ทุนใหญ่ ลุยโครงการชานเมือง คอนโดต่ำล้าน – คอนโดราคาล้านต้นฮอต
ไนท์แฟรงค์ เผยตลาดคอนโดฯกทม. ไตรมาส 2 ซัพพลายเปิดใหม่ 2,659 หน่วย พบรายใหญ่ ขยับปักหมุดโครงการ โซนชานเมืองมาก 72% ขณะคอนโดฯ ต่ำล้าน – คอนโดฯราคาล้านต้นมาแรง
นายณัฎฐา คหาปนะ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสำนักงานไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 การแพร่ระบาดของ COVID -19 ยังคงรุนแรงและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เป็นปัจจัยลบที่ยังคงกดดันการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก ความรุนแรงของโรคระบาดได้เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือนเมษายน ส่งผลให้เกิดความอ่อนไหวของผู้ซื้อที่ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ยอดขายอยู่ในอัตราที่ต่ำและผู้ประกอบการต้องเพิ่มต้นทุนส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ยังสามารถประคับประคองธุรกิจให้ไปต่อได้ แต่ผู้ประกอบการรายย่อยอาจจะต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่มากขึ้นกว่าเดิม
ในขณะเดียวกันพบว่า บางโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสนี้กลับมียอดขายที่โดดเด่นหรือปิดการขายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในบริเวณชานเมืองซึ่งเป็นโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งตั้งราคาขายที่ต่ำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีรายได้จำกัดได้ตามที่ต้องการ แม้ความกังวลในเรื่องของการควบคุมโรคระบาดที่ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในปัจจุบัน แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นในการลงทุนพัฒนาโครงการในเชิงบวก ในขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนเพราะต้องเสียเปรียบในด้านเงินลงทุนที่ไม่แข็งแกร่งและอาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน
จากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทย พบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ณ อุปทานตลาดคอนมิเนียมในกรุงเทพมหานครมีจำนวนทั้งสิ้น 2,659 หน่วย จำนวนหน่วยขายใหม่ลดลงในอัตราร้อยละ 33.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลงร้อยละ 26.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
จำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองอยู่ที่ร้อยละ 72 หรือ 1,915 หน่วย เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าถึงร้อยละ 22 ในบริเวณรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) และบริเวณศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) คิดเป็นอัตราส่วนที่ร้อยละ 22 และร้อยละ 6 ตามลำดับ แม้ในภาพรวมอุปทานใหม่จะมีจำนวนที่ลดลงแต่อุปทานส่วนมากจะอยู่บริเวณย่านชานเมืองทั้งสิ้นซึ่งเป็นโครงการของกลุ่มบริษัทรายใหญ่ในประเทศ
โดยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่อยู่ในระดับราคาเริ่มต้นที่ต่ำกว่าล้านไปจนถึงล้านต้นๆ หรือประมาณ 30,000-80,000 บาท ต่อ ตารางเมตร ขณะที่กลุ่มบริษัทรายย่อยกลับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคา 85,000 บาท ต่อ ตารางเมตรขึ้นไป โดยคอนโดมิเนียมระดับเกรดบีคิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 43 รองลงมาได้แก่คอนโดมิเนียมระดับเกรดซี คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 35 และคอนโดมิเนียมระดับเกรดเอคิดเป็นอัตราส่วนเพียงร้อยละ 22 ในส่วนคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ไพร์มพบว่าไม่มีจำนวนหน่วยเปิดขายใหม่ในไตรมาสนี้
ทั้งนี้ ประเมินแนวโน้มการเปิดตัวโครงการในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปีนี้ ว่า จะเป็นโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่อยู่ประมาณ 70% ของทั้งตลาด เนื่องจากมีการซื้อที่ดินสะสมอย่างต่อเนื่องเพื่อรอการพัฒนา อีกทั้งความสามารถในการบริหารต้นทุนยังมีมากว่าผู้ประกอบการรายย่อยและสามารถพัฒนาที่ดินพร้อมกันได้หลายโครงการ นอกจากนี้หากประเทศได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมถึงปัจจัยในด้านอื่นที่จะสามารถสนับสนุนโดยเฉพาะมาตรการภาครัฐช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศอันจะส่งผลดีที่จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวได้เร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บิ๊ก “แสนสิริ” มั่นใจต่างชาติทยอยซื้ออสังหาฯไทยดันกำลังซื้อปี65ฟื้นแน่
เศรษฐา ทวีสิน เผย “แสนสิริ”พร้อมวิ่ง! ทะยานรับดีมานด์ต่างชาติซื้ออสังหาฯไทยเชื่อกำลังซื้อปี65 ฟื้นแน่ พร้อมรับทุกมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ชี้หลายปัจจัยบวก แรงหนุนซื้ออสังหาฯไทยโต
แสนสิริ ประกาศพร้อมวิ่ง! เตรียมทะยานรับดีมานด์ต่างชาติซื้ออสังหาฯไทยจ่อสัญญาณเริ่มฟื้น มั่นใจโครงการพร้อมอยู่ครอบคลุมทุกโลเคชั่นศักยภาพทั่วประเทศ และหัวเมืองท่องเที่ยว ตอบโจทย์ ทุกระดับราคา ทุกดีไซน์และฟังก์ชั่น
การปรับแผนรองรับทันทุกสถานการณ์ คุณภาพโครงการ-ราคาคุ้มค่า-บริการและทีมขายคุณภาพ No.1 แบรนด์อสังหาฯ ไทยในใจตลาดต่างชาติ มานานกว่า 8 ปี ฐานลูกค้าแน่น และออฟฟิศในเซี่ยงไฮ๊ ดึงดูดความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติซื้อต่อเนื่อง มั่นใจอสังหาฯไทย ยังเป็นจุดหมายหลักของชาวต่างชาติ ทั้งอยู่อาศัย พักผ่อนท่องเที่ยว และลงทุนจากการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศที่ดี และความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยด้านบริหารจัดการสาธารณสุข
เชื่อปัจจัยบวกจากทุกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ หนุนธุรกิจอสังหาฯไทย ฟันเฟืองหลักเศรษฐกิจมหภาคเริ่มฟื้นเต็มสูบ ดันธุรกิจเกี่ยวข้องโตพ่วงแบบ Multiplier Effect สร้างรายได้มหาศาลแก่ประเทศ
ชี้ทิศทางแนวโน้มภาพรวมบวก คนไทยฉีดวัคซีนมากขึ้น เตรียมบูสต์เข็ม3 — มาตรการโมเดล เปิดประเทศในหัวเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต Sandbox ตอบรับดี เตรียมจ่อคิวเปิดประเทศเฟส 2
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยความพร้อมของบริษัทฯ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 และปัจจัยหนุนบวกเริ่มมีแนวโน้มในทิศทางดีขึ้นว่า “แสนสิริ เรามีความพร้อมอย่างมาก เพื่อเตรียมรองรับดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกๆด้านจากสัญญาณการฟื้นตัวที่เริ่มกลับมา โดยเฉพาะกำลังซื้ออสังหาฯของชาวต่างชาติ ที่หลั่งไหลเข้ามาจากการเปิดประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างรายได้มหาศาล และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงทิศทางที่ดีจากการเริ่มทะยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ช่วยผลักดันให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อได้ในช่วงเวลานี้
เรามีโครงการอสังหาฯพร้อมอยู่ต่างๆ ในโลเคชั่นศักยภาพที่กระจายอยู่ทั่วประเทศทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวต่างจังหวัดที่เป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชาวต่างชาติ อย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน พัทยา รวมถึงชื่อเสียง คุณภาพแบรนด์แสนสิริ ที่ได้รับการยอมรับและมียอดขายอสังหาฯ สูงสุดในต่างประเทศมายาวนานกว่า 8 ปี ออฟฟิศและทีมงานในเซี่ยงไฮ๊ ตลอดจนทีมขายและพนักงานที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มเรียบร้อยแล้ว
ผมมั่นใจว่า แสนสิริ ผู้นำธุรกิจอสังหาฯ หนึ่งในฟันเฟืองที่มีมูลค่าชี้วัดสำคัญต่อจีดีพีประเทศจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้นได้ในปึนี้ จากดีมานด์ที่อั้น (Pent-up demand) ของต่างชาติที่ต้องการซื้ออสังหาฯในไทยยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ซึ่งเป็นลูกค้าสำคัญหลักของเรา รวมถึงความเชื่อมั่นที่ดีของต่างชาติต่อการจัดการด้านระบบสาธารณสุขและการบริหารประเทศ
สถานการณ์ภาพรวมประเทศเริ่มมีแนวโน้มในทิศทางดีขึ้น จำนวนประชากรได้รับวัคซีนมากขึ้น บางส่วนเตรียมเริ่มฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสเข็ม 3 และรัฐบาลได้ออกมาตรการคลายล็อกดาวน์เบื้องต้นแล้ว นับเป็นสัญญาณที่ดีของประเทศในการเร่งเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาหมุนเวียนได้ต่ออีกครั้งในทุกภาคส่วนธุรกิจ ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาฯ เป็นหนึ่งในฟันเฟืองหลักของการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ และเป็นภาพสะท้อนที่ดีของการเติบโตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจองค์รวมของประเทศที่มี Multiplier effect หรือการหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจจากหลากหลายภาคส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ ธุรกิจก่อสร้าง คนงาน วัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ทุกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศของรัฐบาลที่เริ่มเตรียมทะยอยเร่งผลักดันออกมานี้ จะเป็นปัจจัยบวกหนุนต่อธุรกิจอสังหาฯ สร้างรายได้มหาศาลเข้าประเทศ แสนสิริ ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจอสังหาฯ พร้อมตอบรับทุกมาตรการกระต้นเศรษฐกิจรัฐอย่างเต็มที่เพื่อเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนธุรกิจในภาคส่วนอื่นๆ ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจระดับมหภาค
หลังจากนี้ เราจะเห็นประเทศไทยเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัว รวมถึงกำลังซื้อและแรงดึงดูดจากชาวต่างชาติ จากการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่ออกมาหนุนธุรกิจอสังหา และอีกหลากหลายธุรกิจเมื่อประเทศมีเสถียรภาพในการจัดการบริหารในทิศทางที่ดี จะสามารถดึงดูดให้ประเทศต่างๆทั่วโลก หันมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการมองประเทศไทยเป็นที่อยู่อาศัยหลังที่สอง บ้านพักตากอากาศ หรือซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 32.92 บาทต่อดอลลาร์ แนวโน้มอ่อนค่า
เงินบาทเปิดตลาด 32.92 บาทต่อดอลลาร์ แนวโน้มอ่อนค่า มีโอกาสแตะ 33 ให้กรอบวันนี้ 32.85 – 33.05บาทต่อดอลลาร์
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.92 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.91 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงหันมาถือครองสกุลเงินหลักจากความกังวลเรื่องรัฐบาลสหรัฐจะปรับขึ้นภาษี “บาทอ่อนค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเย็นวานนี้ หลังมีปัจจัยหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องรัฐบาลสหรัฐจะขึ้นภาษี ทำให้ปิดรับความเสี่ยงหันมาถือครองเงินสกุลหลัก” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 32.85 – 33.05 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
Racewalking : กีฬา “เดิน” ที่เร็วกว่าคนทั่วไปวิ่ง…เฮ้ย! มันเป็นไปได้อย่างไร ?
ถ้าคุณมองแค่ชื่อ Racewalking หรือกีฬาเดินเร็ว อาจดูเป็นกีฬาที่คนธรรมดาอย่างเรา สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ เพราะใคร ๆ ก็สามารถเดินได้ไม่ใช่หรือ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว กีฬาดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร แตกต่างจากการเดินปกติหรือไม่ และทำไมแค่การเดิน ถึงนับว่าเป็นกีฬาระดับโอลิมปิกกันได้
มาตามหาคำตอบไปพร้อมกับ Main Stand ได้ในบทความนี้
กีฬาแห่งการพนันของชนชั้นสูง
จุดเริ่มต้นของกีฬา Racewalking ที่แท้จริงนั้นต้องย้อนไปถึงประมาณ 4 ล้านปีก่อนคริสตกาล ที่ Australopithecus afarensis ได้เริ่มต้นวิวัฒนาการสู่การก้าวเดินแบบสองขาเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของกีฬาชนิดนี้ (และการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ในปัจจุบัน)
Photo : olympics.com
แต่ถ้านับช่วงที่มีการแข่งขันกันแบบจริง ๆ ก็ต้องย้อนไปช่วง 2500 ปีก่อนคริสตกาล ที่นักโบราณคดีได้ค้นพบบันทึกจากยุคอียิปต์โบราณ ที่กล่าวถึงการเดินแข่งขันของผู้คนในสมัยก่อน ที่ไม่ได้มีกฎระเบียบมากมาย แค่เดินสลับวิ่งไปเรื่อย ๆ ตามระยะทางที่กำหนด
นอกจากการพบในอียิปต์แล้ว ยังมีการพบหลักฐานถึงการแข่งวิ่งในสมัยกรีกโบราณด้วยเช่นกัน ทว่าการแข่งขันดังกล่าว ก็ไม่ได้ถูกบรรจุเข้าไว้ในกีฬาของโอลิมปิกบุคโบราณแต่อย่างไร
เมื่อเวลาผ่านเลยไป โรเบิร์ต คาเรย์ ชนชั้นสูงชาวอังกฤษ ได้ท้าพนันว่าเขาสามารถเดินอย่างต่อเนื่องได้ไกลกว่า 300 ไมล์ (482 กิโลเมตร) ก่อนที่จะชนะการพนันดังกล่าวในปี 1589 หลังออกเดินจากลอนดอนไปเบอร์วิคได้สำเร็จ
แม้แต่กษัตริย์ผู้สูงส่ง ก็เคยเข้าร่วมแข่งขันเดินมาแล้ว โดยกษัตริย์ชาร์ลส์ที่สอง (King Charles II) ผู้ทรงโปรดปรานการเดินตั้งแต่วัยเยาว์ เคยเดินจากไวท์ฮอลล์ไปสู่แฮมพ์ตัน คอร์ท อันเป็นระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ตั้งแต่ยุค 1600s มาแล้ว ซึ่งจากการเดินในระยะทางไกลแบบนั้น ก็ทำให้พระองค์ประชวรด้วยโรคเกาต์อย่างรุนแรงในช่วงบั้นปลายชีวิต
ถัดมาในยุควิคตอเรียน หรือระหว่างปี 1837-1901 บรรดาชนชั้นสูงในสมัยนั้น จะเดิมพันว่าใครสามารถเดินได้เร็วกว่ากัน โดยจะส่งคนรับใช้ของตน เข้าเป็นตัวแทนในการแข่งขันดังกล่าว
Photo : teara.govt.nz
นั่นเพราะเหล่าคนรับใช้ จะต้องเดินควบคู่ไปกับรถม้าของเจ้านายด้วยระยะทางไกล ซึ่งบางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องเดินให้เร็วกว่ารถม้า เพื่อล่วงหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง และจัดแจงสิ่งต่าง ๆ ให้พร้อมรับการเดินทางมาถึงของเจ้านายพวกเขา
กีฬาดังกล่าวจึงเป็นที่เริ่มรู้จักกันในชื่อ Pedestrianism ซึ่งหมายถึงผู้เดินทาง โดยเริ่มจากการแข่งในระยะทาง 5 กิโลเมตร ในทุก ๆ สุดสัปดาห์ จนในช่วงปลายของศตวรรษที่ 18 มันได้กลายเป็นกีฬาของเหล่าวัยรุ่นสร้างตัว ที่ต้องการทั้งชื่อเสียงและเงินทองจากความสำเร็จในการแข่งขันดังกล่าว
สู่เวทีโอลิมปิก
Pedestrianism เริ่มถูกส่งออกไปทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา มันได้กลายเป็นสวรรค์แห่งนักพนัน ที่เข้ามาแทงว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ในการแข่งขันเดินเกือบ 1,000 กิโลเมตร แบบ 6 วันติดต่อกัน โดยมีวงดนตรีเข้ามาเล่นเพื่อเอนเตอร์เทนคนดู พร้อมกับมีร้านขายอาหารต่าง ๆ อยู่ภายในสนามแข่งขันแบบในร่ม
นั่นจึงทำให้เมื่อโอลิมปิกสมัยใหม่ ได้ฤกษ์มาจัดแข่งขันกันที่เมืองเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1904 การแข่งขัน Pedestrianism จึงได้ถูกบรรจุรวมเป็นส่วนหนึ่งของรายการกรีฑาแบบ All-Around ที่ยำรวมทั้งการแข่งประเภทลู่และลานเข้าด้วยกัน หรือก็คือการแข่งทศกรีฑาในยุคปัจจุบันนั่นเอง
Photo : IOC | wikipedia.org
การแข่งเดินเร็วในครั้งแรกนั้น ถูกกำหนดไว้ที่ระยะทาง 800 หลา หรือประมาณ 730 เมตรเท่านั้น โดยมี ทอม เคียลีย์ และ จห์น ฮอลโลเวย์ เป็นสองผู้ชนะในการแข่งขันครั้งแรก ด้วยเวลา 3:59 นาทีเท่ากัน
และนับตั้งแต่โอลิมปิกปี 1908 เป็นต้นมา การเดินเร็ว หรือ Racewalking ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันโอลิมปิกมาโดยตลอด โดยเริ่มจากระยะทาง 3.5 กิโลเมตร และค่อย ๆ เพิ่มเป็น 10 และ 50 กิโลเมตร ตามลำดับ ก่อนที่จะมาสิ้นสุดที่สองระยะในปัจจุบัน คือ 20 และ 50 กิโลเมตร โดยจนถึงในปัจจุบัน ประเภท 50 กิโลเมตรในโอลิมปิก เกมส์ ยังเปิดให้แข่งขันสำหรับผู้ชายเพียงอย่างเดียวอยู่
ด้วยเวลาสถิติโลกในปัจจุบัน ที่ระยะ 20 กิโลเมตรชาย เป็นของ ซูซูกิ ยูซาเกะ (Suzuki Yusuke) ที่ทำไว้ได้ 1 ชั่วโมง 16 นาที 36 วินาที หรือมีความเร็วเฉลี่ยถึง 15.66 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งความเร็วนี้มากกว่าความเร็วที่หลายคนใช้ในการวิ่งเสียอีก จนกลายมาเป็นข้อสงสัยในลำดับถัดไปว่า แล้วเดินเร็วแค่ไหนถึงยังเป็นการเดิน ไม่ใช่การวิ่งล่ะ ?
กฎแห่งการเดิน
คุณอาจเคยได้เห็นท่าทางการเดินของนักวิ่งเหล่านี้กันมาแล้ว ที่ดูแปลกตา ๆ ราวกับเป็นลูกผสมระหว่างการเดินและวิ่ง ซึ่งก็เป็นเพราะกฎในการแข่งขันนี่แหละ ที่กำหนดท่าทางการวิ่งของนักกีฬา Racewalking ไว้
กฎเหล็กที่สำคัญข้อแรกนั้นคือ จะต้องมีขาอย่างน้อย 1 ข้าง ที่สัมผัสกับพื้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะมีกรรมการคอยตัดสินด้วยตาเปล่าอยู่ตลอดทั้งการแข่งขัน
Photo : www.cbc.ca
อย่างไรก็ตาม บรรดานักเดินเร็วก็ทราบถึงช่องโหว่ของการตัดสินแบบนี้เป็นอย่างดี “ตาของคุณจะมองเห็นอะไรที่ช้ากว่า 0.6 วินาที [ผู้เขียน: จริง ๆ แล้วคือ 0.4 วินาที] ดังนั้นหากคุณยกขาขึ้นมาได้เร็วและสั้นพอ มันก็ยังพอเอาตัวรอดไปได้ เพราะเราต้องพยายามหาข้อจำกัดของกฎเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา” คือคำพูดของ อินากี้ โกเมซ (Inaki Gomez) นักเดินเร็วชาวแคนาดา ที่ถูกทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของโอลิมปิก นำคำพูดของเธอมาขึ้นในหน้าเว็บเลยด้วย
ทีนี้ ถ้าอิงตามหลักฟิสิกส์แล้ว ร่างกายของเรานั้นไม่สามารถสัมผัสกับอะไรได้เลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมือคุณที่กำลังจับมือถือเพื่ออ่านบทความนี้ หรือเวลาที่ล้มตัวลงบนที่นอน เพราะแม้เราจะรู้สึกว่าเราสัมผัสกับสิ่งนั้น ๆ แต่เมื่อมองลงไปในระดับอะตอมแล้ว มันยังมีช่องว่างระหว่างแต่ละวัตถุ ที่ทำให้เราไม่มีวันได้สัมผัสกับอะไรได้เลยตลอดทั้งชีวิต และมีเพียงแค่ความรู้สึกว่าเรากำลังสัมผัสมันอยู่เท่านั้น
นั่นจึงทำให้กฎการแข่งขัน ถึงต้องมีการระบุไว้ว่า “ตามที่ตามองเห็น” เพื่ออนุโลมในกรณีที่นักกีฬาสามารถหลบหลีกความไวของสายตากรรมการได้ และป้องกันไม่ให้ทุกคนโดนตัดสิทธิ์จากหลักฟิสิกส์ควอนตัมไปนั่นเอง
อีกหนึ่งข้อที่เป็นกฎเพื่อป้องกันการวิ่ง คือหัวเข่าของขาข้างที่ก้าวไปข้างหน้า จะต้องยืดตรงจนกว่าร่างกายจะผ่านพ้นไป ซึ่งก็จะมีกรรมการมาตัดสินด้วยตาเปล่าในกฎข้อนี้ด้วยเช่นกัน
หากมีใครที่ทำผิดกฎขึ้นมา กรรมการจะชูป้ายสีเหลือง ที่มีสัญลักษณ์ “~” ที่หมายถึงขาลอยขึ้นมาจากพื้น และ “<“ ที่แปลว่าหัวเข่างอระหว่างเดิน ซึ่งหากโดนป้ายเหลืองเกิน 3 ครั้งขึ้นไป ก็จะถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันโดยทันที
Photo : ktvz.com
ซึ่งด้วยกฎที่ห้ามงอเข่านี้ ทำให้ขาจะต้องอยู่ติดกับพื้นแทบจะตลอดเวลา จึงเป็นที่มาของท่าการเดินแบบพิเศษ โดยนัก Racewalking จะพยายามหันกระดูกเชิงกรานให้เคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อยืดระยะของการก้าวเดินให้ได้มากที่สุด พร้อมกับกดสะโพกให้ลงต่ำจากปกติ เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย และทำให้การเคลื่อนที่ของพวกเขานั้น ดูราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ตามกฎนั่นเอง
แม้ใคร ๆ ก็สามารถเดินได้ แต่เมื่อมาสู่เวทีการแข่งขันระดับโลกแบบนี้ ก็ย่อมมีการตั้งกฎจากสหพันธ์กีฬา เพื่อให้การแข่งขันนั้นยุติธรรมมากที่สุด ส่วนด้านของนักกีฬา ก็ต้องพยายามไปให้ถึงขีดสุดของกฎนั้น ๆ เพื่อทำผลงานให้ได้ดีที่สุดนั่นเอง
Photo : www.sportingnews.com
จริงอยู่ที่กีฬาเดินเร็ว อาจยังไม่ได้รับความนิยมมากมายนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เสน่ห์ของมันยังคงอยู่มาอย่างต่อเนื่องคือ เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เพราะทุกคนมีโอกาสโดนตัดสิทธิ์ หรือเดินไปไม่ถึงเส้นชัยกันได้หมด หากไม่นับ โรเบิร์ต คอร์เซนิวสกี้ ยอดนักเดินระยะ 50 กิโลเมตร ที่คว้าเหรียญทองได้ 3 ครั้งติดต่อกันแล้ว ก็ไม่เคยมีใครกลับมาป้องกันแชมป์เดินเร็วในโอลิมปิกได้อีกเลย
และนี่คือเรื่องราวของ Racewalking กีฬาเดินเร็วที่ไม่ถึงขั้นวิ่ง แต่ก็ยังทำความเร็วได้มากกว่าคนทั่วไปวิ่งเสียอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จัก “โมโนโคลนอลแอนติบอดี” ลดความรุนแรงของโควิด-19 ได้ 80%
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ระบุว่า ประเทศเยอรมนีบริจาค “โมโนโคลนอลแอนติบอดี” เพื่อรักษากลุ่มผู้ป่วยอาการหนักมาก 1,000-2,000 ชุด มาให้ประเทศไทย และได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทางการเยอรมนีใช้ยาตัวนี้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่ประเทศของตัวเอง พร้อมเตรียมแบ่งให้โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ กรุงเทพมหานคร โรงเรียนแพทย์ และ โรงพยาบาลสังกัดกรมควบคุมโรค ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อเตรียมใช้รักษาอาการของผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยอย่างเต็มที่
โมโนโคลนอลแอนติบอดี คืออะไร
กลุ่มโมโนโคลนอลแอนติบอดี Monoclonal Antibody ไม่ใช่ยา แต่เป็นแอนติบอดีที่สร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ออกแบบมาให้มีความจำเพาะต่อความต้องการโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่ใช้รักษาโควิด-19 ใช้วิธีการฉีดเข้าสู่ร่างกาย มีทั้งแบบผสมและไม่ผสม
โมโนโคลนอลแอนติบอดี ใช้ในไทยได้หรือไม่?
ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติการใช้ยาแอนติบอดีแบบผสมรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แบบมีเงื่อนไขภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ
โมโนโคลนอลแอนติบอดีแบบผสม
ยาแอนติบอดีแบบผสม เป็นแอนติบอดีชนิดโมโนโคลนอล 2 ชนิด คือ แอนติบอดีที่สกัดจากหนูซึ่งถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้มีระบบภูมิคุ้มกันอย่างมนุษย์ และแอนติบอดีที่สกัดจากผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิด-19 เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ไวรัสอ่อนกำลังลง และยับยั้งการติดเชื้อภายในร่างกายผู้ป่วยลงได้
ประสิทธิภาพของโมโนโคลนอลแอนติบอดี
ผลการวิจัยพบว่า โมโนโคลนอลแอนติบอดีช่วยลดจำนวนเชื้อไวรัสในร่างกายของผู้ป่วย ลดระยะเวลาการรักษาในโรงพยาบาล และลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตได้ต้องให้เร็วตั้งแต่ระยะแรกในการป่วย
ผศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า กลุ่มโมโนโคลนอลแอนติบอดี ช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ 80% โดยให้ยาตั้งแต่ระยะแรกๆ จะช่วยให้กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ไม่ให้อาการพัฒนาเป็นกลุ่มผู้ป่วยอาการหนัก ถือเป็นความก้าวหน้าล่าสุดในการรักษาในขณะนี้ แต่มีข้อจำกัดคือ ราคายาค่อนข้างสูง หากในอนาคตมีการนำเข้าก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ดี
ใครที่เหมาะกับการรักษาด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดี
โมโนโคลนอลแอนติบอดี เหมาะกับการใช้ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจะมีอาการรุนแรง ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน เป็นต้น
ข้อควรทราบ เกี่ยวกับการใช้ และประสิทธิภาพของโมโนโคลนอลแอนติบอดี
ปัจจุบัน สำหรับโมโนโคลนอลแอนติบอดี ยังไม่มีผลการศึกษาในมนุษย์ถึงการรักษาการติดเชื้อจากสายพันธุ์ต่างๆ เช่น เบตา แอลฟา แกมมา และเดลตา และยังเป็นยาที่ควรมีการใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์โดยเฉพาะ ไม่ควรหาซื้อมารับประทานเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์เมื่อต้องไปออกกำลังกาย
เพราะการที่เราจะเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษได้นั่น เกิดจากการที่ใช้งานเป็นประจำ และแน่นอนว่าในการออกกำลังกาย บางครั้งเราก็หนีไม่พ้นภาษาอังกฤษเช่นกัน วันนี้ วอลล์สตรีทอิงลิช จะเอาคำศัพท์ และประโยค ที่ต้องใช้เมื่อเราต้องออกกำลังกายมาผากกัน ว่าแต่มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
Fitness
ก่อจะเริ่มต้นไปไหน เรามาแก้ความเข้าใจผิด และทำความเข้าใจดีกว่า
คนไทยมักเข้าใจผิดว่า “ฟิตเนส” คือสถานที่ออกกำลังกาย ฝรั่งอาจจะงงกันได้ง่ายๆ เพราะในความเป็นจริงของภาษษอังกฤษ คำนี้แปลว่า “สมรรถภาพของร่างกาย” ไม่ใช่สถานที่ออกกำลังกายอย่างที่เราเข้าใจ และถ้าจะสื่อความหมายของสถานที่ต้องใช้คำว่า “Fitness center” หรือใช้คำว่า “gym” แทนนะ น่าจะดีกว่า
เช่น I’m gonna go to the fitness center. (ฉันอยากจะไปยิมเซ็นเตอร์)
Abs
สำหรับคำศัพท์ Abs หลายคนอาจจะไม่คุ้นตา แต่คำนี้ย่อมาจาก Abdominal muscles หมายถึง กล้ามเนื้อหน้าท้อง และเราเรียกกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ฟิตเฟิร์มว่า six-pack abs นั่นเอง
เช่น I’d like to train my abs. (ฉันอยากฝึกกล้ามหน้าท้อง)
Exercises กับ Work out
จริงอยู่ที่คำว่า exercise แปลว่าออกกำลังกาย แต่ถ้าให้ใช้ในการการตอบคำถาม หรือใช้ในการสนทนาแล้ว เราจะไม่ใช้คำว่า exercise แต่จะใช้คำว่า work out แทน
ถึงแม้ว่า ทั้ง exercise และ work out ทั้งสองตัวเป็นกริยาเหมือนกัน แต่ work out เป็น phrasal verb หรือกลุ่มคำกริยาที่ชาวต่างชาติจะใช้ในความหมายของการออกกำลังกายมากที่สุดนั่นเอง
ดังนั้นถ้าอยากจะตอบว่าชอบออกกำลังกาย ให้ตอบว่า I like to work out. (ฉันชอบออกกำลังกาย) จะดีกว่า
Cardio
คำนี้เป็นศัพท์เฉพาะเมื่อพูดถึงเรื่องของหัวใจ แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกายแล้ว คำว่า cardio นี้ เป็นการเรียกรูปแบบการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต แบบย่อๆ นั่นเอง
โดยเป็นการออกกำลังกายประเภท cardiovascular exercise ครับ โดยจะเป็นรูปแบบการเน้นการออกกำลังกายที่จะทำการเผลผลาญแคลอรี่ในร่างกาย ช่วยเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนดี สามารถช่วยลดความตึงเครียดได้ อีกทั้งยังช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรงอีกด้วย
Warm up
คือการอบอุ่นร่างกาย เป็นการทำให้ร่างกายอบอุ่นโดยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการไหลเวียนโลหิต ทำให้ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อยืดหยุ่น ลดความเสี่ยงในการได้รับบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย แน่นอนว่านอกจากใช้ในการออกกำลังกาย คำนี้ยังใช้ในเชิงการเตรียมตัว เตรียมพร้อม เพราะรออะไรสักอย่างอีกด้วย
Cool down
cool down คำนี้หลายคนน่าจะคุ้นชินกันดี และถ้าใครที่ชบออกกำลังกายน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่า นี่คือการออกกำลังกายให้ช้าลง จนหยุดออก ทำเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนจะเลิกออกกำลังกายนั่นเอง
Body weights
คำนี้จะหมายถึง การออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักของตัวเอง โดยเราสามารถแยกย่อยลงไปได้อีก ตามประเภทของการใช้งาน เช่น
- squat การฝึกท่าสควอท เป็นการนั่งยองๆ เหมือนนั่งเก้าอี้อากาศ
- lunge เป็นการฝึกต้นขา
- crunch ฝึกความแข็งแรงของหน้าท้อง
- push-up การฝึกท่าดันพื้น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ วัดพื้น, วิดพื้น นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
‘สเปซเอ็กซ์’ เตรียมส่งมนุษย์โคจรรอบโลก 3 วัน เริ่มวันพุธนี้
บริษัทด้านอวกาศ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) เตรียมส่งยานอวกาศพร้อมผู้โดยสาร 4 คนไปโคจรรอบโลกเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันพุธนี้ ตั้งเป้าเป็นบริษัทแรกที่นำบุคคลทั่วไปขึ้นไปโคจรรอบโลกได้เป็นผลสำเร็จ
ภารกิจที่มีชื่อว่า “Inspiration4” ถือเป็นโครงการล่าสุดของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของสเปซเอ็กซ์ ที่กำลังแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในอวกาศกับมหาเศรษฐีหลายคน รวมทั้ง เจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอน และริชาร์ด แบรนสัน แห่งบริษัทเวอร์จิน กาแลคติก ที่ต่างส่งจรวดของตนขึ้นในบนอวกาศมาแล้วเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
สำหรับเที่ยวบินของสเปซเอ็กซ์ในวันพุธนี้ จะมีมหาเศรษฐีอเมริกันวัย 38 ปี แจเร็ด ไอแซคแมน (Jared Isaacman) ผู้ก่อตั้งบริษัท Shift4 Payment เดินทางไปด้วย โดยไม่มีการเปิดเผยว่าเขาจ่ายเงินให้กับสเปซเอ็กซ์เป็นจำนวนเท่าใดสำหรับการโดยสารไปกับยานอวกาศเอกชนในครั้งนี้
ผู้โดยสารอีกคนหนึ่งคือ เฮย์ลีย์ อาร์เซโนซ์ (Hayley Arceneaux) หญิงอเมริกันวัย 29 ปีผู้เอาชนะมะเร็งกระดูก ซึ่งทำงานให้กับโรงพยาบาล St. Jude ที่ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ได้รับมอบที่นั่ง 1 ใน 4 บนยานลำนี้จากไอแซคแมน
อีกสองคนคือ คริส เซมโบรสกี อดีตทหารกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันทำงานให้กับอุตสาหกรรมการบิน และ ซีอาน พรอคเตอร์ ศาตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์วัย 51 ปี ผู้เคยพลาดหวังจากการเป็นนักบินอวกาศขององค์การนาซ่าเมื่อกว่า 10 ปีก่อน
โดยยานของสเปซเอ็กซ์จะเดินทางออกจากศูนย์อวกาศเคนเนดีขององค์การนาซ่า ที่รัฐฟลอริดา ณ เวลา 20.00 น. วันพุธตามเวลาท้องถิ่นรัฐฟลอริดา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
9 สรรพคุณน่าทึ่งของกระท้อน ผลไม้ไทยที่ให้มากกว่าความอร่อย
หนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมของคนไทยก็คือกระท้อน ซึ่งให้รสชาติอร่อยและสามารถเอามาทานได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้กระท้อนหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Santo เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากแถบอินโดจีน และแต่ละประเทศก็มีการเรียกชื่อที่แตกต่างกันออกไป ตามเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าผลไม้ที่ให้รสชาติอร่อยอย่างกระท้อน มีสรรพคุณที่น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง
1.สร้างระบบภูมิคุ้มกัน
กระท้อนอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างโปรไบโอติกส์ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้โปรไบโอติกส์ยังจัดเป็นแบคทีเรียที่มีความสำคัญต่อการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันพร้อมทั้งกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
2.ลดคอเลสเตอรอล
กระท้อนอุดมไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งสารอาหารชนิดนี้ให้ประโยชน์แก่ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากไฟเบอร์ชนิดดังกล่าวจะเข้าไปลดระดับไขมันในเส้นเลือด ที่สำคัญยังมีเพคตินที่ช่วยดักจับคอเลสเตอรอลในร่างกาย จึงทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง ส่งผลต่อการป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจได้เป็นอย่างดี
3.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ไฟเบอร์ที่อุดมอยู่ในกระท้อนมีความสามารถในการชะลอการทำงานของระบบย่อยอาหาร จึงทำให้น้ำตาลที่มาจากอาหารที่ถูกย่อยกลายมาเป็นกลูโคสช้าลง อีกทั้งยังช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอีกด้วย
4.รักษาโรคผิวหนัง
การรักษาโรคผิวหนังไม่ว่าจะเป็นโรคสะเก็ดเงิน ผื่น กลาก หรืออื่นๆ ทำได้ด้วยการใช้ใบของต้นกระท้อนมาบดให้ละเอียด แล้วนำมาทา ซึ่งใบกระท้อนจัดเป็นสมุนไพรที่ช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ดี
5.ป้องกันมะเร็งลำไส้
เหตุผลที่กระท้อนสามารถป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยไฟเบอร์สูง โดยไฟเบอร์จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ทำให้ลำไส้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นใครที่กินกระท้อนเข้าไป จึงไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องท้องผูกหรือภาวะลำไส้แปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคมะเร็งลำไส้แต่อย่างใดเลย
6.ป้องกันฟันผุ
การกินกระท้อนจะช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำลาย ซึ่งน้ำลายมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก พร้อมทั้งช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันผุได้
7.แก้อาการท้องเสีย
วิธีการแก้อาการท้องเสียด้วยกระท้อน คือการเอารากของต้นกระท้อนมาต้มน้ำดื่ม วิธีนี้จะช่วยแก้อาการท้องเสียและอาการบิด อีกทั้งไฟเบอร์ที่อุดมอยู่ในกระท้อนยังช่วยปรับระบบการทำงานของลำไส้ให้กลับมาเป็นปกติอีกด้วย
8.อุดมด้วยวิตามินหลากชนิด
การกินกระท้อนจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินหลากหลายชนิด เนื่องจากกระท้อนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบีที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคพิการแต่กำเนิด และยังมีวิตามินซีที่ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน พร้อมทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมองได้ดี
9.มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก
อีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คงจะหนีไม่พ้นกระท้อน เพราะนอกจากจะเป็นผลไม้ที่ให้รสชาติหวานน้อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับในช่วงลดน้ำหนัก เพราะช่วยทำให้อิ่มนานและไม่หิวบ่อยอีกด้วย ที่สำคัญน้ำตาลที่ได้จากกระท้อนยังเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่ได้รู้ถึงสรรพคุณมากมายที่ได้จากการกินกระท้อน สาวๆ คนไหนที่ชื่นชอบการกินผลไม้ อย่าลืมเพิ่มกระท้อนเข้าไปในลิสท์ผลไม้ที่ต้องกินกันด้วยนะคะ ทั้งนี้แนะนำให้กินของสด ไม่แนะนำให้กินกระท้อนที่ผ่านการดองหรือทำลอยแก้ว จะส่งผลดีต่อสุขภาพได้มากกว่านั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/09/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,050.00 | 28,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,817.00 | 27,545.72 | 28,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,635.30 | 24,791.15 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,453.60 | 22,036.58 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 818.00 | 12,400.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 636.00 | 9,641.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,883.00 | 28,546.28 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/09/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.55 | 29.55 | 29.75 | 29.55 | 29.55 | 29.55 | 29.55 | 29.55 | 29.55 | 29.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.28 | 29.28 | 29.48 | 29.28 | 29.28 | 29.28 | 29.28 | 29.28 | 29.28 | 29.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 28.04 | 28.04 | 28.24 | 28.04 | 28.04 | – | 28.04 | 28.04 | 28.04 | 28.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.59 | 22.59 | – | – | – | – | – | – | – | 22.59 |
เบนซิน 95 | 36.96 | – | – | – | 37.41 | – | 37.46 | 36.96 | – | 36.96 |
ดีเซล B7 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 | 29.59 |
ดีเซล | 26.59 | 26.59 | 26.59 | 26.59 | 26.59 | 26.59 | 26.59 | 26.59 | 26.59 | 26.59 |
ดีเซล B20 | 26.34 | 26.34 | 26.54 | – | 26.34 | – | 26.34 | 26.34 | – | 26.34 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 34.36 | 34.36 | 36.04 | 35.76 | – | – | – | – | – | 34.36 |
แก๊ส NGV | 15.48 | 15.48 | – | – | – | – | – | – | – | 15.48 |