สาระน่ารู้ประจำวันที่ 11 มกราคม 2565

“แอสเซทไวส์” คว้า 2 ดีลใหญ่ต้นปีมูลค่ารวมเฉียด 3 พันล้าน

"แอสเซทไวส์" คว้า 2 ดีลใหญ่ต้นปีมูลค่ารวมเฉียด 3 พันล้าน

“แอสเซทไวส์” ปิด 2 ดีลใหญ่ไทย-เทศ ประเดิมต้นปี ร่วมทุน “ทาคาระ เลเบ็น” บิ๊กอสังหาฯ ญี่ปุ่น พัฒนาคอนโดใหม่ ‘แอทโมซ บางนา’ พร้อมเข้าซื้อกิจการ “แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน” คว้าคอนโดทำเลทองเข้าพอร์ต เสริมความแข็งแกร่ง ผงาดรับปีเสือ

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า บริษัทเปิดศักราชใหม่ปีเสือ ด้วยการทำข้อตกลงครั้งสำคัญพร้อมกัน 2 รายการ โดยได้เข้าร่วมทุนกับบริษัท ทาคาระเลเบ็น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกัน 

นอกจากนี้ แอสเซทไวส์ ยังได้เข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน เจ้าของโครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา – สุทธิสาร นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้แอสเซทไวส์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรับวัฏจักรเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2565

“ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะเดินเกมรุกอย่างเต็มที่ โดยใช้กลยุทธ์การเพิ่มพันธมิตรระดับโลกเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ไปพร้อมกับการลดความเสี่ยงและเวลาในการพัฒนาโครงการเอง” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

การขยายธุรกิจด้วยการเข้าซื้อกิจการในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เป็นเหมือนการขึ้นทางด่วนนำพาบริษัทไปถึงเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ได้เร็วขึ้น

สำหรับการร่วมทุนกับบริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด นั้น จะประเดิมโครงการแรกร่วมกัน มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท เป็นโครงการบนทำเลใหม่ NEW CBD คือ โครงการ แอทโมซ บางนา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ขนาดใหญ่บนทำเลศักยภาพย่านบางนาที่กำลังเติบโต ใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีเหลือง  ติดถนนใหญ่เส้นบางนา-ตราด โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ ทาคาระ เลเบ็น ถือหุ้นในสัดส่วน 49%

บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวมากว่า 500 โครงการ ทั้งยังประกอบธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี   พ.ศ. 2515 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเมื่อปี พ.ศ. 2547 และจะดำเนินธุรกิจครบ 50 ปีในปีนี้ 

นายคาซูอิชิ ชิมาดะ (Kazuichi Shimada) CEO บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด กล่าวว่า บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต โดยแอสเซทไวส์ เป็นบริษัทมหาชนที่มีความมั่นคงและอนาคตไกลในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย พิสูจน์ได้จากทั้งคุณภาพของโครงการ และความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ทั้งยังมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจตรงกัน คือ ยึดมั่นในการออกแบบความสุขเพื่อการอยู่อาศัย บริษัทจึงมั่นใจและตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้ ทาคาระ เลเบ็น มองว่า การทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ตลอดจนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ดังนั้นการร่วมทุนกับแอสเซทไวส์ เพื่อพัฒนาโครงการแอทโมซ บางนา ในครั้งนี้ จะถือเป็นการวางรากฐานของบริษัทในระยะยาว สู่การเติบโตที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย

นอกเหนือจากการร่วมทุนครั้งสำคัญแล้ว แอสเซทไวส์ยังเข้าซื้อกิจการ บริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะได้รับโครงการ แม็กซี่ ไพร์ม รัชดา – สุทธิสาร (Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทองใจกลางรัชดา – สุทธิสาร เข้ามาอยู่ในพอร์ตด้วย โดยโครงการนี้ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี  สอดคล้องกับหลักการพัฒนาโครงการของแอสเซทไวส์ คือ เน้นสร้างความสุขในการอยู่อาศัย ผ่านทั้งตัวโครงการที่ดี การออกแบบห้องพักที่สวยงามลงตัว และการมอบความสุขด้วยส่วนกลาง (Facility) ที่มอบให้อย่างเต็มที่ เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในระดับ Affordable ด้วยกัน

โครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา – สุทธิสารมีมูลค่า 570 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 1 อาคาร มีทั้งหมด 218 ยูนิต ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีสุทธิสาร ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น ทำเลดี อยู่ในพื้นที่ชุมชน แหล่งงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งยังอยู่ใกล้กับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2565 เบื้องต้นการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จไปกว่า 83% มีกำหนดจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งหมายความว่าพร้อมโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงและระยะเวลาในการพัฒนาโครงการ ทั้งยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะได้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงกว่าการพัฒนาโครงการเองจากที่ดินเปล่า

นายกรมเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่บริษัทฯ ปิดทั้ง 2 ดีลใหญ่ในช่วงต้นปี 2565 นี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่สำหรับก้าวใหม่ของบริษัทฯ และยังเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะทำให้รายได้และการเติบโตในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ “ลลิล” เปิดใหม่ 8 พันล.

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

ซีอีโอรุ่นเก๋า ” ไชยยันต์ ชาครกุล ” บมจ.ลลิล อสังหาฯเบอร์ต้น เปิดมุมมองเศรษฐกิจ และแนวโน้ม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ปี 2565 ชี้ โจทย์ยาก หวั่น ภาวะเงินเฟ้อ – น้ำมันขึ้น – สินค้าแพง กดดันกำลังซื้อที่อยู่อาศัย เข็นสภาพคล่อง ลุยเปิดใหม่ 10-12 โครงการ เจาะบ้าน 2-8 ล้าน ลุ้นโต 10%

10 ม.ค.2565 – ปี 2565 เป็นอีกปี ที่ภาคธุรกิจไทยยังต้องจับตา เฝ้าระวัง ผลกระทบจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในประเทศ จากความท้าทายใหม่ๆ ไวรัส  “โอมิครอน ” และ ” ไวรัสกลายพันธุ์ล่าสุด เดลตาครอน” แรงเหวี่ยงดังกล่าว ย่อมส่งถึงภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เปิดบทสรุป ปี 2564 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2565

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปี กล่าวถึง ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ที่ผ่านมา ว่า เป็นปีที่เกิดรูปแบบการฟื้นตัวที่ขาดสมดุลขึ้น หรือการฟื้นตัวแบบ K-Shaped   เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของหลายประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีการฟื้นตัวได้ดี  

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

โดยเศรษฐกิจโลกในปี 2564 มีการขยายตัวได้ราว 5.9% จากที่หดตัว 3.1% ในปี 2563   ซึ่งมีประเทศสหรัฐ และประเทศกลุ่มยุโรป รวมถึง ประเทศจีนเป็นหัวหอกนำการเติบโต

ขณะที่เศรษฐกิจของอีกหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยมีการฟื้นตัวที่ช้า โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยที่ราว 1% จากที่หดตัวถึง 6.1% ในปี 2563 เปราะบาง ฟื้นตัวได้ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านหลายๆประเทศ 


สำหรับปี 2565 นี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเศรษฐกิจโลก จะเติบโตลดลง อยู่ที่ 4.9% ส่วนเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 4.5% ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีกว่า หน่วยงานทางเศรษฐกิจของรัฐและเอกชนไทยประเมินไว้ ว่าปี 2565 จีดีพีไทยจะโตราว 3-4% เท่านั้น และถือว่ายังไม่กลับไปสู่ระดับปกติในช่วงก่อนเกิดการระบาด

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ 
การส่งออก ประเมินว่า ปีนี้ยังเติบโตขึ้นได้ ขณะ การลงทุนของภาครัฐ มูลค่าอาจลดลง เนื่องจากในช่วงปีที่ผ่านมา มีการลงทุนกระตุ้นอย่างมาก ส่วนการบริโภคภาคเอกชน 
และ การลงทุนภาคเอกชน นั้น หวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐ ทั้ง การเยียวยากลุ่มอาชีพอิสระ ,คนละครึ่ง , ช้อปดีมีคืน ที่รัฐบาลออกมาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยผลักดันให้เกิดการจับจ่าย ผลักดันเม็ดเงินออกมาในระบบ และสุดท้าย ภาคการท่องเที่ยว 
จากนโยบายเปิดประเทศ หวังว่าจะทำคนในระบบ 5-7 ล้านคน มีรายได้เพิ่มขึ้น กลับมาจับจ่ายใช้สอยอีกครั้ง และดันให้จีดีพีไทยโต 3-4% ตามเป้า

เปิดปัจจัยเสี่ยงตลาดอสังหาฯ เมื่อ เงินเฟ้อ มีแนวโน้มสูงขึ้น 

แต่ ทั้งนี้ นายไชยยันต์ ระบุว่า เศรษฐกิจ ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ตลอดจนการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก นำไปสู่การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศ  ในขณะที่กำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนแอจากผลกระทบของการระบาด  ระดับหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง  ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์    

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

” สิ่งที่น่าห่วง คือ เงินเฟ้อของโลก การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน ขณะนี้ ดีเซลลิตรละ 30 บาท  สิ่งเหล่านี้ จะทำให้ข้าวของแพงขึ้น ส่งผลผู้ประกอบการต้องบริหารต้นทุน เพื่อให้ราคาสินค้าอยู่ในวงจำกัด ที่ผู้บริโภคซื้อได้ เพราะประชาชนกำลังลำบาก เงินเดือนไม่ขยับ เช่นเดียวกับ ราคาบ้าน อาจตรึงมือขึ้นมาบ้าง มีเพียงปัจจัยบวกเรื่องดอกเบี้ยไทยที่ยังยืนอยู่ในอัตราต่ำ ” 

ลลิล กางแผนเปิดใหม่ 10-12 โครงการ ฝ่าตลาดโต10%

สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของภาคอสังหาฯนั้น ล่าสุด นอกจาก โอมิครอน และมี การกลายพันธุ์ เดลตาครอน เข้ามาท้าทายใหม่ ยอมรับทำให้เอกชน เกิดความกังวล พบบางบริษัท แม้ยังมีการขยายการเติบโต แต่เป็นแบบระมัดระวังความเสี่ยงสูงสุด ภายใต้ความคาดหวังว่า ทิศทางตลาดปีนี้จะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ฉะนั้น ต้องทำการบ้านกันอย่างหนัก สำคัญสุด มองว่า คือ การควบคุมกระแสเงินสด ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เหมาะสม เพราะอย่างที่ระบุข้างต้น เราอาจเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อโลก การขึ้นต่อราคาสินค้า และการขึ้นดอกเบี้ย ที่้จะเกิดผลกระทบต่อภาคใหญ่ของอสังหาฯ 

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

อย่างไรก็ดีภาคอสังหาริมทรัพย์ มีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐที่ได้มีการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทออกไปจนถึงสิ้นปี 2565   การผ่อนปรนเกณฑ์ LTV จากธนาคารแห่งประเทศไทย  รวมถึงตลาดแนวราบที่ยังได้แรงหนุนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนจากความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวสูงมาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบซึ่งตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ดีกว่าในยุค New Normal    

รวมถึง ความพร้อมด้านสภาพคล่องทางการเงิน การหาทำเลแบบมืออาชีพ เชี่ยวชาญมาถึง 30 ปี  ความแข็งแกร่งของบุคลากรภายใน และแผนธุรกิจที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี  จึง คิดว่าบริษัทจะสามารถผ่านอุปสรรคปีนี้ไปได้ 

โดยปีนี้ บริษัท ยังคงเน้นการขยายธุรกิจแนวราบ สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 45% ทาวน์โฮม 55% เจาะตลาดราคา 2-8 ล้านบาท  โดยทำเลสำคัญ ยังเป็น กทม.- ปริมณฑล 90% เนื่องจาก ทำเลต่างจังหวัด ยังต้องประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ ที่มีการฟื้นตัวช้ากว่า 1 ระลอก ทั้งในเมืองรอง และอีอีซี 

แผนธุรกิจในปีนี้ 

  • เปิดใหม่ 10-12โครงการ มูลค่า 7-8 พันล้าน 
  • เป้ายอดขาย 8.5 พันล้านบาท 
  • งบซื้อที่ดิน 1-1.2พันล้าน 
  • เป้ารายได้ 7.2 พันล้าน 


” เรามั่นใจว่า ปีนี้ เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว การส่งออก การบริโภค การลงทุนภาคเอกชน ภาคท่องเที่ยว จะดันให้ จีดีพีไทยโต 3-4% เพิ่มความต้องการในตลาดอสังหาฯ โตได้ 10% โดยเฉพาะแนวราบ ผ่านแผนธุรกิจที่เป็นไปอย่างระมัดระวัง ทั้งปัจจัยเงินเฟ้อ และหนี้ครัวเรือน “

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

แบรนด์อสังหาฯรายแรก แบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศสในไทย French Colonial Style

ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2565 นี้ จะยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบที่เป็น Real Demand  ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุค New Normal ได้ดีกว่า เพราะมีพื้นที่สีเขียวในการผ่อนคลาย และมีพื้นที่ใช้สอยที่รองรับการใช้ชีวิต ตอบสนองความต้องการในหลากหลายรูปแบบทั้งการ Work from Home และการเรียนผ่านระบบออนไลน์  

ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างมากในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ทั้งในเรื่องความสวยงามด้านการออกแบบ และฟังก์ชันการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ   โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ถือเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์รายแรกที่จุดกระแสนิยมในแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศสในประเทศไทยด้วยการออกแบบ French Colonial Style ที่นำความงดงามของสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่เรียบหรูมาประยุกต์เข้ากับการสร้างสรรค์ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตสังคมเมือง บนทำเลศักยภาพในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้   

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

ทั้งนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ Lalin The Next เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์เพื่อคนไทย มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างความยั่งยืนต่อไป ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรต่างๆ ขณะเดียวกันนำเสนอนวัตกรรมการอยู่อาศัย LI (Lalin Innovation for Living) ที่ครอบคลุม 3 ส่วน ประกอบด้วย 

  • LI-Smart & Security เสริมความสะดวกสบายและระบบรักษาความปลอดภัย
  • LI-Eco System ส่งมอบบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ลูกค้าเพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน 
  • LI-Lively & Healthy “บ้านสุขภาพดี” ให้ความสำคัญต่อเรื่องการถ่ายเทอากาศ การคำนึงถึงทิศทางลมและแสงแดด และคัดสรรวัสดุที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการอยู่อาศัย 

“ในส่วนภาพรวมสถานะด้านการเงิน กล่าวได้ว่าบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.4 – 1.5 เท่า  รวมทั้งมีกระแสเงินสดสำรองเพื่อรองรับการขยายธุรกิจอีกกว่า 1,000 ล้านบาท      โดยในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ได้จัดสรรงบในการซื้อที่ดินไว้ประมาณ 1,100 – 1,300 ล้านบาท และพร้อมปรับเพิ่มให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจตามแผนงาน และการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ” 

อสังหาฯ หวั่น เงินเฟ้อ ดันราคาบ้าน ไชยยันต์ นำ "ลลิล" เปิดใหม่ 8 พันล.

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เงินบาทไทยลุ้นหนัก เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งจากพิษโอมิครอน

เงินบาทไทยลุ้นหนัก เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งจากพิษโอมิครอน

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 33.50-33.90 ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ จากพิษโอมิครอน

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-33.90 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.66 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายผันผวนในกรอบ 33.15-33.74 บาท/ ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พุ่งขึ้นหลังรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 14-15 ธันวาคม ระบุว่าตลาดแรงงานที่ตึงตัวมากและภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงอาจทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

โดยเฟดประเมินว่าความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ Omicron อาจเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออีกทางหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดตื่นตระหนกต่อการประเมินของกรรมการเฟดบางรายซึ่งเห็นว่าอาจสมควรเริ่มลดขนาดของงบดุลของเฟด (Quantitative Tightening) ในอนาคตอันใกล้หลังจากที่เริ่มขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้ สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสะท้อนโอกาสราว 80% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมในเดือนมีนาคมนี้ หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 8,483 ล้านบาท และ 18,636 ล้านบาท ตามลำดับ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกเดือนธันวาคมของสหรัฐฯ รวมถึงการไต่สวนประธานเฟดของคณะกรรมการสภาเรื่องการได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง อนึ่ง แม้รายงานล่าสุดบ่งชี้ว่าตำแหน่งจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่อัตราการว่างงานลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน ที่ 3.9% และค่าจ้างเติบโตร้อนแรงกว่าคาด กรุงศรีมองว่าข้อมูลดังกล่าวสะท้อนว่ายังไม่มีสัญญาณว่าเงินเฟ้อจะแผ่วลงในเร็วๆ นี้ และเฟดจะยังคงเดินหน้าถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขึ้นดอกเบี้ย และดึงสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบ ในภาวะเช่นนี้ กรุงศรีประเมินว่าค่าเงินดอลลาร์จะได้แรงหนุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

สำหรับปัจจัยในประเทศ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 หลังเทศกาลปีใหม่ฉุดรั้งความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเงินเฟ้อเดือนธันวาคมต่ำกว่าคาด โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI) เพิ่มขึ้น 2.17% y-o-y ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.29% โดยเงินเฟ้อเดือนธันวาคมปรับขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าจากราคาน้ำมันขายปลีกที่ถูกจำกัดโดยมาตรการของรัฐ ทั้งนี้ ในปี 2564 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1.23% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 จะมีค่ากลางที่ 1.5%

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ศาลตัดสินแล้ว! “ยอโควิช” พร้อมลุยศึก เทนนิส ออสเตรเลียน โอเพ่น

ศาลตัดสินแล้ว! "ยอโควิช" พร้อมลุยศึก เทนนิส ออสเตรเลียน โอเพ่น

โนวัค ยอโควิช นักเทนนิส เบอร์ 1 ของโลก จากเซอร์เบีย ถูกระงับวีซ่า เข้าประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 5 มกราคม เนื่องจากไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แม้มีเอกสารแจงเหตุขอยกเว้นการรับวัคซีนไปแล้ว

แต่จากทนายของ ยอโควิช เผยว่า เจ้าหน้าที่คนเข้าเมืองออสเตรเลียกดดันให้เขาลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งยกเลิกวีซ่า ตั้งแต่ก่อนปรึกษาทนายความ ทำให้ ยอโควิช สามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลได้

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตามเวลาไทย ศาลออสเตรเลียได้ตัดสิน ให้ ยอโควิช พ้นจากการถูกกักตัว และ ยกเลิกการระงับวีซ่า เนื่องจากเหตุผลในการระงับของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไม่เพียงพอ และ หากระงับวีซ่า จะทำให้ ยอโควิช ไม่สามารถเดินเข้าทางประเทศออสเตรเลีย ได้อีกเป็นเวลา 3 ปี

ณ เวลานี้ ยอโควิช และ ทีมงาน สามารถเดินทางไปฝึกซ้อม และ เข้าร่วมการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่นได้ตามปกติ

แต่กระแสวิจารณ์จากคนออสเตรเลีย ยังมีมาไม่ขาดสาย บางส่วนไม่เห็นด้วยกับผลการตัดสินนี้ และ มองว่าการทำงานของรัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“โนโรไวรัส” หวัดลงกระเพาะ ท้องเสีย-อาเจียนรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

“โนโรไวรัส” หวัดลงกระเพาะ ท้องเสีย-อาเจียนรุนแรงถึงเสียชีวิตได้

อาการป่วยที่พบเห็นได้บ่อยพอๆ กับการเป็นหวัด ไม่สบาย มีไข้ นั่นก็คือ อาการท้องเสีย ท้องร่วง หรือบางรายอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย หลายคนอาจคิดแค่ว่าเป็นอาการอาหารเป็นพิษ แล้วถามไถ่กันเพียงว่า “ไปทานอะไรมา ทานอาหารทะเลที่ไม่สะอาดมาหรือเปล่า” ซึ่งก็ไม่ใช่การคาดคะเนที่ผิดสักทีเดียว แต่นอกเหนือไปจากอาหารเป็นพิษแล้ว ยังอาจมีอีกโรคหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้จัก นั่นคือ โรคหวัดลงกระเพาะอาหาร หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “โนโรไวรัส

“โนโรไวรัส” คืออะไร?

โนโรไวรัส เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อจากคนสู่คน สามารถติดต่อได้ง่ายโดยสัมผัสทางอาหาร น้ำดื่ม และติดต่อทางอากาศ การหายใจได้ เช่น การหายใจใกล้กับผู้ป่วยที่อาเจียน การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไม่สุก เช่น อาหารทะเล ผัก ผลไม้สดที่ล้างไม่สะอาด รวมถึงการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง หรือสิ่งของที่มีเชื้ออยู่

เชื้อโนโรไวรัส พบว่ามีการระบาดในช่วงฤดูหนาว และที่ทำให้เชื้อนี้แพร่กระจายได้ง่าย และรุนแรง เพราะเป็นเชื้อที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทนความร้อนได้มากถึง 60 องศาเซลเซียส ทนต่อน้ำยาฆ่าเชื้อ และอยู่รอดบนผิววัตถุต่างๆ ได้นานหลายวัน

ใครที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโนโรไวรัส?

เมื่อการติดต่อของเชื้อโนโรไวรัสมาจากการสัมผัสอาหาร น้ำดื่ม และอากาศ ดังนั้นเด็กเล็กที่ชอบเอามือเข้าปาก และอาจไม่ระมัดระวังในเรื่องของความสะอาดของอาหารมากพอ จึงมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโนโรไวรัสมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กๆ ในสถานศึกษา และโรงเรียนต่างๆ แต่ผู้ใหญ่ทั่วไปก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน หากสัมผัสอาหารด้วยมือที่หยิบจับอาหารที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อน หรือหายใจใกล้กับผู้ป่วยที่อาเจียน เป็นต้น

อาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัส

เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดการอักเสบที่กระเพาะอาหาร มีระยะฟักตัวสั้น 12-48 ชั่วโมง หลังรับเชื้อ จึงมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารเป็นพิษ มีอาการคล้ายกัน คือ อาเจียนรุนแรง ปวดมวนท้อง ท้องเสีย ไข้ต่ำๆ หากมีอาการรุนแรงในเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ อาจก่อให้เกิดการขาดน้ำได้

นอกจากนี้เชื้อไวรัสยังอาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น และทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกิดความผิดปกติของการดูดซึมไขมัน และน้ำตาลของลำไส้เล็ก

หากผู้ป่วยมีอาการขาดน้ำจากการถ่ายท้อง ควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการเสียน้ำและเกลือแร่ หรืออาจให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง

อันตรายของโนโรไวรัส

อาการขาดน้ำจากท้องร่วง ถือว่าเป็นอาการที่รุนแรงกว่าที่ใครหลายคนคิด เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยโนโรไวรัสเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผู้ติดเชื้อโนโรไวรัสเสี่ยงมีอาการหนักถึงชีวิต ได้แก่ ผู้ป่วยที่พบว่ามีอุจจาระมีเลือดปน ผู้สูงอายุ หรือผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัวชนิดรุนแรง เช่น โรคไต ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ร่วมกับอาการท้องเสีย และอาเจียน รวมถึงผู้ป่วยที่ติดเชื้อโนโรไวรัสเป็นเวลานาน มีอาการอุจจาระร่วงนานนับเดือน อาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน

วิธีรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโนโรไวรัส

โนโรไวรัส ไม่มียารักษาโดยตรง แต่สามารถรักษาตามอาการได้ เช่น หากมีอาการอาเจียน ให้ยาแก้อาเจียน ถ้าถ่ายมาก ขาดน้ำ ให้สารละลายเกลือแร่ หรือน้ำเกลือ ดังนั้นการให้ยาปฏิชีวนะจึงไม่ได้เป็นประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อโนโรไวรัส

วิธีป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด หลีกเลี่ยงน้ำ และอาหารที่ไม่สะอาด ควรล้างมือด้วยสบู่ ถูให้ทั่วนาน 15 วินาที ก่อนล้างมือด้วยน้ำสะอาด และผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการทำอาหารให้ผู้อื่นรับประทาน หรือใช้หลักการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตัวผู้ป่วยเอง และคนรอบข้าง และเพื่อเป็นการหยุดการแพร่เชื้อจากคนสู่คนต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มาใช้ “ME” & “I” ให้ถูกต้องกันเถอะ

ในประโยคเราอาจจะใช้ “I & Me” ไม่ถูกต้องหรืออาจจะไม่รู้วิธีใช้เลยก็ตาม ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาเรียนรู้วิธีใช้ที่ถูกต้องกันค่ะ
ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้คือ:
“ME” เป็นสรรพนามทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค “Him”, “her”, “us”, “it”, “them” และ “you” ก็เป็นสรรพนามประเภทนี้เช่นกัน

“I” เป็นสรรพนามทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค “He”, “she”, “we”, “it”, “they” และ“you” ก็เป็นสรรพนามประเภทนี้เช่นกัน

แม้ว่าความแตกต่างระหว่างสองคำนี้ค่อนข้างชัดเจน แต่ก็มีผู้เรียนภาษาอังกฤษไม่น้อยเกิดความสับสนและงงกับสองคำนี้ได้ง่ายๆ

✘ “When you’re done with that lab report, can you send it to Bill and I?”
= เมื่อคุณทำรายงานการทดลองนั้นเสร็จแล้ว ส่งมันมาให้บิลและผมได้ไหม (Bill and I)?
(ประโยคนี้ผิดแกรมม่า ลองลบชื่อบิลออกจากประโยคดูคุณจะรู้ว่ามันดูแปลกๆ)


✘ “When you’re done with that lab report, can you send it to I?”
= เมื่อคุณทำรายงานการทดลองนั้นเสร็จแล้ว ส่งมันมาให้ผมได้ไหม?
(ผิดเพราะ “I” ไม่ควรถูกใช้ในตำแหน่งของกรรม)

ในกรณีนี้เราจะใช้ ”Me” เข้ามาแทน ซึ่งประโยคที่ถูกต้องควรจะเป็น
✅ “When you’re done with that lab report, can you send it to Bill and ME?”
= “ เมื่อคุณทำรายงานการทดลองนั้นเสร็จแล้ว ส่งมันมาให้บิลและผมได้ไหม (Bill and ME)? ”


มาลองฝึกทำแบบฝึกหัดกันค่า
เติมคำที่ถูกต้องลงในช่องว่าง (I หรือ Me)

  1. Hugo and _ work in the same office
  2. Lisa bought Amanda and _ a drink
  3. Tom and _ are leaving soon.
  4. “Who broke the window?” “It wasn’t _.”
  5. Is there any mail for _?

เฉลยแบบฝึกหัด
1. I 2. Me 3. I 4. Me 5. Me

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


วิธีสร้าง QR Code โอนเงินเป็นของตัวเองแบบฟรีๆ ไม่ต้องบอกเบอร์-บอกเลขที่บัญชี ใครก็ทำได้

วิธีสร้าง QR Code โอนเงินเป็นของตัวเองแบบฟรีๆ ไม่ต้องบอกเบอร์-บอกเลขที่บัญชี ใครก็ทำได้

ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราพัฒนามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย 5G รวมไปถึงอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนที่พัฒนาขึ้นทำให้หลายๆ คนเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และใช้ชีวิตผ่านบนสังคมออนไลน์มากขึ้นนั้นทำให้ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตประจำวันของเราก็เปลี่ยนไปด้วย

แน่นอนวันนี้เราจะมาสอน วิธีการสร้าง QR Code สำหรับการรับเงินด้วยโทรศัพท์ที่สามารถทำเองได้มาบอกกัน(ไม่เสียเงินและไม่มีวันหมดอายุ) แน่นอนว่าต่อไปเราก็ไม่ต้องมานั่งบอกเบอร์บัญชีหรือเบอร์โทรเพื่อนๆ หลังจากปาร์ตี้และหารค่าอาหารกันอีกต่อไป

istock-1192846920

อย่างที่รู้กันดีแล้วว่าในตอนนี้โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ สามารถสแกน QR Code ได้โดยไม่ต้องใช้แอปพลิเคชัน QR Code Reader เหมือนแต่ก่อนแล้ว กล้องถ่ายรูปในโทรศัพท์มี QR Code Reader สามารถอ่าน QR Code ได้เลย

ยกตัวอย่างเช่นแอปพลิเคชัน Line แต่ละ ID จะมี QR Code ของตัวเอง เมื่ออยากให้เพื่อนๆ แอดมา แค่กดแสดง QR Code ให้เพื่อนสแกนผ่านแอป Line แล้วสแกน QR Code ของเพื่อนได้เลย และแน่นอนว่ามันรวมไปถึงแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ ก็เช่นกันครับจะสแกนตรงนั้นหรือจะเปิดรูปขึ้นมาสแกนก็สามารถทำได้หมดแล้ว

มาดูกันครับว่าหากเราต้องการสร้าง QR Code เป็นของตัวต้องทำยังไงกันบ้าง?

1. หน้าหลัก กดที่ปุ่มเมนูอื่นๆ ตรงมุมขวาล่างของหน้าจอ
2. เลือกสร้าง QR Code กดที่เมนู “สร้างพร้อมเพย์ QR รับเงิน”
3. สร้าง QR Code เลือกเบอร์โทรศัพท์หรือเบอร์บัตรประชาชนที่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ที่ต้องการจะสร้าง QR Code สำหรับรับเงิน ระบุจำนวนเงินที่จะรับ แล้วกดปุ่ม “สร้างพร้อมเพย์ QR รับเงิน” (ถ้าไม่ระบุจำนวนเงิน ผู้จ่ายจะเป็นคนระบุยอดที่จ่ายเอง)
4. หน้าจอที่แสดง QR Code สามารถบันทึก QR Code เป็นไฟล์ภาพ และแชร์ QR Code ให้ผู้อื่น

สร้าง QR Code ของ SCB

สร้าง QR Code ของ SCB

5. บันทึกภาพ QR ลงอัลบั้มหน้าจอยืนยันการบันทึกภาพ QR ลงอัลบั้มภาพในมือถือของคุณ
6. กดแชร์ QR สามารถแชร์ QR Code ไปยังผู้อื่นผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ รวมถึงอีเมล
7. บันทึกลงอัลบั้ม ตัวอย่าง QR Code ที่ถูกบันทึกลงอัลบั้มแล้ว

สร้าง QR Code ของ SCB

สร้าง QR Code ของ SCBจริงๆ การสร้าง QR Code ไว้ใช้งานของธนาคารอื่นๆ ก็มีขั้นตอนง่ายๆ เหมือนกับวิธีการสร้าง QR Code ของ SCB ที่เรานำมารีวิวให้ได้อ่านกัน สัญญานะว่าจะทยอยรีวิวของธนาคารอื่นให้ได้อ่านกันเพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สวยเหมือนไม้ ทนเหมือนหิน! พื้น SPCSMARTAMTT จาก BRT INTERTECHในงานสถาปนิก’65

บริษัท BRT INTERTECH จำกัด ผู้นำด้านวัสดุก่อสร้าง พื้น ผนัง และบันได SPC ภายใต้แบรนด์ SMARTAMTT เรา คือโรงงานผู้ผลิตพื้น SPC แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ระดับสากล มีทีมงานที่มืออาชีพมีความพร้อม ที่จะส่งมอบบริการ และคุณภาพที่ดีที่สุด ของผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า

ที่ SMARTAMTT เรามีผลิตภัณฑ์ ที่ทำมาจาก SPC ( STONE Plastic Composite ) เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนวัสดุพื้นแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นพื้น ลามิเนต พื้นไวนิล กระเบื้องยาง  เรามีวัสดุปูพื้นที่มีความหลากหลาย ทั้งสีสันและขนาด ที่เป็นมาตรฐาน และพิเศษที่สุดสำหรับลูกค้างานโครงการที่ต้องการสินค้าที่แตกต่างไม่ซ้ำใคร สามารถสั่งผลิต Made to order ตามความต้องการของลูกค้าได้  ไม่ว่าจะเป็นวัสดุปูพื้น ผนังและบันได เพื่อเป็นทางเลือก ให้ลูกค้า ได้นำไปตกแต่งห้อง ที่พักอาศัยตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ นอก จากนั้น เรายังใช้เทคโนโลยี ในการผลิตที่ทันสมัย ใส่ใจในทุกกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้สินค้าที่มีอายุใช้งาน ที่ยาวนาน ทนต่อทุกสภาวะ และที่สำคัญที่สุด เราให้ความสำคัญกับคุณภาพ ของทุกชีวิตเช่นคุณ คุณจึงมั่นใจได้ว่า SMARTAMTT ปลอดภัย เป็นมิตรต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

SMARTAMTT เป็นสินค้าที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล  มีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน ISO 9001 จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้น มีความปลอดภัย ทั้งต่อผู้อยู่อาศัยและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความแข็งแรงทนทานและสามารถอยู่คู่บ้านที่พักอาศัยของคุณไปได้ยาวนานทั้งชีวิต

พิสูจน์ความสวยและทนของพื้น SPC SMARTAMTT จาก BRT INTERTECH ที่งานสถาปนิก’65

บริษัท BRT INTERTECH จำกัด ชวนคุณมาพิสูจน์ความสวยและทนของ พื้น SPC SMARTAMTT ที่บูธหมายเลข B202 ในงานสถาปนิก’65 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 26 เม.ย. – 1 พ.ค. 65 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/01/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a28,550.0028,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,849.0028,030.8429,150.00
ทองรูปพรรณ 90%1,664.1025,227.76n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,479.2022,424.67n/a
ทองรูปพรรณ 50%832.0012,613.12n/a
ทองรูปพรรณ 40%647.009,808.52n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,916.0029,046.56n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/01/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.1532.1532.7532.1532.5532.1532.4532.2532.1532.15
แก๊สโซฮอล์ 9131.8831.8832.4831.8832.2831.8832.1831.9831.8831.88
แก๊สโซฮอล์ E2030.6430.6431.2430.6431.0430.9430.7430.6430.64
แก๊สโซฮอล์ E8524.3424.3424.34
เบนซิน 9539.5640.4140.3640.1639.56
ดีเซล B729.8429.8430.6429.9430.3429.8430.1429.8429.9429.84
ดีเซล29.8429.8430.6429.9430.3429.8430.1429.8429.9429.84
ดีเซล B2029.8429.8430.6430.3430.1429.8429.84
ดีเซลพรีเมี่ยม35.8635.8637.0936.4637.0935.86
แก๊ส NGV15.5915.5915.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า