สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564

นาทีทอง เศรษฐีเงินเย็น  ช็อปบ้านถูก-จ่ายค่าโอนตํ่า 

นาทีทอง เศรษฐีเงินเย็น   ช็อปบ้านถูก-จ่ายค่าโอนตํ่า 

2564  ถือเป็นนาทีทอง อีกปี สำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง หรือหาบ้านหลังที่สองหลังที่สาม เพื่อให้บุตรหลานอยู่อาศัยใกล้แหล่งงานสถานศึกษา ตลอดจนคนเก็งกำไรลงทุนให้เช่าระยะยาว 

เพราะนอกจากผู้ประกอบการจะนำโครงการออกกระหน่ำลดราคา จัดแคมเปญครั้งใหญ่แล้ว ล่าสุดมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และจดจำนอง ช่วยเหลือคนซื้อบ้านตลอดจนผู้ประกอบการของรัฐบาล มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป จนถึงปลายปี วันที่ 31 ธันวาคม  2564 

ท่ามกลางอสังหาริมทรัพย์ ทั่วประเทศที่มีสต็อกท่วมตลาด กว่า 3 แสนหน่วย ทั้งก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างก่อสร้างซึ่ง สัดส่วน 70-80% เป็นที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มคนทำงานมนุษย์เงินเดือน ระดับล่างที่มีกำลังไม่เกิน 3 ล้าน บาทจะหายไปจากตลาดเกือบ 100 %  จากสถานการณ์โควิด แต่ในมุมกลับกันเป็นจังหวะที่ดีของเศรษฐีเงินเย็น 

คนมีเงินเก็บออมไว้ในบัญชี โดยดอกเบี้ยไม่เคลื่อนไหว อีกทั้งนักลงทุนในตลาดหุ้นที่พลาดโอกาสทำกำไร   อาจเบนเข็ม “ใช้เงินทำงาน” ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในราคาถูก แต่มีมูลค่าเพิ่ม ให้ผลตอบแทนในระยะยาวทั้งจากการปล่อยเช่า ทำกำไรระหว่างทาง และปล่อยขายในจังหวะเวลาที่เหมาะสมหาก เศรษฐกิจเริ่มฟื้นหรือรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ เปิดให้บริการ   

โดยเชื่อว่าบ้านคอนโดมิเนียม ระดับราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทปลายๆไปจนถึง 3 ล้านบาท สงครามราคาค่อนข้างแรง ดัมพ์ราคาลงต่ำๆ เฉลี่ย 10-30% ต้นทุนควักกระเป๋าค่าโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง แทบเป็นศูนย์เพราะผู้ประกอบการจัดแคมเปญ ฟรีทุกค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว แถมให้อยู่ก่อนผ่อนทีหลัง  

ส่องลดค่าใช้จ่ายจากค่าโอน-จดจำนอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการระบายสต๊อก หากราคา สูงเกิน 3 ล้านบาท จะต้องยอมทุบราคาลงมา ค่ายไหนที่ใกล้ปิดตึกหรือ มียอดปฏิเสธสินเชื่อจำนวนมาก  ยอดทิ้งดาวน์ทิ้งโอน วนกลับมาขายใหม่  ต้องยอมลดราคาลง เพื่อให้อยู่เกณฑ์มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองลงโดยเฉพาะสต๊อกก้อนที่มีในมือ

ขณะโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างจะต้องเร่งมือ ท่ามกลางแรงงานขาดแคลน อาจบวกเพิ่ม ทวีคูณเพื่อให้บ้านแล้วเสร็จให้ทันโอนก่อนสิ้นปี  แต่ผู้ซื้อต้องตรวจสอบให้รอบคอบก่อนรับมอบบ้าน ดังนั้นที่อยู่อาศัยแนวราบมักได้เปรียบทั้งความต้องการของผู้บริโภคและการก่อสร้างที่เสร็จเร็วทันเวลา

อย่างไรก็ดี เชื่อว่า หากสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ดีเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น การกลับมาของโควิดยังอยู่ต่อเนื่อง  แม้จะมีวัคซีนเข้ามา ในปี 2564  แต่ไม่ใช่คำตอบการันตีว่า กำลังซื้อจะกลับมา และรัฐบาลจะยังคงต่ออายุ การลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนองนี้ต่อไป เช่นเดียวกับการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้นคนมีเงิน เศรษฐีเงินเย็นเท่านั้น ที่จะได้รับโอกาสทอง

ด้านกรมที่ดินประเมินว่าการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาจะส่งผลดีต่อวงล้อเศรษฐกิจ แม้รายได้ของกรมจะลดลงแต่มองว่า เมื่อเทียบกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เดินต่อได้  ซึ่งจะเป็นผลดีมากกว่า สำหรับค่าธรรมเนียมปีที่ผ่านมา กรมจัดเก็บได้กว่า 9 หมื่นล้านบาทแม้ว่าอยู่ในช่วงลดค่าโอนฯ และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 ราว 4-5 เดือน มองว่ารายได้จากการจัดเก็บยังไม่ ลดลงมากนัก สะท้อนว่า คนยังซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรแนวราบที่ยังยื่นขออนุญาตจัดสรรในเขตกรุงเทพมหานคร  ทำเลชานเมืองยังมีอยู่มาก เฉลี่ยยื่นขออนุญาตเข้ามา เดือนละ 7-8 เรื่อง ซึ่งถือว่า ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อาทิ บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน)AP พัฒนาบ้านเดี่ยวบ้านทาวน์โฮม  400-500 แปลง นอกจากนี้ยังมี บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท แผ่นดินทอง ดีเวล็อปเม้นท์จำกัด (มหาชน)  

มองว่า ตลาดบ้านแนวราบยังไปได้ดีเพราะการก่อสร้างยังแบ่งเป็นเฟสลดขนาดแปลงพัฒนาลงได้ จากเดิม  400-500 แปลงอาจเหลือ 200-250 หน่วยเป็นต้น ซึ่งจะต่างจากคอนโดมิเนียม ที่ต้องรอสร้างเสร็จทั้งอาคาร และใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 2 ปี

ขณะมุมสะท้อน นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยตลาดแนวราบถือว่าไปได้ดีโดยเฉพาะทำเลชานเมือง ราคาไม่เกิน 2-3 ล้านบาท ยังขายได้ และเมื่อมีมาตรการลดค่าโอนฯ-จดจำนองต่อเนื่อง เชื่อว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ทั้งคอนโดฯและบ้านแนวราบ  อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการได้ ช่วยเหลือลูกค้าโดยจ่ายค่าโอนฯให้กับลูกค้าอยู่แล้วดังนั้น หากมีมาตรการต่อเนื่องมองว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระทั้งผู้ซื้อและผู้ประกอบการให้เดินต่อได้ ขณะการลดราคา บ้านให้ลงมาไม่เกิน 3 ล้านบาทหากอยุ่ในทำเลที่ดี มองว่าไม่คุ้มกับค่าโอนที่ลดลงเพราะคนซื้ออยากได้ แพงแค่ไหนเขาก็ซื้อ 

ส่วนความรวดเร็วในการก่อสร้าง สำหรับบ้านใหม่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทให้ได้อานิสงส์ ลดค่าโอนฯ-จดจำนอง ภายในสิ้นปีนี้ ตามข้อเท็จจริงสามารถทำได้เพราะค่ายพฤกษาใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือนสามารถส่งมอบบ้านได้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธอส.เตรียมเงิน7หมื่นล้านสานต่อพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน”

ธอส.เตรียมเงิน7หมื่นล้านสานต่อพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน”

ธอส. พร้อมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ผ่าน 3 โครงการ ช่วยผู้มีรายได้น้อย-บุคลากรภาครัฐกู้ 1 ล้าน จ่ายค่างวดปีแรกต่ำสุดเพียง 3,400 บาทต่อเดือน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เดินหน้าตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” สนับสนุนผู้มีรายได้น้อยและบุคลากรภาครัฐ มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองง่ายขึ้น ผ่าน 3 โครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ประกอบด้วย “โครงการสินเชื่อที่อยู่ที่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ” อัตราดอกเบี้ยปีแรก 2.65% ต่อปี “โครงการสินเชื่อบ้านคนละหลัง” อัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก 2.75% ต่อปี และ “โครงการสินเชื่อบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก 2564” อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3% ต่อปี และผ่อนนานสูงสุด 40 ปี ผ่อนชำระ พิเศษ!! ฟรี ค่าธรรมเนียมสูงสุด 3 ประเภท

 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยรวมถึงบุคลากรภาครัฐ สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น กับ ธอส. ตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” และ ภายใต้แนวคิด “Be Simple, Make it Simple” มีบ้านได้ง่ายๆ กับ ธอส. จึงได้เตรียมกรอบวงเงิน 70,000 ล้านบาท จัดทำ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย (Social Solution) ซึ่งครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การกู้หลัก อาทิ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 40 ปี โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. “โครงการสินเชื่อที่อยู่ที่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ” กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ชื่อเรียกอย่างอื่น  และลูกจ้างประจำที่เป็นผู้มีสิทธิกู้เงินตามข้อตกลงโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยประเภทไม่มีเงินฝาก ที่หน่วยงานต้นสังกัดได้ลงนามร่วมกับ ธอส. สามารถกู้ไม่จำกัดวงเงินกู้สูงสุด อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 2.65% ปีที่ 2 เท่ากับ 3% ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-2.65% อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 3.05% และปีที่ 4-5 เท่ากับ   MRR-2.00% หรือเท่ากับ 4.15% และปีที่ 6  จนถึงครบอายุสัญญา คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,400 บาท ต่อเดือน พิเศษ!!! ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ และค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้กู้  เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากสถาบันการเงินอื่น ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564  

2. “โครงการสินเชื่อบ้านคนละหลัง” กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท ต่อเดือน วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 เท่ากับ 2.75% ต่อปีปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.40% (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 6.150%) อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.75% ต่อปีเท่านั้น ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2% และปีที่ 6 จนถึงครบอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR-0.75% ต่อปี และกรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,500 บาท ต่อเดือน พิเศษ!!! ฟรี ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินราคาหลักประกัน และค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564

3. “โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก” กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 35,000 บาท ต่อเดือน วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 3 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 3% ปีที่ 2 เท่ากับ 4% ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-1.15% และปีที่ 4 จนถึงครบอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-0.75% ต่อปี  และกรณีลูกค้าสวัสดิการ   คิดอัตราดอกเบี้ย MRR-1% ต่อปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,800 บาท ต่อเดือน ฟรี!!! ค่าธรรมเนียม  การยื่นกู้ เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม และซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยพร้อมกับการกู้ตามวัตถุประสงค์หลัก ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2564

ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อทั้ง 3 โครงการ มีส่วนสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย (Social Solution) ให้เป็นไปตามเป้าหมายในปี 2564  จำนวน 140,167 ล้านบาท จากเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่รวม 215,641 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หุ้นไทยวันนี้ (8 ก.พ.) เปิดตลาด +12.98 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,510 จุด

หุ้นขึ้น หุ้นบวก

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (8 ก.พ.) ดัชนี SET Index เปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,509.59 จุด ปรับขึ้น +12.98 จุด หรือคิดเป็น +0.87% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 4,524 ล้านบาท เมื่อเวลา 10:00:52 น.

ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับขึ้น +9.56 จุด คิดเป็น +1.02% อยู่ที่ 943.11 จุด โดยมีมูลค่าซื้อขายรวม 2,558 ล้านบาท คิดเป็นราว 56.54% ของ SET ทั้งหมด

10 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อ-ขายโดดเด่นที่สุด

1. IVL : 353.06 ล้านบาท ราคา +1.25 บาท (+3.27%)
2. BBL : 317.50 ล้านบาท ราคา +2.00 บาท (+1.63%)
3. KBANK : 284.04 ล้านบาท ราคา +1.00 บาท (+0.72%)
4. SCB : 277.16 ล้านบาท ราคา +4.50 บาท (+4.52%)
5. PTG : 198.17 ล้านบาท ราคา +0.30 บาท (+1.67%)
6. AOT : 148.52 ล้านบาท ราคา +0.75 บาท (+1.17%)
7. PTT : 114.73 ล้านบาท ราคา +0.50 บาท (+1.28%)
8. PTTGC : 108.43 ล้านบาท ราคา +1.00 บาท (+1.61%)
9. STGT : 83.26 ล้านบาท ราคา -0.25 บาท (-0.65%)
10. TKN : 79.61 ล้านบาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วนตลาด mai ปรับขึ้น +1.40 จุด หรือคิดเป็น +0.38% ในทิศทางเดียวกัน อยู่ที่ระดับ 371.35 จุด มูลค่าซื้อขาย 205.5 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ดีกรีไม่ธรรมดา ถ้าทีมชาติเวียดนามเอามา น่ากลัวเลย

ดีกรีไม่ธรรมดา ถ้าทีมชาติเวียดนามเอามา น่ากลัวเลย

เจสัน เพนเดนท์ แข้งเวียดนาม-ฝรั่งเศส วัย 23 ปี อดีตเยาวชนทีมชาติฝรั่งเศสและปัจจุบันค้าแข้งในศึกฟุตบอลเมเจอร์ลีก ของสหรัฐอเมริกา กับสโมสร นิวยอร์ค เรดส์ บูล ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาพร้อมที่จะก้าวเข้ามารับใช้ทีมชาติเวียดนามหากได้รับการติดต่ออย่างจริงจัง จากสมาพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม(VFF) ซึ่งในช่วงเวลานี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือยกระดับฝีเท้าตัวเองในสโมสรเพื่อประโยชน์ของตัวเขาเองกับสมาพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม

    ล่าสุด เจสัน เพนเดนท์   ให้สัมภาษณ์ผ่าน Zing สื่อเวียดนามว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเขาหวังว่าจะมีโอกาสรับใช้ทีมชาติเวียดนาม อย่างไรก็ตามเขายังไม่ได้รับการติดต่อจาก สมาพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม อย่างจริงจัง เวลานี้สิ่งที่ทำได้คือปรับปรุงคุณภาพฝีเท้าตัวเองต่อไป  นอกจากนั้นในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมาในศึกเอเซียนคัพ ที่ยูเออี เคยเกริ่นไว้ว่า เวียดนามเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ตัวเขาถูกเลี้ยงดูด้วยวัฒนธรรมเวียดนามตั้งแต่ อาหาร ,เรื่องราวต่างๆ เช่นเพลงไปจนถึงภาพยนตร์

ดีกรีไม่ธรรมดา ถ้าทีมชาติเวียดนามเอามา น่ากลัวเลย

สำหรับ เจสัน เพนเดนท์   แข้งวัย 23 ปี ชื่อเต็มๆคือ เจสัน ควง วินห์  เพนเดนท์ มีพ่อเป็นชาวฝรั่งเศส แม่เป็นเวียดนาม เริ่มต้นฟุตบอลในทีมเยาวชนซาเชลเรส ก่อนที่จะย้ายไปเป็นนักเตะเยาวชนของ โซโชว์ พร้อมกับการก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในปี 2016 ก่อนย้ายไปค้าแข้งในสหรัฐฯในช่วงปี 2020 อดีตที่ผ่านมาเคยติดทีมชาติเยาวชนฝรั่งเศสในรุ่นอายุ 16,18ปี

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ควันธูป ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปอดเทียบเท่าควันบุหรี่

ควันธูป ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งปอดเทียบเท่าควันบุหรี่

แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา เตือนตรุษจีน “จุดธูป-จุดประทัด-เผากระดาษเงิน กระดาษทอง” ปัจจัยก่อมะเร็งเทียบเท่าควันบุหรี่ แนะกลุ่มเสี่ยง เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ควรระวังและป้องกันตัวเอง

เทศกาลตรุษจีน ถือว่าเป็นเทศกาลสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จะต้องทำพิธีบูชาเทพเจ้าและแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งตามธรรมเนียมจะมีการจุดธูป เผากระดาษเงิน กระดาษทอง และการจุดประทัด แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดควันที่มีสารมลพิษ และมีความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งปอดไม่แตกต่างจากควันบุหรี่

นายแพทย์ธเนศ เดชศักดิพล อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า การสูบบุหรี่และการได้รับควันบุหรี่ ถือเป็นปัจจัยสำคัญหลักในการเกิดโรคมะเร็งปอด แต่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่จะมีการจุดธูป จุดประทัดและเผากระดาษเงิน กระดาษทองกันจำนวนมาก ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงเทียบเท่ากับควันบุหรี่เช่นกัน

เนื่องจากการเผาไหม้ของควันธูป ประทัด และกระดาษจะทำให้เกิดอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ประกอบกับในธูปยังพบสารก่อมะเร็งมากถึง 3 ชนิด ได้แก่ เบนซีน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน ผู้ที่ได้รับสัมผัสเป็นเวลานานจึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้าย โดยเฉพาะโรคมะเร็งปอดได้ นอกจากนี้ยังมีสารที่เป็นมลพิษอื่น ๆ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ ผู้ที่สูดดมเข้าไปจะเกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ เกิดการจาม ไอ ระคายคอ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ หรือแม้แต่ควันธูปเข้าตาก็อาจทำให้แสบตา น้ำตาไหลได้

ถึงแม้งานวิจัยทั่วไปจะระบุไว้ว่า ต้องมีการสัมผัสหรือสูดดมเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน 10 ปี แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม  ระบบการระบายอากาศในสถานที่จุดธูป ประทัด และเผากระดาษ หากระบบการถ่ายเทอากาศไม่ดี ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง

สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เมื่อมีการจุดธูป ประทัด หรือเผากระดาษ ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอด โรคถุงลมโป่งพอง หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง เพราะบุคคลกลุ่มนี้มีกลไกการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายไม่เหมือนปกติ ทำให้มีโอกาสเกิดอาการผิดปกติได้มากกว่าในกลุ่มคนที่มีสุขภาพดี

“การทำพิธีต่าง ๆ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาเนิ่นนาน เพราะฉะนั้นอยากจะแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการจุดธูปในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หันมาใช้ธูปที่มีขนาดสั้นลง ดับหรือเก็บธูปให้เร็วขึ้น ก็จะช่วยลดโอกาสสัมผัสหรือสูดดมในระยะเวลานานได้ นอกจากนี้ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันการรับฝุ่นควันโดยตรง ” นายแพทย์ธเนศ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


เอมิเรตส์สายการบินแรกของโลกนำร่องใช้ ‘พาสปอร์ตวัคซีน’

เอมิเรตส์สายการบินแรกของโลกนำร่องใช้ ‘พาสปอร์ตวัคซีน’

เอมิเรตส์ ผนึกสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ทดลองใช้ IATA Travel Pass แอปพลิเคชั่นยืนยันผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อนำไปสู่พาสปอร์ตวัคซีน เป็นสายการบินแรกของโลก

ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้แก่พลเมืองของตนเองแล้ว ทำให้การพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ด้วยการเดินทางท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินรอคอยที่จะกลับมาทำธุรกิจได้อีกครั้ง แต่ท่ามกลางโควิด-19 การจะสร้างความมั่นใจให้เกิดการเดินทางได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) หรือ  IATA หน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลสายการบินทั่วโลก จึงประกาศว่าได้พัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนขึ้นมา เพื่อรองรับกับความต้องการเหล่านั้น

นั่นก็คือ IATA Travel Pass เป็นแอปบนมือถือที่ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถจัดการการเดินทางได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย ตามข้อกำหนดของรัฐบาลเกี่ยวกับการทดสอบ หรือการฉีดวัคซีนโควิด-19

อันจะนำไปสู่การสร้าง “หนังสือเดินทางดิจิทัล” บนมือถือ ที่นอกจากจะสะดวกในการพกพาแล้ว ยังลดการสัมผัสที่อาจเป็นเหตุให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอีกด้วย

IATA Travel Pass

IATA Travel Pass  จะทำหน้าที่บันทึกข้อมูลสุขภาพของผู้โดยสารแต่ละคน โดยจะสามารถนำข้อมูลทั้งเอกสารส่วนตัว และเอกสารสุขภาพ มาเก็บไว้ในที่เดียวได้ สำหรับตรวจสอบว่าผู้โดยสารคนนี้มีผลตรวจเชื้อเป็นอย่างไร และได้รับวัคซีนชนิดใดมาแล้วบ้าง เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

ขณะนี้ IATA ได้ “ขอความร่วมมือ” ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือกัน เพื่อทำให้โครงการนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ ซึ่งอันดับแรก คือ สายการบิน  เพราะต้องติดต่อกับ IATA โดยตรงอยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถดึงระบบตัวนี้เข้าไปอยู่ในแอปฯ ของสายการบินที่มีอยู่เดิมได้

เอมิเรสต์

นำร่องด้วย “สายการบินเอมิเรตส์” ซึ่งเป็นหนึ่งในสายการบินแรกในโลก ที่ได้ร่วมมือกับไออาต้า ทดลองใช้ IATA Travel Pass ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารของเอมิเรตส์สามารถสร้าง “หนังสือเดินทางดิจิทัล” เพื่อยืนยันผลตรวจโควิด-19 หรือการฉีดวัคซีนว่า ผ่านมาตรการและเป็นไปตามข้อกำหนดของจุดหมายปลายทางก่อนการเดินทาง

นอกจากนี้ยังสามารถแชร์ใบรับรองการทดสอบและการฉีดวัคซีนกับเจ้าหน้าที่และสายการบินผ่านแอป เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางอีกด้วย โดยแอปใหม่นี้จะช่วยให้นักเดินทางสามารถจัดการเอกสารการเดินทางทั้งหมดในรูปแบบดิจิทัล เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ก่อนการเปิดตัวเต็มรูปแบบ สายการบินเอมิเรตส์จะดำเนินการเฟสแรกในดูไบ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของการทดสอบ COVID-19 ด้วยวิธี PCR Test ก่อนการเดินทาง

ในระยะเริ่มต้นนี้ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในเดือนเมษายนนี้ ลูกค้าของสายการบินเอมิเรตส์ที่เดินทางจากดูไบจะสามารถแชร์สถานะการทดสอบ COVID-19 กับสายการบินได้โดยตรงก่อนที่จะไปถึงสนามบินผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อให้ระบบทำการจัดส่งและกรอกข้อมูลในการเช็คอินโดยอัตโนมัติ

เอมิเรสต์

แอปพลิเคชัน IATA Travel Pass จะช่วยให้ผู้โดยสารสามารถค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อกำหนดการเดินทางสำหรับทุกจุดหมายปลายทาง ไม่ว่าผู้โดยสารจะเดินทางมาจากที่ใด

นอกจากนี้ยังรวมถึงการลงทะเบียนการทดสอบและศูนย์ฉีดวัคซีน ซึ่งจะมอบความสะดวกมากยิ่งขึ้นให้กับผู้โดยสารในการค้นหาศูนย์ทดสอบและห้องปฏิบัติการในสถานที่ออกเดินทาง ที่ตรงตามมาตรฐานการทดสอบโควิด-19 และการฉีดวัคซีนที่จุดหมายปลายทางกำหนด

เอมิเรสต์

อีกทั้งแพลตฟอร์มนี้ยังช่วยให้ห้องปฏิบัติการและศูนย์ทดสอบที่ได้รับอนุญาตสามารถส่งผลการทดสอบ หรือใบรับรองการฉีดวัคซีนให้กับผู้โดยสารได้อย่างปลอดภัย โดยสำนักบริหารการทะเบียนโลกซึ่งบริหารโดย IATA จะจัดการและอนุญาตให้มีการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นอย่างปลอดภัยระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและไร้รอยต่อสำหรับนักเดินทาง

สายการบินเอมิเรตส์มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บริษัท ได้เปิดตัวการเดินทางแบบไร้สัมผัสพร้อมการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลสำหรับยืนยันตัวบุคคลและบริการอื่น ๆ อาทิ การเช็คอินด้วยตนเอง เครื่องฝากสัมภาระอัตโนมัติที่สนามบินนานาชาติดูไบ ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการลดสัมผัสเพื่อมอบประสบการณ์ที่สนามบินที่ราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


The คำอ่าน คำแปล ตัวอย่างประโยค

ถ้านำหน้าพยัญชนะอ่านว่า เดอะ แต่นำหน้าสระอ่านว่า ดิ

the คำอ่าน คำแปล

คำนี้ไม่มีความหมายครับ เป็นคำนำหน้านาม แต่มีหลักการใช้อยู่ค่อนข้างซับซ้อนพอควร ต้องการศึกษาเรื่องหลักการใช้ the คลิกเลยครับ

ตัวอย่างประโยค

The moon is beautiful tonight.
เดอะ มูน อิส บิ๊วทิฟุล ทุไนท (พระจันทร์ สวยมาก คืนนี้

The Nile is the longest river in the world.
เดอะ ไนล์ อิส เดอะ ล๊องเก็สท ริ๊เวอะ อิน เดอะ เวิลด์ (แม่น้ำไนล์ คือ แม่น้ำ ที่ยาวที่สุด ใน โลก)

How long is the  Great Wall of China?
ฮาว ลอง อิส เดอะ เกรท วอล ออฟ ไช๊นะ (กำแพงเมืองจีน ยาว เท่าไหร่)

Don’t forget to turn of the fan.
ด๊น ฟะเก็ท ทุ เทิน ออฟ เดอะ แฟน (อย่า ลืม ปิด พัดลม)

ขอบคุณข้อมูลจาก ภาษาอังกฤษออนไลน์.com


ประโยชน์ของต้นบอน ผักสมุนไพรพื้นบ้าน ทำแกงกินอร่อย พร้อมเคล็ดลับกินบอนยังไงไม่ให้คัน

ประโยชน์ของต้นบอน ผักสมุนไพรพื้นบ้าน ทำแกงกินอร่อย พร้อมเคล็ดลับกินบอนยังไงไม่ให้คัน

บอน เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ Araceae อวบน้ำ มีหัวใต้ดิน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตที่ราบลุ่มของเอเชียอาคเนย์ ซึ่งรวมถึงพบได้ทั่วไปประเทศไทยพบทุกภาค ชอบขึ้นบนดินโคลนหรือบริเวณที่มีน้ำขัง สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกหน่อ ไหล และวิธีการปักชำหัว

บอน ชื่อสามัญ Elephant ear, Cocoyam, Dasheen, Eddoe, Japanese taro, Taro ชื่อวิทยาศาสตร์ Colocasia esculenta (L.) Schott (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Colocasia esculenta var. aquatilis Hassk.) จัดอยู่ในวงศ์บอน (ARACEAE)

สำหรับการรับประทานต้นบอนนั้น นิยมนำมาประกอบอาหารจำพวกแกงกะทิหรือแกงส้ม ไม่นิยมกินดิบ เพราะจะทำให้เกิดอาการคันได้ ก่อนที่จะนำใบอ่อน หรือก้านใบ ของบอนมาปรุงเป็นอาหาร ต้องลอกผิวที่ก้านใบออกก่อน โดยเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้คัน และไม่ให้มือดำจากยางบอน

นอกจากนี้การใช้ความร้อนจึงเป็นวิธีหนึ่งที่นิยมใช้กัน เช่น นำมาต้มเคี่ยวเป็นเวลานานพอสมควร นอกจากนี้ยังนำมาดองโดยขยำกับเกลือให้ยางบอนออกมากที่สุด หรือใส่ของที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้มมะขาม น้ำมะกรูด เป็นต้น แต่ต้องต้มเคี่ยวและคั้นน้ำทิ้งก่อนสัก 2-3 ครั้ง

คุณประโยชน์และสรรพคุณทางยาตามตำราไทยโบราณ จะใช้ส่วนไหล ตำกับเหง้าขมิ้นอ้อย ผสมเหล้าโรงเล็กน้อยใช้พอกฝี ส่วนรากนำมาต้ม กินแก้ท้องเสีย แก้เจ็บคอและแก้เสียงแหบได้

*** ข้อควรระวัง สตรีมีครรภ์ไม่ควรกิน บอน เพราะคนโบราณเชื่อว่า จะทำให้สายรกเปื่อย ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้***

สรรพคุณของบอน

น้ำจากลำต้นใต้ดินเป็นยาแก้ไข้ (น้ำจากลำต้นใต้ดิน)

รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการเจ็บคอและเสียงแหบแห้ง (ราก)

รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องเสีย (ราก)

หัวใช้เป็นยาระบาย (หัว)

ช่วยขับปัสสาวะ (หัว)

หัวมีรสเมาคัน ใช้เป็นยาแก้เถาดานในท้อง กัดฝ้าหนอง (หัว)

หัวและน้ำจากก้านใบใช้เป็นยาห้ามเลือด (หัว, น้ำจากก้านใบ)

ลำต้นนำมาบดใช้เป็นยาพอกรักษาแผล รวมทั้งแผลจากงูกัด (ลำต้น)

น้ำจากลำต้นใต้ดินใช้เป็นยาแก้พิษแมลงป่อง (น้ำจากลำต้นใต้ดิน)

ก้านใบมีรสเย็นคัน นำมาตัดหัวท้ายออกแล้วนำไปลนไฟบิดเอาน้ำใช้หยอดแผลแก้พิษคางคก (ก้านใบ)

น้ำยางใช้เป็นยาถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ (น้ำยาง)

ยางใช้เป็นยาช่วยกำจัดหูด (ยาง)

ไหล หัว หรือ เหง้านำมาตำผสมกับเหง้าขมิ้น กะปิ ขี้วัว และเหล้าโรงเล็กน้อย ใช้เป็นยาพอกรักษาฝีตะมอย (ไหล)

น้ำคั้นจากก้านใบใช้เป็นยานวดแก้อาการฟกช้ำ (น้ำคั้นจากก้านใบ)

หัวช่วยขับน้ำนมของสตรี (หัว)

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของต้นบอน

ในหลอดทดลองพบว่าสารสกัดจากใบบอนแห้งด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อหนอง มีเส้นใยช่วยในการดูดซับสารก่อกลายพันธุ์

สารสกัดจากรากบอนด้วยเอทิลอะซิเตตมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเนื้องอก แต่ควรมีการทำการวิจัยต่อไป

หัวใต้ดินของต้นบอนมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิต

น้ำจากก้านใบมีฤทธิ์เป็นยากระตุ้นและทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมาก ทำให้บวมแดง

ประโยชน์ของบอน

ไหลและหัวใต้ดินนำมาลวกหรือต้มรับประทานเป็นอาหารได้ ส่วนใบอ่อนและก้านใบอ่อน สามารถนำมาใช้ทำอาหารประเภทต้มได้ เช่น แกงส้ม แกงกะทิ แกงบอน เป็นต้น หรือจะนำมาลอกจิ้มน้ำพริกรับประทาน แต่ต้องทำให้สุกก่อนจึงจะไม่คัน โดยนำมาต้ม 2-3 ครั้ง แล้วคั้นเอาน้ำทิ้งหรือนำไปเผาไฟก่อนนำมาใช้ปรุงอาหาร (เวลาปอกเปลือกควรสวมถุงมือและสับเป็นท่อน ๆ ก่อนนำไปต้ม) นอกจากนี้ก้านบอนยังนำมาดองได้อีกด้วย

ชาวกะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนจะใช้ใบบอนมาต้มให้หมูกิน หรือจะใช้ก้านใบนำมาสับผสมเป็นอาหารหมู

ใบบอนมีคุณสมบัติพิเศษคือไม่เปียกน้ำ เพราะมีขี้ผึ้งเคลือบผิวใบอยู่ จึงนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการห่อของได้ เช่น การใช้ห่อข้าวหมาก เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำมาใช้ตักน้ำดื่มยามไม่มีภาชนะได้อีกด้วย

ต้นบอนสามารถทำรายได้ให้กับชาวบ้านด้วยการตัดก้านบอนมาลอกเปลือกแล้วตากให้แห้ง ส่งขายเป็นสินค้าส่งออกอย่างหนึ่ง

ใบบอนดูแล้วมีความสวยงาม ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะครับ อีกทั้งต้นบอนยังช่วยรักษาฝายชั่ง แม่น้ำลำคลอง ไม่ให้ถูกกัดเซาะจากคลื่นได้อีกด้วย

ข้อควรรู้เกี่ยวกับบอน

วิธีการเลือกบอน ให้เลือกใช้ต้นอ่อนพันธุ์สีเขียวสดและไม่มีสีขาวนวลเคลือบอยู่ตามแผ่นใบและก้านใบ โดยบอนสีเขียวสดจะเรียกว่า “บอนหวาน” (ชนิดคันน้อย) ส่วนชนิดที่มีสีซีดกว่าและมีสีขาวนวลกว่าจะเรียกว่า “บอนคัน” (ชนิดคันมาก) ส่วนที่นำมาใช้แกงคือ หลี่บอน เป็นยอดอ่อนหรือใบอ่อนของบอนที่อยู่ใกล้กับโคนต้น

ก่อนการปอกเปลือกก้านบอนถ้าไม่ใส่ถุงมือ ก็ให้ทามือด้วยปูนแดงที่กินกับหมากให้ทั่วทั้งมือก่อน เวลาปอกควรล้างบอนให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง

ห้ามล้างด้วยน้ำเย็น แล้วนำไปต้มใส่ในน้ำเดือดและคั้นน้ำทิ้งประมาณ 2-3 ครั้งก่อนนำไปประกอบอาหาร แต่บางคนอาจนำไปเผาก่อนก็ได้ หรือจะนำไปปรุงกับเครื่องปรุงที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะขามเปียก มะดัน ส้มป่อย น้ำมะกรูด เป็นต้น หรือจะนำมาขยำกับเกลือเพื่อให้ยางบอนออกมากที่สุดเพื่อช่วยดับพิษคันหรือช่วยทำลายผลึกของแคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) ที่มีอยู่มากในต้นบอน

การนึ่งบอนต้องนึ่งให้สุก จับดูแล้วมีลักษณะนิ่มจนเละ เพราะถ้าบอนไม่สุก เมื่อรับประทานแล้วจะทำให้เกิดอาการระคายคอได้

ในการปรุงแกงบอน หากไม่ใช้น้ำมะขามเปียก ก็ให้ใช้น้ำส้มป่อยแทนก็ได้

แม่ครัวสมัยก่อนจะถือเคล็ดด้วยว่า หากปรุงอาหารด้วยบอนอยู่นั้น ห้ามใครเอ่ยถึงคำที่เกี่ยวข้องกับความคันเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดอาการคันขึ้นมาจริง ๆ ทั้งผู้ปรุงและผู้รับประทาน

ความเป็นพิษของต้นบอน

น้ำยางและลำต้นหากสัมผัสผิวหนัง จะทำให้เกิดอาการคันและปวดแสบปวดร้อน แล้วต่อมาจะเกิดอาการอักเสบ บวมและพองเป็นตุ่มใส หากนำมาเคี้ยวหรือรับประทานสดจะทำให้เกิดอาการคันคออย่างรุนแรง
เนื่องจากผลึกของแคลเซียมออกซาเลต (Calcium oxalate) ทำให้เกิดน้ำลายมาก ทำให้บวมบริเวณลิ้น ปาก เพดาน และใบหน้า ทำให้พูดจาลำบาก หากมีอาการเป็นพิษรุนแรงจะทำให้พูดไม่ได้ ลิ้นหนัก คันปาก ลำคอบวมและอักเสบอย่างรุนแรง

ขอบคุณข้อมูลจาก khonkidbuak.blogspot.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 25,700.00 25,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,665.00 25,241.40 26,300.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,498.50 22,717.26 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,332.00 20,193.12 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 749.00 11,354.84 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 583.00 8,838.28 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,725.00 26,151.00 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/02/2564

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 24.95 24.95 24.95 24.95 24.95 24.95 24.95 24.95 24.95 24.95
แก๊สโซฮอล์ 91 24.68 24.68 24.68 24.68 24.68 24.68 24.68 24.68 24.68 24.68
แก๊สโซฮอล์ E20 23.44 23.44 23.44 23.44 23.44 23.44 23.44 23.44 23.44
แก๊สโซฮอล์ E85 19.84 19.84 19.84
เบนซิน 95 32.36 32.81 32.86 32.36 32.36
ดีเซล B7 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79
ดีเซล 22.79 22.79 22.79 22.79 22.79 22.79 22.79 22.79 22.79 22.79
ดีเซล B20 22.54 22.54 22.74 22.54 22.54 22.54 22.54 22.54
ดีเซลพรีเมี่ยม 30.24 30.26 32.24 31.64 30.24
แก๊ส NGV 13.35 13.35 13.35

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า