อสังหาฯดัง ‘ขอนแก่น’ ลุ้นดีมานด์ฟื้น
จับสัญญาณอสังหาฯ ขอนแก่น โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ คาดดีมานด์ฟื้นเร็ว หลังรัฐปูพรมฉีดวัคซีน ผู้ติดเชื้อน้อยลง ลุยอัดแคมเปญ โครงการโอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ-ขอนแก่น
นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ในรอบที่ 3 นี้ ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะด้านกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง
รวมถึงการตัดสินใจที่ช้าลง เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจในภาพรวม แต่หากสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ตามเป้าหมายภายในไตรมาส 3-4 ประมาณ 70% คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดขอนแก่นมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นและน่าจะเร็วกว่าที่คาดการณ์จากหลายปัจจัย ได้แก่ ความพร้อมของผู้ประกอบการจากการได้เรียนรู้และปรับตัวมาก่อนหน้า ทำให้ส่วนใหญ่รับมือได้ค่อนข้างดีกับการระบาดระลอกใหม่ด้วยการเร่งพัฒนาแคมเปญใหม่ๆ ออกมากระตุ้นกำลังซื้อ และอีกปัจจัยสำคัญมาจากยอดผู้ติดเชื้อที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้เกิดการสร้างมาตรฐานในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่อย่างไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ พบว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จากการที่ลูกค้าสอบถามรายละเอียดโครงการ รวมถึงยอดติดต่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดย โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ได้ดำเนินมาตรการทำความสะอาดที่เข้มข้มและปฏิบัติตามการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง นอกจากลูกค้าจะสามารถเข้าไปเยี่ยมชมโครงการ ณ สำนักงานขายด้วยตัวเอง แล้วยังสามารถติดต่อชมห้องตัวอย่างหรือพูดคุยกับทีมฝ่ายขายผ่านทางออนไลน์ได้อีกด้วย
“วันนี้ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของการใช้ชีวิต แม้ช่วงนี้จะยังเป็นช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 อยู่ก็ตาม แต่ก็ยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่มีกำลังซื้อและอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ซึ่งการซื้อบ้านในช่วงนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสทองของลูกค้าก็ว่าได้”
โดยแนวโน้มด้านบวกที่พบตลาดอสังหาฯ จังหวัดขอนแก่นในช่วงที่ผ่านมา ยังคงมียอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่จริง หรือเรียลดีมานด์ สะท้อนถึงคนที่กำลังต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
เห็นได้จากยอดขายที่มีเข้ามาแล้วเกือบ 50% ของโครงการ “โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ-ขอนแก่น” เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 236 ยูนิต ตั้งอยู่ทำเลศักยภาพใจกลางเมืองขอนแก่น ติดถนนมิตรภาพ คอนโดใหม่มาพร้อม Rooftop Fitness Center และ Infinity Edge Pool ในราคาเริ่มต้น 1.33 ล้านบาท
“ยอดขายที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องดังกล่าวเป็นผลมาจากการพัฒนาโปรดักท์ที่ตรงกับความต้องการอยู่อาศัยที่แท้จริงในกลุ่มระดับราคา 1 – 2.5 ล้านบาท ทำให้ตลาดนี้ยังคงเติบโตแม้เกิดสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเช่น โควิด-19 ประกอบกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย Ocean Gold Pro ในไตรมาสแรกมีส่วนสำคัญในการช่วยผลักดันยอดขาย”
สำหรับเดือนสุดท้ายในไตรมาสที่ 2 เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อให้มากขึ้น โอเชี่ยนฯ ได้จัดแคมเปญพิเศษต่อเนื่องด้วยโปรโมชั่นโปรร้อนทะลุปรอท “Summer Deal” เมื่อจองซื้อพร้อมทำสัญญา รับทันที ไอโฟน12Pro* ในราคาเพียงยูนิตละ 1.33 ล้านบาท* ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2564 นี้ (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด)
“มองว่าตลาดอสังหาฯ ได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว และกำลังรอจังหวะในการฟื้นตัว โดยมีตัวแปรสำคัญคือ การควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ได้ และการระดมฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนส่วนใหญ่โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นปกติโดยเร็ว และเศรษฐกิจในภาพรวมสร้างความมั่นใจให้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติให้กล้าเดินทางและซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย รวมถึงมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อผ่านมาตรการต่าง ๆ มีส่วนผลักดันให้ภาพรวมเริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นทั้งในระยะกลางและระยะยาว” นายณพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิด 4 กลุ่มต่างชาติ ลงทุนอสังหาฯ ความหวังคอนโดฯไทย
รัฐบาลไม่แผ่ว จ่อออกมาตรการหนุนต่างชาติ กู้เศรษฐกิจไทยก๊อก 3 เปิด 4 กลุ่มอยู่ไทย-ลงทุน แลกวีซ่า 10 ปี ธุรกิจอสังหาฯ รอส้มหล่น แต่ยังไร้วี่แววรูปธรรม ด้าน 2 ค่ายยักษ์ฐานต่างชาติแน่น อนันดา-โนเบิล ระบุรอความชัดเจน ก่อนประเมินโอกาส หลังผิดหวังอิลีทการ์ด ยกเทียบแนวทางคล้ายมาเลเซีย ใช้เงินลงทุนเป็นเกณฑ์ หวังช่วยดันอุปสงค์ฟื้น-ระบายสต๊อก
นับเป็นอีกครั้งที่รัฐบาลไทยโปรยยาหอม ให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ตื่นตัวและมีความหวัง ต่อการปลุกดีมานด์กำลังซื้อคนต่างชาติ ให้เข้ามาช่วยดูดซับสต๊อกคงค้าง พยุงรอเวลากำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว ซึ่งคาดอย่างต่ำ 2 ปี เศรษฐกิจไทยถึงดีดกลับ ผ่านแนวคิดที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ล่าสุด (4 มิ.ย.) เคาะเห็นด้วยกับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการดึงดูดชาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย 4 กลุ่มหลัก เป้าหมายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาท
โดย 2 กลุ่มแรก ที่เข้าทางสถานการณ์อสังหาฯมากสุด คือ 1. กลุ่มประชากรโลกที่มีความมั่งคั่งสูง 2.ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ซึ่งจะสามารถขอวีซ่าอยู่อาศัยในไทยได้นานถึง 10 ปี ต้องแลกด้วยเงื่อนไขที่ว่า ต้องมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือในอสังหาฯของไทย ขั้นต่ำ 250,000-500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7.8- 15 ล้านบาทไทย
ถัดมา กลุ่มที่ 3. เจาะคนต่างชาติที่ต้องการทำงานในประเทศไทย และ 4.กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยอาจนับรวมเป็นโอกาส สำหรับภาคอสังหาฯไทยได้เช่นกัน ถึงดีมานด์ที่จะเกิดขึ้น จากสิทธิประโยชน์แนบท้าย ให้สิทธิในการเป็นเจ้าของ/เช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว (รวมที่ดิน) ทั้ง 4 กลุ่ม
เมื่อเจาะลึกสถานการณ์อสังหาฯไทย ขณะนี้ โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียม (อาคารชุด) ต้องยอมรับว่า ผู้ประกอบการกำลังปวดหัว กับการเร่งระบายหน่วยสร้างเสร็จแล้ว ที่พบยิ่งเซกเม้นท์สูง ยิ่งขายได้ช้า โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผยล่าสุด วิกฤติโควิด ทำให้หน่วยเหลือขายของคอนโดฯ แทบไม่ลดลง แม้หน่วยเข้าใหม่มีน้อยก็ตาม เพราะการขายได้ มีจำนวนน้อยพอๆกัน
โดย Inventory (สต็อกพร้อมขาย) ของตลาดยังเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2562 (ข้อจำกัด LTV) และคาด ณ ครึ่งปีแรกของปี 2564 จะมีคอนโดฯเหลือขาย มากกว่า 7.3 หมื่นหน่วย นับเฉพาะในทำเลหลัก กทม.-ปริมณฑล ยังไม่รวมในหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยวสำคัญ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน ที่มีหน่วยคงค้างรอดูดซับอีกจำนวนมาก
ความหวังปลุกกำลังซื้อต่างชาติในอสังหาฯไทย ช่วง ปี 2564 นั้น เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ตั้งแต่ ไทยแลนด์ อีลิท (ททท.) เปิดตัว โครงการ “อีลิท เฟล็กซิเบิล” เปิดเงื่อนไขให้ต่างชาติซื้ออสังหาฯในไทย 10 ล้านบาท ได้สิทธิรับบัตรอีลิท แถมวีซ่าอยู่ไทยระยะยาว พบโครงการนี้ แม้มีดีเวลลอปเปอร์ไทย เล็งเห็นโอกาส แห่เข้าร่วมเป็นสมาชิกมากกว่า 20 บริษัท แต่นายกสมาคมอสังหาฯ ระบุ เท่าที่ทราบการขายเป็นไปค่อนข้างยาก และต้องจมทุนเพิ่ม
ขณะข่าวครึกโครม กระแสรัฐบาลกำลังพิจารณาแก้กฎหมาย เปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามามีกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดิน ขยายเพดาน ถือครองคอนโดฯมากกว่า 49% ณ 25 มีนาคม เป็นอีกแนวทางที่ภาคอสังหาฯไทย รอความชัดเจนแบบไร้วี่แวว ภายใต้ข้อวิจารณ์อย่างหนักหน่วง ก่อนล่าสุด มีการเสนอมาตรการใหม่ดังกล่าวอีกครั้ง
“ฐานเศรษฐกิจ” สอบถามไปยัง 2 ค่ายใหญ่ ที่มีฐานนักลงทุน และผู้ซื้อต่างชาติหนาแน่นมากสุดในตลาด โดย นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนมุมมองว่า มาตรการดังกล่าว ยังไม่มีความชัดเจนพอที่จะประเมินได้ว่า เป็นโอกาสของอสังหาฯหรือไม่ เนื่องจากมีเพียงหลักเกณฑ์เม็ดเงินการลงทุนในอสังหาฯเบื้องต้น ขั้นต่ำราว 7.8-15 ล้านบาทไทย ผนวกกับเงื่อนไขปลีกย่อยอื่นๆร่วมด้วย บางประการเกี่ยวโยงกับแหล่งที่มาของเงิน
ซึ่งในหลักการ นอกจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นผู้ตั้งเรื่องเสนอแล้วในอนุมัติของ ศบศ.ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการซื้อ-ขาย ในภาคอสังหาฯ ให้ชาวต่างชาติ ยังคงต้องพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ หรือ แม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย อีกทั้ง ที่ผ่านมา การขยายสิทธิ์ที่อยู่อาศัยให้ต่างชาติ ค่อนข้างเปราะบางทางความรู้สึกของคนไทย โดยคนไทยส่วนใหญ่ ยังไม่คุ้นเคยกับการขยับเงินทุนเข้ามาของต่างชาติ
“เรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล ว่าจะจริงจังแค่ไหน เพราะการเปิดรับต่างชาติในภาคอสังหาฯ มีความเปราะบางทางความมั่นคง ขณะผู้ประกอบการเห็นต่างกันออกไป ซับซ้อนกว่าที่คิด อย่างไรก็ตาม สำหรับคอนโดฯ หากจะเพิ่มสิทธิ์ลงทุนก็คงไม่มีปัญหา อดีตซื้อ-ขายให้นักลงทุน,กลุ่มคนเกษียณอยู่แล้ว ”
นายประเสริฐ ยังเผยต่อว่า ที่ผ่านมา แม้มีโควิด แต่นักลงทุนต่างชาติยังแสดงความสนใจในอสังหาฯไทยไม่ขาด มีการซื้อและโอนฯคอนโดของบริษัทต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัดส่วนถึง 20% จากยอดโอนที่ทำได้ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ โดยตัวแทนขาย (เอเยนซี่) ต่างชาติ ยังคงมีความเคลื่อนไหว และบางโครงการกลางเมือง ได้รับการติดต่อขอซื้อในรูปแบบบิ๊กล็อต ขณะปัจจุบันอนันดามีสินค้าพร้อมเสิร์ฟ ราว 2.3 หมื่นล้านบาท มั่นใจ หากเปิดประเทศ และมีมาตรการสนับสนุนอย่างชัดเจน โครงการในทำเลฮิตที่มี อย่าง สุขุมวิท รัชดา ทองหล่อ จะได้รับนิยมสูงสุด
ขณะค่ายใหญ่ที่ถือครองส่วนแบ่งยอดขายในตลาดรวมของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ได้ถึง 37% ในช่วงปี 2563 บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดยนายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัท ระบุว่า บริษัทมีสินค้าพร้อมโอนฯ สำหรับเจาะลูกค้าชาวต่างชาติ ราว 4-5 พันล้านบาท ซึ่งตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 สัดส่วนลูกค้าต่างชาติราว 30% ของยอดขายทั้งหมด 2,568 ล้านบาท ได้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของลูกค้าดังกล่าว แม้ยังอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด และลูกค้าไม่สามารถเดินทางมาได้ โดยเฉพาะยอดขายในกลุ่ม ราคาช่วง 5-10 ล้าน ที่มีความคึกคักสูง
โดยจากมาตรการที่ ศบศ.เห็นชอบล่าสุด มองว่า มีความคล้ายคลึงกับมาตรการที่ใช้ในประเทศมาเลเซีย และได้ผลดีอย่างมาก สำหรับการเปิดให้ลงทุนในอสังหาฯ 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้สิทธิวีซ่าเรสซิเดนซ์ แต่บ้านเรา ตามเงื่อนไขเบื้องต้น น่าจะได้สิทธิประโยชน์ดีกว่า ฉะนั้น เป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับภาคอสังหาฯไทย หากมีการประกาศใช้จริง หลังจากมีการพิจารณากันตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว เนื่องจาก โครงการอิลีทการ์ด ที่เปิดเป็นโครงการก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายรายปี และไม่น่าจะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ มีไฮไลท์ เปิด 2 โครงการใหญ่ เจาะกลุ่มต่างชาติจากทำเลที่ตั้ง คือ โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ และ ดิ เอ็มบาสซี่ แอท ไวร์เลส บนถนนวิทยุ
“เห็นด้วยกับการใช้นโยบายดึงดูดชาวต่างชาติ โดยใช้ฐานของเงินลงทุน-คุณสมบัติเป็นหลักเกณฑ์ เพราะในแง่ผู้ประกอบการ ทุกคนก็ย่อม อยากคัดสรรนักลงทุนที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกัน จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์-อุปทานในภาพรวมอสังหาฯ ด้วย”
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า แนวนโยบายต่างๆ ที่มีเป้าหมาย ดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาซื้อ หรือ ลงทุนอสังหาฯในไทย สามารถสร้างดีมานด์ใหม่ๆได้ เพราะที่ผ่านมา กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยต่างชาติในปัจจุบัน ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเพียงประมาณ 10% ของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั้งหมด และยังมีอุปสรรคในการขยายฐานจำนวนลูกค้ากลุ่มนี้อีกด้วย ขณะปัญหาการแพร่ระบาดของCOVID-19 ทำให้ชาวต่างชาติ ขาดแรงจูงใจ แรงซื้อใหม่ๆของต่างชาติ จะเสมือนเป็นตัวเสริมในการช่วยฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯไทย แม้อาจไม่ได้ส่งผลบวกอย่างเป็นรูปธรรมทันที แต่น่าจะส่งผลในเชิง อารมณ์ความรู้สึก และการวางแผนทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการในอนาคตได้อย่างดี
ธปท.ห้ามธนาคารปันผลเกิน50%ของกำไร
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงในวงกว้างต่อธุรกิจและประชาชน ธปท. ได้ออกมาตรการทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบให้สอดคล้องกับลักษณะปัญหา รวมถึงสร้างกลไกให้สถาบันการเงิน (สง.) สามารถส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงได้มากขึ้น เช่น การปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดชั้นสินทรัพย์และกันเงินสำรอง และลดต้นทุนทางการเงินของ สง. ด้วยการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เป็นต้น
จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลซ้ำเติมต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ขณะที่ระบบ สง. ยังมีความมั่นคง ด้วยระดับเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ธปท. จึงได้ทบทวนแนวนโยบายในการส่งผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ และกระตุ้นให้ สง. เร่งปรับโครงสร้างหนี้โดยคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกหนี้ในอนาคต ขณะที่ยังรักษาความมั่นคงและการบริหารความเสี่ยงที่ดีของระบบ สง. โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ขยายมาตรการชะลอการชำระหนี้สำหรับลูกหนี้ SMEs ที่จะครบกำหนดวันที่ 30 มิ.ย. 2564 นี้ ออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดระลอกใหม่ เช่น กิจการทียังไม่เปิดทำการตามปกติ ทำให้ สง. ไม่สามารถประเมินกระแสเงินสดเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ได้ มาตรการนี้จึงไม่ใช่การชะลอชำระหนี้เป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ยังขยายขอบเขตถึงลูกหนี้ SMEs ที่ได้รับผลกระทบตามนิยามที่แต่ละสถาบันการเงินใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะครอบคลุมมากกว่า SMEs ที่มีวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ทำให้มีลูกหนี้ที่เข้าข่ายได้รับการให้ความช่วยเหลือได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสอดคล้องกับกระบวนการปฏิบัติงานด้านสินเชื่อของ สง. ไม่ต้องปรับระบบงานในการส่งผ่านความช่วยเหลือให้กับลูกหนี้ เพิ่มความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน โดย สง. สามารถคงการจัดชั้นหนี้เดิมได้จนถึง 31 ธ.ค. 2564 และในระหว่างนี้ ให้ สง. เข้าไปดูแลลูกหนี้เพื่อเร่งหาแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้โดยเร็วต่อไป
2. กำหนดกลไกเพื่อจูงใจให้ สง. ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ โดยพิจารณา (1) ความสามารถในการชำระคืนหนี้ และ (2) ระยะเวลาการจ่ายคืนหนี้ ให้สอดคล้องกับประมาณการรายได้ที่ลูกหนี้จะได้รับในอนาคต โดย ธปท. จะยังคงความยืดหยุ่นของการบังคับใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรอง หาก สง. ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการขยายระยะเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียว เช่น การลดเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ยค้างรับ การลดอัตราดอกเบี้ย การเปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อจากสินเชื่อระยะสั้นเป็นสินเชื่อระยะยาว รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูกิจการลูกหนี้
3. ให้ สง. สามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ไม่เกินอัตราจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ของแต่ละ สง. ในปี 2563 และไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2564 รวมถึงให้งดซื้อหุ้นคืน และห้ามไถ่ถอนหรือซื้อคืนตราสารเงินกองทุนก่อนครบกำหนด เว้นแต่มีแผนการออกทดแทน เพื่อคงมาตรการเชิงป้องกันในการดูแลความมั่นคงของระบบ สง. รองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอน ซึ่งจะช่วยให้ สง. สามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับแนวทางของผู้กำกับดูแลส่วนใหญ่ในต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และบางประเทศในกลุ่มยุโรป ที่ยังคงนโยบายจำกัดหรืองดการจ่ายเงินปันผลของ สง. ทั้งนี้ ธปท. จะประเมินสถานการณ์การระบาดและแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้ของ สง. แต่ละแห่งอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ในช่วงไตรมาส 4 ต่อไป
สำหรับการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือร้อยละ 0.23 จากร้อยละ 0.46 ต่อปี ที่จะสิ้นสุด ณ สิ้นปี 2564 ธปท. อยู่ระหว่างการพิจารณาความจำเป็นในการขยายอายุ โดยคำนึงถึงการส่งผ่านไปช่วยเหลือลูกหนี้เป็นสำคัญ
ธปท. เห็นว่าการดำเนินการตามมาตรการข้างต้นจะเป็นประโยชน์กับหลายภาคส่วน โดยเฉพาะลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสม ตรงจุด และทันการณ์ นอกจากนี้ ธปท. จะเร่งผลักดันมาตรการอื่น ๆ ในการเพิ่มสภาพคล่อง ภายใต้มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูฯ ที่ปรับเงื่อนไขให้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น พร้อมปรับโครงสร้างหนี้เดิม เพื่อบรรเทาภาระของผู้ประกอบธุรกิจและประชาชน ผ่านมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ การชะลอชำระหนี้ สำหรับลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ที่รายได้หยุดชะงัก โครงการพักทรัพย์ พักหนี้ สำหรับลูกหนี้ธุรกิจที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะ 3 และการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ ทั้งนี้ ธปท. จะติดตามความคืบหน้าและประสิทธิผลของมาตรการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และพร้อมพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติมหากมีความจำเป็นในระยะต่อไป
แฟนบอลไทยเฮสนั่น! NBT สวมบทฮีโร่ ถ่ายทอดสดฟุตบอล “ยูโร 2020” ทุกนัด เริ่มคืนนี้
แฟนบอลชาวไทยเฮดังๆ เมื่อ NBT ช่อง 2 ยืนยันถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2020” ทุกนัด ประเดิมถ่าย คู่แรกในเกมนักเปิดสนามระหว่าง ตุรกี พบ อิตาลี ในคืนวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายนนี้ เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
จากกรณีที่ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า ออกมาเผยรายชื่อประเทศที่ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” ที่จะเปิดฉากในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ปรากฏว่าในย่านอาเซียน มีเพียง เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, บรูไน, กัมพูชา และติมอร์ เลสเต แต่ไม่มีชื่อของ ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้ว่า ต้องยอมรับด้วยสภาพทางเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีฝ่ายใดที่ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 ดังนั้นทาง กกท.กำลังอยู่ในช่วงของการเจรจาในการถ่ายทอดสดให้คนไทยได้ดู
ล่าสุด เพจทางการของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ หรือ NBT 2 ได้มีการยืนยันแล้วว่า ฟุตบอล “ยูโร 2020” จะมีถ่ายทอดสดให้คนไทยได้ชมทุกนัดตั้งแต่เกมเปิดสนามจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ทางฟรีทีวี ช่อง NBT2 HD หมายเลข 2 เริ่มคู่แรกคืนวันศุกร์ที่ 12 มิ.ย. นี้ ตุรกี พบ อิตาลี เวลา 02.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วัคซีนโมเดอร์นา เรื่องควรรู้ก่อนนำมาฉีดในประเทศไทย
ทำความรู้จัก “โมเดอร์นา” วัคซีนลำดับ 4 ได้ขึ้นทะเบียน อย. จากประเทศไทย พร้อมศึกษา “ประสิทธิภาพ-ผลข้างเคียง-ราคา” ก่อนเข้ารับการฉีด
อีกหนึ่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ผ่านการรับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว อย่าง “วัคซีนโมเดอร์นา” จากประเทศสเปน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2564-12 พฤษภาคม 2565
“ประชาชาติธุรกิจ” นำผู้อ่านไปรู้จักกับวัคซีนโมเดอร์นา ถึงความเป็นมาและประสิทธิภาพ รวมถึงข้อควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ดังต่อไปนี้
รู้จักวัคซีน “โมเดอร์นา”
วัคซีนโมเดอร์นา ถูกพัฒนาขึ้นโดย บริษัท โมเดอร์นา อิงค์ (Moderna Inc) ซึ่งถือเป็นวัคซีนแบรนด์ที่ 4 ที่จะใช้ในประเทศไทย ต่อจากวัคซีน ซิโนแวก, แอสตร้าเซนเนก้า และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทฯ ได้ออกแถลงการณ์ว่า วัคซีนชนิดนี้สามารถป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกค้นพบในประเทศอังกฤษและแอฟริกาใต้ได้ อีกทั้งวัคซีนตัวใหม่ที่กำลังทดลอง จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด สายพันธุ์ดั้งเดิม อย่างสายพันธุ์บราซิลได้
วัคซีน “โมเดอร์นา” ฉีดกี่เข็ม
วัคซีนนี้ผู้ที่ต้องการเข้ารับการฉีด จะต้องฉีดให้ครบ 2 โดส หรือ 2 เข็ม เช่นเดียวกับ วัคซีนซิโนแวกและแอสตร้าเซนเนก้า โดยทางบริษัทฯ ระบุว่า หากฉีดวัคซีนครบ 2 โดส จะสามารถป้องกันโควิดได้ถึง 1 ปี
ประสิทธิภาพวัคซีนโมเดอร์นา
ขณะที่ ดร.ภก.นรภัทร ปีสิริกานต์ รกน.ผอก.ผลิตวัคซีนจากไวรัส องค์การเภสัชกรรม ได้สรุปข้อดี-ข้อเสียของวัคซีนโมเดอร์นา (ข้อมูลวันที่ 3 พ.ค.64) ไว้ว่า โมเดอร์นา มีประสิทธิภาพจากผลการทดลองในระยะที่ 3 ใกล้เคียงกับ ซิโนแวก และไฟเซอร์ (ไม่ได้ศึกษาในเวลาเดียวกัน) และเมื่อฉีดเข็มที่ 2 ครบ 14 วัน จะมีประสิทธิภาพดังต่อไปนี้
- สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 94.1%
- สามารถป้องกันการติดโรคได้ถึง 86.4% ในผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ 100%
- สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดได้ 100%
- จากข้อมูลทางห้องปฏิบัติการพบว่า สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับที่สูงพอที่จะยับยั้งสายพันธุ์ B.1.17 จากอังกฤษ และ B.1.351 จากแอฟริกาใต้ได้
อาการข้างเคียงจากวัคซีนโมเดอร์นา
ดร.ภก.นรภัทร ได้สรุปผลการวิจัยอาการข้างเคียงของประชากรจำนวน 15,000 คน หลังได้รับวัคซีนโมเดอร์นา ระบุว่า
- อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน จะมีอาการข้างเคียงที่ยอมรับได้ เช่น อาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง และสามารถหายได้เอง ภายใน 2-3 วัน
- จากฐานข้อมูลหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อใน (CDC) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ทั่วไปประมาณ 0.03% ของประชากร
- ประชากรที่มีโอกาสแพ้ยาแบบรุนแรง ประมาณ 2.5 : 1,000,000 คน
ราคาวัคซีนโมเดอร์นาในไทย
นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้เคยเปิดเผย เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ถึงการคาดการณ์ราคาของวัคซีนโมเดอร์นาในประเทศไทย ระบุว่า ราคาจะอยู่ที่ 37-38 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนค่าบริการฉีดวัคซีนรวม 2 เข็ม ของสมาชิกโรงพยาบาลเอกชนจะอยู่ที่ 3,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
10 ศัพท์ต้องรู้ ฉบับมือใหม่ในตลาดหุ้น
มอเตอร์ไซค์ EV Etran Kraf ทำราคาใหม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท
Etran Kraf ราคาต่ำกว่า 1 แสนบาท เตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ โดยผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ EV อีทราน ตั้งเป้าหมายระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
อีทราน (ETRAN) สตาร์ทอัพไทย เดินหน้าลุยธุรกิจรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EV หลังได้ทุนใหญ่และพันธมิตรสนับสนุน ส่ง Etran Myra ให้เช่า 150 บาท/วัน จับกลุ่มไรเดอร์ บริการเดลิเวอรี่ และปลายปีนี้เตรียมเปิดตัว Etran Kraf ที่ทำราคาใหม่ตํ่าว่า 1 แสนบาท ทั้งยังวางแผนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
หลังประสบความสำเร็จในการระดมทุนสู่Series Aด้วยมูลค่าราว 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 100 ล้านบาท บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด (ETRAN) ยังพัฒนาธุรกิจร่วมกับพันธมิตร ทั้ง Summit Auto Body ประกอบตัวถัง ,Pioneer Motor ผู้พัฒนามอเตอร์ไฟฟ้า,N.D. Rubber ผู้ผลิตยางล้อ และNostra Logistics ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
ล่าสุด ส่งมอเตอร์ไซค์ EV รุ่น Etran Myra จับกลุ่มไรเดอร์ บริการเดลิเวอรี่ออนดีมานด์ โดยคิดค่าเช่า 150 บาท ต่อวัน พร้อมสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรี 1 ครั้งต่อวัน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.0 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 120 กม./ชม. ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 180 กม.
นายอาร์ชวัส เจริญศิลป์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด (ETRAN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าส่งมอบ Etran Myra แก่ลูกค้าจำนวน 1,000 คัน ภายในสิ้นปี 2564 และมีแผนจับมือกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เพื่อนำ Etran Myra เป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ให้บริการอีกด้วย
“ผู้ขับขี่สามารถใช้บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ที่ ETRAN Power Station โดยไม่เสียเวลาชาร์จ และหากเปรียบเทียบกับการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปจะต้องมีเงินดาวน์ก้อน รวมค่างวดรายเดือน ค่านํ้ามัน ค่าบำรุงรักษาที่เฉลี่ยรวมเดือนละกว่า 5,000-6,000 บาท ดังนั้น การใช้ Etran Myra จะสามารถช่วยให้ไรเดอร์เดลิเวอรี่ประหยัดได้มากถึง 2,000-3,000 บาทต่อเดือน” นายอาร์ชวัส กล่าวสรุป
สำหรับ อีทรานมีแผนเปิด ETRAN Power Station จำนวน 7 สถานีในกรุงเทพฯ ภายในปี 2564 และขยายให้ครบ 100 สถานีภายในช่วงปี 2565-2566 ขณะเดียวกัน บริษัทมีเป้าหมายที่จะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
นอกจาก Etran Myra ที่นำมาให้เช่าแล้ว อีทราน เตรียมเปิดตัว Etran Kraf ช่วงปลายปีนี้ กับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EV รูปทรงสปอร์ต พร้อมทำราคาตํ่ากว่า 1 แสนบาท (จากเคยขาย 1.5 แสนบาท) จับกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีหัวใจรักษ์โลก
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“สะเดา” หวานเป็นลมขมเป็นยา
ถ้าพูดถึง”สะเดา” เราคงนึกถึงสมุนไพรรสขมที่มีประโยชน์ และคิดถึงเมนูสูตรเด็ด ”สะเดาน้ำปลาหวาน” ที่กินคู่กับปลาดุกย่างที่แสนอร่อย
ข้อมูลของกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า สะเดาเป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ โปรตีน แร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
สรรพคุณทางยาของสะเดา
1. ดีท็อกซ์สารพิษตกค้างในร่างกาย ใบสะเดาเมื่อนำมาต้มในน้ำร้อน ใช้จิบอย่างน้อยวันละครั้ง ล้างพิษในกระแสเลือด กระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น
2. รักษาโรคผิวหนัง สารเกดูนิน (Gedunin) และ นิมโบลิดี (Nimbolide) ในใบและเมล็ดมีประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา แบคทีเรียและเชื้อไวรัสสูง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อราตามเท้า เล็บมือ เล็บเท้า กลาก-เกลื้อน หิด เริม แผลจากโรคสะเก็ดเงิน (เชื้อแบคทีเรีย) หัด ลมพิษ ผดผื่นคัน หูด และอีสุกอีใส
3. แก้ไข้มาเลเรีย สารเคมีกลุ่มลิโมนอยด์ (Limonoids) ได้แก่ สารเกดูนิน และ นิมโบลิดี ในใบและเมล็ดสะเดา สามารถยับยั้งเชื้อฟัลซิปารัม (P.Falciparum) ซึ่งเป็นเชื้อไข้มาลาเรียดื้อยาชนิดหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. รักษาโรคไขข้อ ขอบใบสะเดา เมล็ดสะเดา และเปลือกต้น เป็นส่วนที่นำมาใช้เป็นยารักษาโรคไขข้อได้ โดยช่วยลดอาการปวด บวมในข้อ ซึ่งอาจนำมาสกัดเป็นน้ำมันใช้ทาในบริเวณที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และอาการปวดหลังช่วงล่าง หรือนำใบมาต้มเป็นน้ำดื่มเพื่อรักษาอาการของโรครูมาตอยด์ โรคเกาต์ โรคกระดูกพรุน
5. ช่วยย่อยอาหาร ใบสะเดา สามารถนำมาทำเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยได้ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำดี ช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขึ้น อีกทั้งน้ำดีที่ถูกกระตุ้นสร้างออกมานั้นจะช่วยย่อยอาหารประเภทไขมันได้ดีขึ้นด้วย
6. บำรุงสุขภาพช่องปาก บำรุงเหงือกและฟัน นิยมนำมาสกัดเป็นส่วนผสมในยาสีฟันทั่วไป ช่วยรักษาโรครำมะนาด โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก และลดอาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก
7. ลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอก และมะเร็งมีผลวิจัยบางชิ้นเผยว่า สารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารลิโมนอยด์ (Limonoids) ที่พบในเปลือก ใบ และผลสะเดา มีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเนื้องอก และมะเร็ง
8. คุมกำเนิด ใช้น้ำมันสะเดาเพื่อคุมกำเนิดในผู้หญิงและผู้ชาย โดยใช้วิธีต่างกัน ผู้หญิงนั้นจะใช้น้ำมันสะเดาชุบสำลีทาบริเวณปากในช่องคลอด ส่วนผู้ชายจะใช้ฉีดน้ำมันสะเดาบริเวณท่อนำอสุจิ
9. บำรุงข้อต่อ สะเดาช่วยบำรุงกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย
10. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน โดยจะยับยั้งการผลิตอินซูลินได้กว่าร้อยละ 50 และยังช่วยปรับสมดุลความอยากอาหาร
11. ดีท็อกซ์สารพิษในกระแสเลือด ทำให้มีปริมาณเลือดดีหมุนเวียนในร่างกายมากขึ้น
12. ต้านมะเร็งสารพอลิแซ็กคาไรด์ และสารลิโมนอยด์ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย
13. ลดการติดเชื้อราในช่องคลอด
14. บำรุงหัวใจ ผลของต้นสะเดา หากนำมาต้ม ใช้จิบอย่างน้อยวันละครั้ง มีคุณสมบัติช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนของเลือดเป็นปกติ
อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่สมดุลและแข็งแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก med.mahidol.ac.th
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,850.00 | 27,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,804.00 | 27,348.64 | 28,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,623.60 | 24,613.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,443.20 | 21,878.91 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 812.00 | 12,309.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 631.00 | 9,565.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,869.00 | 28,334.04 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/06/2564
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
พรุ่งนี้ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 28.25 | 28.25 | 28.25 | 28.25 | 28.25 | 28.25 | 28.25 | 28.25 | 28.25 | 28.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.98 | 27.98 | 27.98 | 27.98 | 27.98 | 27.98 | 27.98 | 27.98 | 27.98 | 27.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 26.74 | 26.74 | 26.74 | 26.74 | 26.74 | – | 26.74 | 26.74 | 26.74 | 26.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.14 | 22.14 | – | – | – | – | – | – | – | 22.14 |
เบนซิน 95 | 35.66 | – | – | – | 36.11 | – | 36.16 | 35.66 | – | 35.66 |
ดีเซล B7 | 28.59 | 28.59 | 28.59 | 28.59 | 28.59 | 28.59 | 28.59 | 28.59 | 28.59 | 28.59 |
ดีเซล | 25.59 | 25.59 | 25.59 | 25.59 | 25.59 | 25.59 | 25.59 | 25.59 | 25.59 | 25.59 |
ดีเซล B20 | 25.34 | 25.34 | 25.54 | – | 25.34 | – | 25.34 | 25.34 | – | 25.34 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.36 | 33.36 | 35.04 | 34.76 | – | – | – | – | – | 33.36 |
แก๊ส NGV | 13.99 | 13.99 | – | – | – | – | – | – | – | 13.99 |