อสังหาฯ ธุรกิจแมว 9 ชีวิต 9 เดือน 3 บิ๊กเนม ฟันกำไรกว่า 1.2 หมื่นล.
โควิดล็อกดาวน์เข้ม 2 ไตรมาส ไม่สะเทือนบิ๊กเนมอสังหาฯ ” เอพี – ศุภาลัย – แลนด์แอนด์เฮ้าส์” ประเดิมเวทีอวดผลประกอบการ งวด 9 เดือนพบกำไรอู้ฟู้ โกยรวมกันกว่า 1.26 หมื่นล้าน กูรู วิเคราะห์ งานเก๋าเกม บวกพลิกพอร์ตแนวราบเข้าเป้า แบงก์โดดอุ้ม TOP10 ปล่อยกู้เต็ม 100 % ก่อนปลด LTV
ตลาดที่อยู่อาศัยไทย เดินทางผ่านพ้นจุดต่ำสุด ไตรมาส 3 ปี 2564 มาแบบยืนงง แต่ตั้งหลักได้ หลังจากเผชิญจุดเปลี่ยน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้แต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 หรือ แม้แต่วิกฤติ แฮมเบอร์เกอร์ (ซับไพร์ม) ปี 2550 ก็ยังไม่หนักหนาเท่า เพราะไม่ใช่แค่เผชิญกับปัญหาด้านเศรษฐกิจ แต่เจออีก 2 เด้ง จากปัญหาโอเวอร์ซัพพลายที่เริ่มออกลายมาตั้งแต่ปี 2561 และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากสถานการณ์โควิด-19
ขณะการล็อกดาวน์ใหญ่ ระหว่าง เดือน ก.ค – ส.ค. ช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ใน “ภาวะช็อก” รัฐออกคำสั่งห้ามเดินทาง เข้มเคอร์ฟิว สะเทือนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ กิจการห้างร้าน นายจ้าง-ลูกจ้าง และ มนุษย์เงินเดือนระส่ำ เพราะเกิดความกังวล และ ขาดความเชื่อมั่นในรายได้ อสังหาฯเองปั่นป่วยทุกกระบวนการ ตั้งแต่การก่อสร้าง กิจกรรมการขาย และ การโอนกรรรมสิทธิ์ หลังจากสถาบันการเงินเข้มงวดการออกสินเชื่ออย่างมาก
อสังหาฯผลประกอบการแกร่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สะท้อนความเป็นอยู่ของธุรกิจนี้ คือ ผลประกอบการในกลุ่มนักพัฒนาฯ ซึ่งพบแม้จะเสียหลักอย่างหนักในช่วงไตรมาส 2 และช็อกต่อจากมาตรการล็อกดาวน์เข้ม ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงสุด หยุดทุกกิจกรรมในไตรมาส 3 แต่ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Listed Companies) กลับยังสามารถรักษาระดับรายได้และกำไรได้สม่ำเสมอ ทั้งในรอบ 6 เดือน และ 9 เดือน ของปีสุดหิน 2564 นี้
ล่าสุดบิ๊กแบรนด์ในตลาดอสังหาฯ 3 รายใหญ่ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) , บมจ.ศุภาลัย และ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ประเดิมอวดผลประกอบการในรอบ 9 เดือน (ม.ค. – ก.ย.) โดยประสบการณ์ “ผ่านร้อนผ่านหนาว” มามาก และปรับตัวไว ผ่านการวางแผนรับมือทันต่อสถานการณ์อันท้าทาย ที่เกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ ควบคู่กับการบริหารพอร์ตสินค้า ทำให้ผลประกอบการของบริษัทข้างต้น ยังเติบโตต่อเนื่องและแข็งแกร่งอย่างน่าเซอร์ไพร์ส
3 บิ๊กอสังหาฯฟันกำไรอู้ฟู้
โดย นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี เผย ผลดำเนินงานของบริษัทโตฝ่าล็อกดาวน์ มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ – คอนโดฯ (รวมร่วมทุน) และธุรกิจอื่นๆ ทั้งสิ้น 30,324 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิทำได้มากถึง 3,549 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำ 0.56 เท่า ส่วนยอดขายรวม ณ สิ้นเดือน ต.ค. ทำได้มากถึง 31,210 ล้านบาท คิดเป็น 88% จากเป้าหมาย 35,500 ล้านบาทที่วางไว้ สะท้อนศักยภาพของบริษัท
” ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่อสังหาฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายและภาวะผันผวน โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจอย่างมาก แต่บริษัทฯ ยังคงรักษาสถานะการเติบโตได้อย่างคงที่ ”
ขณะ นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศุภาลัย เผยรอบ 9 เดือน บริษัทมี รายได้รวม 9 เดือนอยู่ที่ 18,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% ด้านกำไรสุทธิ 4,191 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 76% มาจากบริษัทฯมีการโอนฯคอนโดฯสร้างเสร็จใหม่ 3 โครงการ ทำให้มียอดรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ขณะยอดขาย รวม 17,553 ล้านบาท ซึ่งมาจากสัดส่วนโครงการแนวราบถึง 13,744 ล้านบาท จากการเปิดตัว 16 โครงการใหม่ ตอกย้ำ แผนรับมือมาถูกทาง
” ตลาดอสังหาฯได้ผ่านจุดวิกฤตที่สุดไปแล้ว แต่แม้ตลาดคอนโดฯจะชะลอตัว แต่พบ ตั้งแต่เดือน ส.ค. ยอดลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นั่นแสดงว่ายังมีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและความต้องการซื้ออยู่ “
เช่นเดียวกับผลดำเนินงานของ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ที่อยู่ท็อปบนสุดของตารางมาโดยตลอด ยืนหนึ่งเรื่องความแข็งแกร่งของแบรนด์บ้านระดับบน มีผลกำไรสุทธิ เติบโตอย่างหวือหวาเช่นกัน หลังจากช่วง งวด 6 เดือนแรกของปี คว้ามาแล้ว 3,613 ล้านบาท ล่าสุดประกาศงบต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อช่วงเย็น 11 พ.ย. พบงวด 9 เดือน สิ้นสุด 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ และบริษัย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 4,921.55 ล้านบาท เติบโต 2.79% จากปีก่อน ซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 4,788.01 ล้านบาท ขึ้น Top1 ยืนหนึ่งทุกสถานการณ์
เก๋าเกมทำรอดวิกฤติ
ผลงานดีเยี่ยมของอสังหาฯ 3 รายใหญ่ข้างต้น สอดคล้อง คำระบุ ของนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ ซึ่งกล่าวว่า ตลอด 2 ปี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายอุตสาหกรรมย่ำแย่ แต่ความเป็นอยู่ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลับดีกว่าที่ประเมินไว้ สะท้อนผลประกอบการของผู้พัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ ในตลท.ราว 36 ราย กินส่วนแบ่งตลาด 70% นั้น มีทิศทางตัวเลขทั้งในแง่รายได้และกำไรยังเติบโตกันดี ซึ่งมาจากการโอนฯหน่วยสร้างเสร็จได้ดี และ มีการปรับตัว ปรับพอร์ต และแตกไลน์การลงทุน
ขณะ นางสาวสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด กูรูด้านอสังหาฯ เผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไม่แปลกใจกับผลประกอบการที่เติบโตสวนกระแส โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้พัฒนาฯ ที่ปีนี้ปั้นพอร์ตแนวราบเป็นหลัก หลังจาก ตลาดคอนโดฯถูกมรสุม 2 ทาง ทั้งลูกค้าชาวจีน และกลุ่มลูกค้าคนไทยรายได้ปานกลาง-ล่าง หายไป วิเคราะห์ บมจ.ศุภาลัย เป็นบริษัทเก่าแก่เติบโตมาจากพอร์ตแนวราบเป็นหลักอยู่ก่อนแล้ว ผลงานจึงเข้าเป้า ขณะ บมจ.เอพี มีการบริหารพอร์ตสินค้ามาตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด และกระโดดกลับมาพัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ทั้งทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว ในอดีตเป็นทุนเดิม ทำให้ลูกค้าตอบรับทั้งในแง่ยอดขายและยอดโอนฯ แม้เป็นโครงการอยู่ในซอย
แบงก์อุ้มลูกค้ารายใหญ่
ส่วนในแง่การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ซึ่งสวนทางความเปราะบางด้านสินเชื่อนั้น นางสาวสุมิตรา ระบุว่า อย่างแสนสิริ เอพี ออริจิ้น ทำผลงานได้ดี เนื่องมาจากกลยุทธ์การหั่นราคาลงในหน่วยสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ เพื่อให้เข้ากับกำลังซื้อที่ลดลงของผู้บริโภคในช่วงโควิด ซึ่งลดลงราว 15% ขณะราคาคอนโดฯภาพรวมมีการลดลงอยู่ที่ 10-15% เช่นกัน ย้อนแย้งกับภาพรวมยอดขายคอนโดใหม่ (พรีเซล) ในระดับต่ำ ทุกรายจึงเร่งผลักดันการขายและโอนฯในหน่วยสร้างเสร็จ (Ready to move ) แทน อีกด้าน พบมาจาก สถาบันการเงินยังให้ความสำคัญ และมีการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าของบริษัทเหล่านี้ในสัดส่วนสูงกว่าบริษัทรายเล็กๆ
“ความได้เปรียบของบริษัทที่อยู่ใน ตลท. คือ พบว่าแม้ในสถานการณ์ไม่ดี แบงก์ก็ยังปล่อยกู้ให้ลูกค้าเหล่านี้ในวงเงินเต็ม หรือ 90% แม้ยังไม่มีการปลดล็อก LTV ด้วยซ้ำ เพราะเชื่อมั่นในแบรนด์โครงการ มีการจัดอันดับ TOP10 ดีเวลลอปเปอร์สำหรับอนุมัติสินเชื่อ เพราะหากอนาคตกลายเป็นหนี้เสีย NPL ขึ้นมา แบงก์จะสามารถนำมาขายปล่อยต่อได้ง่ายกว่าต่างจากโครงการโนเนม”
วิกฤติรายเล็กลากยาวปี 65
อีกด้าน นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของไทย วิเคราะห์ไว้ว่า ในช่วงโควิด กลุ่มอสังหาฯบ้านจัดสรร โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่และอยู่มานานมากนั้น มีคุณสมบัติที่จะทำรายได้และกำไรที่สม่ำเสมอในระดับสูง และน่าจะนานพอสมควรต่อไปในอนาคต เหตุผลก็เพราะว่าการแข่งขันโดยรายใหม่ ๆ จะมีน้อยมาก และในขณะเดียวกัน ผู้เล่นนอกตลาดหลักทรัพย์ก็จะค่อย ๆ “ตาย” ไปหมด ข้อดีของรายใหญ่ คือ มีโครงการกระจายไปทั่วกรุงเทพ และอาจจะรวมถึงจังหวัดหลัก ๆ ด้วย ทำให้ระยะเวลาขายและโอนโครงการก็จะกระจายระยะเวลาไม่เสร็จพร้อมกัน ส่งผลรายได้และกำไรแต่ละปีจะไม่ผันผวนนัก
ทั้งหมด ตอกย้ำ บทวิเคราะห์ของวิจัยกรุงศรีฯ ซึ่งเคยประเมินไว้ในช่วงโควิด ตั้งแต่ระลอกแรก ระบุ ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2563-2565 จะเหลือเพียงรายใหญ่ ที่จะประคับประคองธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้ ขณะที่ราย กลาง-เล็กจะเผชิญการแข่งขันรุนแรง และมีความเสี่ยงด้านผลประกอบการมากขึ้น จนส่งผลให้โครงสร้างของตลาดอสังหาฯ เปลี่ยนไป เป็นตลาดที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เพิ่มขึ้น ส่วนรายย่อยที่มีฐานเงินทุนไม่แข็งแกร่งอาจมีปัญหา ขาดสภาพคล่อง จนไม่สามารถแข่งขันได้ หรือต้องปิดกิจการไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ก่อนลงทุนอสังหาฯ ใน EEC ต้องรู้อะไรบ้าง
ก่อนลงทุนอสังหาฯ ใน EEC ต้องรู้อะไรบ้าง ท่ามกลาง สถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลบิ๊กตู่ เร่งขับเคลื่อน โครงการขนาดใหญ่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา พลิกโฉมภาคตะวันออกของไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่
รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) มุ่งเน้นการพัฒนาให้ภาคตะวันออกของประเทศไทย กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวแห่งใหม่
มีทั้งโครงการนิคมอุตสาหกรรม รถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ท่าเรือ สนามบิน ฯลฯ การพัฒนาดังกล่าวจะดึงดูดผู้คนทั้งไทย และต่างชาติให้หลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสดีสำหรับการลงทุนอสังหาฯ เพราะที่ไหนมีคน มีงาน มีเมือง ที่นั่นย่อมต้องการที่พักที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ แม้ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นใจ แต่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 การลงทุนอสังหาฯ ใน EEC ยังมีสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ ดังต่อไปนี้
- เลือกกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจใน EEC ส่งผลให้มีทั้งชาวต่างชาติ และคนไทยต่างถิ่นมุ่งหน้าหลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่ ทั้งผู้ที่ไปอยู่เป็นประจำเพราะย้ายถิ่นทำงาน และผู้ที่ไปแบบชั่วคราว คืออาจจะทำงาน หรือไปเที่ยวพักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่จะเกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้น การคิดจะลงทุนอสังหาฯ ใน EEC จึงควรโฟกัสตั้งแต่เริ่มให้ชัดเจนว่า
มุ่งเน้นจับกลุ่มเป้าหมายแบบใด เพราะ ชาวต่างชาติที่มาทำงานใน EEC ก็จะมีรสนิยมในการเลือกที่พัก หรือที่อยู่อาศัยแบบหนึ่ง แต่ละชาติก็แตกต่างกันไป ส่วนคนไทยที่ย้ายถิ่นมาทำงาน ก็จะมีความต้องการอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นก็ยังแบ่งย่อยลงไปให้ลึกอีกได้ว่า จะเน้นจับกลุ่มครอบครัว หรือว่ากลุ่มคนโสด ฯลฯ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการอสังหาฯ ที่แตกต่างกัน
ดังนั้น หากเราเลือกเป้าหมายได้ชัด การเลือกรูปแบบอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด เพื่อปล่อยเช่า หรือขายต่อของเรา ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น
2.เลือกทำเลอย่างพิถีพิถัน
คำว่า EEC นั้น หมายรวมถึงพื้นที่ 3 จังหวัดด้วยกัน ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งแม้ภาพรวมจะมองได้ว่าภาคตะวันออกได้รับการพัฒนาทั้งหมด แต่กับการลงทุนอสังหาฯ แล้ว การเลือกทำเลที่ดีย่อมมีโอกาสทำให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายมากกว่า จึงควรโฟกัสให้ดีก่อนว่าจะเลือกลงทุนในจังหวัดใดของ EEC และพื้นที่ใดที่มีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากที่สุด
อาทิ อาจโฟกัสไปที่ อำเภอใหญ่ ๆ ของแต่ละจังหวัดเป็นหลัก เช่น สัตหีบ ศรีราชา ในชลบุรี หรือ หรืออำเภอเมืองระยอง ในจังหวัดระยอง เป็นต้น เพราะเมืองใหญ่ ๆ จะเป็นแหล่งกระจุกของความเจริญที่สุด จึงทำให้มีโอกาสมากกว่า แต่เราก็ต้องทำการบ้านศึกษาข้อมูลในแต่ละพื้นที่ด้วยว่า ความเจริญใดบ้างจะไปถึงตรงนั้น เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจให้ได้แม่นยำมากที่สุด
3.ติดตามข้อมูลข่าวสารในพื้นที่ EEC อย่างใกล้ชิด
ข่าวสาร อาทิ เช่นความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรสำรวจและติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะหากโครงการต่าง ๆ มีความล่าช้า ก็อาจส่งผลกระทบต่อการวางแผนการลงทุนของเราเช่นกัน ในขณะเดียวกัน ข้อมูลความเคลื่อนไหวในแวดวงอสังหาฯ ด้วยกันก็จะช่วยให้เราตัดสินใจและวางแผนการลงทุนได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เช่น สถานการณ์ด้านอุปทานที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัด EEC ที่จะทำให้เราทราบแน้วโน้มการเติบโตของอสังหาฯ ใน EEC ได้ว่า จะมีโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากเพียงใด
ตลอดจนสถานการณ์ด้านอุปสงค์ ที่จะทำให้ทราบตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดในพื้นที่จังหวัด EEC ที่จะทำให้เราคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของตลาดได้ว่า มีมากหรือน้อยแค่ไหน อันจะนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบรัดกุมที่สุด
แม้โครงการพัฒนาต่าง ๆ จะทำให้เห็นโอกาสการลงทุนอสังหาฯ ในพื้นที่ EEC อย่างชัดเจน หากแต่หัวใจสำคัญของการลงทุนอสังหาฯ ก็ยังไม่คงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ ทำเล และ กลุ่มเป้าหมายจะต้องเหมาะสมสอดคล้องตรงโจทย์ตามความต้องการให้ได้มากที่สุด รวมถึงยังต้องอาศัยข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน
อาทิ ข้อมูลคู่แข่ง ข้อมูลความต้องการของลูกค้า ข้อมูลความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ฯลฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุด ดังนั้น หากตั้งจะจะลงทุนอสังหาฯ ในพื้นที่ EEC ให้ประสบความสำเร็จแล้ว จึงควรใส่ใจกับเรื่องของการวางแผน และศึกษาข้อมูลให้เต็มที่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แนวโน้มหุ้นไทยดัชนีมีโอกาสรีบาวด์
แนวโน้มหุ้นไทย 15พ.ย.64 ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ หลังได้ปัจจัยบวกจากในประเทศ
เมื่อวันที่ 15พ.ย.64 นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ หลังการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาเกือบจะหมดแล้ว ซึ่งออกมาก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ตลาดคาด และในไตรมาส 4/64 ถึง ปี 65 ก็คาดว่าจะดีขึ้น
นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันก็ลดลงมาก วันนี้มีจำนวน 6,300 กว่าราย ต่ำกสุดในรอบ 4 เดือน น่าจะช่วยหนุนหุ้น Domestic play และกลุ่ม Reopening ได้
ส่วนการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ออกมาแล้วก็ไม่ได้กระทบตลาดฯมาก และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ทำให้มีโอกาสที่ Fund Flow ไหลเข้า โดยเช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ 32.68 บาท/ดอลลาร์ฯ แข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน แต่ราคาน้ำมันปรับฐาน และค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงไปมาก ทำให้กลุ่มพลังงานอาจจะมากดดันตลาดฯได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ ในช่วงรอดูทิศทางต่าง ๆ จากฝั่งสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราก็ติดตามการทยอยประกาศงบฯต่อไปในส่วนที่เหลือที่ยังไม่ออกมา และรอดูภาครัฐฯจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มอีกหรือไม่ รวมถึงติดตามทิศทางการเมืองในประเทศด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,628 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,645 จุด
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“กมลชนก-อดิศักดิ์-ปรม-พิมพ์พัณ” แรงเต็มสปีด! คว้าชัย “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต” สนามเชียงใหม่
ระเบิดพลังความมันส์ให้สายสปีดได้ร่วมลุ้นและพิสูจน์ความเร็วแรงเต็มสมรรถนะของการแข่งขันรถยนต์วันเมคเรซยอดนิยม “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต 2021” Spirit to push the limits สนามที่ 3 โดยมี นายวีระเกียรติ์ วัฒนวีรเดช รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายสงค์ศักย์ คำดีรุ่งริรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยภาค 5 ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่ และตัวแทนผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดงานในระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน 2564 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จ.เชียงใหม่ โดยมี มารี เบรินเนอร์ และอัครวุฒิ มังคลสุต พร้อมเหล่านักแข่งร่วมลงสนามชิงชัยใน 4 รุ่นการแข่งขัน ท่ามกลางมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด
เปิดสนามที่ 3 ต้อนรับเหล่านักแข่งในรูปแบบสตรีทเซอร์กิต เพื่อพิสูจน์สมรรถนะด้วย 4 รุ่นการแข่งขัน ประเดิมการแข่งขันรุ่นแรกด้วย วีออส เลดี้ วันเมคเรซ ที่มีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” สังกัด โตโยต้า เรซซิ่ง สตาร์ทีม ลงสนาม แม้นักแข่งสาว ๆ หลายคนจะยังไม่มีประสบการณ์ในสนามเชียงใหม่แต่ก็สู้เต็มที่เพื่อเก็บคะแนนและชิงตำแหน่งแชมป์ประจำสนาม จบการแข่งขัน อันดับ 1 กมลชนก บุญคร่ำ หมายเลข 199 จากทีม Sittipol Group, อันดับ 2 กุลนิภา อินทรศิริ หมายเลข 197 จากทีม Forteezza Racing Team, อันดับ 3 สรัญญา กิจหว่าง หมายเลข 126 จากทีม Skzic Tunebyaot Racing Team, อันดับ 4 ณัฐนิช สมิตชาติ หมายเลข 158 จากทีม KS Team Thailand และอันดับ 5 สุดารักษ์ พงศ์อายุกูล หมายเลข 155 จากทีม NOC NOC SCG BY WOOTBANGBON
ส่งต่อความมันให้กับรุ่น วีออส วันเมคเรซ รุ่นนี้เป็นการแข่งขันของนักแข่งหนุ่มหน้าใหม่ รวมถึงนักแสดงหนุ่ม “ปังปอนด์-อัครวุฒิ” สังกัด โตโยต้า เรซซิ่ง สตาร์ทีม และมีนักแข่งหญิงแกร่งเพียงคนเดียวคือ นีเน่-เมฆรัชคีฏาก์ ลงสนาม ดีกรีความสนุกอยู่ที่เกมการแข่งขันพลิกไปพลิกมาผู้นำสลับอันดับลุ้นกันสุดมันจบการแข่งขัน ผลปรากฏว่า อันดับ1 อดิศักดิ์ ตั้งพูลเจริญ หมายเลข 26 จากทีม B-quik Racing, อันดับ 2 ณัฐนันท์ คฤโฆษ หมายเลข 23 จากทีม Nexzter S-Oil By Super Oil Thailand, อันดับ 3 บัณฑิต ลัดดาแย้ม หมายเลข 19 จากทีม WISE & TKS Motorsport, อันดับ 4 ณัฐวุฒิ สิทธิ์คำทับ หมายเลข 38 จากทีม Nexzter TKSMOTORSPORT และอันดับ 5 เมฆรัชคีฏาก์ กะลันตานนท์ หมายเลข 98
มาดูพลังความแรง แกร่งดุดันกันต่อในรุ่น ไฮลักซ์ รีโว่ วันเมคเรซ กับบทพิสูจน์ของกระบะสายพันธุ์แกร่งกับช่วงล่างที่หนึบและสมรรถนะที่แรงสุด ผลปรากฏว่า อันดับ 1 ปรม พวงงาม หมายเลข 54 จากทีม Carzanova Racing Team ที่ขึ้นนำม้วนเดียวจบรับแชมป์แรกของตัวเองได้สำเร็จ อันดับ 2 เขมรัช ขอนพุดซา หมายเลข 95 จากทีม บุญธรรมออโต้เซอร์วิสอุตรดิตถ์ทีม และอันดับ 3 พิตติพล พรหมโชติกุล หมายเลข 85 จากทีม Nexzter paco racing team
ส่งท้ายความสนุกในสตรีทเซอร์กิตจังหวัดเชียงใหม่ ในรุ่น โคโรลล่า อัลติส จีอาร์ สปอร์ต วันเมคเรซ ที่ดีกรีความร้อนแรงไม่มีแผ่ว ดราม่ามาเต็มบีบหัวใจผู้ชมในสนามตลอดการแข่งขัน จบการแข่งขันปรากฏว่าอันดับ 1 พิมพ์พัณ หงษ์ปาน หมายเลข 101 จากทีม Sittipol Group ขับได้ยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ประจำสนาม, อันดับ 2 Kentaro Chiba หมายเลข 3, อันดับ 3 สุรศักดิ์ ดาเก็ง หมายเลข 22 จากทีม Nexzter Racing Team, อันดับ 4 พฤฒิพงษ์ ลีฬหนันทน์ หมายเลข 68 จากทีม TMC-DRIVE68 BY WOOT BANG BON3 และอันดับ 5 เพียว หงษ์ปาน หมายเลข 100 จากทีม Sittipol Group
นอกจากนั้นแฟนๆ สายสปีด ยังได้ร่วมสนุกและตื่นเต้นไปกับกิจกรรมต่างๆ ที่จัดเตรียมไว้ อาทิ GR Battle Drift Show จากสุดยอดฝีมือดริฟต์คิงแชมป์รายการดีวันกรังปรีซ์จากประเทศญี่ปุ่น ที่โชว์ลีลาดริฟต์สุดเร้าใจด้วยรถสายพันธุ์สปอร์ตทั้ง GR Supra, Hilux Revo GR Sport และ Corolla Altis GR Sport โชว์พิเศษ Toyota Gazoo Racing Team Thailand Champion Show จากตัวจริงของทีมแข่งและรถแข่งที่ไปคว้าแชมป์โลก 2 ปีซ้อน พิเศษกับมหกรรม “Hilux Revo Racing Mania” Free Run Fun Drag มี้ทแอนด์กรี๊ดกับนักแข่งนำทีมโดย 2 นักแข่งดาราจาก Toyota Racing Star Team “มารี เบรินเนอร์” และ “ปังปอนด์-อัครวุฒิ”
ร่วมติดตามความสนุกของการแข่งขัน “Toyota Gazoo Racing Motorsport 2021” สนามที่ 4 ระหว่างวันที่ 4-5 ธันวาคม 2564 ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้แฟนๆ ยังสามารถชมการแข่งขันย้อนหลัง ภาพบรรยากาศความสนุกและร่วมติดตามนักแข่งคนโปรดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ToyotaGazooRacingMotorsportThailand และ IG:ToyotaGazooRacingMotorsport
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
6 วิธีการบริหาร “สายตา” ง่ายๆ คลายความเมื่อย-ตาล้า
ในหนึ่งวัน คนเราใช้สายตาตลอดเวลา ยกเว้นแค่เวลานอน ไม่ว่าจะเป็นการ ทำงาน, เล่นเกม, อ่านข่าว หรือดูสิ่งที่สนใจ แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนนั้น ล้วนแล้วแต่ทำร้ายดวงตาของเรา บางคนที่จ้องหน้าจอนานๆ อาจจะเกิดอาการตาล้าหรือปวดตาได้ วันนี้เรามี 6 วิธีการบริหารดวงตาง่ายๆ ที่จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นมาฝากทุกคนกัน
วิธีบริหารสายตาง่ายๆ ใช้เวลาไม่นาน
- กะพริบตาทุก 4 วินาที เมื่อจ้องคอมพิวเตอร์นานเกินไปไม่กระพริบตาเลย ทำให้ตาแห้งและกระพริบตาลดลงจาก 20-22 ครั้ง/นาที เหลือเพียง 6-8 ครั้ง/นาที ทำให้เกิดความรู้สึกเพลียสายตา และทำให้ตาแห้งจนเกิดอาการแสบตา ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ตาแห้ง จนต้องเพ่งสายตาทำงานมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้คุณกะพริบตาทุกๆ 4 วินาที
- กรอกดวงตา ในขณะทำงานเกิดเมื่อยกล้ามเนื้อตาเราสามารถคล้ายกล้ามเนื้อตาที่เมื่อยล้าได้ด้วยการ กรอกตาไปมาจากซ้ายไปขวา จากนั้นสลับมากรอกตาจากบนลงล่าง ทำต่อเนื่องกัน 5 – 10 ครั้ง จะช่วยบรรเทาอาการตาล้าหรือปวดตาได้
- ซิทอัพดวงตา หากคุณมีเวลา ให้คุณหลับตาลงแล้วเหลือบขึ้น-ลง สักพัก จากนั้นลืมตาขึ้นแล้วกวาดสายตามองผ่านๆ ประมาณ 1 นาที เสร็จแล้วเริ่มยกใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้ให้หลับตาไปด้านซ้าย-ขวา ประมาณ 1 นาที จากนั้นลืมตาขึ้นแล้วมองผ่านๆ อีกรอบ เว้นระยะห่างสัก 2-3 นาที แล้วเริ่มบริหารตาใหม่อีกครั้ง หรือจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น
- ประคบดวงตาด้วยฝ่ามือ ในขณะที่คุณนั่งทำงานอยู่ แล้วรู้สึกล้าสายตาขึ้นมา ให้ถูฝ่ามือทั้งสองข้างพอให้เกิดความร้อน จากนั้นทำมือเป็นรูปทรงคล้ายถ้วย หลับตา และประคบไปที่ดวงตาทั้งสองข้าง ทิ้งไว้สักครู่ ไออุ่นจากฝามือคลายจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดวงตา คลายความเกร็งของกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าได้
- พักสายตาสักนิด ลดตาล้า แสงสีฟ้าจากหน้าจอ ล้วนทำให้เราปวดตา ดังนั้นควรพักสายตาทุกชั่วโมง โดยการมองไปทางอื่น มองไปที่ไกลๆ หรือมองไปที่ๆมีสีเขียวเยอะๆ จะช่วยให้อาการตาล้าดีขึ้นได้ประมาณ 5-10 นาที ดังนั้นควรพักสายตาทุกครึ่งชั่วโมง จะช่วยให้ดวงตาเราหายเมื่อยล้าได้
- กวาดสายตาระยะไกล ในขณะเพ่งหน้าจอ บางทีเราก็ไม่รู้ตัวว่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้จอมากแค่ไหน ซึ่งการที่เราใช้สายตาในระยะใกล้ๆ นั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่พาให้สายตาล้า และเพลียมากๆ แนะนำ ให้ถอยห่างออกจากจอคอมพิวเตอร์เท่าที่จะเป็นไปได้ และปรับระยะโฟกัสสายตาด้วยตัวเองบ่อยๆ โดยวิธีก็แค่ถอยออกไปอยู่หน้าประตูห้อง หรือมุมไหนของห้องก็ได้ ที่จะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของห้องกว้างที่สุด แล้วกวาดสายตามองสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในห้องเป็นแนววงกลม อาจจะไล่มองจากทีวี โซฟา โต๊ะทำงาน หน้าต่าง หรืออื่นๆ เป็นต้น แค่นี้ก็เหมือนได้ยืดเส้นยืดสายให้กล้ามเนื้อตาได้เยอะแล้ว
เป็นยังไงบ้างกับ 6 วิธีการบริหารดวงตา อาการตาล้าไม่เข้าใครออกใครดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่เราควรต้องทะนุถนอมดูแลให้ดี พยายามหลีกเลี่ยงการใช้สายตาหนักๆ เพราะดวงตาของเราก็บอบบางกว่าที่คิด นอกจากวิธีบริหารดวงตาแล้ว เราก็สามารถเลือกกินอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาได้ หรือหาอุปกรณ์เสริม เช่น แว่นกรองแสงมาใส่ ไม่เล่นโทรศัพท์เมื่อปิดไฟ รวมถึงการหาเวลาว่างเพื่อตรวจสายตาเป็นประจำก็จะช่วยยืดอายุดวงตาของเราไปได้อีกนาน
หากพบปัญหาเกี่ยวกับดวงตาแนะนำให้พบแพทย์ทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Normal English vs Advanced English ใครอยากเก่งภาษาอังกฤษแบบขั้นสูงปรี๊ด ต้องโดน
บทความนี้เขียนมาเอาใจคนที่อยากเก่งภาษาอังกฤษแบบขั้นสูงปรี๊ด ฮ่าๆ แอดเชื่อว่า เรียนมาจนถึงตอนนี้ หลายคนคงต้องจำประโยคพื้นฐานที่ใช้ในภาษาอังกฤษได้บ้างแล้วหล่ะค่ะ ไม่ว่า How are you? I’m very hungry. หรือ I’m very happy. เป็นต้น แต่วันนี้ เราจะเบรคกรอบความเบสิคนั้น แล้วไปดูกันดีกว่าว่า ภาษาอังกฤษแบบ Advanced นั้นเขาจะใช้ จะพูดแบบไหน ไปอ่านกันนน!
1. Normal English : How are you?
Advanced English : How’s it going?
ความหมาย “เป็นยังไงบ้าง ”
2. Normal English : I’m very hungry.
Advanced English : I’m starving.
ความหมาย “ ฉันหิวมากกกก ”
3. Normal English : Let’s talk later.
Advanced English : Let’s catch up later.
ความหมาย “ ไว้คุยกันทีหลังนะ ”
มาจากคำกริยาวลี to catch up ที่มีหลายความหมายมาก แต่ในที่นี้หมายถึง คุยกัน นั่นเอง
4. Normal English : Hurry up, we’re gonna miss the bus.
Advanced English: Chop chop, we’re gonna miss the bus.
ความหมาย “ เร็วเข้า พวกเราจะตกรถกันแล้ว ”
เพราะ Chop chop เป็นคำอุทาน หมายถึง เร็วเข้า ใช้บอกเวลาที่เราต้องการให้ใครรีบทำบางสิ่ง
5. Normal English : I like you a lot.
Advanced English : I’m so into you.
ความหมาย “ ฉันชอบคุณมากๆ ”
มาจากสำนวน to be into something/someone ที่แปลว่า ชอบนั่นเอง
6. Normal English: I’m very tired.
Advanced English : I’m exhausted.
ความหมาย “ ฉันเหนื่อยมากกกก ”
ได้เจอะเจอกันบ่อยแน่นอน กับคำนี้ exhausted ที่เป็นคำคุณศัพท์ เมื่อใช้ตามหลัง V. to be ใช้อธิบายถึงความรู้สึกเหนื่อยมาก
7. Normal English : It’s just small mistakes. Why are you so angry ?
Advanced English : It’s just small mistakes. Why are you so pissed off ?
ความหมาย “ มันเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดเล็กน้อยเท่านั้น ทำไมคุณต้องโกรธมากขนาดนั้นด้วย ”
มาจากคำคุณศัพท์ pissed off ที่แปลว่า โกรธ อย่าลืมใส่ไว้ตามหลัง V. to be นะ!
8. Normal English : I’m very happy with my achievement.
Advanced English : I’m over the moon with my achievement.
ความหมาย “ ฉันมีความสุขมากกับการบรรลุผลสำเร็จของฉัน ”
มาจากวลี to be over the moon ที่แปลว่า รู้สึกยินดี, มีความสุข, พึงพอใจมาก มักตามด้วยคำบุพบท about/with
9. Normal English : I didn’t pick up your call because I fell asleep.
Advanced English : I didn’t pick up your call because I nodded off.
ความหมาย “ ฉันไม่ได้รับสายเธอเพราะว่าเผลอหลับไปหน่ะ ”
มาจากคำกริยา to nod off แบบไม่เป็นทางการ ที่หมายถึง หลับแบบสัปหงก คอตก
10. Normal English : I beg you to stop wasting time and start doing something.
Advanced English : I beg you to stop faffing about and start doing something.
ความหมาย “ ฉันอ้วนวอนให้คุณหยุดใช้เวลาอย่างสิ้นเปลืองและเริ่มทำบางสิ่งซักที ”
มาจากคำกริยา to faff about/around หมายถึง ใช้เวลาเรื่อยเปื่อยไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นมากกว่าทำสิ่งที่ควรทำ
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
เปิดแล้ว “G.LAB Digital Makerspace” คอมมูนิตี้ใหม่ คนดิจิทัล
ดีป้า จับมือกราวิเทคไทย เปิดศูนย์ “G.LAB Digital Makerspace” คอมมูนิตี้แห่งใหม่ นวัตกรรมด้าน IoT แหล่งบ่มเพาะคนดิจิทัล
G.LAB Digital Makerspace ศูนย์กลางการให้บริการสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมด้าน IoT แบบครบวงจร พื้นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านออกแบบและสร้างสรรค์อุปกรณ์ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ที่เกิดจากความร่วมมือของดีป้าและบริษัท กราวิเทคไทย (ไทยแลนด์) จำกัด เผยโฉมแล้ว แต่จะอลังการแค่ไหน ต้องติดตาม
เปิดตัวไปเมื่อวันก่อน สำหรับ “G.LAB Digital Makerspace” ศูนย์กลางการให้บริการสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมด้าน IoT แบบครบวงจร เพื่อเป็นพื้นที่ให้นักพัฒนา ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานของนวัตกรรมดิจิทัล ต่อยอดสู่การออกแบบสินค้า หรือบริการที่เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างสูงสุด
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เล่าให้ฟังถึงที่มา “G.LAB Digital Makerspace” ว่า นายชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้มอบหมายให้ ดีป้าเร่งขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยส่งเสริมให้การออกแบบนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน
ดีป้าจึงร่วมมือกับบริษัท กราวิเทคไทย (ไทยแลนด์) จำกัด ในการจัดตั้งศูนย์ “G.LAB Digital Makerspace” ขึ้น ศูนย์กลางการให้บริการสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมด้าน IoT แบบครบวงจร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมครบวงจร สนับสนุนนักรบทางเศรษฐกิจดิจิทัลผลักดันประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ศูนย์ G.LAB Digital Makerspace เป็นโครงการที่เตรียมพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ และปัจจัยต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างไอเดีย ให้กับกลุ่มนักนวัตกรรม สตาร์ทอัพไทย นักศึกษา ตอลดจนบุคคลทั่วไป ที่ต้องการสร้างสรรค์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยี
โดยศูนย์แห่งนี้จะทำหน้าที่ ตั้งแต่เริ่มให้คำปรึกษา แนวความคิดและความเป็นไปได้ พร้อมทำการออกแบบ Prototype และการทดสอบการใช้งาน ตลอดจนดูแลให้คำปรึกษาด้านเทคนิค จากผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงกระบวนการผลิตออกจำหน่ายสู่ท้องตลาด ซึ่งจะเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้งานและจำหน่ายได้จริง รวมถึงเป็นพื้นที่ในการจัดฝึกอบรมด้านการออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลของประเทศ
ด้าน ดร.ชานนท์ ตุลาบดี ประธานกรรมการ บริษัท กราวิเทคไทย (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน สตาร์ทอัพเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในวงการธุรกิจ ซึ่งพฤติกรรมการประดิษฐ์สิ่งที่ต้องการใช้สอยเอง เป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ดังนั้นเทคโนโลยีจึงมีความสำคัญในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
“G.LAB Digital Makerspace เกิดจากนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ Smart Gadgets รวมถึง IoT, AI, 5G, Robotics และอื่น ๆ เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกๆ มิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และนักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางระดับแนวหน้า เพื่อบ่มเพาะ ยกระดับ เพิ่มศักยภาพ เตรียมพร้อมกำลังคนดิจิทัล ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศที่สำคัญ เข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ”
สำหรับ ศูนย์ G.LAB Digital Makerspace แห่งแรกนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ชั้น 2 อาคารดีป้า ลาดพร้าว เป็นศูนย์กลางการให้บริการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมด้าน IoT ที่ครบวงจร ทั้งการให้บริการอุปกรณ์และการจัดอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้การออกแบบ สร้างสรรค์อุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ดิจิทัล
พร้อมทั้งยังมีแผนการต่อยอดจัดตั้งศูนย์แห่งที่สอง ในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท กราวิเทคไทยฯ ทำหน้าที่เป็นฐานการผลิตชิ้นงานต้นแบบ IoT โดยใช้เทคโนโลยี Rapid Prototyping อาทิ SMD Circuit Board Assembly, CNC, 3D Printing, 3D Scanner, Laser Cutting, Water Jet Cutting, Vacuum Forming ฯลฯ
พร้อมทั้งให้บริการทดสอบอุปกรณ์ IoT เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับเมกเกอร์เข้ามาทำงานใกล้ชิดกับฝ่ายผลิต เพื่อให้ออกแบบและทดลองผลิตได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดระยะเวลาการออกแบบ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง ออกสู่ตลาดรวดเร็วมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ดอกบัว” สรรพคุณ-ประโยชน์ เป็นอาหารที่มีคุณค่า เป็นยาก็ช่วยต้านโรค
“ดอกบัว” เราสามารถพบเห็นดอกไม้ชนิดนี้กันได้มากก็ตามวัดวาอารามต่างๆ หรือในงานพิธีสำคัญทางศาสนา แต่ประโยชน์ของดอกบัวนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เป็นดอกไม้มงคลเท่านี้นะ เพราะดอกบัวยังเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงาม แถมมีคุณค่าทางสารอาหารอยู่มากมายจึงใช้เป็นอาหารได้ด้วย ที่น่าสนใจอีกข้อคือมีสรรพคุณช่วยทำให้สุขภาพดีและแข็งแรง ส่วนจะดีมากน้อยอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ
หากจำแนกชนิดดอกบัวตามพฤกษศาสตร์แล้ว ดอกบัวมี ๒ ประเภท คือ
1. บัวหลวง (ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Lotus ภาษาไทยใช้คำว่า “ปทุมชาติ”) ลักษณะของบัวหลวง มีลำต้นอยู่ใต้ดินแบบเหง้าและไหล เมื่อเป็นต้นอ่อนจะมีลักษณะเรียวยาวทอดอยู่ในตม แต่เมื่อโตเต็มที่จะมีต้นที่อวบอ้วนขึ้น มีข้อเป็นปล้องที่สามารถเกิดราก ใบ และแตกหน่อเป็นดอกใหม่ได้
ลักษณะของใบ เป็นใบเดี่ยว กลมใหญ่สีเขียวอมเทา ดอกสามารถชูได้เพียงสองหรือสามวันเท่านั้น ขอบใบยกผิวด้านบนมีขนอ่อน ๆ ทำให้เมื่อโดนน้ำจะไม่เปียกน้ำ เมื่อใบอ่อนใบจะลอยปิ่มน้ำ ส่วนใบแก่ชูพ้นน้ำ ก้านใบและก้านดอกมีหนาม ส่วนดอกเป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ชูสูงพ้นผิวน้ำ ประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 4-6 กลีบ มีทั้งชนิดดอกซ้อนและไม่ซ้อน สีของกลีบดอกมีทั้งสีขาว สีขมพู และสีเหลือง (แล้วแต่สายพันธุ์) มีกลิ่นหอมอ่อนๆ บานในเวลากลางวัน มักพบดอกบัวชนิดนี้ในทางทวีปเอเชียตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ ดอกบัวประเภทนี้มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนจึงปลูกได้ในประเทศไทย ประกอบกับกลีบดอกที่ใหญ่ สวยงาม คนไทยจึงนิยมนำดอกบัวหลวงจัดใส่แจกัน บูชาพระและใช้ประกอบในพิธีทางศาสนา
2. บัวสาย (ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Water Lily ภาษาไทยใช้คำว่า “อุบลชาติ”) ลักษณะของบัวสาย มีลำต้นอยู่ใต้ดิน เป็นหัวหรือเป็นเหง้า ใบและดอกเกิดจากตาหรือหน่อ เติบโตขึ้นมาที่ผิวน้ำด้วยก้านส่งใบและยอด บางชนิดมีใบอยู่ใต้น้ำ ใบเป็นใบเดี่ยว โดยขอบใบมีทั้งแบบเรียบและแบบคลื่น ผิวใบด้านบนเรียบเป็นมัน ด้านล่างมีขนละเอียดหรืออาจไม่มี ดอกเป็นดอกเดี่ยวมีทั้งชนิดที่บานกลางคืนและบานกลางวัน บางชนิดมีกลิ่นหอม และมีสีสันแตกต่างกันไป เรามักพบบัวสายอยู่ในแถบเอเชีย ยุโรป อัฟริกา ออสเตรเลีย และบริเวณเขตร้อนของอเมริกา
ดอกบัวไหว้พระ ความหมาย?
“ดอกบัว” ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม ความบริสุทธิ์ จึงไม่แปลกใจที่ส่วนใหญ่คนไทยมักนำดอกบัวไปจัดแจกันถวายพระ ใช้ในพิธีกรรรมต่างๆ หรือเป็นภาพวาด แกะสลักบนผนัง กำแพงวัด โดยมีความเชื่อว่า หากผู้ที่เลือกไม้มงคลอย่างดอกบัวเป็นดอกไม้ถวายพระ ผู้นั้นจะมีพลังสร้างสรรค์ และพบเจอแต่ความสำเร็จ ส่วนจะใช้ดอกบัวถวายพระกี่ดอกนั้นขึ้นอยู่กับความสวยงามของการจัดเรียงใส่ภาชนะ แต่หากอยากให้มีความหมาย ก็สามารถใช้ 3 ดอก (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์) หรือใช้ 4 ดอก ( บัว 4 เหล่า บุคคล 4 ประเภท) ก็ไม่ว่ากันค่ะ
สรรพคุณทางยา คุณค่าของ “ดอกบัว”
ในด้านคุณประโยชน์ของดอกบัวที่มีต่อร่างกายนั้น ดอกบัวถือเป็นดอกไม้ที่เราสามารถนำไปใช้เพื่อรักษาและป้องกันโรคภัยต่างๆ ได้ทุกส่วนกันเลยทีเดียว ตั้งแต่ดอกบัว เม็ดบัว รากบัว ไหลบัว สายบัว ใบบัว เกสรบัว และดีบัว เพราะแต่ละส่วนของดอกบัวล้วนอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างเส้นใยอาหาร น้ำตาล วิตามินบีหลายชนิด เกลือแร่ต่างๆ โคลีน แคลเซียม เหล็ก โซเดียม สังกะสี เป็นต้น
ทำให้ดอกบัวมีสรรพคุณเป็นทั้งอาหารและยาที่ให้ประโยชน์มากมายแก่สุขภาพ โดยจะทำให้การทำงานของร่างกายโดยรวมสมบูรณ์และแข็งแรงจากภายในออกมาสู่ภายนอก ช่วยบำรุงอวัยวะต่างๆ ไม่ให้เสื่อมก่อนเวลาอันควร ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการเจ็บป่วยให้น้อยลงหรือไม่มีเลยก็ได้
11 สรรพคุณของดอกบัว ประโยชน์ในการรักษาโรค
1. ดอกบัวเหมาะกับคนที่มีอาการอ่อนเพลีย เพิ่งหายจากอาการป่วยไม่สบาย หรือในหญิงตั้งครรภ์แล้วมีอาการแพ้ท้อง อาเจียนจนไม่มีแรง ให้กินเม็ดบัวอาจเป็นแบบสดหรือแบบแห้งก็ได้ เพราะเป็นแหล่งรวมของสารอาหารหลายชนิดสูง เพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ทำให้กลับมามีแรงยิ่งขึ้น
2. ดอกบัวมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการหวัด แก้อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล และยังเป็นยาแก้ไอ แก้ไข้ ด้วยการหั่นใบบัวให้ละเอียด ตากแดดจนแห้ง จึงนำมาใช้มวนเพื่อสูดดมกลิ่น
3. ดอกบัวเกือบทุกส่วนมีคุณสมบัติที่ช่วยรักษาอาการท้องเสีย ท้องเดิน ท้องร่วง หรือมีอาการบิดเรื้อรัง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของลำไส้
4. ประโยชน์ของดอกบัวเป็นยาบำรุงร่างกายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นกลีบดอก เม็ดบัว เกสรบัว ใบแก่หรือรากบัว ต่างก็มีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงกำลัง ทำให้ร่างกายสดชื่น บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงครรภ์ เป็นต้น
5. สรรพคุณของดอกบัวมีฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเครียด มีอารมณ์หงุดหงิดหรือมีความวิตกกังวล ดูแลระบบประสาทและบำรุงสมอง ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
6. ดอกบัวใช้เป็นยาช่วยรักษาแผลพุพอง ฝาดสมานแผล และยังมีสรรพคุณช่วยห้ามเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลออกมาได้เร็วขึ้น
7. ดอกบัวมีสรรพคุณช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเม็ดบัวที่เป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด จึงช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้ ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ของอวัยวะภายในร่างกายเสื่อมเร็ว รวมถึงในส่วนของผิวพรรณก็ไม่เหี่ยวย่น ริ้วรอยลดลง และชะลอความแก่
8. ดอกบัวถือเป็นยาโบราณที่มีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตสูง ขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ และลดไขมันในเส้นเลือด จึงเป็นอาหารและยาที่ดีสำหรับคนที่มีอาการเกี่ยวกับโรคเหล่านี้
9. ดอกบัวมีสรรพคุณแก้อาการปวดหัว ปวดท้ายทอย วิงเวียน มึนงง มีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม โดยการใช้เกสรบัวมาเป็นส่วนผสมในยาหอม เมื่อชงน้ำดื่มแล้วจะช่วยให้อาการดีขึ้น ทำให้ชุ่มชื่นใจ ช่วยชูกำลัง และยังช่วยขับเสมหะ
10. ดอกบัวในส่วนของดีบัวนั้นมีคุณสมบัติที่สามารถเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ และลดไขมันที่ไปเกาะบริเวณผนังหลอดเลือดได้เป็นอย่างดี เสริมสร้างให้หัวใจแข็งแรงทำงานได้ดีขึ้น
11. ดอกบัวยังมีประโยชน์ทำเป็นอาหารได้ทั้งคาว อาทิ แกงส้มสายบัว ใส่ในแกงเลียงหรือผัดเผ็ด และเป็นผักจิ้มน้ำพริก ส่วนของหวาน เช่น เม็ดบัวเชื่อม ขนมหม้อแกงใส่เม็ดบัว น้ำรากบัว ฯลฯ นอกจากนี้ใบบัวยังใช้ห่ออาหารอย่างข้าวห่อใบบัว และแม้กระทั่งใช้ห่อสิ่งของก็ยังได้
แม้สรรพคุณและประโยชน์ของดอกบัวจะมีแทบทุกส่วน แต่อย่างไรก็ดี หากจะกินเป็นอาหารไม่ว่าส่วนไหนของดอกบัวควรระวังสารเคมีที่อาจปนเปื้อนมาด้วย ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ก่อนซื้อจึงต้องแน่ใจว่าสะอาด รวมทั้งในกลุ่มคนที่แพ้เกสรดอกบัวอาจต้องระวังการใช้เกสรบัวด้วย และหากใครมีอาการท้องผูกเป็นประจำ แนะนำว่าควรเลี่ยงดอกไม้ชนิดนี้ดีกว่า แต่ถ้าใครที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงนี้ก็จัดการกับดอกบัวกันได้ตามใจชอบเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก sukkaphap-d.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/11/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,700.00 | 28,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,859.00 | 28,182.44 | 29,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,673.10 | 25,364.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,487.20 | 22,545.95 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 837.00 | 12,688.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 651.00 | 9,869.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,926.00 | 29,198.16 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/11/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.55 | 32.55 | 32.95 | 32.55 | 32.70 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 | 32.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.28 | 32.28 | 32.68 | 32.28 | 32.43 | 32.28 | 32.28 | 32.28 | 32.28 | 32.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 31.04 | 31.04 | 31.44 | 31.04 | 31.19 | – | 31.04 | 31.04 | 31.04 | 31.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 24.44 | 24.44 | – | – | – | – | – | – | – | 24.44 |
เบนซิน 95 | 39.96 | – | – | – | 40.56 | – | 40.46 | 40.46 | – | 39.96 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.19 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.79 | 29.79 | 30.04 | 29.79 | 29.79 | 29.79 | 29.79 | 29.79 | 29.79 | 29.79 |
ดีเซล B20 | 29.69 | 29.69 | 29.94 | – | 29.49 | – | 29.69 | 29.69 | – | 29.69 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.16 | 35.56 | 36.64 | 36.56 | – | – | – | – | – | 35.16 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |