บิ๊กอสังหาฯ ปัดฝุ่นสต็อกคอนโดแสนหน่วยรับกำลังซื้อต่างชาติ
ตลาดอสังหาฯ คึก รับทุนจีน บิ๊กอสังหาปัดฝุ่นสต็อกคอนโดฯ -โครงการใหม่สร้างเสร็จ แสนหน่วย รับอานิสงส์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ หลัง 3 ปี โควิดจีนหายจากระบบ ทดแทนกำลังซื้อในประเทศเปราะบาง
การเปิดประเทศของจีนนอกจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้วยังส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมามีความหวังอีกครั้งทั้งการเดินทางกลับมาโอนกรรมสิทธิ์และระบายสต๊อกคอนโดมิเนียมคั่งค้างรวมไปถึงโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างมากกว่าแสนหน่วย
ที่จะทำให้บรรยากาศเดิมหวนคืนมาหลังจากหายไป 3 ปี แม้ว่าอาจจะไม่คึกคักเหมือนช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิดแต่มองว่า น่าจะช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาพลิกฟื้นเร็วขึ้น ส่งสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม
นางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)ในฐานะนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าการกลับมาของจีนส่ง สัญญาเชิงบวก ต่อการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียม
โดยเฉพาะสต็อกคงค้างและโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จที่ได้อานิสงก์ ซึ่งจะเป็นกำลังซื้อใหม่ที่เข้ามาทดแทนกำลังซื้อในประเทศ
อย่างไรก็ตาม การหายไปจากตลาดเป็นเวลานานของจีนอาจ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนเดิม หรือเกิดเทรนด์ใหม่การลงทุน รูปแบบที่อยู่อาศัย แต่อย่างน้อยทำให้ระบบเศรษฐกิจประเทศดีขึ้น
ในระยะสั้นบริษัทได้เตรียมความพร้อม นำโครงการ 5โครงการพร้อมอยู่ ประมาณ 500 หน่วย รองรับกลุ่มคนจีน ซึ่งทำเลส่วนใหญ่อยู่กลางใจเมืองและล่าสุดอยู่ระหว่างก่อสร้าง คอนโดมิเนียมสูง 32 ชั้นกว่า 800 หน่วย ราคา 2ล้านบาทต้นๆในทำเลย่านฝั่งธนบุรีติดสถานีวุฒากาศ รถไฟฟ้าบีทีเอส
ประเมินว่าสามารถขายให้กับนักลงทุนจีนได้ราว 300-400หน่วยในสัดส่วนต่างชาติถือครองห้องชุดได้ไม่เกิน49%นอกจากกลุ่มกำลังซื้อคนไทยที่ทำงานย่านสาทร ที่ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟฟ้าเพียง10นาที โดยขณะนี้ บริษัทเตรียมความพร้อม อาทิเปลี่ยนเอกสารเป็นภาษา จีนทั้งหมดเพื่อรองรับกลุ่มคนจีน สำหรับโครงการที่จะเปิดขาย นอกจากภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
“ส่วนใหญ่ช่วงนี้จะเป็นการนำสต็อกเก่ามาขาย ส่วนโครงการก่อสร้างใหม่คงไม่ทันเพราะต้องใช้เวลา เตรียมไม่ต่ำกว่า 2 ปี ทั้งการจัดหาที่ดิน การยื่นขอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ และก่อสร้าง อีก2ปี รวม 4ปี ขณะทำเลที่คนจีนชื่นชอบได้แก่ กรุงเทพมหานคร พัทยา จังหวัดชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่”
สอดคล้องนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า จีนเปิดประเทศเร็วกว่ากำหนดเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศ ประกอบกับการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัท เสร็จจำนวน10 อาคารพร้อมเข้าอยู่ ไม่ต่ำกว่า 3,000หน่วย จึงเป็นผลดี
โดยทำเลส่วนใหญ่อยู่ใจกลางเมือง ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า เป็นที่นิยมของจีนทั้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะถดถอย จีนบาดเจ็บจากสถานการณ์โควิด เป็นเวลานานจึงไม่แน่ใจว่าการกลับมาครั้งนี้จะให้ความสนใจซื้อโครงการมากน้อยแค่ไหนอย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างคัดเลือก เอเจ้นท์ขายอสังหาฯให้นักลงทุนต่างชาติทั่วโลกโดยเฉพาะจีน
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าต่างชาติ มักนิยมคอนโดมิเนียมทำเลกลางใจเมือง เมื่อจีนเปิดประเทศบริษัทไม่ได้ตื่นเต้นมากนักเพราะ ไม่ได้พัฒนาโครงการย่าน กลางเมืองมานาน 3-4ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิด
ส่วนใหญ่เปิดขายโครงการบ้านหรูซึ่งชาวจีนที่เปิดบริษัททำธุรกิจในไทย จะซื้อของบริษัทในนามนิติบุคคลราคา70ล้านบาทขึ้นไป อย่างไรก็ตามมีเพียงคอนโดมิเนียมโครงการเดียวที่สอดคล้องกับความต้องการของคนจีนคือโครงการเดอะสกาย สุขุมวิท แยกบางนากว่า300 หน่วย จาก700-800หน่วย
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ประเมินในภาพรวมเมื่อจีนเปิดประเทศว่านอกจากจะเป็นผลดีต่อภาคท่องเที่ยวภาคบริการแล้วยังเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มองว่าจีนยังให้ความสนใจ และมีกำลังซื้อโดยเฉพาะให้ความสนใจบ้านแนวราบ
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่าจีนยังให้ความสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทยต่อเนื่องแม้อยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด สะท้อนจากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 (ม.ค.-มิ.ย.) มีจำนวน 4,433 หน่วย เพิ่มขึ้น1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 4,370 หน่วย
มีมูลค่าการโอนกรรมคอนมิเนียม คนต่างชาติ จำนวน 22,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี2564 มีจำนวน 20,472 ล้านบาท ทั้งนี้ 10 อันดับแรกของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์และมูลค่าการโอนของคนต่างชาติ พบว่า อันดับ 1 ยังคงเป็นผู้ซื้อสัญชาติจีนที่มีการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด
ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 1,124 หน่วย สัดส่วน48% ของหน่วยโอนทั้งหมด มูลค่าการโอนของชาวจีน 5,931 ล้านบาท คิดเป็น49 %ของมูลค่าการโอนทั้งหมดขณะราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 5.3 ล้านบาท
ด้าน นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ด้วยระบบอัตโนมัติ เปิดเผยว่า เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ประเทศไทยได้รับปัจจัยเชิงบวกจากจีนค่อนข้างมากโดยเฉพาะภาคอสังหาฯ และการท่องเที่ยว
ประกอบกับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากความต้องการที่ถูกอั้นไว้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาจส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาฯ สูงขึ้น โดยต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานได้ทันเวลา ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน อีกทั้งสามารถรักษาเงินทุนหมุนเวียน ในการดำเนินงาน ซึ่ง มองว่าสินค้าของบริษัทตอบโจทย์ความต้องการได้ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ราชกิจจาฯ ประกาศอาณาบริเวณเขตระบบโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู
ราชกิจจาฯ ประกาศแผนผังอาณาบริเวณเขตระบบโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กําหนดเขตระบบรถไฟฟ้าตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี ในท้องที่ ตําบลบางกระสอ ตําบลท่าทราย อําเภอเมืองนนทบุรี ตําบลบางตลาด ตําบลปากเกร็ด ตําาบลคลองเกลือ อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และแขวงทุ่งสองห้อง แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ แขวงอนุสาวรีย์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม แขวงรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรีกรุงเทพมหานคร และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี ในท้องที่ตําบลบางตลาด ตําาบลคลองเกลือ และตําาบลบ้านใหม่ อําาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
เพื่อประโยชน์ในการบํารุงรักษาและความปลอดภัยของระบบรถไฟฟ้าและความปลอดภัยของบุคคลที่อยู่ในเขตระบบรถไฟฟ้า ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้สร้างขึ้น ตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี โดยมีระยะทางรวมประมาณ ๓๔.๕ กิโลเมตร
เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม ที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี บนถนนรัตนาธิเบศร์ บริเวณแยกแครายเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนติวานนท์ เส้นทางไปตามถนนติวานนท์ เลี้ยวขวาที่แยกปากเกร็ด เข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะผ่านแยกหลักสี่เชื่อมต่อกับระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต ที่สถานีหลักสี่ และผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ
จากนั้นเส้นทางไปตามถนนรามอินทรา – จนถึงแยกเมืองมีนแล้ววิ่งตรงเข้าสู่ถนนสีหบุรานุกิจ และเลี้ยวขวาไปทางทิศใต้ข้ามคลองสามวา คลองแสนแสบและถนนรามคําแหง สิ้นสุดเส้นทางที่จุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่สถานีมีนบุรี
โดยเป็นการก่อสร้างในท้องที่ ตําบลบางกระสอ ตําบลท่าทราย อําเภอเมืองนนทบุรี ตําบลบางตลาด ตําบลปากเกร็ด ตําบลคลองเกลือ อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และแขวงทุ่งสองห้อง แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ แขวงอนุสาวรีย์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม แขวงรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
และโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี โดยมีระยะทางรวมประมาณ ๓ กิโลเมตร เริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อกับ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี บริเวณสถานีเมืองทองธานี จากนั้นเส้นทางจะเลี้ยวขวา เข้าสู่ซอยแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด ๓๙ ผ่านวงเวียนเมืองทองธานี และสิ้นสุดเส้นทางบริเวณทะเลสาบ ในเมืองทองธานี โดยเป็นการก่อสร้างในท้องที่ตําาบลบางตลาด ตําาบลคลองเกลือ และตําบลบ้านใหม่ อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จึงประกาศกําหนดเขตระบบรถไฟฟ้า ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
“อาณาบริเวณสถานีรถไฟฟ้า” หมายความว่า สถานีรถไฟฟ้าและบริเวณโดยรอบสถานี รถไฟฟ้าและให้รวมถึงอาคารทางขึ้น – ลงของคนโดยสาร และทางเดินระหว่างอาคารสถานีรถไฟฟ้ากับ อาคารทางขึ้น – ลง ของคนโดยสารด้วย ภายในแนวเขตที่มีเครื่องหมายแสดงเขตระบบรถไฟฟ้า
กําหนดให้เป็นเขตระบบรถไฟฟ้า
ข้อ ๒ เขตระบบรถไฟฟ้าตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี ประกอบไปด้วย
(๑) อาณาบริเวณสถานีรถไฟฟ้า ดังนี้
๑) สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
๒) สถานีแคราย
๓) สถานีสนามบินนา
๔) สถานีสามัคคี
๕) สถานีกรมชลประทาน
๖) สถานีแยกปากเกร็ด
๗) สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด
๘) สถานีแจ้งวัฒนะ – ปากเกร็ด ๒๘
๙) สถานีศรีรัช
๑๐) สถานีเมืองทองธานี
๑๑) สถานีแจ้งวัฒนะ ๑๔
๑๒) สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๑๓) สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ
๑๔) สถานีหลักสี่
๑๕) สถานีราชภัฏพระนคร
๑๖) สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ
๑๗) สถานีรามอินทรา ๓
๑๘) สถานีลาดปลาเค้า
๑๙) สถานีรามอินทรา กม. 4
๒๐) สถานีมัยลาภ
๒๑) สถานีวัชรพล
๒๒) สถานีรามอินทรา กม. ๖
๒๓) สถานีคู้บอน
๒๔) สถานีรามอินทรา กม. ๙
๒๕) สถานีวงแหวนรามอินทรา
๒๖) สถานีนพรัตน์
๒๗) สถานีบางซัน
๒๘) สถานีเศรษฐบุตรบําเพ็ญ
๒๙) สถานีตลาดมีนบุรี
๓๐) สถานีมีนบุรี
๓๑) สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี
๓๒) สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี
(๒) ศูนย์ซ่อมบํารุง ภายในแนวเขตที่มีเครื่องหมายแสดงเขตระบบรถไฟฟ้า กําหนดให้เป็น เขตระบบรถไฟฟ้า
(๓) อาคารจอดรถพร้อมทั้งบริเวณโดยรอบอาคารจอดรถ ภายในแนวเขตที่มีเครื่องหมาย แสดงเขตระบบรถไฟฟ้า กําหนดให้เป็นเขตระบบรถไฟฟ้า
(๔) ทางรถไฟฟ้า ภายในแนวเขตที่มีเครื่องหมายแสดงเขตระบบรถไฟฟ้า กําหนดให้เป็นเขต ระบบรถไฟฟ้า
(๕) อาคารโรงไฟฟ้าย่อยพร้อมทั้งบริเวณโดยรอบอาคารโรงไฟฟ้าย่อย ภายในแนวเขต ทีมีเครื่องหมายแสดงเขตระบบรถไฟฟ้า กําหนดให้เป็นเขตระบบรถไฟฟ้า
ทั้งนี้ ตามแผนผังท้ายประกาศนี้
ข้อ ๓ ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จัดทําแผนที่แสดงเขตระบบรถไฟฟ้า ในมาตราส่วนที่แสดงรายละเอียดได้ชัดเจนไว้ ณ ที่ทําการของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และให้ประชาชนตรวจดูได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ในแผนที่ตามวรรคหนึ่ง ให้แสดงที่ตั้งเครื่องหมายแสดงแนวเขตรถไฟฟ้าไว้ด้วย
ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ศักสยาม ชิดชอบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 32.86 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญในช่วง 33.30-33.50บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ อาจผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หากตลาดเผชิญปัจจัยเสี่ยงและเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้(16ม.ค.2566) ที่ระดับ 32.86 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 32.98 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น
ท่ามกลางความหวังเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรติดตาม ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนได้ นอกจากนี้ ควรระวังความเสี่ยงจากประเด็นเพดานหนี้สหรัฐฯ (Debt Ceiling)
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ฝั่งสหรัฐฯ – แม้ว่าเดือนธันวาคมจะเป็นช่วงที่ผู้คนมักจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาล แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจอาจกดดันยอดค้าปลีก (Retail Sales) โดยเฉพาะในส่วนของยอดขายยานยนต์
หรือสินค้าคงทน อย่าง เฟอนิเจอร์ รวมถึง การปรับตัวลงของราคาพลังงานที่อาจกดดันยอดขายที่เกี่ยวกับพลังงานเช่นกัน จะทำให้โดยรวม ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนธันวาคม อาจหดตัว -0.9% จากเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงมากขึ้น ก็อาจทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดเริ่มมีมุมมองสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอัตราลดลงเป็น +0.25% ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
อาทิ John Williams, Lael Brainard, Patrick Harker และ Susan Collins เป็นต้น และนอกเหนือจาก รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ จะเริ่มมีความน่าสนใจและอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้
เนื่องจากหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ เสี่ยงที่จะแตะระดับเพดานหนี้ ในวันที่ 19 มกราคมนี้ ทำให้ล่าสุดรัฐมนตรีคลัง Janet Yellen (อดีตประธานเฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งพิจารณาขยายเพดานหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้ (Default risk)
ในอดีตที่ผ่านมา ตลาดการเงินมักผันผวนและอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) หากเผชิญความเสี่ยงปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ (Debt Ceiling) ซึ่งในภาวะดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดมักเลือกเทขายสินทรัพย์เสี่ยง และเลือกที่จะถือทองคำ (หรือเงินเยนญี่ปุ่น) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
▪ ฝั่งยุโรป – ฤดูหนาวของยุโรปที่อุ่นกว่าปกติ ทำให้ปัญหาขาดแคลนพลังงานหรือวิกฤตพลังงานไม่ได้เลวร้ายมาก ซึ่งภาพดังกล่าวได้สะท้อนผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปในช่วงที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดและ
ตลาดก็คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เดือนมกราคม ก็อาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -15 จุด จากระดับ -23.3 จุด ในเดือนธันวาคม
สะท้อนมุมมองของบรรดานักลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ส่วนในฝั่งอังกฤษ ตลาดประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนธันวาคม จะชะลอลงสู่ระดับ 10.5% ตามการปรับตัวลงของราคาพลังงาน
โดยเฉพาะน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติ ทว่าอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ 2% ทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า BOE จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 4.50% ได้ในปีนี้ (ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.50%)
ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการทยอยส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด/ตึงตัวมากขึ้น ทั้งนี้ เรามองว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.10%
พร้อมทั้งคงเป้าบอนด์ยีลด์ 10 ปี ที่ระดับ 0.00%+/-0.50% ตามเดิม แต่หาก BOJ มีการพูดถึงการทบทวนกรอบของบอนด์ยีลด์ 10 ปี หรือ ทบทวนผลกระทบของนโยบาย Yields Curve Control
รวมถึงมีการปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ผู้เล่นในตลาดอาจตีความว่า BOJ ได้ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจหนุนให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) แข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับถัดไปแถว 126 เยนต่อดอลลาร์ได้
ในทางกลับกันกาก BOJ ย้ำจุดยืนไม่รีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ก็อาจเห็นเงินเยนญี่ปุ่นผันผวนอ่อนค่าสู่ระดับ 130.5 เยนต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน นอกเหนือจากการประชุมของ BOJ
ตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) และ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นต่อเนื่อง +0.25% สู่ระดับ 3.00% และ 5.75% ตามลำดับ
ส่วนในฝั่งจีน ตลาดคาดว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การระบาด COVID-19 ในช่วงปลายปีก่อนหน้า จะกดดันให้เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 4 ชะลอลงชัดเจน โดยเศรษฐกิจอาจขยายตัวเพียง +1.6%y/y ทำให้ทั้งปี เศรษฐกิจจีนอาจโตน้อยกว่า +3.0%y/y
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในเดือนธันวาคมก็อาจสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาหนัก อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) อาจหดตัวถึง -9%y/y และอัตราการว่างงาน (Jobless Rate) ก็อาจปรับตัวขึ้นแตะระดับ 5.8%
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลง และผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง หากตลาดเผชิญปัจจัยเสี่ยงและเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ เงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญในช่วง 33.30-33.50บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ส่วนผู้เล่นต่างชาติก็รอจังหวะเพิ่มสถานะ Short USDTHB ตามความหวังการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า แม้เงินดอลลาร์จะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง หลังผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย แต่หากตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ เงินดอลลาร์ก็อาจแข็งค่าขึ้นได้ หรือ ในกรณีที่ BOJ ยืนกรานไม่รีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็อาจผันผวนอ่อนค่าและช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นเงินดอลลาร์ได้
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.70-33.30 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.75-33.00 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“สายสุนีย์” ระเบิดฟอร์ม คว้าทองวีลแชร์ฟันดาบศึก เวิลด์คัพ ที่สหรัฐอเมริกา
การแข่งขันวีลแชร์ฟันดาบชิงแชมป์โลก 2023 “2023 ไอวาส วีลแชร์ เฟนซิ่ง เวิลด์ คัพ” ที่วอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 14-19 ม.ค.65 เก็บคะแนนสะสมเพื่อนำไปควอลิฟายน์เข้าร่วมมหกรรมพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมาผลการแข่งขันปรากฎว่า “แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ วีลแชร์ฟันดาบจอมเก๋าดาวดังระดับโลกของทีมชาติไทยสามารถทำผลงานคว้าเหรียญทองในประเภทดาบฟอยล์ บุคคลหญิง คลาส บี มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยในรอบชิงชนะเลิศ สายสุนีย์ สามารถแทงเอาชนะ เออร์มา เคตซูเรียนี จากประเทศจอร์เจียไปได้ขายลอย 15-10 คะแนน
หลังเกมการแข่งขัน “แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ เปิดเผยว่า หลังจากจบรายการนี้ปีนี้ยังเหลือการแข่งขันอีก 6 รายการให้ควอลิฟายน์ชิงตั๋ว ถ้ายังคงรักษามาตราฐานได้เหรียญในทุกรายการที่เข้าร่วมการแข่งขันก็จะสามารถคว้าตั๋วเพื่อไปพาราลิมปิคเกมส์ ปารีส 2024 ได้อย่างแน่นอน ซึ่งในการแข่งขันพาราลิมปิคปีหน้า ตนโฟกัสที่ดาบฟอยล์เป็นดาบหลัก และในการแข่งขันครั้งนี้ก็สามารถคว้าเหรียญทองซึ่งก็สร้างความมั่นใจให้ตัวเองเพิ่มขึ้น ส่วนในวันพรุ่งนี้ก็จะเหลือการแข่งขันในประเภทดาบเซเบอร์ ก็ช่วยส่งกำลังใจเชียร์ด้วยนะคะ
ขณะที่ “โค้ชปุ๊ย” นันทา จันทสุวรรณสิน ผู้ฝึกสอนส่วนตัวของสายสุนีย์วันนี้พี่แววเล่นได้ดีตามมาตราฐานแม้ว่าจะมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่มือ แล้วอากาศที่นี่ค่อนข้างหนาวก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไร ในส่วนของการเก็บคะแนนไปพาราลิมปิคเกมส์ของดาบฟอยล์ที่ผ่านมาทั้ง 2 ครั้ง พี่แววได้ที่1 ทั้ง2 ครั้งถือเป็นแนวโน้มที่ดีมาก ตอนนี้ก็มองว่ามีโอกาสสูงที่จะคว้าตั๋วไปพาราลิมปิคได้ ตอนนี้คู่แข่งสำคัญคือจีนและอิตาลี ซึ่ง 2 รายการที่ผ่านมาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน คิดว่าการแข่งขันครั้งหน้าที่อิตาลีเดือนมีนาคมจะได้เจอกัน กลับไปต้องรักษาอาการบาดเจ็บให้หายและแก้ไขในส่วนที่ผิดพลาดและฝึกซ้อมให้พร้อมแข่งขันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ซึมเศร้าซ่อนเร้น” ซึมเศร้าแต่ไม่แสดงอาการ คุณกำลังเป็นอยู่หรือเปล่า
นอกจากโรคซึมเศร้าจะอันตรายและควรรีบรักษาแล้ว การเป็นโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัวยิ่งอันตรายกว่าเดิม ทางการแพทย์เราอาจเรียกอาการนี้ว่า “ซึมเศร้าซ่อนเร้น”
ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น คืออะไร
นายแพทย์ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์ และกรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ ระบุว่า “ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น” (Masked Depression) มักไม่พบอาการซึมเศร้าที่ชัดเจน ผู้ป่วยโรคนี้หลายคนยังรับผิดชอบหน้าที่การงานได้ พูดจาทักทาย ยิ้มแย้มกับคนใกล้ชิดได้เหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่มัก มีความวิตกกังวล ไม่มีความสุข พูดถึงหรือแสดงอาการเจ็บป่วยทางกายให้เห็นบ่อยๆ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง คลื่นไส้ แตกต่างจากผู้ป่วยโรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder) ตรงที่ผู้ป่วยจะมีอาการซึมเศร้าชัดเจน เช่น เบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดกำลังใจ ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด นอนไม่หลับ รู้สึกไร้ค่า คิดอยากตาย
อาการที่สังเกตได้ ของผู้ป่วยภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น
- พูดถึงหรือแสดงอาการเจ็บป่วยทางกายให้เห็นบ่อยๆ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดท้อง เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง
- ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอาการป่วยทางกายที่เกิดขึ้น แต่หาสาเหตุที่แท้จริงไม่ค่อยได้ ได้แต่รักษาไปตามอาการที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ
- ยังทำงาน เรียน หรือทำกิจกรรมปกติประจำวันได้เหมือนเดิม แต่ประสิทธิภาพด้อยลงเพราะมีความเครียด และความกังวลมากเกินไป ต่างจากผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่อาจมีอาการมากเกินไปจนไม่สามารถเรียนหรือทำงาน หรือรับผิดชอบในสิ่งที่เคยทำได้ดีเหมือนเดิม
- อาจมีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำเพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) หมกมุ่นกับการทำให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด ต้องเรียนได้เกรดดี สอบได้คะแนนดี ทำงานไม่ผิดพลาด ผลงานต้องออกมาน่าพอใจ เพราะลึกๆ ในใจมีความไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มั่นคงทางอารมณ์ จึงพยายามเพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับของคนอื่น และหากทำไม่ได้ดั่งใจหวังจะเสียใจ และผิดหวังค่อนข้างรุนแรง ไปจนถึงโทษตัวเอง โกรธตัวเองที่ทำไม่ได้ รวมถึงหงุดหงิดง่ายกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มีความแปรปรวนทางอารมณ์สูง
- อาจมีพฤติกรรมบ้างาน (Workaholic) คือการทุ่มเทในการเรียนหรือทำงานมากเกินไปจนเผลอฝืนร่างกายของตัวเองโดยไม่รู้ตัว กดดันตัวเองว่าต้องทำให้ได้ พยายามอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำจนลืมใส่ใจสุขภาพตัวเอง
- ในบางราย ความคาดหวังหมกมุ่นเหล่านี้ ก่อให้เกิดความเครียดสะสมหรือปัญหาการนอนไม่หลับ จนต้องแก้ปัญหาด้วยการใช้เหล้า สุรา ยานอนหลับ หรือสารเสพติด
อันตรายของภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น
ผู้มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นมีสุขภาพจิตไม่แข็งแรง ทำให้ความสามารถในการรับมือกับปัญหา ความผิดหวังจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่เข้ามาในชีวิตจะทำได้ไม่ดี นำไปสู่การป่วยทางจิตใจต่อไป อาจถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าได้ และหากไม่สามารถปรับตัวได้อีกก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนถึงการฆ่าตัวตายก็เป็นได้
การรักษาผู้ป่วยภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น
การรักษาผู้ป่วยภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นอาจมีความยุ่งยากตรงที่ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำนวนมากมักไม่ยอมรับว่าตัวเองป่วย จะมองหาแต่อาการป่วยทางกายภาพเท่านั้น และเมื่อเห็นว่าร่างกายของตัวเองปกติดี จึงไม่คิดว่าตัวเองกำลังป่วยทางสภาพจิตใจ จึงไม่เข้าพบจิตแพทย์และเก็บปัญหาเครียดสะสม ความไม่มั่นใจในตัวเอง ความไม่มั่นคงทางอารมณ์ และอื่นๆ เอาไว้กับตัวเอง ดังนั้นก่อนอื่นผู้ป่วยต้องยอมรับตัวเองก่อนว่ากำลังมีปัญหา และเปิดใจเข้ารับการปรึกษากับจิตแพทย์
สำหรับวิธีการรักษาผู้ป่วยภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น มักไม่มีวิธีการรักษา 1 2 3 4 ที่ตายตัว เพราะอาการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นจิตแพทย์จึงอาจพิจารณาให้ความรู้ ความเข้าใจ ทำจิตบำบัด บำบัดด้วยวิธีอื่นๆ เข้ามาช่วย เช่น ศิลปะบำบัด ฝึกผ่อนคลาย ฝึกสมาธิ รวมถึงการช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจตัวเอง ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิต เลือกใช้วิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์กว่าเดิม ไม่ทำร้ายตัวเอง มองเห็นคุณค่าในตัวเอง หรือในบางรายอาจพิจารณายาแก้อาการซึมเศร้าได้บ้าง
ถ้าหากทุกคนมีความรู้เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นมากขึ้น สามารถแนะนำ ช่วยเหลือผู้ที่ประสบภาวะดังกล่าวให้ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาสุขภาพจิตในประเทศไทยได้อีกมาก ประชากรที่มีความสุขทางจิตใจก็มีมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เบื่อ, เอือมระอา, สุดจะทน, เหลือทน กับอะไรบางอย่าง (be) fed up with
# (be) fed up with
คำว่า fed up เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) แปลง่ายๆว่า “เบื่อ, เอือมระอา, สุดจะทน, เหลือทน” กับอะไรบางอย่าง อารมณ์แบบว่าเบื่อหน่าย ไม่อยากทนกับสิ่งนั้นต่อไปอีกแล้ว เช่น
- I’m fed up with his behavior. He plays game all day.
ฉันสุดจะทนกับพฤติกรรมเขาเหลือเกิน วันๆเล่นแต่เกม - I’m really fed up with my job.
ฉันเบื่อหน่ายงานที่ทำอยู่จริงๆ - I’m so fed up with answering same questions that he asks.
ฉันเอือมระอาที่จะตอบคำถามเดิมๆที่เขาถามเหลือเกิน
(หลัง with ต้องเป็นคำนาม ถ้าเป็นกริยาก็ต้องเติม ing นะคะ)
**คำที่มีความหมายเหมือนกับ fed up with ก็คือ sick of / tired of
sick ไม่ได้แปลว่า ป่วยหรือไม่สบายอย่างเดียว แต่ยังแปลว่า เบื่อหน่ายได้อีกด้วย เช่น
- I’m sick of his excuses.
ฉันระอากับคำแก้ตัวของเขา - I’m tired of eating same food for lunch.
ฉันเบื่อที่ต้องกินอาหารกลางวันเดิมๆ
* ถ้าอยากเพิ่มดีกรีความเบื่อ ก็ให้ใช้คำว่า sick to death of (something) จะแปลประมาณว่า เบื่อโคตรๆ เบื่อสุดๆ ไปเลยค่ะ
** fed up อาจจะแปลว่า เบื่อ เหมือนกับ bored เช่น I’m bored. แต่นัยยะในความเบื่อนั้นต่างกันค่ะ
bored นี่จะเป็นเบื่อแบบ ไม่อยากทำอะไร รู้สึกเบื่อๆ ภาษาอังกฤษใช้คำว่า lack interest in something คือ ไม่มีความสนใจในอะไรบางอย่าง แต่ fed up จะเบื่อแบบว่า ต้องเจอหรือทนกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมานานแล้วและก็ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว ประมาณว่า เอือมระอาละ พอกันที!!
ขอบคุณข้อมูลจาก pasaangkit.com
เตือนภัย! เสียบสายชาร์จไม่ระวัง เสี่ยงถูกแฮกข้อมูลไม่รู้ตัว
ปัจจุบันพบว่ามีสายชาร์จที่ฝังตัวส่งสัญญาณไร้สาย Access Point ที่เมื่อเราเสียบสายชาร์จเข้ากับอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถือของเราแล้ว จะทำให้เหล่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์ของเราได้จากระยะทางไกล
โดยเเฮกเกอร์จะสามารถโจรกรรมข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เลขบัญชีธนาคาร, รหัสธนาคาร, รหัสผ่าน หรืออาจจะถูกส่ง Malware อันตรายเข้ามายังอุปกรณ์.ซึ่งรูปร่างหน้าตาของสายชาร์จดังกล่าว จะมีหน้าตาคล้ายกับสายชาร์จทั่วไป มีทั้งสายชาร์จแบบ Lightning, Micro-USB หรือ USB-C จึงอาจทำให้หลายคนไม่ทันระวังตัว
ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันการถูกแฮกข้อมูล ควรระมัดระวังการใช้สายชาร์จของคนเเปลกหน้า หรือ การเสียบสายชาร์จไฟจากพอร์ทรูปแบบต่างๆตามสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, สถานีโดยสารต่างๆ .ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ควินัวคืออะไร กับ 5 ประโยชน์สุดเจ๋งที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในพืชอื่น
ใครที่เป็นสายกินคลีน หรือรักสุขภาพ ต้องรู้จักกับธัญพืชที่ชื่อว่า “ควินัว” กันอย่างแน่นอนใช่ไหมคะ แต่ถ้าใครยังงงๆ ว่าควินัวคืออะไร หน้าตาเป็นอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร Sanook Health จะพามาทำความรู้จักกับซูเปอร์ฟู้ดสุดฮอตที่ว่านี้กันค่ะ
ควินัว คืออะไร
ควินัว คือ ธัญพืชเทียมที่หน้าตาคล้ายพืชตระกูลถั่ว มีถิ่นกำเนิดจากพื้นที่ของชาวอินคา ชนเผ่าพื้นเมืองโบราณแถบอเมริกาใต้
ที่เรียกว่าเป็นธัญพืชเทียม เพราะจริงๆแล้ว ควินัวไม่ใช่ธัญพืช แต่เป็นพืชตระกูลเดียวกับหัวบีท ผักโขม ทัมเบิ้ลวีด (tumbleweed) และ Swiss Chard แต่ถึงแม้จะเป็น Pseudocereal หรือธัญพืชเทียม แต่ก็มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ไปด้วย
ประโยชน์ของควินัว
- ควินัวมีโปรตีนสูงถึงร้อยละ 12-18 และกรดอะมิโนที่จำเป็นที่สามารถพบได้ในนม ใครที่กำลังกินคลีน หรือควบคุมอาหาร หากอยากได้โปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายนอกจากอกไก่ ลองควินัวด้วยก็ดีนะ
- ควินัวมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง นั่นก็หมายความว่าช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง และช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
- ควินัวมีแคลเซียมสูง ใครที่ไม่ชอบดื่มนม หรือแพ้นม สามารถทานควินัวได้ เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- ควินัวมีไฟเบอร์สูง ซึ่งเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่ว่า นอกจากจะช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร และการขับถ่ายให้เป็นไปอย่างปกติแล้ว ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้อีกด้วย
- ควินัวมีคอเลสเตอรอลต่ำ เหมาะกับทุกคนที่อยากลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกาย หรือคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันเส้นเลือด
วิธีทานควินัว
นำควินัวแช่น้ำ 10 นาที จากนั้นนำไปต้มอีกครั้ง ให้ควินัวสุก ลักษณะจะเหมือนข้าวสั้นๆ ขาวๆ เหลืองๆ เมื่อสุกแล้วจะนิ่มๆ กรุบๆ มีความหนึบเล็กน้อย ระหว่างต้มสามารถเติมน้ำมันมะกอก หรือเกลือเล็กน้อย เพื่อเพิ่มรสชาติได้
ควินัวสุก สามารถแทนทานข้าวได้เลย หรือใครจะนำไปทำเป็นโจ๊ก ข้าวผัด ซูชิ ใส่ในสลัด ทอดมัน หรือแม้กระทั่งใส่ในของหวานอย่างมัฟฟิน คัพเค้ก เป็นต้น
หากใครได้ลองกินควินัวแล้ว จะติดใจในประโยชน์มหาศาลของมันแน่นอน เดี๋ยวนี้หาซื้อได้ง่ายมากขึ้น ตามซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไปก็มีขาย หรือใครมีสูตรทำควินัวอร่อยๆ อย่าลืมมาแบ่งปันกันบ้างนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 16/01/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,800.00 | 29,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,930.00 | 29,258.80 | 30,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,737.00 | 26,332.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,544.00 | 23,407.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 869.00 | 13,174.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 676.00 | 10,248.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,000.00 | 30,320.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 16/01/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.25 | 35.25 | 35.55 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 | 35.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.98 | 34.98 | 35.28 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.34 | 33.34 | 33.64 | 33.34 | 33.34 | – | 33.34 | 33.34 | 33.34 | 33.34 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.79 | 33.79 | – | – | – | – | – | – | – | 33.79 |
เบนซิน 95 | 42.66 | – | – | – | 43.11 | – | 43.16 | 43.11 | – | 42.66 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.24 | – | 34.94 | – | 33.34 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |