สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2564

สผ.แจงเกณฑ์ EIAใหม่ สร้างตึก“บังแดด-บังลม”ชุมชน เปิดฟังความเห็น 18 มิ.ย.นี้  

 สผ.แจงเกณฑ์ EIAใหม่ สร้างตึก“บังแดด-บังลม”ชุมชน เปิดฟังความเห็น 18 มิ.ย.นี้  

สผ.แจง เกณฑ์ EIAใหม่ สร้างตึก“บังแดด-บังลม”ชุมชน เปิดฟังความเห็น 18 มิ.ย.นี้  ขณะ 3 สมาคมบ้านนำโดยสมาคมอาคารชุดไทย แจง ยื่นหนังสือไปสผ.เพื่อขอทบทวนชะลอการใช้หลังได้รับการยื่นยัน มีผลใช้วันที่1มิ.ย. 64 เกรงชุมชนคัดค้าน-การใช้ดุลยพินิจ

จากกรณี 3สมาคมนำโดยสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร พ่วงด้วยสมาคมบริษัทที่ปรึกษาขอทบทวนการบังคับใช้เกณฑ์ การจัดทำรูปเล่ม เพื่อประกอบการยื่นขอจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ (EIA) ตามเกณฑ์แนวทางการศึกษาและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านการบดบังแสงอาทิตย์ และด้านการเปลี่ยนแปลงของลม จากการก่อสร้างอาคาร สำหรับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอาคารของสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยที่ผ่านมา สมาคมอาคารชุดได้มีหนังสือไปยังสผ.เพื่อขอทบทวนชะลอการบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้รับรู้รับทราบว่ามีการเปิดรับฟังเสียงผู้ประกอบการ ทั้งยังได้รับการยืนยันว่าจะมีการบังคับใช้วันที่1 มิถุนายน 2564ในเวลาต่อมาสผ.ได้มีหนังสือแจ้งเปิดรับฟังความคิดเห็น วันที่18มิถุนายน2564

สมาคม ฯ เกรงว่าจะสร้างผลกระทบต่อการก่อสร้างคอนโดมิเนียมสูงอาคารขนาดใหญ่ภายในชุมชน ที่ต้องทำอีไอเอเปิดรับฟังเสียงของคนในชุมชนด้วย แบบจำลอง3D ที่อาจพบ เงาของอาคารทอดบดบังชุมชนในรัศมีที่เกิดขึ้น และนำมาซึ่งการคัดค้าน”ห้ามมิให้ก่อสร้างอาคาร” หรืออาจจะใช้ดุลยพินิจนำมาประกอบการพิจารณาว่าอนุญาตหรือไม่อนุญาต  เพราะคอนโดมิเนียมหากสร้างขึ้นจะต้องอยู่กลางชุมชนใหญ่มีความเจริญต้นทุนที่ดินค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตามสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ได้ชี้แจงต่อหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ดังนี้

1.“แนวทางการศึกษาและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านการบดบังแสงอาทิตย์ และด้านการเปลี่ยนแปลงของลม จากการก่อสร้างอาคาร สำหรับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอาคาร” ดังกล่าว  มิใช่ข้อกำหนดทางกฎหมายที่ใช้ห้ามไม่ให้ก่อสร้างอาคารหรืออาคารสูง แต่อย่างใด

2.แนวทางการศึกษาฯ ดังกล่าว เป็นเอกสารข้อมูลทางวิชาการที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการศึกษาและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดทำและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นไปตามหลักทางวิชาการ

3.แนวทางการศึกษาฯ ดังกล่าว ยังไม่ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการและ สผ. กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็น ในวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เพื่อรับฟังข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งข้อเสนอแนะ  เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนการนำไปประกาศใช้เป็นทางการต่อไป

ทั้งนี้ ท่านที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก QR Code ที่ปรากฏ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไขข้อข้องใจ"EIA ทำไมขายคอนโดถึงต้องอยู่ในป้ายโฆษณา?

ทำความรู้จักEIA ทำไมขายคอนโดถึงต้องมีอยู่ในป้ายโฆษณา ชุมชนขนาดใหญ่แนวรถไฟฟ้า สผ.เกณฑ์อีไอเอ กฎหมายสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านร้องเรียน ผู้ประกอบการคอนโดมิเนียม

รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องมีการทำอีไอเอ(EIA)หรือการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับอาคารพักอาศัย ที่อยู่ในเกณฑ์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรขึ้นไป  ตามพระราชบัญญัติ(พรบ.) ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 ,พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 46

ดังนั้นก่อนยื่นขออนุญาตปลูกสร้างอาคารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องฝ่าด่านอีไอเอให้ได้ก่อน แต่เนื่องด้วยการขายของคอนโดฯมักต้องใกล้แหล่งงานแนวรถไฟฟ้า ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ดินทำเลดีแพงหายาก จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ผู้ประกอบการต้องเฟ้นหาที่ดินกลางชุมชนขนาดใหญ่ การกระทบกระทั่งระหว่างชุมชนกับคอนโดฯที่จะสร้างจึงเกิดขึ้น 

 อีไอเอจึงเป็น เครื่องมือชี้วัดว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการว่า จะจัดทำตามเกณฑ์ ที่กำหนดได้หรือไม่ เช่นหากมีตึกใหญ่ มีคนจำนวน200-500คนเข้าไปอยู่รวมกัน ขณะขนาดถนนซอย  น้ำประปา ท่อระบายน้ำเท่าเดิม จะรองรับกลุ่มก้อนคนจากตึกๆเดียวโดยไม่ไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชุมชนเดิมคนบ้านข้างเคียงได้อย่างไร

แม้บางโครงการผ่านอีไอเอได้รับอนุญาต นำไปประกอบการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ปรากฎว่ายังเกิดการร้องเรียนบ้านร้าว ฝุ่นพิษ เศษวัสดุตกหล่น เริ่มพบมากขึ้นจากชุมชนรวมตัวกันคัดค้าน บางอาคารถึงขั้นต้องหยุดก่อสร้างไปก็มี  บางโครงการซื้อที่ดินเตรียมก่อสร้าง  แต่ไปบดบังวิว เช่นริมน้ำเจ้าพระยา ของโครงการที่เปิดขายเดิม เมื่อจะมีตึกที่สร้างสูงกว่าเสียบตรงหน้าหน้าบังวิวตึกด้านหลังก็มีปัญหาฟ้องร้องโดยอ้างว่าซื้อเพราะวิวในราคาแสนแพง

อีกทั้ง ตึกสูงสร้างบังลมบังแดดผ้าที่เคยตากแห้งเร็วภายใน20นาที กลับแห้งช้าทำให้เป็นเชื้อรา  ลมเคยพัดผ่านเย็นสบายเมื่อเกิดตึกใหม่ กลับทำให้ร้อนบังลม หรือแม้แต่ ตึกสูงที่โอ้บล้อมไปด้วยกระจก อาจเป็นอันตรายต่อคนที่อยู่เบื้องล่างในการสัญจรโดยเฉพาะกลุ่มขับขี่รถจักรยนยนต์รถยนต์ อาจเกิดอุบัติเหตุกระจกสะท้อนแสงเข้าตา ก็มีการร้องเรียน ซึ่งมีให้เห็นมากมาย ในที่สุดก็มีการปรับแก้ให้เกิดความพอเหมาะพอดี ตึกสูงอยู่ร่วมกับชุมชนได้ เพราะ ได้สร้างดีกว่าไม่ได้สร้าง

ดังนั้นอีไอเอตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม จึงมีอานุภาพมาก เหนือกฎหมายทั้งปวงทั้งกฎหมยผังเมืองกฎหมายอาคารชุดกฎหมายควบคุมอาคาร สำหรับ การก่อสร้างอาคาร ที่ผ่านมา จึงมีการแก้เกณฑ์เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ทั้งผู้ประกอบการและชุมชน คือ ต้องฟังเสียงชุมชนในรัศมี 100เมตร เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอีไอเอ หากชุมชนเห็นด้วยก็ผ่านและไปพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆจากรหัสที่กำหนด ทำให้เวลาการพิจารณาลดลง เว้นแต่การใช้ดุลยพินิจในบางเรื่องที่อาจมีเกิดขึ้นที่ผู้ประกอบการมองว่าทำให้ล่าช้าสวนทางกับดอกเบี้ยที่วิ่งทุกวันเรื่องนี้ต้องว่ากันไป

ที่สำคัญ ประเด็นการรับฟังความเห็นชุมชนที่ตั้งโครงการ บางรายใช้เทคนิค ถามบ้านที่อยู่ไกลสุดรัศมี100เมตรสุ่มตัวอย่างแต่ไม่ได้ถามชาวบ้านที่คอนโดฯตั้งประชิด ปัญหาจึงตามมา ทางออกสผ.จึง ออกเกณฑ์ใหม่ ที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็น วันที่18มิ.ย.นี้ เฉกเช่นบังลมบังแดด ดังนั้นมักจะเห็นคอนโดฯเปิดขายแล้วมี EIA แปะอยู่ว่าอยู่ระหว่างยื่นหรือผ่านEIAแล้วอยู่ตามป้ายต่างๆ

ขณะบทความ ที่น่าสนใจ เขียน โดย : Chantawon.U เขาตั้งคำถามว่า EIA คืออะไร มีความสำคัญกับเราอย่างไร หากไปถามบุคคลทั่วไปหลายคนอาจจะแทบไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่หากคุณเตรียมจะหาซื้อบ้านสักหลัง คอนโดมิเนียมสักห้อง ก็ควรจะให้ความสำคัญกับ EIA ไว้สักหน่อย เคยสังเกตตามป้ายโฆษณาขายบ้านขายคอนโดมิเนียมที่จะมีเขียนคำว่า EIA Approved กันบ้างหรือไม่ แล้วมันคืออะไร แปลว่าอะไร วันนี้เราลองมาทำความเข้าใจเรื่องของ EIA กับโครงการที่อยู่อาศัยว่าจะมีบทบาทและความสำคัญ

EIA ย่อมาจาก Environmental Impact Assessment Report หรือการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นการศึกษาเพื่อคาดการณ์ผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบจากการพัฒนาโครงการ  เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและใช้ในการประกอบการตัดสินใจพัฒนาโครงการ

ข้อดีของ EIA คือ ช่วยหาทางป้องกันผลกระทบในทางลบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นในโครงการนั้นให้เกิดน้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อย่างมีประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจของนักบริหารหรือผู้ประกอบการว่าสมควรดำเนินโครงการนั้นต่อหรือไม่ การทำ EIA จะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากได้รับการวางแผนป้องกันปัญหาต่างๆ  ตั้งแต่ขั้นตอนศึกษาความเหมาะสมของโครงการและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังดำเนินโครงการไปแล้ว โดยในรายงาน EIA จะมีการกำหนดมาตรการป้องกัน และติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกอบเป็นหัวข้อหลักที่สำคัญของรายงานอีกด้วย

โครงการที่อยู่อาศัยแบบไหนบ้างที่ต้องทำและใครกำหนดว่าต้องทำ EIA

  • โครงการคอนโดมิเนียม ที่มีจำนวนห้องชุด (unit) ตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 4,000 ตารางเมตรขึ้นไป
  • โครงการบ้านจัดสรรที่มีจำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลง หรือเนื้อที่เกินกว่า 100 ไร่

โดยการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องทำตามกฎหมายภายใต้ พระราชบัญญัติ(พรบ.) ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2535 ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 46 ที่ระบุว่าโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ในเกณฑ์ข้างต้นที่กล่าวมา จะต้องทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งข้อกำหนดต่างๆตาม EIA ถือเป็นข้อตกลงหรือคำมั่นสัญญาที่เจ้าของโครงการมีให้ไว้ โดยข้อกำหนดใน EIA จะเป็นสิ่งที่แนบท้ายใบอนุญาติต่างๆ เช่น ใบอนุญาติการก่อสร้าง ดังนั้นหากเจ้าของโครงการไม่ทำตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้ หน่วยงานผู้มีสิทธิอนุญาติ ก็มีสิทธิลงโทษตามระเบียบได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ลุ้นหุ้นไทยทดสอบแนวต้านใหญ่ 1,640 จุด รัฐปลดล็อก 5 กิจการ

หุ้น

ตลาดหุ้นไทยลุ้นทดสอบแนวต้านใหญ่ 1,640 จุด หลังรัฐปลดล็อก 5 กิจการ สัญญาณเริ่มต้นเปิดเมืองอีกครั้ง นักลงทุนมีมุมมองเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว หลังเงินเฟ้อสหรัฐเร่งตัวขึ้นสวนทางบอนด์ยีลด์ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จับตาประชุมเฟด-ธนาคารกลางญี่ปุ่น ตลาดคาดคงดอกเบี้ย

วันที่ 14 มิถุนายน 2564 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนี SET Index มีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านใหญ่บริเวณ1,640 จุด(+/-) ในกรอบระหว่าง   1,630-1,645 จุด โดยได้แรงหนุนจากการประกาศผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติม ที่อาจเป็นสัญญาณการเริ่มต้นเปิดเมืองอีกครั้งหากสถานการณ์ช่วงครึ่งเดือนหลังมีแนวโน้มกลับมาดีขึ้น

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศเรื่องเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นโดยเฉพาะสหรัฐที่แม้จะเร่งตัวขึ้น แต่สวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันบัตร (Bond Yield ) อายุ 10 ปี ของสหรัฐปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 3 เดือน สะท้อนภาพว่านักลงทุนเริ่มมีมุมมองเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเป็นภาวะชั่วคราวและหลังเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวเต็มในไตรมาสที่ 3 แล้วการเติบโต จะทยอยเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง

กลยุทธ์การลงทุน SET Index ในกรอบระดับวัน ค่าอินดิเคเตอร์ RSI เข้าสู่ 70 จุดหรือภาวะ “ซื้อมากเกินไป” พร้อมด้วย ดัชนีทำ New High ในรอบหนึ่งปี สะท้อนแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ทางฝ่ายวิจัยแนะนำกลยุทธ์ซื้อเมื่อราคาทะลุแนวต้านและรอรับเมื่อราคาย่อตัวในหุ้นกลุ่มเปิดเมืองและหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคายัง Laggard หรือมีการเวียนกลับมาเล่นอีกครั้ง

โดยทาง ศบค. โดยนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่าน Facebook ผ่อนคลาย 5 กิจการกิจกรรมในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ 1.พิพิธภัณฑ์และโบราณสถานต่าง ๆ 2.สวนสาธารณะ 3.คลินิกเสริมความงาม 4.สถาน
ประกอบการนวดเพื่อสุขภาพ และ 5.ร้านทำเล็บและร้านสัก ภายใต้มาตรการควบคุมด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดตั้งแต่ 14 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป ทางฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทยอยผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมระยะถัดไป

โดยเฉพาะครึ่งเดือนหลังของ มิ.ย. 64 หากจำนวนผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตลดลงจะทำให้ความหวังเปิดเมืองมีความเป็นไปได้มากขึ้น

แต่ทั้งนี้ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงได้แก่ 1.การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และ 2.การกระจายวัคซีนที่ล่าช้าหรือไม่เพียงพอ

ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ 1.การประชุม FOMC ของธนคารกลางสหรัฐ (FED) ครั้งที่ 4 ของปีระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. 64 เน้นติดตามท่าทีของเฟดต่อภาวะเงินเฟ้อและสัญญาณการทำ QE Tapering 2.ตัวเลข Industrial Production เดือน พ.ค. 64 ของจีน 3.ตัวเลข PPI/CPI เดือน พ.ค. 64 ของสหรัฐและยุโรป และ 4.การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 18 มิ.ย. 64 ซึ่งตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นบางส่วนปิดวันนี้เนื่องในวันหยุด เช่น ตลาดหุ้นจีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ใส่เต็มที่! “นักตบสาวไทย” ต้านไม่ไหวพ่าย โปแลนด์ 0-3 ศึกเนชั่นส์ ลีก 2021

ใส่เต็มที่! "นักตบสาวไทย" ต้านไม่ไหวพ่าย โปแลนด์ 0-3 ศึกเนชั่นส์ ลีก 2021

ทีมสาวไทย ต้านไม่ไหวพ่าย โปแลนด์ 0-3 เซต ศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2021 แบบบับเบิล สัปดาห์ที่ 4

การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2021″ แบบบับเบิล สัปดาห์ที่ 4 นัดที่ 11 ที่เมืองริมินี ประเทศอิตาลี คืนวันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน 2564 ทีมชาติไทย ที่นัดที่แล้วระเบิดฟอร์มเอาชนะ เยอรมนี มาได้ 3-1 เซต ลงสนามพบกับ ทีมชาติโปแลนด์ โดยสถิติที่เคยพบกันมา 5 ครั้งหลังสุด ไทย ชนะ 1 ครั้ง และ โปแลนด์ ชนะ 4 ครั้ง

เซตแรก ทั้งสองทีมทำแต้มกันอย่างสูสี โปแลนด์ ออกนำไปก่อน 8-7 จากนั้นโปแลนด์ ยังรักษาระยะห่างของแต้มได้ดี นำอยู่ 16-14 จากนั้นไทยเริ่มเร่งฟอร์มขึ้นมาจนแต้มมาเท่ากันที่ 22-22 แต่สุดท้ายเป็น โปแลนด์ ที่เล่นได้แน่นอนกว่าเอาชนะไปได้ก่อน 25-23 ขึ้นนำ 1-0 เซต

เซตที่ 2 โปแลนด์ ออกสตาร์ทร้อนแรง นำไปก่อน 8-4 และนำไปอีก 16-10 โปแลนด์ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ โกยแต้มหนีไปไกลเป็น 23-13 ก่อนจะเอาชนะไปได้อีกครั้ง 25-15 ทำให้ โปแลนด์ หนีไทยเป็น 2-0 เซต

เซตที่ 3 โปแลนด์ยังบุกได้น่ากลัวและเกมรับเหนียวแน่น นำไทยไปก่อน 8-3 จากนั้นไทยฮึดไล่ขึ้นมาเป็น 11-13 ก่อนที่ โปแลนด์ จะขยับหนีเป็น 20-15 และปิดเซตเอาชนะไปได้ 25-20

จบการแข่งขัน ทีมชาติโปแลนด์ ชนะ ทีมชาติไทย 3-0 เซต 25-23, 25-15 และ 25-20

สำหรับ โปรแกรมนัดต่อไป วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย จะพบกับ บราซิล คืนวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายนนี้ เวลา 00.30 น.

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เลือกซื้อนมพร้อมดื่มให้ปลอดภัย ดูอะไรบ้าง?

เลือกซื้อนมพร้อมดื่มให้ปลอดภัย ดูอะไรบ้าง?

อย.แนะผู้บริโภคเกี่ยวกับวิธีการเลือกซื้อนมพร้อมดื่ม และการเก็บรักษานมที่เหมาะสม ป้องกันปัญหานมเน่าเสียก่อนการบริโภค เน้นตรวจสอบฉลาก มีเลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย มีข้อมูลบนฉลากครบถ้วน ที่สำคัญซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ผู้บริโภคควรคำนึงถึงวิธีการเลือกซื้อนมพร้อมดื่มเพื่อความปลอดภัย โดยก่อนซื้อให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์นมซึ่งต้องมีเลขสารบบอาหาร 13 หลัก และมีข้อมูลสำคัญบนฉลากครบถ้วน ได้แก่

  • ชื่ออาหาร
  • ชื่อที่ตั้งผู้ผลิต
  • ผู้แบ่งบรรจุ
  • ปริมาณสุทธิ
  • ส่วนประกอบสำคัญ
  • วันเดือนปีที่ผลิต
  • วันเดือนปีที่หมดอายุ 

ทั้งนี้ ภาชนะบรรจุต้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่บวม ไม่ฉีกขาด ควรเลี่ยงการซื้อนมจากร้านค้าที่มีการเก็บผลิตภัณฑ์นมเพื่อจำหน่ายแบบไม่เหมาะสม เช่น ตู้แช่หรือสถานที่เก็บไม่ได้มาตรฐาน

การเก็บรักษา            

นอกจาการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพแล้ว การเก็บรักษานมเป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะมีผลต่อคุณภาพของนม ปัจจุบันมีนมหลายประเภทจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งมีวิธีการเก็บรักษาที่แตกต่างกันออกไป 

  • นมพาสเจอร์ไรส์ ซื้อมาแล้วควรเก็บในตู้เย็นทันที เก็บได้นานประมาณ 10 วันที่อุณหภูมิไม่เกิน 8 °C นับจากวันที่บรรจุ ในกรณีที่ดื่มไม่หมดต้องการเก็บไว้ดื่มอีก ควรเทแบ่ง ไม่ดื่มจากภาชนะบรรจุโดยตรงซึ่งจะทำให้นมที่เหลือบูดง่าย 
  • นมยูเอชที ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิปกติ ไม่ควรโดนแดดโดยตรง ไม่เก็บซ้อนหลายชั้นเกินไป เก็บได้นานประมาณ 6 เดือน 
  • นมเปรี้ยว ควรเก็บในตู้เย็น ซึ่งสามารถเก็บได้นานกว่านมประเภทอื่น 
  • นมเปรี้ยวพร้อมดื่มพาสเจอร์ไรส์ ถ้าเก็บในอุณหภูมิไม่เกิน 8 °C จะเก็บได้นานถึง 21 วัน 
  • นมเปรี้ยวพร้อมดื่มยูเอชที เก็บได้ประมาณ 8 เดือน โดยไม่ต้องแช่เย็น
  • นมสเตอริไรซ์ (กระป๋อง) เก็บได้นานประมาณ 12 เดือน โดยไม่ต้องแช่เย็น แต่ไม่ควรให้โดนแดดโดยตรง 

การเน่าเสียของนมพร้อมดื่มอาจเกิดได้หลายกรณี ทั้งทางด้านกระบวนการผลิต อาจใช้ความร้อนสูงไม่เพียงพอ หรือใช้เวลาฆ่าเชื้อน้อยเกินไป การบรรจุไม่ถูกสุขลักษณะทำให้มีการปนเปื้อน เก็บรักษาในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม รวมถึงลักษณะการขนส่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ภาชนะบรรจุนมมีการรั่วซึม ทำให้จุลินทรีย์จากภายนอกปนเปื้อนเข้าไปได้ ดังนั้น จึงควรระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุนม อย่าให้มีการกระแทกกับของแข็งหรือของมีคม ไม่ควรโยนหรือเหยียบไปบนกล่องบรรจุขณะขนย้าย และไม่ควรวางกล่องนมซ้อนเกิน 7 ชั้น แต่หากเป็นการหุ้มด้วยพลาสติกไม่ควรวางเกิน 5 ชั้น เพราะจะทำให้กล่องนมด้านล่างถูกกดทับจนเกิดการรั่วซึมได้ ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบเห็นผลิตภัณฑ์นมที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง หรือไม่มีเลขสารบบอาหาร สามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


8 ประโยคเด็ด ที่ช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด

การพูดภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็วเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากทำ หากว่าเป็นไปได้ จริงมั้ยครับ เพราะยิ่งภาษาอังกฤษของเราพัฒนาไปได้ไว โอกาสและความก้าวหน้าต่างๆ ก็จะเข้ามาในชีวิตของเราได้ไวเช่นกัน

ในบทความนี้ เราอยากจะนำเสนอประโยคที่ทุกคนสามารถนำไปใช้เพื่อทำให้พูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด จริงอยู่ที่ว่าหน้าตาของประโยคเหล่านี้ดูธรรมด๊าธรรมดา แต่บอกเลยว่าประโยชน์ของมันมีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว DailyEnglish ขอนำเสนอ 8 ประโยคต่อไปนี้

1. What does “…” mean?

ประโยคนี้ใช้ในการถามความหมายของคำหนึ่งๆ แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า คำว่า “…” แปลว่าอะไร หรือ คำว่า “…” หมายถึงอะไร ในเมื่อเราไม่ใช่เจ้าของภาษา ก็คงต้องมีหลายคำที่เราไม่รู้ความหมาย ประโยคนี้มีประโยชน์มาก เพราะช่วยให้เราเรียนรู้ความหมายของคำๆ หนึ่งจากเจ้าของภาษาได้เลยโดยตรง ทำให้มีโอกาสจำความหมายของคำๆ นั้นได้ดียิ่งขึ้น ดีกว่ามานั่งท่องจำความหมายจากในลิสต์คำศัพท์       

ตัวอย่างการใช้งาน

What does “consumption” mean? (คำว่า “consumption” แปลว่าอะไร)

ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่

  • What’s the meaning of “…”? (ความหมายของคำว่า “…” คืออะไร)
  • What do you mean by “…”? (ที่คุณบอกว่า “…” คุณหมายความว่าอย่างไร)

2. How do you say “…” in English?

ประโยคนี้ใช้ถามถึงคำที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับคำที่เรากล่าวถึง ประโยคนี้แปลว่า คำว่า “…” พูดว่ายังไงในภาษาอังกฤษ โดยมีข้อแม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งต้องรู้ภาษาไทย หรืออย่างน้อยคือต้องรู้จักคำๆ นั้น

ตัวอย่างการใช้งาน

How do you say “ถั่วงอก” in English? (คำว่า “ถั่วงอก” พูดว่ายังไงในภาษาอังกฤษ)

ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่

  • What do you call “…” in English? (คุณเรียก “…” ว่าอะไรในภาษาอังกฤษ)
  • What do they call “…” in English? ((เจ้าของภาษา)เรียก “…” ว่าอะไรในภาษาอังกฤษ)

3. What’s the difference between “…” and “…”?

หากต้องการทราบว่าคำหนึ่งมีความหมายต่างจากอีกคำหนึ่งอย่างไร ในกรณีที่ความหมายของทั้ง 2 คำใกล้เคียงกันมาก เราสามารถถามโดยใช้ประโยคนี้ได้ ความหมายของประโยคนี้ก็คือ “…” กับ “…” ต่างกันยังไง โดยมากมักจะใช้ถามความหมายของคำที่แปลเป็นภาษาไทยเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วมีนัยต่างกัน เช่น คำว่า watch กับ clock เป็นต้น

ตัวอย่างการใช้งาน

What’s the difference between “bathroom” and “toilet”? (“bathroom” กับ “toilet” ต่างกันยังไง)

ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่

  • How are “…” and “…” different? (“…” กับ “…” ต่างกันยังไง)
  • Can you tell me the difference between “…” and “…”? (ช่วยบอกความแตกต่างระหว่าง “…” กับ “…” หน่อย)
  • How do “…” and “…” differ? (“…” กับ “…” ต่างกันยังไง)

4. How do you spell “…”?

ประโยคนี้ใช้ถามเมื่อเราต้องการทราบวิธีสะกดคำที่เรากำลังกล่าวถึง ประโยคนี้แปลว่า “…” สะกดยังไง หรือ “…” เขียนยังไง เราสามารถใช้ประโยคนี้ถามคำที่รู้จักอยู่แล้ว แต่จำวิธีสะกดไม่ได้ หรือถามคำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนก็ได้

ตัวอย่างการใช้งาน

How do you spell “miscellaneous”? (คำว่า “miscellaneous” สะกดยังไง)

ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่

  • How do you write “…”? (คำว่า “…” เขียนยังไง)
  • Can you tell me how to spell “…”? (ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่า “…” สะกดยังไง)
  • Can you tell me how to write “…”? (ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่า “…” เขียนยังไง)

อ่านเพิ่มเติม: เคล็ดลับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ได้อย่างรวดเร็ว

5. How do you pronounce “…”?

เมื่อต้องการทราบว่าคำๆ หนึ่งออกเสียงว่าอย่างไร เราจะถามด้วยประโยคนี้ แน่นอนว่าวันใดวันหนึ่งเราจะต้องเจอกับคำที่เขียนซับซ้อนจนเดาไม่ออกว่าออกเสียงยังไง

ตัวอย่างการใช้งาน

How do you pronounce “otorhinolaryngologist”? (คำว่า “otorhinolaryngologist” ออกเสียงว่ายังไง)

ถ้าเราถามแบบนี้ แสดงว่าเรากำลังเขียนหรือพิมพ์คำนี้อยู่ เพราะในความเป็นจริง ถ้าเราไม่รู้วิธีออกเสียง เราก็จะพูดคำนี้ไม่ได้ ในกรณีนั้น เราจะพูดว่า How do you pronounce this word? (คำนี้ออกเสียงว่ายังไง) แทน

ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่

  • Can you tell me how to pronounce “…”? (ช่วยบอกวิธีออกเสียงคำว่า “…” หน่อย)
  • Can you tell me how to pronounce this word? (ช่วยบอกวิธีออกเสียงคำนี้หน่อย)

6. Between “…” and “…”, which sentence sounds more natural?

ประโยคนี้ใช้ถามในกรณีที่เราอยากรู้ว่าประโยคหนึ่งกับอีกประโยคหนึ่ง ประโยคไหนฟังดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน คำว่า “เป็นธรรมชาติ” ในกรณีนี้หมายความว่า ฟังดูลื่นหูและนิยมพูดในหมู่เจ้าของภาษา ประโยคนี้แปลว่า ระหว่าง “…” กับ “…” ประโยคไหนฟังดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน

ตัวอย่างการใช้งาน

Between “He spent his formative years in one country, and I in another,” and “He spent his formative years in a different country than I,” which sentence sounds more natural?

(ระหว่าง “He spent his formative years in one country, and I in another.” กับ “He spent his formative years in a different country than I.” ประโยคไหนฟังดูเป็นธรรมชาติมากกว่ากัน)

 ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่
  • Between “…” and “…”, which sentence sounds better? (ระหว่าง “…” กับ “…” ประโยคไหนฟังดูดีกว่ากัน)
  • Does “…” sound more natural than “…”? (“…” ฟังดูเป็นธรรมชาติมากกว่า “…” หรือเปล่า)
  • Does “…” sound better than “…”? (“…” ฟังดูดีกว่า “…” หรือเปล่า)
  • What’s a better way to say “…”? (ประโยคที่ว่า “…” ถ้าจะพูดให้ฟังดูดีกว่า ต้องพูดว่ายังไง)
  • Do they have a better way to say “…”? ((เจ้าของภาษา) มีวิธีพูดว่า “…” ที่ดีกว่านี้หรือเปล่า)

7. What’s the British/American/Australian way to say “…”?

ในกรณีที่เราคิดว่าคำๆ เดียวกันมีวิธีเรียกมากกว่าหนึ่งวิธี ขึ้นอยู่กับแต่ละสำเนียง เราจะถามโดยใช้ประโยคนี้ซึ่งแปลว่า ชาวอังกฤษ/อเมริกัน/ออสเตรเลียเรียก “…” ว่าอะไร

ตัวอย่างการใช้งาน

What’s the American way to say “lift”? (ชาวอเมริกันเรียก “lift” ว่าอะไร)

ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่

  • What do the British/American/Australian call “…”? (ชาวอังกฤษ/อเมริกัน/ออสเตรเลียเรียก “…” ว่าอะไร)
  • What do they call “…” in British/American/Australian English? (ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ/อเมริกัน/ออสเตรเลีย เรียก “…” ว่าอะไร)

8. Is “…” grammatically correct?

ประโยคนี้ใช้ถามเวลาที่ต้องการเช็คว่าประโยคหนึ่งๆ ถูกต้องตามโครงสร้างไวยากรณ์หรือไม่ เหมาะกับคนที่ต้องการเช็คให้รอบคอบก่อนนำประโยคนั้นๆ ไปใช้งานจริง คำถามนี้แปลว่า “…” ถูกต้องตามโครงสร้างไวยากรณ์หรือเปล่า

ตัวอย่างการใช้งาน

Is “He are a singer.” grammatically correct? (ประโยคที่ว่า “He are a singer.” ถูกต้องตามโครงสร้างไวยากรณ์หรือเปล่า)

ประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกับประโยคนี้ ได้แก่

  • Would it be grammatically correct to say “…”? (ถ้าพูดว่า “…” ถือว่าถูกต้องตามโครงสร้างไวยากรณ์หรือเปล่า)

ประโยคเหล่านี้มีประโยชน์มาก ถือเป็นประโยคพื้นฐานที่ช่วยให้เราเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์หรือไวยากรณ์ อย่าลืมท่องจำประโยคเหล่านี้ให้ขึ้นใจครับ รับรองว่ามีโอกาสได้ใช้แน่ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ติดตามบทความดีๆแบบนี้ได้ในเว็บ DailyEnglish นะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


BMW ปูพรมขาย EV iX3 ส่งมอบปลายปี 2564

BMW ปูพรมขาย EV iX3 ส่งมอบปลายปี 2564

บีเอ็มดับเบิลยู เตรียมเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV รุ่น BMW iX และ BMW iX3 ในวันที่ 14 มิถุนายน นี้ ก่อนส่งมอบปลายปี 2564

บีเอ็มดับเบิลยู ปูพรมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่นำเข้าจากจีน พร้อมเปิดตัวเอสยูวี BMW iX และ BMW iX3 วันที่ 14 มิ.ย.นี้ ก่อนส่งมอบช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 ส่วน BMW i4 มาปี 2565 ด้านแบรนด์ในเครือ MINI Cooper SE นำเข้าจากอังกฤษเตรียมเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ วันที่ 21 มิ.ย.นี้

ตามเป้าหมายของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เอจี เยอรมนี จะมีรถยนต์ไฟฟ้าเปิดตัวใหม่ 25 รุ่นภายในปี 2566 แบ่งเป็น BMW รถพลังงานไฟฟ้า 100% EV 12 รุ่น และปลั๊ก-อินไฮบริด 13 รุ่น สำหรับประเทศไทย ถูกวางให้เป็นฐานการผลิตรถปลั๊ก- อิน ไฮบริด และประกอบแบตเตอรี่ ปัจจุบันโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู จ.ระยอง ทำทั้ง BMW X3 xDrive30e, BMW 330e,BMW 530e,BMW X5 xDrive45e,BMW 745Le xDrive ส่วนรุ่นที่หยุดนำเข้าแล้วคือ BMW i8 และ BMW i3s ขณะที่ MINI Cooper SE ถึงเวลาไมเนอร์เชนจ์ หรือ LCI โดยสั่งมาจากโรงงานอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษ เตรียมเปิดตัวออนไลน์ ในวันที่ 21 มิถุนายน นี้

สำหรับแผนงานแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า EV รุ่นใหม่ ยังสอดคล้องกับตลาดโลก ล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมจัดงานเปิดตัว BMW iX และ BMW iX3 พร้อมราคา และกำหนดเวลารับจองในวันที่ 14 มิถุนายน นี้ ส่วน i4 ต้องรอการเปิดตัวปี 2565

BMW iX3 เป็นเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่พัฒนามาจาก X3 รหัสตัวถัง G01 (ตลาดโลกเพิ่งไมเนอร์เชนจ์) เปิดตัวในตลาดโลกปี 2563 ใช้มอเตอร์ตัวเดียวขับเคลื่อนล้อหลัง วางแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 460 กม.

BMW ปูพรมขาย EV iX3 ส่งมอบปลายปี 2564

ส่วน BMW iX เปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ถูกวางให้เป็นแฟลกชิปโมเดลของเอสยูวีพลังไฟฟ้า 100% ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด ใช้มอเตอร์ 2 ตัวขับเคลื่อนล้อหน้า-หลัง แบ่งการทำตลาดเป็น 2 รุ่นย่อยคือ BMW iX xDrive40 แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 76.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ 425 กม. และ BMW iX xDrive50 แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 111.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง พิสัยการเดินทางเพิ่มเป็น
630 กม.

การทำตลาดในไทยของ BMW iX3 และ BMW iX จะนำเข้ามาจากโรงงานผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู ที่เมืองเซิ่นหยาง ประเทศจีน (ลงทุนร่วมกับBrilliance China Automotive Holdings) โดยไม่เสียภาษีนำเข้า ภายใต้กรอบ FTA จีน-อาเซียน แต่จะเสียภาษีสรรพสามิต 8% (BMW ปลั๊ก-อินไฮบริด ประกอบในประเทศเสีย 4%)

สำหรับ BMW iX3 ราคาขายที่จีน 399,900 หยวนหรือประมาณ 2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Volvo XC40 Recharge EV ที่ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน 2 ตัว (เซกเมนต์ระดับ BMW X1 และ XC60 จะอยู่ในระดับเดียวกับ X3) ราคาที่จีน 299,000 หยวน หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท เมื่อนำเข้ามาขายในไทย วอลโว่ คาร์ ตั้งราคาไว้ 2.59 ล้านบาท

ดังนั้น BMW iX3 ที่ระดับการทำตลาดสูงกว่า (แต่สเปกระบบขับเคลื่อนตํ่ากว่า) พร้อมชื่อชั้นของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู เชื่อว่าการตั้งราคาขายในไทยจะบวก-ลบอยู่แถวๆ 3.5 ล้านบาท

ทั้งนี้ การตั้งราคาขายรถในไทยยังมีปัจจัยของภาษีสรรพสามิตเป็นตัวกำหนด โดยรุ่นประกอบในประเทศ BMW X3 xDrive30e M Sport ปลั๊ก-อินไฮบริด ราคา 3.679 ล้านบาท (ภาษีสรรพสามิต 4%) BMW X3 xDrive20d M Sport เครื่องยนต์ดีเซลราคา 3.829 ล้านบาท (ภาษีสรรพสามิต 25%)

เหนืออื่นใด 14 มิถุนายน 2564 ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะเปิดราคาพร้อมกำหนดรับจอง BMW iX3 และ BMW iX โดยสื่อสารกับผู้สื่อข่าวผ่านช่องทางออนไลน์ แต่กว่ารถจะมาถึงเมืองไทยต้องรอถึงช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ 

นายอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในไตรมาสแรกของปี 2564 ได้2,533 คัน เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเซกเมนต์รถไฮเอนด์ อย่าง ซีรีส์7, ซีรีส์8, X7 และ i8 ซึ่งยอดเติบโต 25.5%

“ด้านความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในตลาดยานยนต์ไทย ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จึงส่งผลให้รถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด ของบีเอ็มดับเบิลยูมียอดการส่งมอบสูงขึ้น 140%” นายบารากา กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตาว ต๋าว ประโยชน์ของต้นตาว 13 ข้อ ! (ต้นชิด, ต้นชก, ลูกชิด, ลูกชก)

ลูกชิด

ตาว

ตาว ชื่อสามัญ Sugar palm, Aren, Arenga palm, Areng palm, Black-fiber palm, Gomuti palm, Kaong, Irok

ตาว ชื่อวิทยาศาสตร์ Arenga pinnata (Wurmb) Merr. จัดอยู่ในวงศ์ปาล์ม (ARECACEAE) ซึ่งแต่เดิมใช้ชื่อวงศ์ว่า PALMAE หรือ PALMACEAE[5]

ต้นตาว มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ตาว ชิด (ภาคกลาง), ตาว ต๋าว มะต๋าว (ภาคเหนือ), ฉก ชก ต้นชก (ภาคใต้), เตาเกียด เต่าเกียด (กาญจนบุรี), โตะ (ตราด), กาชก (ชุมพร), ฉก (พังงา, ภูเก็ต), ลังค่าย หลังค่าย (ปัตตานี), โยก (สตูล), เนา (ตรัง), ต่าว (เมี่ยน, ขมุ, ไทลื้อ, คนเมือง), ต๋งล้าง (ม้ง), วู้ (กะเหรี่ยง), ต่ะดึ๊ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), หมึ่กล่าง (ลั้วะ) เป็นต้น ส่วนผลของชิดอาจเรียกว่า ลูกชิด (กาญจนบุรี), ลูกตาว (อุตรดิตถ์), ลูกต๋าว (น่าน), ลูกเหนา (ภาคใต้), ลูกชก เป็นต้น โดยต้นตาวจัดเป็นปาล์มชนิดหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า ลาว อินโดนีเซีย และอินเดีย สำหรับในประเทศไทยนั้นจะพบขึ้นตามป่าในเขตจังหวัดน่าน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ และตาก และในปัจจุบันมีจำนวนลดน้อยลงอย่างมาก สาเหตุมาจากการที่ป่าถูกทำลายและไม่มีการปลูกเพื่อทดแทน[1],[2],[3],[4],[5],[6],[7],[8],[9]

ลักษณะของต้นตาว

  • ต้นตาว (ต้นชิดต้นชก) จัดเป็นไม้ยืนต้นแบบต้นเดี่ยวที่มีอายุยืน ลักษณะลำต้นตรงสูงชะลูด มีหลายขนาด มีความสูงประมาณ 6-15 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางต้นราว 30-65 เซนติเมตร ลำต้นมีขนาดใหญ่กว่าต้นตาล ลำต้นมีสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ เป็นพืชขนาดใหญ่ที่อยู่ในตระกูลปาล์ม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด มักพบขึ้นตามป่าที่มีความชื้นสูง หรือตามริมแม่น้ำลำธาร หรือตามโขดหิน[1],[4],[5],[8] ส่วนอีกข้อมูลระบุว่าต้นตาวมักขึ้นตามเชิงเขาในบริเวณที่มีดินร่วนและมีอากาศชุ่มชื้น[3] ส่วนรากตาว มีระบบรากเป็นแบบรากฝอย รากจะเจริญออกจากใต้ดิน[5]

ลูกตาว

  • ใบตาว ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกออกเรียงสลับกัน ก้านทางใบยาวประมาณ 6-10 เมตร มีใบย่อยประมาณ 30-130 ใบ ใบมีลักษณะเช่นเดียวกับใบมะพร้าว แต่จะใหญ่และแข็งกว่า โดยใบเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบมนและแหลม ส่วนโคนใบเป็นรูปเงี่ยงใบหอก ขอบเรียบ ผิวหนา หลังใบเป็นสีเขียวเข้มมันวาว ส่วนใต้ใบมีสีขาวนวล[1],[3],[5] เมื่อใบแก่จะห้อยจนปิดคลุมลำต้น[4]

ใบตาว

  • ดอกตาว ออกดอกเป็นช่อ เป็นช่อดอกเชิงลดขนาดใหญ่ โดยดอกของต้นตาวจะเป็นดอกชนิด Polgamous คือมีทั้งดอกตัวผู้และดอกสมบูรณ์เพศอยู่บนต้นเดียวกันแต่อยู่คนละช่อดอก และสามารถออกดอกได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต (ซึ่งจะใช้เวลาตั้งแต่เริ่มปลูกจนออกดอกประมาณ 15-20 ปี) โดยช่อดอกตัวผู้จะยาวประมาณ 1-2 เมตร ส่วนช่อดอกสมบูรณ์เพศจะยาวกกว่าดอกตัวผู้ โดยออกดอกตามซอกใบ ห้อยยาวลงได้มากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ออกดอกจนเป็นผลสุกแก่จนร่วงหล่น อาจจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี[1],[4]

ดอกชิด

  • ผลตาว ออกผลเป็นกลุ่มเป็นทะลาย ลักษณะของผลเป็นรูปไข่สีเขียว มีขนาดประมาณ 3-4 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน ส่วนผลแก่มีสีเหลืองและสีดำ หรือมีสีม่วงเข้มจนถึงสีดำ ส่วนเมล็ดมีสีขาวขุ่น มีลักษณะนิ่มและอ่อน ในแต่ละผลจะมี 2-3 เมล็ด เมล็ดอ่อนมีสีขาว ส่วนเมล็ดแก่มีสีดำ เปลือกของเมล็ดจะกลายเป็นกะลาบาง ๆ แข็ง ๆ มีสีดำ ส่วนเนื้อในของเมล็ดจะเรียกว่า “ลูกชิด” โดยต้นตาวจะให้ผลในช่วงอายุ 15-20 ปี แต่ส่วนมากแล้วจะให้ผลครั้งเดียว และจะให้มากที่สุดไม่เกิน 4 ครั้ง[1],[3],[4],[5]

ตาว

ประโยชน์ของตาว

  1. หน่ออ่อนและเนื้อในเมล็ดสามารถนำมารับประทานได้[1] นอกจากนี้หน่ออ่อนและเนื้อข้างในลำต้นก็สามารถนำมาใช้ประกอบอาหาร เช่น การทำเป็นแกงหรือใส่ข้าวเบือน เป็นต้น[1]
  2. เนื้อในเมล็ดหรือลูกชิดสามารถนำมารับประทานสด ๆ ได้เลย หรือนำไปต้ม หรือนำมาเชื่อมกับน้ำตาลรับประทานเป็นของหวานได้[1],[3]
  3. ยอดอ่อนใช้นึ่งรับประทานเป็นผักจิ้มกับน้ำพริกหรือนำไปแกงได้[1] นอกจากนี้ยอดอ่อนที่ขั้วหัวใช้รับประทานเป็นผักสด หรือนำไปดองเปรี้ยวเก็บไว้ใช้แกงส้มหรือทำแกงกะทิ[3]
  4. ยอดของลำต้นสามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้เช่นเดียวกับยอดมะพร้าว[8]
  5. ใบอ่อนสามารถนำมาใช้รับประทานเป็นผักจิ้มเช่นเดียวกับกะหล่ำปลี[8]
  1. แกนในของลำต้นอ่อนใช้ประกอบอาหารได้ เช่น ทำเป็นแกงใส่ไก่หรือหมู เป็นต้น[1]
  2. งวงตาวหรือดอกตาวสามารถนำมาใช้ทำเป็นน้ำตาลชกคล้ายกับน้ำตาลโตนดได้[6] ก้านช่อดอกมีน้ำหวาน อาจนำมาใช้ทำเป็นไวน์ผลไม้หรือน้ำส้มได้[8]
  3. น้ำหวานที่ได้จากผลสามารถนำมารับประทานได้เช่นเดียวกับน้ำตาลโตนด และยังนำไปทำน้ำส้มที่เรียกว่า “น้ำส้มชุก” สำหรับใช้ในการปรุงอาหารหรือทำกระแช่ หรือเอาส่วนที่เคี่ยวเป็น “น้ำผึ้งชุก” ไปหมักสำหรับทำสุรา[9]
  4. ลำต้นสามารถนำมาใช้ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือใช้ทำเป็นอุปกรณ์การเกษตรได้ ส่วนลำต้นในระยะที่เริ่มออกดอกจะมีแป้งสะสมอยู่ภายใน สามารถนำแป้งมาใช้ประโยชน์ได้[8]
  5. ใบตาวแก่สามารถนำมาใช้มุงหลังคา กั้นฝาบ้าน ตกแต่งงานรื่นเริงในหมู่บ้าน หรือนำมาใช้จักสานตะกร้า ส่วนใบอ่อนนำมาใช้ทำเป็นมวนบุหรี่ ส่วนก้านใบเมื่อนำมาเหลารวมกันทำเป็นไม้กวาด และก้านทางใบนำมาใช้ทำฟืนสำหรับก่อไฟ[3],[6],[8]
  6. ก้านทางใบสามารถนำมาผลิตไฟเบอร์ แต่ในบางครั้งอาจรากนำมาทำไฟเบอร์ก็ได้ แต่ไฟเบอร์ที่สำคัญนั้นจะทำมาจากลำต้น ซึ่งจะมีความยาวและมีสีเทาดำ ในอินโดนีเซียจะนำไปทำเป็นเชือกสำหรับใช้กับเรือประมง ฯลฯ[8]
  7. เส้นใยจากลำต้นสามารถนำมาใช้ทำเป็นแปรงได้[3],[6]
  8. สามารถนำมาแปรรูปทำเป็นลูกชิดแช่อิ่ม ลูกชิดปี๊บ ลูกชิดกระป๋อง ลูกชิดอบแห้ง[7]

คุณค่าทางโภชนาการของลูกชิด ต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 19 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 4.9 กรัม
  • โปรตีน 0.1 กรัม
  • เส้นใย 0.5 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • น้ำ 94.7 กรัม
  • วิตามินบี 2 0.01 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.01 มิลลิกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 21 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 0.5 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 3 มิลลิกรัม

ข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย. ตารางแสดงคุณค่าอาหารไทยในส่วนที่กินได้ 100 กรัม.[9]

พิษของตาว

  • ผิวของเปลือกเมล็ดมีพิษ อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่ผิวหนังได้ หากใช้กรรมวิธีที่ไม่ถูกต้องในการแกะ[4] ก่อนการนำมารับประทานควรนำไปต้มก่อนแล้วค่อยผ่าเพื่อแคะเอาเนื้อออกมา[6]
  • ขนตามผิวของผลตาว รวมไปถึงน้ำเลี้ยงจากเปลือกผล ทำให้เกิดอาการคันตามผิวหนังอย่างรุนแรงได้[5]

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 27,400.00 27,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,775.00 26,909.00 28,000.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,597.50 24,218.10 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,420.00 21,527.20 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 799.00 12,112.84 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 621.00 9,414.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,839.00 27,879.24 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/06/2564

ราคาน้ํามัน ปตท
ปตท.
ราคาน้ํามัน บางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25 28.25
แก๊สโซฮอล์ 91 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98 27.98
แก๊สโซฮอล์ E20 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74 26.74
แก๊สโซฮอล์ E85 22.14 22.14 22.14
เบนซิน 95 35.66 36.11 36.16 35.66 35.66
ดีเซล B7 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59 28.59
ดีเซล 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59 25.59
ดีเซล B20 25.34 25.34 25.54 25.34 25.34 25.34 25.34
ดีเซลพรีเมี่ยม 33.36 33.36 35.04 34.76 33.36
แก๊ส NGV 13.99 13.99 13.99

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า