สาระน่ารู้ประจำวันที่ 28 กันยายน 2564

” บ้านล้านหลัง เฟส 2″ เสนาคิทท์ขน 10 โครงการ ปลุกดีมานด์

" บ้านล้านหลัง เฟส 2" เสนาคิทท์ขน 10 โครงการ ปลุกดีมานด์

โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 สินเชื่อที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ค่ายใหญ่คอนโดฯต่ำล้าน เสนาฯ ขน 10 โครงการ เสนาคิทท์ร่วม ราคาเริ่มไม่ถึง 8 แสนบาท ผ่อนต่ำ 3,700 บาทต่อเดือน

หลังจากมติครม. อนุมัติโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 (เฟส 2) เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้จำกัด และกลุ่มเปราะบางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง นับว่าเป็นโอกาส และจังหวะที่ดีสำหรับคนที่ต้องการซื้อที่อยู่ในอาศัยในช่วงนี้ 

ล่าสุด นางสาว เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA            กล่าวว่า ทางเสนา ยังคงย้ำเป้าหมายหลักตามแผนธุรกิจต้นปี 2564 มุ่งมั่นพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับราคาต่ำล้าน ภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ “เสนาคิทท์ (SENA KITH) คอนโดของคนช่างคิด … ดีกว่าที่คิด” ถือเป็น Strong Brand Product หนึ่งในแบรนด์เรือธงของเสนาที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีรายได้จำกัด และต้องการ   ที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ขณะเดียวกันกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ยังเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่มีกำลังซื้อ และต้องการที่อยู่อาศัยที่ดีต่อเนื่อง 

" บ้านล้านหลัง เฟส 2" เสนาคิทท์ขน 10 โครงการ ปลุกดีมานด์

ปัจจุบันทางเสนามีการเปิดขายคอนโด แบรนด์ “เสนาคิทท์”   2 โครงการ ประกอบ เสนาคิทท์ เวสต์เกต – บางบัวทอง และ เสนาคิทท์ ฉลองกรุง – ลาดกระบัง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีทุกโครงการ โดยในช่วง 3 เดือนนับจากนี้ (ต.ค. – ธ.ค. 64) เตรียมทยอยเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 5 โครงการ รวมมูลค่า 2,600 กว่าล้านบาท  

ล่าสุด ทางเสนานำคอนโดมิเนียม 10 โครงการคุณภาพทั้งโครงการใหม่และพร้อมเข้าอยู่ หลากหลายทำเลศักยภาพใกล้แหล่งงาน ราคาเริ่มเพียง 799,000 บาท  เข้าร่วมแคมเปญ “บ้านล้านหลัง (เฟส 2)”  กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมรับเงื่อนไขสุดพิเศษ อัตราดอกเบี้ย 1.99% คงที่ 4 ปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี ผ่อนเริ่มต้น 3,700 บาท/เดือน คงที่ 84     งวดแรก โดยผู้กู้มีรายได้สุทธิ 10,000 บาทขึ้นไป สามารถยื่นกู้ได้ กำหนดเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 

" บ้านล้านหลัง เฟส 2" เสนาคิทท์ขน 10 โครงการ ปลุกดีมานด์

นางสาวเกษรา ยังระบุว่า สำหรับใครที่มีความพร้อม และมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำซึ่งอาจจะไม่ได้มีให้เห็นไปตลอด จึงเป็นโอกาสที่น่าสนใจของผู้ที่มีความพร้อม ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ https://bit.ly/3ztnUbV 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โควิด กดดันคนอยากมีบ้าน อาเซียน 4 ประเทศ เผชิญปัญหาการเงินหนัก!

โควิด กดดันคนอยากมีบ้าน อาเซียน 4 ประเทศ เผชิญปัญหาการเงินหนัก!

“เศรษฐกิจซบเซา – กำลังซื้อยังไม่ฟื้น” อุปสรรคสำคัญของคนอาเซียนที่อยากมีบ้าน ขณะดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เผย สัญญาณน่าห่วงตลาดอสังหาฯไทย หลัง กลุ่มมิลเลนเนียลมากกว่าครึ่ง ไม่มีแผนแยกครอบครัว – ซื้อบ้านใหม่ รับหนี้ครัวเรือนพุ่ง 93%

ทุกประเทศในอาเซียนเจ็บป่วยจากวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่นอกจากจะส่งผลโดยตรงต่อด้านสาธารณสุขแล้วยังฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้จะมีการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากร พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวเร็วที่สุดก็ตาม เห็นได้จากรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุด (World Economic Outlook) ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของ 5 ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย และเวียดนาม) ว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 4.3% ลดลง 0.6% จากการคาดการณ์เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว

 
นอกจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคแล้ว ภาคอสังหาฯ ก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน แม้มีความต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยแต่ยังมีปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อในช่วงนี้ 

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทย ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัยในไทย DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study ฉบับล่าสุด และผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคในอาเซียน (สิงคโปร์, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย) พบคะแนนความพึงพอใจต่อบรรยากาศตลาดที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในอาเซียนส่วนใหญ่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 อันเป็นผลมาจากโควิด-19 กลายพันธุ์ที่กระจายเร็วและส่งผลรุนแรง 

โควิด กดดันคนอยากมีบ้าน อาเซียน 4 ประเทศ เผชิญปัญหาการเงินหนัก!

โดยคะแนนความพึงพอใจในรอบล่าสุดของชาวอินโดนีเซียลดลงจาก 73% มาอยู่ที่ 69% ส่วนชาวสิงคโปร์ลดลงจาก 48% เหลือเพียง 41% ด้านชาวไทยลดลงจาก 48% เหลือ 43% มีเพียงชาวมาเลเซียที่ให้คะแนนความพึงพอใจเพิ่มขึ้นจาก 43% เป็น 46% อันเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการมากมายเพื่อควบคุมการเก็งกำไรและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะอุปทานล้นตลาดอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้ มีเพียงผู้บริโภคในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อที่อยู่อาศัยปัจจุบันมีความเหมาะสม (41% และ 45% ตามลำดับ) ในขณะที่ชาวอินโดนีเซีย (44%) และชาวไทย (39%) มองว่าการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีอัตราดอกเบี้ยสูง โดยแค่ 19% ของผู้บริโภคไทยคิดว่าอัตราดอกเบี้ยสมเหตุสมผลแล้ว ซึ่งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับผู้บริโภคในประเทศอื่นในอาเซียน

 
” สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่คนอยากมีบ้านต้องเผชิญซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาการเติบโตทางเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ จากภาครัฐ ที่จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ให้กลับมาดังเดิม” 
 

จับตากำลังซื้อชาวมิลเลนเนียล หันลงทุนสร้างความมั่นคงก่อนมีบ้าน

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เจาะลึกมุมมองความต้องการที่อยู่อาศัยและการวางแผนการเงินของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลหรือ Gen Y ในแถบอาเซียนที่อยู่ในช่วงวัยทำงานและเริ่มซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในตลาดอสังหาฯ ท่ามกลางความท้าทายและอุปสรรครอบด้าน ทั้งจากโควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยในเวลานี้

” หนี้ครัวเรือนฉุดชาวไทยไม่พร้อมย้ายออก สวนทางเพื่อนบ้าน ผลสำรวจพบว่า ชาวมิลเลนเนียลอาเซียนส่วนใหญ่มีความพร้อมและวางแผนที่จะย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ในช่วง 1 ปีข้างหน้านี้ โดยชาวอินโดนีเซียมีความพร้อมมากที่สุด กว่า 4 ใน 5 (84%) ตั้งใจย้ายออกเพื่อไปหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในขณะที่กว่า 3 ใน 4 ของชาวมาเลเซียและชาวสิงคโปร์ต่างมีแนวโน้มจะย้ายออกจากบ้านเช่นกัน (79% และ 77% ตามลำดับ) ” 


สวนทางกับกลุ่มมิลเลนเนียลชาวไทยที่มากกว่าครึ่ง (58%) เผยว่ายังไม่มีแผนจะย้ายออกในช่วง 1 ปีข้างหน้านี้ สาเหตุมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น สอดคล้องกับศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) ที่คาดการณ์ว่าระดับหนี้ครัวเรือนของไทยอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 93% ในสิ้นปี 2564 โดยพบว่าสัดส่วนหนี้ครัวเรือนในไตรมาส 1 ของปี 2564 ใช้เพื่อซื้ออสังหาฯ สูงที่สุดถึง 34% 

นอกจากนี้ ลูกหนี้ที่เข้าโครงการรับการช่วยเหลือในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ยังมาจากหนี้ที่อยู่อาศัยเป็นหลัก มียอดขอความช่วยเหลือรวมสูงถึง 4.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เทียบกับยอดหนี้เสีย (Non-Performing Loan: NPL) ที่ 0.6% ของ GDP

” ปัญหาการเงิน-ไม่ได้แต่งงาน  อุปสรรคใหญ่เมื่อคิดมีบ้าน กลุ่มมิลเลนเนียลชาวอาเซียนที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่เผยว่าสภาพคล่องทางการเงินและการครองตัวเป็นโสดเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยังไม่ย้ายออก รวมทั้งมีปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ปัญหาหลักที่ทำให้ชาวมาเลเซียไม่ย้ายออกไปซื้อบ้านของตัวเอง โดย 62% ของชาวมาเลเซียที่ทำแบบสอบถามฯ เผยว่ามีเงินเก็บไม่เพียงพอที่จะซื้อหรือเช่าบ้าน ตามมาด้วยไม่ย้ายออกเนื่องจากยังไม่ได้แต่งงาน (48%) และมองว่าราคาอสังหาฯ ยังมีราคาแพงเกินไป จึงขอเก็บเงินไว้ดีกว่าจะนำไปซื้อบ้าน (31%) “

โควิด กดดันคนอยากมีบ้าน อาเซียน 4 ประเทศ เผชิญปัญหาการเงินหนัก!

ขณะที่ชาวอินโดนีเซียมีมุมมองคล้ายกับชาวมาเลเซีย คือมีเงินไม่พอที่จะซื้อหรือเช่าที่อยู่ใหม่ของตัวเองทำให้ไม่ตัดสินใจย้ายออก (55%) ตามมาด้วยยังไม่ได้แต่งงาน (45%) ในขณะที่อันดับสามเผยว่าอยากอยู่ดูแลพ่อแม่ (31%)
แตกต่างจากชาวสิงคโปร์และชาวไทยอย่างเห็นได้ชัด โดยชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่มองว่าการที่ยังไม่แต่งงานและโครงการที่อยู่อาศัยแบบ BTO (Build-to-Order) มีความล่าช้าเป็นอุปสรรคใหญ่ในสัดส่วนเท่ากันที่ 41% ตามมาด้วยปัญหาการเงิน (24%)

ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้ชาวไทยไม่ย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ เกือบครึ่ง (49%) เผยว่าต้องการอยู่กับครอบครัวและคอยดูแลพ่อแม่ ตามมาด้วยไม่มีเงินเพียงพอในการหาที่อยู่อาศัยใหม่ (43%) และตั้งใจที่จะรับช่วงต่อบ้านจากพ่อแม่อยู่แล้ว (22%) สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตแบบครอบครัวขยายที่หล่อหลอมความผูกพันและคุ้นเคยกับการอยู่ร่วมบ้านเป็นครอบครัวใหญ่มากกว่า

ความมั่นคงคือคำตอบ ดันเทรนด์เงินฉุกเฉินมาแรง เมื่อพูดถึงการวางแผนการใช้จ่ายใน 1 ปีข้างหน้าของกลุ่มมิลเลนเนียลในอาเซียน พบว่าเทรนด์เงินสำรองฉุกเฉิน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกการออมเงินในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงหรือกองทุนมาแรงอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนให้เห็นว่าชาวมิลเลนเนียลได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ต้องเผชิญการแพร่ระบาดฯ ทำให้หันมาสนใจวางแผนการเงินเพื่อเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินในอนาคตมากขึ้น กว่า 3 ใน 4 ของชาวสิงคโปร์ 76% วางแผนเก็บเงินไว้เป็นเงินสำรองฉุกเฉิน 

ตามมาด้วยเก็บเงินไว้ชำระหนี้ (39%) และนำไปใช้เพื่อท่องเที่ยวในวันหยุด (35%) ด้านชาวมาเลเซีย 65% ให้ความสนใจในการเก็บเงินเพื่อสร้างกองทุนฉุกเฉินมาเป็นอันดับแรกเช่นกัน อย่างไรก็ดี ครึ่งหนึ่ง (50%) เผยว่าจะนำเงินไปซื้อที่อยู่อาศัย และ 40% ต้องการนำเงินไปใช้หนี้ที่ค้างอยู่ ในขณะที่แผนการใช้จ่ายของชาวไทยยังคงให้ความสนใจไปที่การบริหารจัดการเงินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดผ่านการสร้างกองทุนฉุกเฉิน 61% 

ตามมาด้วยนำเงินไปใช้จ่ายภายในครอบครัวในสัดส่วนไล่เลี่ยกันที่ 60% และเลือกเก็บเงินไว้ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ 54% สะท้อนให้เห็นภาระหน้าที่ของผู้บริโภคในช่วงวัยนี้ที่มีบทบาทในการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินของครอบครัวและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนอื่นมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 33.65 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า

บาทเปิด 33.65  บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า

เงินบาท เปิดตลาด 33.65 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 33.55-33.70บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.53 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ เนื่องจากบอลด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้น จากแนวโน้มที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

“บาทเปิดตลาดอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคและตลาดโลก ระหว่างวันเงินคาดว่าบาทมีแนวโน้ม อ่อนค่าตลอดทั้งวัน” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.55 – 33.70 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงต่อสภาครองเกรส และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก Conference Board ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ลุยเต็มตัว! ไทย ยื่นเรื่องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดศึก AFF Suzuki Cup

ลุยเต็มตัว! ไทย ยื่นเรื่องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดศึก AFF Suzuki Cup

สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ (AFF) ได้เชิญประเทศที่ผ่านการพิจารณาขั้นตอน การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน AFF Suzuki Cup 2020 นำเสนอข้อมูลด้านการจัดการแข่งขัน รวมไปถึงมาตรการจัดการแข่งขันภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

โดยมี นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ เป็นผู้นำเสนอข้อมูลต่อคณะกรรมการบริหารสหพันธ์ฯ (AFF) รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ของ สมาคมฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด ร่วมกันจัดเตรียมข้อมูล เรียบเรียง และนำเสนออย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณา

f3

สำหรับการจัดการแข่งขันในปีนี้ ทาง AFF ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการจัดการแข่งขันสนามกลาง ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ในหลายประเทศ ที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ โดยผ่านการพิจารณาขั้นต้น ดังนี้

1. ได้รับการสนับสนุนการจัดการแข่งขันจากหน่วยงานภาครัฐ
2. การจัดการเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพ
3. การบริหารจัดการความเสี่ยงภายในสถานการ์โควิด
4. สถานที่จัดการแข่งขัน และสิ่งอำนวยความสะดวก
5. ประสบการณ์ในการจัดการแข่งขันภายใต้สถานการณ์โควิด-19

ทั้งนี้ ผลการพิจารณาประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียนจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


6 โรคอันตรายที่มากับ “น้ำท่วม” กันไว้ดีกว่าแก้

6 โรคอันตรายที่มากับ "น้ำท่วม" กันไว้ดีกว่าแก้

ใครที่เผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมบ่อยๆ จะเข้าใจว่าทุกข์แรกที่น้องน้ำจะพามาคือความเสียหาย แต่รู้หรือเปล่าว่าทุกข์ที่สองที่ตามมาติดๆ คือปัญหาสุขภาพนี่แหละ และในตอนนี้ที่กำลังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ในหลายๆ จังหวัด สวดมนต์อย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะนอกจากปัญหาปากท้องแล้ว ปัญหาสุขภาพก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน วันนี้เราเลยมาชวนทำความรู้จัก 6 โรคอันตรายที่มากับน้ำไว้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับเรา

6 โรคอันตรายที่มากับน้ำท่วม กันไว้ดีกว่าแก้

  1. โรคฉี่หนู

โรคยอดฮิตสำหรับฤดูฝนและเหตุการณ์น้ำท่วมที่มีน้ำขัง สาเหตุมาจากฉี่ของสัตว์ โดยเฉพาะหนูปะปนมากับน้ำและเข้าร่างกายเราผ่านแผลหรือรอยถลอกของเรา ทำให้ปวดหัวและเป็นไข้หนักได้เลย

วิธีป้องกัน: ไม่ลงไปย่ำในแหล่งน้ำ ถ้าจำเป็นต้องล้างเท้าทำความสะอาดทุกครั้งหลังขึ้นมา

  1. ท้องร่วง

รู้กันดีว่าปัญหาน้ำท่วมทำให้การเดินทางลำบากมากขึ้น ยิ่งปัญหาเกิดนานขึ้น ปัญหาเรื่องอาหารการกินก็จะตามมา ซึ่งรวมถึงความสะอาดและคุณภาพอาหารเช่นกัน โรคนี้จึงมักพบบ่อยในเหตุการณ์นี้ เนื่องจากการอุปโภคบริโภคน้ำที่ไม่สะอาด

วิธีป้องกัน: ดื่มน้ำสะอาดในขวดที่บรรจุมิดชิด ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องต้มฆ่าเชื้อก่อนทุกครั้ง

  1. น้ำกัดเท้า

โรคน้ำกัดเท้าหรือฮ่องกงฟุต เป็นอันตรายอีกอย่างที่จะมาพร้อมกับความชื้นของน้ำที่ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี เท้าที่ไม่สะอาดของเราจะเป็นที่อยู่สุดเพอร์เฟกต์สำหรับเชื้อราและเกิดการหมักหมมในที่สุด

วิธีป้องกัน: หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ หากจำเป็นต้องเช็ดให้แห้งรวมถึงรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลา

  1. ไข้เลือดออก

เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม น้ำที่ขังอยู่รอบๆ บริเวณที่พักเราจะเป็นแหล่งฟักชั้นดีของลูกน้ำยุงลาย ทำให้มียุงเกิดขึ้นจำนวนมากซึ่งจะรวมถึงโอกาสการเกิดโรคไข้เลือดออกเช่นเดียวกัน

วิธีป้องกัน: แก้ต้นเหตุคงยาก เพราะฉะนั้นต้องทายากันยุงทุกครั้ง อย่าพยายามให้ยุงกัดได้ตลอดเวลา รวมถึงเวลานอนก็ควรกางมุ้งเพื่อป้องกันภัยร้ายที่เข้ามาฝากโรคโดยไม่รู้ตัว

  1. โรคเครียด

เมื่อเกิดความเสียหายใครจะไม่เครียดบ้าง แต่ละคนอาจจะเครียดมากเครียดน้อยไม่เท่ากันแล้วแต่ปัจจัย รวมถึงความท้อแท้ เหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้วิกฤตที่เกิดขึ้นจนอารมณ์ของเราค่อยๆ ก่อตัวเป็นโรคทางจิตใจได้เหมือนกัน

วิธีป้องกัน: ต้องทำใจ ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้มีสติ เรียงลำดับความสำคัญที่จะแก้ไขในอนาคต รวมถึงคนรอบข้างก็ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะหากจะผ่านไปให้ได้ก็ต้องช่วยเหลือให้กลับมามีความหวังด้วยกันเสมอ

  1. โควิด-19

ทุกคนต่างรู้ดีถึงความน่ากลัวโรคติดต่อนี้ ด้วยภาวะน้ำท่วมทำให้การเว้นระยะห่างลดลง เกิดการติดต่อง่ายกว่าเก่า และในสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจว่าใครมีเชื้อดังกล่าว รวมถึงหน่วยงานยังไม่มีการคัดกรองที่ชัดเจน ก็ต้องเว้นระยะห่างเท่าที่ทำได้และเฝ้าระวังต่อไป

วิธีป้องกัน: หากต้องอยู่กับที่เราไม่มั่นใจควรเว้นระยะห่างให้ได้มากที่สุดอย่างน้อยก็ตามระยะเวลา 14 วันเพื่อให้เกิดความมั่นใจ และอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาพบปะกับคนอื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


20 ประโยคทักทายภาษาอังกฤษ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

ประโยคทักทายที่คิดว่าใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นประโยคพื้นฐานที่เราสามารถใช้พูดได้กันทุกคน มีดู 20 ประโยคทักทายภาษาอังกฤษ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันกันเถอะ

20 ประโยคทักทายภาษาอังกฤษ ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

20 ประโยคทักทายภาษาอังกฤษ

1. Hello. (เฮลโล) : สวัสดีครับ/ค่ะ

เป็นการทักทายที่มีความสุขภาพอยู่ในตัว สามารถใช้พูดได้กับทุกคน ทุกช่วงเวลา

ตัวอย่าง : Hello. Malee (สวัสดีครับ มาลี)

2. Hi./Hey. (ไฮ/เฮ) : หวัดดี/ไง

ใช้ทักทายเป็นกันเองมากๆ ส่วนมากมักจะทักทายกับเพื่อนซี้ เพื่อนสนิท และยังใช้ในการเรียกคนได้ด้วย

ตัวอย่าง : Hi. Jessica (ไง เจสสิก้า) / : Hey. I’m here. (เฮ้ ฉันอยู่นี่)

3. Good morning. (กูด มอร์นิง) : อรุณสวัสดิ์

การทักทายตามช่วงเวลา บางครั้งมักพูดย่อสั้นๆ แค่ Morning (มอร์นิง) เป็นการทักทายยามเช้า

4. Good night. (กูด ไนท) : ราตรีสวัสดิ์

มักใช้พูดกันเวลาแยกย้ายกันเข้านอน หรือส่งเข้านอน

5. Sleep tight. (สลีพ ไทท) : หลับฝันดีนะ

เราสามารถใช้แทนประโยค Good night. ก็ได้ เป็นการส่งเข้านอนได้เช่นกัน บางครั้งก็ใช้คู่กัน เช่น Good night. Sleep tight. (นอนหลับฝันดีนะ)

6. How are you? (ฮาว อาร์ ยู) : เป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อต่อจากการกล่าวสวัสดี ก็มักจะถามสารทุกข์สุกดิบต่อ ถือว่าเป็นประโยคยอดนิยม

7. How do you do? (ฮาว ดู ยู ดู) : เป็นอย่างไรบ้าง

แม้จะมีความหมายเหมือน How are you? แต่จริงๆ แล้วใช้ทักทายเมื่อเจอกันครั้งแรก หรือเพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก

8. What’s up? (วอทซ อัพ) : หวัดดี, ว่าไง ,เป็นไง

อีกประโยคทักทายที่มักนิยมใช้กันบ่อย เอาไว้ถามไถ่ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง เป็นภาษาพูดแบบกันเองๆ เอาไว้พูดกันคนที่สนิท

9. What brings you here? (วอท บริงซ ยู เฮียร์) : มาที่นี่ได้ไงเนี่ย

เป็นการทักทายกันในสถานที่ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกัน หรืออาจเป็นคนรู้จักที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้วมางานเดียวกัน

10. How’s life? (ฮาวซ ไลฟ) : ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง

มีความหมายตรงตัวเลยว่าชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง แล้วยังมีประโยค How are things? เป็นประโยคซึ่งมีความหมายว่า สิ่งต่างๆรอบตัวเราเป็นอย่างไร ไว้ใช้ทักทายแทนได้เช่นกัน

11. How have you been? (ฮาว แฮฟว ยู บีน) : ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

มักใช้ประโยคนี้กับคนที่รู้จักกันดีแล้ว เช่น เพื่อน ญาติพี่น้อง แล้วไม่ได้เจอกันสักพัก พอมาถามไถ่กัน มักใช้ประโยคนี้ถามว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง

12. I’m fine. (ไอม ไฟน) : สบายดี

เป็นประโยคสุดฮิตที่มักใช้ตอบเมื่อโดนถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง? เป็นการตอบเพื่อให้เขาสบายใจ และยังสามารถใช้ประโยค I’m good. แทนได้เช่นกัน

13. So far so good. (โซ ฟาร โซ กูด) : ก็ดีนะ

มักใช้ตอบเวลาที่ชีวิตเราอยู่แบบเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้แย่จนน้ำตาตก

14. It’s going well. (อิทซ โกอิง เวล) : ก็ไปได้สวยนะ

มักใช้ประโยคนี้หากชีวิตกำลังไปได้สวย

15. Couldn’t be better. (คูดดึนท บี เบทเทอ) : ชีวิตดีสุดๆ

แปลตรงตัวเลยว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว คือชีวิตตอนนี้ดีสุดๆ นั่นเอง

16. And You? (แอน ยู) : แล้วคุณล่ะ

มักใช้ตอบกลับประโยคที่มีคนถามข่าวคราวความเป็นไปหรือความเป็นอยู่ นอกจากบอกว่าสบายดีแล้ว เรามักจะต่อด้วยคำนี้เสมอ เช่น I’m fine. And you?

17. Talk to you later. (ทอลค ทู ยู เลเทอร) : แล้วค่อยคุยกัน

เราสามารถบอกลาอีกฝ่ายด้วยประโยคนี้ก็ได้

18. See you. (ซี ยู) : แล้วเจอกัน

มักใช้แทนคำบอกลาได้เช่นกัน มักใช้กับคนรู้จักที่คาดว่าจะเจอกันอีก เช่น See you tomorrow. (เจอกันพรุ่งนี้นะ)

19. I should get going. (ไอ ชูด เกท โกอิง) : ต้องไปแล้วล่ะ

นับว่าเป็นประโยคหากินเลยก็ว่าได้ หากเราคุยกับใครแล้วอยากจะจบบทสนทนา สามารถพูดประโยคนี้ด้วยท่าทีรีบเร่ง อีกฝ่ายก็จะหยุดพูดตามมารยาทนั่นเอง

20. Goodbye. (กูดบาย) : ลาก่อน

ถึงเวลาบอกลากันดีกว่า สามารถย่อเหลือแค่ Bye. หรือใช้คำว่า Bye-bye. ให้ฟังดูเป็นมิตรขึ้นก็ได้ เช่น I have to go. Goodbye. (ผมต้องไปแล้ว ลาก่อนนะครับ)

ขอบคุณข้อมูลจาก engenjoy.blogspot.com


‘กูเกิล’ พัฒนาระบบสั่งการสมาร์ทโฟนด้วยสีหน้าเพื่อคนพิการ

'กูเกิล' พัฒนาระบบสั่งการสมาร์ทโฟนด้วยสีหน้าเพื่อคนพิการ

กูเกิล (Google) ระบุในวันพฤหัสบดี (23 กันยายน) ว่าผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและการพูด จะสามารถใช้สมาร์ทโฟน ที่มีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้แบบไร้การสัมผัส ผ่านการใช้สีหน้าท่าทางต่างๆได้ ตามรายงานของเอเอฟพี

กูเกิล เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ทุกวัน ผู้คนใช้ระบบการสั่งการด้วยเสียงอย่าง ‘Hey Google’ หรือใช้มือควบคุมสมาร์ทโฟน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ที่มีภาวะบกพร่องทางการเคลื่อนไหวและการพูด ซึ่งการสร้างระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ให้ทุกคนสามารถใช้งานได้นั้น กูเกิลจะพัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมสมาร์ทโฟนและการสื่อสารผ่านการแสดงสีหน้าต่างๆบนสมาร์ทโฟน และตอนนี้ทุกคนสามารถใช้การเคลื่อนไหวของดวงตาและใบหน้าเพื่อควบคุมสมาร์ทโฟนได้ นอกเหนือจากการใช้มือและเสียงแล้ว

ด้วยระบบการสั่งการเพื่อคนพิการนี้ กูเกิล ได้ใช้ระบบ machine learning และการทำงานของกล้องหน้าของสมาร์ทโฟน เพื่อตรวจจับการแสดงมีหน้าและการเคลื่อนไหวของดวงตาผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถสแดนหน้าจอสมาร์ทโฟน และเลือกโหมดคำสั่งต่างๆได้ ด้วยการยิ้ม เลิกคิ้ว อ้าปาก หรือจะใช้การมองไปทางซ้าย ทางขวา หรือมองขึ้นก็ได้

โดยฟีเจอร์ใหม่เพื่อคนพิการอันแรก เรียกว่า Camera Switches ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้แสดงสีหน้าแทนการใช้นิ้วกดหรือเลื่อนไปบนหน้าจอ เพื่อเลือกโหมดต่างๆของสมาร์ทโฟน ส่วนอีกฟีเจอร์ คือ Activate เป็นแอปพลิเคชันแอนดรอยด์ ที่ให้ผู้ใช้แสดงท่าทางเพื่อออกคำสั่งกับสมาร์ทโฟนได้ เช่น ส่งข้อความ หรือโทรออก

gettyimages-1062183106

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน Activate สามารถใช้งานได้ในออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา และสหรัฐฯ ได้แล้ว

ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC ประเมินว่า มีผู้คนในวัยผู้ใหญ่ 61 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่มีภาวะบกพร่องทางการเคลื่อนไหวและการพูด ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้กูเกิล และบริษัทคู่แข่งอย่างแอปเปิล (Apple) และไมโครซอฟต์ (Microsoft) ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยให้คนพิการ หรือคนสูงอายุสามารถเข้าถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้มากขึ้น

ที่ผ่านมา ไมโครซอฟต์ ที่ระบุว่าการเข้าถึงอุปกรณ์ของผู้พิการเป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับทุกคนด้วยเครื่องมือเทคโนโลยี และตั้งเป้าออกแบบระบบที่รองรับองค์กร ห้องเรียน และในครัวเรือน

ส่วนกูเกิล ระบบผู้ช่วยดิจิทัลแบบสั่งการด้วยเสียงที่มาพร้อมกับสมาร์ทโฟน สามารถช่วยเหลือผู้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นหรือเคลื่อนไหวได้ โปรแกรมที่ช่วยระบุและช่วยอ่านออกเสียงข้อความบนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือเว็บไซต์ รวมถึงระบบคำบรรยายอัตโนมัติตามคลิปวิดีโอต่างๆ

ฝั่งแอปเปิล ได้พัฒนา AssistiveTouch ในสมาร์ทโฟนและนาฬิกา Apple Watch ที่ทำให้ควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ด้วยนิ้วหรือกำมือได้ และยังทำงานด้วยระบบ VoiceOver เพื่อให้ใช้ Apple Watch ด้วยมือเดียว ในระหว่างที่กำลังเดินด้วยไม้เท้า หรือมีสุนัขช่วยเหลือลากจูงอยู่ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Future is here! 10 นวัตกรรมวัสดุก่อสร้างแห่งอนาคต

ปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยีมากมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การก่อสร้าง ได้แก่ โดรน VR BIM ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเทรนด์อุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2021 มากมาย ทว่าการวิจัยเพื่อค้นหาวัสดุการก่อสร้างก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของภาคส่วนอุตสาหกรรมการก่อสร้างเช่นกัน

ในวันนี้จึงพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 10 วัสดุก่อสร้างแห่งอนาคตที่นอกจากจะไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากมายแล้ว วัสดุแห่งอนาคตที่ว่านั้นก็เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ง่าย ประหยัดต้นทุน และที่สำคัญคือเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนนั่นเอง

1. ไม้โปร่งแสง (Translucent wood)

ตอนนี้พวกเรามีไม้โปร่งแสงเพื่อใช้ในการพัฒนาหน้าต่างและแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งได้มาจากเยื่อบุในแผ่นไม้อัดและนำไปผ่านกระบวนการระดับนาโน (Nanoscale Tailoring) หลังจากนั้นจะได้ไม้โปร่งแสงซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลายในอุตสาหกรรมก่อสร้าง

โดยนวัตกรรมนี้เกิดขึ้นจากการคิดค้นของสถาบันเทคโนโลยี KTH Royal ของสต็อกโฮล์ม โดยศาตราจารย์ Lars Berglund ซึ่งกล่าวว่าไม้โปร่งแสงนี้เป็นวัสดุที่มีต้นทุนต่ำ เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย รวมทั้งเป็นแหล่งทรัพยากรที่ยั่งยืนอีกด้วย

2. อิฐเย็น (Cooling system in bricks)

สถาบันสถาปัตยกรรมเชิงก้าวหน้าแห่งคาตาโลเนีย (Institute of Advanced Architecture of Catalonia) ได้สร้างวัสดุใหม่ที่สามารถสร้างความเย็นให้แก่การตกแต่งภายในตึกด้วยการผสมผสานของอิฐดินเหนียวและไฮโดรเจล โดยไฮโดรเซรามิกนั้นสามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในได้ถึง 6 องศาเซลเซียส

โดยการสร้างความเย็นนี้มาจากสารไฮโดรเจลซึ่งสามารถดูดซับน้ำได้มากถึง 500 เท่าของน้ำหนัก และน้ำที่ถูกดูดซับเข้าไปจะถูกปล่อยออกมาเพื่อลดอุณหภูมิระหว่างวันที่ร้อนอบอ้าว และการใช้อิฐเย็นเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้างทำให้ไฮโดรเซรามิกส์กลายเป็นวัสดุก่อสร้างที่ช่วยสร้างความเย็นซึ่งถือเป็นการปฏิวัติวงการก่อสร้างเลยก็ว่าได้

3. อิฐจากก้นบุหรี่ (Cigarette butts to make bricks)

จากข้อมูลประจำปีพบว่าบุหรี่ 6 ล้านตัวถูกผลิตขึ้นมาและมันสร้างขยะที่เกิดจากก้นบุหรี่ถึง 1.2 ล้านตัน ซึ่งเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก นอกจากนี้ส่วนประกอบในบุหรี่อย่างสารหนู โครเมียม นิกเกิล และแคดเมียมยังเป็นอันตรายต่อดินและธรรมชาติอีกด้วย

และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากก้นบุหรี่ นักวิจัยจาก RMIT ได้พัฒนาอิฐที่มีน้ำหนักเบาทว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งสร้างจากก้นบุหรี่ โดย ดร. Abbas Mohajerani หัวหน้าโปรเจกต์และทีมของเขาได้สร้างอิฐจากการผสมก้นบุหรี่ 1% ลงไปในอิฐดินเผาเพื่อลดมลภาวะในสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดขยะแล้ว ยังทำให้อิฐมีความเบามากขึ้น จึงใช้พลังงานในการผลิตอิฐนั้นน้อยลงอีกด้วย

4. คอนกรีตดาวอังคาร (Martian concrete)

ในที่สุดเราก็สามารถสร้างคอนกรีตจากวัสดุบนดาวอังคารได้สำเร็จ โดยการคิดค้นของทีมวิจัยมหาวิทยาลัย Northwestern ที่เป็นหนึ่งในโครงการประกวดการสร้างที่อยู่อาศัยบนดาวอังคารของ NASA โดยการผสมคอนกรีตนี้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบเลย

คอนกรีตนี้ผลิตโดยใช้ซัลเฟอร์ที่ถูกละลายเป็นของเหลวที่อุณหภูมิ 240 องศาเซลเซียสนำไปผสมกับดินบนดาวอังคาร และเมื่อเย็นตัวลงจะกลายเป็นคอนกรีตจากดาวอังคาร! โดยสัดส่วนของซัลเฟอร์และดินดาวอังคารต้องเป็น 1:1

5. ซีเมนต์เรืองแสง (Light-generating cement)

ดร. José Carlos Rubio Ávalos จาก UMSNH ใน Morelia ได้คิดค้นซีเมนต์เรืองแสงที่สามารถดูดซึมและสะท้อนแสงออกมา ซึ่งจะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้าง

โดยเทรนด์ที่สำคัญคือการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นซีเมนต์เรืองแสงนี้จึงทำหน้าที่คล้าย “หลอดไฟ” ซึ่งสามารถใช้งานในสระว่ายน้ำ ลานจอดรถ สัญญาณเตือนบนท้องถนน ฯลฯ ได้

6. เส้นใย CABKOMA (The CABKOMA strand rod)

ห้องแล็ปศึกษาเกี่ยวกับใยผ้า Komatsu Seiten ในญี่ปุ่นได้ผลิตวัสดุใหม่ที่เรียกว่าใยผ้า CABKOMA ซึ่งเป็นคอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์เทอร์โมพลาสติกซึ่งทนต่อแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว

เส้นใยนี้เป็นวัสดุเสริมโครงสร้างอาคารที่เบา และมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งเส้นใยนี้ขนาด 160 เมตรจะมีน้ำหนักเพียงแค่ 12 กิโลกรัมซึ่งเบากว่าเหล็กเส้นประมาณ 5 เท่า

7. เฟอร์นิเจอร์ชีวภาพ (Biologically produced furniture)

นวัตกรรมนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Terreform One และ Genspace ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุที่เรียกว่า Mycoform ผลิตจากการรวบรวมเศษไม้ ยิปซัม รำข้าวโอ๊ตเข้ากับเชื้อราจากเห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum) โดยเชื้อราชนิดนี้ถูกเพิ่มเข้าเพื่อย่อยสลายของเสียและทำให้โครงสร้างวัสดุแข็งแรง

การผลิตเฟอร์นิเจอร์ชีวภาพดังกล่าวจะใช้พลังงานที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการผลิตเฟอร์นิเจอร์จากพลาสติก นอกจากนี้ยังไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีมากมายในการผลิตอีกด้วย ซึ่งตอนนี้มีเฟอร์นิเจอร์สองชิ้นที่สร้างขึ้นจากวัสดุชนิดนี้ คือ เก้าอี้ยาวและเก้าอี้ขนาดเล็กสำหรับเด็ก

8. ท่าเรือลอยน้ำ (Floating piers)

ระบบท่าเรือลอยน้ำนี้ใช้ก้อนโพลีเอทิลีนที่มีความหนาแน่นสูง 220,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นทางเดินยาว 3 กิโลเมตรที่คลุมด้วยผ้าสีเหลืองขนาด 100,000 ตารางเมตร

ก้อนโพลีเอทิลีนเหล่านี้จะกระเพื่อมไปตามแรงคลื่นของทะเลสาบ โดยผลงานชิ้นเอกนี้ยื่นออกมาจากถนนคนเดิน Sulzano และเชื่อมต่อกับเกาะ San Paolo และ Monte Isola

9. อิฐดูดซับมลพิษ (Pollution absorbing bricks)

อิฐชนิดนี้คิดค้นโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ Carmen Trudell ใน Cal Poly วิทยาลัยสถาปัตยกรรมและการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยอิฐสามารถดูดซับมลภาวะในอากาศและปล่อยออกมาผ่านตัวกรองเพื่อสร้างอากาศที่บริสุทธิ์

นวัตกรรมของวัสดุนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของระบบการระบายอากาศมาตรฐานของตึก ซึ่งมีฟาซาด 2 ชั้นโดยเป็นอิฐดูดซับมลพิษอยู่ภายนอก และฉนวนกันความร้อนมาตรฐานภายในอาคาร

10. คอนกรีตมีชีวิต (Self-healing concrete)

ดร. Schlangen วิศวกรโยธาชาวดัทช์ที่มหาวิทยาลัย Delft ได้คิดค้นคอนกรีตมีชีวิตขึ้นมา ซึ่งเขาได้ทำการแบ่งครึ่งคอนกรีตนี้เป็นสองส่วน นำมาวางไว้ด้วยกัน ก่อนจะนำคอนกรีตเข้าไปอบในเตาไมโครเวฟ และเมื่อคอนกรีตเย็นตัวลง มันกลับสามารถรวมเป็นส่วนเดียวกันได้อีกครั้ง

คำถามคือหากวัสดุชนิดนี้โดนความร้อนเพื่อสร้างถนน มันจะถูกทำให้ร้อนขึ้นได้อย่างไร? และเพื่อแก้ปัญหานี้ดร. Schlagen และทีมจึงสร้างยานพาหนะชนิดพิเศษที่วิ่งผ่านขดลวดเหนี่ยวนำไฟฟ้าบนถนนเพื่อสร้างความร้อน โดยเขามองว่าควรต้องใช้ยานพาหนะนั้นทุก ๆ 4 ปีซึ่งจะสามารถประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างถนนได้ถึง 90 ล้านดอลลาร์ต่อปี

จะเห็นได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างนั้นมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะส่วนของวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดตราบเท่าที่พวกเราสามารถผสมผสานวัสดุก่อสร้างดั้งเดิมกับวิธีการสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง รวมไปถึงช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน และเราคงจะได้เห็นนวัตกรรมอีกมากมายในอนาคตที่จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก!

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/09/2564

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a27,800.0027,900.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,801.0027,303.1628,400.00
ทองรูปพรรณ 90%1,620.9024,572.84n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,440.8021,842.53n/a
ทองรูปพรรณ 50%810.0012,279.60n/a
ทองรูปพรรณ 40%630.009,550.80n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,866.0028,288.56n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/09/2564



ปตท.
ราคาน้ำมัน บางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9530.7530.7530.9530.7530.7530.7530.7530.7530.7530.75
แก๊สโซฮอล์ 9130.4830.4830.6830.4830.4830.4830.4830.4830.4830.48
แก๊สโซฮอล์ E2029.2429.2429.4429.2429.2429.2429.2429.2429.24
แก๊สโซฮอล์ E8523.2423.2423.24
เบนซิน 9538.1638.6138.6638.1638.16
ดีเซล B730.6930.6930.8930.6930.6930.6930.6930.6930.6930.69
ดีเซล27.6927.6927.8927.6927.6927.6927.6927.6927.6927.69
ดีเซล B2027.4427.4427.8427.4427.4427.4427.44
ดีเซลพรีเมี่ยม35.4635.4637.3436.8635.46
แก๊ส NGV15.4815.4815.48

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า