สาระน่ารู้ประจำวันที่ 20 กันยายน 2565

“แอสเซทไวส์” เปิด 5 แกนหลัก “GrowGreen” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม

บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เดินหน้าทำธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “GrowGreen” ที่เกิดจากความตั้งใจในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้าง Community ที่เกื้อหนุนให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในแง่ของการพักอาศัย สิ่งแวดล้อมและสังคม ด้วยเชื่อว่า “การทำธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของลูกค้า และยังส่งผลต่อเนื่องไปถึงทุกคนในสังคม”

สำหรับการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “GrowGreen” ประกอบด้วย 5 แกนหลัก ได้แก่

  1. Energy Efficiency: การออกแบบการใช้พลังงานในอาคารอย่างคุ้มค่าทั้งการติดตั้งแผงโซลาร์ บนดาดฟ้าของอาคารสำนักงาน เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด ใช้ต้นไม้ช่วยลดทอนแสงแดดที่จะเข้าสู่ภายในอาคาร
  2. Waste Management: ร่วมมือกับองค์กรด้านการบริหารการจัดการขยะ โดยได้มีการรณรงค์การแยกขยะก่อนทิ้งทั้งในอาคารสำนักงาน และในส่วนของลูกบ้านในโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
  3. Green Space: การออกแบบและสร้างพื้นที่สีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องแบบแปลนโครงการ ชนิดของต้นไม้ ทิศทางของแสงและลม เพื่อลดอุณหภูมิและเพิ่มอากาศบริสุทธิ์
  4. Clean Air: แอสเซทไวส์ใส่ใจในเรื่องการมีอากาศที่สะอาด โดยเน้นการเลือกวัสดุก่อสร้างที่ลดปริมาณการสร้างมลพิษในอากาศ และทุกขั้นตอนของการก่อสร้างมีหลักเกณฑ์ที่คำนึงถึงเรื่องของการป้องกันการสร้างมลพิษในอากาศอีกด้วย
  5. Water Saving: การคำนึงเรื่องใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่การออกแบบพื้นที่สีเขียวในโครงการให้มีการใช้น้ำฝนมารดน้ำต้นไม้อย่างทั่วถึง มีระบบการนำน้ำที่ผ่านการใช้แล้วมาใช้ใหม่ รวมถึงยังมีการวางระบบการบำบัดน้ำเสีย และตรวจสอบค่าน้ำเสียให้อยู่ในกรอบที่กำหนด ก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก

“ภายใต้แนวคิด “GrowGreen” ดังกล่าว เราจะมีการพัฒนา และการสร้างสรรค์กิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องอีกมากมาย ควบคู่ไปกับสิ่งสำคัญ นั่นคือความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์โครงการในอนาคตให้มีคุณภาพ พร้อมดูแลใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันทำให้สังคมของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น และเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


อนันดาฯ ร่วมมือกับ รพ. เมดพาร์ค ส่งมอบ “คุณภาพชีวิต” ที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้าน

อนันดาฯ ร่วมมือกับ รพ. เมดพาร์ค ส่งมอบ

คุณชานนท์ เรืองกฤตยา (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ คุณประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลงนาม ความร่วมมือทางธุรกิจกับ ศ. นพ. สิน อนุราษฎร์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการ และ นพ. พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช (ขวา) กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลเมดพาร์ค (MedPark Hospital) โดยการมอบสิทธิพิเศษ membership Evergreen Lounge พร้อมทั้งส่วนลดให้การรักษาพยาบาล รวมถึงกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ต่างๆ โดยแพทย์เฉพาะทาง ถือเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบ “คุณภาพชีวิต” ให้แก่ลูกบ้านของอนันดาฯ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์ สำหรับโรคยาก ซับซ้อนในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ พร้อมที่จะเป็นโรงพยาบาลที่ดูแลลูกบ้านของอนันดาฯ ด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการจากหลากหลายสาขาควบคู่กับเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งการพัฒนาและสนับสนุนการวิจัยของแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านของอนันดาฯ ในโครงการระดับลักชัวรี่ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ในการเข้ารับการรักษาและการบริการ ทั้งหมดมาจากความตั้งใจในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดรวมถึงการใส่ใจคุณภาพชีวิตเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


ค่าเงินบาทวันนี้เปิด “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.87 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทวันนี้เปิด “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.87 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทมีโอกาสแกว่งในกรอบ 36.70-37.10 บาทต่อดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักจับตาผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้ แนะใช้ Options ป้องกันความเสี่ยงช่วงตลาดผันผวน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.87 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์

 นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทยังคงมีแนวโน้มผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงทิศทางของราคาทองคำ แต่โดยรวมเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ 36.70-37.10 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ นี้

อย่างไรก็ดี เรามองว่า หากราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงหนักอีกครั้ง และนักลงทุนต่างชาติไม่ได้เดินหน้าเทขายสินทรัพย์ในตลาดการเงินไทย (ล่าสุด นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายสุทธิหุ้นไทยเพียง -640 ล้านบาท ซึ่งลดน้อยลงมาก เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า) เงินบาทก็อาจไม่ได้อ่อนค่าทะลุระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ไปมากนัก

ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.75-37.00 บาท/ดอลลาร์

บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอคอยผลการประชุมเฟด (ที่จะทราบผลการประชุมในเวลาประมาณ 1.00 น. ตามเวลาประเทศไทยในวันพฤหัสฯ นี้) ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างมองว่า เฟดมีโอกาสเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ต่อเนื่อง เพื่อควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดี ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้น ราคาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ได้รีบาวด์ขึ้น หลังจากที่ปรับตัวลงแรงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นำโดย Apple +2.5%, Tesla +1.9% และช่วยหนุนให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.69%

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ย่อตัวลงเล็กน้อยเพียง -0.09% เนื่องจากบรรดานักลงทุนต่างรอจับตาผลการประชุมเฟด ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนสถานะถือครองสินทรัพย์เสี่ยงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงหนัก ตามการเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางหลัก

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มยานยนต์โดยเฉพาะ Volkswagen +3.3% ที่ได้อานิสงส์จากข่าวการ IPO บริษัท Porsche ซึ่งตลาดต่างคาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 7.5 หมื่นล้านยูโร และเป็นการทำ IPO ที่ใหญ่อันดับ 2 ของตลาดหุ้นเยอรมนี

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่า เฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงระดับ 4.50%-4.75% (Terminal Rate) ได้ช่วยหนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดก่อนหน้าที่ 3.50% อีกครั้ง

ทั้งนี้  บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับดังกล่าว เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงรอประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟด ขณะที่ผู้เล่นบางส่วนยังคงทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย

ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักและเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า (ผลสำรวจของ Bloomberg ล่าสุด สะท้อนว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างให้โอกาสราว 50% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า)

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 109.7 จุด หลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 110 จุด ก่อนหน้า โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอปัจจัยใหม่ๆ

โดยเฉพาะผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ ที่จะถึงนี้ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะการถือครองที่ชัดเจน อนึ่ง การย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่า ราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้มาก เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี เรามองว่า ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น หลังตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด

สำหรับวันนี้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงรอคอยผลการประชุมเฟดในวันพฤหัสฯ ทำให้บรรยากาศโดยรวมของตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวและราคาสินทรัพย์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มแกว่งตัว sideways ในกรอบ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


Scoop : 10 เรื่องน่ารู้ ก่อนดูวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022

Scoop : 10 เรื่องน่ารู้ ก่อนดูวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022

ในโลกของวอลเลย์บอล มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ถือว่าเป็นรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนรายการที่ยิ่งใหญ่ไม่ต่างกันอีกรายการ คือ “รายการวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก” ที่จะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี เช่นเดียวกันกับกีฬาโอลิมปิก และในปีนี้ก็ถึงคราวที่รายการนี้เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง

ในประเภทหญิงนั้น จะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 23 กันยายน ถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2565 โดยมีประเทศเนเธอร์แลนด์ และประเทศโปแลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน 2 ประเทศ ซึ่งทางเราก็ไม่พลาดที่จะรวบรวม 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกมาให้ทุกท่านทราบกัน เพื่อจะได้รับชมการแข่งขันได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น

วอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก กับวอลเลย์บอลเวิลด์คัพ เป็นคนล่ะรายการ

หลายคนที่ไม่ได้ติดตามวอลเลย์บอลกันอย่างใกล้ชิด อาจจะสับสนในชื่อรายการของวอลเลย์บอลกันบ้าง เพราะว่าในภาษาอังกฤษมีทั้งชื่อ Volleyball World Cup และ Volleyball World Championship 

ซึ่งจากความคุ้นเคยจากการแข่งขันฟุตบอลโลก ทำให้หลายๆ คนเข้าใจว่าวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลกคือ รายการ World Cup แต่ที่จริงแล้วเป็นความเข้าใจผิด เพราะถ้าพูดถึงรายการวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก จะหมายถึง รายการ World Championship ส่วนรายการ World Cup เป็นการแข่งขันอีกรายการที่ได้มีการจัดแข่งขันกันเพิ่มขึ้นมาในภายหลัง

 วอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก คือ รายการที่เก่าแก่ที่สุดของวงการวอลเลย์บอล

วอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก เป็นรายการที่เก่าแก่ที่สุดของวงการวอลเลย์บอล มีอายุ 70 ปี จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1952 โดยมีเจ้าภาพคือ สหภาพโซเวียต ใ

นการแข่งขันครั้งแรกมีทีมเข้าร่วมเพียง 8 ทีม และส่วนใหญ่เป็นทีมจากทวีปยุโรปเป็นหลัก มีเพียงอินเดีย หนึ่งเดียวจากทวีปเอเชีย ที่ไม่ใช่ทีมในทวีปยุโรป การแข่งขันใช้ระบบทุกทีมพบกันหมด และทีมที่มีคะแนนสูงสุด ก็คือ ทีมเจ้าภาพ สหภาพโซเวียต คว้าแชมป์โลกได้เป็นประเทศแรก

ประเทศเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกมากที่สุด

สหภาพโซเวียตในอดีต คือ มหาอำนาจของวงการวอลเลย์บอลหญิง ที่สามารถคว้าแชมป์โลกไปครองได้ถึง 5 สมัย จากการเข้าชิงชนะเลิศมากที่สุด 7 ครั้ง โดยมีเพียงแค่ 8 ประเทศที่สามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์โลก คือ สหรัฐอเมริกา, อิตาลี, เซอร์เบียและมีเพียง 5 ประเทศที่คว้าแชมป์โลกได้มากกว่า 1 ครั้ง คือ สหภาพโซเวียต (5 ครั้ง), ญี่ปุ่น (3 ครั้ง), คิวบา (3 ครั้ง), จีน (2 ครั้ง), รัสเชีย (2 ครั้ง)

 ประเทศที่เข้ารอบชิงชนะเลิศมากที่สุด

นับตั้งแต่ปี 1978 รายการวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก ปรับรูปแบบการแข่งขันจากระบบพบกันหมด ใครได้คะแนนมากที่สุดเป็นแชมป์ เปลี่ยนมาเป็นระบบแพ้ตกรอบและมีรอบชิงชนะเลิศ จากการแข่งขันทั้งหมด 11 ครั้ง ประเทศจีน เป็นทีมที่ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้มากที่สุด จำนวน 5 ครั้ง

ประเทศที่อกหักในรอบชิงชนะเลิศมากที่สุด

บราซิล และ จีน คือ 2 ทีมที่พ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศมากที่สุด 3 ครั้งเท่ากัน แต่บราซิลน่าสงสารกว่าตรงที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 3 ครั้งแล้วก็แพ้ต่อคู่แข่งไปทุกครั้ง ยังไม่เคยคว้าแชมป์โลกมาครองได้แม้แต่ครั้งเดียว

ประเทศที่เคยเป็นเจ้าภาพวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกมากที่สุด

วอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก จัดขึ้นมาแล้ว 18 ครั้ง มีประเทศที่รับเป็นเจ้าภาพทั้งหมด 11 ประเทศ คือ จีน, บัลแกเรีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เม็กซิโก, เปรู และเช็กโกสโลวาเกีย โดยมีเพียง 3 ประเทศที่เคยเป็นเจ้าภาพมากกว่า 1 ครั้ง ได้แก่ บราซิล (2 ครั้ง), อดีตสหภาพโซเวียต (3 ครั้ง) และญี่ปุ่น ที่เคยเป็นเจ้าภาพมามากที่สุด จำนวน 5 ครั้ง

วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2022 เป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วมกัน 2 ประเทศ

ปกติแล้วการแข่งขันในแต่ล่ะครั้งจะมีหนึ่งประเทศรับเป็นเจ้าภาพ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสการขอเป็นเจ้าภาพร่วมกันหลายประเทศเริ่มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลักๆ แล้วเหตุผลนั้นมาจากต้องการลดค่าใช้จ่ายของประเทศเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน

และเปิดโอกาสให้ประเทศเล็กๆที่ไม่มีศักยภาพที่จะเป็นเจ้าภาพเพียงชาติเดียวให้มีโอกาสที่จะเป็นเจ้าภาพมากขึ้นด้วย ในวงการวอลเลย์บอลก็เริ่มต้นครั้งแรกจากวอลเลย์บอลชายชิงแชมป์โลก 2018 ที่อิตาลีและบัลแกเรียเป็นเจ้าภาพร่วมกัน แต่ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก 2022 นี้ จะเป็นครั้งแรกของประเภททีมหญิงที่จะมีเนเธอร์แลนด์ และโปแลนด์ เป็นเจ้าภาพร่วมกัน

ประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน และระบบการคัดเลือกเข้ามาแข่งขัน

วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ถือว่าเป็นรายการที่จัดโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ที่มีจำนวนทีมเข้าร่วมมากที่สุด โดยมี 24 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขันที่ผ่านการคัดเลือกเข้าแข่งขันมา ดังนี้ 

เนเธอร์แลนด์               เจ้าภาพ

โปแลนด์                      เจ้าภาพ

เซอร์เบีย                      แชมป์เก่า

สาธารณรัฐโดมินิกัน    แชมป์โซนทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกากลาง (NORCECA)

เปอร์โตริโก้                  รองแชมป์โซนทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกากลาง (NORCECA)

อิตาลี                           แชมป์โซนทวีปยุโรป (CEV)

ตุรกี                             อันดับ 3 ทวีปยุโรป (CEV) *ได้สิทธิ์แทนประเทศเซอร์เบีย

จีน                               ทีมอันดับ 1 โซนทวีปเอเชีย (AVC)

ญี่ปุ่น                           ทีมอันดับ 2 โซนทวีปเอเชีย (AVC)

บราซิล                         แชมป์โซนทวีปอเมริกาใต้ (CSV)

โคลอมเบีย                  รองแชมป์โซนทวีปอเมริกาใต้ (CSV)

แคเมอรูน                     แชมป์โซนทวีปแอฟริกา (CAVB)

เคนย่า                         รองแชมป์โซนทวีปแอฟริกา (CAVB)

ส่วนที่เหลืออีก 11 ทีมจะพิจารณาประเทศที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันเรียงตามอันดับโลกหลังจบปี 2021 ดังนี้ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, เบลเยี่ยม, เกาหลีใต้, บัลแกเรีย, แคนาดา, ไทย, อาร์เจนติน่า, สาธารณรัฐเช็ก, คาซัคสถาน และประเทศสุดท้ายคือ โครเอเชีย ที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันแทนรัสเชีย ที่โดนแบนจากสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ จากกรณีที่รุกรานยูเครน

ผลงานของทีมสาวไทยในอดีต

ประเทศไทย ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแขมป์โลกมาทั้งหมด 5 ครั้ง คือ ปี 1998, 2002, 2010, 2014 และ 2018 โดยอันดับที่ดีที่สุดที่สาวไทยทำได้ คือ อันดับที่ 13 ในปี 1998, 2010 และ 2018 ส่วนปี 2014 นั้นทีมไทยทำได้เพียงแค่อันดับที่ 17 ร่วม

ประเทศที่น่าจับตามองในการแข่งขันครั้งนี้

ถ้าหากจะให้เลือกประเทศที่มีโอกาสคว้าแชมป์โลกในปีนี้ได้ พวกเราของฟันธงไว้ดังนี้

เต็ง 1 อิตาลี เจ้าของแชมป์วอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก 2022 ถ้าตราบใดที่อิตาลียังมีซูเปอร์สตาร์อย่าง เปาล่า อีกัวนู อยู่ในทีม คงไม่มีใครกล้ากาชื่ออิตาลีออกจากสารบบทีมลุ้นแชมป์ไปได้

เต็ง 2 เซอร์เบีย เจ้าของตำแหน่งแชมป์เก่า ที่ยังมีอาวุธหลักเป็นสิงห์อีซ้าย ทิยาน่า บอสโควิช เป็นกำลังสำคัญ

เต็ง 3 สหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่าดาวดังหลายคนจะประกาศเลิกเล่นทีมชาติไปหลังจากจบโตเกียวโอลิมปิก แต่ด้วยระบบทีมที่แข็งแกร่ง และทรัพยากรนักกีฬาที่มีให้เลือกมากมาย ทำให้อเมริกาเป็นอีกหนึ่งทีมที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้

นอกจาก 3 ทีม ที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมี จีน และบราซิล สองประเทศยักษ์ใหญ่ที่ในปีนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเท่าไรนัก แต่ก็อาจจะเป็นทีมที่มีสิทธิ์สอดแทรกเข้ามาลุ้นแชมป์ได้เช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 วิธีดูแล “ตับ” ให้สุขภาพดี

5 วิธีดูแล “ตับ” ให้สุขภาพดี

ข้อมูลจาก โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ระบุว่า ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายมนุษย์ และเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองได้ดีที่สุด เมื่อเกิดบาดแผลที่ทำให้เนื้อเยื่อเกิดความเสียหายในบริเวณตับ ตับสามารถซ่อมแซมตัวเองโดยการแทนที่เซลล์เก่าเหล่านั้นด้วยเซลล์ใหม่ เพื่อรักษาความผิดปกติต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้เนื้อตับถูกทำลายกว่า 70% ตับก็ยังสามารถงอกใหม่ได้ภายใน 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม การที่จะให้ตับฟื้นฟูสภาพของตัวเอง ร่างกายของเราควรเตรียมความพร้อมให้ตับได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ด้วย รศ. ดร. นพ.ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ จากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่าถึง 5 เคล็ดลับที่ช่วยดูแลตับให้แข็งแรง ดังนี้

5 วิธีดูแล “ตับ” ให้สุขภาพดี

  1. ไม่ซื้อยารับประทานเอง

ทั้งยาแผนปัจจุบัน ยาสมุนไพร อาหารเสริม หรือวิตามิน ซึ่งอาจจะส่งผลอันตรายต่อการทำงานของตับ

  1. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบเฉียบพลันโรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็งและมะเร็งตับ

  1. ไม่รับประทานอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ

เช่น เนื้อหมู อาหารทะเล ปลาร้า หรือปลาน้ำจืด ที่ไม่สุกซึ่งทำให้เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ หรือเกิดการติดเชื้ออื่นแทรกซ้อนได้

ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ ที่เหมาะสม

ไม่ปล่อยให้เกิดภาวะอ้วน รวมทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อป้องกันไขมันพอกตับ

  1. ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี

เพื่อประเมินว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวข้องกับตับหรือไม่ เนื่องจากโรคตับส่วนใหญ่ มักจะไม่แสดงอาการในช่วงแรก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


จะบอกวัน เวลา สัปดาห์ และเดือนเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร?

สิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมากในการเรียนภาษาใดก็ตามคือการเรียนวิธีบอกวันและวันที่ วันและวันที่เป็นสิ่งสำคัญในการนัดประชุม การวางแผนไปเที่ยววันหยุดและการนัดทำกิจกรรมต่าง ๆ

มาเริ่มดูกันที่การบอกวันในหนึ่งสัปดาห์กันดีกว่าค่ะ

 วันในหนึ่งสัปดาห์

ด้านล่างนี้คือคำศัพท์เจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์พร้อมวิธีการออกเสียง

⦿ วันจันทร์ Monday – /’mun.dei/

⦿ วันอังคาร Tuesday – /’tiu:z.dei/

⦿ วันพุธ Wednesday – /’wenz.dei/

⦿ วันพฤหัสบดี Thursday – /’thurz.dei/

⦿ วันศุกร์ Friday – /’frai.dei/

⦿ วันเสาร์ Saturday – /’sa.ta.dei/

⦿ วันอาทิตย์ Sunday – /’sun.dei/

วิธีการออกเสียง ให้ลงเสียงหนักที่พยางค์แรกเสมอ สองวันที่ออกเสียงยากที่สุดคือวันอังคารและวันพฤหัสบดี เพราะฉะนั้นอย่าลืมให้เวลาฝึกมากเป็นพิเศษนะคะ

อย่างที่เห็นนะคะ เราจะเขียนพยัญชนะตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ ลองไปดูตัวอย่างกันค่ะ

I work from Monday to Friday. I’m free on Saturday and Sunday.
Our next lesson is on Wednesday.
Saturday is his favorite day of the week because he plays football.
 The meeting is on Thursday at 10:30.
 We’ve got an appointment on Tuesday morning.

 เห็นแล้วใช่ไหมคะ เราจะใช้ ‘on’ หน้าคำศัพท์บอกวันในสัปดาห์

เดือน

เดือนทั้งสิบสองพร้อมวิธีการออกเสียงมีดังต่อไปนี้ค่ะ

⦿ มกราคมJanuary – /’gian.iu.e.ri/

⦿ กุมภาพันธ์ February – /’fe.bru.e.ri/

⦿ มีนาคม March – /’ma:tc/

⦿ เมษายน April – /’ei.pril/

⦿ พฤษภาคม May – /’mei/

⦿ มิถุนายนJune – /’giun/

⦿ กรกฎาคม July – /giu’lai/

⦿ สิงหาคม August – /’o:.gust/

⦿ กันยายน September – /sep’tem.ba/

⦿ ตุลาคม October – /ok’tou.ba/

⦿ พฤศจิกายน November – /nou’vem.ba/

⦿ ธันวาคม December – /di’sem.ba/

 สำหรับเดือน พยัญชนะตัวแรกเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เสมอด้วยเช่นกัน มาดูตัวอย่างการใช้กันค่ะ

 February is the shortest month of the year, with only 28 days.
 They’re going away on holiday in May.
 The weather is very hot here in July.
 It’s very cold in December.
 Halloween is in October.

อย่างที่เห็นนะคะ ถ้าเป็นเดือนเราจะใช้ ‘in’ ค่ะ

วันที่

เวลาที่เราพูดถึงวันที่ในภาษาอังกฤษ เรามักจะใช้เลขบอกลำดับที่ (fist, second, third เป็นต้น) แทนที่จะใช้เป็นเลขบอกจำนวนนับ (one, two, three เป็นต้น) มาทำความรู้จักเลขบอกลำดับที่กันค่ะ

  • 1st – first
  • 2nd – second
  • 3rd – third
  • 4th – fourth
  • 5th – fifth
  • 6th – sixth
  • 7th – seventh
  • 8th – eighth
  • 9th – ninth
  • 10th – tenth

 ตั้งแต่ลำดับที่ 11-19 จะใส่ -th ลงไปที่ท้ายตัวเลขเหมือนกันทั้งหมด

  • 11th – eleventh
  • 12th – twelfth (the letter v changes to f)
  • 13th – thirteenth
  • 14th – fourteenth
  • 15th – fifteenth
  • 16th – sixteenth
  • 17th – seventeenth
  • 18th – eighteenth
  • 19th – nineteenth

 ตัวเลขที่ลงท้ายด้วย -ty เช่น 20 และ 30 ให้เปลี่ยนจาก -y เป็น – i และเติม -eth ลงไป เช่น

  • 20 – twentieth
  • 30 – thirtieth
  • 21st – twenty-first
  • 22nd – twenty-second
  • 23rd – twenty-third
  • 24th – twenty-fourth
  • 25th – twenty-fifth
  • 26th – twenty-sixth
  • 27th – twenty-seventh
  • 28th – twenty-eighth
  • 29th – twenty-ninth
  • 30th – thirtieth
  • 31st – thirty-first

 สำหรับภาษาอังกฤษแบบบริติช การบอกวันที่จะเริ่มด้วยวันที่แล้วตามด้วยเดือน ในขณะที่อังกฤษแบอเมริกันมันจะเอาเดือนขึ้นก่อน กฎนี้ใช้เมื่อเวลาเราย่อวันที่ให้เหลือตัวเลขด้วย เช่น วันที่ 1st December 2017 ย่อเห็น

  • 1/12/2017 สำหรับอังกฤษแบบบริติช
  • 12/1/2017 สำหรับอังกฤษแบบอเมรกัน

 เช่นเดียวกันวันในสัปดาห์ เราใช้ ‘on’ นำหน้าวันที่เช่นกัน ลองมาดูตัวอย่างกันค่ะ

 Paolo’s birthday is on June 3rd. (pronounced ‘on June the third’)
 New Year’s Day is on 1st January. (pronounced ‘on the first of January’)
 We’re flying back home on Tuesday, April 10th. (pronounced ‘on Tuesday, April the tenth’)
 They’re having a party on 16th November. (pronounced on the sixteenth of November.)
 Our Wedding Anniversary is on August 11th. (pronounced ‘on August the eleventh’.)

ปี

ในภาษาอังกฤษ วิธีอ่านปีค.ศ. จะแบ่งวิธีการนับเลขเป็นสองหลัก ตัวอย่าง

  • 1750 – seventeen fifty
  • 1826 – eighteen twenty-six
  • 1984 – nineteen eighty-four
  • 2017 – twenty seventeen

 ตัวเลขบอกปีค.ศ.ที่เป็นปีถ้วน ให้อ่านดังต่อไปนี้

  • 1400 – fourteen hundred
  • 1700 – seventeen hundred
  • 2000 – two thousand

 ช่วงเก้าปีแรกของศตวรรษให้อ่านดังต่อไปนี้

  • 1401 – fourteen oh one
  • 1701 – seventeen oh one
  • 2001 – two thousand and one

เราสามารถพูดถึงทศวรรษ (ช่วงระยะเวลาสิบปี) ดังต่อไปนี้

  • 1960-1969 – The ‘60s – ออกเสียงว่า ‘the sixties’
  • 1980-1989 – The ‘80s – ออกเสียงว่า ‘the eighties’.
  • 2000 – 2009 – The 2000s – ออกเสียงว่า ‘the two thousands’

 ยกตัวอย่างเช่น

 The Beatles were famous in the sixties.
 My parents got married in the seventies.
 Maradona played for Napoli in the eighties.
 Where were you living in the nineties?
 The internet became popular worldwide in the two thousands.

อย่างที่เห็นนะคะ เราใช้ ‘in’ หน้าปีค่ะ

สรุปการใช้บุพบทบอกวัน เวลา

ตัวอย่างประโยค:

 In my country, the schools start the academic year in September.
 Is he starting the new job on Monday? 
 The company was founded in 1991.
 The Wedding is on July 25th. 
 There was an economic boom in the 50’s.

หมายเหตุ: เวลาที่เราพูดถึงเทศกาลบางอย่าง เช่น “คริสมาสต์” หรือ “อีสเตอร์” เราจะใช้ “at” เช่น

Where will you be at Christmas? We’ll be in the mountains.
Most people visit their families at Easter.

 อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้คุณจำการวันและเดือนในภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น นั่นคือเปลี่ยนการตั้งค่าภาษาที่ใช้ในมือถือหรือคอมพิวเตอร์ให้เป็นภาษาอังกฤษ วิธีนี้คุณจะได้เห็นปฏิทินและนัดหมายงาน ๆ ต่างที่ฝึกได้ และถ้าคุณมีปฏิทินแขวนผนังหรือตั้งโต๊ะที่ทำงานหรือที่บ้าน ครั้งหน้าให้ลองหาแบบภาษาอังกฤษมาใช้ เป็นวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลนักเชียว

ทีนี้คุณก็สามารถพูดบอกวันและวันที่เป็นภาษาอังกฤษ พร้อมนัดประชุมหรือไปเที่ยวได้แล้ว!

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


‘ไบเดน’ หนุนรถยนต์ไฟฟ้าสุดตัว ที่งานแสดงรถยนต์ดีทรอยต์

'ไบเดน' หนุนรถยนต์ไฟฟ้าสุดตัว ที่งานแสดงรถยนต์ดีทรอยต์

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เดินทางเยือนนครดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ในวันพุธ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอเมริกันเรื่องการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า

ประธานาธิบดีไบเดนเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงรถยนต์นครดีทรอยต์ และได้กล่าวถึงมาตรการใหม่ภายใต้กฎหมาย Inflation Reduction Act ที่มีเป้าหมายกระตุ้นให้คนอเมริกันซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในอเมริกามากขึ้น ด้วยการให้ส่วนลดภาษี 7,500 ดอลลาร์ต่อผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคัน

เงื่อนไขสำคัญสำหรับผู้ที่จะได้รับส่วนลดภาษี 7,500 ดอลลาร์ดังกล่าว คือต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรีซึ่งผลิตในอเมริกาเหนือ และใช้แร่ธาตุที่ผลิตหรือรีไซเคิลในอเมริกาเหนือสำหรับผสมในแบตเตอรีนั้นด้วย

จุดประสงค์ของนโยบายนี้คือการสร้างห่วงโซ่อุปทานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาในแถบอเมริกาเหนือ และลดการพึ่งพาจีนและประเทศในภูมิภาคอื่น

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บริษัทรถยนต์รายใหญ่ 3 แห่งของสหรัฐฯ ซึ่งเรียกว่า “Big Three” ได้แก่ เจเนรัล มอเตอร์ส (General Motors) ฟอร์ด (Ford) และ สเตลแลนทีส (Stellantis) หรือชื่อเดิม เฟียต-ไครสเลอร์ (Fiat Chrysler) ต่างประกาศแผนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรีทั่วสหรัฐฯ และแคนาดา

ขณะที่บริษัทรถยนต์ต่างชาติ รวมทั้ง ฮอนดา (Honda) และ โตโยตา (Toyota) ต่างประกาศแผนตั้งโรงานผลิตแบตเตอรีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกาเช่นกัน

สำหรับนิทรรศการแสดงรถยนต์นครดีทรอยต์ (Detroit Auto Show) ถือเป็นงานแสดงรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งถูกระงับการจัดงานไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากการระบาดของโควิด-19

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


อยู่อาศัยในผืนป่ายามค่ำ: ‘The Forestias’ กับการเลือกติดตั้งไฟ

ส่อง The Forestias โครงการอสังหาฯ “ป่ากว่า 30 ไร่” ว่าใช้ไฟอะไรบ้างในการนำเสนอสถาปัตยกรรมอลังการนี้

เว็บไซต์ Unilamp ผู้ผลิตไฟสำหรับภายนอกชั้นนำ เผยข้อมูลประเภทของไฟที่ถูกใช้ใน The Forestias โครงการ Mixed-use ที่ประกอบไปด้วยบ้านหรูและคอนโดท่ามกลางภูมิทัศน์ของป่าเขียวที่อุดมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และแมกไม้นานาพรรณ รวมทั้งศูนย์การเรียนรู้ Forest Pavilion ที่เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาเรื่องธรรมชาติได้

ผลิตภัณฑ์ที่ส่องสว่างให้สถาปัตยกรรมระดับรางวัลจากนักออกแบบระดับโลกนี้ได้แก่

Mini KUBIK – Ground Mount

Medium SONIC – Gear

TELESCOPE

Mini CORE – Wall Downlight

———————————————

Forest Pavilion, The Forestias

Architects: Foster + Partners
Landscape Architects: TK Studio
Year : 2020
Photographs : Rungkit Charoenwat, Anong Chanamool
Interior Designers : DT DESIGN, BUG
MEP Engineering : EEC Engineering Network
Lighting Specialist : APLD
Hardscape Contractor : CHRISTIANI & NIELSEN
Softscape Contractor : CPS
Quantity Surveyors : AECOM
Sustainability Consultants : ATELIER TEN LTD.

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/09/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,200.0029,300.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,891.0028,667.5629,800.00
ทองรูปพรรณ 90%1,701.9025,800.80n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,512.8022,934.05n/a
ทองรูปพรรณ 50%851.0012,901.16n/a
ทองรูปพรรณ 40%662.0010,035.92n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,960.0029,713.60n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/09/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.4534.4534.4534.4534.4534.4534.4534.4534.4534.45
แก๊สโซฮอล์ 9134.1834.1834.1834.1834.1834.1834.1834.1834.1834.18
แก๊สโซฮอล์ E2033.3433.3433.3433.3433.3433.3433.3433.3433.34
แก๊สโซฮอล์ E8531.9431.9431.94
เบนซิน 9541.8642.3142.3642.3641.86
ดีเซล B734.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.6643.6644.6644.6645.6643.66
แก๊ส NGV44.6644.6644.66

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า