รฟท.งัดเซฟที่ดิน 6.3 แสนล้าน ประมูลเช่า ล้างหนี้ ใน10 ปี
รฟท.เขย่าที่ดิน 3.8 หมื่นไร่ 1.28 หมื่นสัญญา หารายได้ล้างหนี้แสนล้าน ใน 10 ปี เป้า 30 ปี โกย 6.3 แสนล้าน สั่งบริษัทลูก“เอสอาร์ที แอสเสท”จัดพอร์ตที่ดินใหม่ลุยประมูล พัฒนาเชิงพาณิชย์ประเดิมรื้อแผนพัฒนาย่านสถานีธนบุรี รับสายสีส้มเร่งหาเอกชนบริหารโรงแรมเซ็นทาราหัวหิน ปี 65
จากภาระหนี้สะสมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่มีมากกว่า 1.67 แสนล้านบาท ส่งผลให้ กระทรวงคมนาคม เร่งรัดให้ รฟท. นำทรัพย์สินซึ่งเป็นที่ดินในมือ 3.8 หมื่นไร่ ออกประมูลหารายได้ โดย ตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ขึ้นมาเป็นบริษัทลูก จัดทำแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่ เพื่อความคล่องตัวมีเป้าหมายสร้างรายได้ 1.25 แสนล้านบาท ถึงจุดคุ้มทุน 10 ปี ลบภาพขาดทุนของรถไฟไทย
รฟท.ยังตั้งเป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ในระยะเวลา 30 ปีจะมีรายได้สูงถึง 6.3 แสนล้านบาท เนื่องจากที่ดินแต่ละแปลงอยู่ในทำเลศักยภาพกลางใจเมืองแนวเส้นทางรถไฟฟ้าอีกทั้งหัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญ สามารถสร้างมูลค่าการลงทุนที่สูง
รื้อประมูลที่ดินแปลงยักษ์
สำหรับการสร้างรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ต้องจัดลำดับความสำคัญที่ดินที่ต้องนำออกพัฒนา ล่าสุดคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย(บอร์ดรฟท.) มีมติ วันที่ 29 กันยายน 2564 ให้เอสอาร์ทีฯนำผลศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านพักพนักงานย่านสถานีธนบุรีพื้นที่ 21 ไร่ มาพิจารณาพัฒนาพื้นที่ร่วมกับสถานีธนบุรี บริเวณ ตลาดศาลาน้ำร้อน ประมาณ 2.5 หมื่น ตารางเมตร (ตร.ม.) ให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช มีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่าน ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแปลงที่ดินดังกล่าว จากเดิมได้ จ้างบริษัทที่ปรึกษา ศึกษาความเป็นไปได้ เพียงแปลงเดียวคือบ้านพักพนักงานสถานีธนบุรี 21 ไร่ เท่านั้น
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระบุว่า พื้นที่สถานีธนบุรี บริเวณศาลาน้ำร้อนบริษัท ยูไนเต็ด โกลเบิล เอเยนซี (ประเทศไทย) จำกัด จะหมดอายุสัญญาเช่ากลางปี 2565 และเสนอขอต่ออายุสัญญา 15 ปี ขณะบอร์ด รฟท. ยังไม่อนุมัติ โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้เอสอาร์ที แอสเสทฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูกดูแลบริหารทรัพย์สินของ รฟท. พิจารณาการพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีธนบุรีทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน
พร้อมทั้งสั่งทบทวนแผน เร่งหาเอกชนเช่าที่ดินและอาคาร ของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน หรือโรงแรมรถไฟหัวหิน คาดว่าทั้ง 2 โครงการที่ผ่านบอร์ด รฟท. จะเปิดประมูลได้ภายในปี 2565
นอกจากนี้ยังมีแปลงสถานีรถไฟหัวหินสนามกอล์ฟ 500 ไร่ และโรงแรมอีก 3 ไร่ ที่หมดอายุสัญญาไป กว่า 6 ปี โดยจะประมูลพัฒนารูปแบบผสมผสานหรือ มิกซ์ยูสมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เชื่อว่า กลุ่มทุนเดิมจะเข้าพื้นที่ อย่างบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่ยังเช่าบริหารสนามกอล์ฟแบบปีต่อปี
10 ปี ล้างขาดทุน
รายงานข่าวจาก รฟท. เปิดเผยว่า ตามแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่ของรฟท. จำนวน 38,000 ไร่ เอสอาร์ที ได้ศึกษาแนวทางการบริหารโครงการใหญ่ บนแปลงที่ดินต่างๆ ให้เกิดความหลากหลาย ไม่เป็นรูปแบบเช่าเพียงอย่างเดียว คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมเดือนธันวาคมนี้ ให้ผลตอบแทนสูงถึง 125,175 ล้านบาท ภายใน 10 ปี และถึงจุดที่ทำให้ รฟท. รอดพ้นการขาดทุนลดผลกระทบหนี้สินที่มีอยู่ 1.67 แสนล้านบาทขณะ 30 ปีข้างหน้า จะเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ เป็น 6.3 แสนล้านบาท
ปี 65 โอน 1.28 หมื่นสัญญา
ทั้งนี้ในปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างทยอยส่งมอบที่ดินยให้เอสอาร์ทีฯ ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพ ทบทวนผลการศึกษาที่เคยผ่านบอร์ดแล้ว เนื่องจากที่ประชุมเล็งเห็นว่าบริษัทฯ น่าจะมีมุมมองเพิ่มเติมจากผลการศึกษามากขึ้น จึงให้นำไปทบทวนอีกครั้ง แต่ไม่ใช่การศึกษาใหม่ทั้งหมด เบื้องต้น รฟท. ต้องโอนทรัพย์สินโครงการขนาดใหญ่ที่ทำสัญญาไว้ประมาณ 75 สัญญา ก่อนสิ้นปี 2564 หลังจากนั้นจะดำเนินการโอนทรัพย์สินทั้งหมด 12,839 สัญญา ให้บริษัทเอสอาร์ทีฯ ในปี 2565 ต่อไป
ชิงพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ
ความคืบหน้าการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีกลางบางซื่อ รฟท.อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมตามความเห็นของบอร์ดรฟท.เกี่ยวกับสูตรคำนวณผลประโยชน์ตอบแทน คาดว่าจะแล้วเสร็จเบื้องต้นจะแล้วเสร็จสามารถนำเสนอบอร์ดพิจารณาเห็นชอบ และออกประกาศเอกสารประกวดราคาหาเอกชนเพื่อพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ และป้ายโฆษณา บริเวณอาคารสถานีกลางบางซื่อและสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง 12 สถานี เดือนตุลาคมนี้
ส่วนการจัดหาเอกชนบริหารพื้นที่ แบ่งออกเป็น 4 สัญญา ได้แก่ การบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีกลางบางซื่อ และจัดทำป้ายโฆษณา โดยทั้ง 2 สัญญามีสัญญาเช่า 20 ปี ขณะอีก 2 สัญญา คือ การบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีรถไฟสายสีแดง 12 แห่ง และการจัดทำป้ายโฆษณา ในสถานี มีสัญญาเช่า 3 ปี เนื่องจาก รฟท. ประเมินแล้วพบว่าการทำสัญญาระยะสั้นจะจูงใจเอกชนมากกว่า อีกทั้งจะนำ 2 สัญญาดังกล่าวไปประมูลรวมกับการจัดหาเอกชนร่วมลงทุน (พีพีพี) เดินรถสายสีแดง เพื่อจูงใจเอกชนร่วมลงทุนมากขึ้นและเพื่อประโยชน์ต่อการบริหารสัญญา
รายงานข่าว กล่าวต่อว่า ภายหลังประกาศเอกสารประกวดราคาแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาในขั้นตอนประกวดราคาราว 2 เดือนแล้วเสร็จ ได้เอกชนผู้ชนะการประมูลในคู่สัญญา ภายในช่วงต้นปี 2565 ซึ่ง รฟท. จะเร่งรัดให้มีการเข้าพื้นที่พัฒนาในทันที โดยระยะแรกที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน คือ พื้นที่บริเวณประตู 4 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะพัฒนาร้านอาหารรองรับประชาชนมาใช้บริการรถไฟสายสีแดง
อย่างไรก็ตามการเข้าพื้นที่ช่วงแรกอาจต้องบริหารจัดการร่วมกับศูนย์ฉีดวัคซีน แต่ รฟท.มั่นใจว่าจะบริหารพื้นที่ไม่ให้ทับซ้อนหรือเป็นผลกระทบต่อกัน อีกทั้งการให้บริการร้านอาหาร จะรองรับประชาชนท่เข้ามาใช้บริการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ หลังจากนั้นระยะต่อไปจะผลักดันให้มีการพัฒนาห้างร้านต่างๆ ในรูปแบบช็อปปิ้งมอลล์ มีสินค้าและบริการหลากหลาย รวมไปถึงสินค้าแบรนด์เนม คล้ายกับการบริการในท่าอากาศยาน เพื่อยกระดับให้สถานีกลางบางซื่อไม่เป็นเพียงสถานีบริการการเดินทาง
เปิดทำเลทองคลองสาน-RCA
นอกจากนี้ ในปีหน้ายังมีแผนนำที่ดินบริเวณตลาดคลองสาน หรือตลาดคลองสานพลาซ่า และท่าเรือข้ามฟากคลองสาน ใกล้กับห้างไอคอนสยามและรถไฟฟ้าสายสีทอง ออกประมูล พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ระยะยาว 30 ปี เนื่องจากผู้เช่ารายเดิม ไม่ต่อสัญญา หลังจาก รฟท. ขอปรับค่าเช่าเพิ่ม จาก 1.6 ล้านบาท เป็น 15 ล้านบาท ต่อปี ล่าสุดมอบ บริษัทลูกศึกษาแผนดังกล่าว เสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป
ขณะที่ดินรัชดาภิเษก เชื่อมถนนพระราม9 ซิตี้อเวนิวหรือ RCAแหล่งรวมสถานบันเทิงชื่อดังในอดีต เนื้อที่กว่า 60 ไร่ กำลังจะหมดสัญญาในปีหน้า และต่อสัญญาให้กับ ที่ดินโพไซดอน เนื้อที่ 15.4 ไร่ ปรับรูปแบบใช้อาคารจาก อาบอบนวดเป็นโรงแรม 3 ดาว พื้นที่ใช้สอย 10,656 ตร.ม. สัญญาเช่าราว 753 ล้านบาท จาก เดิม 200 ล้านบาท เนื่องจากจะหมดอายุสัญญาเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ทั้งนี้ รฟท. มีแผนต่อสัญญาโรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ เนื้อที่ 6.53 ไร่ ย่านรองเมือง เขตปทุมวัน ของ บจ.โกลเด้น แอสเซ็ท จากเดิมที่หมดสัญญาในวันที่ 17 สิงหาคม2564 ซึ่งได้มีการเจรจาและต่อสัญญาเช่า ระยะเวลา 20 ปี คิดเป็นผลตอบแทน 1,575 ล้านบาท โดยประเมินมูลค่าทรัพย์สินไว้ที่ 976 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ถอดบทเรียนเหตุการณ์รื้อถอนอาคารถล่ม
นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย “อมร พิมานมาศ” ถอดบทเรียนเหตุการณ์รื้อถอนอาคารถล่ม อาคารอพารต์เมนต์เก่า สูง 6 ชั้นย่านประชาชื่นถล่มระหว่างรื้อถอนอาคาร ไม่ระวังในเขตชุมชนหนาแน่น ซ้ำรอยตึก8ชั้น สุขุมวิท87
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 12 ต.ค.64 เกิดเหตุอาคารอพารต์เมนต์เก่า สูง 6 ชั้นย่านประชาชื่นถล่มลงมาระหว่างรื้อถอนอาคารทับคนงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เหตุอาคารถล่มขณะทำการรื้อถอนเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีตเช่น
เหตุการณ์ตึกสูง 8 ชั้นบริเวณซอยสุขุมวิท 87 เกิดถล่มลงมาระหว่างรื้อถอน ในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและสูญหาย 2 ราย ในปัจจุบันพบว่ามีการรื้อถอนอาคารเก่าหลายแห่ง ซึ่งงานรื้อถอนอาคารเก่าเป็นงานที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะหากรื้อถอนไม่ถูกวิธีหรือไม่ตรงตามขั้นตอนแล้วก็อาจทำให้อาคารถล่มลงมาได้ ตามที่ปรากฎเป็นข่าวอยู่เนืองๆ
สำหรับสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้อาคาร 6 ชั้นที่ประชาชื่นถล่มนั้น คงต้องผลรอการวิเคราะห์และการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามงานรื้อถอนอาคารเป็นงานที่อันตรายและมีความเสี่ยงสูง ในแง่วิศวกรรมนั้น งานรื้อถอนจัดว่าเป็นงานวิศวกรรมควบคุม
ที่ต้องมีลำดับขั้นตอนในรื้ออาคารเพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยหลักสำคัญของวิศวกรรมการรื้อถอนนั้น จะต้องทำขั้นตอนที่ตรงข้ามกับการก่อสร้างอาคารขึ้นใหม่ จะทำข้ามขั้นตอนไม่ได้ เช่น การก่อสร้างอาคารใหม่จะต้องทำจากล่างขึ้นบนไปทีละชั้น เริ่มจากชั้นที่ 1 ไปชั้นที่ 2 ไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน การรื้อถอนก็ต้องทำในทิศตรงกันข้าม เช่น ต้องเริ่มรื้อจากชั้นบนก่อนแล้วค่อยๆ ไล่ลงมาจนถึงชั้นล่างสุด
หากผู้รื้อถอนไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแต่จงใจไม่ทำตามขั้นตอนเพื่อต้องการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน เช่น รื้อถอนโดยทำลายเสาชั้นล่างๆเพื่อมุ่งหวังให้อาคารถล่มลงมาทั้งหลัง ก็ถือว่าเป็นการข้ามขั้นตอนของการรื้อถอน ซึ่งเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง เพราะไม่สามารถกำหนดทิศทางของการล้มคว่ำของอาคารได้ ผู้รื้อถอนที่ไม่เข้าใจหลักวิศวกรรมหรือมักง่ายเช่นนี้ก็อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้
เนื่องจากงานรื้อถอนเป็นงานอันตราย ดังนั้นจึงต้องมีกฎหมายมากำกับดูแล อย่างน้อยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ พ.ร.บ.วิศวกร โดย พ.ร.บ. ควบคุมอาคารปี 2522 กำหนดให้การรื้อถอนอาคารเป็นงานที่ต้องขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนจะเริ่มดำเนินการ , พ.ร.บ.วิศวกร ปี 2542 กฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมปี 2550 กำหนดว่างานรื้อถอนอาคาร ที่มีความสูงตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไป เข้าข่ายเป็นวิศวกรรมควบคุมซึ่งต้องมีวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิศวกรมาควบคุมการรื้อถอน นอกจากนี้ การรื้อถอนที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรมจะต้องมีแบบ รายละเอียด ตลอดจนการคำนวณลำดับขั้นตอนการรื้อถอน ที่ลงนามโดยวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาตระดับสามัญวิศวกรขึ้นไป เนื่องจากเป็นอาคารที่มีความสูง 6 ชั้น
ดังนั้นจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่จะต้องตรวจสอบว่าการรื้อถอนดังกล่าวมีการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ ในส่วนการตรวจสอบการทำงานของวิศวกรนั้น สภาวิศวกรมีอำนาจตรวจสอบและดำเนินการในเรื่องนี้ ว่ามีวิศวกรเข้าไปกำกับดูแลการรื้อถอนหรือไม่ และวิศวกรที่มีหน้าที่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักวิชาการและหลักทางวิศวกรรมอย่างถูกต้องหรือไม่ หากตรวจพบว่าวิศวกรไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักวิชาการ ก็อาจเข้าข่ายประพฤติผิดจรรยาบรรณ อาจทำให้วิศวกรผู้นั้นต้องได้รับโทษทางจรรยาบรรณ ถึงขั้นถูกพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพได้
ทั้งนี้ การรื้อถอนอาคารในบริเวณชุมชนหนาแน่น ก็อาจเกิดอันตรายต่อประชาชนได้ ดังนั้นหากประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงอาคารที่ทำการรื้อถอน ก็ต้องให้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ พยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้บริเวณดังกล่าว และหากพบสิ่งไม่ปกติ เช่น มีการใช้รถขุดเจาะตัดเสาในชั้นล่าง หรือไม่รื้อถอนจากชั้นบนลงมาตามลำดับ ก็อาจแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แนวโน้มหุ้นไทย14ต.ค.มีโอกาสปรับตัวขึ้น
หุ้นไทย 14 ต.ค. 64 แนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยตามดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เปิดตลาดในแดนบวก ด้านดาวโจนส์ปิดลดลงเล็กน้อย
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 64 นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที คาดว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้น่าจะมีทิศทางที่ปรับตัวสูงขึ้นได้เล็กน้อยตามดัชนีตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคที่เช้านี้มีทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังจากคลายกังวลเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อของจีน และสหรัฐ ที่ตัวเลขออกมาปรับตัวลดลง
โดยในวันนี้มองว่านักลงทุนจะต้องจับตาการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019( ศบค.) ที่อาจจะลดช่วงระยะเวลาเคอร์ฟิวลงจากเดิมซึ่งจะหนุนภาพเชิงบวกของตลาดหุ้นไทย
ให้แนวรับที่ 1,635 จุด และแนวต้านที่ 1,650 จุด
ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียดัชนีเปิดตลาดบวกถ้วนหน้า โดย ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 28,264.41 จุด เพิ่มขึ้น 124.13 จุด หรือ +0.44% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ 3,555.11 จุด ลดลง 6.65 จุด หรือ -0.19% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (14 ต.ค.) เนื่องในวัน Chung Yeung Festival
ด้าน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,377.81 จุด ลดลง 0.53 จุด หรือ -0.00% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,363.80 จุด เพิ่มขึ้น 13.15 จุด หรือ +0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,571.64 จุด เพิ่มขึ้น 105.71 จุด หรือ + 0.73%
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% ส่วนเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3%
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ทีมอูเบอร์คัพสาวไทย ทุบ อินเดีย 5-0 ฉลุยเข้ารอบ 8 ทีม ดวลอินโด
การแข่งขันแบดมินตันประเภททีมชิงแชมป์โลก “โททาลเอนเนอร์ยี บีดับเบิลยูเอฟ โธมัส-อูเบอร์ คัพ 2020” ที่เมืองออร์ฮุส ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันพุธที่ 13 ต.ค.64 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในประเภททีมหญิง อูเบอร์ คัพ กลุ่มบี แมตช์สุดท้าย เป็นการพบกันระหว่าง ไทย รองแชมป์เก่า พบกับ อินเดีย
คู่แรก ประเภทหญิงเดี่ยว มือ 1 “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 10 ของโลก ไล่ตบเอาชนะ มัลวิกา บันโซด มืออันดับ 104 ของโลกจากอินเดีย 21-15 , 21-11 ใช้เวลาแข่งขัน 57 นาที ทีมสาวไทยออกนำอินเดีย 1-0 คู่
คู่ที่ 2 ประเภทหญิงคู่ มือ 1 กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 8 ของโลก เอาชนะ อัชวานี่ พอนนัพพา กับ ซิกี้ เรดดี้ คู่มืออันดับ 28 ของโลกจากอินเดียไปแบบไม่ยากเย็น 2-0 เกม 21-16,21-12 ใช้เวลาแข่งขัน 43 นาที ทีมไทยออกนำอินเดีย 2-0 คู่
คู่ที่ 3 ประเภทหญิงเดี่ยว มือ 2 “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มืออันดับ 13 ของโลก เบียดเอาชนะ อาดิตี้ แบรตต์ จากอินเดีย ไปได้หวุดหวิด 2-1 เกม 21-16,18-21,21-15 ใช้เวลาแข่งขันไป 59 นาที ทีมไทยนำห่างอินเดีย 3-0 คู่
คู่ที่ 4 ประเภทหญิงคู่ มือ 2 “เอิร์ธ” พุธิตา สุภจิรกุล กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 22 ของโลก เอาชนะ ทรีซ่า จอยลี่ กับ กายาตี้ พูเรลล่า โกปีชาน คู่มืออันดับ 434 ของโลกจากอินเดีย 2-0 เกม 21-17,21-16 ใช้เวลาแข่งขัน 48 นาที คว้าแต้มที่ 4 ให้กับทีมไทยทิ้งห่างเป็น 4-0 คู่
คู่ที่ 5 ประเภทหญิงเดี่ยว มือ 3 “เมย์” ศุภนิดา เกตุทอง มืออันดับ 33 ของโลก ไล่ตบเอาชนะ ทัสนิม เมียร์ จากอินเดีย ไปได้สนุก 2-0 เกม 21-19 21-15 ใช้เวลาแข่งขัน 39 นาที
สรุปผลการแข่งขัน ทีมสาวไทยเอาชนะ อินเดีย ไปได้อย่างขาดลอย 5-0 คู่ เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม บี จากการชนะ 3 แมตช์รวด ส่วน อินเดีย เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่ม จากการชนะ 2 แพ้ 1
สำหรับการจับสลากประกบคู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย อูเบอร์คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไทย พบกับ อินโดนีเซีย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จัก “โรคหัวใจระยะยาว” ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในผู้ป่วย “คาวาซากิ”
“แค่ขึ้นบันได BTS ก็ยากเกินไปสำหรับผม” คุณไวท์ – ชาคริต จันทร์รุ่งสกุล Founder & CEO FireOneOne และหนึ่งในผู้ป่วยโรค “คาวาซากิ” (Kawasaki)
ถ้าใครเคยได้ยินเกี่ยวกับโรคคาวาซากิ คงจะนึกถึงภาพเด็กตัวเล็กๆ ที่มีต่อมน้ำเหลืองโต ตาแดง และมีผื่นขึ้นตามมือ นั่นคืออาการของโรคที่พบบ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่จะอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และใน 25% นั้นจะพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ สาเหตุของโรคเริ่มต้นมาจากการติดเชื้อหรืออาจได้รับสารบางอย่างเข้าไป แล้วไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เกิดการทำงานผิดปกติในบางจุด ซึ่งในบางกรณีอาจไปกระตุ้นให้ขั้วหลอดเลือดหัวใจเกิดการโป่งพองขึ้น จนทำให้เกิดโรคหัวใจแทรกซ้อนในวันที่ผู้ป่วยเติบโตเป็นผู้ใหญ่
และนั่นคือกรณีที่ขึ้นเกิดกับคุณไวท์ และเขายังเล่าให้เห็นภาพอีกว่าในตอนอายุ 20 กว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองจะใกล้ตาย เขามี heart attack ครั้งแรกในตอนอายุ 23 ครั้งที่สองเมื่ออายุ 28 และเขายังใช้เวลา 20 กว่าปี เพื่อหาสาเหตุการเกิดที่แท้จริงของโรคหัวใจในตัวเขา ว่ามันคืออะไร
จนถึงวันที่คุณไวท์ต้องยืนหยุดเดินกลางบันไดระหว่างขึ้นรถไฟฟ้า จากอาการเหนื่อยและหัวใจเต้นด้วยความเร็วผิดปกติ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง ทำให้เขามาตรวจจนพบจุดผิดปกติของขนาดเส้นเลือดที่โป่งพองตรงขั้วหัวใจ และเป็นขนาดเฉพาะที่เกิดกับโรคคาวาซากิเท่านั้น
“โรคหัวใจระยะยาว” ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในผู้ป่วย “คาวาซากิ”
นายแพทย์ณัฐพล เก้าเอี้ยน อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า การโป่งพองของเส้นเลือดขั้วหัวใจที่เกิดจากโรคคาวาซากิ สามารถทำให้กล้ามเนื้อหัวใจมีความเสื่อม และอาจทำให้เกิด โรคหัวใจห้องบนเต้นสั่นพริ้ว (Atrial Fibrillation: AF) ตามมาได้ หรือหัวใจห้องบนจะไม่ค่อยเต้น แทนที่จะเต้นสัมพันธ์กันเป็นจังหวะระหว่างห้องบนกันล่างเหมือนปกติ แต่กลับทำให้เลือดในหัวใจไหลวนไปมาระหว่างห้องบน-ห้องล่างแทน และอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจได้ ซึ่งความอันตรายคือ ลิ่มเลือดนี้มีโอกาสหลุดจากห้องบนมาห้องล่าง หลุดไปตามเส้นเลือดแดงใหญ่ หรืออาจหลุดไปอุดตามเส้นเลือดสมอง ส่งผลให้เกิดเป็นอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตในท้ายที่สุด
ปัจจุบัน โรค AF และอาการโรคหัวใจที่เกิดจากโรคคาวาซากิ มีวิธีการรักษาด้วยการจี้ไฟฟ้าหัวใจ เพื่อลดอาการหัวใจเต้นผิดปกติลง เช่นเดียวกันกับคุณไวท์ ที่ใช้วิธีเดียวกันนี้ สอดสายเข้าไปตามเส้นเลือดใหญ่ หาจุดที่ไฟฟ้าลัดวงจรในหัวใจให้เจอ แล้วก็เอาไฟจี้ จนจากที่เคยมีอาการอาทิตย์ละครั้ง-สองครั้ง แต่หลังการรักษา 5 เดือนที่ผ่านมา อาการที่เคยเป็นก็หายไป และกลับมามีชีวิตที่มีความสุขอีกครั้ง
โรคหัวใจเป็นหนึ่งในภัยเงียบที่ถูกมองข้ามไป แต่กลับคร่าชีวิตคนไทยเฉลี่ยวันละ 48 คน บางชนิดอาจส่งผลในระยะยาวเหมือนในเคสของโรคคาวาซากิ
วิธีการที่จะพาตัวเองออกห่างจากการป่วยนี้ ทำได้ด้วยการหมั่นสังเกต-รู้จักตัวเอง รู้จักคุมอาหาร คุมเวลาพักผ่อน คุมการออกกำลังกาย คุมความเครียด-จัดการความกังวล หรือพาตัวเองไปตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาล อย่างน้อยเพื่อรู้ว่าเรามีสุขภาพหัวใจยังไง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Beef ที่ไม่ใช่เนื้อ (ศัพท์แสลง) เช่น what’s your beef?
สารภาพมาซะดีๆ นะ ว่าใครเห็นหัวข้อแล้วหิว ฮ่าๆ ถึงแม้ว่าร้านหมากระทุ เอ๊ย! หมูกระทะจะเพิ่งเริ่มเปิดให้นั่งทานได้ แต่บทความของเราเอาไปปิ๊งแล้วทานไม่ได้นะเพื่อนๆ ชาว Engnow ทุกคน T^T (ทุกคนบอก ชั้นรู้อยู่แล้วย่ะนังแอด เขียนไป!) ฮ่าๆ วันนี้ แอดได้ไปเสาะหาเอาคอนเท้นท์เกี่ยวกับเนื้อมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ช้าก่อน! อย่าเพิ่งรีบลุกไปเตรียมมีดกับเขียง เพราะ beef ในที่นี้จะไปอยู่ในศัพท์แสลงต่างหากจ้า จะมีอะไรบ้าง ไปอ่านกัน…
1. What’s your beef?
ประโยคแรก อย่างหัวข้อของเรา คำถามนี้ได้ได้ถามว่า เนื้อของคุณคืออะไร? แต่ beef ในที่นี้เป็นคำนาม ที่หมายถึง ปัญหา, การโต้เถียง, การบ่น หรือการต่อสู้ก็ได้ อย่าง ประโยคตัวอย่างก็จะแปลว่า “แกมีปัญหาอะไรฟะ?” หรือจะเป็นตัวอย่างเหล่านี้
- I got beef with you.
ชั้นรู้สึกมีปัญหากับแกอ่ะ เดี๋ยวปั๊ดๆ - Do you have a beef with me?
แกมีปัญหากับชั้นป่ะ?
นอกจากนั้น ก็ยังเป็นคำกริยา ที่แปลว่า บ่น ได้อีก เช่น
- He’s always beefing about everything. It’s so annoying!
เขาบ่นกับทุกเรื่องตลอดเวลาเลย น่ารำคาญมาก!
2. What are you staring at? My beef?
beef ในที่นี้ก็เป็นคำนาม ที่เป็นแสลง หมายถึง อวัยสืบพันธ์ของผู้ชาย -///- โดยเฉพาะจุดที่เราสามารถเห็นภายนอกได้ ดังนั้น ประโยคด้านบนจึงหมายถึง คุณกำลังจ้องเขม็งไปที่อะไรครับ? ตื้ดผมเหรอ? (ละไว้ในฐานที่เข้าใจนะคะ ฮ่าๆ)
3. What’s that sound? Eww! You beefed?
มี Eww! แสดงถึงความรังเกียจเปิดประโยคมาขนาดนี้แสดงว่ามันต้องไม่ใช่อะไรดีๆ แน่นอน ฮ่าๆ ใช่ค่ะ เพราะ beef นี้จะเป็นคำกริยาที่หมายถึง ตด ไม่ใช่ตดธรรมดานะคะ แต่ทั้งเสียงดัง และเหม็นเปรี้ยว โอ้โห! ขมคอ ฮ่าๆ
4. Look at his six pack! It’s a pure beef!
ในที่นี้ beef ถูกใช้บ่อยมากในสหราชอาณาจักร เป็นคำนามที่ใช้อธิบายรูปร่างชายหนุ่มที่มันน่าหลงไหลมาก งื้อ ก็คือเห็นซิกแพค ฟิตปั๋งกันไปเลยยยย
5. I’m so beefed after my 8 hours of work.
beef ในที่นี้ต้องเติม -ed ด้วยนะคะ อ่านว่า จะเป็นคำคุณศัพท์ มีความหมายเหมือนกับ tired นั่นก็คือ “เหนื่อย” หรือจะหมายถึงบางสิ่งที่มันไม่ดี ไม่น่าพอใจก็ได้ เช่น
- That song is beefed. I don’t wanna listen to it.
เพลงนั้นมันแย่มาก ชั้นไม่อยากฟัง
6. Same beef
สุดท้ายนี้ วลีนี้จะใช้เมื่อเราพูดอะไรไป แล้วมีใครมาแก้สิ่งที่เราพูดนั้น (เพราะเค้าเห็นว่ามันผิด) แต่สำหรับเรา สิ่งที่เค้าแก้นั่นมันก็เหมือนกับที่เราสื่อไปตั้งแต่ทีแรก เราก็ตอบไปก็ได้ว่า “same beef” ความหมายประมาณ
“ก็เหมือนกันนิ่, นั่นแหล่ะ” เหมือนกับเวลาที่คนไทยเถียงกันเรื่อง ไส้ดินสอ แกนดินสอ ซึ่งจริงๆ แล้ว 2 สิ่งนี้มันก็ same beef!
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
เปิดตัว Sony FE 70-200mm F2.8 GM OSS II โฟกัสไว้ขึ้น 4 เท่า น้ำหนักเบาที่สุดในตลาด!
Sony เปิดตัวเลนส์ซูมเทเลโฟโตเกรดโปร ‘FE 70-200mm F2.8 GM OSS II’ ที่มาแทนรุ่นเดิม สำหรับกล้องฟูลเฟรมมิเรอร์เลส Sony E-mount ที่โฟกัสได้ไวกว่าเดิมถึง 4 เท่า น้ำหนักเบาลงเหลือ 1,045 กรัม เรียกได้ว่าเป็นเลนส์ 70-200mm F2.8 ที่เบาที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้
โฟกัสไวกว่าเดิม 4 เท่า
ในรุ่นนี้ได้มีการเปลี่ยนมอเตอร์ออโตโฟกัสมาเป็นแบบ XD ‘Extreme Dynamic’ linear motor จำนวน 2 ตัว ทำให้สามารถโฟกัสได้ไวกว่าเดิม ที่ทาง Sony เคลมไว้ว่าไวเก่ารุ่นเก่าถึง 4 เท่า โฟกัสใกล้สุดได้ที่ระยะ 0.4 เมตร ใกล้มาก ๆ (ตัวเก่า 0.96 เมตร) อัตราขยายสูงสุดเพิ่มมาเป็น 0.3x
โครงสร้างชิ้นเลนส์ใหม่ คมกว่าเดิม
โครงสร้างชิ้นเลนส์ยังถูกปรับปรุงใหม่ มีชิ้นเลนส์ทั้งหมด 17 ชิ้น จัดเป็น 14 กลุ่มเลนส์ ชิ้นเลนส์พิเศษจัดเต็มมาตามสไตล์เลนส์ GM ประกอบไปด้วย extreme aspherical 1 ชิ้น, conventional aspheric 1 ชิ้น, ED aspherical 1 ชิ้น, Super ED 2 ชิ้น และ ED ปกติอีก 2 ชิ้นด้วยกัน
รับประกันความคมที่จะคมขึ้นกว่าตัวเดิมแน่นอน โดยเฉพาะที่ขอบภาพ และที่ระยะ 200mm โดยมี chromatic aberrations หรืออาการเหลื่อมสี ขอบม่วงขอบเขียวต่ำ พร้อมเคลือบผิวเลนส์แบบ ‘Nano AR Coating II สำหรับลดแสงแฟลร์ และภาพซ้อน
แหวนรูรับแสง และสวิตช์บนกระบอกเลนส์ใช้งานสะดวกสำหรับมืออาชีพ
ภายนอกตัวกระบอกเลนส์เองยังมีการเพิ่มแหวนสำหรับปรับรูรับแสงเข้ามาแล้วครับ โดยสามารถปรับได้ว่าอยากได้แบบมีเสียงคลิกหรือไร้เสียงหมุนได้ลื่น ๆ สำหรับงานวิดีโอ พร้อมสวิตช์ล็อกรูรับแสง ในส่วนของ focus breathing ยังลดลง ซูมแล้วระยะโฟกัสจะเคลื่อนน้อยลงด้วยเช่นกันครับ มีซีลกันละอองน้ำละอองฝุ่น เรียกได้ว่าประสิทธิภาพนี่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน
รองรับ Teleconverter และน้ำหนักที่เบาที่สุดในตลาดตอนนี้!
ซึ่งรุ่นมาร์ค 2 ก็ยังสามารถทำงานร่วมกับ Teleconverter ได้ทั้ง 1.4x และ 2x น้ำหนักเบาลงเหลือ 1,045 กรัมเท่านั้นครับ (จากเดิม 1,480 กรัม) กลายเป็นเลนส์ 70-200mm F2.8 ที่เบาที่สุดในตลาด
สเปก Sony FE 70-200mm F2.8 GM OSS II
- ทางยาวโฟกัส 70-200mm
- รูรับแสง F2.8-22
- กันสั่นภายในตัวเลนส์ 5.5 สต็อป
- โครงสร้างชิ้นเลนส์ 17 ชิ้น 14 กลุ่ม (1 ‘XD’ extreme aspheric, 1 ED aspheric, 1 aspheric, 2 Super ED, 2 ED)
- ใบเบลดรูรับแสง 11 ใบ
- โฟกัสใกล้สุด 0.4 เมตร
- อัตราขยายสูงสุด 0.3x
- ฟิลเตอร์ 77mm
- มีซีลกันละอองน้ำละอองฝุ่น
- ขนาด 88 x 200mm
- น้ำหนัก 1,045 กรัม
- Sony E-mount
ราคา
สำหรับราคาของ FE 70-200mm F2.8 GM OSS II เปิดมาที่ 2,799 เหรียญ (92,800 บาท) แพงขึ้นกว่าเดิม 200 เหรียญครับ
อ้างอิง – DPReview
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมมาให้! วัสดุมุง “หลังคา” ยอดนิยมเลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้าน
“หลังคา” หนึ่งในวัสดุสำคัญของบ้าน ที่จะทำให้บ้านของคุณสวยงามตามสไตล์ที่คุณต้องการให้เป็น ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำนั่น ก็มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ โดยแต่ละวัสดุ ก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ทั้งป้องกันความร้อน สะท้อน UV ซับเสียง ฯลฯ
วันนี้ BuilderNews จะพาทุกท่านไปรู้จักกับวัสดุมุงหลังคาแต่ละประเภทว่าใช้งานอย่างไร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่กำลังวางแผนสร้างบ้านหรือจะรีโนเวทบ้านทั้งหลัง เพราะหลังคาเป็นด่านแรกที่จะปกป้องบ้านของคุณ
เมทัลชีท
พัฒนาจากสังกะสี ผ่านการผสมโลหะต่าง ๆ เคลือบสารพิเศษป้องกันการเกิดสนิม ลดการกัดกร่อน สะท้อนความร้อนได้ดี แข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา มีสีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ รั่วซึมน้อย สามารถสเปคความยาวของหลังคาได้ ติดตั้งง่าย ราคาถูก ไม่ต้องบำรุงรักษามาก โค้งงอได้ตามความต้องการ
ซึ่งปัจจุบันมีหลายแบรนด์ที่เสริมฉนวนกันความร้อนและฉนวนซับเสียง เรียกได้ว่าซื้อตัวจบที่คุณสมบัติครบแทบจะไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่มเติมอีกเลย เหมาะสำหรับบ้านแนวโมเดิร์น โรงจอดรถ หรือส่วนต่อเติมบ้าน
กระเบื้องหลังคาคอนกรีต
กระเบื้องที่ผ่านการผลิตจากคอนกรีต มีส่วนผสมคือ ปูนซีเมนต์ หิน ทรายและน้ำ ขึ้นรูปเป็นแผ่นลอน สามารถยึดติดกันด้วยการเกาะเกย แข็งแรง ทนทาน เอาอยู่ทุกสภาพอากาศไม่ว่าจะร้อน ฝนหรือหนาว รั่วซึมน้อย เพราะมีความหนาแน่นสูง ทำให้น้ำซึมผ่านได้ยาก คุ้มค่า คุ้มราคา ต้นทุนการก่อสร้างต่ำกว่ากระเบื้องหลังคาชนิดอื่น แต่คุณภาพสูง ติดตั้งง่าย ใช้เวลาไม่นาน
แต่มี น้ำหนักมาก โครงสร้างของบ้านต้องรับน้ำหนักได้มากพอสมควร ความร้อนทะลุเข้าบ้าน สามารถกันได้เล็กน้อยเท่านั้น หากต้องการเพิ่มคุณสมบัติต้องเคลือบสารเคมี
ในเรื่องของความสวยงาม กระเบื้องหลังคาคอนกรีตเหมาะกับบ้านแบบไทย เช่น บ้านสไตล์คอนเทมโพรารี หรือบ้านสไตล์ไทยยุกต์ เป็นต้น
กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์
ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ผสมกับเส้นใยสังเคราะห์ ที่ไม่ก่อให้เกิดสารพิษ มีการสะสมความร้อนต่ำ มีความยืดหยุ่นและความเหนียวมากกว่า มีลักษณะเป็นแผ่นบาง แต่แข็งแรงและทนทานสูง ป้องกันความร้อนได้ดี
น้ำหนักเบา ประหยัดต้นทุน สวยงาม ดูโมเดิร์นกว่ากระเบื้องหลังคาชนิดอื่น ๆ ติดแน่นไม่หลุดล่อน บ้านเย็นสบาย มีดีไซน์และรูปลักษณ์ที่หลากหลาย จึงเหมาะกับบ้านทุกสไตล์ นิยมทั้งแผ่นลอน แผ่นเรียบ และแผ่นซิงเกิ้ล
กระเบื้องหลังคาเซรามิก
อีกหนึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เคลือบผิวมันวาวลดการซีดจางของสี เนื้อเรียบเนียบเสมอกันทั้งแผ่น ดูแลรักษาง่ายไม่ยุ่งยาก น้ำหนักเบา สามารถวางบนโครงสร้างหลังคาเดิมได้เลย นำความร้อนต่ำ ป้องกันความร้อนสูง กว่ากระเบื้องชนิดอื่น เหมาะแก่การมุงหลังคาบ้านทรงปั้นหยา และบ้านสไตล์ร่วมสมัยทั่วไป
กระเบื้องโปร่งแสง
วัสดุที่ได้รับความนิยมในการนำมาตกแต่งเป็นส่วนหลังคาบ้าน ผลิตจากใยแก้วและโพลีเอสเตอร์เรซิน เคลือบด้วยแผ่นฟิล์มพิเศษที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสีจากแสงแดด น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่กระทบกับโครงสร้างของหลังคามากเกินไป ช่วยเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับพื้นที่ที่ต้องการ เช่น หลังคา ครัว โรงรถ ระเบียงบ้าน รวมถึงกันสาดของบ้าน
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/10/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,000.00 | 28,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,814.00 | 27,500.24 | 28,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,632.60 | 24,750.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,451.20 | 22,000.19 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 816.00 | 12,370.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 635.00 | 9,626.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,880.00 | 28,500.80 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/10/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.15 | 31.15 | 32.65 | 31.15 | 32.00 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.88 | 30.88 | 32.38 | 30.88 | 31.73 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.64 | 29.64 | 31.14 | 29.64 | 30.49 | – | 29.64 | 29.64 | 29.64 | 29.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 23.44 | 23.44 | – | – | – | – | – | – | – | 23.44 |
เบนซิน 95 | 38.56 | – | – | – | 39.86 | – | 39.06 | 38.56 | – | 38.56 |
ดีเซล B7 | 28.29 | 28.29 | 29.79 | 28.89 | 29.14 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.89 | 28.29 |
ดีเซล | 28.29 | 28.29 | 29.79 | 28.89 | 29.14 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.89 | 28.29 |
ดีเซล B20 | 28.04 | 28.04 | 29.74 | – | 28.89 | – | 28.04 | 28.04 | – | 28.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.06 | 33.06 | 36.24 | 35.06 | – | – | – | – | – | 33.06 |
แก๊ส NGV | 15.80 | 15.80 | – | – | – | – | – | – | – | 15.80 |