเป็นความหมายว่า สิ่งกีดขวาง หรือเครื่องกีดขวาง
HUSBAND
คำว่า Husband เดิมแล้วหมายความว่า “ผู้เป็นเจ้าของบ้าน” หรือหัวหน้าของครอบครัว โดยไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่แต่งงานแล้วด้วยนะคะ เพราะรากศัพท์ของมันมีความหมายว่า “บ้าน” หรือ “การอยู่อาศัย” (รากศัพท์เชิงประวัติของคำว่า house) นั่นเอง ในขณะที่คำว่า wife หมายถึง “ผู้หญิง” ซึ่งความหมายเดิมก็ยังอยู่รอดมาจนทุกวันนี้ อย่างที่เห็นในคำว่า housewife หรือ midwife นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
THAI QM 2021 คืออะไร หลังกระทรวงมหาดไทย ใช้ THAI QM 2021 คุมโควิด-19
THAI QM 2021 คืออะไร หลายท่านอาจยังไม่รู้ แต่มีความสำคัญในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในไทย เป็นระบบที่มีความสำคัญและความจำเป็นสำหรับการประเมินสถานการณ์ทั้งในระดับพื้นที่ และส่วนกลาง รองรับมาตรการสำคัญตามข้อกำหนดฯ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาประเมินเพื่อบริหารสถานการณ์ และจะเป็นการรวบรวมผลการดำเนินงานได้อย่างเป็นระบบ มาดูกันว่า THAI QM 2021 ที่กระทรวงมหาดไทย ได้ทำขึ้น มีอะไรบ้าง รู้ไว้ว่าทุกจังหวัดก็ใช้ THAI QM 2021 ณ ตอนนี้
THAI QM 2021 คืออะไร
THAI QUARANTINE MONITOR คือ ระบบสารสนเทศบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย โดยพัฒนาต่อจาก ระบบรายงานข้อมูลผู้เดินทางเข้าหมู่บ้าน ชุมชน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในชื่อ (Thai QM = THAI QUARANTINE MONITOR ) มาทำใหม่ โดยออกแบบตามมาตรา 9 ของ พรก ฉุกเฉิน 2548 ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 3 มกราคม 2564
THAI QM 2021 ทุกจังหวัดต้องรายงานข้อมูลดังนี้
- รายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยโควิด-19
- รายงานข้อมูลโรงพยาบาลสนาม
- รายงานข้อมูลผู้เดินทางเข้าหมู่บ้าน/ชุมชน
- รายงานด่านตรวจ
- รายงานข้อมูลแผนที่สถานการณ์ ของแต่ละจังหวัด
ทั้งหมดนี้คือเบื้องหลังที่ทำให้ได้ข้อมูลประเมินสถานการณ์โควิด-19 ทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ และเพื่อวางแผนในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อ อีกทั้งในเรื่องการเตรียมโรงพยาบาลสนามให้เพียงพอกับผู้ติดเชื้อในแต่ละจังหวัด
กะเพรา สรรพคุณและประโยชน์ของกะเพรา 29 ข้อ !
กะเพรา
กะเพรา เขียนอย่างไร ? ระหว่าง กะเพรา หรือ กระเพรา หรือ กะเพา ? ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ นั้นระบุว่าที่ถูกต้องก็คือว่า กะเพรา [-เพรา] ที่เป็นไม้ล้มลุกใช้ปรุงเป็นอาหาร ส่วนคำว่า “กะเพา” จะหมายถึงเครื่องสานชนิดหนึ่ง และคำว่า “กระเพรา” ไม่พบในพจนานุกรมแต่อย่างใด สรุปก็คือ เขียนว่า “กะเพรา“
กะเพรา ชื่อสามัญ Holy basil, Sacred basil
กะเพรา ชื่อวิทยาศาสตร์ Ocimum tenuiflorum L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Ocimum sanctum L.) จัดอยู่ในวงศ์กะเพรา (LAMIACEAE หรือ LABIATAE)
สมุนไพรกะเพรา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า กอมก้อ กอมก้อดง (เชียงใหม่), ห่อกวอซู ห่อตูปลู อิ่มคิมหลำ (แม่ฮ่องสอน), กะเพราขน กะเพราขาว กะเพราแดง (ภาคกลาง), อีตู่ไทย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เป็นต้น
กะเพราเป็นไม้ล้มลุกที่มีความสูงของต้นประมาณ 30-60 เซนติเมตร โคนต้นออกแข็ง กะเพราแดงจะมีลำต้นสีแดงอมเขียว กะเพราขาวมีลำต้นสีเขียวอมขาว และยอดอ่อนมีขนสีขาว มีใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวรูปรีออกตรงข้ามกัน ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบแหลม ขอบใบเป็นจักฟันเลื่อยและเป็นคลื่น แผ่นใบมีขนสีขาว ส่วนดอกกะเพราจะออกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกสีขาวแกมม่วงแดงมีจำนวนมาก กลีบเลี้ยงโคนจะเชื่อมติดกัน ปลายเรียวแหลม ด้านนอกมีขน กลีบดอกแบ่งเป็น 2 ปาก ปากบน 4 แฉก ปากล่าง 1 แฉกและยาวกว่าปากบน มีขนประปราย เกสรตัวผู้มี 4 อัน ส่วนผลเป็นผลแห้ง เล็ก เมื่อแตกออกจะมีเมล็ดสีดำถึงน้ำตาลคล้ายรูปไข่
กะเพราจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด ทั้งตำรับยาไทยและต่างประเทศก็ระบุว่ากะเพราเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลายด้าน อย่างตำราสมุนไพรไทยบ้านเราก็บรรยายสรรพคุณของกะเพราเอาไว้ว่า รสฉุน ร้อน ช่วยขับลมแก้ซาง แก้ท้องขึ้น จุกเสียดแน่นท้อง ปวดท้อง ช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยบำรุงธาตุ เป็นต้น และในต่างประเทศก็มีการใช้กะเพราในการรักษาโรคกันอย่างกว้างขวางยิ่งกว่าบ้านเราเสียอีก โดยเฉพาะประเทศอินเดีย เขาถือว่ากะเพราเป็นยารักษาโรคได้ทุกโรค และยังจัดเป็นราชินีแห่งสมุนไพร (The Queen of herbs) หรือเป็นยาอายุวัฒนะ (The Elixir of life) เลยก็ว่าได้
กะเพรามีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ กะเพราแดงและกะเพราขาว โดยกะเพราแดงจะมีฤทธิ์ที่แรงกว่ากะเพราขาว ในสรรพคุณทางยาจึงนิยมใช้กะเพราแดง โดยส่วนที่นำมาใช้ทำเป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนของใบ ยอดกะเพรา (ทั้งสดและแห้ง) และทั้งต้น แต่ถ้านำมาใช้ประกอบอาหารจะนิยมใช้กะเพราขาวเป็นหลัก
สรรพคุณของกะเพรา
- ใช้ทำเป็นยาอายุวัฒนะ (the elixir of life)
- ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและป้องกันอาการหวัดได้ (ใบ)
- กะเพราเป็นส่วนประกอบของยาสมุนไพรหลายชนิด เช่น ยารักษาตานขโมยสำหรับเด็ก ยาแก้ทางเด็ก ฯลฯ
- รากแห้งนำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม ช่วยแก้โรคธาตุพิการ (ราก)
- ช่วยบำรุงธาตุไฟ (ใบ)
- ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน (ใบ)
- ช่วยแก้อาการปวดด้วยการใช้ใบกะเพรานำมาคั้นรับประทานสด 1 ถ้วยตะไล จะช่วยแก้อาการปวดมวนท้องได้เป็นอย่างดี (ใบ)
- ช่วยขับลมแก้อาการปวดท้องอุจจาระ (ใบ)
- ใบกะเพรามีสรรพคุณช่วยขับลมในกระเพาะ (ใบ)
- ช่วยแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง (ใบ)
- ช่วยแก้ลมซานตาง (ใบ)
- น้ำสกัดจากทั้งต้นของกะเพรามีฤทธิ์ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
- ช่วยย่อยไขมัน (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
- ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
- กะเพรามีสรรพคุณช่วยขับน้ำดี (น้ำสกัดจากทั้งต้น)
- ช่วยแก้ลมพิษ ด้วยการใช้ใบกะเพราประมาณ 1 กำมือนำมาตำผสมเหล้าขาวแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นลมพิษ (ใบ)
- ใช้ทำเป็นยารักษากลากเกลื้อน ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 20 ใบนำมาขยี้ให้น้ำออกมา แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้งจนกว่าจะหาย (ใบ)
- ใช้เป็นยารักษาหูด ด้วยการใช้ใบกะเพราแดงสดนำมาขยี้แล้วทาบริเวณที่เป็นหูดเช้า-เย็น จนกว่าหัวหูดจะหลุดออกมา โดยระวังอย่าให้เข้าตาและถูกบริเวณผิวที่ไม่ได้เป็นหูด เพราะจะทำให้เนื้อดีเน่าเปื่อยและรักษาได้ยาก (ใบสด)
- ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ ด้วยการใช้ใบกะเพรานำมาตำผสมกับเหล้าขาว แล้วนำมาทาบริเวณที่ถูกกัด ห้ามนำมารับประทานเด็ดขาดเพราะจะมีสารยูจีนอล (Eugenol) ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารและอาจถึงขั้นโคม่าได้ (ใบ)
- ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้ (น้ำมันใบกะเพรา)
- มีงานวิจัยพบว่ากะเพราสามารช่วยยับยั้งสารอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษที่มักพบเจือปนในอาหารซึ่งเป็นสารก่อโรคมะเร็งได้ (สารสกัดจากกะเพรา)
- ใบกะเพรามีฤทธิ์ในการช่วยขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย ช่วยลดระดับไขมันในร่างกายและช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ โดยมีการใช้ใบกะเพราในกระต่ายทดลอง โดยให้กระต่ายกินใบกะเพราติดต่อ 4 สัปดาห์พบว่าระดับไขมันโดยรวมลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันเลว (LDL) ลดลง แต่ไขมันชนิดดี (HDL) กลับเพิ่มขึ้น
- ช่วยเพิ่มน้ำนมให้สตรีหลังคลอดบุตร ด้วยการใช้ใบกะเพราสดประมาณ 1 กำมือ นำมาใส่แกงเลียงรับประทานบ่อย ๆ ในช่วงหลังคลอด (ใบ)
- นำเมล็ดไปแช่น้ำจะพองตัวเป็นเมือกขาว นำมาใช้พอกบริเวณตา เมื่อมีฝุ่นละอองหรือเศษผงเข้าตา ผงหรือฝุ่นละอองก็จะหลุดออกมา โดยไม่ทำให้ตาของเรานั้นช้ำอีกด้วย (เมล็ด)
- ใบและกิ่งสดของกะเพรามีการนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยด้วยการต้มกลั่นจนได้น้ำมันหอมระเหยร้อยละ 0.08 – 0.1 โดยมีราคาประมาณกิโลกรัมละหนึ่งหมื่นบาท
- ใช้ไล่ยุงหรือฆ่ายุง ด้วยการใช้ทั้งใบสดและกิ่งสด เอาใบมาขยี้แล้ววางใกล้ตัว ๆ จะช่วยไล่ยุงและแมลงได้ โดยน้ำมันกะเพราที่สกัดมาจากใบจะมีคุณสมบัติช่วยไล่ยุงได้ดีกว่าต้นสด (ใบสด, กิ่งสด)
- น้ำมันสกัดจากใบสด ช่วยล่อแมลง ทำให้แมลงวันทองบินมาตอมน้ำมันนี้ (น้ำมันสกัดจากใบสด)
- ใช้ในการประกอบอาหารและช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ในเมนูกะเพราสุดโปรด เช่น ผัดกะเพรา แกงเลียง แกงป่า แกงคั่ว แกงเขียวหวาน แกงส้มมะเขือขื่น ผัดกบ ผัดหมู ผัดปลาไหล พล่าปลาดุก พล่ากุ้ง หรือจะนำใบกะเพรามาทอดแล้วใช้โรยหน้าอาหารเมนูต่าง ๆ ก็ได้ ฯลฯ
- ใบกะเพราสามารถช่วยดับกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้ (ใบ)
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 25,550.00 | 25,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,655.00 | 25,089.80 | 26,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,489.50 | 22,580.82 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,324.00 | 20,071.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 745.00 | 11,294.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 579.00 | 8,777.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,715.00 | 25,999.40 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 05/02/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 24.65 | 24.65 | 24.95 | 24.65 | 24.65 | 24.65 | 24.65 | 24.65 | 24.65 | 24.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 24.38 | 24.38 | 24.68 | 24.38 | 24.38 | 24.38 | 24.38 | 24.38 | 24.38 | 24.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.14 | 23.14 | 23.44 | 23.14 | 23.14 | – | 23.14 | 23.14 | 23.14 | 23.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.69 | 19.69 | – | – | – | – | – | – | – | 19.69 |
เบนซิน 95 | 32.06 | – | – | – | 32.51 | – | 32.56 | 32.06 | – | 32.06 |
ดีเซล B7 | 25.49 | 25.49 | 25.79 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 | 25.49 |
ดีเซล | 22.49 | 22.49 | 22.79 | 22.49 | 22.49 | 22.49 | 22.49 | 22.49 | 22.49 | 22.49 |
ดีเซล B20 | 22.24 | 22.24 | 22.74 | 22.24 | 22.24 | – | 22.24 | 22.24 | – | 22.24 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 29.94 | 29.96 | 32.24 | 31.34 | – | – | – | – | – | 29.94 |
แก๊ส NGV | 13.35 | 13.35 | – | – | – | – | – | – | – | 13.35 |