เปิดไอเดียสุดล้ำ“Civic Center”จุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ในกทม.
MQDC จับมือ CDAST เปิดไอเดียสุดล้ำ“Civic Center”จุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ในกทม. ประกาศผลผู้ชนะโครงการ “Uniquely Thai” สุดยอด2ไอเดียงานออกแบบ เปิดพื้นที่สาธารณะแห่งอนาคตผ่านงานออกแบบสถาปัตยกรรม
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่่น จำกัด (MQDC) ร่วมกับ สภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แห่ประเทศไทย (CDAST) ประกาศผลรางวัลชนะเลิศ โครงการประกวด “Uniquely Thai” Envisioning the 21st Century Bangkok’s Civic Center Architectural Design Competition 2021 จากผู้เข้าประกวดเกือบ 500 ทีม ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 700,000 บาท
พร้อมใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลเดินทางศึกษาดูงานต่างประเทศ ส่งเสริมคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมออกแบบพื้นที่สาธารณะแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ โดยผู้ชนะเลิศในประเภทนิสิตนักศึกษาได้แก่ นางสาวมนัสนันท์ เดชะสุวรรณ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เจ้าของผลงานแนวคิด “ความเหลื่อมล้ำทางสังคม” และผู้ชนะเลิศประเภทบุคคลทั่วไปได้แก่ ทีม Cosmic I Civic Center จากผลงาน “Metaverse”
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า บริษัท ร่วมมือกับสภาคณบดีคณะสถาปัตย์แห่งประเทศไทย (CDAST) จัดโครงการประกวดการออกแบบภายใต้ธีม Uniquely Thai การประกวดแบบ Civic Center ในศตวรรษที่ 21 ของกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบพื้นที่สาธารณะแห่งใหม่เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนกรุงเทพฯ
สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของ MQDC ภายใต้แนวคิด ‘For All Well-Being’ ที่มีความตั้งใจในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนต่อทุกสิ่งบนโลกใบนี้ รางวัลทั้ง 2 ประเภทโครงการประกวดครั้งนี้ คือการออกแบบพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ทางวัฒนธรรมเพื่อให้เป็นศูนย์รวมของการใช้ชีวิตแห่งใหม่
บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่มทุกวัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักออกแบบรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้รับโอกาสในการเข้าร่วมในการออกแบบและพัฒนาโครงการมากเท่าที่ควรดังนั้นโครงการครั้งนี้จึงสามารถตอบสนองความต้องการของประชากรเมืองได้ในหลากหลายองค์ประกอบ
ด้านผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี ประธานสภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (CDAST) กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันเทรนด์ของการออกแบบเมืองทั่วโลกมุ่งให้ความสำคัญกับ Civic Center หรือพื้นที่สาธารณะเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในเมืองที่ทุกคน ทุกเพศทุกวัยสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ดังนั้นโจทย์สำคัญที่สุดของการออกแบบพื้นที่สาธารณะเพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่ของทุกคนอย่างแท้จริง
คือการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการนำเสนอไอเดีย ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และมุมมอง ให้การออกแบบพื้นที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้คนทุกกลุ่มทุกวัยที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ตรงนี้ด้วยโจทย์ความท้าทายให้นักออกแบบได้ประชันไอเดียภายใต้แนวคิด “Uniquely Thai”ชูอัตลักษณ์และนำเสนอรากเหง้าของวัฒนธรรมไทย ผสานกับความเป็นสากล ส่งเสริมการออกแบบ Civic Center
ให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งผลงานจากนิสิตนักศึกษาและนักออกแบบรุ่นใหม่กว่า 181 ผลงานที่ส่งเข้าประกวดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ล้วนมีทักษะในด้านกระบวนการคิดเชิงออกแบบที่มีศักยภาพสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นการออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อสังคมที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนได้อย่างเป็นรูปธรรม
รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) ในฐานะคณะกรรมการตัดสินการประกวด กล่าวว่า ผลงานของผู้เข้าประกวด ทำให้ได้เห็นแนวคิดและไอเดียจากคนรุ่นใหม่ว่าเขามองอนาคตของพื้นที่เพื่อสาธารณะอย่างไร โดยการเริ่มตั้งคำถามตั้งแต่พฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย หรือแม้กระทั่งสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการรวมตัวกัน
จะเห็นได้ว่าเทรนด์ในปัจจุบันเน้นไปที่การมีพื้นที่ที่กว้างขึ้นให้เกิด space ช่องว่างระหว่างคนมากขึ้น การรวมตัวของคนในพื้นที่สาธารณะจะไม่เหมือนเดิม แต่จะมาในมุมมองหลาย ๆ แบบ มาเป็นกลุ่มเล็กลง อาจจะมีการบูรณาการ Metaverse หรือ Avatar เข้าไปในพื้นที่สาธารณะมากขึ้น ฉะนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นเพราะเรายังไม่ทราบว่าทิศทางในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เราทราบแน่ ๆ ว่ามนุษย์ต้องการพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้คนสามารถออกมาจากพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น
ดร.การดี เลียวไพโรจน์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Futuretales Lab by MQDC) ในฐานะคณะกรรมการตัดสินการประกวด กล่าวว่า การประกวดในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของวงการสถาปัตยกรรมและการออกแบบ
ได้เห็นมุมมองและไอเดียจากคนรุ่นใหม่ที่คนรุ่นก่อนคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในเรื่องของดิจิทัลแพลตฟอร์ม การประยุกต์เอาเทคโนโลยีมาผสมผสานในการออกแบบเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปิดรับฟังความคิดของคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนประกอบของการคิด การพัฒนา
นางสาวมนัสนันท์ เดชะสุวรรณ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เจ้าของผลงานชนะเลิศประเภทนิสิตนักศึกษา เล่าว่า แนวคิดหลักของผลงาน Civic Center มาจากความเหลื่อมล้ำทางสังคม ความแตกต่างทางฐานะของคนในประเทศที่มากเกินไป การขาดโอกาสทางด้านการศึกษาของเด็กยากไร้ ความยากจน และสุขภาวะที่ไม่ดีของคนในประเทศ รวมไปถึงปัญหาของกรุงเทพฯ
ในเรื่องของระบบขนส่งมวลชนที่ไม่ดี การจัดผังเมืองที่ไม่เป็นระบบ ดังนั้นอาคารแห่งนี้มีจุดประสงค์ที่จะเอื้อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน โดยพัฒนา 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสังคมและวัฒนธรรม 2) ด้านความคิดและความรู้ 3) ด้านสุขภาวะ 4) ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ 5) ด้านปฏิสัมพันธ์ โดยสะท้อนจุดเด่นของงานออกแบบเพื่อให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต เชื่อมต่อทางเดินเท้าเพื่อสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไปที่ผู้ประกอบการรายย่อย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชน
นายสิปปวิชญ์ รู้อยู่ ตัวแทนจากทีม Cosmic I Civic Center รางวัลชนะเลิศประเภทบุคคลทั่วไป กล่าวว่าสิ่งแรกให้ความสำคัญกับบทบาทของ Civic Center ในประเทศไทยคือการที่ผู้คนในสังคมสามารถมารวมตัวและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้ จุดเริ่มต้นในการพาเมืองไปสู่โลกที่กว้างขึ้น
โดยมองพื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่ศูนย์รวมของเมืองที่จะพัฒนาคนต่อไปในอนาคต โดยแนวคิดในการสร้างเมืองของเราคือ ‘กรุงเทพฯ เมืองเทพสร้าง’ เรานำแนวคิดนี้มาปรับใช้และต่อยอดที่ว่ามนุษย์เราเองก็สามารถที่จะอวตารไปสู่สวรรค์ในจินตนาการที่เรียกว่า Metaverse ได้
ตัวอาคารได้ไอเดียมาจากสวรรค์ที่ลอยอยู่เหนือเขาพระสุเมรุ และในส่วนภูมิประเทศได้ไอเดียมาจากเขามอ ซึ่งเป็นสวนภูมิทัศน์จำลองของไทย ที่มีการเล่นกับลักษณะทางกายภาพและน้ำที่เปรียบเสมือนมหานทีสีทันดร จึงได้ขมวดมาเป็นแนวคิดในการวางอาคารให้ลอยอยู่เหนือ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่คนไทยเราได้ปรับตัวอยู่กับน้ำตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ORI ดึง แลนด์ลอร์ดใหญ่ ผุด ออริจิ้น สมาร์ท คอมเพล็กซ์ บางนา 4 พันล.
ออริจิ้น จับมือ 2 แลนด์ลอร์ดใหญ่ ตระกูล สวาทยานนท์-วรเศรษฐการกิจ ผ่าน “บุญภา 2020” ผุดโครงการมิกซ์ยูส“ออริจิ้น สมาร์ท คอมเพล็กซ์ บางนา” มูลค่า 4,000 ล้านบาท รับอานิสงค์ นโยบายอีอีซี
24 ธ.ค.2564 – นายพีระพงศ์จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าการขยายธุรกิจทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกภายใต้วิสัยทัศน์ ORIGIN NEXT LEVEL อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท บุญภา 2020 จำกัด จำนวน 2 บริษัท เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ โดยบริษัท บุญภา 2020 จำกัด ก่อตั้งขึ้นโดยทายาท 2 ตระกูลดัง ตระกูลสวาทยานนท์ และตระกูลวรเศรษฐการกิจ
ซึ่งทั้ง 2 ตระกูล มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรมมายาวนานกว่า 70 ปี อาทิ ธุรกิจเชือก แห อวน ธุรกิจพลาสติกและเคมี ธุรกิจบริหารและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจสิ่งทอ โดยมีรายได้รวมจากธุรกิจในเครือปีละกว่า 8,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมา ผู้คนอาจชินกับภาพออริจิ้นร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติหรือบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นหลัก แต่ความเป็นจริง เราเปิดกว้างในการสร้างความร่วมมือ หรือ Synergy เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ กับพันธมิตรทุกรูปแบบ ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เราร่วมมือกับแลนด์ลอร์ด 2 ตระกูลใหญ่ที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในหลากหลายโครงการ มีที่ดินในทำเลที่น่าสนใจ มีโนว์ฮาวในการพัฒนาโครงการ และมีวิสัยทัศน์ที่อยากจะเติบโตด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เราเองมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม ศูนย์การค้า เราเข้าใจ Customer Insights ยุคใหม่ และดำเนินธุรกิจเหล่านี้มาอย่างแข็งแกร่ง ความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มโอกาสการบุกตลาดทำเลศักยภาพและเป็นก้าวแรกสู่โอกาสการสร้างความร่วมมือด้านอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต
เปิดแลนด์มาร์คใหม่ย่านบางนา
สำหรับโครงการนำร่องที่จะพัฒนาร่วมกัน จะเป็นการสร้างแลนด์มาร์คใหม่ให้แก่ย่านบางนา-ตราด ทำเลศักยภาพที่จะมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเกิดขึ้นของหลากหลายเมกะโปรเจ็คท์ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ที่คาดว่าจะเกิดให้บริการช่วงกลางปี 2565 โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา บางนา-สุวรรณภูมิ โครงการเชื่อมต่อเส้นบางนากับสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้การเดินทางไปยังต่างจังหวัดและต่างประเทศสะดวกยิ่งขึ้น หลากหลายเมกะโปรเจ็คท์ที่อยู่อาศัย เมกะโปรเจ็คท์ด้านโลจิสติกส์ เติมเต็มย่านบางนา-ตราดให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานและมีความต้องการสำนักงานในทำเลที่เดินทางไป EEC ได้สะดวกอย่างเส้นบางนา-ตราด ขณะเดียวกัน กลุ่มบุญภา ก็มีที่ดินแปลงใหญ่ในย่านบางนา-ตราด ออริจิ้นเองก็ถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จ้าวทำเลฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯและ EEC ที่เติบโตและเชี่ยวชาญในทำเลนี้มานับสิบปี
ออริจิ้น สมาร์ท คอมเพล็กซ์ บางนา
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า แลนด์มาร์คดังกล่าว จะถูกพัฒนาภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น สมาร์ท คอมเพล็กซ์ บางนา” (Origin Smart Complex Bangna) มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,000 ล้านบาท เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ติดถนนบางนา-ตราด บนพื้นที่รวมกว่า 8 ไร่ของกลุ่มบุญภา ภายในโครงการจะประกอบด้วย 2 โครงการย่อย ได้แก่
- วัน ออริจิ้น มาสเตอร์พีซ บางนา (One Origin Masterpiece Bangna) เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบุญภาและบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำในเครือออริจิ้น ตัวโครงการประกอบด้วยอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกรวม 29 ชั้น 1 อาคาร แบบ Leasehold 3+30 ปี พื้นที่รวม (Gross Floor Area) 56,700 ตร.ม. พื้นที่ให้เช่า (Lettable Area) ประมาณ 30,000 ตร.ม. คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงปี 2567
- ออริจิ้น เพลส บางนา (Origin Place Bangna) เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มบุญภาและบริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด ผู้พัฒนาโครงการกลุ่ม Smart Condominium ในเครือออริจิ้น ตัวโครงการเป็นโครงการที่อยู่อาศัย ผสมผสานระหว่างคอนโดมิเนียมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) แบบ Freehold สูง 26 ชั้น ภายในอาคารประกอบด้วยคอนโดมิเนียมพักอาศัย 1-2 ห้องนอน ขนาด 27-55 ตร.ม. จำนวน 774 ยูนิต คาดว่าจะเริ่มเปิดขายรอบ Presales ในช่วงไตรมาส 1/2565 เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2/2565 และก่อสร้างแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 2/2567
“เราประเมินว่าตลาดสำนักงานให้เช่าในทำเลศักยภาพยังคงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลาที่โครงการของเราก่อสร้างแล้วเสร็จตอนปี 2567 น่าจะเป็นช่วงที่ตลาดขยายตัวอย่างเต็มที่ บางนา-ตราดจะกลายเป็นสุดยอดทำเลทองที่มีความต้องการทั้งที่อยู่อาศัยและสำนักงานให้เช่ามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตของเมกะโปรเจ็คท์จำนวนมหาศาล” นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพิสิษฏ์พงศ์ วรเศรษฐการกิจ กรรมการบริหาร บริษัท บุญภา 2020 จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทในเครือของบุญภามีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มาเป็นเวลาอันยาวนาน โดยเฉพาะในกลุ่ม Commercial Real Estate และ Industrial Real Estate เน้นลงทุนในที่ดินทำเลศักยภาพมาโดยตลอด ความร่วมมือกับออริจิ้นในครั้งนี้ มีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของทั้งสองกลุ่มมาร่วมกันพัฒนาโครงการคุณภาพที่จะสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้าในทำเลย่านบางนานี้ได้
ขอบคุณข้อมุลจาก thansettakij.com
บาทเปิด 33.47 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า
เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ 33.47 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากเย็นวันศุกร์ยังไร้ปัจจัยใหม่
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.47 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 33.43 บาท/ดอลลาร์
เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ขณะที่ค่าเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ และต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลกจนอาจมีการออกมาตรการป้องกันเพิ่มเติม
“บาทอ่อนค่าจากเมื่อเย็นวันศุกร์เล็กน้อย ตามทิศทางของดอลลาร์ แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ช่วงนี้คงต้องจับดูสถานการณ์โควิดที่ขยายวงกว้างไปทั่ว” นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.40 – 33.55 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ยิ่งใหญ่! “แสตมป์” ซิวรางวัล “นักสู้ MMA หญิงยอดเยี่ยมประจำปี 2564” ของ ONE
“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” จากนักมวยไทยที่ไม่เคยมีความรู้ในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) มาก่อนเลย แต่เธอก็พยายามฝึกฝนตนเองอย่างไม่ย่อท้อเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นแชมป์ MMA ให้ได้ จนวันนี้ เธอคือแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิงสมความตั้งใจ ONE จึงยกรางวัล “นักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) หญิงยอดเยี่ยมประจำปี 2564” ให้โดยไม่มีข้อกังขา
นับตั้งแต่ลงศึก MMA ครั้งแรกบนเวที ONE ในปี 2562 แสตมป์ แผ้วถางเส้นทางสายนี้ด้วยฟอร์มโดดเด่น โดยสั่งสมสถิติ 5 ไฟต์ไร้พ่าย ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่ แสตมป์ ต้อาสะดุด เมื่อเธอลิ้มรสความพ่ายแพ้ครั้งแรกให้แก่เจ้าแม่อาร์มบาร์ชาวยูเครน “อาลีโอนา ราสโซฮินา” ในศึก ONE: UNBREAKABLE III เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาท่ามกลางกระแสดรามาว่า แสตมป์ แท็ปหรือไม่
แสตมป์ เก็บความพ่ายแพ้เป็นบทเรียนและกลับไปฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อกลับไปชำระแค้นกับ อาลีโอนา และแล้วโอกาสนั้นก็มาถึง เมื่อ แสตมป์ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 8 สาวแกร่ง ที่ได้ลงแข่งขันในศึกการต่อสู้แบบผสมผสานหญิงล้วนครั้งประวัติศาสตร์ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง” และถูกประกบคู่กับอริเก่า อาลีโอนา ในรอบแรกของการแข่งขันที่จัดขึ้นในศึก ONE: EMPOWER เมื่อวันศุกร์ที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา โดย แสตมป์ โชว์ให้เห็นทักษะเกมนอนที่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสามารถเบียดชนะคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ลอยลำเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ในรอบรองชนะเลิศที่จัดขึ้นในศึก ONE: NEXTGEN เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม จากเดิมที่ แสตมป์ ต้องเจอกับ “ซอ ฮี ฮาม” นักสู้สาวชาวเกาหลีใต้ กลับต้องเผชิญหน้ากับ “จูลี เมซาบาร์บา” นักสู้มากประสบการณ์ในสาย MMA ที่เข้ามาเสียบแทน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะ แสตมป์ งัดเอาวิชามวยไทยที่ถนัดจัดการสาวแซมบาด้วยคะแนนเอกฉันท์ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
ในด่านสุดท้าย แสตมป์ ต้องเจอคู่แข่งสายแข็ง “ริตู โฟกาต” นักมวยปล้ำสาวขวัญใจแดนโรตีที่หลายคนมองว่าเกมปล้ำอันแข็งแกร่งของเธอจะทำให้ แสตมป์ เสียเปรียบ แต่เป็นอีกครั้งที่ แสตมป์ โชว์ศักยภาพนักสู้ MMA ได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยการจับ ริตู ล็อกคอด้วยท่าไทรแองเกิล (Triangle) และพลิกไปล็อกแขนในท่าอาร์มบาร์ (Armbar) จนแชมป์มวยปล้ำอินเดียถอดใจต้องแท็ปเอาต์ ส่งให้ แสตมป์ คว้าเข็มขัดสีเงินมาพาดบ่าสมใจ
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ แสตมป์ กลายเป็นแชมป์ MMA หญิงคนแรกของไทยและเป็นนักกีฬาคนแรกในประวัติศาสตร์ ONE ที่คว้าเข็มขัดแชมป์ในสามประเภทกีฬา นอกจากนั้น แสตมป์ ยังพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอคือนักสู้ MMA เบอร์หนึ่งของรุ่นที่ใครจะสบประมาทไม่ได้อีกต่อไป เหมาะสมกับรางวัลนักสู้ MMA หญิงยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ระวัง! “ปอดอุดกั้นเรื้อรัง” ภัยร้ายใกล้ตัว วัย 40+ เสี่ยงสูง
รู้หรือไม่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคซีโอพีดี (COPD: Chronic Obstructive Pulmonary Disease) เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตในลำดับต้นๆ ของประชากรไทย โดยในปี 2561 มีผู้ป่วยด้วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังมากกว่า 3 ล้านคน และมีแนวโน้มการเสียชีวิตสูงขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกับทั่วโลก ขณะที่ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากยังขาดความตระหนักถึงภัยร้ายจากโรคดังกล่าว ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจต่อโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จึงมีความสำคัญอย่างมาก
สาเหตุของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มากกว่า 90% มีสาเหตุจากการสูบบุหรี่หรือการสูดดมควันบุหรี่เป็นเวลานาน ขณะที่ มลพิษทางอากาศ หรือการสูดหายใจละอองสารเคมีบางชนิดเป็นปริมาณมากและติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็สามารถก่อให้เกิดโรคนี้ได้ โดยผู้ป่วยโรคนี้ต้องทรมานจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาการไอเรื้อรัง เหนื่อย และหายใจลำบาก อันสืบเนื่องมาจากความเสื่อมของถุงลมและปอด
อาการของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
การสังเกตอาการของผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ในระยะแรกผู้ป่วยมักมีอาการไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก เหนื่อย อ่อนเพลียง่าย บางรายอาจมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วย หากมีอาการมากขึ้น ผู้ป่วยจะเหนื่อยหอบ จนไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ เมื่อผู้ป่วยมีอาการในระยะสุดท้ายนั้น มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ระบบการหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถป้องกัน และดูแลไม่ให้อาการของโรคลุกลามได้
วิธีป้องกันโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
แม้วิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันจะพัฒนามากขึ้นจนทำให้มีวิธีการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังให้มีอาการที่ดีขึ้นได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นการดูแลตนเอง เช่น
- กินอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- งดสูบบุหรี่
- หมั่นตรวจสมรรถภาพปอดอย่างน้อยปีละครั้ง พบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม
- ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี
- ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
ผู้ที่มีสุขภาพดีสามารถป้องกันโรคนี้ได้ หากไม่สูบบุหรี่ อยู่ห่างจากผู้ที่สูบบุหรี่หรือแหล่งละอองสารเคมี และออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้อหัวใจและสร้างภูมิคุ้มกันอย่างเป็นนิสัย เช่น แอโรบิค หรือวิ่ง เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การใช้ Some และ Any
แอดเชื่อว่ายังมีหลายๆ คนที่ยังกำลังสับสนกับการใช้ some และ any ซึ่งมีความหมายในภาษาไทย แปลว่า “บาง, บ้าง” ใช้เมื่อพูดถึงจำนวนๆ หนึ่ง ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้เราได้เรียนตั้งแต่ประถมแล้ว เดี๋ยววันนี้เราจะมาเคาะฝุ่นในเรื่องนี้กันค่า
การใช้ Some
1. some + นามนับได้พหูพจน์ในประโยคบอกเล่า แปลว่า บาง
ตัวอย่างประโยค:
Some cats are sleeping.
= แมวบางตัวกำลังนอน
Some boys are very tall.
= เด็กชายบางคนตัวสูงมาก
2. some+นามนับไม่ได้ในประโยคบอกเล่า
แปลว่า บ้าง หรือ นิดหน่อย
ตัวอย่างประโยค:
I have some money.
= ฉันมีเงินอยู่บ้าง
There is some water in the glass.
= มีน้ำในแก้วนิดหน่อย
**การยื่นข้อเสนอ ส่วนมากเห็นเสนออาหารและเครื่องดื่ม
Do you want some money?
= คุณต้องการเงินไหม
Would you like some tea?
= คุณจะรับชาไหมครับ
Can I get you some coffee?
= ให้ผมซื้อกาแฟให้คุณไหม
**การขอ (request) ก็เป็นอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ก็ขอนั่นขอนี่
Can I have some tea?
= ขอชาหน่อยได้ไหม
Can you give me some salt?
= คุณเอาเกลือให้ฉันหน่อยได้ไหม
Can I borrow some money, please?
= ขอยืมตังค์หน่อยได้ไหม ได้โปรด
การใช้ Any
1. Any + นามพหูพจน์ / Any + นามนับไม่ได้
Any ใช้นำหน้าคำนามพหูพจน์ และนามนับไม่ได้เช่นเดียวกันกับ some ซึ่งจะใช้ในประโยคต่อไปนี้
1.1) ประโยคคำถาม แปลว่า บ้างไหม
ตัวอย่างประโยค:
Do you have any dogs?
= คุณมีสุนัขบ้างไหม
Are there any dogs in the room?
= มีสุนัขอยู่ในห้องบ้างไหม
Does she have any cars?
= หล่อนมีรถยนต์บ้างไหม
Do they have any water?
= พวกเขามีน้ำบ้างไหม
Is there any milk left?
= มีนมเหลือบ้างไหม
1.2) ประโยคปฏิเสธ แปลว่า เลย
ตัวอย่างประโยค:
I don’t have any dogs.
= ผมไม่มีสุนัขเลย
She doesn’t have any cars.
= หล่อนไม่มีรถยนต์เลย
They don’t have any water.
= พวกเขาไม่มีน้ำเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
นาซ่าใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยค้นหาดาวเคราะห์ดวงใหม่กว่า 300 ดวง
องค์การนาซ่าเปิดเผยว่า ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ในการยืนยันการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบดวงใหม่ 301 ดวง
ดาวเคราะห์นอกระบบ หรือ exoplanet เป็นดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ ก่อนการค้นพบครั้งล่าสุด นาซ่าได้ยืนยันการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบมากกว่า 4,569 ดวง นอกจากนี้ยังมีการระบุดาวเคราะห์ดังกล่าวอีกหลายพันดวง แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
การระบุดาวเคราะห์นอกระบบด้วยกล้องโทรทรรศน์นั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากแสงที่เจิดจ้าของดวงดาวที่พวกมันโคจรอยู่รอบ ๆ นั้นอาจบดบังการมองเห็น ดังนั้นอาจจะต้องมองหาช่วงเวลาที่ระดับแสงของดวงดาวลดลง โดยอาจเกิดจากการที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งเคลื่อนตัวผ่านหน้าดาวฤกษ์ดวงนั้น ๆ
ทั้งนี้ นาซ่าใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศ 2 ตัวเพื่อยืนยันดาวเคราะห์นอกระบบหลายพันดวง กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Kepler ขึ้นสู่อวกาศในปี 2009 และปฏิบัติภารกิจจนถึงเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2018 ในเวลานั้นนาซ่าได้ประกาศว่ากำลังจะปลดระวาง Kepler เนื่องจากยานอวกาศดังกล่าวมีเชื้อเพลิงไม่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติภารกิจทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ต่อไป
กล้องโทรทรรศน์อวกาศอีกตัวหนึ่งมีชื่อเรียกว่า Transiting Exoplanet Survey Satellite หรือ TESS โดยนาซ่าปล่อย TESS ขึ้นสู่อวกาศในเดือนเมษายนปี ค.ศ. 2018 เพื่อต่อยอดการสังเกตการณ์ของ Kepler และปัจจุบัน TESS ยังคงปฏิบัติภารกิจอยู่ในอวกาศ
การยืนยันของนาซ่าเกี่ยวกับดาวเคราะห์นอกระบบดวงใหม่ 301 ดวงนั้น มาจากข้อมูลที่รวบรวมโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Kepler ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้รับการประมวลผลผ่านระบบ machine learning ที่เรียกว่า ExoMiner
ระบบ Machine learning นั้นเป็นรูปแบบหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งได้รับการฝึกให้เรียนรู้งานอย่างหนึ่งโดยการป้อนข้อมูลจำนวนมหาศาล
ในกรณีนี้นาซ่าเผยว่า ทางหน่วยงานได้ใช้ระบบ Machine learning เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่มีอยู่เพื่อระบุดาวเคราะห์นอกระบบที่แท้จริงจากสิ่งที่มีลักษณะเหมือนกับดาวเคราะห์เหล่านั้น
ExoMiner ขับเคลื่อนโดยข้อมูลที่รวบรวมจากความพยายามในอดีตเพื่อยืนยันหรือแยกแยะดวงดาวที่อาจเป็นเคราะห์นอกระบบ ระบบดังกล่าวได้รับการออกแบบให้ใช้วิธีการเดียวกันกับที่ผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์ใช้เพื่อยืนยันดาวเคราะห์นอกระบบดวงใหม่
นาซ่ากล่าวว่า ระบบนี้ให้การช่วยเหลือที่มีความจำเป็นอย่างมากแก่นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อยืนยันการมีอยู่ของดาวเคราะห์ดังกล่าว กล้องโทรทรรศน์อวกาศของนาซ่าได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดวงดาวหลายพันดวง ซึ่งมนุษย์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายมหาศาลในการศึกษาดวงดาวจำนวนมาก และ ExoMiner ได้รับการออกแบบขึ้นมาเพื่อลดภาระของมนุษย์และพัฒนาความแม่นยำในการระบุดาวเคราะห์นอกระบบดวงใหม่อีกด้วย
จอน เจนกินส์ (Jon Jenkins) นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์นอกระบบที่ศูนย์วิจัย Ames ขององค์การนาซ่า ในรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวในแถลงการณ์ว่า ExoMiner มีความล้ำหน้าเหนือกว่าระบบ Machine Learning อื่น ๆ ที่เคยใช้ในการระบุดาวเคราะห์นอกระบบในอดีตที่ผ่านมาอย่างมาก
ทั้งนี้ ระบบ machine learning ได้รับการพัฒนาและทดสอบโดยนักวิจัยของนาซ่าและพันธมิตรนานาชาติ ซึ่งได้รับการอธิบายอยู่ในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสาร Astrophysical Journal
เจ้าหน้าที่นาซ่ากล่าวว่า มีแผนที่จะต่อยอดความสำเร็จของ ExoMiner โดยการขยายระบบให้กว้างออกไป วัตถุประสงค์คือการรวมข้อมูลจาก TESS และกล้องโทรทรรศน์ในอนาคตที่มีเป้าหมายเพื่อค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบดวงใหม่เพิ่มขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 อาหาร ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน “โควิด-19” ได้
ขมิ้น ขิง ผักใบเขียว และธัญพืชต่างๆ ช่วยลดอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถลดการแพร่ระบาด ลดความรุนแรงของอาการ และลดการเสียชีวิตได้ แต่มีบางรายที่ยังกังวล ต่อผลข้างเคียงที่จะตามมา โดยทั่วไปมักพบผลข้างเคียงตั้งแต่ปวดแขนบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดเมื่อยเนื้อตัวหรืออ่อนเพลีย และอาจมีอาการไปได้ 2–3 วัน หลังฉีดวัคซีน และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
การกินพืชสมุนไพรก็มีส่วนลดความรุนแรงหรือบรรเทาอาการที่มาจากผลข้างเคียง หลังฉีดวัคซีนได้ ทั้งนี้ พืชสมุนไพรที่แนะนำ ได้แก่
- ขมิ้น เพราะมีสารต้านการอักเสบใช้เป็นยาแก้ปวดได้ อาจช่วยบรรเทาการปวดแขน ปวดศีรษะ
- ขิง สามารถช่วยลดการอักเสบ
- ผักใบเขียว มีวิตามิน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ใยอาหารช่วยขับสารพิษของเสียออกจากร่างกาย อาหารที่มีปริมาณน้ำสูง เช่น ผัก ผลไม้ ทำให้ร่างกายสดชื่น ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ปกติ และ
- ธัญพืชต่างๆ สามารถช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ ระบบขับถ่ายปกติ และยังให้พลังงานกับร่างกายหลังเกิดอาการอ่อนล้าหลังฉีดวัคซีนด้วย
วิธีเตรียมตัวก่อนไปฉีดวัคซีน
- สองวันก่อน และหลังการฉีดวัคซีนให้งดออกกำลังกายหนักหรือยกของหนัก
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- วันที่ฉีดควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
หลังฉีดแล้วเจ้าหน้าที่จะให้รอดูอาการในบริเวณที่ฉีด 30 นาที ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมาก ทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละหนึ่งเม็ด หากยังไม่ดีขึ้นกินซ้ำต่อได้ แต่ควรห่างกัน 4-6 ชั่วโมง
นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรห่างกับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างน้อย 1 เดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/12/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,600.00 | 28,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,853.00 | 28,091.48 | 29,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,667.70 | 25,282.33 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,482.40 | 22,473.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 834.00 | 12,643.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 649.00 | 9,838.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,920.00 | 29,107.20 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/12/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.15 | 31.15 | 31.65 | 31.15 | 31.65 | 31.15 | 31.45 | 31.15 | 31.15 | 31.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.88 | 30.88 | 31.38 | 30.88 | 31.38 | 30.88 | 31.18 | 30.88 | 30.88 | 30.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.64 | 29.64 | 30.14 | 29.64 | 30.14 | – | 29.94 | 29.64 | 29.64 | 29.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 23.74 | 23.74 | – | – | – | – | – | – | – | 23.74 |
เบนซิน 95 | 38.56 | – | – | – | 39.51 | – | 39.36 | 39.06 | – | 39.06 |
ดีเซล B7 | 28.44 | 28.44 | 29.04 | 28.64 | 29.04 | 28.44 | 28.74 | 28.44 | 28.64 | 28.44 |
ดีเซล | 28.44 | 28.44 | 29.04 | 28.64 | 29.04 | 28.44 | 28.74 | 28.44 | 28.64 | 28.44 |
ดีเซล B20 | 28.44 | 28.44 | 29.04 | – | 29.04 | – | 28.74 | 28.44 | – | 28.44 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 34.46 | 34.46 | 35.49 | 35.26 | 35.49 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |