บ้านหรู โซน เพชรเกษม – ปิ่นเกล้า คึก SC กวาดยอด บางกอก บูเลอวาร์ด พันล.
คอลลิเออร์สฯ เผยผลวิจัยบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ดีมานด์โตต่อเนื่อง เปิดใหม่ทะลัก 340 ยูนิตต่อปี ขณะ SC ระบุ พรีเซลส์ 2 โครงการใหม่แบรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด กวาดยอดรวมแล้วกว่า 1,100 ลบ.
นายมงกุฎ เตโชฬาร รองหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านพัฒนาสินทรัพย์แนวราบ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า “แม้ว่าในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว บ้านก็ยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด SC ได้ร่วมกับ คอลลิเออร์ส ประเทศไทย สรุปผลวิจัย ณ ไตรมาส1/2564 ปรากฏว่า อุปทานบ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่ ในช่วงราคา 10 ล้านบาท ขึ้นไป โดยเฉพาะในทำเลย่านเพชรเกษม-ปิ่นเกล้า โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก มีการเติบโตต่อเนื่องตลอดในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา โดยเรื่อง ทำเลที่ตั้ง การเดินทางที่สะดวกสบาย รูปแบบบ้าน และ ฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้
โดยการพัฒนาสินค้าและบริการมาตรฐานคุณภาพสูง เพื่อเป็นบ้านสำหรับทุกคนภายใต้แนวคิด Human-Centric ส่งผลให้ดีมานด์บ้านหรู ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปเช่น แบรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ของ SC Asset ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า โดยสามารถกวาดยอดพรีเซลส์รวมกันกว่า 1,100 ล้านบาท จากการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ เพชรเกษม-ปิ่นเกล้า บ้านหรู สไตล์ Modern Luxury โครงการใหม่ บนที่ดินใหญ่ 100 ตร.วา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเมือง Giethoorn ประเทศเนเธอร์แลนด์ ราคาเริ่มต้น 20-30 ล้านบาท และ บางกอก บูเลอวาร์ด ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ บ้านหรูซีรีย์ใหม่ LANAI SERIES” ราคาเริ่มต้น 10-20 ล้านบาท ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ “
ทั้งนี้ แผนกวิจัย และ การสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ยังมองว่าตลาดแนวราบยังคงเป็นดาวเด่นของภาคอสังหาริมทรัพย์สำหรับในปี พ.ศ. 2564 ผู้พัฒนารายใหญ่ยังคงเตรียมแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดยุทศาสตร์ที่สำคัญๆ และ คาดการณ์ว่า ยอดขายตลาดแนวราบในปี พ.ศ. 2564 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มผู้พัฒนารายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์
ขณะที่ทำเลย่านเพชรเกษม-ปิ่นเกล้า ซึ่งถือว่าเป็นอีกทำเลที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ต่างให้ความสนใจและมองหาที่ดินศักยภาพสำหรับนำมาพัฒนาโครงการแนวราบเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยบนทำเลย่านนี้ โดบปัจจุบันมีการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรในช่วงระดับราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไปบนทำเลย่านเพชรเกษม-ปิ่นเกล้า จำนวน 25 โครงการ รวมทั้งสิ้น 1,704 ยูนิต หรือเฉลี่ยปีละ 340 ยูนิตต่อปี ส่งผลให้ทำเลย่านเพชรเกษม – ปิ่นเกล้า พบว่าราคาที่ดินในย่านนี้มีการขยับตัวสูงขึ้นราวร้อยละ 8-10 ต่อเนื่องทุกปี ซึ่งปัจจุบันราคาเสนอขายที่ดินย่านนี้อยู่ที่ตารางวาละ 100,000-120,000 บาทต่อตารางวา
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทุบทิ้ง 200โรงหนังสแตนด์อโลนกลางกรุง สู่บิ๊กโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส
โรงหนังสแตนด์อโลน เกือบ200 แห่งทั่วกรุง สูญพันธุ์ ทุบทิ้ง พลิกโฉมขึ้นตึกสูงมิกซ์ยูส 3แห่ง ยังเปิดฉาย บิ๊กทุนจ้องตาเป็นมัน พหลเธียร์เตอร์ บอกขาย2,000 ล้าน –งามวงศ์วานรามา รอรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล หลัง สกาลา สยามสแควร์ที่ดินจุฬาโรงสุดท้ายปิดตำนานเป็นย่านช็อปปิ้งโลก
“สกาลา” ราชาโรงภาพยนต์ของสำนักจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (PMCU) ย่านสยามสแควร์ ถูก พลิกโฉมสู่ ช็อปปิ้งสตรีท ระดับโลก โดยบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือCPN ปิดฉาก โรงหนังสแตนด์อโลน แห่งสุดท้าย กลางใจเมืองบนแยกปทุมวัน
สะท้อนว่าความรุ่งเรืองของโรงหนังดังกล่าว จะเหลือเพียงซากความทรงจำ อาคารและที่ดินทำเลทอง รอ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เปลี่ยนโฉมเป็น โปรเจ็กต์ยักษ์มิกซ์ยูส ทันสมัยตามความนิยมในปัจจุบันเนื่องจาก เมืองเปลี่ยนแปลงมีรถไฟฟ้าผ่าน ที่ดินมีราคาสูง ผังเมือง เพิ่มความคุ้มค่าการใช้ประโยชน์ที่ดิน จึงไม่แปลกที่ปัจจุบันโรงหนังในลักษณะดังกล่าวจะถูกทุบทิ้งกลายเป็นย่านพาณิชยกรรมสำคัญ
ย้อนไปในอดีต ก่อนห้างสรรพสินค้า จะมีอิทธิพล ดึงโรงหนังเข้าไปอยู่ในตัวอาคาร เฉพาะเขตกรุงเทพมหานคร มีโรงหนัง สแตนด์อโลน เกือบ200 แห่ง ล้วนตั้งอยู่กลางย่านชุมชน ปัจจุบันเหลือเพียงตำนาน จากการสำรวจของ”ฐานเศรษฐ”พบว่า ในจำนวนนี้ยังเปิดกิจการ 3 แห่ง ทำเลสะพานควาย ,กลางใจเยาวราช และชินเขต งามวงศ์วาน บางแห่ง ปิดการให้บริการลงแล้ว แต่ไม่ต้องการขายที่ดิน แม้นายทุนจะทาบอย่างต่อเนื่องก็ตาม
สอบถาม ผู้ดูแล โรงหนังพหลเธียเตอร์ ติดสถานีBTSสะพานควาย ตรงข้าม มงคลรามาเดิม ที่บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด(มหาชน)ซื้อไปก่อนหน้า โดยระบุว่า เจ้าของบอกขายในราคากว่า2,000 ล้านบาท ที่ดินพร้อมอาคาร 5ไร่ ที่ผ่านมามีบริษัทพัฒนาที่ดินทุกแบรนด์ชั้นนำติดต่อขอซื้อ แต่ติดตึกแถวซึ่งเป็นที่ดินคนละเจ้าของ ล้อมอยู่
ทำให้ต้องเจรจาซื้อตึกแถวอาคารพาณิชย์บริเวณด้านหน้า เจาะทะลุเพื่อทำทางเช้าออก แต่มองว่าเป็นเรื่องยากเพราะเจ้าของอาคารไม่ต้องการขาย เช่นเดียวกับ โรงหนังงามวงศ์วานรามา บริเวณหน้าปากซอยชินเขต ที่หากมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลพาดผ่าน อาจขายขึ้นตึกสูงหรือไม่เจ้าของที่ดินอาจพัฒนาเอง
แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร(กทม.) ระบุว่า การพัฒนาที่ดิน เปลี่ยนไปตามความนิยม ดังนั้น โรงหนังสแตนด์อโลน จึงเป็นเป้าที่นักลงทุนให้ความสนใจเพราะ 1. ตั้งอยู่ กลางชุมชนขนาดใหญ่ 2.ทำเลติดรถไฟฟ้า-ถนนสายหลัก 3อาคารเตี้ย1-2ชั้น ง่ายต่อการรื้อถอนใช้ต้นทุนน้อย 4.มีเนื้อที่พอเหมาะพัฒนาโครงการ 5.ผังเมืองปรับการใช้ประโยชน์ที่ดินให้ขึ้นตึกสูงเพิ่มความหนาแน่น
ที่สำคัญ คนไม่สนใจใช้บริการ เพราะดูหนังผ่านสมาร์ทโฟน ไม่มีที่จอดรถ อีกทั้งยังเป็นแหล่งมั่วสุม ที่เจ้าพนักงานของรัฐ หน้าที่ตำรวจสอดส่องตรวจตราทำให้ อยู่ยาก และถูกบีบจากนายทุนไล่ซื้อ
ขณะการพัฒนาเมือง กทม.ต้องการเน้น ใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดความคุ้มค่า โดย เฉพาะรอบสถานีรถไฟฟ้า ต้องเกิดความหนาแน่นสูง เพื่อให้สอดคล้องราคาที่ดิน ที่ปัจจุบันย่านใจกลางเมืองราคา ไปที่กว่า3ล้านบาทต่อตารางวา และไม่มีทำเลไหนที่รถไฟฟ้าผ่าน จะต่ำกว่า 1ล้านบาทต่อตารางวาดังนั้นจึงเห็นตึกสูงสไตล์การพัฒนาแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส เต็มเมือง
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่ายกตัวอย่าง ทำเลแยกปทุมวัน สยามสแควร์ สร้างสร้างตึกสูงอย่างไร้ข้อจำกัดเพราะเป็นเขตเศณษฐกิจศูนย์กลางเมือง ผังเมืองกำหนดเป็นพื้นที่สีแดง ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม สร้างได้ 10เท่าของแปลงที่ดิน ไม่มีข้อบัญญัติควบคุมอาคารของกทม.ควบคุมจำกัดความสูง เช่นเดียวกับสะพานควาย ผังเมืองฉบับปัจจุบันกำหนดเป็นพื้นที่สีแดง บางบริเวณ สร้างตึกขนาดใหญ่พิเศษได้ เช่นเดียวกับย่านชินเขตงามวงศ์วาน หากรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลก่อสร้าง ตัวสถานีจะอยู่บริเวณโรงหนังงานวงศ์วานรามา ที่นี่จะเป็นอีกทำเลที่น่าจับตา เพราะที่ดินแปลงค่อนข้างใหญ่ ไม่ต่ำกว่า10ไร่
อีกทำเลที่โรงหนังสแตนด์อโลนหายไป คือย่านพระโขนง 6โรงหนังดังในในอดีต ที่เคยรุ่งเรือง โดยเฉพาะพระโขนงเธียเตอร์ สามแยกพระโขนงและโรงหนังเอเซียรามาอยู่ด้านในซอยสุขุมวิท 71 ปัจจุบัน กลายเป็น เมืองขนาดย่อมของชาวญี่ปุ่น ที่เต็มไปด้วยที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม คอมมูนิตี้มอลล์ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ที่ขยายตัวออกมาจาก มินิโตเกียว ย่านทองหล่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 33.70 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า
เงินบาทเปิดตลาด 33.70 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯฉุดดอลลาร์อ่อนค่า
เมื่อวันที่ 1 ตค. 64 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.70 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เย็นวานนี้( 30 ก.ย.) ที่ระดับ 33.85 บาท/ดอลลาร์
เช้านี้บาทเปิดแข็งค่า สอดคล้องกับภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าเล็กน้อย จากการที่ดอลลาร์เผชิญแรงขายทำกำไร ประกอบกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ดอลลาร์ย่อตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ปัจจัยที่ ต้องติดตามวันนี้ คือ ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.65-33.80 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ไหนมาลองดิ้! “ซุปเปอร์บอน” กร้าวขอพิสูจน์ให้เห็น “เปโตรเซียน” ไม่ได้เก่งที่สุดในโลก
“ซุปเปอร์บอน” ประกาศกร้าวจะเอาชนะคิกบ็อกเซอร์ตัวพ่อชาวอิตาลี “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” แบบขาดลอยเพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้เก่งที่สุดในโลก พร้อมคว้าแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (65.9-70.3 กก.) เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ ONE โดยทั้งคู่จะลงฟาดปากกันในศึก ONE: FIRST STRIKE (วัน เฟิร์ส สไตรก์) ซึ่งจะถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 15 ต.ค. นี้
นักชกคิกบ็อกซิ่งขวัญใจชาวไทย วัย 31 ปี ได้โอกาสคืนสังเวียนอีกครั้งในรอบ 1 ปีเศษ หลังเปิดตัวอย่างงดงามบนเวที ONE ด้วยการย้ำแค้นเอาชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์เหนือคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” เมื่อ 31 ก.ค. 63
ศึกครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ ซุปเปอร์บอน จะได้ประจันหน้ากับแชมป์ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต และมือวางอันดับหนึ่งของแรงกิงรุ่นนี้อย่าง จอร์จิโอ เปโตรเซียน ซึ่งเขาเฝ้ารอคอยมานาน และอาจส่งให้เขาขึ้นนั่งแท่นราชันย์ ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ได้ตามที่ตั้งใจไว้
แม้ ซุปเปอร์บอน จะยอมรับว่า เปโตรเซียน เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มีการออกอาวุธที่รุนแรงและแม่นยำตามฉายา “The Doctor” แต่ยังมองว่า ไม่ได้เหนือชั้นกว่าเขาสักเท่าไหร่ โดยเขาตั้งใจจะเอาชนะ เปโตรเซียน อย่างขาดลอยและสอยเข็มขัดแชมป์โลก ONE มาเป็นของคนไทยให้ได้
“จุดแข็งของ เปโตรเซียน คือหมัดหนัก ออกอาวุธได้รวดเร็ว แต่จุดอ่อนเขาก็มีครับ ผมว่าเขาไม่สู้เข่า เพราะฉะนั้น ผมก็จะอาศัยพื้นฐานการใช้อาวุธมวยไทยมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ในไฟต์นี้ครับ แต่ถ้าจะชนะน็อกคงยาก เพราะมวยระดับนี้เขาต้องป้องกันจุดอ่อนของตนเองไว้แล้ว”
“แต่สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำให้ได้ คือชนะคะแนนแบบใสสะอาดและขาดลอย ผมจะพยายามเอาชนะให้ได้เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เปโตรเซียน ไม่ใช่นักชกคิกบ็อกซิ่งที่เก่งที่สุดเมื่อต้องมาเจอผม”
แฟนๆสามารถรับชมการถ่ายทอดสดศึก ONE: FIRST STRIKE ผ่านทาง ONE Super App, YouTube ของ ONE Championship, AIS Play คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. และทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 รับสัญญาณสด เวลา 21.30 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กิน “มื้อดึก” ทำให้ “อ้วน” จริงเหรอ?
“กินข้าวหลัง 6 โมงเย็นจะทำให้อ้วน” ประโยคคลาสสิกสำหรับคนกำลังไดเอทโดยเฉพาะสาวๆ ที่หันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเอง แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะไม่ทานอะไรเลยในตอนดึกเพราะแค่เลิกงานก็ 6 โมงเย็นแล้ว ทำให้นอกจากต้องเครียดกับการทำงานในแต่ละวันแล้ว ยังต้องเครียดจากสาเหตุของการอดอาหารอีก วันนี้เราหาคำตอบมาให้แล้วว่าการกินมื้อดึกทำให้อ้วนขึ้นจริงหรือ?
มื้อดึกไม่ได้ทำให้อ้วนสักหน่อย
แท้จริงแล้วการกินอาหารมื้อดึก หรือการกินอาหารหลังเวลา 6 โมงเย็นไม่ได้ทำให้น้ำหนักขึ้นเลย เพราะน้ำหนักที่เพิ่มหลังทานอาหารไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “เวลา” แต่ขึ้นอยู่กับ “ปริมาณ” ขณะเคี้ยวอาหารเข้าปากมากกว่า
ผลจากงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ระบบจัดการอาหารของร่างกายเราในตอนกลางคืนไม่ต่างไปจากการย่อยอาหารตอนกลางวันเลย เพราะร่างกายของเราต้องการแคลอรี่ที่สม่ำเสมออยู่ตลอดทั้งวัน เพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรออยู่แล้ว
แล้วทำไมกินมื้อดึกถึงยังอ้วนอยู่?
หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าถ้าหากการกินข้าวในตอนกลางคืนไม่ทำให้อ้วนจริง แต่ทำไมน้ำหนักของนักกินอาหารโต้รุ่งถึงยังขึ้นอยู่ สาเหตุนั้นก็เป็นเพราะเรากินปริมาณอาหารเกินความจำเป็นมากเกินไปนั่นเอง
ตามปกติแล้วร่างกายของมนุษย์ต้องการปริมาณแคลอรี่ 2,000 แคลอรี่ในแต่ละวันสำหรับผู้หญิง และผู้ชายต้องการปริมาณ 2,500 แคลอรี่ต่อวัน หากเราทานอาหารมากเกินต้องการสารอาหารนั้นก็จะแปลงร่างเป็นพลังงานส่วนเกินที่มาพร้อมน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้การทานอาหารในตอนกลางคืนไม่ได้ทำให้อ้วนจริง แต่การเปิดตู้เย็นหาอะไรเข้าปากตอนดึกๆ ทำให้เราอ้วนได้มากกว่ามื้อไหนๆ งานวิจัยในอเมริกาพบว่าจริงแล้วๆ มื้อดึกเป็นมื้ออาหารที่หลายคนชอบกินแบบจัดเต็มมากกว่าเวลาอื่น เพราะอาจเกิดจากความเครียดที่สะสมมาทั้งวัน ความเหงาที่ชอบมาหาตอนกลางคืน ทำให้เรามักหยิบอะไรต่อมิอะไรเข้าปากเยอะกว่าปกติแบบไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ปริมาณแคลอรี่พุ่งทะลุเป้าตามต้องการนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 5 เหตุการณ์ ไว้ใช้ทักทายเพื่อนในโอกาสต่างๆ
บทสนาทนาภาษาอังกฤษ ที่ไว้ทักทายคนรู้จัก เพื่อน หรือคนทั่วไปในเหตุการณ์ต่างๆ วันนี้ Engnow.in.th เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี มีตัวอย่างประโยคสนทนาที่น่าสนใจมาฝากครับ ไปดูกันเลย
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : เจอกันครั้งแรก ทักทายอย่างไรดี
A: “Hi, my name is Steve. It’s nice to meet you.”
A: ดีครับ ผมชื่อสตีฟ ยินดีที่ได้รู้จักครับ
B: “I’m Jack. It’s a pleasure to meet you, Steve.”
B: ผมเจ็คครับ ยินดีมากๆ ที่ได้พบคุณสตีฟ
A: “What do you do for a living Jack?”
A: คุณทำงานอะไรครับเจ็ค
B: “I work at the bank.”
B: ผมทำงานในธนาคารครับ
ง่ายๆแค่นี้เองครับ สำหรับคำถามเบสิคง่ายๆ ที่ไว้ใช้ทักทายกัน เป็นคำถามที่ดูไม่เสียมารยาท และเป็นสากล ไว้รู้จักกันในครั้งแรกครับ ลองเอาไปฝึกกันดูนะครับ
มาดู ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : เมื่อไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มานานมาก
LINDA: Well, hello there, Deborah! Wow, it is a long time no see! It is great to see you again.
ลินดา : ว้าว ! สวัสดีเดโบราห์ ไม่ได้เจอกันมานานมาก ดีใจที่ได้เจอกันอีก
DEBORAH: Linda! Hello! What a coincidence! I haven’t seen you in ages! It is great to
see you. What are you doing in Manchester? Are you just visiting?
เดโบราห์ : ว่าไงลินดา อะไรจะบังเอิญขนาดนี้? มาเที่ยวหรอ?
LINDA: I just got a new job in Manchester, so I am shopping for some new clothes. Hey, what do you think of this skirt?
ลินดา : ฉันได้งานใหม่ทำที่แมนเชสเตอร์ เลยมาซื้อชุดใหม่ นี่! เธอคิดว่ากระโปรงตัวนี้เป็นไง?
DEBORAH: Hmmmm… well, you remember how much I love black. See? I have got the same skirt as you!
เดโบราห์ : แปปนะ ! อื้ม ! จำได้ใช่ไหมว่าฉันชอบสีดำมากแค่ไหน ดูนี่ กระโปรงของฉันตัวนี้เหมือนของแกเลย
LINDA: You have always had great taste in clothes! Well this is a small world.
ลินดา : รสนิยมเธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ แต่ ดีจังโลกมันกลมมาก
DEBORAH: We must keep in touch. You still have my mobile number?
เดโบราห์ : เราควรติดต่อกันบ่อยๆนะ เธอยังมีเบอร์โทรฉันอยู่ใช่ไหม?
LINDA: No. I lost my phone here is my new number.
ลินดา : ไม่มีแล้วละ ฉันทำโทรศัพท์มือถือหาย เอานี่ ! เบอร์ใหม่ฉัน
DEBORAH: OK. I will save your number.
เดโบราห์ : โอเค ! บันทึกลงเครื่องแปป
LINDA: I have got to go back to work, give us a ring so we can arrange dinner sometime.
ลินดา : ฉันต้องไปทำงานก่อนนะแก โทรหากันนะ เราค่อยนัดไปกันข้าวเย็นกันบ้าง
DEBORAH: For sure, take care bye.
เดโบราห์ : ได้เลย ดูแลตัวเองด้วยแก บายย
ง่ายๆ สำหรับการฝึกสนทนาแบบนี้ เราต้องรู้ว่าเพื่อนเราชอบอะไร ควรถามอะไรตามลำดับ แต่พอขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษอาจจะทำให้นึกไม่ออกก็เป็นได้ ค่อยๆฝึกกันไปนะ เอาใจช่วย !
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : บังเอิญเจอเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ที่ร้านคาเฟ่
Sarah: Hello Jason, how are you, it’s been a long time since we last met?
ซาร่า : สวัสดีเจสัน เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ ?
Jason: Oh, hi Sarah I’m have got a new job now and is going great. How about you?
เจสัน : โอ้ ไงซาร่า ตอนนี้ได้งานใหม่ทำกำลังไปได้สวยเลย เธอละเป็นไงบ้าง?
Sarah: Not too bad.
ซาร่า : ฉันก็งั้นๆ ไม่มีอะไรแย่
Jason: How often do you eat at this cafe?
เจสัน : มากินร้านนี้บ่อยไหม?
Sarah: This is my first time my friends kept telling me the food was great, so tonight I decided to try it. What have you been up to?
ซาร่า : นี่มาครั้งแรกเลย เพื่อนบอกมาว่าร้านนี้อาหารเยี่ยมมาก เลยมาลองคืนนี้ แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้าง?
Jason: I have been so busy with my new job that I have not had the time to do much else, but otherwise, me and the family are all fine.
จอห์น : ตอนนี้ยุ่งมากกับงานใหม่มาก ไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรเลย แต่ครอบครัวดีฉันสบายดี
Sarah: Well, I hope you have a lovely meal.
ซาร่า : ดีมาก ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุขไปกับอาหารมื้อนี้นะ
Jason: Yes you too.
จอห์น : แน่นอน ! เธอก็เช่นกัน
ทักทายกันแบบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน มารยาทโดยทั่วไปแล้ว ควรถามสารทุกข์สุขดิบกันพอหอมปากหอมคอ โดยอย่าลืมว่าเขามาทำธุระ หรือกำลังรีบหรือเปล่า ถ้าเห็นว่ารีบๆ ก็ไม่ควรถามเยอะ จะกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันได้นะ
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : ตอนนี้เพื่อนทำงานอะไร
David: Jenny, What do you do for a living?
เดวิด: เจนี่ ตอนนี้ทำงานอะไร?
Jenny: I’m teaching English. what do you for a living?
เจนี่: ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แล้วเธอทำอะไร?
David: I’m currently a Chinese teacher.
เดวิด: ตอนนี้ฉันเป็นครูสอนภาษาจีน
Jenny: That’s Great !
เจนี่: สุดยอดมาก
David: Thank you. It was a great pleasure meeting you.
เดวิด: อ่า ! มันดีมากๆที่ได้เจอคุณ
ในเมื่อรู้จักกันมาแล้ว ก็ไม่แปลกที่จะถามได้เลยว่าตอนนี้ทำงานอะไร โดยคำถาม What do you do for a living? หรือ What do you do for living? ก็ได้ เป็นการถามแบบสุภาพ และทันสมัย อย่าลืมว่าไม่ควรถามเรื่องส่วนตัว อย่างเช่น เงินเดือน หรือเรื่องที่เป็นกลยุทธ์ขององค์กรนะ
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : บังเอิญเจอเพื่อนที่โรงหนัง
Bob: Hi Jason, it’s great to see you again.
บ๊อบ: ไงเจสัน รู้สึกดีมากๆที่ได้เจอกันอีก
Jason: Wow, it’s great seeing you, How long has it been? It most be more than 6 months. I’m doing good. How about you?
เจสัน : ว้าว ! เจ๋งมากที่เจอกันอีก นานแค่ไหนแล้วนะ ? หกเดือนเลยปะเนี้ย ตอนนี้สบายดี นายเป็นไงบ้าง?
Bob: Not too bad.
บ๊อบ : ไม่มีอะไรแย่มากเท่าไหร่
Jason: What movie are you and the family going to see?
เจสัน : วันนี้พาครอบครัวมาดูหนังเรื่องอะไร ?
Bob: I came here to see the Simpsons movie. How about you?
บ๊อบ : ฉันมาดูเรื่องซิมป์สัน นายละ?
Jason: I’m going to watch Terminator 4.
เจสัน : ฉันมาดูเรื่องเทอมิเนเตอร์4
Bob : I have to go now. See you around.
บ๊อบ : ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกัน
Jason : ok see you
เจสัน : โอเค เจอกัน !
จะเห็นว่า เมื่อพบเจอกันในโรงหนัง อย่าลืมบทสนทนาที่สอดคล้องกับสถานที่ จะทำให้การคุยกันราบรื่นมากขึ้น อย่าลืมเอาไปใช้กันนะครับ สำคัญมากๆสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกพูด ถ้าไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร ลองนึกดูว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับสถานที่นี้ได้บ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
นักพัฒนาพบการแก้ปัญหาของ iOS15 ในเวอร์ชั่นถัดไป (iOS 15.1) เพี้ยบ
แม้ว่า iOS 15 จะได้รับอัปเดตให้กับอุปกรณ์มากมายหลายตัว แต่ก็มีการรายงานจากหลายคนว่ามี Bugs ค่อนข้างมากพอสมควร โดยล่าสุดนี้มีการพบทั้งปัญหาสำคัญหนึ่งในนั้นคือ การสแกนใบหน้าเมื่อใส่หน้ากากแล้วต้องปลดล็อคด้วย Apple Watch รวมไปถึงการแสดงผลกล้องและอยู่ดีๆ ไม่สามารถแตะ ทำงานได้หลังจากปลดล็อค รวมไปถึงเมลเด้งออก
ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้สำหรับคนที่อัปเดตในเวอร์ชั่นนักพัฒนาอย่าง iOS 15.1 Beta 2 ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานหลังจากนี้จะมีการแก้ปัญหาของ iOS 15 ออกมาในไม่นานหลังจากนี้ แต่ถ้าใครใช้ iPhone 13 อยู่แนะนำให้ลอง Restore ใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นไปก่อน และรอ iOS 15.1 ออกนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
9 สรรพคุณน่าทึ่งของกระท้อน ผลไม้ไทยที่ให้มากกว่าความอร่อย
หนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมของคนไทยก็คือกระท้อน ซึ่งให้รสชาติอร่อยและสามารถเอามาทานได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้กระท้อนหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Santo เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากแถบอินโดจีน และแต่ละประเทศก็มีการเรียกชื่อที่แตกต่างกันออกไป ตามเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าผลไม้ที่ให้รสชาติอร่อยอย่างกระท้อน มีสรรพคุณที่น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง
1.สร้างระบบภูมิคุ้มกัน
กระท้อนอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างโปรไบโอติกส์ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้โปรไบโอติกส์ยังจัดเป็นแบคทีเรียที่มีความสำคัญต่อการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันพร้อมทั้งกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
2.ลดคอเลสเตอรอล
กระท้อนอุดมไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งสารอาหารชนิดนี้ให้ประโยชน์แก่ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง เนื่องจากไฟเบอร์ชนิดดังกล่าวจะเข้าไปลดระดับไขมันในเส้นเลือด ที่สำคัญยังมีเพคตินที่ช่วยดักจับคอเลสเตอรอลในร่างกาย จึงทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง ส่งผลต่อการป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจได้เป็นอย่างดี
3.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ไฟเบอร์ที่อุดมอยู่ในกระท้อนมีความสามารถในการชะลอการทำงานของระบบย่อยอาหาร จึงทำให้น้ำตาลที่มาจากอาหารที่ถูกย่อยกลายมาเป็นกลูโคสช้าลง อีกทั้งยังช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอีกด้วย
4.รักษาโรคผิวหนัง
การรักษาโรคผิวหนังไม่ว่าจะเป็นโรคสะเก็ดเงิน ผื่น กลาก หรืออื่นๆ ทำได้ด้วยการใช้ใบของต้นกระท้อนมาบดให้ละเอียด แล้วนำมาทา ซึ่งใบกระท้อนจัดเป็นสมุนไพรที่ช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ดี
5.ป้องกันมะเร็งลำไส้
เหตุผลที่กระท้อนสามารถป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยไฟเบอร์สูง โดยไฟเบอร์จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ทำให้ลำไส้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นใครที่กินกระท้อนเข้าไป จึงไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องท้องผูกหรือภาวะลำไส้แปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เสี่ยงต่อการทำให้เป็นโรคมะเร็งลำไส้แต่อย่างใดเลย
6.ป้องกันฟันผุ
การกินกระท้อนจะช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำลาย ซึ่งน้ำลายมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก พร้อมทั้งช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ฟันผุได้
7.แก้อาการท้องเสีย
วิธีการแก้อาการท้องเสียด้วยกระท้อน คือการเอารากของต้นกระท้อนมาต้มน้ำดื่ม วิธีนี้จะช่วยแก้อาการท้องเสียและอาการบิด อีกทั้งไฟเบอร์ที่อุดมอยู่ในกระท้อนยังช่วยปรับระบบการทำงานของลำไส้ให้กลับมาเป็นปกติอีกด้วย
8.อุดมด้วยวิตามินหลากชนิด
การกินกระท้อนจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินหลากหลายชนิด เนื่องจากกระท้อนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบีที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ป้องกันความเสี่ยงเป็นโรคพิการแต่กำเนิด และยังมีวิตามินซีที่ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน พร้อมทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมองได้ดี
9.มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก
อีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักก็คงจะหนีไม่พ้นกระท้อน เพราะนอกจากจะเป็นผลไม้ที่ให้รสชาติหวานน้อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับในช่วงลดน้ำหนัก เพราะช่วยทำให้อิ่มนานและไม่หิวบ่อยอีกด้วย ที่สำคัญน้ำตาลที่ได้จากกระท้อนยังเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่ได้รู้ถึงสรรพคุณมากมายที่ได้จากการกินกระท้อน สาวๆ คนไหนที่ชื่นชอบการกินผลไม้ อย่าลืมเพิ่มกระท้อนเข้าไปในลิสท์ผลไม้ที่ต้องกินกันด้วยนะคะ ทั้งนี้แนะนำให้กินของสด ไม่แนะนำให้กินกระท้อนที่ผ่านการดองหรือทำลอยแก้ว จะส่งผลดีต่อสุขภาพได้มากกว่านั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 01/10/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,900.00 | 28,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,807.00 | 27,394.12 | 28,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,626.30 | 24,654.71 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,445.60 | 21,915.30 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 813.00 | 12,325.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 632.00 | 9,581.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,873.00 | 28,394.68 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/10/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.15 | 31.15 | 31.35 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.88 | 30.88 | 31.08 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.64 | 29.64 | 29.84 | 29.64 | 29.64 | – | 29.64 | 29.64 | 29.64 | 29.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 23.44 | 23.44 | – | – | – | – | – | – | – | 23.44 |
เบนซิน 95 | 38.56 | – | – | – | 39.01 | – | 39.06 | 38.56 | – | 38.56 |
ดีเซล B7 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 |
ดีเซล | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 |
ดีเซล B20 | 28.04 | 28.04 | 28.24 | – | 28.04 | – | 28.04 | 28.04 | – | 28.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 36.06 | 36.06 | 37.74 | 37.46 | – | – | – | – | – | 36.06 |
แก๊ส NGV | 15.80 | 15.80 | – | – | – | – | – | – | – | 15.80 |