“โอเชี่ยน” ลุยลงทุนอสังหาฯต่างจังหวัด เจาะขุมทรัพย์ คนไทย-ต่างชาติ
“โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้” ประกาศแผนปี 2565 ลุยต่อ 3 ตลาดอสังหาฯ “ขอนแก่น-พัทยา-ภูเก็ต” ชี้ตลาดต่างจังหวัดยังมีโอกาสทองอีกมาก หลังเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว เร่งเครื่องบูมกำลังซื้อกลุ่มเรียลดีมานด์ และต่างชาติ
2 ก.พ.2565 – นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพครบวงจร เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวให้เห็น จากมาตรการเปิดประเทศของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2565
เช่น โครงการ “คนละครึ่งเฟส 4” โครงการ “ช้อปดีมีคืน 2565” และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลดีจากการเปิดให้คนต่างชาติซื้ออสังหาฯ ในไทย และมาตรการสินเชื่อบ้าน LTV (Loan-to-value ratio) ที่ให้คนซื้อบ้านขอสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) 100% (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
อีกทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมร้อยละ 2 และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากร้อยละ 1 เหลือเพียงร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขายบ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคาร และห้องชุดราคาประเมินไม่เกิน 3 ล้านบาทจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับคนที่ต้องการอยากมีบ้านได้ยื่นขอสินเชื่อซื้อบ้านทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญๆ ของประเทศ
ในส่วนแผนกลยุทธ์ปี 2565 นายณพงศ์ กล่าวว่า หัวใจหลักของแผนดำเนินงานของ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง เป็นการต่อยอดความสำเร็จในแต่ละทำเลเศรษฐกิจสำคัญที่ทางบริษัทฯ ได้เข้าไปพัฒนาโครงการ ได้แก่ ขอนแก่น พัทยา และภูเก็ต
ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นของทั้ง 3 ทำเล สามารถตอบโจทย์เรียลดีมานด์การซื้อที่อยู่อาศัยได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่เอง หรือซื้อเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทนในอนาคต จากโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงซึ่งขึ้นอยู่กับโอกาสและความต้องการในแต่ละทำเลเป็นหลัก และแม้จะเป็นช่วงเวลาของการระบาดโควิด-19 ก็ตาม ทั้งนี้ นอกจากดีมานด์ของคนในพื้นที่แล้ว โครงการที่ตั้งในจังหวัดท่องเที่ยวก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติเช่นกัน
โดยภาพรวมปี 2564 บริษัทฯ ยังคงรักษาระดับรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2563 โดยมาจากรายได้จากอสังหาฯ เพื่อการขาย 400 ล้านบาท และรายได้จากการปล่อยเช่าประมาณ 600 ล้านบาท จาก โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ โรงแรมเมอเวนพิค อัสสรา รีสอร์ท แอนด์ สปา หัวหิน รวมถึงสำนักงานให้เช่า 2 แห่ง ได้แก่ โอเชี่ยน ทาวเวอร์ 1 และโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 2
ทั้งนี้ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ลงทุนกว่า 200 ล้านบาทในการรีโนเวทโรงแรม โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ ครั้งใหญ่ ให้มีความทันสมัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวที่มากันเป็นครอบครัว ตอบสนองความต้องการในช่วงวันหยุดพักผ่อนกับคนทุกเจนเนเรชั่นได้ดียิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะได้อวดโฉมโรงแรมใหม่และเปิดให้บริการกลางปี 2565 นี้
สำหรับตลาดอสังหาฯ จังหวัดขอนแก่น ทางบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการล่าสุด “โอเชี่ยน แกรนด์ เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ-ขอนแก่น” คอนโดมิเนียม 8 ชั้น จำนวน 236 ยูนิต อยู่ติดโรงพยาบาลราชพฤกษ์ (ใหม่) เพียง 50 เมตร ซึ่งใกล้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น และสถานศึกษาชั้นนำของขอนแก่น ราคาเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท โดยมียอดขายแล้วกว่า 80% คาดว่าจะสร้างเสร็จและรับรู้รายได้จากการโอนช่วงปลายปี 2565
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก โครงการ “โอเชี่ยน เรสซิเดนซ์ มิตรภาพ – ขอนแก่น” ซึ่งเป็นโครงการแรกของบริษัทฯในจังหวัดขอนแก่น พบว่าดีมานด์ในตลาดยังเติบโตได้ดีแม้ในสถานการณ์โควิด-19 จากกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุน โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุน (Capital Gain) จากการซื้อมาและขายออกไปอยู่ในเกณฑ์ที่ดีสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 5-10% ขณะที่การสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Yield) จะอยู่ที่ 5-7% นับเป็นตัวเลขที่มากกว่าผลตอบแทนจากการออมประเภทบัญชีเงินฝากในปัจจุบัน
ด้านตลาดพัทยา เมืองที่เป็นไปด้วยโอกาสด้านการท่องเที่ยว การอยู่อาศัย และการลงทุนด้านอสังหาฯ ในกลุ่มกำลังซื้อคนไทยที่ต้องการมีบ้านหลังที่ 2 ในเมืองท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ โครงการโอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน-พัทยา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) สไตล์โมเดิร์น สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ กับบรรยากาศในแบบ “มารีน่า ไลฟ์สไตล์” เพียงแห่งเดียวริมท่าจอดเรือยอช์ทหรูระดับเวิลด์คลาสขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในราคาเริ่มต้นเพียง 6.9 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายกว่า 90% โดยล่าสุดได้เปิดตัวห้องตัวอย่าง 2 ดีไซน์ใหม่ในสไตล์ Contemporary และ Scandinavian อีกทั้งเตรียมโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเพื่อปิดโครงการอีกด้วย
ส่วนจังหวัดภูเก็ต นายณพงศ์ กล่าวว่า ตลาดแนวราบยังมีเรียลดีมานด์ของคนที่ต้องการอยากมีบ้านเป็นของตัวเองอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่ง โอเชี่ยน ทาวน์ เมือง-รัษฎา เป็นโครงการทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์สไตล์โมเดิร์น พื้นที่กว่า 20 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนศรีสุทัศน์ ในตัวเมืองจังหวัดภูเก็ต จำนวน 187 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพทั้งการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ เพราะการเชื่อมต่อในการเดินทางจากแหล่งสำคัญๆ ของจังหวัด ได้แก่ โรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล และ ศูนย์การค้า และบริษัทฯ ได้ทำการวางแผนลุยต่อเฟส 4 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายของโครงการภายในปีนี้
นอกจากการรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นในปี 2565 ในส่วนของการบริหารอย่างสมดุลและลดความเสี่ยงก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยบริษัทฯ เน้นทำงานที่ครอบคลุมทั้งตลาดแนวราบและแนวสูง ซึ่งการพัฒนาพอร์ตสินค้าในลักษณะนี้จะช่วยให้ธุรกิจในภาพรวมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ในทุก ๆ สถานการณ์ พร้อมกันนี้ก็ให้ความสำคัญกับการเดินเกมรุกเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจ
“อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์การระบาดของโอมิครอนว่าจะดำเนินไปอย่างไรในไทย และมีผลมากน้อยแค่ไหนกับตลาดอสังหาฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางเอาไว้ และเตรียมความพร้อมปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็คาดหวังว่ายอดขายปีนี้จะเติบโตมากกว่าที่ทำได้ในปี 64” นายณพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผ่าโมเดล ‘ สยามอรุณ กรุ๊ป’ ลุยปั้น @EKKAMAI รีเทลแห่งแรก
‘ จิรพัฒน์ เหตานุรักษ์’ แห่ง สยามอรุณ กรุ๊ป เปิดมุมมองธุรกิจอสังหาฯ จาก เจ้าตลาดเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ สู่หมุดหมายใหม่ ปั้นศูนย์การค้า โครงการ @EKKAMAI กลางทำเลทอง โครงการรีเทลแรกของบริษัทฯ
2 ก.พ.2565 – นายจิรพัฒน์ เหตานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามอรุณ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ เปิดดำเนินงานอยู่ 6 โครงการ รวมมากกว่า 1,300 ห้อง ได้แก่
- Citi Resort Sukhumvit 39
- Citi Resort Sukhumvit 49
- Citi Resort Sukhumvit 39 Annex
- Citi Resort Sukhumvit 39 New Wing
- Living @ Citi Resort
- Citi Resort @ Sea Sriracha
” แต่ละโครงการจะเน้นจับกลุ่มผู้พักอาศัยชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในประเทศไทยเป็นหลัก สถานการณ์โควิดจึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ อยู่บ้าง เนื่องจากผู้เช่าชาวญี่ปุ่นถูกเรียกตัวกลับประเทศ และบางส่วนยังคงติดปัญหาไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยได้ในช่วงต้นปี บริษัทฯ จึงได้ทำการรีโนเวทห้องเช่าให้ทันสมัย และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับแต่ละโครงการ เตรียมไว้สำหรับรองรับดีมานด์ที่จะฟื้นตัวกลับมาหากมีการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ”
จุดแข็งประสบการณ์ 30ปี
ในส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งอย่างน้อย 15% เพราะ Citi Resort เป็นที่รู้จักอย่างดีและได้รับความมั่นใจอย่างมากในกลุ่มนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นซึ่งนิยมพักในโซนสุขุมวิท สยามอรุณ กรุ๊ปมีประสบการณ์ในการบริหารเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์มานานกว่า 30 ปี มีแนวทางการทำธุรกิจที่ชัดเจน ในการเป็น ‘The First Choice of Japanese Expat’ ทุกโครงการจึงมีการออกแบบห้องพัก อาคาร
รวมถึงคัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อตอบรับกับรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ลูกค้าสามารถมั่นใจในด้านการบริการ คุณภาพห้องพัก และการดูแลผู้พักอาศัย ได้อย่างเต็มที่ บริษัทฯ ยังได้ทำการศึกษาความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ปรับปรุงแผนการตลาด การให้บริการ และตัวผลิตภัณฑ์ ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
น่านน้ำใหม่ ปั้น @EKKAMA ศูนย์การค้ากลางทำเลเอกมัย
ล่าสุดบริษัทฯ กำลังก่อสร้างโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์ @EKKAMAI ซึ่งเป็นโครงการรีเทลเต็มรูปแบบในลักษณะศูนย์การค้าโครงการแรกของบริษัทฯ ใช้งบก่อสร้างราว 65 ล้านบาท โดยคาดว่าโครงการนี้จะสามารถเบรกอีเวนท์ได้ภายในเวลา 3 ปี โครงการ @EKKAMAI ตั้งอยู่บริเวณซอยเอกมัย 9 มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 5 ไร่ พื้นที่พาณิชย์อยู่ที่ราว 3,200 ตารางเมตร จะประกอบด้วยร้านค้าจำนวน 16 ร้าน และมีที่จอดรถขนาดใหญ่ รองรับได้มากถึง 130 คัน โดยจะเน้นจับกลุ่มลูกค้า B ถึง B+ ทั้งที่เป็นผู้พักอาศัยชาวไทยและต่างชาติ ที่เป็นนักธุรกิจและครอบครัวที่เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย รวมกว่า 8 แสนคน พร้อมผู้สัญจรและนักท่องเที่ยวย่านเอกมัย” นายจิรพัฒน์ กล่าวต่อ
“ในส่วนความคืบหน้าของงานก่อสร้าง ปัจจุบันคืบหน้าไปมากกว่า 80% โดยงานโครงสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์ ขณะที่งานระบบไฟฟ้าและสื่อสาร รวมทั้งงานสุขาภิบาลและระบบป้องกันอัคคีภัยก็ติดตั้งไปแล้วเกือบ 75% และ 85% นอกจากนี้ยังสามารถปิดการขายพื้นที่ได้ถึง 95% และเริ่มส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้เช่าเข้าตกแต่งร้านได้แล้ว บริษัทฯ ตั้งเป้าว่าจะเปิดให้บริการโครงการ @EKKAMAI อย่างเต็มรูปแบบได้ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้”
จับจังหวะงัดที่ดินทองหล่อลงทุนเพิ่ม
สยามอรุณ กรุ๊ป ยังมีแผนที่จะนำแลนด์แบงค์ที่มีอยู่ในย่านทองหล่อ เอกมัย รวมถึงที่ดินขนาด 4 ไร่ที่อยู่ใกล้กับ @EKKAMAI และส่วนอื่นบนเส้นสุขุมวิทและในต่างจังหวัด ซึ่งล้วนแต่เป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูงขึ้นมาพัฒนาต่อไป โดยโมเดลธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ก็ยังน่าสนใจอยู่ เพราะมีดีมานด์ของลูกค้าหลากหลายกลุ่มรองรับ และล้วนแต่เป็นลูกค้าที่มีศักยภาพและคุณภาพ รวมถึงการลงทุนก็ยังต่ำกว่าโรงแรม แต่สามารถจับกลุ่มลูกค้าที่ใกล้เคียงกันได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่ได้ยึดติดกับธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ เท่านั้น แต่จะขึ้นอยู่กับการศึกษาความเป็นไปได้ของแต่ละพื้นที่ก่อนทำการตัดสินใจลงทุนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เงินบาทแข็ง เปิดตลาดที่ 33.17 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทเปิดตลาด 33.17 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดอลลาร์อ่อนค่า
เมื่อวันที่ 3 กพ. 65 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.17 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.22/23 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน หลังตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยตลาดคาดจะมีงานเพิ่ม 2 แสนตำแหน่ง แต่ผลที่ออกมาลดลง 3 แสนตำแหน่ง ทำให้ตลาดไม่มั่นใจต่อท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
“บาทแข็งค่าตามทิศทางตลาดโลก หลังดอลลาร์ย่อตัวลงเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงิน เนื่องจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ไม่มั่นใจว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามที่ส่งสัญญาณไว้หรือไม่ ขณะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลงด้วย” นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.10 – 33.25 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ปิดตำนาน! “เบรดี” ประกาศรีไทร์อาชีพนักอเมริกันฟุตบอลอย่างเป็นทางการ
กลายเป็นข่าวจริงหลังจากเป็นข่าวลือตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา สำหรับ ทอม เบรดี ยอดควอเตอร์แบ็กระดับตำนาน ที่ประกาศเลิกเล่นอเมริกันฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการแล้ว หลังย้ายมาร่วมทัพ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส และพาทีมคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้ภายในฤดูกาลเดียวเท่านั้น
“ผมเชื่อเสมอว่ากีฬาฟุตบอลเป็นสิ่งที่ต้อง ‘ทุ่มสุดตัว’ หากไม่มีความมุ่งมั่นในการแข่งขันเต็ม 100% คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ และความสำเร็จคือสิ่งที่ผมรักมาก” เบรดี้ กล่าวในแถลงการณ์ของเขาบน Instagram
“มีความท้าทายทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ในทุกๆวัน ที่ทำให้ผมสามารถรีดศักยภาพสูงสุดออกมาได้ และผมก็พยายามอย่างดีที่สุดตลอด 22 ปีที่ผ่านมา ไม่มีทางลัดสู่ความสำเร็จในสนามหรือในชีวิต”
“นี่เป็นเรื่องยากสุดๆ แต่เอาล่ะ.. ผมจะปล่อยวางจากชีวิตนักกีฬาแล้ว ผมรักช่วงเวลาใน NFL นะ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะทุ่มเทเวลาและพลังงานของผมกับสิ่งอื่นๆ ที่ผมให้ความสนใจ”
“ผมได้ไตร่ตรองอย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมาและได้ถามคำถามยากๆกับตัวเอง และผมก็ภูมิใจในสิ่งที่เราประสบความสำเร็จ เพื่อนร่วมทีม โค้ช คู่แข่ง และแฟนๆ ของผมสมควรได้รับความมุ่งมั่น 100% จากผม แต่ตอนนี้ เป็นการดีที่สุดที่ผมจะให้นักกีฬารุ่นต่อไปที่ทุ่มเทมาสานต่องานนี้”
สำหรับ เบรดี วัย 44 ปี ถูก นิว อิงแลนด์ แพทริออตส์ ดราฟต์เข้า NFL เมื่อปี 2000 ในฐานะดาวรุ่งนอกสายตาในรอบที่ 6 อันดับ 199 ก่อนจะระเบิดฟอร์มชนิดโลกตะลึงกับทีมตลอดปี 2000-2019 ด้วยการคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 7 สมัย (6 สมัยกับแพทริออตส์ และ 1 สมัยกับบัคคาเนียร์ส), ผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ MVP 3 สมัย, ผู้เล่นทรงคุณค่าของการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ หรือ ซูเปอร์โบวล์ MVP 5 สมัย
นอกจากนี้ เขายังติดทีมยอดเยี่ยมของผู้สื่อข่าว หรือ All-Pro 6 ครั้ง, ติดทีมยอดเยี่ยมของแฟนบอล หรือ Pro-Bowl 15 ครั้ง, เป็นควอเตอร์แบ็กที่ได้รับชัยชนะ, ทำทัชดาวน์, ทำระยะหลา และคว้าสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ NFL ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ผู้ป่วยโรคหัวใจ-ปอด ควรฉีดวัคซีน “โควิด-19” ป้องกันเสียชีวิต 90%
สมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย แนะผู้ป่วยโรคหัวใจ และโรคปอด ควรเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 หลังมีสถิติวิจัยและยืนยันอย่างเป็นทางการว่า การฉีดวัคซีนจะสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50-80% และยังช่วยป้องกันการป่วยหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต ได้มากถึง 90% ที่สำคัญ และยังมีอัตราความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนเพียงแค่ 0.002%
แพทย์หญิงปีนัชนี ชาติบุรุษ ศัลยแพทย์โรคทรวงอก โรงพยาบาลราชวิถี และนายกสมาคม ศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย เผยว่า ท่ามกลางการความพยายามแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 ณ ปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์กรสาธารณสุขทั่วโลกต่างลงความเห็นเดียวกันว่า วิธีจัดการกับการแพร่ระบาดของโควิดได้ดีที่สุด คือเร่งให้ประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 ขึ้นไป เพื่อให้เกิด Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นในพื้นที่ ซึ่งองค์กรสาธารณสุขไทยก็เข้าใจในข้อเท็จจริงนี้ดี และได้เร่งให้เกิดการเข้าถึงวัคซีนโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยงสูงอย่างกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า, กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเสี่ยง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและลดความรุนแรงให้ลดน้อยลงที่สุด
“นอกเหนือจากกระบวนการจัดการด้านวัคซีนแล้ว สาธารณสุขฯ ยังมีหน้าที่แก้ไขความเข้าใจผิดของผู้คนที่เกิดจากความกลัวต่อตัววัคซีนอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูงอย่างผู้ป่วยโรคหัวใจ (โรคหัวใจและหลอดเลือด) และโรคปอด (โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง) ในกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง ที่กังวลว่าความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของวัคซีน อาจกระทบต่อโรคประจำตัวที่ตัวเองเป็นอยู่ แต่ความจริงแล้วกลุ่มผู้ป่วยโรคทรวงอก (หัวใจและปอด) ล้วนแต่เป็นผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสุด และต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยเร็วที่สุด เพราะหากผู้ป่วยโรคทรวงอกได้รับเชื้อโควิดเข้าไป โอกาสที่เชื้อจะลุกลามจนลงสู่ปอดและยากต่อการทำการรักษา มีมากกว่าคนทั่วไปถึงหลายสิบเท่า
“สมาคมศัลยแพทย์ทรวงอกแห่งประเทศไทย ที่มีความเชี่ยวชาญการดูแลผู้ป่วยโรคทรวงอก จึงต้องการสื่อสารให้ได้ทราบถึงความเข้าใจผิดต่อผลข้างเคียง และความจำเป็นที่ผู้ป่วยต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยเร็วที่สุด ได้จัดทำสื่อในรูปแบบวิดีโอ ที่มีเนื้อหาครอบคลุมข้อดีและความเสี่ยงในการรับวัคซีนให้เห็นแบบ animation และ infographic โดยองค์การอนามัยโลก มีสถิติวิจัยและยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าวิธีฉีดวัคซีนจะสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ถึง 50-80% และยังช่วยป้องกันการป่วยหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต ได้มากถึง 90% ที่สำคัญ อัตราความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีน ยังน้อยเพียงแค่ 0.002% หรือในจำนวนคน 1 แสนคน จะพบผู้มีความเสี่ยงเพียง 2 คนเท่านั้น
“ความอันตรายของเชื้อโควิด-19 หลักๆ อยู่ที่ความเร็วในการแพร่ระบาด ความสามารถในการกลายพันธุ์จนเกิดการติดต่อได้ง่ายกว่าเก่า รวมถึงความรุนแรงเมื่อเชื้อลงสู่ปอด ดังนั้นจึงพูดได้เต็มปากว่าผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะกลุ่มโรคทรวงอกที่เกี่ยวข้องกับระบบหลอดลมทั้งหมด คือหนึ่งในกลุ่มเปราะบางที่สุด เพราะหากได้รับเชื้อโควิดเมื่อไร โอกาสที่เชื้อจะลุกลามลงปอดจะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก อีกทั้งการรักษาเยียวยาจะมีความยากยิ่งกว่า และยังมีเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตสูงมากอีกด้วย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ผู้ป่วยโรคทรวงอก (หัวใจและปอด) ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน และรีบไปรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเร็วที่สุด”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สำนวนเกี่ยวกับ thumb (นิ้วโป้ง) ที่ออกสอบบ่อย!!!
ในข้อสอบของ TOEIC มีสำนวนหลายสำนวนที่เปรียบเทียบจากสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเรา ในที่นี้จะขอเสนอสำนวนเกี่ยวกับ thumb ที่แปลว่า นิ้วหัวแม่มือ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ thumbs up แปลว่า ดีเยี่ยม ผ่านการพิจารณา ซึ่งก็ตรงกับอาการที่เรายกหัวแม่โป้งขึ้น เพื่อแสดงว่ามันเยี่ยมยอด และที่ตรงข้ามกันก็คือ thumbs down คือการคว่ำนิ้วหัวแม่โป้งลง เพื่อบอกว่าไม่ผ่าน หรือโดนปฏิเสธนั่นเอง มาดูตัวอย่างประโยคกันเลย
There was no thumbs up for the players as they lost the game. ไม่มีใครยกนิ้วแสดงความยินดีกับนักกีฬาเลยเพราะพวกเขาแพ้การแข่งขัน
They gave our plan the thumbs down. พวกเขาไม่เห็นด้วยกับแผนงานของเรา
ถ้าจะบอกว่าให้ใครหรืออะไรผ่านหรือ ไม่ผ่าน ก็จะบอกว่า to turn thumbs up/down on someone or something เช่น
The boss turns thumbs up on my proposal. เจ้านายยอมรับข้อเสนอของฉัน
ยกนิ้วเดียว ขึ้น หรือ ลง ก็แปลความหมายได้แล้ว แต่ถ้าเกิดใครมาบอกเราว่า “all thumbs” ไม่ได้หมายความว่า เราเก่ง เพราะยกให้ทุกนิ้วเลย แต่เขากำลังบอกเราว่า งุ่มง่าม หรือไม่ได้เรื่อง
เขาเปรียบเทียบว่าการมีแต่นิ้วหัวแม่มือจะหยิบจะจับอะไรก็ลำบาก เวลาจะทำอะไรก็คงไม่ได้เรื่องได้ราวไงล่ะ แต่ถ้ามีใครมา thumb (someone) nose at you นั่นหมายถึง เค้าไม่ไว้ใจคุณหรือไม่เชื่อมือคุณสักเท่าไหร่ เรียกง่ายๆ ว่าดูถูกฝีมือคุณนั่นเอง
Don’t thumb your nose at me unless you want a fight. อย่ามาดูถูกกันถ้าไม่อยากมีเรื่อง
บางครั้งเขาก็เปรียบเทียบนิ้วโป้งกับการควบคุมใครให้อยู่ภายใต้การจัดการ โดยจะบอกว่า
get someone under one’s thumbs เช่น
You can’t get your kids under your thumb all their lives. คุณไม่สามารถควบคุมชีวิตลูกๆ ไปได้ทั้งชีวิตหรอก
แต่ถ้าเขาบอกว่า stick out like a sore thumb จะแปลว่า แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เช่น
The modern building sticks out like a sore thumb among the old houses. ตึกทันสมัยนั่นดูแปลกแยกท่ามกลางบ้านหลังเก่าพวกนั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
เอ็นทีที เผยโซลูชั่นเพิ่มประสิทธิภาพ Hybrid Workplace
เอ็นทีที หนุนการทำงานยุค New Normal เผยโซลูชั่นเพิ่มประสิทธิภาพ Hybrid Workplace รูปแบบการทำงานอย่างรวดเร็ว สถานที่ทำงานในอนาคตต้องผสมผสานการทำงานจากระยะไกลและการทำงานในสำนักงานเข้าด้วยกัน
นายสุทัศน์ คงดำรงเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำประเทศไทย กัมพูชา เมียนมา และลาว บริษัท เอ็นทีที จำกัด บริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ที่พร้อมช่วยให้ทุกอุตสาหกรรมเผชิญความท้าทายในโลกดิจิทัล กล่าวว่า เอ็นทีที มีโซลูชั่นหลากหลายที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าสำหรับก้าวต่อไปของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานในยุค New Normal ที่ต้องผสมผสานการทำงานจากข้างนอก ไม่จำกัดสถานที่ ให้เข้ากับการทำงานในสำนักงาน โดยคำนึงถึงพนักงานที่ต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีจากการใช้เทคโนโลยีที่ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์
“Employee Experience” ของเอ็นทีที จะเสริมการทำงานของพนักงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ และทำให้ดีที่สุด โดยยุค New Normal ได้ปรับเปลี่ยนการทำงานไปอย่างมาก หลายองค์กรทำงานจากที่บ้าน ฉะนั้น ปัญหาไอทีที่พนักงานเคยต้องเรียกคนไอทีมาช่วยแก้ไข กลับต้องแก้ไขได้ด้วยตัวเอง เพราะไม่สามารถรอจนกว่าจะเข้าสำนักงานได้ ซึ่งองค์กรต้องลงทุนระบบ เพื่อทำ Self-Service ให้พนักงานแก้ไขได้ง่ายด้วยตัวเองได้ โดยระบบนี้จะมี pop-up ให้เรียกใช้และดำเนินการตามขั้นตอนไปได้เองแบบไม่ซับซ้อนยุ่งยาก หรือพนักงานใหม่ก็เพียงแค่เซ็ตระบบเข้าทำงานผ่านโน้ตบุ๊กได้เอง
ขณะเดียวกัน รูปแบบการจัดประชุมก็เปลี่ยนแปลงไป การประชุมส่วนตัวมีมากขึ้น การจัดห้องประชุมมีขนาดเล็กลง แต่อุปกรณ์ต้องพร้อม ระบบจองห้องประชุมชัดเจน ซึ่งระบบของเอ็นทีที มีระบบยกเลิกอัตโนมัติ กรณีจองแล้วไม่ใช้งานภายในกี่นาที
“เราคิดกระบวนการทำงานอย่างไรให้ผู้ใช้งานหรือ user ได้มี experience ที่ดีที่สุด โดยมีเครื่องมือเข้ามาประกอบ ช่วยแก้ปัญหาไอทีที่คนทั่วไปมักทำเองไม่ค่อยได้ ซึ่งผ่านการคิดอย่างรอบคอบรวมถึง Office Management, Knowledge Management หรือ Experience Management”
โซลูชั่นที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานแบบไฮบริด ในด้านระบบสื่อสารที่ต้องทำงานร่วมกัน ประกอบด้วย
– ระบบเสียง (Voice Transformation) ทั้งนี้ ระบบสื่อสารทาง เอ็นทีที มีพร้อมให้บริการครบทั้งภาพรวม โดย user สามารถเลือกโทรติดต่อถึงกันผ่านวิธีใดก็ได้ เช่น ค้นหารายชื่อจากเลขหมาย, ค้นหาจาก Outlook 365 หรือเพียงกดเลขแค่ 4 ตัวท้าย ระบบจะโอนสายไปถึงตัวพนักงานคนนั้น ๆ นอกจากนี้ ในส่วนการทำงานของคอนเท็กต์เซ็นเตอร์ (Contact Center) ที่เดิมต้องเข้าสำนักงาน แต่ปัจจุบันสามารถนำขึ้นคลาวด์ ทำงานจากที่บ้านได้ และวัดประสิทธิภาพการทำงานของคอนเท็กต์เซ็นเตอร์ หรือพนักงานที่ทำงานจากที่บ้านได้เช่นกัน
– ระบบการประชุมแบบไฮบริด (Hybrid Meeting and Room Integration) ปรับรูปแบบห้องประชุมตามการเปลี่ยนแปลง ห้องประชุมมีขนาดเล็กลง จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมลดลง แต่มีหลากหลายห้อง หลากหลายมิติ ห้องประชุมแบบ Class Meeting Room จะเริ่มน้อยลง ระบบนี้จะเชื่อมต่อการทำงานของไวท์บอร์ดของซิสโก้เว็บเอ็กซ์ เข้ากับไมโครซอฟท์ 365 ทำให้การประชุมใช้ไวท์บอร์ดนำเสนอได้เหมือนการประชุมปกติทั่วไป โดยการประชุมสามารถทำผ่านระบบโทรศัพท์ หรือวิดีโอ ของซิสโก้ หรือจากระบบการประชุมอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น WebEx Collaboration, Video Devices, Cloud Video Interop (CVI) ที่อินทีเกรตรวมทุกระบบเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
ระบบสื่อสารผ่านคลาวด์ (Cloud Communication) user ที่ไม่ต้องการใช้เลขหมาย 02 สามารถใช้บริการผ่าน NTT Cloud Communication ได้ โดยบริการนี้เอ็นทีที จะเชื่อมต่อไปยังระบบนั้น ๆ ของลูกค้าแล้วปล่อยออกทางเลขหมาย 02 ของบริษัทที่เตรียมไว้ให้บริการ
นอกจากนี้ ยังมี Modernize Devices Management ทำหน้าที่บริหารจัดการอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่พนักงานใช้ให้ใช้งานได้ดี ไม่ว่าจะเป็นไอแพด สมาร์ทโฟน โดยใส่กระบวนการทำงานให้สนับสนุนการทำงานของพนักงานเหล่านั้นเข้าไป ทั้งคนทำงานที่บ้านบ้าง เข้าออฟฟิศบ้าง หรือคนที่รีโมตอย่างเดียว หรือทำงานที่ออฟฟิศอย่างเดียว ซึ่งใช้อุปกรณ์แตกต่างกัน การจัดการก็จะต่างกันไปด้วย
ขณะเดียวกัน มีระบบการจัดการตัวตนและสิทธิการเข้าถึงระบบงาน (Identity Management) รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยในการเข้าใช้งาน เช่น เคยเข้าใช้งานจากอุปกรณ์หนึ่งประจำ แต่วันหนึ่งปรากฏว่าเข้าใช้งานจากอุปกรณ์อื่น และเวลาที่แตกต่างไป ระบบจะดำเนินการจำกัดสิทธิการเข้าใช้งานให้ทันที ซึ่งขึ้นกับนโยบายขององค์กร
ส่วนด้าน Desktop Transformation บริษัทมีบริการ Desktop as a Service อำนวยความสะดวกด้วยการทำงานบนเดสก์ท้อปในระบบเสมือน ซึ่งผู้ใช้งานจะใช้อุปกรณ์ใดเชื่อมสู่การทำงานระบบเสมือนก็ได้ แต่จะให้ความรู้สึกการทำงานเหมือนอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
ทั้งหมดนี้เอ็นทีที พร้อมให้บริการครบวงจร (End-to-end) แก่ลูกค้า โดยสามารถแบ่งการลงทุนเป็นเฟสได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า เช่น ระบบสื่อสารจะเริ่มเฟสแรกอย่างไร เฟสที่สองจะปรับปรุงตรงไหน ใช้เวลาอย่างไร ขึ้นกับงบประมาณและเวลาตามที่ต้องการ โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กิน “ใบกระท่อม” ผิดวิธี เสี่ยง “จิตหลอน”
ถึงแม้ว่าจะถูกกฎหมายแล้ว แต่ใบกระท่อมก็ยังอันตรายมากอยู่ดีหากกินอย่างไม่ถูกวิธี
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ลงในเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ถึงอันตรายของการกินใบกระท่อมอย่างไม่ถูกวิธีเอาไว้ว่า กินกระท่อมไม่ได้เมา แต่ระวังอาจทำให้หลอน และผู้ที่มีปัญหาทางจิต ยิ่งไม่ควรกิน
กิน “ใบกระท่อม” ผิดวิธี เสี่ยง “จิตหลอน”
การบริโภคกระท่อมไม่ได้เกิดอาการมึนเมาแบบเดียว กับสุรา กัญชา หรือยาเสพติดอื่นๆ แต่จะออกแนวที่เขาเรียกว่า ตื่นตัวเป็นพิเศษหรือ “อาการยัน”
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีเช่นกันว่า การบริโภคกระท่อมมากเกินไป อย่างต่อเนื่อง จะเกิดภาวะเสพติดได้ และยังอาจเกิดภาวะที่เห็น “ภาพหลอน” ได้ด้วย จึงมีคำเตือนว่า ใครที่มีสภาวะปัญหาทางสุขภาพจิตอยู่ ห้ามบริโภคกระท่อม
ใบกระท่อม เป็นอย่างไร
พืชกระท่อม มีสารแอลคาลอยด์ ชื่อ ไมทราจีนีน (Mitragynine) อยู่ในใบ มีฤทธิ์ระงับอาการปวด เช่นเดียวกับมอร์ฟีน โดยมีความแรงต่ำกว่ามอร์ฟีนประมาณ 10 เท่า
นิยมเสพใบกระท่อม ด้วยการเคี้ยวใบสด หรือบดใบแห้งให้เป็นผงละลายน้ำดื่ม ส่วนมากจะเคี้ยวเพียง 2-3 ใบ และดื่มน้ำอุ่นหรือกาแฟร้อนตาม วันละ 3-10 ครั้งตามอาการเหนื่อย แต่เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ปริมาณการใช้จะเพิ่มขึ้น (กว่า 37% เสพถึงวันละ 21-30 ใบ)
อาการหลังเสพ/กินใบกระท่อม
ผลจากการเสพ พบว่าหลังเคี้ยวใบกระท่อมไปประมาณ 5-10 นาที จะมีอาการเป็นสุข กระปรี้กระเปร่า ไม่รู้สึกหิว (ไม่อยากอาหาร) กดความรู้สึกเมื่อยล้าขณะทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้นาน และทนแดดมากขึ้น
ผลข้างเคียงของการเสพใบกระท่อม
ผลข้างเคียงของการเสพใบกระท่อม จะเกิดอาการดังต่อไปนี้
- กลัวหนาวสั่นเวลาอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน
- ผู้เสพจะมีผิวหนังแดงเพราะเลือดไปเลี้ยงผิวหนังมากขึ้น
- ปากแห้ง
- ปัสสาวะบ่อย
- เบื่ออาหาร
- ท้องผูก อุจจาระแข็งเป็นก้อนเล็กๆ
- นอนไม่หลับ
ถ้าเสพใบกระท่อมในปริมาณมากๆ จะทำให้เกิดอาการเหล่านี้
- มึนงง
- คลื่นไส้อาเจียน
- น้ำหนักลด
- ปากแห้ง
- วิตกกังวล และสับสน กระวนกระวายใจ
- เหงื่อออก และคัน
- แพ้แดด
- นอนไม่หลับ หรือร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
บางรายจะมีอาการโรคจิตหวาดระแวง เห็นภาพหลอน คิดว่าคนจะมาทำร้ายตน และพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง (โดยเฉพาะกับคนไข้จิตเวชที่มีโรคเก่า ที่ไปกระตุ้นอาการได้ หรือไปทำอันตรปฏิกิริยากับยาจิตเวช ทำให้อาการกำเริบได้)
กลุ่มเสี่ยงรับอันตรายจากใบกระท่อม (ไม่ควรบริโภค)
- สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง หรือติดสุรา
- ผู้มีความผิดปกติทางจิต
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
ข้อควรระวังในการบริโภคใบกระท่อม
ข้อสำคัญที่ควรระวังมากที่สุดคือ การกินใบกระท่อม โดยไม่รูดเอาก้านใบออกจากตัวใบ อาจจะทำให้เกิดอาการ “ถุงท่อม” ในลำไส้ จากก้านใบและใบของกระท่อมไม่สามารถย่อยได้ ติดค้างอยู่ภายในลำไส้ ขับถ่ายออกมาไม่ได้ เกิดพังผืดขึ้นมาหุ้มรัดอยู่โดยรอบก้อนกากกระท่อม เกิดเป็นก้อนถุงขึ้นมาในลำไส้
อันตรายจากภาวะขาดใบกระท่อม
อาการขาดใบกระท่อม คือ จะไม่มีแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูก แขนขากระตุก รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สามารถทำงานได้ อารมณ์ซึมเศร้า จมูกแฉะ น้ำตาไหล บางรายจะมีท่าทางก้าวร้าว แต่เป็นมิตร (Hostility) นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร (ตรงกันข้ามกับอาการขาดยาแอมเฟตามีน ที่จะทำให้รู้สึกง่วงนอนมาก หิวจัดและมือสั่น)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/02/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 28,300.00 | 28,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,833.00 | 27,788.28 | 28,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,649.70 | 25,009.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,466.40 | 22,230.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 825.00 | 12,507.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 642.00 | 9,732.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,899.00 | 28,788.84 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/02/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.55 | 34.55 | 35.15 | 34.75 | 34.95 | 34.55 | 34.85 | 34.55 | 34.75 | 34.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.28 | 34.28 | 34.88 | 34.48 | 34.68 | 34.28 | 34.58 | 34.28 | 34.48 | 34.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.44 | 33.44 | 34.04 | 33.54 | 33.84 | – | 33.74 | 33.44 | 33.54 | 33.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 26.74 | 26.74 | – | – | – | – | – | – | – | 26.74 |
เบนซิน 95 | 41.96 | – | – | – | 42.81 | – | 42.76 | 42.46 | – | 41.96 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 32.34 | 30.84 | 31.44 | 29.94 | 30.64 | 30.64 | 30.84 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 32.34 | 30.84 | 31.44 | 29.94 | 30.64 | 30.64 | 30.84 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 32.34 | – | 31.44 | – | 30.64 | 30.64 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 38.79 | 37.36 | 38.19 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | – | – | – | – | – | – | – | – | – | – |