จับตาบางนา – ตราด เส้นเลือดใหญ่เชื่อมธุรกิจ
เทอร์ร่า บีเคเค เจาะลึก ทำเล บางนา – ตราด เปรียบเป็นเส้นเลือดใหญ่เชื่อมธุรกิจ โครงการอสังหาฯใหญ่ปักหมุดทะลัก
ถนนบางนาตราด ไม่เพียงแต่เป็น ถนนเส้นหลัก (Main road) ที่เหมือนกับเส้นเลือดใหญ่คอยหล่อเลี้ยงและนำพาความเจริญเข้ามาในทำเลบางนาเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่สำคัญในการเชื่อมระหว่างกรุงเทพ – โซนตะวันออก ซึ่งเป็นโซนเศรษฐกิจสำคัญของภาคอุตสาหกรรม นอกจากนั้นยังเชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักเส้นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ถนนสุขุมวิท, ถนนศรีนครินทร์, ถนนกาญจนาภิเษก และ ถนนกิ่งแก้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางสำคัญของกรุงเทพโซนตะวันออกทั้งสิ้น
นอกจากนั้นในเรื่องการเดินทางเข้าเมืองจากทำเลบางนา ยังสามารถเชื่อมกับ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ซึ่งสามารถวิ่งตรงยาวเข้าสู่ใจกลาง CBD ได้อย่างสะดวกสบายในด่านเดียว ดังนั้นสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทาง การต้องเขยิบออกมาในทำเลรอบนอกของกรุงเทพอย่างทำเลบางนา เพื่อแลกกับราคาที่อยู่อาศัยที่ต่ำกว่า และใช้ระยะเวลาในการเข้าเมืองไม่นานผ่านทางด่วน ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว
แต่สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า การเลือกอยู่ในทำเลบางนาก็ยังคงเป็นที่นิยมไม่น้อย เหตุผลสำคัญก็คือการมี รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว อยู่ในทำเล ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นธุรกิจที่เชื่อมกับโซนธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพ นอกจากนั้นเมื่อแหล่งงานในปัจจุบัน เริ่มขยายตัวออกมาทางโซนสุขุมวิทตอนปลายมากขึ้น ตั้งแต่โซนทองหล่อ, เอกมัย, พระโขนง, อ่อนนุช, ปุณณวิถี,อุดมสุข จนมาถึงบางนา
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเพียงไม่กี่สถานีจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้โซนสุขุมวิทตอนปลาย ได้กลายเป็นทำเลแหล่งงานแห่งใหม่ของกรุงเทพ และเป็นทำเลที่มีความสมดุลระหว่างงานและที่อยู่อาศัย (Job and Housing Balance) สูง เป็นผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยของบุคลากรที่ทำงานในแหล่งงานเหล่านี้ เติบโตขึ้นในทำเลบางนา
บางนา ทำเลที่แหล่งงานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ทำเลบางนา ยังมีความโดดเด่นของการเป็นที่ตั้งอาคารออฟฟิศให้เช่าขนาดใหญ่หลายแห่ง คล้ายคลึงกับถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นเส้นเชื่อมต่อชานเมืองที่มีลักษณะของการกระจายตัวของแหล่งงานเหมือนกัน ซึ่งมีทั้งอาคารสำนักงานเกรด A ไปจนถึงเกรด B ยกตัวอย่างเช่น ภิรัช ทาวเวอร์, เซ็นทรัลซิตี้บางนา, บางนาทาวเวอร์, แอมเปิลทาวเวอร์, บางนาคอมเพล็กซ์ทาวเวอร์, อาคารไทยประกันชีวิต, อาคารอินเตอร์ลิ้งค์, อาคารเตียวฮง หรืออาคารไพโรจน์กิจจา เป็นต้น
โดยมีจำนวนอาคารออฟฟิศให้เช่าขนาดใหญ่จำนวนกว่า 30 อาคาร พื้นที่รวมกว่า 580,000 ตารางเมตร คาดประมาณจำนวนบุคลากรได้จำนวนกว่า 35,000 คน (คาดประมาณโดยคิดจากพื้นที่ 1 คนต่อ 10 ตารางเมตร อัตราการเช่า 60%) โดย Terra Research พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ล้วนเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าธุรกิจสูง และเป็นบุคลากรระดับ Skilled labor ไม่ว่าจะเป็น วิศวะอุตสาหการ, โลจิสติกส์, เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์, อุตสาหกรรมชีวภาพ, อุตสาหกรรมก่อสร้าง, อุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมไฟฟ้า, อาหารและเครื่องดื่ม, พลังงานและเชื้อเพลิง, เคมีภัณฑ์ และหลักทรัพย์ กองทุน สินเชื่อ เป็นต้น
นอกจากนั้นบริษัทที่ตั้งอยู่ในโซนบางนา ยังเป็นบริษัทอุตสาหกรรมข้ามชาติหลายแห่ง ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีโรงงานการผลิตอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบริเวณ สมุทรปราการ, ชลบุรี, ฉะเชิงทรา และระยอง ทำให้มีจำนวน Expat ระดับ Middle Level ขึ้นไปทำงานอยู่ในทำเลนี้จำนวนมาก และใน 36% ของจำนวนบริษัทเหล่านี้ ยังเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนสูงเกินกว่า 100 ล้านบาทอีกด้วย
บางนา สู่บทใหม่ของการเป็น New Center of Outer Urban
ศักยภาพทำเลบางนายังไม่หมดเพียงแค่การเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูงเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสแห่งการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นให้รอติดตามอีกหลายโครงการอีกด้วย โดยแต่ละโครงการที่กำลังเข้ามาปักหมุดในทำเลบางนา ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพในด้านแหล่งงานและธุรกิจในทำเลบางนาให้เติบโตยิ่งขึ้นไปอีก เป็นที่น่ารอคอยว่าในอนาคต บางนาจะกลายเป็นทำเลของคนรุ่นใหม่และเป็น New Center of Outer Urban อย่างแท้จริง
โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ตบเท้าเข้ามาพัฒนาในทำเล ได้แก่ กลุ่มเอไอเอ พัฒนาโครงการ AIA East Gateway อาคารออฟฟิศเกรดเอ ความสูง 33 ชั้น ขนาดพื้นที่ให้เช่า 70,000 ตารางเมตร โดยภายในโครงการยังมีร้านค้าปลีกอยู่ถึง 5 ชั้นด้วย โดยโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง กลุ่มเดอะมอลล์ พัฒนาโครงการ Bangkok Mall โครงการมิกซ์ยูสมูลค่าโครงการวม 50,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย พื้นที่ค้าปลีก, อาคารออฟฟิศให้เช่า และพื้นที่อารีนา
กลุ่ม Chatrium City บนแปลงที่ดินข้างโครงการ Bangkok Mall ที่จะพัฒนาเป็น Chatrium Tower อาคารมิกซ์ยูสความสูง 52 ชั้น จำนวน 1 อาคารและอาคารความสูง 40 ชั้น 3 อาคาร ประกอบไปด้วย โรงแรม, ที่พักอาศัย และอาคารออฟฟิศให้เช่า (ปัจจุบันต้องรอติดตาม)
กลุ่มแมกโนเลีย พัฒนาโครงการ The Forestias โครงการมิกซ์ยูส มูลค่าโครงการรวมมากกว่า 100,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย โรงแรม, อาคารออฟฟิศให้เช่า, พื้นที่ค้าปลีก และที่อยู่อาศัย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
กลุ่มซีพี พัฒนาโครงการ True Digital Park เฟส 2 บริเวณสถานีปุณณวิถี มูลค่าโครงการรวมกว่า 50,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วยโรงแรม, อาคารออฟฟิศให้เช่า และพื้นที่ค้าปลีก
กลุ่มเมืองไทยประกันชีวิต พัฒนาโครงการ 66 Tower โครงการมิกซ์ยูสบริเวณสถานีปุณณวิถี พื้นที่รวมกว่า 56,000 ตร.ม. ประกอบไปด้วย โรงแรม, อาคารออฟฟิศให้เช่า และพื้นที่ค้าปลีก และด้วยการเติบโตที่โดดเด่น ในการเป็นทำเลที่มีความครบครันในทุกมิติของการใช้ชีวิต และมีความเป็นย่านแห่ง Job and Housing Balance สูง ทำให้ทำเลบางนามีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายมาเป็น New Center of Outer Urban ของกรุงเทพนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บิ๊กทุนสู้เดือดชิงที่ “วชิราวุธ” เช่า50ปีจูงใจ
บิ๊กทุนสู้เดือดชิงที่ดิน6ไร่ผืนติดกันพร้อมอาคารตึกนันทวัน-คอนโดฯบ้านสมถวิลทำเลติด สถานีราชดำริ แลนด์ลอร์ดวชิราวุธ-เจแอลแอลยํ้าค่ายใหญ่ อสังหาฯ ยื่นประมูลมากสุดใครเสนอผลตอบแทนที่ดีได้สิทธิ์การเช่ายาวสูงสุด 50 ปี
ที่ดินวชิราวุธวิทยาลัย ขุมทรัพย์ผืนใหญ่บนถนนราชดำริเขตปทุมวันศูนย์กลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพ มหานครกำลังอยู่ในความสนใจของกลุ่มทุนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ภายหลังสำนักงานจัดการทรัพย์สินวชิราวุธฯมอบให้บริษัทโจนส์แลงลาซาลล์(ประเทศไทย) หรือ JLL ตัวกลางประมูลหาเอกชนเช่าพื้นที่พัฒนาสร้างมูลค่า ให้กับแปลงที่ดินที่กำลังหมดสัญญา จำนวน2แปลงในซอยมหาดเล็กหลวง3 ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชดำริ ที่กำลังถูกพลิกโฉมเป็นแลนด์มาร์คใหม่ทั้งที่อยู่อาศัยแหล่งงานย่านการค้าการลงทุนศูนย์ช็อปปิ้ง
ระดับไฮเอ็นต์ ดึงนักลงทุนต่างชาติ นักธุรกิจชาวไทยเข้าพื้นที่ ด้วยเงื่อนไขพิเศษให้สิทธิ์การเช่าระยะยาว 50 ปีคาดว่าจะเกิดการแข่งขันกันรุนแรงไม่แพ้แปลง อาคารเพนนินซูล่าพลาซ่าซอยมหาดเล็กหลวง 1 ที่ยักษ์ใหญ่อสังหาฯ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์จำกัด (มหาชน) คว้าไปครอง
สำหรับที่ดิน 2 แปลง ฐานเศรษฐกิจ” ลงพื้นที่สำรวจพบเป็นอาคารสำนักงานนันทวัน สูง 18 ชั้นเนื้อที่ 3 ไร่70 ตารางวา ของบริษัท นันทวันแมนเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทในเครือบริษัทไทยโอบายาชิ จำกัดที่รู้จักกันในนามอาคารไทยโอบายาชิ ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นบริษัทญี่ปุ่น นับเป็นอาคารสำนักงานชั้นนำที่มีผู้เช่าเต็มพื้นที่ 30,000 ตารางเมตร ที่สำคัญมีทัศนียภาพโดยรอบที่ทอดมองลงมาบนตัวอาคารพบความสวยงามของสถานทูตสหรัฐอเมริกา การเดินทางถือว่าที่ดีที่สุดเนื่องจากติดสถานีรถไฟฟ้าส่วนอีก อาคารแปลงติดกัน เป็นคอนโดมิเนียม บ้านสมถวิล สูง 21 ชั้นจำนวน 113 หน่วย
เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา ของบริษัทบ้านสมถวิลจำกัด ปัจจุบันเจ้าของเดิมเสียชีวิตลงและมีผู้ถือหุ้นรายใหม่ในนามนิติบุคคลทั้งนี้ผู้แทนนิติบุคคล บ้านสมถวิลยอมรับว่า อาคารกำลังหมดสัญญาและ จะมีผู้พัฒนาที่ดินรายใหม่ อาจมาทุบรวมแปลง กับ อาคารนันทวันก็สามารถทำได้ เพราะเป็นที่ดินผืนติดกัน
ขณะนักลงทุนที่สนใจแหล่งข่าวจาก JLL ระบุว่าได้ส่งหนังสือเชิญนักลงทุน ทั้งชาวไทยและต่างชาติโดยต่างชาติจะผ่านช่องทางสถานทูต ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสนใจเพราะเป็นทำเลที่ดีที่สุดในกทม.และยังเป็นศูนย์กลางเมือง เชื่อมโยงยังพื้นที่ใกล้เคียงโดยรถไฟฟ้า ได้สะดวก โดยเดือนกรกฎาคมจะครบกำหนดเสนอผลการศึกษาแผนพัฒนาโครงการ ผลประโยชน์ตอบแทนที่จะให้กับที่ดินวชิราวุธฯ
แหล่งข่าวจากสำนักงานจัดการทรัพย์สินวชิราวุธวิทยาลัย เปิดเผย“ฐานเศรษฐกิจ”ว่าที่ดินที่เปิดประมูลมี 2 อาคาร ตั้งในซอยมหาดเล็กหลวง 3 เป็นทำเลศักยภาพติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชดำริ โดยตึกที่ครบสัญญาที่มีเอกชนให้ความสนใจมากที่สุดเวลานี้คือตึกนันทวัน อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชดำริซึ่งสะดวกต่อการเดินทางติดต่อธุรกิจการค้าอีกอาคารต้องส่งมอบที่ดินหรือหมดอายุสัญญาปลายปีนี้ และคอนโดมิเนียมบ้านสมถวิลของบริษัทสมถวิลจำกัด ครบกำหนดส่งมอบปี2568ที่มองว่าสามารถรวมแปลงที่ดินได้เพราะเป็นที่ดินผืนติดกับหากเอกชนรายใดได้ไปสามารถพัฒนาเป็นมิกซ์ยูสไฮเอนด์ทั้งศูนย์การค้าที่อยู่อาศัยโรงแรม สร้างความเจริญให้กับพื้นที่ย่านนี้เป็นอย่างดี
สำหรับที่ดินวชิราวุธวิทยาลัยบนถนนราชดำริตั้งอยู่ในซอยมหาดเล็กหลวง1-3 ทั้งหมด 67 ไร่จำนวน 28 แปลง ยังไม่รวมทั้งทำเลย่านเศรษฐกิจกลางกรุงเก่าอย่างเยาวราชและอีกไม่ตํ่ากว่า 100 สัญญาที่มีศักยภาพกระจายอยู่ในกทม.และต่างจังหวัด ที่จะนำรายได้มาพัฒนาทางด้านการศึกษาให้กับโรงเรียนวิราวุธวิทยาลัยสืบต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ดาวโจนส์ปิดร่วง/น้ำมันทรงตัว/ทองคำลงเล็กน้อย
หุ้นดาวโจนส์ปิดลบ 152.68 จุด ด้านราคาน้ำมันลดลง 9 เซนต์ ขณะที่ทองคำบวก 1.10 ดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,447.14 จุด ลดลง 152.68 จุด หรือ -0.44% ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,219.55 จุด ลดลง 7.71 จุด หรือ -0.18% ดัชนี แนสแดค ปิดที่ 13,911.75 จุด ลดลง 13.16 จุด หรือ -0.09%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมกลางเดือนนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 69.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม คงที่ ปิดที่ 72.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,895.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
สาวไทยอยู่ตรงไหน ? เปิดอันดับโลกนักกอล์ฟหญิง
ในรอบ 1-2 เดือนที่ผ่านมา วงการกอล์ฟหญิงกลับมาเป็นที่สนใจ แฟนกีฬาชาวไทยติดตามอย่างคึกคักอีกครั้ง ซึ่งสาเหตุหนีไม่พ้น ผลงานของนักหวดวงสวิงสาว อันยอดเยี่ยมในรายการต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นสายเลือดใหม่อย่าง “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ หรือที่ต่างประเทศเรียก “แพตตี้” ที่โผล่มาคว้าแชมป์เมเจอร์ เอเอ็นเอ อินสไปเรชั่น 2021 แบบเซอร์ไพรซ์ หรือมือมากประสบการณ์ที่ขอทวงพื้นที่คืนอย่าง “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล แชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 คนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์กอล์ฟในระดับ LPGA Tour ณ สนามบ้านเกิด
แต่ผลงานของพวกเธอ ทำให้อันดับโลกเป็นอย่างไรบ้าง เรามีอัพเดตล่าสุดมาให้ดูกัน
เกาหลีใต้ครองวงการ
ตั้งแต่เข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 21 โปรจากเกาหลีใต้ก็ดาหน้าผลัดเปลี่ยนครองวงการกอล์ฟหญิงอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในตัวชี้วัดที่ชัดเจนคือ นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดอันดับนักกอล์ฟโลกหญิงอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 แดนโสมขาว สามารถสร้างนักกอล์ฟขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก รวมถึงติด 100 อันดับแรกมากที่สุด
คำกล่าวนั้นยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะ 3 อันดับแรกของโลก ทั้ง โก จินยอง, พัค อินบี และ คิม เซยอง พวกเธอคือนักกอล์ฟสัญชาติเกาหลีใต้ทั้งหมด รวมถึง คิม ฮโยจู อันดับ 7 ก็ด้วยเช่นกัน ทำให้ใน 10 อันดับแรกมีโปรสาวแดนโสมขาวถึง 4 คน และอันที่จริง หากจะนับว่า ท็อป 10 นักกอล์ฟหญิงของโลกตอนนี้ มีสาวเกาหลีใต้ 5 คนคงไม่ผิดอะไร เนื่องจาก ลิเดีย โค มือ 8 ของโลกนั้น เป็นคนเกาหลีใต้โดยกำเนิด แต่ได้สัญชาตินิวซีแลนด์หลังย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เป็นทารก
ส่วนชาติที่มีนักกอล์ฟติดท็อป 10 รองลงมา หนีไม่พ้น สหรัฐอเมริกา ที่มี 3 สาว เนลลี คอร์ดา, แดเนียล คัง และ เล็กซี่ ธอมป์สัน รั้งอันดับ 4, 6 และ 9 ตามลำดับ
สาวไทยก็มีดี
ในขณะเดียวกัน วงการกอล์ฟไทยในรอบทศวรรษหลังมานี้ ก็สร้างนักกอล์ฟฝีมือดีประดับวงการอย่างต่อเนื่อง โดยในตอนนี้ มีสาวไทย 4 คน ที่อยู่ใน 100 อันดับแรกของนักกอล์ฟหญิง
คนที่มีอันดับโลกดีสุด คงหนีไม่พ้น “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ เพราะแชมป์เมเจอร์ เอเอ็นเอ อินสไปเรชั่น 2021 เมื่อเดือนเมษายน 2021 รายการเดียว ทำให้อันดับโลกของเธอกระโดดรวดเดียว 90 อันดับ จาก 103 ขึ้นมาเป็น 13 และอันดับล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2021 โปรเหมียว สามารถขึ้นมาติดท็อป 10 ของโลกได้เป็นครั้งแรก ที่อันดับ 10
รองลงมาคือ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟชาวไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ใน LPGA Tour ในรายการ โยโกฮามา ไทร์ แอลพีจีเอ คลาสสิก รวมถึงแชมป์เมเจอร์ ในรายการ วีเมนส์ บริติช โอเพน เมื่อปี 2016 รวมถึงขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกเมื่อปี 2017 ที่กลับมาคว้าแชมป์แรกในรอบเกือบ 3 ปี ในรายการ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 ลบฝันร้ายจากเมื่อ 8 ปีก่อน ที่พลาดแชมป์รายการในบ้านเกิดที่หลุมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยตอนนี้ โปรเม อยู่อันดับที่ 22 ของโลก
สำหรับอันดับโลกของนักกอล์ฟไทยระดับหัวแถวของวงการตอนนี้คนอื่น ๆ … “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล พี่สาวของโปรเม รั้งอันดับ 41, “โปรจัสมิน” ธิฎาภา สุวัณณะปุระ อยู่อันดับ 84, “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ รั้งอันดับ 121 และดาวรุ่งอย่าง “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล รองแชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2021 รั้งอันดับ 133
มองข้างหน้าที่โอลิมปิก
อันดับโลกนักกอล์ฟ ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในตัวชี้วัดฟอร์มการเล่นของนักกีฬา ณ ช่วงเวลานั้น ๆ แต่เพียงอย่างเดียว เพราะในศึกใหญ่ที่ใกล้มาถึงอย่าง โอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่จะมีขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2021 อันดับโลก คือเกณฑ์ตัดสินว่า โปรกอล์ฟคนไหนจะได้วีซ่าไปแข่งบ้าง
Photo : www.nytimes.com
ในกีฬากอล์ฟ ทั้งชายและหญิง จะจำกัดผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ประเภทละ 60 คนเท่านั้น โดยนักกอล์ฟที่ติด 15 อันดับแรก จะการันตีการไปโอลิมปิกทันที ทว่าแต่ละชาติจะได้โควต้านักกอล์ฟในส่วนของ 15 คนนี้ไม่เกินชาติละ 4 คนเท่านั้น ตัวอย่างชัดๆ ของกรณีดังกล่าวคือ เกาหลีใต้ ที่ ริว โซยอน มือ 15 ของโลกในขณะนี้ จะหมดโอกาสไปโอลิมปิก เนื่องจากแดนโสมขาวมีนักกอล์ฟเต็มโควต้า 4 คน จากท็อป 10 ของอันดับโลกอยู่แล้ว
อีก 45 คนที่เหลือ จะเอานักกอล์ฟ 2 คนที่มีอันดับโลกดีสุดจากแต่ละชาติเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งชาติที่มีนักกอล์ฟใน 15 อันดับแรก แต่ได้สิทธิ์จากส่วนนี้เพียงแค่คนเดียว ก็จะได้โควต้านักกอล์ฟเพิ่มอีก 1 คน รวม 2 คน ตัวอย่างคือ ไทย ที่มีเพียง “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ อยู่ในท็อป 15 แค่คนเดียวนั้น ก็จะได้โควต้าจากส่วนนี้เพิ่มอีก 1 คน
อย่างไรก็ตาม กฎของโอลิมปิก คือจะต้องมีนักกีฬาจากทุกทวีป (เอเชีย, โอเชียเนีย, ยุโรป, อเมริกาเหนือและกลาง, อเมริกาใต้, แอฟริกา) รวมถึงตัวแทนจากชาติเจ้าภาพลงแข่งขัน บางชาติที่มีนักกอล์ฟอยู่ในอันดับล่าง ๆ ลงมา จึงอาจได้รับโควต้าเพียงแค่ชาติละ 1 คน เพื่อนำไปเกลี่ยให้กับตัวแทนจากทวีปต่าง ๆ ซึ่ง 2 คนสุดท้ายในตอนนี้ที่ได้โควต้า คือ แมคดาเลนา ซิมเมอร์มัคเกอร์ ตัวแทนทวีปอเมริกาใต้จากอาร์เจนตินา อันดับ 407 ของโลก กับ มาฮา ฮาดดีวี จากโมร็อกโก ประเทศในทวีปแอฟริกา ที่รั้งอันดับ 412 ของโลก
ไล่เรียงอันดับ ณ ขณะนี้ เท่ากับว่า ไทยจะได้โควต้านักกอล์ฟหญิง 2 คนใน โตเกียว 2020 นั่นคือ “โปรเหมียว” ปภังกร ธวัชธนกิจ และ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล 2 นักกอล์ฟไทยที่มีอันดับโลกดีสุด อย่างไรก็ตาม หากมีใครก็ตามที่ไม่สามารถลงแข่งได้ ก็สามารถเรียกตัวสำรองขึ้นมาแทนที่ เรียงจากอันดับโลกคือ “โปรโม” โมรียา จุฑานุกาล, “โปรจัสมิน” ธิฎาภา สุวัณณะปุระ, “โปรเมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล และ “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ ที่ปัจจุบันรั้งอันดับ 156 ของโลก
ถึงกระนั้น วันตัดโควต้านักกอล์ฟหญิง คือวันที่ 28 มิถุนายน 2021 (ของนักกอล์ฟชายจะตัดโควต้าเร็วกว่า 1 สัปดาห์ คือวันที่ 21 มิถุนายน 2021) นั่นเท่ากับยังมีเวลาอีกราว ๆ 1 เดือนในการทำคะแนนเพิ่ม ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีรายการระดับเมเจอร์ที่มีผลต่อโควต้าโอลิมปิกรออยู่ถึง 2 รายการ คือ ยูเอส วีเมนส์ โอเพน วันที่ 3-6 มิถุนายน และ วีเมนส์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ วันที่ 24-27 มิถุนายน
หากโปรสาวไทยคนไหนทำผลงานได้ดีในอีก 1 เดือนจากนี้ ไม่แน่ว่า โอกาสที่จะไปโอลิมปิก ทั้งการทำอันดับแซงคนที่มีโอกาสได้โควต้าอยู่เดิม หรือพรวดขึ้นมาเพิ่มโควต้าให้ทัพนักกีฬาไทยเป็น 3 หรือ 4 คน ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
‘ไวรัสตับอักเสบซี’ ภัยเงียบไร้วัคซีน ตรวจรู้ไวรักษาหายขาดได้
พูดถึง “ไวรัสตับอักเสบซี” หลายคนอาจสงสัยว่าโรคนี้เกิดจากอะไร มีอาการอย่างไรในการสังเกตตนเอง แล้วอันตรายหรือไม่ วันนี้เรามาไขข้อข้องใจ พร้อมบอกข่าวดี! สำหรับวิธีรักษา และการใช้ยารักษา หากรู้ตัวเร็วและเข้ารับการรักษาเร็ว ทำให้หายขาดได้! แต่ก็กลับมาเป็นใหม่ได้เช่นกัน
โรคไวรัสตับอักเสบซี เกิดจากอะไร?
โรคไวรัสตับอักเสบซี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเมื่อเข้าไปในร่างกายจะแบ่งตัวและอาศัยอยู่ในตับ ระยะแรกทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลัน ส่วนมากผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการทำให้ผู้รับเชื้อไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อ จะทราบได้ก็ต่อเมื่อไปตรวจเลือดแล้วพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ หรือบริจาคเลือดแล้วพบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี หากมีอาการแสดงอาจมีอาการไข้ อ่อนเพลียจากการอักเสบของตับ คลื่นไส้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม เบื่ออาหาร น้ำหนักลดและอ่อนเพลีย โดยทั่วไปประมาณ 70-80% ของผู้ติดเชื้อเฉียบพลันจะเข้าสู่ระยะติดเชื้อเรื้อรังเนื่องจากไม่สามารถขจัดเชื้อไวรัสออกจากร่างกายได้ ซึ่งถ้าหากเป็นนานๆ หลายปีอาจมีภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดพังผืดหรือแผลเป็นในตับ นำไปสู่ภาวะตับแข็งและมีโอกาสเกิดมะเร็งตับในที่สุด ที่สำคัญการที่จะทราบได้ว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้น จะต้องใช้วิธีตรวจทางห้องปฏิบัติเท่านั้นถึงจะทราบ “ไวรัสตับอักเสบ ซี เจอช้ารักษายาก เจอเร็วรักษาง่าย แถมหายขาดได้”
สาเหตุการติดต่อของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
ไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อเข้าสู่ร่างกายทางเลือดเป็นหลัก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติการรับเลือดก่อนปี 2534 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มมีการตรวจกรองหาเชื้อไวรัส ยังพบได้บ่อยในผู้ที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด การสักด้วยเครื่องมือที่ไม่สะอาด การฉีดยากับหมอเถื่อน และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ที่รักษาด้วยการล้างไต ยิ่งไปกว่านั้นยังพบได้มากขึ้นสำหรับผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีร่วมกับการติดเชื้อ HIV โดยมีอัตราการติดเชื้อในผู้ป่วยกลุ่มนี้สูงถึง 8–10 % และสามารถก่อให้เกิดพยาธิสภาพได้ทั้งภายในตับและภายนอกตับ
แนวทางการวินิจฉัย และรักษาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
การตรวจคัดกรองเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่ายังมีการติดเชื้อในร่างกาย คือการตรวจแอนตี้-เอชซีวี (Anti-HCV) ถ้ามีผลบวกแสดงว่าเคยติดเชื้อไวรัสมาก่อน แต่ไม่สามารถแยกได้ว่ายังมีการติดเชื้อไวรัสในร่างกายหรือหายขาดแล้ว นอกจากนี้ anti-HCV ยังให้ผลบวกลวงได้ด้วย ดังนั้น เมื่อตรวจแอนตี้-เอชซีวี (Anti-HCV) ให้ผลบวกจึงต้องตรวจยืนยันว่ากำลังมีการติดเชื้อจริงโดยการตรวจปริมาณไวรัสในเลือด (HCV RNA) ด้วยวิธีพีซีอาร์ (PCR) ถ้าตรวจไม่พบปริมาณไวรัสหลังแอนตี้-เอชซีวีให้ผลบวก แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 3-6 เดือน การตรวจหาปริมาณไวรัสอาจต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการ 3 -14 วัน จากนั้นแพทย์จึงจะวางแผนการรักษา และการตรวจปริมาณไวรัสนี้ยังใช้ติดตามการรักษาเพื่อประเมินผลว่ารักษาหายขาดหรือไม่
ข่าวดี !…ยารักษาใหม่ ให้ผลการรักษามีโอกาสหายมากกว่า 95%
ศ.นพ.พิสิฐ ตั้งกิจวาณิชย์ นายกสมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย อธิบายว่า ในปัจจุบัน บัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2564 ได้มีการอนุมัติการใช้ยาที่สามารถรักษาครอบคลุมทุกสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี คือยาสูตรผสม Sofosbuvir/Velpatavir (SOF/VEL) ซึ่งเป็นยาที่มีกลไกการออกฤทธิ์โดยตรงในการยับยั้งไวรัสตับอักเสบซี (Direct Acting Antivirals; DAAs) และมีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้หายขาดสูงถึง 95% จึงสามารถกล่าวได้ว่าโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี เป็นโรคที่สามารถรักษาหายขาดได้ ปัจจุบันยาสูตรนี้อยู่ในสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีที่เข้าเกณฑ์การรักษาตามประกาศของบัญชียาหลักแห่งชาติ ภายใต้การดูแลรักษาของอายุรแพทย์สาขาระบบทางเดินอาหารหรืออายุรแพทย์ทั่วไปที่ปฏิบัติงานด้านโรคระบบทางเดินอาหารไม่น้อยกว่า 5 ปี
ความก้าวหน้าของนวัตกรรมทางการแพทย์ ตรวจคัดกรองรู้ผลใน 2 ชั่วโมง
ในยุคนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก็ทำให้มีนวัตกรรมทางการแพทย์อย่างเครื่อง “อะลินิตี้ เอ็ม (Alinity m)” ใช้ตรวจวินิจฉัยเพื่อยืนยันการติดเชื้อและติดตามการรักษาที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว สามารถออกผลการทดสอบได้ภายใน 2 ชั่วโมง ได้ผลเร็วขึ้น 3-4 เท่า จากการตรวจรูปแบบเดิม ซึ่งสามารถตรวจร่วมกับการใช้ยาและระบบติดตามการตรวจและรักษาคนไข้ที่มีคุณภาพและครบวงจร ลดปัญหาการเดินทางเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลหลายครั้งโดยไม่จำเป็น ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วย อีกทั้งทำให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบัน เครื่องดังกล่าวนำไปใช้ตรวจไวรัสตับอักเสบ บี และไวรัสตับอักเสบ ซี แล้วที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลรามาธิบดี
สิ่งที่ทำได้เพื่อต้าน “ไวรัสตับอักเสบซี”
หลักสำคัญคือ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ เช่น หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมหรือเข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น สวมถุงมือถ้าต้องสัมผัสเลือด คู่สมรสที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถอยู่ร่วมกันได้ตามปกติ มารดาที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีสามารถให้นมบุตรได้ ไม่ใช้มีดโกนหนวด แปรงสีฟันร่วมกัน
· ห้ามใช้อุปกรณ์ในการสักร่วมกัน
· ใช้ถุงยางอนามัยหากมีเพศสัมพันธ์หลายคน
· รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ทานอาหารปรุงสุก ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
· ตรวจร่างกายสม่ำเสมอเพื่อประเมินการทำงานของตับอย่างน้อยปีละครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลก
ในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนทิ้งช่วงยาวนานและลมสงบ ทำให้หลายพื้นที่ประสบกับภาวะฝุ่นเกินมาตรฐาน จนเกิดเป็นหมอกฝุ่นปกคลุมไปทั่วบริเวณ ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกหนึ่งเรื่องที่เกิดจากมนุษย์ เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัว มีผลกระทบต่อทุกคน และมักออกข้อสอบบ่อย วันนี้เรามาอัพเดทคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลกใหม่ ๆ กันค่ะ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโลก
คำศัพท์ |
คำแปล |
Particulate Matter (PM) | อนุภาคของสสารซึ่งแขวนลอยในอากาศ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก |
Dust | ฝุ่น |
Tiny particles | อนุภาคขนาดเล็กมาก |
Hygienic mask | หน้ากากอนามัย |
Climate | ภูมิอากาศ |
Climate change | การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ |
Pollution | มลภาวะ |
Exhaust (N) | การปล่อยไอเสียควันพิษ |
carbon monoxide | คาร์บอนมอนอกไซด์ |
Carbon footprint | การวัดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามรายทางของกระบวนการผลิตสินค้าตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ การผลิต จัดจำหน่าย บริโภค จนถึงกำจัดซาก |
Environmental friendly products | สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรียกย่อๆว่า Eco Friendly |
Green product | สินค้ารักษ์โลก เน้นการลดใช้ทรัพยากรและพลังงาน |
Disposal | การจัดการหรือกำจัด |
Zero waste | ขยะหรือของเสียเป็นศูนย์ หมายถึง การหมุนเวียนใช้ซ้ำและลดขยะให้เหลือน้อยที่สุดจนถึงศูนย์ เช่น การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก |
Acid rain | ฝนกรด |
Compostable plastic | พลาสติกที่ย่อยสลายได้ |
Biodegradable | สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ |
Global warming | ภาวะโลกร้อน |
Greenhouse effect | ปฏิกิริยาเรือนกระจก |
Contaminate | ปนเปื้อน |
Deforestation | การตัดไม้ทำลายป่า |
Recycle | การนำมาหมุนเวียนใช้ซ้ำ |
Toxic waste | ของเสียมีพิษ |
Solar energy | พลังงานแสงอาทิตย์ |
Nuclear energy | พลังงานนิวเคลียร์ |
Nuclear reactor | เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู |
Renewable energy | พลังงานหมุนเวียน |
Natural materials | วัสดุธรรมชาติ |
Cellulose | เส้นใยพืช |
Resource depletion | การใช้ทรัพยากรจนหมดสิ้น |
ตัวอย่างประโยค
The particulate matter 2.5 micron (PM2.5) can cause many respiratory system health problems.
(ฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (พีเอ็ม2.5) เป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาสุขภาพในระบบทางเดินหายใจมากมาย)
Where can I buy a hygienic mask?
(ฉันจะซื้อหน้ากากอนามัยได้ที่ไหน)
The goal of zero waste is for no trash to be sent to landfills, or the ocean.
(เป้าหมายของขยะเป็นศูนย์คือ ต้องไม่มีถังขยะถูกส่งไปยังที่ฝังกลบหรือถูกทิ้งลงทะเลเลย)
There are many way to reduce your carbon footprint by yourself.
(มีหลายวิธีที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยตัวเราเอง)
This straw is made from compostable plastic.
(หลอดนี้ผลิตจากพลาสติกที่ย่อยสลายได้)
We must develop the renewable energy sources for sustainable use.
(เราต้องพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนเพื่อการใช้งานอย่างยั่งยืน)
ขอบคุณข้อมูลจาก trueplookpanya.com
เสริมนวัตกรรมรองรับการทำงานไฮบริด
เอชพี อิงค์ ประเทศไทย เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนและรองรับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดและสถานที่ทำงานในที่ต่างๆ ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์พีซีและเครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้แก่ HP Elite Dragonfly G2, HP ProBook 635 Aero G8, HP LaserJet Enterprise 400 series และ HP LaserJet 200 series ที่จะมาเสริมศักยภาพให้พนักงานที่ทำงานอยู่นอกสถานที่สามารถเชื่อมต่ออย่างปลอดภัย มีความยืดหยุ่นสูง และทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น
มร. ลิม ชุน เต็ก กรรมการผู้จัดการ เอชพี อิงค์ ประเทศไทย กล่าวว่า“ปัจจุบันครึ่งหนึ่งของพนักงานทั่วโลกยังคงต้องทำงานจากระยะไกลเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ดังนั้น พนักงานเหล่านี้จึงต้องการอุปกรณ์ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกัน สำหรับในประเทศไทย การทำงานจากที่บ้านทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และยังช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ โดยมีพนักงานจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งเห็นด้วยและยอมรับว่า นี่เป็นวิธีที่ดีในการร่วมมือกับนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีบริษัทประมาณร้อยละ 20 ได้เปลี่ยนไปทำงานจากที่บ้านอย่างถาวร และเพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ เอชพี เล็งเห็นการพัฒนาประโยชน์สูงสุดของฮาร์ดแวร์ด้วยการผสมผสานโซลูชั่นและบริการสำหรับธุรกิจแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม”
ล่าสุด เอชพี ได้เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนและรองรับสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดและสถานที่ทำงานในที่ต่างๆ ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์พีซีและเครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้แก่ HP Elite Dragonfly G2, HP ProBook 635 Aero G8, HP LaserJet Enterprise 400 series และ HP LaserJet 200 series ที่จะมาเสริมศักยภาพให้พนักงานที่ทำงานอยู่นอกสถานที่สามารถเชื่อมต่ออย่างปลอดภัย มีความยืดหยุ่นสูง และทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น
พีซีที่บางเบารุ่นล่าสุดของเอชพี HP Elite Dragonfly G2 และ HP ProBook 635 Aero G8 มอบความยืดหยุ่นในการทำงานได้อย่างปลอดภัย สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ได้ทุกที่
HP Elite Dragonfly G2 มอบอิสระให้ผู้ใช้ในการทำงานที่บ้านหรือออฟฟิศด้วยแล็ปท็อปพับหน้าจอได้ ขนาดกะทัดรัดที่เบาบางที่สุด และมีน้ำหนักน้อยกว่า 1 กก นอกจากนี้ ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์พีซี ที่ทรงความยั่งยืนด้วยตัวเครื่องที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลและขยะพลาสติกจากทะเล
ทรงพลังและประสิทธิภาพสูงด้วยโปรเซสเซอร์Intel Coreเจนเนอเรชั่น 11 กับกราฟิก Intel รุ่นใหม่ล่าสุด ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อผ่าน 5G หรือ 4G LTE ระดับกิกะบิต ได้อย่างรวดเร็วและน่าประทับใจ มาพร้อมกับ Tile™ ที่อยู่ในตัวเครื่อง แล็ปท็อปพับหน้าจอได้แบบทูอินวันในสีเหลือบแมลงปอสีน้ำเงินโดดเด่น ง่ายต่อการดูแลทำความสะอาด พร้อมฟีเจอร์อื่นๆ รวมถึงระบบเสียงที่คมชัดด้วย Audio by Bang & Olufsen และการปรับแต่งสมรรถนะโดย AI เพื่อเพิ่มประสบการณ์ด้านเสียงสำหรับเสียงพูด ฟังเพลง หรือชมภาพยนตร์ และเทคโนโลยีการตรวจจับการบุกรุกขณะใช้งานด้วย HP Tamper Lock ที่จะล็อกพีซีหากถูกเปิดหรือคุกคามโดยจะแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบ
ProBook 635 Aero G8 ขนาด 13.3 นิ้ว ออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวสูงสุด เป็น ProBook เครื่องแรกที่ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ผสมผสานความเบาของแมกนีเซียมและความทนทานและความเพรียวบางของอะลูมิเนียม เป็นการออกแบบที่ได้รับการยกระดับการทำงานในสถานที่ต่างๆ ของผู้ใช้งานระดับมืออาชีพยุคนี้ที่สะท้อนถึงตัวตนของผู้ใช้งาน โดยรูปลักษณ์ของ ProBook 635 Aero G8 เป็นโลหะทั้งหมดและออกแบบขอบตัวเครื่องตามหลักอากาศพลศาสตร์ มอบการสัมผัสระดับพรีเมี่ยมในขนาดกะทัดรัดและทนทาน ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นหน้าจอในอัตราส่วน ที่เพิ่มขึ้นถึง 86.2% ส่วนขอบด้านบนบางพิเศษเพียง 9.5 มม. และมีขอบด้านข้างเพียง 4.28 มม.
ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 4000 Series มาพร้อมกับ PRO Technologies ซึ่งเป็นอุปกรณ์ เสริมและผสมผสานร่วมกับเทคโนโลยี AMD Radeon™ รุ่นล่าสุด โดย ProBook 635 Aero G8 มอบประสิทธิภาพและความสามารถในการกำหนดค่าที่แม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานร่วมกันแบบไฮบริดของผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ProBook 635 Aero G8 มาพร้อมกับคีย์บอร์ดที่เงียบ มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน เชื่อมต่อง่ายและมีฟังก์ชันความปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ใช้งานทำงานได้ตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงความเร็วกิกะบิต , ที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือ สามารถเชื่อมได้ตลอดเวลา โดยมีตัวเลือกเสริม และการเชื่อมต่อในสภาพแวดล้อมที่รองรับเทคโนโลยี บรอดแบรนด์ไร้สาย Wi-Fi6 และ Cat 9 4G LTE
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยและครอบคลุมในทุกระดับไม่ว่าจะเป็น HP Sure View Reflect ที่ให้ผู้ใช้ทำงานได้อย่างรอบคอบ ปกป้องความเป็นส่วนตัวและมีประสิทธิภาพมากกว่าคู่แข่งถึงสองเท่าทั้งในการใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมที่สว่างหรือมืด และ HP Privacy Camera ซึ่งอยู่บริเวณขอบด้านบน สามารถปิดได้เพื่อหลีกเลี่ยงการประชุมทางวิดีโอโดยไม่ได้ตั้งใจและป้องกันผู้ใช้งานจากการรุกล้ำทางไซเบอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มะกรูด งานวิจัยและสรรพคุณ 12ข้อ
ถิ่นกำเนิดมะกรูด
มะกรูดเป็นพืชตระกูลส้ม และมะนาวเป็นพืชพื้นเมืองในเขตร้อนชื้นแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ ซึ่งถูกจัดเป็นไม้ผล สำหรับมะกรูดในประเทศไทยนั้น ชาวไทยคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นสมุนไพรคู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน เพราะนิยมใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแกงที่จำเป็นอย่างขาดไม่ได้เลย (ซึ่งโดยปกติแล้วเรามักจะนิยมใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดมาเป็นส่วนผสมของพริกแกง) นอกจากนี้มะกรูดก็ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความงามและในด้านของยาสมุนไพร อีกทั้งยังถือว่าเป็นไม้มงคลที่นิยมปลูกไว้บริเวณบ้านอีกด้วย เพราะเชื่อว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุข โดยมักจะปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน
ประโยชน์และสรรพคุณมะกรูด
- ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง
- กระทุ้งพิษ แก้ฝีภายในและแก้เสมหะเป็นพิษ
- มีน้ำมันหอมระเหยผ่อนคลายความเครียด คลายความกังวล
- เป็นยาบำรุงหัวใจ
- แก้ลม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ
- แก้อาการไอ ขับเสมหะ
- ช่วยฟอกโลหิต
- แก้อาการเลือดออกตามไรฟัน
- ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการจุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง
- ช่วยขับระดู ขับลม
- ช่วยบำรุงหนังศีรษะและบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง
- แก้ปัญหากลิ่นเท้าเหม็น มีกลิ่นอับเชื้อรา
ใบมะกรูดและน้ำมะกรูดสามารถใช้ดับกลิ่นคาวในอาหารและใช้ในการประกอบอาหารและแต่งกลิ่นคาวหวานของอาหาร เช่น ต้มยำ แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ฉู่ฉี่ ห่อหมก ฯลฯ มีการนำเปลือกของมะกรูดมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิด อย่างเช่น สบู่ แชมพูมะกรูดหรือยาสระผมมะกรูด ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงและแมลง เป็นต้น ส่วนสรรพคุณทางยาของมะกรูดนั้นมีดังนี้
ตำรายาไทย: ใบมะกรูด มีรสปร่า หอม แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นโลหิต แก้ช้ำใน กัดเสมหะในคอ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ระดูเสียฟอกโลหิตระดู ขับระดู ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด ผิว มีรสปร่าหอม ร้อน เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้แน่น ขับระดู ขับผายลม เป็นยาบำรุงหัวใจ ผล ดองเป็นยาฟอกเลือดในสตรี ช่วยขับระดู ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด ลักปิดลักเปิด น้ำมันจากผิวช่วยป้องกันรังแค และทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงางาม ผล รสเปรี้ยว กัดเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ระดูเสีย ฟอกโลหิตระดู ขับระดู ขับลมในลำไส้ ถอนพิษผิดสำแดง ผล ปิ้งไฟให้สุก ผ่าครึ่งลูก เอาถูฟอกสระผม ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม นิ่มสลวย แก้คัน แก้รังแค แก้ชันนะตุ ทำให้ผมสะอาดแพทย์ตามชนบทใช้ผลเอาไส้ออก ใส่มหาหิงคุ์แทน สุมไฟให้เกรียม บดกวาดปากลิ้นเด็กอ่อน ขับขี้เทา ขับลม แก้ปวดท้องในเด็ก หรือใช้ผลสดนำมาผิงไฟให้เกรียม แล้วละลายให้เข้ากับน้ำผึ้ง ใช้ทาลิ้นให้เด็กที่เกิดใหม่ ยาพื้นบ้านบางถิ่นใช้น้ำมันมะกรูดดองยาที่เรียกว่า “ยาดองเปรี้ยวเค็ม” ที่ใช้กินเป็นยาฟอกโลหิตในสตรี น้ำผลมะกรูด มีรสเปรี้ยว แก้เสมหะในลำคอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิตระดู ขับลมในลำไส้ และใช้ถนอมยาไม่ให้บูดเน่า แก้อาการท้องอืด ช่วยเจริญอาหาร ใช้สระผมกันรังแค เนื้อของผล แก้ปวดศีรษะ
ตำรายาไทย: ผิวมะกรูดจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” ประกอบด้วย ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะนาว หรือผิวส้มโอมือ และผิวมะกรูด มีสรรพคุณแก้ลมกองละเอียด กองหยาบ แก้เสมหะโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม
ในตำราพระโอสถพระนารายณ์: ระบุตำรับ “น้ำมันมหาจักร” เตรียมได้ง่าย ใช้เครื่องยาน้อยสิ่ง หาซื้อได้ง่าย ในตำรับให้ใช้น้ำมันงา 1 ทะนาน (ขนาดทะนาน 600) มะกรูดสด 30 ลูก ปอกเอาแต่ผิว เตรียมโดยเอาน้ำมันงาตั้งไฟให้ร้อน เอาผิวมะกรูดใส่ลง ทอดจนเหลืองเกรียมดีแล้วให้ยกน้ำมันลง กรองเอากากออก ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาเครื่องยาอีก 7 สิ่ง บดให้เป็นผงละเอียด ใส่ลงในน้ำมันที่ได้ เครื่องยาที่ใช้มี เทียนทั้ง 5 (เทียนตาตั๊กแตน เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก เทียนแดง และเทียนดำ) หนักสิ่งละ 2 สลึง ดีปลีหนัก 1 บาท และการบูรหนัก 2 บาท สรรพคุณ ใช้ยอนหู แก้ลม แก้ริดสีดวง แก้เปื่อยคันก็ได้ ทาแก้เมื่อยขบ และใส่บาดแผล ที่มีอาการปวด ที่เกิดจากเสี้ยน จากหนาม จากหอกดาบ ระวังไม่ให้แผลถูกน้ำ จะไม่เป็นหนอง
นอกจากนี้บัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะกรูด ในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆของร่างกาย ได้แก่ ตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้อง ตำรับ “ยาประสะไพล” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ ใช้ในสตรีที่ระดูมาไม่สม่ำเสมอ หรือมาน้อยกว่าปกติ และขับน้ำคาวปลาในสตรีหลังคลอด
ลักษณะทั่วไปมะกรูด
มะกรูด เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เนื้อไม้เป็นเนื้อแข็ง เปลือกเรียบมีสีน้ำตาลอ่อน ลำต้นแตกกิ่งก้านจำนวนมากตั้งแต่ระดับล่างของลำต้นทำให้มีลักษณะเป็นพุ่ม ตามลำต้น และกิ่งมีหนามแหลมยาวใบมะกรูด เป็นใบประกอบ ออกเป็นใบเดี่ยว มีก้านใบแผ่ออกเป็นครีบคล้ายแผ่นใบ ใบมะกรูดมีลักษณะหนา เรียบ มีผิวมัน สีเขียว และเขียวเข้มตามอายุของใบ ใบมีคอดกิ่วที่กลางใบทำให้ใบแบ่งออกเป็น 2 ตอน หรือ คล้ายใบไม้ 2 ใบ ต่อกัน ขนาดใบกว้างประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-12 เซนติเมตร ใบมีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ดอกมะกรูดเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกออกเป็นช่อมีสีขาว แทงออกบริเวณส่วนยอดหรือตามซอกใบ แต่ละช่อมีดอกประมาณ 1-5 ดอก หลีบดอกมีสีขาวครีม 5 กลีบ มีขนปกคลุม ภายในดอกมีเกสรมีสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมเล็กน้อย และเมื่อแก่จะร่วงง่าย ผลมะกรูดหรือลูกมะกรูด มีลักษณะค่อนข้างกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร ผลคล้ายผลส้มซ่า ผลมีขนาดใหญ่กว่าลูกมะนาวเล็กน้อย ลักษณะของผลมีรูปร่างแตกต่างกันไปแล้วแต่พันธุ์ เปลือกผลค่อนข้างหนา ผิวเปลือกมีสีเขียวเข้ม ผิวขรุขระเป็นลูกคลื่นหรือเป็นปุ่มนูน ภายในเปลือกมีต่อมน้ำมันหอมระเหยเป็นจำนวนมาก มีจุกที่หัว และท้ายของผล เมื่อสุก ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ด้านในผลประกอบด้วยเนื้อฉ่ำน้ำ มีเมล็ดแทรกบริเวณกลางผล 5-10 เมล็ด เนื้อผลมีรสเปรี้ยวปนขมเล็กน้อย
การขยายพันธุ์มะกรูด
การขยายพันธุ์มะกรูดสามารถทำได้ด้วยหลายวิธี เช่น การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง การติดตา การต่อยอด และการเพาะเมล็ด แต่วิธีที่เป็นที่นิยม ได้แก่ การตอนกิ่ง การต่อยอด และการเพาะด้วยเมล็ด เมื่อได้ต้นกล้าที่จะนำไปปลูกแล้ว ขั้นตอนต่อไป ให้ขุดหลุม ให้ขนาดหลุมกว้าง x ยาว x ลึก ประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยขี้วัวผสมดิน กรีดถุงดำออก น้ำต้นกล้าลงปลูก กลบดิน รดน้ำ คลุมฟาง และทำหลักปักกับต้นเพื่อกันโยกเวลาลมพัด โดยทั่วไปนิยมปลูกมะกรูดระยะชิด คือ 2×2 เมตร 1 ไร่จะได้มะกรูด 400 ต้น หากปลูกระยะ 1.5 x 1.5 เมตร 1 ไร่จะได้ 1067 ต้น ในการปลูกระยะชิดนี้จะเป็นการปลูกมะกรูดเพื่อจำหน่ายใบ เนื่องจากมีการตัดใบจำหน่ายทุกๆ 3 – 4 เดือน พุ่มมะกรูดก็จะไม่ชิดกันมาก หากต้องการปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นลูกมะกรูด ผู้ปลูกอาจปลูกระยะห่าง 4 x 4 เมตร 1 ไร่จะได้ 200 ต้น หรือ 5 x 5 เมตร 1 ไร่จะได้ 65 ต้น เป็นต้น สำหรับมะกรูดปลูกได้ดีในดินทุกชนิดและระยะปลูกมะกรูดนั้น ปลูกได้หลายระยะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และพื้นที่ของผู้ปลูกดังที่กล่าวมาแล้ว
องค์ประกอบทางเคมี
นํ้ามันหอมระเหยมะกรูดประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ สารในกลุ่มเทอร์พีน ( terpenes) และสารที่ไม่ใช่กลุ่มเทอร์พีน ( non-terpene) หรือ oxygenated compounds ตัวอย่างเช่น ในผิวมะกรูดมีน้ำมันระเหยง่ายร้อยละ 4 มีองค์ประกอบหลักเป็น “เบตาไพนีน” (beta-pinene) ประมาณร้อยละ 30 , “ลิโมนีน” (limonene) ประมาณร้อยละ 29 , beta-phellandrene, citronellal นอกจากนี้ยังพบ linalool, borneol, camphor, sabinene, germacrene D, aviprin
รูปภาพองค์ประกอบทางเคมีของมะกรูด
ที่มา : Wikipedia
สารกลุ่มคูมาริน ได้แก่ umbelliferone, bergamottin, oxypeucedanin, psoralen, N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) น้ำจากผลพบกรด citric
ส่วนในใบมะกรูดเมื่อกลั่นด้วยไอน้ำ จะได้น้ำมันระเหยง่ายประมาณร้อยละ 0.08 มีองค์ประกอบหลักเป็น “แอล-ซิโตรเนลลาล”(l-citronellal) ประมาณร้อยละ 65, citronellol, citronellol acetate นอกจากนี้ยังพบ sabinene, alpha-pinene, beta-pinene, alpha –phellandrene, limonene, terpinene, cymene, linalool และสารอื่นที่พบได้แก่ indole alkaloids, rutin, hesperidin, diosmin, alpha-tocopherol ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของมะกรูดนั้นสามารถแยกได้ดังนี้
คุณค่าทางโภชนาการของใบมะกรูด (100 กรัม)
- พลังงาน 171 กิโลแคลอรี่
- โปรตีน 6.8 กรัม
- ไขมัน 3.1 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 29.0 กรัม
- เส้นใย 8.2 กรัม
- แคลเซียม 1672 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม
- เหล็ก 3.8 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 303 ไมโครกรัม
- ไทอามีน 0.20 มิลลิกรัม
- ไรโบฟลาวิน 0.35 มิลลิกรัม
- ไนอาซิน 1.0 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 20 มิลลิกรัม
- เถ้า 4.0 กรัม
คุณค่าทางโภชนาการของผิวลูกมะกรูด (100 กรัม)
- คาร์โบไฮเดรต 21.3 กรัม
- โปรตีน 2.8 กรัม
- ไขมัน 1.1 กรัม
- ใยอาหาร 3.4 กรัม
- แคลเซียม 322 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 62 มิลลิกรัม
- เหล็ก 1.7 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 1 0 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.13 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 115 มิลลิกรัม
คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมะกรูด (100 กรัม)
- คาร์โบไฮเดรต 10.8 กรัม
- โปรตีน 0.6 กรัม
- ไขมัน 0 กรัม
- ใยอาหาร 0 กรัม
- แคลเซียม 20 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม
- เหล็ก 0.6 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 1 0.02 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 58 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 55 มิลลิกรัม
รูปแบบและขนาดวิธีใช้
ใช้ขับลมในลำไส้ แก้แน่น แก้เสมหะ ฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนแกง เติมการบูร หรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือดแช่ทิ้งไว้ ดื่มแต่น้ำรับประทาน 1-2 ครั้ง ถ้ายังไม่ทุเลากินติดต่อกัน 2-3 วันใช้สระผม ให้ดกดำ เงางาม รักษาชันนะตุ ให้ผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อสระผมเสร็จแล้ว เอามะกรูดมาสระซ้ำโดยยีไปบนผม น้ำมะกรูดเป็นกรดจะทำให้ผมสะอาด แล้วล้างเอาสมุนไพรออกให้หมด หรือใช้ผลเผาไฟ นำมาผ่าซีกใช้สระผม ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล เฉียงพร้า ขมิ้นอ้อย ในปริมาณเท่ากัน นำมาบดเป็นผง นำมาชงละลายน้ำร้อนหรือต้มเป็นน้ำดื่ม ช่วยฟอกโลหิต ด้วยการนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ซีกแล้วนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้งประมาณ 1 เดือน แล้วรินเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยฟอกโลหิตได้เป็นอย่างดี
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ สาร coumarins 2 ชนิดที่ได้จากผลมะกรูด ได้แก่ bergamottin และ N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) มีฤทธิ์ยับยั้งการหลั่งไนตริกออกไซด์ (NO) ในหลอดทดลอง ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งหลั่งจาก macrophage ของหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย lipopolysaccharide (LPS) และ interferon-g (IFN- g) โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 14.0 µM และ 7.9 µM ตามลำดับ สารคูมาริน 3 ชนิด ได้แก่ bergamottin, oxypeucedanin และ psoralen สามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ เมื่อทดสอบในเซลล์แมคโครฟาจ RAW 264.7 ของหนู ที่ถูกกระตุ้นด้วยลิโปพอลิแซ็กคาร์ไรด์ (LPS) และอินเตอร์เฟอรอน (interferon)
ฤทธิ์ปกป้องตับ ศึกษาฤทธิ์ปกป้องตับของใบมะกรูดในหนูขาว โดยให้สารสกัด 80% เมทานอล จากใบมะกรูด ขนาด 200 mg/kg เป็นเวลา 7 วัน ก่อนให้ยา paracetamol ขนาด 2 g/kg เป็นเวลา 5 วัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดพิษต่อตับ ซึ่งยา paracetamol จะกระตุ้นให้ตับของหนูเกิดพิษในวันที่ 5 ใช้สาร Silymarin ขนาด 100 mg/kg เป็นสารมาตรฐาน ในวันที่ 7 จะมีการตรวจประเมินการทำงานของตับ ได้แก่ ระดับเอนไซม์ตับ (ALT, AST, ALP), total bilirubin, total protein,blood serums และ hepatic antioxidants (SOD, CAT, GSH and GPx) จากการทดสอบพบว่าสารสกัดใบมะกรูดจะช่วยฟื้นฟูตับ โดยทำให้ระดับเอนไซม์ตับ และเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระของตับกลับมาอยู่ในระดับปกติได้อย่งมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ซึ่งการศึกษานี้สรุปได้ว่าสารสกัดใบมะกรูดมีฤทธิ์ปกป้องตับไม่ให้เกิดพิษจากยา paracetamol ได้
ฤทธิ์ช่วยปรับสภาพเส้นผม น้ำมันหอมระเหยจากผลมะกรูด เช่น b-pinene (30.6%), limonene (29.2%), sabinene (22.6%), citronellal (4.2%) และน้ำคั้นจากผล ซึ่งมีวิตามินต่างๆ และกรดซิตริก (2.56%) เมื่อผสมลงในผลิตภัณฑ์ครีมปรับสภาพเส้นผม โดยเปรียบเทียบกับสารเคมี alpha hydroxy acids (AHAs) พบว่าช่วยปรับสภาพเส้นผมให้ดีขึ้น
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดน้ำ และอะซีโตน ของใบมะกรูดทั้ง 3 ชนิด (ใบสด ต้ม และทอด) โดยใช้ 3 วิธีการทดสอบ ได้แก่ ORAC, FRAP และ DPPH radical scavenging activity ผลการศึกษาพบว่าใบมะกรูดทอดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ตามด้วยใบมะกรูดสด และใบมะกรูดต้ม ตามลำดับ จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีจากใบ พบสารฟลาโวนอยด์ 9 ชนิด ได้แก่ theobromine, cyanidin, myricetin, peonidin, quercetin, luteolin, hesperetin, apigenin และ isorhamnetin โดยมีปริมาณผลรวมของสารฟลาโวนอยด์เท่ากับ 1110 ± 74.1, 556 ± 29.7 และ 1235 ± 102.5 มก. ต่อ 100 ก. แห้ง ในใบมะกรูดสด ต้ม และทอด ตามลำดับ พบปริมาณของ hesperetin สูงที่สุด ปริมาณสารโพลิฟีนอลเท่ากับ 2.0 (สด), 1.8 (ต้ม) และ 1.9 (ทอด) ก. GAEs/100 ก. สด
ฤทธิ์ป้องกันการแตกหักของโครโมโซม ทดสอบในหนูถีบจักร โดยใช้วิธีการตรวจไมโครนิวเคลียสในเม็ดเลือดแดง เพื่อดูผลการยับยั้งการแตกหักของโครโมโซม โดยการป้อนใบมะกรูดสด ขนาด 0.2 และ 0.4 ก. แห้ง/นน. 1 กก./วัน เป็นเวลา 14 วัน และให้สารก่อมะเร็ง DMBA (40 มก./นน. 1 กก.) หรือ MMC (1 มก./นน.1 กก.) หลังจากนั้นเจาะเลือดที่เวลา 0, 24 และ 48 ชม. ผลการศึกษาพบว่าใบมะกรูดสด ขนาด 0.2 ก. แห้ง/นน. 1 กก. มีแนวโน้มในการลดการแตกหักของโครโมโซมที่เกิดจาก MMC และ DMBA ได้ไม่แตกต่างกัน ที่ 24 ชม. และ 48 ชม. ตามลำดับ สรุปได้ว่ากระบวนการประกอบอาหารโดยเฉพาะการต้มมีผลต่อการลดปริมาณสารฟลาโวนอยด์ สารโพลีฟีนอล รวมทั้งลดความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระในใบมะกรูด ใบมะกรูดที่ความเข้มข้น 0.2 ก./นน. 1 กก. มีผลต่อการลดจำนวนไมโครนิวเคลียส ที่เกิดขึ้นจากการชักนำของสารก่อมะเร็งชนิดตรงคือ MMC และสารก่อมะเร็งชนิดที่ต้องอาศัยเอนไซม์จากตับกระตุ้นการออกฤทธิ์คือ DMBA เล็กน้อย
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดผิวมะกรูดด้วยอัลกอฮอล์ และน้ำ และสารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (80%) ในความเข้มข้น 5 มก./แผ่น ด้วยวิธี Disc diffusion พบว่าสามารถยับยั้งแบคทีเรียชนิด Staphylococcus aureus ได้ ในขณะที่น้ำมันหอมระเหยจากผิวมะกรูด ด้วยความเข้มข้น 0.5 มก./แผ่น ไม่สามารถยับยั้งเชื้อ S. aureus
ฤทธิ์ต้านเชื้อรา สารสกัดน้ำของใบมะกรูด ในอัตราส่วนของความเข้มข้น 1:10, 1:50, 1:500 ทำการทดสอบด้วยวิธี disc agar diffusion มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา Trichophyton mentagrophytes ได้เพียงเล็กน้อย คือ 38, 26 และ 11% ตามลำดับ และสารสกัดเดิมในอัตราส่วนความเข้มข้น 1:50 และ 1:500 พบว่าสามารถต้านเชื้อรา Microsporum gypseum ได้เล็กน้อยเช่นกัน คือ 25 และ 17% ตามลำดับ
การศึกษาทางพิษวิทยา
การทดสอบพิษเฉียบพลันของสารสกัดใบด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 357 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตรวจไม่พบอาการเป็นพิษ มีการทดสอบความเป็นพิษอีกฉบับหนึ่งระบุว่า สารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) เมื่อป้อนให้หนูกินเพื่อศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลัน พบว่าขนาดที่ทำให้สัตว์ทดลองตายเป็นจำนวนครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 100 ก./กก.
ฤทธิ์เสริมการเกิดมะเร็งตับ จากการทบทวนงานวิจัยพบว่ามะกรูดมีฤทธิ์ต้านฤทธิ์ของสารเสริมการเกิดมะเร็ง (tumor promoter) ในการทดลองแบบ tumor promoter-induced Epstein-Barr virus activation ได้ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาฤทธิ์ของมะกรูดต่อการเกิดมะเร็งตับของหนูขาว สายพันธุ์ F344 ที่ได้รับสารก่อมะเร็ง 2-amino-3,8-dimethylimidazo [4,5-ƒ] quinoxaline (MeIQx) ในการทดลองแบบ medium-term bioassay ผลการวิจัยพบว่ามะกรูดมีฤทธิ์เสริมฤทธิ์ของ MelQx ในการทําให้เกิดมะเร็งตับ (preneoplastic liver foci) อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ
พิษต่อระบบสืบพันธุ์ เมื่อป้อนสารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) ให้กับหนูขาวที่ตั้งครรภ์ขนาด 1 และ 2.5 ก./กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 42.5 ±14.8 และ 86.1±8.1% ตามลำดับ และมีผลทำให้แท้งได้ 86.3±9.6 และ 96.9±3.1% ตามลำดับ และสารสกัดผิวมะกรูดด้วยคลอโรฟอร์มเมื่อป้อนให้กับหนูที่ตั้งครรภ์ในขนาด 0.5 และ 1.0 ก./กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช่นกัน พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 34.4±14.3 และ 62.2±14.5% ตามลำดับ และมีผลทำให้แท้งได้ 62.2±14.5 และ 91.9± 5.5% พิษต่อเซลล์ สารสกัดใบด้วยเมทานอล ทำการทดสอบกับเซลล์ ด้วยความเข้มข้น 20 มคก./มล. พบว่ามีพิษต่อ Cells-Raji (9) น้ำมันหอมระเหย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้และขนาด) เป็นพิษต่อเซลล์ CEM-SS ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดใบด้วยน้ำ และน้ำร้อน ทำการทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ ด้วยความเข้มข้น 0.5 มล./จาน พบว่าไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Bacillus subtilis H-17 (Rec+) และ B. subtilis M-45 (Rec-)
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
การใช้น้ำมันหอมระเหยมะกรูดกับผิวหนังในปริมาณที่มาก ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงเนื่องจากน้ำมันที่ได้จากการบีบผิวผล อาจทำให้เกิดพิษเมื่อสัมผัสกับแสงได้ และเกิดมีสารสีเกินที่ผิวหนัง บริเวณใบหน้า และลำคอ เพราะมีสารกลุ่มคูมาริน แต่น้ำมันจากผิวผลที่ได้จากการกลั่นจะไม่มีสารนี้ น้ำมะกรูดมีความเป็นกรดสูง จึงควรระมัดระวังการรับประทานขณะท้องว่าง เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารได้
ขอบคุณข้อมูลจาก disthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,700.00 | 27,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,794.00 | 27,197.04 | 28,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,614.60 | 24,477.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,435.20 | 21,757.63 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 807.00 | 12,234.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 628.00 | 9,520.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,859.00 | 28,182.44 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/06/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 | 27.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 | 27.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.44 | 26.44 | 26.44 | 26.44 | 26.44 | – | 26.44 | 26.44 | 26.44 | 26.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.99 | 21.99 | – | – | – | – | – | – | – | 21.99 |
เบนซิน 95 | 35.36 | – | – | – | 35.81 | – | 35.86 | 35.36 | – | 35.36 |
ดีเซล B7 | 28.09 | 28.09 | 28.09 | 28.09 | 28.09 | 28.09 | 28.09 | 28.09 | 28.09 | 28.09 |
ดีเซล | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 | 25.09 |
ดีเซล B20 | 24.84 | 24.84 | 25.04 | – | 24.84 | – | 24.84 | 24.84 | – | 24.84 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.86 | 32.86 | 34.54 | 34.26 | – | – | – | – | – | 32.86 |
แก๊ส NGV | 13.99 | 13.99 | – | – | – | – | – | – | – | 13.99 |