‘ส.ค.1-น.ส.3’ 3 ล้านแปลงเฮ กรมที่ดิน ‘ออกโฉนด’ เพิ่มมูลค่า
กรมที่ดินพลิก ส.ค.1-น.ส.3 ออกโฉนด 3 ล้านแปลง ยกระดับคุณภาพชีวิต ผ่านโครง การบอกดิน 2 ดีเดย์ วันสุดท้าย 30 มิถุนายน 64 แจ้งขอรังวัด
กรมที่ดินพัฒนาระบบ แอปพลิเคชัน e-QLands เพื่อให้ประชาชนจองคิวยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิ์และนิติกรรมและการรังวัดทางอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งสามารถจองคิวยื่นคำขอได้ทุกที่ทุกเวลากับสำนักงานที่ดินทั่วประเทศเป็นการเพิ่มช่องทางการให้บริการแก่ประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลลดเวลาการรอของประชาชนในสำนักงานที่ดิน
ล่าสุด ได้ เปิดโอกาสให้ผู้มีที่ดินแต่ไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน อาจมีเพียง ใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ น.ส.3 หรือ น.ส.3 ก ต้องการให้ภาครัฐเข้าไปบริหารจัดการที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย แจ้งข้อมูล ตำแหน่งที่ตั้งที่ดินของตนเองได้ง่ายเพียงใช้สมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต โดยสามารถแจ้งข้อมูลได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงมิถุนายน 2564 ผ่าน 4 ช่องทาง ทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าโครงการ “บอกดิน 2” หลังจากพัฒนาระบบเทคโนโลยีทันสมัยอำนวยความสะดวกการบริการประชาชนผ่านจอมือถือ
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดินเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรมที่ดิน เปิดช่องทางผ่านโครงการ “บอกดิน2” ให้ประชาชนผู้ครอบครองที่ดินประเภท ส.ค.1 น.ส.3 และน.ส.3ก นำหลักฐานยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นอีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินให้กับผู้ถือครองอีกด้วย ต่อข้อถามที่ว่าปริมาณหลักฐานดังกล่าวมีมากน้อยแค่ไหน อธิบดีกรมที่ดิน ระบุมีไม่น้อยกว่า 3 ล้านฉบับ ทั่วประเทศที่ยังหลงเหลือ ขณะแปลงที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ อยู่ในระบบ เกือบ 34 ล้านแปลง โดยมีทั้งการยุบรวมแปลง การแบ่งแยกอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามกรมที่ดินมีหนังสือมอบสำนักงานที่ดินจังหวัด/สาขาทั่วประเทศทั้ง 461 แห่ง ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้นำชุมชนกำนันผู้ใหญ่บ้าน กว่า 7 หมื่นแห่ง แจ้งประชาชนในพื้นที่รับทราบ และให้รีบแจ้งขอออกโฉนดภายในไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ขณะเดียวกัน ยังประชาสัมพันธ์ช่องทางดิจิทัล ผ่านเฟซบุ๊กของอธิบดีกรมที่ดิน ช่องทางออนไลน์ ฯลฯ เพื่อเข้าถึงการรับรู้ของชุมชนต่อไป
สำหรับการรังวัด จะใช้ระบบเทคโนโลยีทันสมัยด้วยดาวเทียมทาบกับแปลงที่ดินซึ่งมีความคลาดเคลื่อนน้อยลดผลกระทบข้อพิพาท ระหว่างรัฐกับประชาชน สามารถนำหลักฐานยื่นฟ้องต่อศาลได้หาก แปลงที่ดินไม่อยู่ในเขต ป่าสงวน ป่าไม้ถาวร เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตลอดจนที่ดินสาธารณะทั้งนี้หาก ที่ดินตั้งอยู่ในเขตป่าที่ดินรัฐ กรมที่ดินจะไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้ได้
โครงการ “บอกดิน” ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล โดยยึดหลักภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม และสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มาประยุกต์ใช้ในการรับแจ้งข้อมูลด้านที่ดินจากภาคประชาชน เพื่อนำไปตรวจสอบและประมวลผลด้วยโปรแกรมสาธารณะด้านภูมิสารสนเทศบนระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัล สร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชนช่วยลดค่าใช้จ่ายภาครัฐได้อีกด้วยนับเป็นโครงการดีๆ อีกหนึ่งโครงการของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดิน ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อให้ผู้ที่มีที่ดินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือมี ส.ค. 1 น.ส.3 น.ส.3 ก และต้องการให้ภาครัฐเข้าไปบริหารจัดการที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลผ่านไลน์ (LINE Official Account) โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา กรมที่ดินเปิดรับการแจ้งข้อมูลและตำแหน่งที่ตั้งที่ดินจากประชาชนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์-31 กรกฎาคม 2563 มีประชาชนแจ้งข้อมูลกว่า 11,899 ครั้ง ซึ่งกรมที่ดินได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ รวมทั้งการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ และรองรับการจัดทำ Big Data ด้านข้อมูลที่ดินของประเทศไทย
สำหรับในปีงบประมาณ ปี 2564 กรมที่ดิน ได้เปิดโครงการ “บอกดิน 2” เพื่อให้ประชาชนแจ้งข้อมูลและตำแหน่งที่ตั้งที่ดินของตนเอง ง่ายๆผ่านสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต ดังกล่าว ผ่าน 4 ช่องทาง (ดูอินโฟประกอบ)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดมุมมองอสังหาฯ เจ้าพ่อ โกลเด้นทาวน์ ‘แสนผิน สุขี’
“ธุรกิจอสังหาฯ ดีหรือไม่ดี สังเกตจากป้าย เดิมจุดๆเดียว มีป้ายโฆษณาโครงการนับ 10 ติดซ้อนกัน เช่น ย่านคลองประปา แต่ขณะนี้โล่งมาก บ่งบอกสถานะตลาดว่าชะลอลงมากๆ อยู่ในช่วงพักเบรก คาด 1-2 ปี ก็จะดีขึ้น”
ความเจริญของเมือง ซึ่งเกิดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการปั่นดีมานด์ผ่านแนวรถไฟฟ้า นับ 100 สถานี ในช่วงเวลาไม่กี่ปี ได้เร่งตัวให้ซัพพลายโครงการที่อยู่อาศัย ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ปีละหลักแสนหน่วย หลายระดับ หลากราคา สร้างความเฟื่องฟูให้กับอุตสากรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยเติบโตมหาศาลเรื่อยมา ขณะบางยุค กำลังซื้อ แทบจะวิ่งตามราคาที่อยู่อาศัยใหม่ๆไม่ทัน…
อย่างไรก็ตาม การหดตัวของเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหาพอกพูนเรื่องหนี้ครัวเรือน พร้อมใจระเบิดออก โดยมีไวรัสโควิด-19 เป็นมีดกรีดให้เห็นรอยแผลลึกขึ้น ก่อให้เกิดคำถามตามมา…เมื่อรายได้หาย เงินเหลือเก็บไม่พอ การซื้อ “ที่อยู่อาศัย” มูลค่าสูง ที่กลายเป็นเรื่องยาก “อสังหาฯยุคกระเป๋าสตางค์ใบเล็ก” จะเดินต่ออย่างไร
ท่ามกลางการสู้ไม่ถอยของผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่หยุดเติบโตไม่ได้ สะท้อนแผนเปิดใหม่ปีนี้ มูลค่าทะลุ 3.3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการตั้งป้อม รอตี “แนวราบ” อย่างไม่ยั้ง
โอกาสนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” เปิดโต๊ะ เจาะสัมภาษณ์ ฉายมุมมอง คนอสังหาฯ ระดับตำนาน “นายแสนผิน สุขี” ดีกรี ประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการ และนับเป็นผู้พลิกฟื้นบริษัทดัง โกลเด้นแลนด์ ในช่วงปี 2557 คงตำนานแบรนด์ฮิต “โกลเด้นทาวน์” และทะลวงโปรดักต์ใหม่ให้ตลาด ผ่านบ้านแฝด “นีโอโฮม” จนสร้างปรากฏจการณ์ฮอตติดตลาด ก่อนปัจจุบันนั่งแท่นตำแหน่ง CEO บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) (เดิม : โกลเด้นแลนด์)
ภายใต้พอร์ตอสังหาฯยักษ์แสนล้าน อย่างบมจ. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) หรือ “FPT” โดยคุณปิง-แสนผิน ระบุ อสังหาฯปีนี้ เจองานสุดหิน ผู้ประกอบการ “No Choice” วิ่งสู้ฟัดกำลังซื้อ อย่างไรก็ตาม เชื่อ! ธุรกิจนี้ฆ่าไม่ตาย กลยุทธ์ปรับตัวเหนือตลาด ขับเคลื่อนจากภายใน และทำเล คือ มวยวัดหมัดน็อค พิสูจน์มากกว่าความมืออาชีพ
วัฏจักรพักเบรก
นายแสนผิน เปิดบทสนทนา เล่าถึงวัฏจักรของธุรกิจอสังหาฯ ว่า เดิมธุรกิจนี้จะพลิกโฉมเปลี่ยนรอบในทุกๆ เกือบ 10 ปี ตามภาวะขึ้น-ลงของศก.ในประเทศ ย้อนตั้งแต่ วิกฤติต้มยำกุ้งปี 40, รัฐประหาร ปี 49 ซ้ำซ้อนด้วยวิกฤติซับไพร์ม รอบเปลี่ยนผ่านสั้นลงๆทำให้อสังหาฯ ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด จนเมื่อปี 54 ไทยเผชิญกับเหตุน้ำท่วมใหญ่ผิดปกติ และรัฐประหารอีกครั้งในปี 57 ศก.ในประเทศ เริ่มสุกหง่อมในช่วงปี 62 ก่อนระเบิด เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงปีที่ผ่านมาแบบไม่ทันตั้งตัว ขณะปีนี้ ศก.อยู่ในภาวะที่ต้องรอลุ้น ภายใต้ฐานที่ติดลบและตัวเลขจีดีพีไทย บวก, ลบ ราว 2-3% เท่านั้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งออกและการกลับมาของตลาดหุ้น-ตลาดเงินด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาพการสู้ดิ้นรนของผู้ประกอบการ จบปี 63 ด้วยการตีแตกทุกเป้าอย่างไม่เลวร้ายนั้น อาจไม่เกิดขึ้นในปีนี้อีก เหตุคงไม่มีดีมานด์อั้นของตลาดเป็นตัวผลักเหมือนปีที่ผ่านมา แถมวัคซีนที่เป็นความหวัง ก็ยังการันตรีไม่ได้ว่า จะกู้ภาพ ฟื้นตัวทางศก.ได้ทันทีดั่งคาดหรือไม่ ฉะนั้น ชี้เปรี้ยง “ปีนี้” แย่กว่าปีที่ผ่านมาแน่นอน
“ธุรกิจอสังหาฯ ดีหรือไม่ดี สังเกตจากป้าย เดิมจุดๆเดียว มีป้ายโฆษณาโครงการนับ 10 ติดซ้อนกัน เช่น ย่านคลองประปา แต่ขณะนี้โล่งมาก บ่งบอกสถานะตลาดว่าชะลอลงมากๆ อยู่ในช่วงพักเบรก คาด 1-2 ปี ก็จะดีขึ้น”
โจทย์หินงัดมืออาชีพ
อย่างไรก็ตาม มอง “อสังหาฯ” เป็นธุรกิจที่ฆ่าไม่ตาย หากผู้พัฒนาอยู่เหนือตลาด มีจุดแข็งเรื่องต้นทุน มีกลยุทธ์เรื่องทำเลที่ตั้งที่ดี เพราะแม้ปัจจุบัน ต่างผุดแนวคิด เข็นฟังก์ชั่น แบบบ้านที่หลากหลายออกมา เพื่อเอาใจผู้บริโภคที่แตกต่างกัน แบบสูตรลอกตามกัน แต่ท้ายที่สุดแล้ว จุดตัด-เลือกซื้อ กลับขึ้นอยู่กับทำเล และระดับราคาที่พึงรับได้เป็นหลัก โดยหากทุกอย่างสอดคล้องรับกันเป็นจุดเด่น ก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับโครงการ จึงเห็นว่า คนอสังหาฯยุคนี้ ต้องเป็นคนขยัน ปรับตัวให้เร็ว เพราะต่อให้เก่งกาจแค่ไหน ยอดขาย ยอดโอนถล่มทลาย แต่เมื่อจบปี ตัวเลขทุกตัวเป็น “0” เริ่มใหม่เท่ากันหมด
สิ่งที่ทุกรายต้องเผชิญเหมือนๆกันปีนี้ คือ ปัญหาลูกค้าถูกปฎิเสธสินเชื่อ (รีเจ็กต์) ด้วยหนี้ครัวเรือน จากภาวะหารายได้เพิ่มไม่ได้ในศก.แบบนี้ ต่างจากเดิม ที่มีเงินพิเศษ, งานเสริมช่วยเข็น ซึ่งเมื่อเงินเดือนอย่างเดียว ถูกใช้จ่ายไปกับรายจ่ายประจำ การเหลือเก็บเพื่อซื้อบ้าน จึงเป็นเรื่องยาก ยิ่งแบงก์เข้ม กู้ไม่เต็ม ความอยากได้ก็สูญหาย
“ทาวน์เฮ้าส์ ยอดขาย 100 หลัง ถูกเด้งไปถึง 50% ยิ่งเขตอุตสาหกรรม ขายดีมากแต่กู้ผ่านยากมากเช่นกัน รายได้เฉลี่ยต่อโครงการ 800 ลบ.ต่อปี ตอนนี้ตกอับเหลือแต่ 400 ลบ.เท่านั้น”
เรียกแขกแนวราบ
นายแสนผิน กล่าวต่อว่า ปีนี้นอกจากเป็นมืออาชีพแล้ว ต้องเฟ้นหากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเข็นให้ตัวเองรอด เพราะการแข่งขันแรง โดยเฉพาะตลาดแนวราบต้องเขี้ยวลากดิน คงเป็นเวทีพิสูจน์ว่าใครทำได้ดีกว่ากัน ความร้อนแรงที่เห็น ก็คือเริ่มเกิดการซื้อตัวคนในวงการมาสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง โดยในทุกโซน มีโครงการมากกว่า 10 แบรนด์ประกาศแผนขึ้นโครงการให้ลูกค้าเลือกช้อป โดยอาจทำให้การขายแต่ละโครงการอาจช้าลง เพราะลูกค้าจะพิจารณานาน เลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด
โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ ที่อ่อนไหวต่อราคา ต่างกันเล็กน้อยก็พร้อมจะเปลี่ยนใจ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กูรูรายนี้ ไม่อยากเห็น คือ ความพยายามทำลายตลาด ผ่านการเคาะราคาขายลงมากๆ เพราะท้ายที่สุด เมื่อเหลือขาย จะสร้างปัญหาให้ตลาดตามมา และมีผลต่อราคาประเมินของทั้งทำเลนั้นๆ
จุดยืนเฟรเซอร์สฯโฮม
สำหรับเฟรเซอร์สฯโฮม นายแสนผิน ยอมรับ การแห่เข้ามาในแนวราบ สร้างความตื่นตัวให้กับบริษัทไม่น้อย เบื้องต้นยังคงแผนเปิดโครงการใหม่ที่ 24 โครงการ 2.98 หมื่นล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์กระจายพอร์ตสินค้า และแตะไปยังระดับสูงขึ้น ในบ้านแฝด (นีโอโฮม) บ้านเดี่ยว และซี้ตี้โฮม มากขึ้น เจาะบลูโอเชี่ยน ตลาดกทม. แต่ต้องติดมีด หากลยุทธ์เพิ่ม เพราะแข่งแรง ขณะทำเลตจว.ไม่น่ากังวล การปรับตัวเริ่มเห็นผลงอกเงย เพราะเพียง 2 เดือนแรกที่เปิดไปแล้ว 4 โครงการ มียอดขายไม่น้อย 5.4 พันลบ.
ฮอตสุด “โกลเด้น นีโอ สุขุมวิท-ลาซาล” ช่วยเข็นเป้าหมายรายได้รวม ที่ 1.4 หมื่นลบ. ซึ่งเป็นปรับที่ลดลงมา ให้อยู่ในสถานะเติบโต “คงที่” ตามภาวะตลาด เพื่อหันไปเน้นเรื่องต้นทุนที่ดี ตลอดจนระบบภายในบริษัทแทน และช่วยให้กำไรยังคงเติบโตได้ สานต่อความสำเร็จปีทีผ่านมา โต 12% (ของกลุ่ม FPT) ขณะปัจจุบันตารางอันดับเปลี่ยน บริษัทอยู่ TOP6 ในแง่รายได้ แต่ TOP 4ในแง่กำไร ฉะนั้นเป้าหมาย TOP 3 ของกลุ่มอุตสาหกรรมในช่วง 3 ปี ไม่ไกลเกินเอื้อม แม้อาจจะยากขึ้น
“ตอนนี้อสังหาฯ เหมือนคนร่างกายไม่แข็งแรงมาก ทำงานหนักจะยิ่งเสี่ยง ต้องทำเท่าที่มีแรงไหว รอจังหวะฟื้นตัวค่อยกลับมาโหมหนัก ในแง่รายได้ ไม่สามารถหยุดการเติบโตได้ แต่อย่าฝืนตลาด เน้นลดต้นทุน หารายได้เพิ่ม เพื่อให้กำไรยังอยู่ การยืนอยู่กับที่ ในภาวะตลาดชะลอ นั่นคือ การชนะแล้ว แต่ถ้าตลาดไป แต่เราไม่ไป นั่นคือแพ้”
นายแสนผิน กล่าวต่อว่า บริษัทผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุค เคล็ดลับธุรกิจสุขภาพดีอายุยืน คือ
1.การพัฒนาสินค้าที่ครอบคลุมรายได้ตั้งแต่ระยะสั้น กลาง และยาว
2.อย่าละเลยที่จะขยันปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะ ฝุ่นมา มลพิษมาก จะพัฒนาฟังก์ชั่น
บ้านอย่างไร ? และ
3.หัวใจของการพัฒนาสินค้าแนวราบ คือ ทีมงานที่ดี มีคุณภาพ ส่วนในแง่สินค้า การทำให้แบรนด์อยู่ในใจลูกค้า เป็น Top Of Mind ทางเลือกเบอร์ต้น แค่เห็นห้องตัวอย่างก็พร้อมจะซื้อ เพราะเชื่อมั่นในสินค้า ถือเป็นจุดสูงสุดสำหรับคน
ทำบ้านที่ต้องไปให้ถึง
จุดตัดบทชนะ
ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทจะดำเนินธุรกิจแบบมืออาชีพมากขึ้น ผ่านงานที่ละเอียดขึ้น ,ช่องทางมากขึ้น และเปลี่ยนวิธีการ โดยปัจจุบันกำลังพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็น Key Success ในการแข่งขัน สร้างความแตกต่าง เช่น โปรดักต์ใหม่ ซิตี้โฮม (บ้านหรูกลางเมือง) ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป แก้โจทย์ทีดินราคาแพง, การหาช่องทางการขายใหม่ๆ เช่น ประมูลบ้านผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เป็นวิธีลดต้นทุนอีกด้าน ที่เดิมทีอาศัยป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เพื่อจูงใจให้คนสนใจ และอยากเข้าเยี่ยมชมโครงการ
พร้อมๆกับการพัฒนาระบบภายในบริษัท ทั้งทีมงาน และระบบหลังบ้าน ซึ่งถือเป็นหัวใจสูงสุดในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ เพื่อผลักดันพนักงานคิด “สิ่งใหม่’,’สินค้าใหม่ๆ” เพราะเมื่อมีทีมงานที่ดี รู้งาน เข้าใจปัญหา การแก้ปัญหาใดๆจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเลือกหาทำเล เจาะระดับราคาที่ตลาดตอบรับ ศึกษาเก็บข้อมูลดีมานด์ เพื่อวางแผนพัฒนาโปรดักต์และช่องทางการขายให้ตอบโจทย์ จะเป็นตัวช่วยสำคัญ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของพฤติกรรมผู้ซื้อ อีกทั้งต้องไม่ลืม กลยุทธ์ช่วยเหลือลูกค้า ในภาวะดีมานด์อยากได้สูง แต่แรงซื้อไม่ถึง เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิดตลาด 30.69 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า
เงินบาทเปิดตลาด 30.69 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า หลังดอลล์อ่อนจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐต่ำกว่าคาด
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 30.69 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 30.72 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน หลังตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
“บาทแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ตามทิศทางตลาดโลก หลังดอลลาร์อ่อนค่าจากปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยพันธบัตร”นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 30.60-30.80 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“โธมัส บาค” คอนเฟิร์มชัด โอลิมปิก 2020 จัดแน่ไม่มีเลื่อน-ยกเลิก
ไอโอซีเมมเบอร์ชาวไทยเผย โธมัส บาค ประธานไอโอซี ประกาศในการประชุมใหญ่ ครั้งที่ 137 ผ่านระบบออนไลน์ พร้อมที่จะเดินหน้าจัดโอลิมปิก โตเกียว 2020 แบบเต็มตัว ระบุ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่จัดการแข่งขันครั้งนี้ เพราะทั้งเจ้าภาพญี่ปุ่นและทุกภาคส่วนทั่วโลก ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ส่วนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็ช่วยจัดการแข่งขันได้เป็นอย่างมาก
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) กล่าวว่า โธมัส บาค ประธานไอโอซี ได้กล่าวในการประชุมใหญ่ ไอโอซี ครั้งที่ 137 ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก เห็นได้ชัดเจนว่า กีฬามีส่วนเกี่ยวข้อง และมีบทบาท ในสังคม และมีผลต่อสุขภาพ เป็นอย่างมาก กีฬาถือเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูสังคม และองค์การสหประชาชาติ ก็ได้มีมติให้เพิ่มกีฬาเข้าไปในแผนฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19 ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ ให้การยอมรับกีฬาอย่างชัดเจนในฐานะ กีฬา เป็นเครื่องมือที่ช่วยโปรโมตสันติภาพและการพัฒนา
ส่วนการประชุม จี-20 ก็ได้สนับสนุนการจัดการแข่งขัน โอลิมปิก ฤดูร้อน โตเกียว 2020 และโอลิมปิก ฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022 ซึ่ง โอลิมปิก โตเกียว 2020 แสดงออกถึง สันติภาพ ความสามัคคี ความเป็นปึกแผ่น โดย ไอโอซี ต้องขอขอบคุณเจ้าภาพประเทศญี่ปุ่น ไอโอซี จะยืนเคียงข้างเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งนี้ ซึ่งโตเกียว ถือเป็นเมืองโอลิมปิก ที่เตรียมการได้ดีที่สุด และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่จัดการแข่งขันครั้งนี้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน เพื่อให้การจัดการแข่งขันประสบความสำเร็จ
ไอโอซีเมมเบอร์หญิงชาวไทย กล่าวต่อว่า คำถามในตอนนี้ ไม่ได้อยู่ที่เราจะจัดโอลิมปิก ได้หรือไม่
แต่คำถามควรอยู่ที่เราจะจัดงานอย่างไร จะรับมือกับโควิด-19 อย่างไร ซึ่งในเรื่องนี้ ไอโอซี ได้จัดทำ “เพลย์บุ๊ก” หรือคู่มือสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ขึ้นมา และเราได้คำแนะนำทางเทคนิค จากผู้ทำงานด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ทำให้เราจัดทำมาตรการขึ้นมา สำหรับทุกคนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ เราได้พิจารณาว่าบุคคลแต่ละกลุ่ม จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร และทำเพลย์บุ๊กขึ้นมา ให้แต่ละกลุ่มปฏิบัติตาม เราได้ใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อมาต่อสู้กับโควิด-19 และเราต้องทำให้นักกีฬา และผู้เข้าร่วมงานปลอดภัยที่สุด เราขอขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน
ซึ่งล่าสุดผู้นำกลุ่ม จี-7 ก็ให้การสนับสนุนความพยายามของเรา ซึ่งเรารู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก เราจะจัดการแข่งขันให้ปลอดภัย และป้องกันให้ดีที่สุด และถึงแม้จะมีข้อจำกัดอย่างมากมาย เราก็จะจัดงานให้สำเร็จ
ตั้งแต่ปลายปี 2020 มีการจัดการแข่งขันมากกว่า 200 รายการ รวมถึงรายการชิงแชมป์โลกด้วย ซึ่งแต่ละรายการมีการจัดการและการรับมือกับโควิด-19 ได้ดี ซึ่งทุกรายการแข่งขันที่เกิดขึ้น ไม่มีการแข่งขันที่ไหนเลยที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อ ตอนนี้เรามีวัคซีนแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่า ช่วยเรื่องการจัดการแข่งขันได้มาก และนักกีฬาหลายคน ก็พร้อมที่จะเข้ารับวัคซีนแล้ว
นอกจากนี้ คุณหญิงปัทมา ยังกล่าวด้วยว่า โธมัส บาค ประธานไอโอซี ได้แสดงความมั่นใจถึงการทำหน้าที่ของ ไซโกะ ฮาชิโมโตะ ประธานจัดการแข่งขันหญิงคนใหม่ ที่จะสะท้อนให้พวกเราได้ เห็นถึงความเสมอภาคทางเพศในด้านต่าง ๆ
“ประธานไอโอซี เน้นย้ำด้วยว่า โลกเรายังคงปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง และถึงแม้จะมีความท้าทาย เราก็สามารถเปลี่ยนความท้าทายนั้นเป็นโอกาสได้ โควิด-19 ได้เปลี่ยนโลกไปอย่างมาก และเราไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้เลย เราต้องมองการณ์ไกล ต้องมองปัจจุบันและอนาคต ด้วยเหตุนี้เราเลยมี Agenda 2020+5 เพื่อปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ และ ปิแอร์ เดอร์ กูบงแตง เคยพูดไว้ว่า ชาวโอลิมเปี้ยน เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ เราจะนำคุณค่าของเราไปยังโลกหลังโควิด-19 ตอนนี้เรามองไปยังอนาคตที่ดีขึ้นของกระบวนการโอลิมปิก” คุณหญิงปัทมา กล่าวในตอนท้าย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
มะเร็งลำไส้ใหญ่ แนะปรับพฤติกรรมการบริโภค ลดปัจจัยเสี่ยง
มะเร็งลำไส้ใหญ่ตัวร้ายคร่าคนไทย 5 พันคนต่อปี แนะปรับพฤติกรรมการบริโภค ลดปัจจัยเสี่ยง
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เดือนมีนาคมของทุกปีเป็นเดือนที่ทั่วโลกร่วมรณรงค์ต้านภัยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ปัจจุบันพบมากเป็นอันดับต้นๆ ของหลายประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบมากในคนไทย มีอัตราการเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 13,000 คนต่อปี เป็นเพศชายและหญิงราว 7,000 และ 6,000 คน ตามลำดับ และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,000 คนต่อปี
สาเหตุของโรคส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรค ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าวิถีชีวิตของคนไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภค เช่น การรับประทานอาหารในกลุ่มเนื้อแดงและเนื้อแปรรูปที่ปิ้งย่างไหม้เกรียมอาหารที่มีไขมันสูง/อาหารฟาสฟูดส์ต่าง ๆนอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การมีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน ตลอดจนการมีประวัติครอบครัวหรือตนเองเป็นติ่งเนื้อในลำไส้ เป็นต้น
ด้าน นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเริ่มจากการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ และพัฒนาจนเป็นมะเร็งโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 ปีทั่วไปในระยะเริ่มแรกมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงมักจะไม่มีอาการ จะพบอาการก็ต่อเมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจนถึงระยะสุดท้ายส่งผลทำให้การรักษาได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรอาการพบบ่อย ได้แก่ การถ่ายอุจจาระผิดปกติ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ถ่ายไม่สุด ถ่ายเป็นมูกหรือมูกปนเลือด หรืออาจถ่ายเป็นเลือดสด ขนาดลำอุจจาระเล็กลง และมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดเรื้อรัง เป็นต้น
ทั้งนี้ มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงสามารถตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ทำให้การรักษาและมีโอกาสหายจากโรคสูงซึ่งปัจจุบันประชาชนอายุ 50-70 ปีขึ้นไปสามารถเข้ารับการตรวจเม็ดเลือดแดงแฝงในอุจจาระด้วยวิธี Fecal Immunochemical Test (FIT) ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่สถานพยาบาลตามสิทธิการรักษา กรณีพบผลผิดปกติจะได้รับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่เพื่อวินิจฉัยต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
คำถามแบบ Indirect Question
ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษอาจแบ่งได้เป็น 2 แบบหลักๆ คือ การถามที่ต้องตอบ yes หรือ no ว่าใช่หรือไม่ใช่ (Yes/No question) กับการถามแบบที่ต้องการให้อีกฝ่ายตอบเป็นรายละเอียดหรือข้อมูลบางอย่าง
ทั้งนี้ ในชีวิตประจำวันทั่วไปกับการใช้หรือสนทนาภาษาอังกฤษ พวกเรามักจะได้พบเจอประโยคคำถามโดยทั่วไป ที่มีชื่อเรียกแบบเป็นทางการว่า Direct Question (DQ) กันเป็นประจำอยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น
“What are you doing?”
“Do you speak English?”
“Who is your teacher?”
“Are you a doctor?”
ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเกี่ยวลักษณะการถามแบบ Indirect question (IQ) กันบ้าง
Indirect question ก็คือ ประโยคคำถามที่จะมีการพูดเกริ่นนำออกมาก่อน แล้วจึงตามด้วยคำถามนั่นเอง
ตัวอย่างเช่น
“I would like to know whether……..”
“Please tell me……. ”
“I wonder if……”
จะสังเกตได้ว่า การถามแบบที่ต้องการคำตอบ Yes/No นั้น เราสามารถใช้ตัวเชื่อมคือ whether (or not) โดยอาจมีคำว่า or not หรือไม่ก็ได้ และคำว่า if ซึ่งก็มีความหมายออกไปในทำนองเดียวกัน
ตัวอย่างเช่น
DQ: “Can you drive?”
IQ: “I would like to know whether you can drive.” หรือ
“I would like to know if you can drive.”
(อีกฝ่ายอาจจะตอบว่า Yes, I can. หรือ No, I can’t. ก็ได้)
ส่วนการถามในลักษณะที่ต้องการายละเอียด เราก็เพียงนำประโยคเกริ่นนำมาวางไว้ข้างหน้าประโยคคำถามแบบ DQ แล้วนำ V. ช่วยไปไว้ท้ายประโยค
ตัวอย่างเช่น
DQ: “Where is your sister?”
IQ: “Please tell me where your sister is.”
(อีกฝ่ายก็จะตอบว่า “My sister/ She is in the…………”)
เป็นอย่างไรบ้างครับกับการถามแบบ Indirect Question หรือ IQ ลองนำไปฝึกใช้กันดูนะครับ…. อ้อ! หากเป็นการเขียนคำถามแบบ IQ ไม่จำเป็นต้องเติมเครื่องหมาย ‘?’ เข้าไปด้วยนะครับ
เช่น “I would like to know whether you understand the indirect question.”
คำถามทดสอบ:
1) ข้อใดเป็น DQ
a. Do you know whether she came yesterday or not?
b. Do you know if she came yesterday?
c. Did she come yesterday?
d. ถูกทุกข้อ
2) ข้อใดเป็น IQ
a. I want to know if you are a programmer.
b. I want to know whether you are a programmer.
c. Are you a programmer?
d. ถูกทั้งข้อ a. และ b.
3) ข้อใดต้องการทราบว่าอีกฝ่ายจะมาทำงานหรือไม่
a. I wonder if you would come to work.
b. Please tell me whether you would come to work.
c. Would you come to work?
d. ถูกทุกข้อ
เฉลย
1. (ข้อ d.) เพราะถึงแม้ข้อ a. และ b. จะมีการใช้ whether และ if แต่ประโยคข้างหน้าเป็นการถามแบบ DQ ครับ
2. (ข้อ d.) ส่วนข้อ c. เป็นคำถามแบบ DQ ครับ
3. (ข้อ d.) ถูกทุกข้อครับ แตกต่างกันที่รูปแบบการถามเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
MG EP แท็กซี่พลังไฟฟ้า ราคา 1.067 ล้านบาท
MG EP แท็กซี่พลังไฟฟ้า ราคา 1.067 ล้านบาท รวมค่าทำสี และ อุปกรณ์ TAXI OK ชาร์จไฟเต็มวิ่งได้ 380 กม.
เอ็มจี เปิดยุคใหม่รถยนต์ไฟฟ้า ดีลเลอร์รายใหญ่เบส ออโต้ เซลส์ จับ MG EP ทำแท็กซี่ ราคา 1.067 ล้านบาท พร้อมเพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่เป็น 600,000 กม.
เอ็มจี นำเข้า MG EP รถพลังงานไฟฟ้า 100% ตัวถังสเตชันแวกอนจากจีนมาเปิดตัวในไทยปลายปี 2563 และประกาศว่านี่คือ EV ที่ใครๆก็เป็นเจ้าของได้ ด้วยราคา 9.88 แสนบาท
เหนืออื่นใด นอกจาก MG EP จะขายเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแล้ว ยังวางแผนขาย ล็อตใหญ่ และหวังให้เป็นรถใช้ภายในองค์กร ล่าสุดตามแนวทางนี้ เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย ยังเปิดช่องทางให้ดีลเลอร์ขาย MG EP เป็นแท็กซี่ส่วนบุคคล (เขียว-เหลือง) โดยดีลเลอร์รายแรกที่ขานรับนโยบายคือ เอ็มจี เบส ออโต้ เซลส์ ในเครือทีโอเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง
สำหรับ MG EP ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 163 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 8.8 วินาที มีโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ คือ Eco, Normal และ Sport พร้อมระบบชาร์จไฟกลับเมื่อชะลอความเร็ว หรือ KERS Mode รวม 3 ระดับ (ระดับความหน่วง)
โดดเด่นด้วยความอเนกประสงค์จากตัวถังสเตชันแวกอน มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังสูงสุด 1,456 ลิตร แบตเตอรี่ความจุ 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งรถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 380 กม. ขณะที่ชุดแพกแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบโมดูล สามารถแยกซ่อมแต่ละโมดูลได้อิสระ
MG EP หวังเจาะกลุ่มลูกค้าฟลีต ด้วยราคาเข้าถึงได้ง่ายที่ 9.88 แสนบาท ตลอดจนค่าบำรุงรักษาตํ่า ซึ่งตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร อยู่ที่ 7,828 บาท
ทว่าเวอร์ชันแท็กซี่ MG EP จะขยับราคาขายเป็น 1.067 ล้านบาท ซึ่งราคานี้จะรวมค่าทำสีตัวถังเขียว-เหลือง การติดตั้งอุปกรณ์แท็กซี่โอเค ตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก แถมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง พร้อมเพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 600,000 กม. (รถบ้านรับประกัน 8 ปี 180,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
ส่วนเงื่อนไขทางการเงิน MG EP แท็กซี่ ดาวน์20% (ไม่ต้องใช้คนค้ำ) จะได้รับดอกเบี้ยอัตรา 6-7%
ปัจจุบันเอ็มจี มี 50 ดีลเลอร์ที่ดูแลการขายและบริการหลังการขายสำหรับรถกลุ่ม EV โดยเฉพาะ ซึ่งปี 2563 MG ZS EV ขายได้ 767 คัน และ MG EP 59 คัน โดยดีลเลอร์ที่ขายมากที่สุดคือ เบส ออโต้ เซลส์
“เราเป็นผู้ขาย EV มากที่สุดในเมืองไทย และพยายามหาช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาปัจจุบันเป็นดีลเลอร์ รายเดียวที่นำ MG EP ทำแท็กซี่ พร้อมร่วมมือกับไฟแนนซ์ที่เป็นพันธมิตร เข้ามาดูแลการบริการด้านการเงินให้แก้ลูกค้าที่สนใจ” นายคณิต ชัยบริพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบส ออโต้ เซลส์ จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้าโครงการแท็กซี่ MG EP ช่วงกลางปี 2563เบส ออโต้ เซลส์ นำ MG ZS EV จำนวน 40 คัน มาทำคาร์แชริ่งร่วมกับ “ฮ้อปคาร์” โดยให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่น Haup
สำหรับเอ็มจี เบสออโต้ เซลส์ ปัจจุบันมี 10 สาขา ทำยอดขายรวมในปี 2563 ได้ 3,900 คัน ส่วนปี 2564 ตั้งเป้าขาย 4,500 คัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มารู้จักสรรพคุณของน้ำอ้อย ที่มีประโยชน์มากกว่าความอร่อย
ความหวานจากน้ำตาลอ้อยที่ถูกคั้นออกมาเป็นน้ำอ้อย มีประโยชน์กับเรามากกว่าความอร่อย ใครชอบดื่มน้ำอ้อยสดมารู้จักสรรพคุณของอ้อยกัน
น้ำอ้อยสดเป็นเครื่องดื่มคลายร้อนที่หลายคนโปรดปราน เพราะน้ำอ้อยทั้งหวาน หอม ดื่มแล้วชื่นใจมาก ๆ เลยจริงไหมคะ แต่นอกเหนือจากความอร่อยแล้ว น้ำอ้อยยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพเราด้วยนะ ลองมารู้จักประโยชน์ของน้ำอ้อยกันดีกว่า
1. แก้กระหาย
น้ำอ้อยเย็น ๆ มีรสหวานจากน้ำตาลที่ได้จากอ้อย ช่วยคลายร้อน ดับกระหายให้ร่างกายได้เป็นอย่างดี
2. ช่วยให้ชุ่มคอ แก้เสมหะ
น้ำตาลจากอ้อยเป็นน้ำตาลธรรมชาติ ที่มีสารอาหารและวิตามินหลากหลายชนิดด้วยกัน ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างโพลีฟีนอลที่มีส่วนช่วยต้านอาการอักเสบ น้ำอ้อยจึงช่วยให้ชุ่มคอและช่วยขับเสมหะไปด้วยในตัว
3. แก้ไอ แก้เจ็บคอ
นอกจากทำให้ชุ่มคอแล้ว น้ำอ้อยยังช่วยแก้ไอ และบรรเทาอาการเจ็บคอได้ด้วย แต่ทั้งนี้ควรต้องดื่มน้ำอ้อยอุ่น ๆ แทนน้ำอ้อยเย็น ๆ นะคะ หรือถ้าเป็นตามตำรับยาพื้นบ้าน หากใครมีอาการไอขณะออกหัด ก็ให้นำต้นอ้อยแดงทั้งเปลือกมาต้มดื่มแบบน้ำชา แต่ถ้าไอแบบมีเสมหะติดคอ ก็นำอ้อยแดงที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกไปเผาไฟ แล้วปอกเปลือกนำมาเคี้ยวกินตอนร้อน ๆ ก็จะช่วยแก้ไอได้
4. เติมพลังงานให้ร่างกายได้ทันที
ความหวานของน้ำอ้อยมีประโยชน์ในด้านช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายได้ทันทีที่ดื่ม ยิ่งใครที่มีอาการอ่อนเพลีย ดื่มน้ำอ้อยเย็น ๆ สักแก้วจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้ เนื่องจากน้ำตาลจากน้ำอ้อยจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้ร่างกายมีพลังงานทันทีทันใด
5. ขับปัสสาวะ
น้ำอ้อยมีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อน ๆ ดื่มแล้วช่วยให้กระตุ้นระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วยนะคะ นอกจากนี้น้ำอ้อยยังมีสรรพคุณช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะน้ำอ้อยมีสารต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ขับปัสสาวะที่จะไล่เอาเชื้อโรคในทางเดินปัสสาวะออกมาด้วยนั่นเอง
6. บำรุงหัวใจ
ไม่ใช่แค่ดื่มแล้วชื่นใจเท่านั้น แต่ตำรับยาแผนโบราณยังดื่มน้ำอ้อยบำรุงหัวใจกันด้วยล่ะค่ะ
7. ลดอาการแพ้ท้อง
น้ำอ้อย 1 แก้วผสมกับน้ำขิงอีกเล็กน้อย สูตรนี้จะช่วยลดอาการแพ้ท้องช่วงเช้า ๆ ให้คุณแม่ได้ ทั้งยังได้คุณประโยชน์จากน้ำขิงเพิ่มขึ้นมาด้วย
8. บำรุงร่างกาย
น้ำอ้อยมีแคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุเหล็กสูง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 และโปรตีน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะช่วยบำรุงดูแลร่างกาย พร้อมกันนั้นก็ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้อีกทางด้วย
9. บำรุงธาตุ
น้ำอ้อยจะกระตุ้นให้เจริญอาหาร และสารอาหารที่มีประโยชน์จากน้ำอ้อยยังจะช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย โดยเฉพาะตับ โดยสารชนิดหนึ่งในน้ำอ้อยจะช่วยควบคุมระดับของบิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการแตกตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งหากร่างกายมีสารนี้มากเกินไปก็อาจจะทำให้ปัสสาวะ อุจจาระเหลือง และเสี่ยงต่อโรคดีซ่านได้
10. แก้ท้องผูก
น้ำอ้อยมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ได้ด้วยนะคะ โดยหากใครมีอาการท้องผูก ให้ดื่มน้ำอ้อยสด 1 แก้ว ก่อนทานอาหารเช้าประมาณ 1 ชั่วโมง จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
ดื่มน้ำอ้อยสด อ้วนไหม
แม้น้ำตาลจากน้ำอ้อยจะเป็นความหวานจากธรรมชาติ และ 1 แก้ว (100 มิลลิลิตร) จะให้พลังงานราว ๆ 39 กิโลแคลอรีเท่านั้น ทว่าหากร่างกายรับน้ำตาลเข้าไปมาก ๆ ก็จะเกิดการสะสมของน้ำตาล และอาจกลายเป็นไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ในร่างกายได้ ดังนั้นน้ำอ้อยสดกินแล้วอ้วนไหม ก็ต้องบอกว่าถ้าดื่มทุกวัน วันละหลายแก้ว ดื่มแทบจะแทนน้ำเปล่า แบบนี้คงไม่ดีต่อสุขภาพแน่ ๆ และก็คงทำให้อ้วนชัวร์ค่ะ
โทษของน้ำอ้อย ดื่มมากไปต้องระวังอะไรบ้าง ?
หมอพื้นฐานถือว่า น้ำอ้อยเป็นของแสลงกับโรคลม รวมทั้งยังทำให้เหนียวคอ เจ็บคอ คอแห้งได้หากทานมากเกินไป และที่สำคัญก็คือ อย่างที่บอกไปว่า น้ำอ้อยมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง หากดื่มมากไปอาจเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ดังนั้นแนะนำให้ดื่มน้ำอ้อยในปริมาณที่เหมาะสม คือไม่เกิน 2 แก้ว (200 มิลลิลิตร) ต่อวัน และอย่าลืมดื่มน้ำสะอาดเยอะ ๆ พร้อมกับหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก gangbeauty.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/03/2564
ชนิดทอง
ราคารับซื้อ กรัมละ
ราคารับซื้อ บาทละ
ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%
n/a
25,000.00
25,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%
1,619.00
24,544.04
25,600.00
ทองรูปพรรณ 90%
1,457.10
22,089.64
n/a
ทองรูปพรรณ 80%
1,295.20
19,635.23
n/a
ทองรูปพรรณ 50%
729.00
11,051.64
n/a
ทองรูปพรรณ 40%
567.00
8,595.72
n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%
1,678.00
25,438.48
n/a
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/03/2564
ปตท.
บางจาก
เชลล์
เอสโซ่
คาลเท็กซ์
ไออาร์พีซี
พีที
ซัสโก้
เพียว
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
26.65
แก๊สโซฮอล์ 91
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
26.38
แก๊สโซฮอล์ E20
25.14
25.14
25.14
25.14
25.14
–
25.14
25.14
25.14
25.14
แก๊สโซฮอล์ E85
20.94
20.94
–
–
–
–
–
–
–
20.94
เบนซิน 95
34.06
–
–
–
34.51
–
34.56
34.06
–
34.06
ดีเซล B7
27.19
27.19
27.39
27.19
27.19
27.19
27.19
27.19
27.19
27.19
ดีเซล
24.19
24.19
24.39
24.19
24.19
24.19
24.19
24.19
24.19
24.19
ดีเซล B20
23.94
23.94
24.34
–
23.94
–
23.94
23.94
–
23.94
ดีเซลพรีเมี่ยม
31.64
31.76
33.84
33.04
–
–
–
–
–
31.64
แก๊ส NGV
13.35
13.35
–
–
–
–
–
–
–
13.35