สาระน่ารู้ประจำวันที่ 20 ตุลาคม 2564

FPT พลิก โรบินสัน สีลมเก่า ผุดมิกซ์ยูสใหม่ เจ้าสัวเจริญ ยึดทั้งเส้น ถ.พระราม 4

FPT พลิก โรบินสัน สีลมเก่า  ผุดมิกซ์ยูสใหม่ เจ้าสัวเจริญ ยึดทั้งเส้น ถ.พระราม 4

” เจ้าสัวเจริญ” ลุยยึด ถนนพระราม 4 ทำเลทอง ย่านนวัตกรรม ส่งพอร์ตอสังหาฯใหญ่ “เฟรเซอร์ส” ปักหมุดโครงการมิกซ์ยูสแห่งที่ 6 ลุยแปลงโฉม อาคารโรบินสันสีลมเก่า สู่ “สีลมเอจ” มูลค่า 1.8 พันล้านบาท พลิกโอกาส เปิดประเทศ

หลังจากช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร พอร์ตเจ้าสัวเจริญ ประกาศขยายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูง รับโอนที่ดินพร้อมอาคารแปลง “โรบินสัน สีลม” จากผู้ถือหุ้นเดิม บริษัท สีลม คอร์ปอเรชั่น (SILOM) ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,090 ล้านบาท 

FPT พลิก โรบินสัน สีลมเก่า  ผุดมิกซ์ยูสใหม่ เจ้าสัวเจริญ ยึดทั้งเส้น ถ.พระราม 4

ล่าสุด นาย นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์สฯ ระบุ ถึงความคืบหน้าการพัฒนาโครงการดังกล่าว ภายใต้กลยุทธ์ต้องการเพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) จากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อพาณิชยกรรม โดยมีบริษัทย่อย เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ทำหน้าที่บริหารจัดการ  ว่า ด้วยประสบการณ์ 10 ปี ในการพัฒนาอสังหาฯเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่โครงการ ปาร์ค เวนเจอร์ (เพลินจิต) สู่ ความสำเร็จล่าสุดของโครงการ สามย่านมิตรทาวน์ (ถ.พระราม 4) รวมพื้นที่ในการดูแลทั้งสิ้น 2.6 แสนตร.ม. นั้น 

บริษัท ยังเล็งเห็นถึงการเติบโตของพื้นที่ศูนย์กลางทางธุรกิจ (CBD) โดยเฉพาะทำเล ถนนสีลม- พระราม 4 ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ มาตั้งแต่อดีต ขณะปัจจุบันเป็นศูนย์รวมของกลุ่มธุรกิจชั้นนำ มีออฟฟิศบิวดิ้งจำนวน 43 อาคาร  และเป็นแหล่งที่ตั้งของสถาบันการเงินสำคัญระดับประเทศหลายแห่ง อีกทั้งยังร่ายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ถึง  3 แห่ง  โรงเรียน 23 แห่ง และสถานพยาบาล 3 แห่ง มีผู้ทำงานและอยู่อาศัยในย่านดังกล่าวนับมากกว่า 7 แสนราย กำลังซื้อหลากหลาย  และเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนต่างชาติอีกด้วย 

FPT พลิก โรบินสัน สีลมเก่า  ผุดมิกซ์ยูสใหม่ เจ้าสัวเจริญ ยึดทั้งเส้น ถ.พระราม 4

ด้าน ศักยภาพของที่ตั้งโครงการ โรบินสันสีลมเก่า ซึ่งที่อยู่หัวมุมถนนสีลม ตรงข้ามโรงแรมดุสิตธานี นับเป็นสุดยอดทำเลใจกลาง CBD เชื่อมต่อ กับทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ ขณะปัจจุบันไม่มีแลนด์แบงก์มากพอเพื่อการพัฒนาโครงการใหม่ บริษัทฯจึงเข้าไปลงทุนในลักษณะ Re-development แห่งแรก ภายใต้รูปแบบมิกซ์ยูส ” โครงการสีลมเอจ ” มูลค่า 1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะมาเสริมความแข็งแกร่งและกระจายความเสี่ยง เพิ่มสัดส่วนของรายได้ประจำอีก อย่างต่ำปีละ 300 ล้านบาท  โดยบริษัทฯคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า 

” สำหรับโครงการ สีลมเอจ (Silom Edge ) บริษัทำสัญญาเช่ากับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นาน 30 ปี  มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท  พื้นที่ 50,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่า (สำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก) 22,000 ตารางเมตร อาคารสูง 24 ชั้น เชื่อมต่อโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ สวนลุมพินี-สวนเบญจกิติ คาดจะเปิดโครงการได้ในช่วงเดือนกันยายน  ปี 2565 หลังจากขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ไปแล้ว 65% ” 

FPT พลิก โรบินสัน สีลมเก่า  ผุดมิกซ์ยูสใหม่ เจ้าสัวเจริญ ยึดทั้งเส้น ถ.พระราม 4

นายธนพล กล่าวอีกว่า โครงการ สีลมเอจ  ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ผู้ประกอบการธุรกิจ Start-Up และแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา จากวิกฤติ โควิด-19 ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าบนโลกออฟไลน์ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การมีออฟฟิศหรือร้านค้าบนทำเลใจกลางกรุงเทพฯที่เดินทางสะดวก จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่จะช่วยสร้างแต้มต่อในการแข่งขันธุรกิจ ซึ่งสีลมเอจ จะเป็นตัวเลือกในกลุ่มธุรกิจเหล่านั้น ผ่านสัญญาเช่า และราคาค่าเช่าซึ่งยืดหยุ่น และต่ำกว่าราคาตลาด 30-40% แม้แนวโน้มการแข่งขันในกลุ่มอาคารมิกซ์ยูส มีทิศทางรุนแรงมากขึ้น จากอาคารที่จะแล้วเสร็จจำนวนมากในอนาคต 

” การเพิ่มเข้ามาของมิกซ์ยูสอีกแห่ง บนถนนสีลม น่าจะยืนยันถึงศักยภาพของทำเล ได้ดี ยิ่งล่าสุด ถนนพระราม 4  ถูกประกาศให้ย่านนวัตกรรมทั้งเส้นยิ่งส่งเสริมรูปแบบของโครงการ อีกทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้า เชื่อมต่อทั้งบนดินและใต้ดิน ทำให้ทำเลนี้จะเติบโตต่อเนื่อง ผ่านการฟีดคนใหม่ๆเข้ามาใจกลางเมือง และจะช่วยดึงดูดผู้ประกอบการ และกำลังซื้อมหาศาลให้กลับมาหลังสถานการณ์โควิด ขณะดีเดย์ เปิดประเทศ 1 พ.ย. ต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดในระยะสั้น จะเป็นแกนหลักฟื้นธุรกิจไทยหลายแขนง ” 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน อสังหาฯกลุ่มเจ้าสัวเจริญ ผ่านการพัฒนาของ 2 บริษัทใหญ่ ทีซีซี แอสเซ็ทส์ และ เฟรเซอร์สฯ เข้ามาปักหมุดโครงการบนถนนพระราม 4 แล้วทั้งสิ้น 6 โครงการ ได้แก่  โครงการสามย่านมิตรทาวน์ , อาคาร เอฟวายไอ เซ็นเตอร์,โครงการ เดอะ ปาร์ค ,โครงการ วัน แบงค็อก และ โครงการสีลม เอจ รวมมูลค่าทั้งสิ้นมากกว่า 1.43 แสนล้านบาท 

FPT พลิก โรบินสัน สีลมเก่า  ผุดมิกซ์ยูสใหม่ เจ้าสัวเจริญ ยึดทั้งเส้น ถ.พระราม 4

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เจาะ 5 กลยุทธ์ SC วางเกม “เปิดประเทศ” ตุนกระสุน ซื้อที่ดินนับหมื่นล้าน!

เจาะ 5 กลยุทธ์ SC วางเกม "เปิดประเทศ" ตุนกระสุน ซื้อที่ดินนับหมื่นล้าน!

ผ่ามุมคิด : เจาะ 5 กลยุทธ์ SC วางเกม “เปิดประเทศ” ปีเดียว โอนฯซื้อที่ดินใหม่หมื่นล้าน! พร้อมตอบชัด ลือ! ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ แคนดิเดต นายกฯพรรคเพื่อไทยคนต่อไป ?

รู้หรือไม่? ยุคโควิด เศรษฐกิจฝืด แต่บ้านแพงราคามากกว่า 10 ล้านยังขายดี เปิด 5 กลยุทธ์  3 สเต็ป ของบิ๊กอสังหาฯ SC Asset  ผ่าน  “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ” หลังนำบริษัทผ่าวิกฤติยาวนานเกือบ 2 ปี เผย กระสุนเด็ด ปีเดียว โอนฯซื้อที่ดินใหม่หมื่นล้าน! ย้ำภาพ เจ้าของนิวเรคคอร์ดแปลงชิดลมแพงเว่อร์ หวังเดินหน้าตุนพอร์ตแนวราบพร้อมขาย พิชิตโอกาส “เปิดประเทศ”  คีย์แมนคนสำคัญ  ชู Digital – Work from Anywhere และ Home is Everything  จุดเปลี่ยนอสังหาฯไทย พร้อมตอบชัด ลือ! แคนดิเดต นายกฯพรรคเพื่อไทยคนต่อไป?


หากจำกันได้ ในช่วงปี  2560 วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เกิดสีสัน สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั่วไป ผ่านดีลใหญ่ การประมูลซื้อที่ดินแปลงงาม พิกัดตรงข้ามโรงเรียนมาแตร์เดอี (ซอยหลังสวน ) แพงสุดในราคา 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา ทำลายสถิติราคาซื้อขายที่ดินที่แพงที่สุดในเวลานั้น ด้วยมูลค่าราว 2,728 ล้านบาท ซึ่งเจ้าของดีลดังกล่าว คือ ยักษ์ใหญ่ บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC นั่นเอง โดยที่ดินดังกล่าว ถูกเนรมิตเป็นโครงการ คอนโดมิเนียมระดับ ULTIMATE CLASS ในชื่อ ” SCOPE หลังสวน” ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ด้วยราคาขาย เริ่มต้นราว 38 ล้านบาท 

สโคป หลังสวน

ขณะยุควิกฤติโควิด 19 นั้น แม้ตลาดอสังหาฯไทย จะไม่ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ – กำลังซื้อถดถอย แต่กลับพบ การเดินเกมเร่งของ เอสซี แอสเสท สวนกระแสอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะ การทุ่มงบกว้านซื้อที่ดิน ปีเดียวโอนฯ นับหมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นนิวเรดคอร์ทใหม่ ในการซื้อที่ดิน เพื่อนำมาตอกเสาเข็ม พัฒนาโครงการแนวราบเพื่อขายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย

ฉาพภาพ 2 ปีโควิด ตลาดบ้าน 10 ล้านคึก

“ฐานเศรษกิจ” ร่วม Group Interview นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอสซี แอสเสท เจ้าของแบรนด์ดัง “บางกอก บูเลอวาร์ด “ เปิดเผย ถึงสถานการณ์ของการฝ่าวิกฤตในช่วงโควิดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาว่า  วิกฤติครั้งนี้ ก่อให้เกิดการแปลงแปลงหลายอย่าง ย้อนไตรมาส 2 ปี 2563 ตลาดช็อก ทั้งในแง่การลงทุน ,การซื้อ-ขาย ที่อยู่อาศัย, และแนวทางการทำงานของดีเวลลอปเปอร์  โดยผลกระทบหนักสุด เกิดขึ้นในตลาดคอนโดฯ พบซัพพลายและ ดีมาน์หาย 1 ใน 3 จากที่เคยเป็น แต่สิ่งที่เซอร์ไพร์สมากที่สุด คือ ตลาดบ้านเดี่ยว ได้รับผลกระทบเชิงสั้น ก่อนขึ้นเป็นเทรนด์ขาบวกอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงปัจจุบัน  ทั้งนี้ เนื่องมาจากพฤติกรรม ปรับเปลี่ยนของผู้คน ที่มีความจำเป็นต้องอาศัย และใช้สอยประโยชน์พื้นที่ภายในบ้าน ทั้งเรียน ทำงาน มากขึ้น “บ้าน” จึงกลายเป็นโปรดักส์ฮอต โดยเฉพาะกลุ่มราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป 

“ตลาดบ้านดีกว่าที่คาดไว้ สวนทางคอนโดฯ – ทาวน์เฮ้าส์ หดตัว ได้รับผลกระทบจากความต้องการหาย และกำลังซื้อลด ” 

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์

3 สเต็ป นำพาบริษัทรอดวิกฤติ 

ฉายภาพยุทธศาสตร์ใหญ่ ตั้งแต่เกิดโควิด ปี 2563 นั้น นับเป็น 18 เดือน ที่ตนเองและทีมงานได้เรียนรู้อย่างมหาศาล เราแบ่งยุทธศาสตร์นี้ออกเป็น 3 ช่วง คือ รอด – เตรียมพร้อม และ เติบโต 

รอด = เป็นไทม์ไลน์ ช่วง 3-6 เดือนแรก ของปี 2563 สำคัญสุด ณ ขณะนั้น คือ

1. กระแสเงินสด และสภาพคล่อง ซึ่งบริษัทต้องปรับตัว เนื่องจากที่ผ่านมา 50% ของการระดมทุน อาศัยการออกพันธบัตรและหุ้นกู้ เพื่อขยายโปรเจ็กต์ แต่โควิดระลอกแรก ทำให้นักลงทุนกังวล และหยุดการลงทุนอสังหาฯ บริษัทต้องแก้ปัญหาอย่างหนัก เปลี่ยนรูปแบบไปสู่การหันหน้าเข้าหาธนาคารแทน ซึ่งผ่านพ้นมาได้ ด้วยเครดิตและความน่าเชื่อถือของบริษัท ก่อนวิกฤติคลี่คลาย บริษัทสามารถกลับมาออกหุ้นกู้ได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563

2.ความปลอดภัย เราเป็นบริษัทที่ไม่มีการเลย์ออฟพนักงานแม้แต่รายเดียว เพื่อสร้างความอุ่นใจให้คนทำงาน ขณะเดียวกัน ประกาศปรับนโยบายการทำงานให้เกิดความปลอดภัยต่อสถานการณ์ 


เตรียมพร้อม = เป็นไทม์ไลน์ หลังผ่านวิกฤติระยะแรก เห็นภาพของปัญหา และเปิดคาดการณ์สถานการณ์ เราตั้งวิกฤติเลวร้ายสุด จะจบลงในปี 2566 ฉะนั้น การเดินหน้าไปพร้อมกับการตุนเสบียง ซึ่งแบ่งออกไป 5 กลยุทธ์ ดังนี้ ….

1.Liquidity (สภาพคล่อง) มีเงินสดและวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีอัตราหนี้สินต่อทุน IBD/E ต่ำกว่า 1.3 เท่า

2.Lands (ที่ดิน) ปีนี้โอนที่ดินใหม่แนวราบรวมทั้งปี 10,000 ล้านบาท สำหรับรองรับการพัฒนาโครงการในปี 2565-2567 เพราะที่ดิน เปรียบเป็น วัตถุดิบชิ้นแรก และถือเป็นปีแรก หรือ นิวเรดคอร์ส ที่มีการซื้อที่ดินสูงสุด จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-7,000 ล้านนบาท 

” การลงทุนของบริษัท 80% ในการทำสมรภูมิ ที่อยู่อาศัย ถูกลงไปกับ ที่ดิน ซึ่งได้รับผลกลับมาที่ดี และทำให้เราเติบโตมากในระยะ 2 ปี  ซึ่งมีการซื้อที่ดินอย่างดุดัน ส่วนปีหน้า ตั้งงบที่ดินเบื้องต้น อีกไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท เทไปยังพอร์ตแนวราบทั้งหมด ซึ่งมีดีมานด์มหาศาลรออยู่ ” 

3.Products (สินค้า)  3 ด้าน คือ High Quality สินค้าคุณภาพ แบรนด์น่าเชื่อถือ 
,Human-Centric ออกแบบและพัฒนาสินค้า ผ่านฟังก์ชั่นใหม่ที่ได้รับความนิยมสูง อย่างเช่น บ้านคนโสด และ Backlog & Inventory

” เป็นการปรับคุณภาพ แบบ และเขย่าพอร์ต มาสู่แนวราบที่ 70% จากความต้องการที่สูงขึ้น โดยเน้นทั้งคุณภาพโปรดักส์และบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ โดยเฉพาะในวิกฤติ เรากลายเป็นตัวเลือกที่ทรงพลัง ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอโอน หรือ Backlog รวมกว่า 8,500 ล้านบาท และ 50% พร้อมโอนในไตรมาส 4 ปีนี้และเตรียมเพิ่มสต็อคพร้อมขายและโอนสำหรับแนวราบจนถึงปลายปี 2565 มูลค่ารวมมากกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เติบโตสวนกระแสของที่อยู่อาศัยแนวราบ ” 

4. People (ผู้คน) นอกจากจัดสรรวัคซีนเข็มที่ 1 ,2 และบูสเตอร์เข็ม 3 ให้กับพนักงาน และครอบครัว พร้อมเผื่อแผ่ไปยังคู่ค้า พันธมิตร และแรงงาน บริษัทยังวางกลยุทธ์การทำงาน ในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ซึ่งจำเป็นต้องให้พนักงานทำงานที่บ้าน (WFH)  ผ่านการสื่อสาร 3 ระดับ  คือ การสื่อสารระดับองค์กร /การสื่อสารระดับทีม  และ การสื่อสารระดับบุคคล เพื่อย้ำเป้าหมายและกลยุทธ์การทำงานแต่ละช่วงเวลา ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามความถี่และความสำคัญของแต่ละระดับ ซึ่งทำอย่างสม่ำเสมอมาจนถึงปัจจุบัน 

5.Technology (เทคโนโลยี) เพื่อความคล่องตัว รวดเร็ว แม่นยำ โดยเชื่อมโยงข้อมูล ตั้งแต่การจัดการทรัพยากรในเรื่องของการสร้าง ซื้อ และลงทุน สำหรับรองรับการเติบโตของธุรกิจ ,การจัดการข้อมูลของลูกค้าเพื่อออกแบบและส่งมอบงานบริการแบบไร้รอยต่อทั้งงานขาย ซ่อม และดูแลลูกค้าแบบครบทุกมิติ และ การนำเทคโนโลยีระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) มาช่วยลดขั้นตอนการทำงาน  ทั้งยังสามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในขบวนการทำงาน

เจาะ 5 กลยุทธ์ SC วางเกม "เปิดประเทศ" ตุนกระสุน ซื้อที่ดินนับหมื่นล้าน!

SC มองตลาด Cryptocurrency

ทั้งนี้ ลูกค้าในช่วงโควิด ราว 60% มาจากช่องทางออนไลน์ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยี ต่อการทำการตลาด และเป็นช่องทางในการซื้อ – ขายมากขึ้น ขณะเดียวกัน 
บริษัทก็อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม เพื่อศึกษา ช่องทางการ ซื้อ-ขาย บ้านและคอนโดฯ ของ SC ผ่านเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอเรนซี่ในช่วงปลายปีนี้ด้วย หวังเพิ่มความสะดวก และเอื้อต่อลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ หลังจากมองเห็นเทรนด์และโอกาสของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เนื่องจากที่ผ่านมา พบยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การโอนเงิน แต่คาดว่าในอนาคต หรือ ในช่วงปี 2565  ตลาดดังกล่าวจะเสถียร และใช้ในการลงทุนอื่นๆได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสสำหรับตลาดอสังหาฯ เช่นกัน ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และ กลุ่มคนรุ่นใหม่ 


“เราเห็นการเติบโตของ Cryptocurrency ในไทย ซื้อ-ขาย วันละ 3 – 4 พันล้านบาท แม้ไม่มากเทียบกับต่างประเทศ แต่มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ  มีคนที่ลงทุนแล้วประสบความสำเร็จ รวยขึ้นจากตรงนี้ เป็นโอกาสที่ตลาดอสังหาฯจะได้รับ เพราะทุกสิ่งในโลก จะถูกขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่คุ้นเคยกับช่องทางเทคโนโลยี บางส่วนอยากแลกเปลี่ยนมาเป็นพร็อพเพอร์ตี้ ประกอบการปีหน้าตลาดต่างชาติเปิด  นับเป็นไทม์มิ่งที่เหมาะสม สำหรับอนาคต ” 


80:20 สูตรเติบโตระยะยาว 

นายณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับทั้ง 2 สเต็ปเบื้องต้น รอด และ เตรียมความพร้อมนั้น จะนำมาซึ่งเป้าหมายสุดท้าย = การเติบโตในระยะยาว ผ่านเป้าหมายทางรายได้ราวปีละ 2 หมื่นล้านบาท  จาก 2 ขาธุรกิจหลัก คือ 1 . ธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย สัดส่วน 80% 2.ธุรกิจสร้างรายได้ประจำ อีก 20% 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน แม้ 80% น้ำหนักจะอยู่ในสมรภูมิตลาดที่อยู่อาศัย แต่ก็ยังแสวงหาโอกาสใหม่ ในกลุ่ม Recurring Income อย่างต่อเนื่อง ตามจังหวะ และความเหมาะสมในการลงทุนใหม่ โดยปัจจุบัน บริษัทมีสำนักงานให้เช่า (ออฟฟิศ) รวมพื้นที่ 1 แสนตารางเมตร ,โปรเจ็กต์ อพาร์ทเม้นท์ ในอเมริกา 2 แห่ง และอยู่ระหว่างลงทุนเพิ่มอีก 1 แห่งในปีนี้ ส่วนธุรกิจโรงแรม ช่วงสถานการณ์โควิด มีการชะลอการเปิดตัวใหม่ไว้ชั่วคราว อย่างต่ำ 1 ปี ได้แก่ ทำเลราชวัตร และ พัทยา รวม 2 โปรเจ็กต์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่น ว่าตลาดโรงแรม ท่องเที่ยวของไทย จะเติบโตหลังโควิด จากประเทศไทย เป็นเมืองเดสซิเนชั่นอันดับ 1 ของโลก 

บ้านคนโสด

2 จุดเปลี่ยนตลาดอสังหาฯไทย 

สำหรับมุมมองต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยนั้น เชื่อว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากหลังโควิด จากพฤติกรรมใหม่  Work from Anywhere และ Home is Evrything  ดังนั้น บริษัท จะปรับแนวรบไปยังสมรภูมิเดิม เพิ่มความเข้มข้นของโปรดักส์ในตลาดแนวราบให้มากยิ่งขึ้น หลังจากช่วง 2 ปีก่อนหน้า กระโดดมาแข่งขันในตลาดคอนโดฯ โดยโปรดักส์สำคัญ คือ ตลาดบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาท เนื่องจากเป็นเซกเม้นท์ให้ผลักดันให้ปีนี้ มียอดขายรอรับรู้รายได้อย่างโดดเด่น ( ณ ครึ่งปีแรก 2564 ยอดขายรวม นิวไฮ 11,338 ล้านบาท เติบโต 38%  แบ่งเป็นยอดขายแนวราบ 83% และยอดขายแนวสูง 17%) ทั้งนี้ มาจากพฤติกรรมที่ปรับเปลี่ยนของผู้บริโภค ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมากขึ้น 

”  Home is Evrything  พลิกโฉมความสำคัญของที่อยู่อาศัย จากเดิม โลเคชั่น – โลเคชั่น และโลเคชั่น  ขณะนี้มีพื้นที่เข้ามาเสียบแทน 1 ปัจจัย  ทำให้ตลาดบ้านเดี่ยวมาแรง ขณะ Work from Anywhere เชื่อว่า จะเป็นจุดเปลี่ยนให้กับพร็อพเพอร์ตี้ทุกเซกเตอร์ ทั้งบ้าน ออฟฟิศ คอนโดฯ โรงแรม ต้องปรับถึงจะได้รับโอกาส เราพบโควิด ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น เห็นความหลากหลายพฤติกรรม  และอาจกล่าวได้ว่า การทำงานที่ไหนก็ได้ มันลดคุณค่าของคอนโดลง ฉะนั้น โครงการคอนโดฯใหม่ๆ ต้องปรับรูปแบบ เช่น พื้นที่ส่วนกลาง ที่ผสมผสานความเป็นส่วนตัว  และระดับราคาที่ตอบโจทย์กับกำลังซื้อ โดยในอนาคต SC กำลังศึกษา เซกเม้นท์คอนโดฯ ราคาที่ต่ำกว่า  2 แสนต่อตร.ม. ” 


ตุนกระสุนรับโอกาสเปิดประเทศ 1 พ.ย.

ทั้งนี้ ประเมินว่า นโยบายเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ เริ่ม 1 พ.ย. นี้ จะเป็นโอกาสในการทำธุรกิจ เบื้องต้น เตรียมสต็อกคอนโดฯ รองรับมูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้าน รวมถึงโครงการสำคัญ สโคป ที่ก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ขณะเดียวกัน ได้เดินหน้าสร้างช่องทางการขายให้กับกลุ่มต่างชาติใหม่ๆ ผ่านพันธมิตรระดับโกลเบิล ทั้งใน จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยเฉพาะความต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าคนจีนใน 4 เมืองใหญ่ เช่น เซียงไฮ้ ปักกิ่ง เป็นต้น 

” หัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง ในยุคโควิดนั้น มองว่า ไม่ใช่ความแม่นยำ แต่คือการเตรียมตัวให้พร้อม เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า การระบาดระลอก 5, 6 จะมาอีกหรือไม่ ฉะนั้น สภาพคล่องต้องพร้อมเบิก ที่ดินต้องมีรอ ซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนหยุดซื้อ โดยการเดินหน้า จะเป็นไปในลักษณะปรับตัวตามสถานการณ์ แต่เชื่อว่าอสังหาฯได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ภาคธุรกิจได้ผ่านช่วงเวลายากลำบากที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ฉะนั้น ต่อให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายอีกครั้ง รูปแบบในการรับมือและตั้งหลัก รวมถึงผลกระทบจะต่างกันออกไป ”   

ทิ้งท้าย นายณัฐพงศ์ ยังสยบข่าวลือ หลังจากมีรายชื่อโผล่ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่พรรคเพื่อไทย ที่จะเสนอในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยระบุย้ำ หน้าที่หลัก ยังคงโฟกัสในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทอ่อนค่า เปิดตลาดเช้านี้ 33.45/47 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอ่อนค่า เปิดตลาดเช้านี้ 33.45/47 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเปิดตลาด 33.45/47 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าตามภูมิภาค มองกรอบ 33.30-33.70 บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.45/47 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า จากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.30 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงจากเมื่อวาน และการเคลื่อนไหวยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค โดย ยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อทิศทางค่าเงินบาทมากนัก

“บาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค วันนี้ยังไม่มีปัจจัยอะไรเด่นๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ” นักบริหาร เงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-33.70 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


คุณหมอยอดมนุษย์! “ทรอปฟ์” ลงวิ่งมาราธอน 3 รายการติดต่อกันใน 3 วัน 

คุณหมอยอดมนุษย์! "ทรอปฟ์" ลงวิ่งมาราธอน 3 รายการติดต่อกันใน 3 วัน (ภาพ)

คุณหมอหนุ่มจากเมืองบัลติมอร์ สร้างความฮือฮาหลังใช้เวลา 72 ชั่วโมงในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เดินทางจาก บัลติมอร์ ไป ชิคาโก แล้วขับรถต่อไป ดีทรอยต์ และบินไป บอสตัน เพื่อลงแข่งขันวิ่งมาราธอน

โดย ทรอปฟ์ เริ่มการแข่งขันวันเสาร์ที่บ้านเกิด ในรายการ บัลติมอร์ มาราธอน ทำเวลาอยู่ที่ 2 ชั่วโมง 27 นาที 23 วินาที เข้าเส้นชัยอันดับที่ 2 จากนั้นในวันอาทิตย์ ลงแข่งขัน ชิคาโก มาราธอน ทำเวลาไป 2 ชั่วโมง 31 นาที 51 วินาที

หลังแข่งขันที่ ชิคาโก เสร็จก็เกิดปัญหาเล็กน้อย เพราะไฟลท์บินตรงไปที่ บอสตัน ถูกยกเลิกเพราะสภาพอากาศย่ำแย่ แต่คุณหมอทรอปฟ์ ไม่ลดละความพยายาม ยอมขับรถ 5 ชั่วโมงไปที่เมืองดีทรอยต์ เพื่อบินต่อไปแข่งขันในรายการ บอสตัน มาราธอน และทำเวลาในรายการสุดท้ายไป 2 ชั่วโมง 32 นาที 13 วินาที

เท่ากับว่า คุณหมอทรอปฟ์ ทำเวลาเฉลี่ยในการวิ่งมาราธอนทั้ง 3 รายการอยู่ที่ 2 ชั่วโมง 30 นาที 30 วินาที แต่ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นได้เพราะมีการเตรียมตัวสำหรับการลงแข่งขันในแต่ละครั้งอย่างดีที่สุดเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ และมีทีมงานที่คอยสนับสนุนตลอดทั้งสามรายการที่ลงแข่งขัน

ที่สำคัญ เขาไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการมาราธอน เพราะเคยได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขัน บัลติมอร์ มาราธอน ปี 2017 และชนะในการแข่งขัน บิ๊กซูร์ อินเตอร์เนชันแนล มาราธอน เมื่อปี 2019 มาแล้ว ก่อนจะตัดสินใจใช้การแข่งขันวิ่งมาราธอนเป็นงานอดิเรกหลัก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อาการทาง “ระบบประสาท” ที่อาจพบหลังติดเชื้อโควิด-19

อาการทาง "ระบบประสาท" ที่อาจพบหลังติดเชื้อโควิด-19

Post-acute COVID syndrome หรือที่เรียกติดปากว่า ลองโควิด (Long COVID) เป็นอาการตกค้างที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อโควิด-19 และรักษาหายแล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ระบบทางเดินหายใจเท่านั้น ยังส่งผลได้กับทุกระบบในร่างกาย รวมถึงระบบประสาทและสมองได้อีกด้วย ซึ่งอาการที่เกิดจะต่างกันออกไป การรู้เท่าทัน จะสามารถทำให้เราสังเกตและพบแพทย์เพื่อทำการรักษาได้ทันท่วงที ก่อนที่อาการแย่ลง

สาเหตุของอาการ Long COVID ที่มีต่อระบบประสาท

นพ.ชัยศักดิ์ ดำริการเลิศ แพทย์อายุรกรรมระบบประสาทและแพทย์ผู้ชำนาญการด้านพฤติกรรมประสาทวิทยาและโรคสมองเสื่อม รพ.กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า สาเหตุของลองโควิด ยังไม่เป็นที่รู้แน่ชัด แต่จากหลักฐานข้อมูลที่มีอยู่คาดการณ์ว่า ภาวะนี้น่าจะเกิดจาก 3 สาเหตุ คือ

  1. ไวรัสไปทำลายสมดุลระบบต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดความผิดปกติขึ้น
  2. ติดเชื้อไวรัสแล้วร่างกายถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันและสารอักเสบมากขึ้นจนไปทำลายการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆ
  3. ผลกระทบหลังการเจ็บป่วยรุนแรง (Post-Critical Illness) ซึ่งผู้ป่วยที่มีการเจ็บป่วยรุนแรงจะมีการทำลายของระบบไหลเวียนขนาดเล็ก (Microvascular Injury) รวมถึงมีความผิดปกติของสมดุลเกลือแร่และสารน้ำในร่างกาย จึงทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายมีการทำงานที่ผิดปกติ

หลังจากผ่านพ้นการเจ็บป่วย อาการของโควิด-19 จะคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจอย่างอื่น เช่น ไข้ อาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ มึนศีรษะ หอบเหนื่อย หายใจเร็ว และอาจมีบางอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น การไม่ได้กลิ่น หรือ รับรู้รสชาติ ในผู้ป่วยบางราย เมื่อรักษาหายแล้วยังมีอาการเหล่านี้ตกค้างหลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นภาวะลองโควิด อาการจะแตกต่างกันไปตามการศึกษาและงานวิจัยของแต่ละประเทศ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการติดเชื้อ 

จากข้อมูลทางสถิติผู้ป่วยโควิด-19 ประมาณ 10,000 คน พบว่าหลังการติดเชื้อมีผู้ป่วย 73% ที่ยังคงมีอาการแม้ว่าจะรักษาโรคจนหายแล้ว มีรายงานเบื้องต้นว่า ในเพศหญิง มีโรคประจำตัวหอบหืด หรืออายุอยู่ในช่วง 35-49 ปี ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอาการ Long COVID มากกว่ากลุ่มอื่น และในคนไข้ที่มีอาการรุนแรง ในช่วงที่มีการติดเชื้อ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นลองโควิดมากกว่า

อาการทาง “ระบบประสาท” ที่อาจพบหลังติดเชื้อโควิด-19

อาการของลองโควิด ที่พบได้บ่อยระบบหนึ่ง คือในส่วนของระบบประสาทและจิตเวช เช่น

  • ปวดศีรษะ มึนศีรษะ 
  • นอนไม่หลับ 
  • ภาวะสมองล้า (Brain fog) 
  • ภาวะสับสน (delirium) 
  • ภาวะเครียดภายหลังเกิดโรค หรือ พีทีเอสดี (Post-traumatic stress disorder, PTSD) 
  • อาการซึมเศร้า 
  • กลุ่มอาการย้ำคิดย้ำทำและภาวะวิตกกังวล (anxiety) 

ฯลฯ 

ภาวะสมองล้า (Brain fog) คือภาวะที่สมองมีการทำงานลดลง ทำให้คิดและตัดสินใจได้ช้าลง การวางแผนและแก้ปัญหาได้ลดลง รวมถึงการมีสมาธิลดลง (attention) ในบางคนอาจเป็นมากจนส่งผลให้ลืมความจำระยะสั้นหรือไม่สามารถทำงานที่เคยทำเป็นประจำได้ 

นอกจากนี้อาการลองโควิด ยังเกิดได้จากความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic dysfunction) ซึ่งมักจะพบอยู่ 2 ภาวะ คือ

  1. กลุ่มอาการหัวใจเต้นเร็วระหว่างเปลี่ยนท่า (Postural Orthostatic Tachycardia Syndrome, POTS) ซึ่งลักษณะของกลุ่มอาการนี้คือจะมีหัวใจเต้นเร็วมากกว่าปกติเวลาเปลี่ยนท่า เช่น ลุกขึ้นยืนหรือนั่ง ซึ่งทำให้เกิดอาการ ใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ปวดศีรษะ มึนศีรษะ ไปจนถึงหน้ามืดและหมดสติได้
  2. ภาวะเหนื่อยล้าเรื้อรัง (Myalgia Encephalitis/Chronic Fatigue Syndrome, ME/CFS) ซึ่งอาการของภาวะนี้คือ อ่อนเพลียอย่างรุนแรง ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สมองล้าคิดได้ช้าลง ขาดสมาธิ และมีปัญหาเรื่องการนอน เป็นต้น

การติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ โดยหากมีโรคประจำตัวมาก่อนการติดเชื้อ ก็จะทำให้โรคนั้นแย่ลงเร็วกว่าปกติ แต่หากไม่มีโรคประจำตัวมาก่อน การติดเชื้อก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางระบบประสาทบางอย่างได้ 

โดยมีข้อมูลว่าการติดเชื้อโควิด-19 นั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งสมองขาดเลือดและเลือดออกในสมอง โรคสมองเสื่อม และโรคทางจิตเวช (เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล) มากกว่าคนที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่หรือเชื้อไวรัสทางเดินหายใจชนิดอื่น และยังพบว่าคนไข้จะมีความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าวมากขึ้น หากมีประวัติการติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล หรือ ได้รับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤติ

ส่วนใหญ่การรักษาลองโควิด จะเป็นการรักษาตามอาการเป็นหลัก ยังไม่มีการรักษาจำเพาะ สิ่งที่ควรทำคือการป้องกันตัวเองให้ไม่เป็นโควิด-19 การดูแลสุขภาพร่างกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหากมีอาการผิดปกติแนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วลีที่ต้องรู้(ถ้าไปต่างประเทศ)

HOLA, KONNICHIWA, PRIVET, BONJOUR และ สวัสดีค่าา

ชาว Engnow ทุกคน วันนี้แอดมายด์เปิดตัวมาพร้อมกับคำทักทายจากประเทศต่างๆ ทายถูกกันมั้ยคะว่าของภาษาอะไรกันบ้าง?

การที่เราจะไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน หรือศึกษาต่อ อย่างไรก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการสื่อสารเป็นสิ่งที่จำเป็นพื้นฐาน และ ภาษาอังกฤษก็เป็นหนึ่งในภาษากลางคนทั้งโลกใช้ ซึ่งผู้เดินทางควรรู้ไว้ซักนิดหน่อย ให้พอที่จะสามารถสื่อสารหรือบอกความต้องการเบื้องต้นของตนได้

ไหนๆๆ ขอทดสอบภาษาอังกฤษเบื้องต้นของเพื่อนๆกันหน่อย สีเหลือง? มะม่วง? มีด? ผ่าม! รู้นะว่าตอบตามกันอยู่ ฮ่าๆ  Anyway เรามาดูกันดีกว่าว่า วลีไหนบ้างที่เราควรรู้ก่อนไปต่างประเทศ วันนี้แอดมายด์เตรียมมาให้ 5 หมวด ค่ะ ดังนี้…

  1. มาเริ่มที่การทักทาย (Greeting) กันก่อน…
English Phrasesคำแปล
Helloสวัสดี
My name is ______.ฉันชื่อ______(ใส่ชื่อไปได้เลยค่า)
Thank youขอบคุณ
Excuse meขอโทษ (ใช้ก่อนที่เราจะรบกวนผู้อื่น เช่น ขอทาง)
I’m sorryขอโทษ (ใช้หลังเราได้ทำผิดพลาดไป)
Pleaseได้โปรด
Nice to meet you.ยินดีที่ได้รู้จัก
Goodbyeลาก่อน
How are you?คุณสบายดีไหม?
Yes, Noใช่, ไม่ใช่ (ไว้สำหรับตอบคำถาม)

2. ต่อมาวลีที่จำเป็นมากๆ สำหรับใช้ระหว่างการเดินทาง (Travelling)

English Phrasesคำแปล
Do you speak English? คุณพูดภาษาอังกฤษไหม?
Where is __(สถานที่)__?(สถานที่)อยู่ที่ไหน? เช่น Where is the airport? สนามบินอยู่ที่ไหน?
How much does this cost?สิ่งนี้ราคาเท่าไหร่
I would like to have __(บางสิ่ง)__.ฉันอยากขอ__(บางสิ่ง)__ เช่น I would like to have a towel. ฉันอยากขอผ้าเช็ดตัวค่ะ
Speak slowly, please.ได้โปรดพูดช้าลงหน่อยนะคะ T^T
I do not understand.ฉันไม่เข้าใจ
Do you take credit cards?รับบัตรเครดิตไหม?
Is there a bank/ATM nearby?มีธนาคาร/ ATM ใกล้ๆแถวนี้ไหม?
What time is it?นี่เป็นเวลากี่โมงแล้ว?

3. ยังมีวลีที่ใช้ถามสถานที่/เส้นทาง (Asking for places and direction)

English Phrasesคำแปล
How can I get to __(สถานที่)__?ฉันสามารถไป __(สถานที่)__ได้อย่างไร เช่น How can I get to this hostel? ฉันสามารถไปโฮสเทลนี้ได้อย่างไร?
How long does it take to get to __(สถานที่)__?ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการไป __(สถานที่)__นี้? เช่น How long does it take to get to this church? ใช้เวลานานเท่าไหร่ในการไปโบสถ์นี้?
How far is __(สถานที่)__?__(สถานที่)__ อยู่ไกลแค่ไหน? เช่น How far is this local restaurant? ร้านอาหารท้องถิ่นนี้อยู่ไกลแค่ไหน?
Left/right/straight/back/cornerซ้าย/ขวา/ตรงไป/ด้านหลัง/มุม
North/south/east/westทิศเหนือ/ใต้/ตะวันออก/ตะวันตก
Here/thereที่นี่(ใกล้ผู้พูด)/ที่นั่น (ไกลผู้พูด)
Turn aroundหันกลับมา
Where can I find __(สิ่งของ)__?ฉันสามารถหา__(สิ่งของ)__นี้ได้ที่ไหน? เช่น Where can I find a map? ฉันสามารถหาแผนที่ได้ที่ไหน

4. หากเกิดเรื่องฉุกเฉิน (Emergency) ขึ้นล่ะ ต้องวลีพวกนี้เลย…

English Phrasesคำแปล
I need help/a doctor.ฉันต้องการความช่วยเหลือ/หมอ
Where is the hospital/pharmacy?โรงพยาบาล/ร้านขายยา อยู่ที่ไหน?
I’m having an emergency.ฉันกำลังมีเรื่องด่วน ซึ่งอาจเป็น อุบัติเหตุ หรือ การเจ็บป่วยฉับพลันก็ได้ค่ะ
I’m allergic to__(สิ่งที่แพ้)__?ฉันแพ้__(สิ่งที่แพ้)__ เช่น I’m allergic to nut. ฉันแพ้ถั่ว
Please call the police.ได้โปรดโทรหาตำรวจ
Where is __(ประเทศ)__ embassy?สถานทูต__(ประเทศ)__อยู่ที่ไหน? เช่น Where is U.S. embassy? สถานทูตสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ไหน?
I lost my passport.ฉันทำหนังสือเดินทางหาย
I am lost.ฉันหลงทาง
This hurts.มันเจ็บ
I need medicine.ฉันต้องการยา

5. ที่อยู่อาศัย (Accommodation) ใครว่าไม่สำคัญ…

English Phrasesคำแปล
I lost my key.ฉันทำกุญแจหาย
How do I access the internet?ฉันสามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร?
There are bed bugs/bugs in my room.มีตัวเรือด/แมลงอยู่ในห้องฉัน
I need my room cleaned.ฉันต้องการให้ทำความสะอาดห้องพักของฉัน

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


เปิดตัว Google Pixel 6 และ Pixel 6 Pro สิ้นสุดการรอคอยสำหรับเรือธงที่สุดฉลาดของ Google

เปิดตัว Google Pixel 6 และ Pixel 6 Pro สิ้นสุดการรอคอยสำหรับเรือธงที่สุดฉลาดของ Google

ในที่สุด Google ได้เผยโฉม Pixel 6 และ Pixel 6 Pro รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงหลากหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังที่ผลิตเอง กล้องที่มีความสามารถมากขึ้น ความฉลาด และแน่นอนว่าหน้าจอที่มี Notch เล็กๆมาให้

แน่นอนว่า Google Pixel 6 นั้นเลือกใช้ชิปที่ Google พัฒนาเองที่มีชื่อว่า Tensor มีขนาด 5 นาโนเมตร แบบ Octa Core ประกอบด้วย Cortex-X1 ที่มีให้ใช้ 2 Core พร้อมกับอีก 2 Core ที่มีความแรงพอประมาณ และ 4 Core ที่ประหยัดพลังงาน แน่นอนว่าชิปเดียวก็มีความสามารถเยอะมาก พร้อมกับชิป Titan M2 ปกป้องความปลอดภัยที่ดีขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับ มีการสัญญาว่าจะมอบ Security Patch นานถึง 5 ปีสำหรับ Pixel 6

pix3

มาถึงเรื่องขนาดของเครื่องกันดีว่า Pixel 6 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 1080p เลือกใช้ Panel แบบ AMOLED มีค่า Refresh Rate 90Hz ส่วน Pixel 6 Pro จะได้หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1440p พร้อมกับ Refresh Rate 120Hz เป็นหน้าจอแบบ LTPO AMOLED สามารถปรับค่า Refresh Rate เพื่อประหยัดพลังงาน ครอบทับด้วย Gorilla Glass Victus เหมือนกันทั้งคู่ และยังได้หน้าจอโค้งสำหรับ Pixel 6 Pro และมีระบบสแกนนิ้วในหน้าจอทั้งคู่

pix4

ทางด้านกล้องของ Pixel 6 และ Pixel 6 Pro จะได้กล้องหลักเหมือนกันคือ 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Samsung GN1 ขนาด 1/1.3 นิ้ว และมีกล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่จะแตกต่างคือ เลนส์ Telephoto ความละเอียด 48 ]นพิกเซลรองรับการซูมแบบ 4x Optical Zoom และมี Super Res Zoom โดยสามารถเลืองซูมได้มากสุด 20 เท่า แบบไม่มีแตก

ส่วนกล้องหน้า Pixel 6 Pro ได้ความละเอียด 11.1 ล้านพิกเซล และ Pixel 6 จะได้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ส่วนแบตเตอรี่ของ Pixel 6 จะมีขนาด 4600 mAh แต่สำหรับ Pixel 6 Pro จได้ขนาด 5000 mAh ทั้งคู่รองรับกำลังชาร์จไฟ 30W ให้และรองรับ Wireless Charge ที่กำลังระหว่าง 21/23W ทั้งหมดนี้จะต้องซื้อที่ชาร์จ Pixel Stand Charger และ ปลั๊กไฟแยกตางหาก

ความฉลาดที่มีอยู่ใน Pixel 6 

นอกจากเรื่องสเปกที่บอกไปแบบหมดเปลือกแล้ว Pixel 6 ยังมีการติดตั้งฟีเจอร์ฉลาดเช่น Magic Eraser ที่จะลบคนหรือวัตถุออกไปได้ พร้อมกับป้องกันถ่ายภาพคนแล้วหน้าเบลอ และยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ในการถ่ายภาพ Portrait Mode ที่ทำให้จัดการรายละเอียดของภาพที่ดีมากขึ้น พร้อมกับโหมดถ่ายภาพกลงคืนที่ดีกว่ารุ่นเดิม

รองรับฟีเจอร์ Live Translate ที่นอกเหนือจากการถ่ายภาพแปลภาษาแล้วยังรองรับการพูดแล้วอ่านได้รองรับมากถึง 55 ภาษา ซึ่งชิป Tensor สามารถอ่านได้ในบางภาษาตัวอย่างเช่น ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, โปรตุเกส, สเปน ที่กล่าวมาคือรองรับแบบ Offline

และยังสามารถให้ Google Assistant ทำความสามารถไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรอสายให้กดปุ่มอะไรตามที่เราต้องการก็ได้ และรวมไปถึงการปรับแต่งภาพอัตโนมัติผ่าน Google Photo

สีสันของ Pixel 6 จะมีทั้งหมด 3 สีได้แก่ Cloudy White, Sorta Sunny, Stormy Black ความจำมีให้เลือกทั้ง Ram12GB / 128GB, RAM 12GB / 256GB และ RAM 12GB/ 512GB โดยราคาเริ่มต้นที่ 899 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 30,xxx บาท

pix8

ส่วน Pixel 6 จะมีผิวเฟรมเป็นโลหะพร้อมกับ 43 สีให้เลือกคือ Sorta Seafoam, Kinda Coral, Stormy Black โดยมีรุ่น RAM 8/128GB และ RAM 8/256GB ทั้งหมดนี้เริ่มต้นราคา 599 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,xxx บาท เริ่มเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ในประเทศที่จำหน่ายโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Construction Robotics เทคโนโลยีที่จะพลิกโฉมวงการก่อสร้างในอนาคต

เมื่อโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัล การเข้ามาของเทคโนโลยีอันล้ำสมัยในกระบวนการผลิตเป็นสิ่งที่เห็นได้อย่างคุ้นตา และจะเข้ามาแทรกแซงแรงงานอย่างแน่นอน เห็นได้จากตัวเลขการจ้างงานอุตสาหกรรมก่อสร้างในอเมริกา ที่ลดลงตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน…

วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Construction Robotics หรือหุ่นยนต์ก่อสร้าง ที่น่าจับตามองอย่างมากในการเข้ามาสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับวงการก่อสร้างในอนาคต

Construction Robotics หรือ หุ่นยนต์ที่ใช้ในการก่อสร้าง กำลังได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และอังกฤษ นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ปัญหาเรื่องแรงงาน เพราะสามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันต่อสัปดาห์

การเข้ามาของหุ่นยนต์ทำให้หลายบริษัทมุ่งพัฒนาไปที่เรื่องของระยะเวลาที่ใช้ในการสร้างอาคาร และนำไปช่วยในส่วนงานรื้อถอนอาคาร ด้วยความสามารถในการรื้อถอนคอนกรีตที่ถูกและปลอดภัยกว่าการใช้แรงงานคน นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยงานดูแลรักษาอาคาร เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาดหน้าต่าง เป็นต้น

Robotics Business Review สรุปข้อดีของ Construction Robotics ที่จะพลิกโฉมประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมก่อสร้างไว้ดังนี้…

1. ลดต้นทุนค่าจ้างแรงงานในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ที่ต้องการกระแสเงินสดในปริมาณที่สูงมาเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นหุ่นยนต์และจักรกลอัตโนมัติทั้งหลาย ซึ่งนอกจากจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถเช่าใช้ หรือเช่าซื้อด้วยทุนที่ต่ำกว่า

2. เพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง เพราะหุ่นยนต์จะคงมาตรฐานตามการออกแบบของวิศวกรและสถาปนิก ซึ่งขั้นตอนการทำงานและการตรวจสอบจะเชื่อถือได้ด้วยกลไกการวัดและประเมินที่มีประสิทธิภาพ

3. ข้ามข้อจำกัดในการก่อสร้างและประกอบติดตั้ง เพราะสามารถทำงานที่ยากและเสี่ยงแทนมนุษย์ได้ รวมถึงความสามารถในการผลิตชิ้นงานสำหรับอาคารแบบ On-Demand ทำให้งานด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

4. ควบคุมหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลในงานก่อสร้างระยะไกล ด้วยอุปกรณ์อย่างมือถือหรืออุปกรณ์สวมใส่ตระกูล Wearable ทั้งหลาย ที่ออกแบบมาเพื่องานก่อสร้างและวิศวกรรม ที่รองรับตั้งแต่สัญญาณควบคุมไร้สายระยะใกล้ จนถึงกลไกการควบคุมผ่านดาวเทียมก็ทำได้หากจำเป็น

5. ประสิทธิภาพสูงสุดของ Supply Chain และ Logistics ในงานก่อสร้าง สามารถคำนวณเวลางานแต่ละคำสั่งได้อย่างแม่นยำ ทำให้การวางแผนงานมีประสิทธิภาพและแม่นยำตามตารางงาน

รายงาน “หุ่นยนต์ก่อสร้างและรื้อถอน” ของ Tractica แสดงให้เห็นว่ามีความสนใจที่เพิ่มขึ้นในหุ่นยนต์ก่อสร้าง โดยจากเดิมสร้างรายได้จาก 22.7 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 ไปเป็น 226 ล้านดอลลาร์ในปี 2568 นอกจากนี้รายงานยังกล่าวว่าหุ่นยนต์ก่อสร้างมากกว่า 7,000 ตัวจะถูกนำไปใช้ จัดการกับงานก่อสร้างและการรื้อถอนหลายอย่าง

การเติบโตของตลาดหุ่นยนต์ก่อสร้าง มาจากการที่บริษัทขนาดกลางและบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ต้องการนำเอาหุ่นยนต์เหล่านี้มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน, ความปลอดภัย, ความเร็ว, ความแม่นยำ และการทำงานร่วมกับระบบการสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคาร

ในอนาคตอันใกล้ “ระบบ AI และหุ่นยนต์” อาจจะเข้ามา Disrupted แรงงานอย่างแน่นอน Noah Ready-Campbell Founder และ CEO ของ Built Robotics กล่าวว่า “In the future, I do think we’ll see a lot of autonomous equipment out on job sites” ในอนาคต คุณจะเห็นเครื่องกลอัตโนมัติทำงานในไซส์ก่อสร้างของเรา

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/10/2564

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a28,000.0028,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,814.0027,500.2428,600.00
ทองรูปพรรณ 90%1,632.6024,750.22n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,451.2022,000.19n/a
ทองรูปพรรณ 50%816.0012,370.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%635.009,626.60n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,880.0028,500.80n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/10/2564


ปตท.
ราคาน้ำมัน บางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9531.5531.5533.5531.5532.7031.5531.5531.5531.5531.55
แก๊สโซฮอล์ 9131.2831.2833.2831.2832.4331.2831.2831.2831.2831.28
แก๊สโซฮอล์ E2030.0430.0432.0430.0431.1930.0430.0430.0430.04
แก๊สโซฮอล์ E8523.8423.8423.84
เบนซิน 9538.9640.5639.4638.9638.96
ดีเซล B729.2929.2930.2929.2929.7429.2929.2929.2929.2929.29
ดีเซล29.2929.2930.2929.2929.7429.2929.2929.2929.2929.29
ดีเซล B2029.0429.0430.2429.3929.0429.0429.04
ดีเซลพรีเมี่ยม34.2634.4636.7435.6634.26
แก๊ส NGV15.8015.8015.80

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า