สาระน่ารู้ประจำวันที่ 28 กันยายน 2565

สถาพร เอสเตท ลงพื้นที่ตรวจคุณภาพการก่อสร้าง

สถาพร เอสเตท ลงพื้นที่ตรวจคุณภาพการก่อสร้าง

สุนทร สถาพร (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SE) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้าน และทาวน์โฮม ลงพื้นที่เข้าตรวจความคืบหน้าการก่อสร้าง โครงการ “เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส” (THE CROWN Residences) คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ระดับลักซ์ชัวรี่ ภายใต้แนวคิด “Live Among the Stars” ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับอนุมัติผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ “EIA APPROVED” จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เป็นที่เรียบร้อย โดยมี พงศ์พันธ์ ธีระจรุงเกียรติ (ที่ 5 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิศวภัทร์ จำกัด และ เจนวิทย์ พงศ์จรรยานุกูล (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ 1 บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SE) ร่วมตรวจความคืบหน้า เมื่อเร็วๆ นี้ ณ สถานที่ก่อสร้าง โครงการ เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส?

โครงการ เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส (THE CROWN Residences) เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรซ์ระดับลักซ์ชัวรี่ สูง 32 ชั้น ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตน้อย เพียง 183 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,016 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Live Among the Stars” นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตเหนือระดับใจกลางเมือง รองรับชีวิตสุดเอ็กซ์คลูซีฟบนทำเลศักยภาพใจกลาง Hub of Bangkok Connections เชื่อมต่อ 2 CBDs สุขุมวิท และสีลม-สาทร ใกล้รถไฟฟ้า MRT ทั้งสถานีลุมพินี และคลองเตย เติมเต็มการใช้ชีวิตที่เอ็กซ์คลูซีฟยิ่งกว่าด้วยการบริการระดับโรงแรม ในราคา 6 – 20 ล้านบาท*

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


อนันดาฯ จับมือ สแครทช์ เฟิร์สท์ ร่วมพัฒนาและออกแบบแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ CULTURE

อนันดาฯ จับมือ สแครทช์ เฟิร์สท์ ร่วมพัฒนาและออกแบบแบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ CULTURE

คุณชานนท์ เรืองกฤตยา (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คุณประณิธาน พรประภา (ขวา) บริษัท สแครทช์ เฟิร์สท์ จำกัด ผู้ก่อตั้งกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่อย่าง Wonder fruit ที่มีความเชี่ยวชาญ และเข้าใจรูปแบบวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ทั้งด้านความต้องการในการใช้ชีวิตและด้านความยั่งยืน โดยร่วมพัฒนาและออกแบบแบรนด์ใหม่ให้กับอนันดาฯ ภายใต้ชื่อ CULTURE คอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ที่ให้ทุกไลฟ์สไตล์ได้ใช้ชีวิตแบบเต็มที่ เพื่อสร้างสรรค์รูปแบบชีวิตใหม่ให้สังคมเมือง บนแนวคิด New Tribe of Urban Living ชีวิตในสังคมเมืองยุคใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายในระดับมาตรฐานและบริการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ด้วยการนำ WORLD CLASS SERVICE EXPERIENCE ระดับโลกมาดูแลการอยู่อาศัยและให้บริการเสมือนลูกบ้านได้รับการบริการจากโรงแรมหรูในทุกวัน และที่มากกว่าแค่การอยู่อาศัยบนพื้นที่ Yard community เปิดกว้างให้ทุกไลฟ์สไตล์ได้ออกมาสร้างสรรค์ทำกิจกรรมกันได้ทุกรูปแบบ ทั้ง ‘Live – Work – Play – Learn’ เน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ผสานความยั่งยืน สร้างแรงบันดาลใจและสะท้อนตัวตนที่โดดเด่นในการอยู่อาศัยสู่สุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางเมือง คือ โครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ (Culture Thonglor) ทำเลใจกลางแหล่งธุรกิจและไลฟ์สไตล์ที่พรั่งพร้อม เพียง 230 เมตรจากสถานีทองหล่อ ง่ายต่อการเดินทางไปทุกที่ โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและประสบการณ์ร่วมของผู้อยู่อาศัย ซึ่งความร่วมมือนี้ถือเป็นครั้งแรกของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ความต้องการครบทุกรูปแบบ ตั้งแต่การพัฒนาแบรนด์ใหม่ไปสู่การอยู่อาศัยจริง

โดยทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการภายใต้แบรนด์คัลเจอร์รวม 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ 1. โครงการ คัลเจอร์ ทองหล่อ (CULTURE THONGLOR) คอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่เน้น concept design เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ย่านทองหล่อ ด้วยการฉีกทุกรูปแบบของการอยู่อาศัยให้แตกต่างไปจากเดิม พร้อมบริการระดับมาตรฐาน World class service experience ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งธุรกิจและไลฟ์สไตล์ เพียง 230 เมตร จากสถานีทองหล่อ และ 2. โครงการ คัลเจอร์ จุฬา (CULTURE CHULA) คอนโดมิเนียมใหม่ที่เป็น freehold ด้วยมาตรฐานบริการ World Class Service Experience ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชาวจุฬา และถือว่าเป็น Super Prime Location ทำเลสุดแรร์ เพียง 350 เมตร* จาก MRT สามย่าน และ 290 เมตร* จาก BTS ศาลาแดง

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


เงินบาทวันนี้ (28ก.ย.) ทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์แล้ว อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี

เงินบาทวันนี้ (28ก.ย.) ทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์แล้ว อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี

เงินบาทวันนี้(28ก.ย.) “อ่อนค่า”ทะลุระดับ 38.00 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี ขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 38.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ หาก กนง. มีมติขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ล่าสุด ณ เวลา 8.00 น. ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 38.025 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.99 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.97 บาทต่อดอลลาร์ ล่าสุด ณ เวลา 8.00 น. ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ที่ 38.025 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปี

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า จุดกลับตัวของเงินดอลลาร์ยังคงไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ หากตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ทำให้เงินบาทมีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าและอาจทดสอบโซนแนวต้าน 38.00 บาทต่อดอลลาร์

โดยประเมินว่า มีโอกาสที่ในวันนี้ เงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุระดับ 38.00 บาทต่อดอลลาร์ ขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 38.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ หาก กนง. มีมติขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่เราคาด ในขณะที่ผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดหวังให้ กนง. เร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
 

นอกจากนี้ แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าของเงินบาท จากการขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติอาจยังดำเนินต่อไปในช่วงนี้ หลังจากที่ดัชนี SET ได้ปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญลงมา (จับตาโซนแนวรับที่ 1,600 จุด ว่าดัชนี SET จะสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้หรือไม่) ขณะเดียวกัน บอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยก็ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์ในตลาดโลก ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติเดินหน้าเทขายบอนด์ระยะยาวต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 กว่า 8.4 พันล้านบาท

อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า เงินบาทได้อ่อนค่าลงมาพอสมควร เมื่อพิจารณาจากดัชนีเงินบาทที่แท้จริง (REER) โดยปัจจุบัน Z-score ของดัชนีเงินบาท REER อยู่ที่ระดับ -1.77 จากข้อมูลในรอบกว่า 20 ปี ซึ่งปกติเงินบาทมักจะเริ่มแกว่งตัว sideways และพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง เมื่อ Z-Score ใกล้ระดับ -2.0 ทำให้เราประเมินว่า หากค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุระดับ 38.00 บาทต่อดอลลาร์ ก็มีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องไปถึงโซน 38.50-38.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าขายทำกำไรของผู้เล่นต่างชาติ (เป้าขายทำกำไร 4%-5% จากจุด break out ที่ 37.00 บาทต่อดอลลาร์)   
 

ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
 

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.90-38.20 บาท/ดอลลาร์

ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อาทิ James Bullard ที่ยังคงสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จนกว่าเฟดจะสามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงชัดเจนและเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันให้ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าเทขายสินทรัพย์เสี่ยง สอดคล้องกับมุมมองของบรรดานักลงทุนสถาบันรายใหญ่ที่ต่างให้ความเห็นว่า ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและยังคงไม่แนะนำให้ผู้เล่นในตลาดเข้าซื้อหุ้นสหรัฐฯ ในจังหวะย่อตัว (Buy on Dip) ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้ ในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวผันผวน ก่อนที่จะปรับตัวลดลง -0.21% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ที่ปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา อาทิ Tesla +2.5%, Nvidia +1.5%, Apple +0.7%

 
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.13% โดยปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นยุโรปยังคงเป็นความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนัก จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลาง รวมถึงความกังวลปัญหาการเมืองยุโรป หลังพรรคขวาจัดของอิตาลีคว้าชัยการเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลี และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาดอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยแรงขายหุ้นยุโรปนั้นกระจุกตัวในหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน อาทิ Intesa Sanpaolo -2.3%, Santander -1.6%
 

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรป ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบบ้าง (Equinor +2.4%, TotalEnergies +1.7%) ขณะเดียวกันหุ้นเทคฯ ที่เผชิญแรงขายหนักหน่วงก็รีบาวด์ขึ้นได้ (Adyen +1.6%, ASML +0.6%)
 

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ตอกย้ำความจำเป็นของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ และความผันผวนของตลาดบอนด์ในฝั่งยุโรปจากความกังวลปัญหางบประมาณของรัฐบาลอังกฤษ ยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง โดยล่าสุด บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 3.95% และมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 4.00% ได้ไม่ยาก
 

อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวจะยิ่งทำให้การกลับเข้ามาถือพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในอนาคตอาจชะลอตัวลงหนักและเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ จากผลกระทบของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลาง
 

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 114.15 จุด หนุนโดยความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยในจังหวะที่ตลาดปิดรับความเสี่ยง และท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ต่างสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงกดดันให้ราคาทองคำเผชิญแรงขายหลังรีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงกลับสู่โซนแนวรับ 1,630 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวในโซนแนวรับ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่กดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าได้
 

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นและอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินไทย คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เนื่องจากเราคาดว่า กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป +0.25% สู่ระดับ 1.00% เพื่อประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ทว่า อาจมีกรรมการ 1-2 ท่านที่อาจสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยไม่น้อยกว่า +0.50% ด้วยเหตุผล เช่น
 

เพื่อลดแรงกดดันต่อเงินบาทจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และเศรษฐกิจก็มีโมเมนตัมการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะผู้เล่นต่างชาติ รวมถึง นักวิเคราะห์บางส่วนต่างคาดหวังให้ กนง. เร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาทจากผลกระทบของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทำให้เงินบาทอาจผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้ หาก กนง. ไม่ได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวัง หรือ กนง. ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงโอกาสที่จะเร่งขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท  
 

นอกเหนือจากผลการประชุม กนง. ตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดโดยเฉพาะประธานเฟด Powell (รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง Bostic, Bowman และ Daly) เพื่อประเมินมุมมองของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ อาทิ Bullard ได้ออกมาสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้ในวันก่อนหน้า (ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันให้ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงและผันผวนต่อเนื่อง)

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


อย่าเพิ่งด่ากัน! “ชิตพร” ลูกยางสาวไทยเปิดภาพชี้ความต่างเกมพ่าย โปแลนด์

อย่าเพิ่งด่ากัน! "ชิตพร" ลูกยางสาวไทยเปิดภาพชี้ความต่างเกมพ่าย โปแลนด์ (ภาพ)

ควันหลงความพ่ายแพ้ของ ทัพวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่มีต่อ ทีมชาติโปแลนด์ 0-3 เซต ในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม ที่เมืองกดัญสก์ ประเทศโปแลนด์ เมื่อคืนวันอังคารที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา

ในเกมนี้ “นักตบสาวทีมชาติไทย” แม้จะพยายามสู้แบบสุดตัวแต่ก็ไม่สามารถต้านทานความสูงใหญ่ของผู้เล่นเจ้าถิ่นได้ โดยเฉพาะในรายของ มักดาเลน่า สตีเซี๊ยก นักตบสาววัย 21 ปี เจ้าของส่วนสูง 203 เซนติเมตร ที่ทำแต้มไปได้มากถึง 26 คะแนน (ตบทำแต้ม 18 แต้ม, บล็อก 8 ครั้ง)

vbnmm22

ซึ่งจากสถิติจะเห็นได้ชัดเจนว่าเราถูกผู้เล่นคู่แข่งบล็อกทำแต้มไปได้ถึง 16 แต้ม ขณะที่เกมรับของ “สาวไทย” ก็ถือว่าไม่สามารถปิดกั้นการขึ้นตบของคู่แข่งได้เลย สามารถบล็อกทำแต้มได้เพียงแค่คะแนนเดียว ตลอดการแข่งขันทั้ง 3 เซต
 
หลังเกมมีแฟนลูกยางบางส่วนไม่พอใจกับฟอร์มเการเล่นในเกมนัดนี้ที่ตกเป็นฝ่ายแพ้แบบขาดลอย 0-3 เซต (17-25, 17-25 และ 17-25) พร้อมทั้งได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

chitapron_kamlangmak_30902785

อย่างไรก็ตาม ชิตพร กำลังมาก นักตบลูกยางสาวทีมชาติไทย ที่แม้จะไม่ได้ติดทีมชุดนี้ไปแข่งขันรายการ ชิงแชมป์โลก 2022 ได้ออกมาปกป้องเพื่อนร่วมทีมด้วยภาพนี้ พร้อมข้อความ “คนที่มีแต่ด่า นักกีฬาไทย มาดูนี่จ้า โอเคจบ”

สำหรับ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมจะลงสนามเกมที่สามพบกับ โครเอเชีย ในวันพุธที่ 28 กันยายน 2565 เวลา 19.00 น. ไแฟนๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง Workpoint ช่อง 23

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รู้จัก 4 ฮอร์โมน ตัวช่วยที่ทำให้ “สวย” อย่างเป็นธรรมชาติ

รู้จัก 4 ฮอร์โมน ตัวช่วยที่ทำให้ "สวย" อย่างเป็นธรรมชาติ

จะผิวสวยเด้งเต่งตึง ผิวหมองใบหน้าไม่ผ่องใส พุงออก อารมณ์หดหู่ สมองล้า สั่งงานช้า เรื่องเหล่านี้ล้วนเกี่ยวกับฮอร์โมนในร่างกายของเราทั้งนั้น ไลฟ์เซ็นเตอร์บล็อก ชวนมาทำความรู้จักฮอร์โมนในร่างกายของเราให้มากขึ้นกันอีกซักนิด เพื่อทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายให้มากขึ้น

ฮอร์โมน คืออะไร

ฮอร์โมน คือ สารเคมีที่ร่างกายของเราสร้างขึ้นมา มีหน้าที่นำส่งสารเคมีจากเซลล์หนึ่งไปยังเซลล์อื่นๆ ฮอร์โมนจะเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต การสลายตัวของเซลล์ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนั้น ฮอร์โมนยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับความอ่อนเยาว์ ความสาว การผลัดของเซลล์ผิว รวมทั้งการสร้างเซลล์ใหม่ด้วย

รู้จัก 4 ฮอร์โมน ตัวช่วยที่ทำให้ “สวย” อย่างเป็นธรรมชาติ

ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความสาวมี 4 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ เอสโตรเจน เมลาโทนิน เทสโทสเตอโรน และโกรทฮอร์โมน

  1. ฮอร์โมนเอสโตรเจน

หน้าที่ของฮอร์โมนชนิดนี้ คือการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ให้ผิวเต่งตึงสดใสมีชีวิตชีวา เมื่อใดที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนชนิดนี้น้อยลง ผิวสวยแย่แน่ๆ  เพราะจะทำให้ผิวแห้งกร้าน ไม่อุ้มน้ำ ผลที่ตามมาคือ การเกิดรอยย่น ตีนกา และริ้วรอยต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น ผิวแห้งๆ ยังทำให้ผิวเป็นขุย เกิดอาการแพ้ และอาการระคายเคืองได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

  1. ฮอร์โมนเมลาโทนิน

ฮอร์โมนชนิดนี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรง ชะลอการเกิดริ้วรอย และยังช่วยให้ร่างกายนอนหลับสนิท เมื่อได้พักผ่อนเพียงพอ ผิวพรรณก็จะสดชื่น และเซลล์ใต้ชั้นผิวก็จะทำงานอย่างเป็นระบบ ปัญหาคือร่างกายเรา จะสร้างเมลาโทนินที่ว่านี้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น

  1. ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน

เมื่อใดที่ฮอร์โมนนี้มีระดับเพิ่มสูงขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือสิว และขน ตัวการร้ายที่ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน แต่ฮอร์โมนชนิดนี้ก็มีส่วนดีก็คือการทำให้ผิวชื้นเต่งตึงในเวลาเดียวกัน เมื่อใดที่ฮอร์โมนชนิดนี้ลดลงเตรียมใจไว้เลยว่าจะต้องเจอกับปัญหาผิวบาง ตกกระง่าย ผิวหย่อนคล้อย สังเกตได้ง่ายๆ ก็บริเวณรอบดวงตานี่ล่ะที่ชัดเจนที่สุด

  1. โกรทฮอร์โมน

ฮอร์โมนที่อยู่กับเรามาตั้งแต่วัยเยาว์ มีหน้าที่ทำให้เราเติบโตนั่น ฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยสร้างมวลกระดูกและกล้ามเนื้อ ทำให้เราสูง และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง รวมถึงเชื่อมโยงการทำงานของระบบประสาท และช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ฮอร์โมนชนิดนี้จะทำงานอย่างเต็มที่จนถึงช่วงอายุประมาณ 20 ปี และจะทำงานลดลงเมื่อเราอายุขึ้นเลข 3 โดยจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ปริมาณโกรทฮอร์โมนที่ลดลงนั้นส่งผลต่อสุขภาพและความงามอย่างมาก เพราะเมื่อใดที่ร่างกายสร้างโกรทฮอร์โมนน้อยลง ผิวพรรณก็จะเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ขาดการสร้างผิวใหม่ทดแทน ผิวจะซีด หย่อนคล้อย ทั้งบริเวณหนังตา และแก้ม ทั้งการทำงานของกล้ามเนื้อในทุกๆ ส่วนก็จะทำงานได้น้อยลง

การเรียนรู้เรื่องฮอร์โมนภายในร่างกายเป็นการทำความรู้จักกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในเชิงลึก เพื่อทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


จะใช้คำว่า “ไม่เป็นไร” ในภาษาอังกฤษได้อย่างไรบ้าง

คำว่า “ไม่เป็นไร” เป็นคำที่เราสามารถเลือกใช้ได้หลากหลายตามแต่ถานะการณ์ บางครั้งเราสามารถใช้ในการตอบรับคำขอบคุณ และบางครั้งเราใช้เพื่อยืนยันกับผู้พูดว่าตนสบายดี ไม่มีอะไรให้กังวล เพื่อให้ผู้ฟังสบายใจ

เอ๋ แล้วแบบนี้ จะใช้ยังไงดีล่ะ ? มาดูวิธีใช้กับ อลล์สตรีทอิงลิช กันดีกว่า

“ไม่เป็นไร” กับ การขอบคุณ

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อคุณช่วยเหลือใครสักคน จนอีกฝ่ายบอกขอบคุณกลับมา คุณก็อาจจะต้อบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร” กลับไป โดยในภาษษอังกฤษนั่น มีประญโคให้คุณใช้มากมาก เช่น

You are welcome : สำนวนนี้เป็นสากลที่สุด ทุกคนรู้จักกันดี ใครขอบคุณมาก็ยิงด้วยสำนวนนี้ได้เลย

No problem / Not a problem : ไม่มีปัญหา

Any time : ไม่เป็นไรได้ทุกเมื่อ

Not at all : ไม่เป็นปัญหาเลย

Don’t mention it : ไม่ต้องขอบคุณหรอก เรื่องเล็กน้อย

Glad to help : ยินดีช่วยอยู่แล้ว

It’s nothing / think nothing of it : ไม่เป็นไร

Of course yes : ได้แน่นอน, สบายมาก

It’s absolutely yes :  มันแน่นอนอยู่แล้ว

“ไม่เป็นไร” กับ การตอบรับคำขอโทษ

แต่ถ้ามีใครทำอะไรผิดพลาด และเอ่ยปากขอโทษกับเราล่ะ ? แน่นอนว่า เราสามารถใช้คำว่า “ไม่เป็นไร” ในการตอบรับกลับด้วยเช่นกัน แต่การใช้คำว่า “ไม่เป็นไร” ในภาษาอังกฤษนี้ อาจจะแตกต่างจากการตอบคำคำขอบคุณอยู่บ้างเหมือนกัน  มาดูกันดีกว่า

No worries : ไม่ต้องห่วง

It’s fine / It’s okay : ไม่เป็นไร / มันโอเค

Don’t mention it : ไม่ต้องพูดถึงมัน, ไม่ต้องกังวลน่า

It’s all right  / that’s all right : คำนี้นอกจากจะใช้ตอบรับ เมื่อมีคนพูดขอบคุณแล้ว หากใครบอกขอโทษ เราก็สามารถใช้คำนี้ได้เช่นกัน

Not at all : ไม่เป็นไรเลย

“ไม่เป็นไร” กับ การตอบรับว่ายังสบายดี

นอกจากการตอบรับคำขอบคุณ คำขอโทษด้วยแล้ว คำว่า “ไม่เป็นไร” ในภาษาอังกฤษ ยังใช้ตอบรับถึงช่วงเวลาที่มีคนมาถามไถ่ความเป็นห่วงเป็นใยกับเราได้อีกด้วย

I’m alright : ฉันไม่เป็นไร

I’m OK : ฉันโอเคน่า

Don’t worry (about a thing) :  ใช้พูดเพื่อบอกให้คนอื่นไม่รู้สึกกังวลไป ไม่เป็นไร เช่น Don’t worry, Everything will be O.K. (ไม่เป็นไรหรอก ทุกออย่างจะดีขึ้น) หรือใช้เมื่อบอกว่า ไม่เป็นไร สิ่งนั้นไม่ได้สำคัญอะไร ก็ได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เตรียมแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี ในงาน HPE Discover More 2022

วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) เตรียมแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยี ในงาน HPE Discover More 2022

บริษัท วีเอสที อีซีเอส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเข้าร่วมงานแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีในงานสัมมนาสุดยิ่งใหญ่ HPE Discover More ในวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้อง Ballroom 1-2 ชั้น 1

vstecs-logo

โดยในงานนี้ทาง วีเอสที อีซีเอส เตรียมนำเสนอโซลูชั่น HPE GreenLake ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และมุ่งเน้นที่จะส่งมอบผลลัพธ์ให้กับลูกค้าในแบบที่ต้องการ ให้รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งโซลูชั่น HPE GreenLake ถือเป็นการผสมผสานบริการทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเซอร์วิสของทาง HPE เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า โดยมีการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง หรือเป็นที่รู้จักกันว่า pay-as-you-go คือ การใช้เท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น เพื่อให้ทางผู้ใช้งานได้ลงทุนในส่วนที่ต้องการใช้งานจริง ๆ เท่านั้น ไม่ต้องซื้อเผื่อ หรือจัดซื้อแบบเป็นรายปีต่อปีแบบเมื่อก่อน ส่งผลให้ทางองค์กรของลูกค้าได้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น

hpe20150524080660_layer_16_9_

นอกจากนี้ทาง วีเอสที อีซีเอส ก็มีการใช้งานระบบ HPE GreenLake อยู่ด้วยเช่นกัน และก็ได้รับประโยชน์หลายด้าน จึงทำให้บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะแนะนำ และเสนอโซลูชั่นนี้ให้กับทางพาร์ทเนอร์ของเราได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นไปด้วย

สำหรับงาน HPE Discover More เป็นงานที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา ทั้งลูกค้า คู่ค้า และผู้บริหารของทาง HPE มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์โดยตรงในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยจะมาอธิบายถึงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากไฮบริดคลาวด์, วิธีในการสร้างความปลอดภัยสูงสุด, ระบบ AI และการวิเคราะห์แบบองค์รวม ที่เป็นพื้นฐานสำหรับการปฏิรูประบบการจัดการฐานข้อมูลให้ทันสมัยที่สุด และสร้างแรงบันดาลใจที่จะช่วยในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่อนาคตด้วยกลยุทธ์ที่ใช้ได้จริงและก้าวสู่ความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับผู้ที่สนใจร่วมงาน HPE Discover More สามารถคลิกลงทะเบียนได้ที่นี่

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ทำไม คาเลีย ลิฟท์ จึงครองใจผู้ใช้ลิฟท์มายาวนานกว่า 120 ปี

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่แต่ละผลิตภัณฑ์หรือผู้ให้บริการจะสามารถคงความนิยมและเชื่อมั่นจากผู้บริโภคได้ยาวนานมากกว่า 100 ปี เพราะถ้าหากสินค้าและการบริการหลังการขายไม่มีมาตรฐานและคุณภาพจริง ผู้บริโภคนั่นแหละที่จะเป็นผู้ตัดสิน แต่คาเลีย ลิฟท์ทำได้!

ทำไม คาเลีย ลิฟท์ จึงครองใจผู้ใช้ลิฟท์มายาวนานกว่า 120 ปี

แนะนำบริษัท คาเลีย ลิฟท์ คุณภาพที่ลูกค้าคู่ควรมาอย่างยาวนาน

คาเลีย ลิฟท์ มีประวัติมาอย่างยาวนาน โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1898 ในเมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ในฐานะบริษัทไฟฟ้าขนาดเล็ก และในปี 1930 เริ่มผลิตลิฟท์ฉุดลากแบบกำหนดเองและกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตลิฟท์รายใหญ่ในสวีเดนและมีการส่งออกลิฟท์ไปยังประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย จนกระทั่งพัฒนามาผลิตลิฟท์บ้านระบบสกรูที่มาพร้อมปล่องลิฟท์เพราะเล็งเห็นแล้วว่าเป็นระบบที่ปลอดภัยและประหยัดพื้นที่ติดตั้งสำหรับบ้านมากที่สุด

คาเลีย ลิฟท์ ประเทศไทย ได้เข้ามาเปิดสาขาที่เมืองไทยในปี 2020 โดยเปิดตรงจากโรงงานที่สวีเดน และติดตั้งลิฟต์ทั่วประเทศแล้วมากกว่า 200 ยูนิต และยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แนะนำบริษัท คาเลีย ลิฟท์ คุณภาพที่ลูกค้าคู่ควรมาอย่างยาวนาน

คาเลียลิฟท์บ้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดมาตรฐานยุโรป

ลิฟท์บ้านระบบสกรูคือลิฟต์ที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อเทียบกับลิฟต์ระบบอื่นๆในปัจจุบัน โดยลิฟท์ระบบสกรูที่ผลิตในยุโรป

จะต้องออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรปที่เข้มงวดที่สุดเช่น ระบบหยุดลิฟท์ฉุกเฉินอัตโนมัติ,แบตเตอรี่สำรองกรณีไฟดับ,ช่องกุญแจสำหรับเปิดประตูลิฟท์กรณีฉุกเฉิน,โทรศัพท์ในลิฟท์ที่สามารถโทรออกเพื่อขอความช่วยเหลือกรณีติดอยู่ในลิฟท์ เพื่อให้ปลอดภัยสำหรับลิฟท์ผู้พิการ และลิฟท์ผู้สูงอายุ

ที่สำคัญที่สุดคือข้อกำหนดด้านมาตรฐานของลิฟต์ระบบสกรูที่เราได้รับคือ EN 81-41และยังมีการตรวจสอบ SIL-3 ในส่วนที่สำคัญทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้นลิฟต์ทั้งหมดของคาเลียต้นกำเนิดจากประเทศสวีเดน มีระดับมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุดที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานต่างๆจากยุโรปก่อนการผลิต

คาเลียลิฟท์บ้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดมาตรฐานยุโรป

คาเลียลิฟท์พัฒนาระบบสกรูอย่างต่อเนื่อง

ระบบฮาร์ดแวร์และระบบซอฟแวร์ภายในของลิฟท์บ้านระบบสกรูมีส่วนสำคัญมากในเรื่องของการใช้งานที่ยาวนานและง่ายต่อการบำรุงรักษาในระยะยาว เพราะฉะนั้นลิฟท์บ้านระบบสกรูของคาเลียจึงมีการพัฒนาระบบสกรูอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันที่มีถึง 4 Generations ด้วยกันเพื่อให้ได้ลิฟท์ระบบสกรูที่ดีที่สุดดังนี้

  • Generation 1 (ผลิต ปี 1990) Mechanical Lift ปัจจุบันได้ยกเลิกการผลิตและจำหน่ายเนื่องจากระบบที่ล้าสมัยและยากต่อการซ่อมบำรุงรักษาแต่ลิฟท์ระบบสกรูบางยี่ห้อยังคงผลิตและจัดจำหน่ายอยู่
  • Generation 2 (ผลิตปี 2017) Cicon (Smart Lift) เหมาะสำหรับ Public Lift (ลิฟท์สำหรับใช้ในที่สาธารณะ) เพราะเน้นการการใช้งานเป็นหลักไม่เน้นดีไซน์ของลิฟท์ ประหยัดไฟและบำรุงรักษาเพียงปีละ 2 ครั้ง
  • Generation 3 (ผลิตปี 2019) Ecosilent เหมาะสำหรับหรับลิฟต์บ้าน เพราะสามารถออกแบบลิฟท์ให้เข้ากับดีไซน์ของบ้านได้ เสียงเบา ประหยัดไฟฟ้ามากขึ้นและบำรุงรักษาเพียงปีละ 1 ครั้ง
  • Generation 4 (ผลิตปี 2022) คือ Ecosilent 2.0 เหมาะสำหรับลิฟท์บ้าน มีความชาญฉลาดมากขึ้น ดีไซน์ที่สามารถออกแบบได้หลากหลายทันสมัย เพิ่มฟังก์ชั่นมากขึ้น เช่นมี ระบบ Child Lock, อัพโหลดเพลงฟังในลิฟท์ได้, เช็คสถานใช้ลิฟท์และซ่อมบำรุงครั้งต่อไปได้ หรือแม้กระทั่งสามารถเพิ่มความเร็วของลิฟท์ได้(ตามมาตรฐานความปลอดภัยของระบบสกรู)

ซึ่งคาเลียยังคงมีการพัฒนาลิฟท์บ้านระบบสกรูอย่างต่อเนื่อง ที่มีลิฟท์ทั้งขับเคลื่อนแบบ Platform Lift (ลิฟท์แบบแพลตฟอร์ม) และ ลิฟท์แบบ Cabin (ลิฟท์แบบตู้โดยสาร) เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

คาเลียลิฟท์พัฒนาระบบสกรูอย่างต่อเนื่อง

ใช้วัสดุที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมสำหรับผลิตลิฟท์

ลิฟท์บ้านคุณภาพควรมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 25-30 ปี เพราะคนในครอบครัวต้องสามารถใช้งานได้หลาย Generations อายุ ดังนั้นวัสดุที่ใช้ผลิตลิฟท์จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้คาเลีย จึงเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมที่มีมาตรฐานระดับพรีเมี่ยมเท่านั้นทั้งจากอเมริกาและยุโรปในการผลิตลิฟท์เพื่อให้ได้ลิฟท์บ้านที่มีมาตรฐานและคุณภาพระดับสูง เช่น ปล่องลิฟต์ผลิตจากอะลูมิเนียมเกรดที่ใช้ผลิตเครื่องบิน สี Premium Powder Coating จากประเทศออสเตรีย ผนังลิฟท์จากประเทศอเมริกา และหนังแท้ตัดเย็บด้วยมือจากอิตาลี เป็นต้น ซึ่งวัสดุที่มีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ทำให้อายุการใช้งานของลิฟต์ยาวนานขึ้น

คาเลียลิฟท์พัฒนาระบบสกรูอย่างต่อเนื่อง

การบริการหลังการขายของคาเลียที่ดีเยี่ยม

เพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการที่ยาวนานมากกว่า 120 ปี เราไม่ได้คำนึงถึงเฉพาะยอดขายเท่านั้นแต่เราให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายมากเช่นกัน เพราะอายุการใช้งานของลิฟท์ที่ยาวนาน 25-30 ปี การดูแลหลังการขายที่มีมาตรฐานตรงจากโรงงานจึงมีความสำคัญมาก เช่น สาย Hot Line ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อโทรขอความช่วยเหลือกรณีลิฟท์มีปัญหาหรือมีคนติดอยู่ในลิฟท์ และการบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน ด้วยทีม

ช่างเทคนิคเฉพาะของลิฟต์ระบบสกรูของเราที่ได้รับการฝึกอบรมจากประเทศสวีเดน เราไม่ได้จ้างช่างหรือเรียกใช้บริการจากช่างภายนอกใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้ามีช่างผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการบำรุงรักษาลิฟท์ของลูกค้าเราอยู่เสมอ

คาเลียลิฟท์พัฒนาระบบสกรูอย่างต่อเนื่อง

เราทราบดีว่าการซื้อลิฟท์บ้านเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงทำงานอย่างหนักทั้งในด้านสินค้าและการบริการเพื่อให้มั่นใจว่าคำมั่นสัญญาของ คาเลีย Value จะรับประกันตลอดอายุการใช้งานของลิฟท์ลูกค้าทุกท่านจะได้รับการบริการจากเราอย่างดีเยี่ยมเพราะเรายึดมั่นในชื่อเสียงและคำมั่นสัญญาของการให้บริการของ คาเลีย ลิฟท์ ที่มีมาอย่างยาวนานและจะยังคงอยู่ตลอดไป

ถ้าคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อเรามาได้ที่

support_th@kalealift.com
โทร 021146100

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 28/09/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,250.0029,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,895.0028,728.2029,850.00
ทองรูปพรรณ 90%1,705.5025,855.38n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,516.0022,982.56n/a
ทองรูปพรรณ 50%853.0012,931.48n/a
ทองรูปพรรณ 40%663.0010,051.08n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,964.0029,774.24n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 28/09/2565


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.7533.75
แก๊สโซฮอล์ 9133.4833.4833.4833.4833.4833.4833.4833.4833.4833.48
แก๊สโซฮอล์ E2032.6432.6432.6432.6432.6432.6432.6432.6432.64
แก๊สโซฮอล์ E8531.4431.4431.44
เบนซิน 9541.1641.6141.6641.6641.16
ดีเซล B734.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.6643.6644.6644.6644.6643.66
แก๊ส NGV43.6643.6643.66

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า