CPANEL เตรียมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ รองรับออเดอร์เพิ่ม – อสังหาฯฟื้น
Precast ออเดอร์ทะลัก CPANEL เตรียมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ เพิ่มความรวดเร็ว – ขยายกำลังผลิตเพิ่ม 5-10% รองรับการเติบโตอสังหาฯ ปี 65 มั่นใจปี 64 รายได้โตตามเป้าหมายใหม่
11 ธ.ค.2564 – นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL เปิดเผยว่าผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 64 ที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.19 ล้านบาท มากกว่ากำไรทั้งปี 63 อยู่ที่ 13.13 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/64 บริษัทมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัญญาณฟื้นตัวในปี 65 ซึ่ง CPANEL ถือเป็นเป็นรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิต สามารถผลิต Precast Concrete ได้รวดเร็วมากขึ้น และสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 5-10%
นอกจากนี้ยังคาดว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 65 มองว่าจะสามารถเติบโตประมาณ 10-15% เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งระบายสต็อก และขยายการเติบโตตามหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) นอกจากนี้คาดว่าเศรษฐกิจในประเทศจะทยอยฟื้นตัว กำลังซื้อผู้บริโภคกลับมาในหลายพื้นที่ ส่งผลให้โครงการบ้านยังเป็นที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มดังกล่าวคาดว่าการแข่งขันของผู้ประกอบการจะยิ่งสูงขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน บริหารความเสี่ยง ลดเวลาการก่อสร้าง รวมถึงใช้วัสดุที่ทำให้การก่อสร้างเสร็จเร็วมากขึ้น ซึ่ง Precast Concrete เป็นเทคโนโลยีก่อสร้างที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้” นายชาคริต กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทรับงานใหม่จากลูกค้ารายเดิม และลูกค้ารายใหม่ 7 โครงการ อาทิ Motif Townhouse,สัมมากร คู้บอน, พาโน เซน, Victoria, แสนสิริ K- series อ่อนนุช, TMT Land และ กานดา ลำลูกกา คลอง 2 มูลค่ารวมกว่า 199 ล้านบาท อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าประเภทแนวราบและแนวสูงอีกหลายราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้ ทั้งนี้ มั่นใจว่าการดำเนินงานในปี 64 จะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่ปรับใหม่ไม่ต่ำกว่า 35% และความสามารถการทำกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไทยโอบายาชิทุบตึกเก่าปั้นมิกซ์ยูสบนที่ดินวชิราวุธ
ที่ดินศูนย์กลางเมืองย่านราชดำริเขตปทุมวันร้อนฉ่า ไทยโอบายาชิ ที่มีแบงก์กรุงเทพ-ไทยพาณิชย์-สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คว้าที่แปลงเดิม ตึกนันทวัน พ่วงอพาร์ตเมนต์บ้านสมถวิล พลิกโฉมขึ้นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ แสนตารางเมตรมูลค่านับหมื่นล้านบาท
ย่านราชดำริ เขตปทุมวัน ร้อนฉ่าขึ้นอีกครั้ง เมื่อบริษัท นันทวัน จำกัดหรือ บริษัทไทยโอบายาชิจำกัดผู้เช่ารายเดิม คว้าที่ดิน ประเภทสิทธิ์การเช่า (ลิสโฮลด์) ของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน วชิราวุธวิทยาลัย จำนวน 2 แปลง เตรียมพลิกโฉมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่รูปแบบมิกซ์ยูส กว่า 1 แสนตารางเมตร บนเนื้อที่ 6 ไร่ เพิ่มมูลค่าอย่างมากให้กับย่านนี้
หลังจากบริษัท LH Mall & Hotel บริษัทลูกของบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) คว้าอาคารเพนนินซูลา พลาซา ซอยมหาดเล็ก 1 ที่ดินวชิราวุธฯ เตรียมพัฒนาโรงแรมหรู ระดับ 5 ดาว ที่จะอวดโฉมได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ส่งผลให้ที่ดินวชิราวุธวิทยาลัย กลายเป็นย่านธุรกิจการค้าทันสมัยน่าจับตาของชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับอีกหลายทำเลในย่านศูนย์กลางเมืองที่กำลัง พัฒนาเมืองใหม่แทนที่อาคารเก่า ทั้งที่ดินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-ลุมพินี-เพลินจิต-วิทยุ -สีลม
แหล่งข่าวจากสำนักจัดการทรัพย์สินวชิราวุธวิทยาลัย เปิดเผยว่า บริษัทนันทวันหรือไทยโอบายาชิ ให้ความสนใจที่ดินแปลงเดิมและแปลงที่ตั้งอยู่ติดกันโดยให้เหตุผล
ว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสราชดำริเชื่อมการเดินทางได้สะดวก และได้เปรียบทางด้าน ทัศนียภาพ ราชกรีฑาสโมสร สถานทูตอเมริกาที่ปรับโฉมพื้นที่สวนขนาดใหญ่เพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่เป็นอย่างมากขณะที่ดินทั้งสองแปลงประเมินว่า เป็นแปลงที่ดีที่สุดในกรุงเทพมหานคร
โดยแปลงที่ดินประกอบด้วยอาคารสำนักงานสูง 18 ชั้นของบริษัทนันทวัน เดิมเนื้อที่ 3 ไร่ 70 ตารางวา ที่จะหมดสัญญาเช่ากับวชิราวุธฯ สิ้นปีนี้ และแปลงติดกันเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา ปัจจุบันเป็นอพาร์ตเมนต์บ้านสมถวิล จะหมดอายุสัญญาจริงปี 2568 เมื่อรวมแปลงจะกลายเป็น ที่ดินแปลงใหญ่เนื้อที่รวม 6 ไร่ ที่มีศักยภาพสูง ทำเลตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจ เชื่อมโยงด้วยรถไฟฟ้า
บริษัทนันทวัน หรือ ไทยโอบายาชิ มีแผนสร้างสำนักงานเกรดเอ ทันสมัย ซึ่งต่างจากอาคารสำนักงานเดิม อีกทั้งโรงแรม ระดับ 5ดาว รวมทั้งศูนย์การค้า แทนที่อาคารเก่าทั้งสองหลัง เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ราคาที่ดินมีราคาสูงเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2-2.5 ล้านบาทต่อตารางวาอีกทั้งผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นพื้นที่สีแดง (ประเภทพาณิชยกรรม) FAR 1:10 (สัดส่วนพื้นที่อาคารต่อพื้นที่ดิน) สร้างได้ 10 เท่าของแปลงที่ดินประเมินว่าหากที่ดินแปลงนี้ สร้างแล้วเสร็จจะเป็นอีกเมืองในเมืองที่น่าจับตายิ่ง
นายไมเคิล แกลนซี กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยในฐานะบริษัทที่ปรึกษาที่สำนักงานจัดการทรัพย์สินวชิราวุธ วิทยาลัย ได้ว่าจ้างบริษัท เพื่อหาผู้เช่าที่ดินรายใหม่ ตั้งแต่กลางปี 2564 ล่าสุด วชิราวุธวิทยาลัยได้คัดเลือกให้ บริษัทรายเดิมดังกล่าวเป็นผู้เช่าและพัฒนาโครงการบนที่ดินขนาด 6 ไร่บนถนนราชดำริ อายุสัญญาเช่า 50 ปี
“มีแผนที่สร้างอาคารสำนักงานเกรดเอโรงแรมและพื้นที่การค้าบนที่ดินแปลงดังกล่าวนับเป็นธุรกรรมการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุดในกรุงเทพฯนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด ด้วยมูลค่าสัญญาเช่าที่สูงและการมีที่ตั้งในใจกลางย่านศูนย์กลางธุรกิจนอกจากนี้ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงสนใจลงทุนในที่ดินทำเลชั้นดี และเชื่อมั่นในแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว”
สำหรับบริษัท นันทวัน จำกัด หรือ ไทยโอบายาชิ จดทะเบียนก่อนตั้งเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ปี 2517 (ค.ศ. 1974) โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โอบายาชิ คอปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในประเทศไทย ได้แก่ เครือธนาคารกรุงเทพ เครือธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และเมโทรกรุ๊ป
นับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัทได้ผลักดันตัวเองเป็นผู้นำเทคโนโลยี และเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหรรมก่อสร้างของประเทศไทย โดยอาศัยความร่วมมือจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัทจึงสามารถดำเนินโครงการขนาดใหญ่ได้นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นโอบายาชิ เป็นบริษัทแรกที่เป็น
ผู้ก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำประปาใต้ดิน และอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นผู้นำเทคโนโลยีการก่อสร้างฐานรากแบบ OWS มาใช้ครั้งแรกในประเทศไทยกับการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพถนนสีลมเป็นต้น
นอกจากนี้ยังซื้อที่ดินทำเลสุขุมวิทซอย 6 ติดสถานีบีทีเอสนานา พัฒนาอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ที่เปิดใช้ในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แนวโน้มและธีมการลงทุนปี 2022
ความผันผวนในระยะสั้นจะยังสูง จากการระบาดของโอไมครอน นักลงทุนต้องการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
เข้าเดือนสุดท้ายของปีฉลู นับเป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่โควิด-19 ได้วนเวียนอยู่กับเรา คงยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าโควิดจะหายไปจากโลกนี้เมื่อไหร่ มีเพียงแต่ว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่กับมันอย่างไร เช่นเดียวกับเรื่องของการลงทุน เราจะทำอย่างไรให้พอร์ตการลงทุนของเราเติบโตได้ในทุกสภาวะตลาด มีปัจจัยอะไรให้เรายังต้องจับตา และธีมที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปีขาลที่จะถึงนี้มีอะไรบ้าง
4 ปัจจัยหลักที่ต้องจับตาต่อในปีหน้า
เรื่องแรกคงหนีไม่พ้นสถานการณ์ระบาดและการกลายพันธุ์ของโควิด-19 โดย ณ ปัจจุบัน สายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” กลับมาสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง ข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า “โอไมครอน” อาจแพร่ระบาดได้ง่ายกว่า “เดลต้า” แต่อาการโดยรวมไม่รุนแรง แต่ข้อมูลในปัจจุบันยังไม่เพียงพอที่จะนำมาเป็นข้อสรุปที่ชัดเจนได้ อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้ผลิตวัคซีนจะสามารถผลิตวัคซีนสูตรใหม่ได้ภายในต้นปีหน้า และมีประสิทธิภาพการป้องกันที่ดีเพียงพอ จึงไม่น่าเห็นการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเหมือนในอดีต
ประเด็นถัดมาคือ ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Disruption) ที่ระบบการผลิตไม่สามารถทำงานได้เต็มที่และมีปัญหาคอขวดด้านการขนส่ง โดยจะเห็นได้ว่าดัชนี PMI ภาคการผลิตมีสัญญาณชะลอตัวลงในหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากการขาดแคลนชิ้นส่วน ทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ตามเป้าหมาย เรามองว่าปัญหานี้น่าจะคลี่คลายได้ในปีหน้า โดยปัจจุบันเริ่มเห็นอัตราค่าขนส่งชะลอลงบ้างแล้ว อย่างไรก็ดี การขาดแคลนสินค้าและพลังงานท่ามกลางความต้องการซื้อสินค้าที่ขยายตัวขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ดัชนีเงินเฟ้อทั่วโลกทรงตัวในระดับสูง โดยคาดว่าจะยังทรงตัวในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางหลายแห่งต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2022 ก่อนที่จะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังของปี
นอกจากนั้นหลายอุตสาหกรรมเผชิญกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงานรวมถึงค่าจ้างจากการขาดแคลนแรงงานที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาหนุนให้เงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับสูงต่อไป สืบเนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ
ปัจจัยสุดท้ายที่น่าจับตามองคือแนวทางการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินของประเทศแกนหลัก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะยุติการทำ QE เร็วกว่าเดิม (เพิ่มวงเงินการลด QE เป็นมากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน) ขณะที่ตลาดคาดอาจเห็นการขึ้นดอกเบี้ยได้ภายในปีหน้า ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเงินเฟ้อ ส่วนธนาคารกลางอังกฤษคาดจะเป็นประเทศแรกของกลุ่มพัฒนาแล้วที่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.ปีนี้ ขณะที่ยุโรปจะยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบต่อเนื่องไปถึงปี 2025
4 ธีมการลงทุนในปี 2022
ธีมแรก “Heal the World” นับเป็น Mega Trend ที่มีความสำคัญต่อตลาดหุ้นในทศวรรษหน้าและต่อๆ ไป ตามแนวโน้มการเติบโตแนวยั่งยืนบนธีมลดโลกร้อนและระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุดในทุกกระบวนการ ลดอัตราการเกิดของเสีย ลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ อาศัยนวัตกรรมในการช่วยให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ฯลฯ
ธีมถัดมา “Asia Come Back” หลังจากที่เศรษฐกิจฝั่งประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯและยุโรปได้ผ่านการเติบโตสูงสุดไปแล้วในปีนี้ ขณะที่ฝั่งเอเชียเผชิญแรงกดดันที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการระบาดในหลายประเทศและการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ทำให้การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เกิดขึ้นช้ากว่าฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว อีกทั้งมีปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ขาดแคลนพลังงาน และการที่ทางการจีนเข้ามากำกับดูแลภาคส่วนต่างๆ เรามองว่าปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลายในปี 2022 หนุนให้เศรษฐกิจของเอเชียจะกลับมาเติบโตได้ในระดับสูง อีกทั้งธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ยังจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ให้ระดับต่ำ และใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิต เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไปในปี 2022 และหากพิจารณาจากมุมตลาดหุ้น การปรับตัวขึ้นในปีนี้ยังน้อยกว่าฝั่งสหรัฐฯและยุโรป (Laggard) ขณะที่มี Valuation ที่ต่ำกว่า ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการเข้าลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชีย
สำหรับธีมที่สาม “Riding on Frontier” เป็นประเทศอื่นไม่ได้นอกจากเวียดนาม ที่สร้างผลงานในปีนี้ได้โดดเด่น นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุนทั้งในภาคอุตสาหกรรมและตลาดการเงิน เรายังคงเห็นโอกาสการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในปีหน้า ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและตลาดหุ้น ท้ายที่สุด “Thailand Reopening” บนสมมติฐานที่ว่าไทยจะสามารถเปิดประเทศได้ตามแผนของรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยหนุนการบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศ
แม้ความผันผวนในระยะสั้นจะยังสูงในช่วงที่ยังต้องรอความชัดเจนของการระบาดสายพันธุ์โอไมครอน แต่ที่แน่ๆโอไมครอนได้เริ่มระบาดไปหลายประเทศทั่วโลกแล้ว สิ่งที่นักลงทุนทำได้คือต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และให้ความสำคัญต่อการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต แล้วเราจะผ่านโอไมครอนไปด้วยกัน รวมถึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ผ่านการลงทุนในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
สร้างสถิติใหม่! “เจีย จู เฉา” นักวิ่งอีลิทจากจีนคว้าชัย “วิ่งเทรล ดอยอินทนนท์ 2021”
การแข่งขัน “วิ่งเทรล ดอยอินทนนท์” สนาม Thailand by UTMB 2021 ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สนามของเอเชีย และ 1 ใน 16 สนามของโลก ปิดฉากลงไปแล้วอย่างเป็นทางการแล้ว ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษารมว.กีฬา, นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการ รมว.กีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ กกท., นางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ กกท. และ Ms.Sabrina De Nadai Co-Director, UTMB Asia ร่วมกันมอบรางวัลนักวิ่งที่การแข่งขัน “วิ่งเทรล ดอยอินทนนท์” สนาม Thailand by UTMB 2021
ซึ่งปรากฏว่า เจีย จู เฉา นักวิ่งอีลิทจากจีน เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกทำสถิติ 21.56.24 ชั่วโมง สร้างสถิติใหม่ของศึก “วิ่งเทรล ดอยอินทนนท์ 2021” ส่วนอันดับ 2 เป็นของ จอร์น สติงเกรย์ จากฟิลิปปินส์ 22.34.58 ชั่วโมง
ส่วนแชมป์ฝ่ายหญิง 168 กม. เป็นของ เสี่ยว ฟู่ เฉา นักวิ่งสาวจีน ทำเวลาไป 26.01.23 ชั่วโมง
ส่วนนักวิ่งไทยที่ทำผลงานดีที่สุด ประเภท 168 กม.คือ “ป้อม” สัญญา คานชัย ทำเวลา 26.47.29 ชั่วโมง จบอันดับที่ 5
ด้านคนดังอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็น 1 ใน 220 นักวิ่งที่ร่วมแข่งขันประเภท 168 กม.ยังคงอยู่ในเส้นทางการวิ่งและผ่านครึ่งทางแรกไปในช่วงเช้าวันที่ 11 ธันวาคม โดยไม่มีอาการบาดเจ็บ
Thailand by UTMB 2021 ได้ปิดฉากการแข่งขันได้อย่างสวยงาม โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการ กกท. ได้ยืนรับนักกีฬาคนสุดท้ายบริเวณหน้าเส้นชัย
ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันในปี 2565 เป็นวันที่ 9-11 ธันวาคม ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) Ms.Sabrina De Nadai Co-Director, UTMB Asia และนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม “บันทึกข้อตกลงความเข้าใจร่วมมือ (MOU) ระหว่าง UTMB Asia ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (SBPAC) และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
ความร่วมมือครั้งนี้จะร่วมกันพัฒนา Amazean Jungle Trail เบตง ประเทศไทย และยกระดับให้เป็น 1 ในรายการ World Series ที่เป็นสนามรับรองเป็น by UTMB สนามที่ 2 ของไทย จากเหนือสุดแดนสยาม ลงมาใต้สุดแดนสยาม ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2564 ณ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“นมวัว” ประโยชน์ และผลข้างเคียงที่ควรรู้
นมวัวที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์หลายชนิด หลักๆก็คือแคลเซียมที่ช่วยดูแลกระดูก แต่ใครคนไหนรู้บ้างว่าจริงๆ แล้วนมวัวที่ดื่มมีประโยชน์ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เราเลยรวบรวมประโยชน์และผลข้างเคียงที่คนมองข้ามของนมวัว มาบอกต่อให้ได้รู้ทันกัน
ประโยชน์ของนมวัว
- ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกและฟันแข็งแรง
นมวัวมีปริมาณแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆมากมาย จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกของเราให้แข็งแรง และยังช่วยทำให้ฟันแข็งแรงอีกด้วย เมื่อเรามีอายุสูงขึ้นจะช่วยทำให้กระดูกหนาขึ้น การดื่มนมจะช่วยให้มีร่างกายที่แข็งแรง
- ช่วยลดความอยากอาหาร
การดื่มนมไม่ได้เชื่อมโยงกับการเพิ่มน้ำหนักหรือโรคอ้วนและอาจช่วยลดความอยากอาหารได้ เพราะการกินนมวัวนั้นจะช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องมากขึ้น
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
นมวัวเป็นแหล่งที่มาของโพแทสเซียมที่ดีสามารถช่วยให้หลอดเลือดขยาย ช่วยลดความดันโลหิต โรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
- ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
วิตามินบีและแร่ธาตุที่จำเป็นในนมวัวจะช่วยทำให้การเผาผลาญในร่างกายของเรานั้นทำงานได้อย่างปกติ ซึ่งสามารถควบคุมระดับน้ำตาลและอินซูลินในร่างกายได้ และจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์
- ลดการอักเสบ
นมมักได้รับการแนะนำให้ใช้ในการรักษาทุกอย่างตั้งแต่โรคเกาต์และโรคข้ออักเสบไปจนถึงปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ เพราะการรวมกันของโปรตีนจากสัตว์, กรดไขมันโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระในนมทำให้เป็นสารต้านการอักเสบได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนั้นก็มีเหตุผลว่าทำไมคนถึงดื่มนมหลังจากทานอาหารรสจัด ก็เพื่อบรรเทาอาการอักเสบได้กล่าวคือเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพในการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารนั่นเอง
- ช่วยในการเจริญเติบโต
นมวัวนั้นมีโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา สำหรับเด็กนั้นจะช่วยให้สูงและเติบโตได้ไว จากการวิจัยสรุปว่าการเจริญเติบโตและพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจสามารถได้รับจากเครื่องดื่มที่มีคุณค่า
- อุดมไปด้วยวิตามินมากมาย
ในนมวัวนั้นอุดมไปด้วยวิตามินมากมายหลายชนิด เช่น มีวิตามิน D, B2, B12, ฟอสฟอรัส, แคลเซียม, ซีลีเนียมและโพแทสเซียม
ผลข้างเคียงของนมวัว
- สิว
สาเหตุที่นมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัวทำให้เกิดสิวนั้นเป็นเพราะว่า ฮอร์โมนในนมวัวเหล่านี้กลับไปกระตุ้นต่อมไขมันของเราให้ทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามัน และเป็นสิวตามมา
- ท้องเสีย
อาการของผู้ที่ขาดเอนไซม์แลคเตส หรือมีภาวะพร่องเอนไซม์คือมีเอนไซม์แลคเตสน้อยกว่าปกติ จะมีอาการผิดปกติทางลำไส้เกิดขึ้นหลังดื่มนมวัว มักมีอาการมีลมในลำไส้มาก ท้องอืด คลื่นไส้ หรือปวดบิด และในรายที่เป็นมาก อาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
- โลกของคนแพ้นมวัว
ถึงแม้นมวัวจะเป็นของสำคัญที่ใครๆก็กินกันเป็นปกติ แต่บนโลกใบนี้ก็ยังมีคนแพ้นมวัวอยู่เหมือนกัน ถ้าหากว่านมวัวทำให้เป็นสิวและท้องเสียแล้ว โลกของคนแพ้นมวัวน่ากลัวกว่าเยอะ
- เด็กอ่อน
อาการแพ้นมวัวที่พบได้มีทั้งเล็กน้อยจนถึงรุนแรง คือ ปวดท้อง อาเจียน มีผื่นลมพิษ ผื่นคันตามผิวหนัง ไอ หายใจเสียงดังวี้ด หายใจลำบาก หน้าบวม และอาจมีอาการท้องเสีย มีเลือดออกช่องทวารหนัก ร้องจ้าไม่ยอมหยุด อาการเหล่านี้จะดีขึ้นหรือหายไปก็ต่อเมื่อให้เด็กหยุดดื่มนมสูตรนี้เท่านั้น
- เด็กโตหรือผู้ใหญ่
อาการแพ้นมวัวและความรุนแรงของอาการในแต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนแพ้ทันทีหลังการดื่มนมหรือทานผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัว มักมีลมพิษ หายใจดังวี้ด หรืออาเจียน แต่บางคนอาจแสดงอาการเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง โดยจะมีอาการอุจจาระเหลว อาจมีเลือดปน ท้องเสีย เป็นตะคริวที่ช่องท้อง ไอ หายใจดังวี้ด น้ำมูกน้ำตาไหล มีผดผื่นคัน ซึ่งพบบ่อยบริเวณรอบปาก
เป็นอย่างไรกันบ้างกับประโยชน์และผลข้างเคียงของนมวัว หากใครไม่ชอบดื่มนมวัวหรือมีอาการแพ้จนกินไม่ได้ก็แนะนำให้ดื่มนมชนิดอื่นๆอย่าง นมแพะ นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์หรือน้ำนมข้าว แทนก็ได้ เพราะคุณค่าทางสารอาหารมีคุณประโยชน์และมีวิตามินทดแทนนมวัวได้เหมือนกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Google Photos เพิ่มฟีเจอร์รวมภาพที่ยอดเยี่ยมของคุณในปี 2021 ที่รับชมได้เฉพาะคุณเท่านั้น
Google photos เป็นอีก Application เก็บภาพที่เมื่อก่อนเคยฟรี ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์พิเศษที่รวมภาพที่คุณถ่ายไว้ในปี 2021 ว่ามีภาพอะไรที่ยอดเยี่ยมบ้าง
โดย Google จะมีการรวมภาพที่ยอดเยี่ยมที่ระบบจัดเก็บโดย AI ไว้รวมไว้ในที่เดียว ซึ่งภาพทั้งหมดจะเป็นการถ่ายตั้งแต่ต้นปี 2021 ไปจนถึงเดือนสุดท้ายของปีอย่างเดือนที่ 12 นั่นเอง โดยระบบนั้นจะรวมเป็นอัลบั้มที่น่าดูและจัดเพื่อคุณและคุณสามารถปรับแต่งได้ด้วยครับ ทั้งนี้จะแสดงผลเฉพาะบางคน ที่ไม่เหมือนกัน
ใครที่ใช้บริการนี้อย่าลืมไปเปิดดูภาพเหล่านี้ในอดีตด้วยก็จะดีไม่น้อยเลยครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กลุ่มกริยาที่บอกว่า “ประธานไม่ได้ทำกริยานี้เอง” (Causative Verbs)
Causative Verbs คือกลุ่มกริยาที่ใช้ในประโยคเพื่อบอกว่า “ประธานไม่ได้ทำกริยานี้เอง” แต่ปล่อยให้คนอื่นหรือสิ่งอื่นทำ คำกริยาที่พบบ่อยคือ have / make / let / get ซึ่งปกติ ปกติ have แปลว่า มี, make แปลว่า ทำ, let แปลว่า ให้, อนุญาตให้…, get แปลว่า ได้รับ แต่ถ้าเป็นรูปของ Causative verbs ทุกตัวจะแปลว่า “ให้” โครงสร้างของ Causative Verbs มีดังนี้
1.โครงสร้าง have + someone + do + something = ให้ใครทำอะไรให้
- เมื่อต้องการให้ใคร ทำอะไรให้เรา ไม่ได้เน้นการกระทำเป็นสำคัญ เน้นที่บุคคลมากกว่า
เช่น The teacher has the students write the answers on the whiteboard. คุณครูให้นักเรียนเขียนคำตอบบนกระดาน
Bom has his brother buy some food. บอมให้พี่ชายของเขาซื้ออาหารให้
2.โครงสร้าง get + someone + to do + something = ทำให้ (ชักชวน/บังคับ/แนะนำ) ใคร ทำอะไรให้
- เมื่อต้องการใครทำอะไรให้เราโดยมีการชักชวน/บังคับ/แนะนำ เน้นบุคคลที่กระทำสิ่งหนึ่งๆ ให้เรา
เช่น I got him to do it. ฉันบังคับให้เขาทำสิ้งนี้
She gets her son to do his homework by promising him ice cream when he’s finished. เธอโน้มน้าวให้ลูกชายทำการบ้านโดยสัญญาว่าจะให้กินไอศครีมเมื่อทำการบ้านเสร็จ
Sara can get her husband to do anything she likes. ซาร่าสามารถบังคับให้สามีของเธอทำอะไรก็ได้ที่เธอชอบ
- นอกจาก get แล้ว ยังมี request / ask ขอให้, allow / permit อนุญาตให้, force/order บังคับหรือสั่งให้, want ต้องการให้ ซึ่งใช้รูปแบบโครงสร้างเดียวกัน
3.โครงสร้าง make + someone + do + something = ทำให้ใครทำอะไรให้
- เมื่อต้องการจะบอกว่าให้ใครทำสิ่งนั้นๆ ให้ เน้นการบังคับให้คนอื่นทำโดยที่เขาไม่เต็มใจ
เช่น He made me cry. เขาทำให้ฉันร้องไห้
I made my friend carry my luggage. ฉันให้เพื่อนของฉันถือกระเป๋าเดินทางให้
My mother makes me eat lots of vegetables. แม่บังให้ฉันกินผักเยอะๆ
Teacher makes students do their homework. คุณครูบังคับให้นักเรียนทำการบ้านของพวกเขา
4.โครงสร้าง let + someone + do + something = ปล่อย(อนุญาต)ให้ใครทำอะไร
- ใช้เมื่ออนุญาตหรือยอมให้ใครบางคนทำอะไรบางอย่าง
เช่น My mother let me buy a new car. คุณแม่อนุญาตให้ฉันซื้อรถยนต์คันใหม่
Let me go!! ปล่อยฉันไปนะ
Let it go ปล่อยมันไป
5.โครงสร้าง have/get + something + past participle = เอาอะไรไปให้คนอื่นทำ
- กล่าวถึงสิ่งที่เราว่าให้ผู้อื่นกระทำให้เรา โดยไม่ได้ระบุผู้กระทำให้ เน้นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถูกกระทำ
- กรณีนี้เมื่อใช้ have ดูจะเป็นทางการ มากกว่า get
เช่น I had my hair cut. ฉัน (ให้ช่างตัดผม) ตัดผม
หากใช้ I cut my hair. จะหมายความว่า ฉันตัวผมด้วยตัวเอง
Ken has his mobile fixed. เคนเอามือถือไป(ให้คนอื่น)ซ่อม
- ถ้าอยากบอกว่าใครซ่อมก็เปลี่ยนไปใช้ have someone do something
เช่น Ken has his friend fix his computer. เคนให้เพื่อนซ่อมคอมพิวเตอร์ให้
I will have my car washed. ฉันจะเอารถไป (ให้ร้าน) ล้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
10 สมุนไพรไทย ประโยชน์และอันตรายที่ควรรู้ก่อนกิน
สมุนไพร คือ ยาที่ได้มาจากพืช แร่ธาตุ สัตว์ ที่สามารถนำไปใช้เพื่อบำรุงร่างกายและรักษาโรค โดยอาจอยู่ในรูปแบบของอาหารยาแผนโบราณ หรืออาหารเสริม ที่อาจสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ เสริมสุขภาพหัวใจ อาจลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง สมุนไพรแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ วิธีการใช้ และปริมาณในการใช้ที่แตกต่างกัน หากใช้อย่างผิดวิธีหรือใช้ในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
ประโยชน์ของสมุนไพร
สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน ทั้งอาจช่วยรักษาโรค บรรเทาอาการ หรือใช้สำหรับบำรุงร่างกาย สมุนไพรที่นิยมใช้ในครัวเรือน ดังนี้
- ขมิ้นชัน เป็นเครื่องเทศที่เป็นแหล่งของเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ จากงานวิจัยในวารสาร Traditional and Complementary Medicine ประเทศเนเธอร์แลนด์ ปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า สารเคอร์คูมินอาจช่วยบรรเทาอาการปวด ต้านการอักเสบ และการรับประทานขมิ้นอาจช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
- พริกแห้ง พริกสด พริกป่น เป็นแหล่งแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น จากงานวิจัยในวารสาร Open Heart ประเทศอังกฤษ ปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า แคปไซซินอาจช่วยปรับปรุงสุขภาพหัวใจ เร่งการเผาผลาญ และอาจช่วยลดไขมันหน้าท้อง ลดความอยากอาหารได้
- อบเชย มีแคลอรี่ต่ำมาก อาจช่วยต้านการอักเสบจากสารอนุมูลอิสระและช่วยต่อสู้กับแบคทีเรีย และจากงานวิจัยในวารสาร Pharmacognosy Research ปี พ.ศ. 2558 ระบุว่า อบเชย อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานหรือมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้
- กระวาน มีแร่ธาตุสูง เช่น แมกนีเซียม สังกะสี อาจช่วยบรรเทาอาการท้องไส้ปั่นป่วน และจากการวิจัยในวารสาร Lipids in Health and Disease ประเทศอังกฤษ ปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า กระวานมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ฟีนอล (Phenol) เควอซิทิน (Quercetin) เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ที่อาจช่วยต้านการอักเสบ ท้องผูก ท้องเสีย อาการจุกเสียด โรคลมบ้าหมู โรคหัวใจและหลอดเลือด
- กระเทียม เป็นแหล่งของอัลลิซิน (Allicin) ที่อาจลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ และจากงานวิจัยในวารสาร BMC Cardiovascular Disorders ปี พ.ศ.2551 พบว่า การรับประทานกระเทียมเป็นประจำอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความดันโลหิต ซึ่งลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ขิง อาจช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและบรรเทาอาการคลื่นไส้ จากงานวิจัยในวารสาร Gastroenterology Research and Practice ปี พ.ศ. 2558 พบว่า ขิงอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ และอาจลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้
- สะระแหน่ มีฤทธิ์เย็น มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ดีต่อสุขภาพทางเดินอาหาร สุขภาพหัวใจ หลอดเลือด และปอด โดยอาจช่วยขยายหลอดลมทำให้หายใจสะดวกขึ้นเมื่อสูดดม นอกจากนี้ สะระแหน่ยังอาจมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
- ผงยี่หร่า อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก อาจช่วยลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ปี พ.ศ. 2562 และในวารสาร BMC Complementary Medicine and Therapies ปี พ.ศ.2564 พบว่า ยี่หร่ามีฟีนอลิก (Phenolic) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดน้ำหนัก ควบคุมคอเลสเตอรอล และจัดการความเครียดได้
- ว่านหางจระเข้ อาจมีฤทธ์ช่วยเร่งสมานแผล โดยเฉพาะแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก จากงานวิจัยในวารสาร Iranian Journal of Medical Sciences ปี พ.ศ. 2562 พบว่า ว่านหางจระเข้สามารถเร่งสมานแผลไฟไหม้ได้ เมื่อเทียบกับยาทั่วไป นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันรอยแดง อาการคัน และการติดเชื้อ
- ฟ้าทะลายโจร อาจมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคหลายชนิด จากงานวิจัยในวารสาร Asian Pacific Journal of Tropical Disease ปี พ.ศ. 2557 ระบุว่า ฟ้าทะลายโจรมีสารไดเทอร์พีน (Diterpenes) สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) แซนโทน (Xanthones) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจใช้รักษาโรคหลายชนิด เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง แผลในกระเพาะ โรคเรื้อน หลอดลมอักเสบ โรคผิวหนัง ท้องอืด จุกเสียด ไข้หวัดใหญ่
ความเสี่ยงของสมุนไพร
สมุนไพรหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปหรือใช้ผิดวิธี ก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนี้
สารพิษจากสมุนไพร
สมุนไพรหลายชนิดที่มีสารเคมีที่เป็นพิษร้ายแรงที่เป็นอันตราย หากใช้สมุนไพรอย่างผิดวิธี หรือได้รับในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น
- ยี่โถ เคยมีคำแนะนำให้เอายี่โถไปต้มน้ำดื่มแก้โรคพิษสุราเรื้อรัง แต่เมื่อผู้ป่วยรับประทานไปแล้วทำให้มีอาการปวดศีรษะ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง และหากรับประทานมากเกินไปยี่โถอาจมีฤทธิ์กดการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นช้าลงหรืออาจจะหยุดเต้นได้
- มะเกลือ มีสรรพคุณในการขับถ่ายพยาธิ แต่มะเกลือแก่สีดำอาจมีสารแนพทาลีน (Naphthalene) ที่ส่งผลเสียต่อระบบประสาทโดยตรง ทำให้มีอาการอาเจียน มีไข้ ท้องเสีย อาการตามัว ตามองไม่เห็นหรือตาบอดได้
- ลำโพง ส่งผลเสียต่อระบบประสาทโดยตรง หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้มีอาการปากแห้ง กระหายน้ำ ผิวหนังร้อนแดง ตาพร่ามัว ตาไม่สู้แสง ประสาทหลอน และคลุ้มคลั่ง
- ว่านหางจระเข้ มีผลข้างเคียงน้อยเมื่อใช้อย่างถูกต้อง แต่หากรับประทานว่านห่างจระเข้มากเกินไปอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย เนื่องจากว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
- กระเทียม การรับประทานกระเทียบดิบในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้มีกลิ่นปาก เสียดท้อง มีแก๊สในกระเพาะ ท้องเสีย หรืออาจมีอาการแพ้ในบางคน
- ฟ้าทะลายโจร หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชา อ่อนแรง ในบางคนอาจมีอาการเบื่ออาหารปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษ
- ขิง การรับประทานขิงมากเกินไปอาจทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง มีแก๊สในกระเพาะ เสียดท้อง ท้องเสีย คันปาก และอาจเพิ่มความเสี่ยงตกเลือดในผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
สารเจือปนในสมุนไพร
จากการตรวจสอบตัวอย่างสมุนไพรกว่า 100 ชนิด ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า มักมีการปนเปื้อนของสารอันตรายต่าง ๆ เช่น
- สารหนู ประมาณ 60% ซึ่งเป็นสารที่อาจทำให้มีอาการเจ็บคอ ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดแสบปวดร้อน เสียวซ่า มีผื่นสีดำตามตัวหนาขึ้น และอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งได้มากขึ้น
- สเตียรอยด์ (Steroid) ประมาณ 30% เป็นสารที่อาจช่วยบรเทาอาการของโรคบางชนิด เช่น โรคไขข้ออักเสบ โรคหืด แต่หากใช้เป็นเวลานานอาจทำให้มีอาการหน้าบวม ตัวบวม เป็นสิว ผิช้ำเลือดง่าย กระดูกผุ เป็นต้น
- สารปรอท อาจทำให้มีอาการเหงือกอักเสบ ฟันหลุด ปากเปื่อย น้ำลายไหลมากผิดปกติ และไตวาย
- ตะกั่ว อาจทำให้มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากปลายประสาทผิดปกติ ปวดท้อง โลหิตจาง
ประสิทธิไม่เพียงพอต่อการรักษาโรค
บางครั้งผู้ป่วยอาจเลือกวิธีการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร แทนการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน แต่สมุนไพรอาจไม่ประสิทธิภาพในการรักษาโรค หรือทำได้เพียงแค่ควบคุมอาการของโรคเท่านั้น การบริโภคสมุนไพรเพียงอย่างเดียวอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากผู้ป่วยอาจเข้าใจผิดว่าหายจากโรคแล้ว จึงไม่ทำการรักษาต่อ และเสี่ยงต่อการเกิดอาการกำเริบหรือภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้
คำแนะนำในการใช้สมุนไพร
หากใช้สมุนไพรอย่างผิดวิธีและไม่ระมัดระวัง อาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้น จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้สมุนไพร ดังนี้
- การรักษาด้วยยาสมุนไพรควรทำการรักษาด้วยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากยาสมุนไพรต้องใช้ในสัดส่วนที่ถูกต้อง ถูกวิธีและถูกโรค หากใช้สมุนไพรอย่างผิดวิธี นอกจากจะไม่ช่วยให้หายจากอาการป่วยแล้ว ยังอาจมีผลข้างเคียงร้ายแรงได้
- ไม่ควรรักษาด้วยสมุนไพรติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจมีสารตกค้างที่สะสมในร่างกายได้ และหากรักษาด้วยสมุนไพรแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการข้างเคียงจากการใช้สมุนไพร ควรเข้าพบคุณหมอแผนปัจจุบันทันทีเพื่อดูอาการและทำการรักษาเพิ่มเติม
- ไม่ควรใช้สมุนไพรในการรักษาโรคที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้สมุนไพรรักษาได้ เช่น โรคบาดทะยัก โรคเบาหวาน วัณโรค สุนัขบ้ากัด ถูกงูพิษกัด กระดูกหัก
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรง ไม่ควรรักษาด้วยสมุนไพรแต่ควรรีบเข้าพบคุณหมอทันที โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเด็กและสตรีมีครรภ์ เช่น หมดสติ อาการปวดอย่างรุนแรง ตกเลือดจากช่องคลอด ท้องเดินอย่างรุนแรงไข้สูง อาเจียนเป็นเลือด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/12/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,250.00 | 28,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,830.00 | 27,742.80 | 28,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,647.00 | 24,968.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,464.00 | 22,194.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 824.00 | 12,491.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 641.00 | 9,717.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,896.00 | 28,743.36 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/12/2564
วันที่ – เวลา | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13-12-2564 05:00 | 33.86 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | 37.96 | 30.55 | 30.28 | 29.04 | 23.39 |
11-12-2564 05:00 | 33.46 | 27.84 | 27.84 | 27.84 | 37.36 | 29.95 | 29.68 | 28.44 | 22.99 |
10-12-2564 05:00 | 33.86 | 28.24 | 28.24 | 28.24 | 37.86 | 30.45 | 30.18 | 28.94 | 23.29 |