บทสรุป อสังหาฯ ปี 65 ‘โควิด’ ฟื้นความนิยม ‘บ้านแนวราบ’
CBRE สรุปภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2565 โควิด-19 ตัวเร่ง ฟื้นความนิยมบ้านแนวราบ พบโครงการบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ และ ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มขึ้น และผู้บริโภคตอบรับสูง
9 มกราคม 2566 – ซีบีอาร์อี บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก เผยภาพรวมตลาดที่พักอาศัยว่า หลังจากคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครเติบโตและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งทศวรรษ แต่ในปี 2565 ที่ผ่านมาพบว่าบ้านแนวราบได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ซื้อชาวไทย และในปี 2564 นั้น จำนวนบ้านแนวราบเปิดใหม่มีมากกว่าจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 นอกจากนี้ ในปี 2565 แม้ว่าจำนวนบ้านแนวราบจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25% เมื่อเทียบกับปี 2564 แต่จำนวนคอนโดมิเนียมใหม่ยังคงเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในย่านมิดทาวน์หรือรอบนอกใจกลางเมืองและย่านชานเมือง โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาด “กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber)”
ตลาดที่พักอาศัยมีการซื้อขายอย่างคึกคักโดยเฉพาะในตลาดบ้าน และแม้ว่าธุรกรรมส่วนใหญ่ในตลาดคอนโดมิเนียมนั้นยังคงเกิดขึ้นในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและย่านชานเมือง แต่ผู้พัฒนาโครงการหลายรายมีท่าทีในเชิงบวกเกี่ยวกับแผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งนี้ แม้จะมีท่าทีในเชิงบวกเช่นนี้ การเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางเมืองยังคงมีจำกัด
ประเด็นสำคัญของตลาดบ้านแนวราบในปี 2565 คือ มีการเปิดตัวโครงการบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มขึ้น ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องการพื้นที่ใหญ่ขึ้นและมีฟังก์ชันที่รองรับการทำงานและการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่
นางสาวโชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2565 โครงการบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะถนนกรุงเทพกรีฑา พัฒนาการ ศรีนครินทร์ และบางนา เช่น โครงการมอลตัน เกทส์ โครงการอาลียาห์ รีเซิร์ฟ โครงการพาร์ค เฮอริเทจ และโครงการเนอวานา คอลเลคชั่น ซึ่งตลาดระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงที่มีโรคระบาด และในปีนี้ เราจะได้เห็นการเปิดขายบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มขึ้นอีก เช่น แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ของเอสซี แอสเสท หรือนาราสิริ ของแสนสิริ
บรรดาบ้านหรูที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีและมีฟังก์ชันที่รองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ได้ดีจะส่งผลให้ผู้ซื้อนิยมซื้อบ้านจัดสรรจากผู้พัฒนาโครงการมากขึ้น ขณะที่โครงการบ้านแนวราบในตลาดระดับเริ่มต้น โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับคอนโดมิเนียมระดับกลางในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและย่านชานเมือง เนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่หลายโครงการในย่านรอบนอกใจกลางเมืองจึงมีราคาขายใกล้เคียงกับทาวน์เฮาส์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน นอกจากนี้ ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้ซื้อเกิดคำถามว่าจำเป็นต้องใช้ชีวิตในเมืองจริง ๆ หรือไม่
“ผู้ที่มีแนวโน้มซื้อที่พักอาศัยหลายคนได้ปรับเปลี่ยนมีวิธีการทำงานเป็นรูปแบบใหม่ มีงานอดิเรกใหม่ ๆ และวางแผนที่จะสร้างครอบครัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างต้องอาศัยพื้นที่แบบที่คอนโดมิเนียมทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ผู้ซื้อจึงยินดีที่จะอยู่ไกลจากตัวเมืองมากขึ้นเพื่อพักอาศัยในบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และมีราคาพอ ๆ กับคอนโดมิเนียมขนาดเล็กในย่านใจกลางเมือง”
นางสาวโชติกากล่าวเพิ่มเติมว่า “สถานการณ์รูปแบบเดียวกันนี้ก็กำลังเกิดขึ้นในตลาดบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ในย่านรอบนอกใจกลางเมืองเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันกำลังแข่งขันกับคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้นไปที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง และแม้ว่าราคามักจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่มีคอนโดมิเนียมเพียงไม่กี่แห่งที่เป็นยูนิตขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาโครงการได้ออกแบบไว้ในโครงการบ้านแนวราบ”
ในทางตรงกันข้าม สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ผู้พัฒนาโครงการต่างมีความระมัดระวังที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ เพราะมียูนิตที่แล้วเสร็จแต่ยังเหลือขาย และนอกเหนือจากการแข่งขันระหว่างบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมแล้ว ตลาดที่พักอาศัยในย่านใจกลางเมืองยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกำลังในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ซื้อที่ถดถอย รวมถึงผู้ซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน ที่ลดลงเช่นกัน ตลาดนี้ยังคงมีความอ่อนไหวในเรื่องราคาและมุ่งเน้นไปที่ผู้ซื้อภายในประเทศ
“ในท้ายที่สุดแล้ว ตลาดที่พักอาศัยยังคงมีความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากการผ่อนปรนชั่วคราวเรื่องอัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน หรือ LTV หมดอายุลงแล้วเมื่อสิ้นปี 2565 และต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นได้ส่งผลให้สัดส่วนกำไรของผู้พัฒนาโครงการลดลง นอกจากนี้ ระดับหนี้ผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและความต้องการจากนักลงทุนที่ขาดหายไปจะไม่เพียงส่งผลกระทบต่อยอดขายโครงการเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้พัฒนาโครงการในการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่อีกด้วย”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“จีน” เปิดประเทศ ความหวังกำลังซื้อ”อสังหา”ไทย
จีนเปิดประเทศ ความหวัง กำลังซื้อ อสังหาฯไทย คอลัมน์ Property Inside โดย : สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA)
รัฐบาลจีนประกาศหลังวันที่ 8 มกราคม 2566การยกเลิกการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ รวมไปถึงอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศจีน เพื่อเยี่ยมญาติ ทำงาน ติดต่อธุรกิจ และเรียนหนังสือสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวแบบมีเงื่อนไข คือ ต้องตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการอนุญาตให้ชาวต่างชาติกลุ่มที่กล่าวมาเดินทางเข้าประเทศจีนได้ ต้องมีการกักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นกำหนด และต้องขอโค้ดสุขภาพ (Health Declaration) จากทางสถานฑูตจีนซึ่งยังถือว่ายากลำบากอยู่ แต่ประกาศใหม่ที่ทางรัฐบาลจีนประกาศออกมานั้น ไม่ต้องกักตัวหรือขอโค้ดสุขภาพใดๆ อีกต่อไปแล้ว
มาตรการใหม่ที่ทางรัฐบาลจีนประกาศออกมานี้ เท่ากับว่าภายในประเทศจีนจะไม่มีการใช้โค้ดสุขภาพเพื่อการเดินทางระหว่างเมือง มณฑล หรือเข้าใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือการใช้บริการในหลายๆ สถานที่อีกต่อไป ซึ่งจะทำให้การเดินทางภายในประเทศสะดวกมากขึ้น
แม้ว่าอาจจะยังต้องเฝ้าระวังเรื่องของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกวัน อย่างไรก็ตาม เรื่องของการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีนนั้นอาจจะยังต้องรออีกระยะ เพราะเรื่องของสายการบิน หรือระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ อาจยังไม่กลับมาเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด-19 รัฐบาลจีนจึงเลือกที่จะบังคับใช้มาตรการนี้หลังช่วงปีใหม่
คือมีผลในวันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป เหมือนต้องการให้ผ่านช่วงปีใหม่ไปก่อน เพื่อติดตามดูผลของจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจจะมากขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ และอาจจะมีการมาตรการอื่นๆ มารองรับถ้าสถานการณ์เกินที่จะควบคุม
การเดินทางออกนอกประเทศของคนจีนคงมีมากขึ้น ถ้าสถานการณ์ต่างๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่คงเห็นได้ชัดเจนช่วงตรุษจีนปี2566 เพราะเป็นช่วงเทศกาลสำคัญ และเป็นวันหยุดยาวของประเทศจีนอยู่แล้ว ซึ่งโดยปกติจะเป็นช่วงที่คนจีนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมเยือนครอบครัว
รวมไปถึงออกนอกประเทศเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำได้ยากมาก เพราะข้อจำกัดในการเดินทางต่างๆ เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลที่มีต่อสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งถ้าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีนยังไม่มีอะไรที่พลิกผันมาก และรัฐบาลไม่มีมาตรการอะไรออกมาเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยอาจจะต้องรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจำนวนมากเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องของข้อจำกัดในการเดินทางเข้า-ออกประเทศจีน และเรื่องของสายการบิน จำนวนเที่ยวบินที่มีน้อยมาก ทำให้การเดินทางออกนอกประเทศจีนเพื่อมาประเทศไทยทำได้ยากมาก และค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งมีผลต่อเนื่องให้ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยชะงักไป เพราะไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติอื่นๆ ก็หายไปด้วย แต่จำนวนของนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนมากกว่านักท่องเที่ยวอื่นๆ แบบชัดเจน
เมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไป จึงมีผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ถ้าปี2566 นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมามากขึ้นกว่าที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่มากเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด-19 ก็เพียงพอต่อการช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทยดีขึ้นมากแล้ว ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับชาวจีนก็ได้รับอานิสงค์บวกไปด้วย
โดยเฉพาะเรื่องของตลาดคอนโดมิเนียมที่ผู้ประกอบการหลายรายรอการมาของคนจีนที่อาจจะซื้อหรือวางเงินดาวน์คอนโดมิเนียมไว้รอเพียงเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาทำไม่ได้ เพราะปัญหาหลายอย่าง ถ้าการเดินทางสะดวกมากขึ้น และค่าใช้จ่ายลดลงก็เป็นไปได้ที่จะเกิดการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมมากกว่าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ถ้าการเดินทางออกนอกประเทศจีนของคนจีนในช่วงตรุษจีนไม่มีปัญหาอะไร ก็เป็นไปได้ที่ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยจะมากกว่า 20 ล้านคนอีกครั้ง ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด ถ้าจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนเลยครึ่งแรกของ ปี 2565
เป็นไปได้ที่ช่วงครึ่งหลังของ ปี 2566 จำนวนของนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยจะมากขึ้นต่อเนื่อง เพราะต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลจีนเองก็ต้องควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศตนเองเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 33.44 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทแนวโน้ม แข็งค่าจากปัจจัยเดิม “ความหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน -เฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง -การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (10ม.ค.2566)ที่ระดับ 33.44 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.54 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า แรงหนุนการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ยังคงเป็นปัจจัยเดิม
ทั้ง ความหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งสะท้อนผ่านแรงซื้อสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงความหวังว่าเฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
อย่างไรก็ดี เรามองว่า บรรยากาศในตลาดอาจเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น ในช่วงทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งคาดว่า ประธานเฟดจะเน้นย้ำจุดยืนความจำเป็นที่ต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ
ซึ่งมุมมองดังกล่าวอาจช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่คงไม่มากนักเพราะผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตารายงานเงินเฟ้อ CPI ในวันพฤหัสฯ นี้
และนอกเหนือจากถ้อยแถลงของประธานเฟด เรามองว่า ควรระวังถ้อยแถลงของผู้ว่าฯ BOJ Kuroda เนื่องจาก หากผู้ว่าฯ BOJ ส่งสัญญาณสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ ก็อาจกดดันให้เงินเยนผันผวนในฝั่งอ่อนค่า ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้บ้างเช่นกัน
ทั้งนี้ เราประเมินว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways Down (ทยอยแข็งค่าขึ้นได้) โดยจะมีโซนแนวต้านสำคัญแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่โซนแนวรับเบื้องต้นจะอยู่ในช่วง 33.25-33.30 บาทต่อดอลลาร์
อนึ่ง การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.60 บาท/ดอลลาร์
ผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงออกมาบ้าง หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามความหวังว่า เฟดอาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย (จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยเพียง +0.25% ในการประชุมครั้งถัดไปเป็น 80%)
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดในวันนี้ รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน ทำให้ผู้เล่นในตลาดมีความระมัดระวังตัวมากขึ้นและยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงไปมาก ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.08%
ส่วนในทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 เดินหน้าปรับตัวขึ้นกว่า +0.88% หนุนโดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนโดย Sentix ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง
รวมถึงยอดผลผลิตอุตสาหกรรมของเยอรมนี (Industrial Production) เดือนพฤศจิกายนที่ขยายตัวดีกว่าคาด นอกจากนี้ ความกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลักที่คลี่คลายลง ได้หนุนให้หุ้นกลุ่มเทคฯและหุ้นสไตล์ Growth ในฝั่งยุโรปต่างปรับตัวขึ้นร้อนแรง อาทิ ASML +6.4%, Adyen +3.2%
ทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดหวังเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.53% จากระดับ 3.88% ณ สิ้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดผ่านถ้อยแถลงของประธานเฟดและบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงไฮไลท์สำคัญอย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI ทำให้ในระยะสั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 3.50% ก่อนที่จะรับรู้ปัจจัยดังกล่าว
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังแนวโน้มเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงใกล้ระดับ 103 จุด อีกครั้ง
นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านแถวระดับ 1,885 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้ามาขายทำกำไรทองคำ
กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงกลับมาใกล้ระดับ 1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นพอสมควร
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน คือ ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ซึ่งเรามองว่า หากในช่วงนี้ ตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) จากความหวังว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
ประธานเฟดก็อาจพยายามปรับลดความคาดหวังดังกล่าวของผู้เล่นในตลาด ด้วยการส่งสัญญาณเน้นย้ำจุดยืนว่า เฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงจนกว่าเฟดจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้ ถ้อยแถลงของประธานเฟดนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) Haruhiko Kuroda ว่าจะมีการเปิดเผยมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น
รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินของ BOJ อย่างไรบ้าง หลังจากที่ผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า BOJ อาจใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นในปีนี้ (ตลาดมอง BOJ อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ +0.10% ราว 2 ครั้งในปีนี้) ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้ ค่าเงินเยนญี่ปุ่นผันผวนในฝั่งแข็งค่ามากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
อาร์เซน่อล บุกอัด อ็อกซ์ฟอร์ด 3-0 ทะลุรอบ 32 ทีม ดวลเดือด แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบ 3
จันทร์ที่ 9 มกราคม 2566
อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด 0-3 อาร์เซน่อล
สนาม คัสซาม สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน : เดวิด คูต
“ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ระเบิดฟอร์มเฉียบในครึ่งเวลาหลัง บุกไปอัด อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ทีมจากลีกวัน 3-0 โดย เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เหมาคนเดียว 2 ประตูพาทีมทะลุผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายศึก เอฟเอ คัพ เข้าไปพบ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อไป
รายชื่อนักเตะที่ลงสนาม
อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด : เอ็ดเวิร์ด แม็คกินตี้ – จาวาน แอนเดอร์สัน, แซม ลอง, เอลเลียตต์ มัวร์, เซียรอน บราวน์ – ลูอิส เบต, มาร์คัส แม็คเกวน, คาเมรอน บรานนาแกน – บิลลี โบดิน, แมตต์ เทย์เลอร์, จอช เมอร์ฟี่
อาร์เซน่อล : แม็ตต์ เทอร์เนอร์ – ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, ร็อบ โฮลดิ้ง, กาเบรียล มากัลเญส, คีแรน เทียร์นี่ย์ – ฟาบิโอ วิเอร่า, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, อัลเบิร์ต แซมบี โลคองก้า – บูกาโย่ ซาก้า, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีปฐมพยาบาล “เลือดกำเดาไหล” ที่ถูกต้องควรทำอย่างไร
ตอนเด็กๆ เคยเกิดเหตุ “เลือดกำเดาไหล” กันบ้างไหมคะ? สำหรับตัวเราเองนั้นเคยเห็นแต่คนอื่นเป็น นั่งเล่นอยู่เฉยๆ ก็หยดแหมะๆ ใส่เสื้อต่อหน้าต่อตา ทำไมเลือดกำเดาถึงไหล แล้วเรามีวิธีหยุดเลือดอย่างไรถึงจะถูกต้อง Sanook! Health มีเคล็ดลับให้จำเอาไปใช้กัน
เลือดกำเดา คืออะไร เกิดจากอะไร
เลือดกำเดา คือเลือดที่ไหลออกมาจากโพรงจมูก ไม่ว่าจะเป็นข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง เกิดจากเส้นเลือดภายในโพรงจมูกแตก ที่อาจเป็นเพราะเส้นเลือดในโพรงจมูกเปราะบางแตกง่ายด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น อาการที่เปลี่ยน (ร้อนเกินไป, หนาวเกินไป, แห้งเกินไป) สั่งน้ำมูกแรงเกินไป ผลข้างเคียงจากอาการภูมิแพ้ ความดันโลหิตสูง หรือเกิดจากการแคะ แกะ เกาในโพรงจมูกอย่างรุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุในบริเวณที่ใกล้เคียงกับจมูก เป็นต้น
เลือดกำเดา มีกี่ชนิด
ทราบหรือไม่ว่าเลือดกำเดาแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
- เลือดที่ออกจากโพรงจมูกด้านหน้า มักเกิดขึ้นกับคนทั่วไป เกิดจากเส้นเลือดบริเวณจมูกในส่วนหน้าแตก ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ผู้ป่วยสามารถทำให้เลือดกำเดาหยุดไหลได้เอง
- เลือดที่ออกจากโพรงจมูกส่วนหลัง เกิดจากเส้นเลือดบริเวณโพรงจมูกด้านหลังแตก หรือส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปในโพรงจมูก จนอาจทำให้มีเลือดไหลลงไปในลำคอด้วย มักเกิดกับผู้สูงวัย หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคอันตรายร้ายแรงบางอย่าง ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
เลือดกำเดาไหลแบบไหนที่เป็นอันตราย
หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
- เลือดกำเดาไหลที่ด้านหลังโพรงจมูกจนไหลเข้าไปในลำคอ
- เลือดกำเดาไหลไม่หยุดแม้ผ่านไปมากกว่า 20 นาที
- เลือดกำเดาไหลซ้ำอีกหลายครั้ง
- เวียนศีรษะ หน้ามืด
- กระอักเลือด หรืออาเจียนเป็นเลือด
- มีผื่นขึ้นตามตัว
- มีไข้สูง (มากกว่า 5 องศาเซลเซียส)
วิธีหยุดเลือดกำเดาไหล ด้วยตัวเอง
- นั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้หรือพื้น เอนตัวไปข้างหน้า และอาจก้มหน้าเพียงเล็กน้อย ไม่ต้องเงยหน้า ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบจมูก แล้วหายใจทางปากราว 10 นาทีแล้วค่อยปล่อยนิ้ว หากเลือดกำเดายังไม่หยุดไหล ให้ทำตามวิธีนี้อีกครั้ง
- ไม่นอนราบ หากมีเลือดไหลลงคอให้บ้วนเลือดออกมา ไม่กลืนลงไป เพราะเลือดกำเดาอาจไหลเข้าไปในกระเพาะอาหารจนทำให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมาได้ เช่น อาเจียน เป็นต้น
- อาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็งวางบริเวณสันจมูกขณะบีบจมูกไปด้วยก็ได้
- หากเลือดกำเดายังไม่หยุดไหล ให้รับพบแพทย์โดยด่วน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
CES : ซัมซุงเปิดตัว SmartThings Station สุดยอดเทคโนโลยีแห่งบ้านอัจฉริยะ (Smart Home)
ซัมซุง เปิดตัว SmartThings Station แพลตฟอร์ม Smart Home ที่ใช้งานง่าย สำหรับควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้าน พร้อมที่ชาร์จไฟความเร็วสูง ในราคาเอื้อมถึง
Smart Home หรือ บ้านอัจฉริยะ กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยตลาดมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้งานต้องการ โซลูชันในการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลายร่วมกันได้ ใช้งานง่าย ภายในแพลตฟอร์มเดียวกัน SmartThings Station เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตั้งค่าการใช้งานได้ไม่ยุ่งยาก และสามารถใช้งานได้กับผลิตภัณฑ์ Smart Home ได้หลากหลายประเภท รวมไปถึง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ผลิตภายใต้มาตรฐานแมตเทอร์ มาพร้อมกับการใช้งานที่สะดวกตามแบบฉบับของซัมซุง
นอกจากนี้ SmartThings Station ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานในการตั้งค่าอัตโนมัติให้กับพื้นที่ส่วนต่างๆ ภายในบ้าน รวมไปถึงการตั้งค่าการเปิด-ปิดอัตโนมัติในแต่ละวัน ตามความสะดวกสบายของผู้อยู่อาศัย และช่วยประหยัดพลังงาน เช่น การปิดสวิทช์ไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ได้ใช้งาน
“การติดตั้ง Smart Home สามารถทำได้อย่างง่ายและไม่สิ้นเปลือง ซัมซุงจึงได้สร้างสรรค์ให้ SmartThings Station เป็นแพลตฟอร์มภายในบ้าน ที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการใช้งานอย่างครบวงจรในอนาคต” นายแจ ยอน จุง, Executive Vice President and Head of SmartThings, Device Platform Center ของซัมซุง กล่าว “ความนิยมและจำนวนอุปกรณ์ที่สื่อสารและเชื่อมต่อกันภายในบ้านกำลังเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดตัวมาตรฐานแมตเทอร์ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ผ่านมา ซัมซุงมีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่มีบทบาทในการช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น”
Smart Home บ้านที่ชาญฉลาดจะต้องเข้าถึงได้อย่างง่าย
SmartThings Station สามารถตั้งค่าได้ง่าย เพียงกดปุ่มเปิดใช้งานครั้งแรก ข้อความเพื่อแนะนำขั้นตอนการเชื่อมต่อจะปรากฎขึ้นมาบนหน้าจอสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy หรือผู้ใช้สามารถเลือกลงอุปกรณ์เริ่มต้นใช้งานนี้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการสแกน
QR Code ผ่านกล้องถ่ายรูปในสมาร์ทโฟน
ปรับการใช้งานได้ดั่งใจ ตามกิจวัตรประจำวัน
แพลตฟอร์ม Smart Home ช่วยเชื่อมต่อการใช้งานให้กับอุปกรณ์หลายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ หลอดไฟ หรือปลั๊กไฟฟ้า ที่สามารถเชื่อมต่อหาอุปกรณ์ Smart Home อื่นๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ SmartThings Station ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าอัตโนมัติได้ล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องตั้งค่าแยกตามอุปกรณ์ในแต่ละชิ้นด้วยตนเอง
เพียงกดปุ่ม Smart Button บน SmartThings Station ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นชีวิตประจำวันที่ตั้งค่าขึ้นเองผ่านแอป SmartThings เช่น การตั้งโหมดเข้านอน การทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนจะเริ่มทำงานทันที
โดยฟีเจอร์นี้สามารถปิดไฟ ปิดม่านบังตา และปรับอุณหภูมิให้เย็นขึ้น หรือ หากเป็นการชมภาพยนต์ภายในบ้าน ระบบจะเปิดทีวีและหรี่ไฟให้สว่างน้อยลง หรือหากต้องออกจากบ้าน SmartThings Station จะหยุดการจ่ายไฟและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานและจะเริ่มการทำงานของระบบรักษาความปลอดภัย หรือหากผู้ใช้งานต้องการเข้าสู่โหมดเล่นเกม ระบบจะเปิดทีวีที่ต้ังค่าไว้สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมกับระบบแสงสว่างและเข้าสู่โหมด “ห้ามรบกวน” โดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้ถึง 3 โหมดการทำงาน ผ่านการกดปุ่ม Smart Button แบบสั้นๆ หรือกดค้างไว้ หรือ กดปุ่ม 2 ครั้งเพื่อเป็นการเริ่มต้นการทำงาน โดยการตั้งค่าโหมดชีวิตประจำวันต่างๆ ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นใช้งานได้ผ่านแอป SmartThings ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน
ค้นหาและจัดการอุปกรณ์ในบ้านได้อย่างแม่นยำ
SmartThings Station ยังทำงานร่วมกับฟีเจอร์ SmartThings Find บริการที่ช่วยในการค้นหาอุปกรณ์ที่หายไป หรือวางผิดที่ ผ่านการกดปุ่ม Smart Button สองครั้ง ซึ่งสัญญาณจะถูกส่งไปยังสมาร์ทโฟนเครื่องใกล้ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น
การทำงานของ SmartThings Station เปรียบได้กับการมีสแกนเนอร์ประจำบ้านที่ไม่ยอมให้ทุกสิ่งคลาดสายตา จึงช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy สามารถทราบตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งฟีเจอร์ SmartThings Find ไว้ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต นาฬิกา หูฟัง หรือของใช้ส่วนตัวอื่นๆ เช่น กุญแจ หรือ กระเป๋าสตางค์ที่มีอุปกรณ์ Galaxy SmartTag หรือ SmartTag+ ติดไว้ เมื่อมีการสแกนหาอุปกรณ์เป็นประจำ SmartThings Station จะสามารถบอกผู้ใช้ถึงตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้น และจะส่งเสียงแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนของผู้ใช้อุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม ขณะออกนอกบ้านหรือกลับมายังตำแหน่งภายในบ้าน
แท่นชาร์จความเร็วสูงที่เหมาะกับบ้านอัจฉริยะอย่างสมบูรณ์แบบ
แพลตฟอร์มชาร์จไฟแบบเร็วในบ้านอัจฉริยะ จะต้องมี SmartThings Station ทำหน้าที่เป็นแท่นชาร์จไฟไร้สายทรงพลังที่มีกำลังไฟถึง 15 วัตต์ ระบบการชาร์จไฟที่รวดเร็วนี้เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษของแพลตฟอร์ม Smart Home ที่ช่วยให้ทุกจังหวะชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ใช้งานสามารถรับการแจ้งเตือนเมื่อการมีการชาร์จไฟเสร็จสิ้น เพื่อที่จะได้กลับมาเล่นเกมส์ที่ค้างไว้ หรือเปลี่ยนมาชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ต่อไป
กำหนดการพร้อมใช้งาน
SmartThings Station จะเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาและเกาหลี มีให้เลือก 2 สี คือ ขาวและดำ โดยจะวางขายในอเมริกาเป็นที่แรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นี้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีน
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีน
หนึ่งปีมีครั้งกับเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับชาวจีนและคนที่มีเชื้อสายจีน เทศกาลนี้เรียกได้ว่าเป็นปีใหม่ของชาวจีนซึ่งคล้ายกับปีใหม่ของชาวไทยอย่างวันสงกรานต์ วันนี้เรียกว่าวันตรุษจีน (Chinese New Year) นั่นเอง ซึ่งโพสนี้ก็ตรงกับวันตรุษจีน จึงอยากเชิญชวนแฟนๆ บริติช เคานซิล มาเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ที่น่าสนใจในเทศกาลตรุษจีนกัน เพื่อที่จะช่วยให้คุณมีคำศัพท์ที่หลากหลาย และพร้อมใช้ในเวลาที่คุณพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษกับเพื่อนชาวต่างชาติ ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย
คำศัพท์ | ความหมาย |
Chinese New Year | วันตรุษจีน |
Dragon dance | การเชิดสิงโต |
Celebration | Celebration |
Red envelope | ซองแดงหรือซองอั่งเปา |
Offer sacrifices to one’s ancestors | การเส้นไหว้บรรพบุรุษ |
Firecrackers | ประทัด |
Fireworks | ดอกไม้ไฟ |
Fortune | โชคดี |
Good fortune | ความโชคดี |
Incense | กำยานหรือธูปบูชา |
Longevity | การมีอายุยืนยาว |
Prosperity | ความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรือง |
Family reunion | การรวมญาติ |
Tradition | ประเพณี |
คำศัพท์ทั้งหมดด้านบนเป็นคำศัพท์ที่คุณมักจะพบได้ในข่าว นิตยสารสำหรับการท่องเที่ยว หรือแม้กระทั่งเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเพณีวันตรุษจีน
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุดของการพัฒนาภาษาอังกฤษคือการฝึกใช้ภาษาอังกฤษของคุณให้บ่อยจนคุ้นชิน ยิ่งคุณฝึกมากก็ยิ่งจะมีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับใครที่ไม่มีเวลาฝึกหรืออยากหาผู้ช่วยในการฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งมากยิ่งขึ้น พลาดไม่ได้กับคอร์สเรียน myClass ที่จะช่วยคุณพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณให้ก้าวหน้า เก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ขอบคุณข้อมูลจาก britishcouncil.or.th
“โซดาผสมมะนาว” ลดเสี่ยงมะเร็ง-ช่วยดีท็อกซ์ได้จริงหรือ?
โซดาผสมมะนาว เป็นสูตรเครื่องดื่มที่ส่งต่อกันมาเรื่อยๆ ทาง social media ระยะใหญ่ๆ แล้ว บ้างก็ว่าช่วยรักษา หรือลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง แต่บางส่วนก็ดื่มเพื่อช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ความจริงเป็นอย่างไร เรามาทำความเข้าใจให้ถูกต้องกันค่ะ
โซดา+มะนาว
ก่อนอื่นเลยคงต้องถามคนที่คิดสูตรเครื่องดื่มนี้ก่อนว่า ทำไมต้องเป็นโซดา และมะนาว คนที่คิดสูตรนี้อาจจะคิดว่า โซดามีความซ่าที่ทำให้คนที่ดื่มรู้สึกสดชื่น บวกกับรสชาติเปรี้ยวของมะนาว ยิ่งทำให้เรารู้สึกสดชื่นมากขึ้น เมื่อเราทานอาหารเปรี้ยวๆ มักทำให้เราถ่ายง่ายขึ้น จึงเป็นที่มาของสูตรเครื่องดื่มนี้ หนำซ้ำยังเคยมีงานวิจัยจากต่างประเทศที่ว่า เบคกิ้งโซดารักษามะเร็งได้ (แต่ปัจจุบันงานวิจัยชิ้นนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ 100%) คนที่อ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมาก่อน อาจเข้าใจผิดว่าเป็น โซดา เฉยๆ เลยเป็นที่มาของสูตรนี้อีกราย
โซดาผสมมะนาว รักษามะเร็ง?
จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีงานวิจัยทั้งใน และต่างประเทศชิ้นไหน ที่พิสูจน์ได้ว่าโซดาผสมมะนาวสามารถฆ่าเชื้อมะเร็ง รักษามะเร็ง หรือลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้เลย
โซดาผสมมะนาว ช่วยดีท็อกซ์ ?
ถ้าถึงขั้นดีท็อกซ์จริงจังคงจะไม่ใช่ แต่โซดาผสมมะนาวสามารถช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานง่ายขึ้น เรียกง่ายๆ ว่าหากรู้สึกอึดอัด อยากถ่าย ก็สามารถดื่มโซดาผสมมะนาวได้
อันตรายจากการดื่มโซดาผสมมะนาว
หากดื่มโซดาผสมมะนาวในปริมาณมาก หรือดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อลำไส้ และกระเพาะอาหารได้ เนื่องจากทั้งโซดา และมะนาวมีฤทธิ์เป็นกรดทั้งคู่ จึงอาจทำร้ายเซลล์ผลังลำไส้ และกระเพาะอาหารได้ แต่เฉพาะผู้ที่ดื่มในปริมาณมาก หรือดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจริงๆ แล้วฤทธิ์กรดของโซดาและมะนาวยังน้อยกว่ากรดจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
หากอยากดื่มเพื่อดีท๊อกซ์ (เบาๆ) หรือเพื่อให้ขับถ่ายง่ายขึ้น สามารถดื่มแค่น้ำอุ่นผสมมะนาวในตอนเช้าเพียงครึ่งแก้วก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำโซดาเสมอไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/01/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,600.00 | 29,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,917.00 | 29,061.72 | 30,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,725.30 | 26,155.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,533.60 | 23,249.38 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 863.00 | 13,083.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 671.00 | 10,172.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,987.00 | 30,122.92 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/01/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.45 | 34.45 | 34.75 | 34.45 | 34.75 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.18 | 34.18 | 34.48 | 34.18 | 34.48 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.54 | 32.54 | 32.84 | 32.54 | 32.84 | – | 32.54 | 32.54 | 32.54 | 32.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.99 | 32.99 | – | – | – | – | – | – | – | 32.99 |
เบนซิน 95 | 41.86 | – | – | – | 42.61 | – | 42.36 | 42.31 | – | 41.86 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 34.94 | – | 34.94 | – | 32.54 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |