PF พลิกโฉม ที่ดิน ‘จัสโก้ รัชดา’ สู่ ไนท์มาร์เก็ต ในมือ ‘จ็อดแฟร์’
ทุนใหญ่อสังหาฯ ‘พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค’ เปิดแผนพัฒนา ที่ดิน ‘จัสโก้ รัชดา’ เก่า สู่ มิกซ์ยูสใหญ่ 7 พันล้าน ติดริมถนนรัชดาฯ หลังรอการพัฒนานาน 10 ปี จับตา กลยุทธ์ ย้าย ตลาดจ็อดแฟร์ พระราม 9 สู่ แหล่งใหม่ เป็นแม่เหล็ก สร้างความคึกคักทำเลแห่งอนาคตยกแผง
2 ก.พ.2566 – หลังสัญญาณเศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคัก เพิ่มความมั่นใจในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ ส่งผล ‘ที่ดิน’เก่าหลายแปลงทั่ว กทม.เริ่มขยับ
เช่นเดียวกับ แปลงที่ดินเก่าแก่ ‘จัสโก้ รัชดา’เดิม ริมถนนรัชดาภิเษก ขนาด 13 ไร่ ที่ตั้งอยู่ระหว่าง อาคาร ไทย ประกันชัวิต และ บิ๊กซี รัชดา ไม่ใกล้จาก สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งถือโดยกลุ่มทุนใหญ่ ‘พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค’ กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าจับตามองอีกครั้ง
‘จัสโก้ รัชดา’ สู่ มิกซ์ยูส 7 พันล้าน
ที่ดินผืนนี้ นับเป็น ‘ทำเลทอง’ 1 ในแปลงที่ไพร์มที่สุดในย่านรัชดา ซึ่ง รัชดา ซึ่งถูกขนานนาม เป็น New CBD (ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่) ของกทม. มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นทั้งแหล่งงานที่สำคัญ ,จุดคมนาคมเชื่อมต่อ ,แหล่งที่อยู่อาศัย และ ศูนย์ช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ขณะยุคหลังโควิด19 กลายเป็นแลนมาร์คยอดฮิตของนักท่องเที่ยวคนไทย และ ต่างชาติอีกด้วย
ย้อนไป ที่ดิน ‘จัสโก้ รัชดา’ เก่า แปลงนี้ กลุ่มเพอร์เฟค ซื้อต่อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน และมีแผนจะขายออกไป โดยมีการเซ็นต์สัญญากับผู้ซื้อใหม่แล้วด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ นาย ศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ระบุว่า ได้มีการทบทวน เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของที่ดิน มีความคิดริเริ่มจะปรับเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัท ก่อนเปลี่ยนใจ นำมาสู่แผนปั้นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่จะมีมูลค่าโครงการมากถึง 7 พันล้านบาท กับ พันธมิตรใหม่ กลุ่ม “จ๊อดแฟร์” โดยเพอร์เฟค เชื่อว่า โครงการนี้จะเป็นมิติใหม่ของมิกซ์ยูสในเมืองไทย โดยจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือ ปี 2567
ผู้บริหารเพอร์เฟค กล่าวเพิ่มเติมว่า ปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปิดดีลเจรจา กับ นายไพโรจน์ ร้อยแก้ว ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารตลาดรถไฟ และตลาดจ๊อดแฟร์ ไนท์มาร์เก็ตชื่อดังในขณะนี้ มุ่งหวังดึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ สร้างการเปลี่ยนแปลงของที่ดินดังกล่าวร่วมกัน
โดยบริษัทวางงบลงทุนไว้เบื้องต้น 2 พันล้านบาท สำหรับพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูส บนพื้นที่ 13 ไร่ โดยจะประกอบด้วยอาคารสำนักงาน พร้อมพื้นที่รีเทลภายในอาคารและด้านหน้าอาคาร
แม่เหล็กสำคัญ คือ “จ๊อดแฟร์” ที่จะเข้ามาร่วมมือในการบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด หลังเชื่อว่า พาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ จะช่วยบริหารไนท์มาร์เก็ตให้ประสบความสำเร็จ มั่นใจว่าโครงการจะได้รับความนิยมทั้งกลุ่มคนไทย ตลอดจนตลาดนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคัก
รวมทั้งยังมีส่วนสนับสนุนผู้ประกอบการร้านค้าขนาดย่อมให้มีโอกาสทางธุรกิจและช่องทางบนทำเลที่ดีเยี่ยม โครงการดำเนินการโดย บริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจพื้นที่เชิงพาณิชย์ของเพอร์เฟค
ทั้งนี้ บริษัท ยังมีที่ดินอีก 1 แปลง เยื้องกัน ติดสถานีรถไฟฟ้าศูนย์วัฒนธรรม ที่ในอนาคตอาจนำมาพัฒนาเชื่อมโยงกันได้
รายละเอียดโครงการ
- มูลค่า 7,000 ล้านบาท
- 2 โซน // อาคารสูง 12 ชั้น และ พื้นที่ร้านค้าด้านหน้าอาคาร
- พื้นที่รวมกว่า 93,000 ตร.ม.
- พื้นที่สำนักงาน 5 ชั้น 20,000 ตร.ม.
- พื้นที่ร้านค้า 3 ชั้น 25,000 ตร.ม.
- พื้นที่จอดรถ 4 ชั้น 33,000 ตร.ม.
- จอดรถได้ 750 คัน พื้นที่บริการและสัญจร สวน ล็อบบี้ อีก 15,000 ตร.ม.
ทั้งนี้ พื้นที่สำนักงาน จะเป็น สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และบริษัทในกลุ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยรวมพนักงานที่อยู่ตามอาคารสำนักงานต่างๆ เข้ามาอยู่ศูนย์กลางที่เดียว พร้อมสำนักงานขายใจกลางเมือง มีแผนพัฒนาให้เป็นสำนักงานทันสมัย ภายใต้แนวคิด Smart Green Office
ไฮไลท์ ตลาดจ็อดแฟร์รัชดา (ใหม่)
สิ่งที่น่าจับตามองของแผนพัฒนานี้ คือ การดึงผู้เล่นหน้าใหม่ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และ มีฐานผู้เช่าพื้นที่ในมือนับหลักพันราย มาเป็นพันธมิตร โดยส่วนพื้นที่รีเทลทั้งในและนอกอาคาร จะมีกลุ่ม จ๊อดแฟร์ (Jodd Fairs ) เป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ ร่วมออกแบบทั้งหมด ได้แก่
- พื้นที่ร้านค้าภายในอาคารขนาด 25,000 ตร.ม. จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้าน
- พื้นที่กลางแจ้งด้านหน้าอาคาร ประมาณ 5.6 ไร่ จะเป็นไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่ ที่มีทั้งพื้นที่เป็นล็อค ร้านค้า และร้านในรูปแบบคีออส รวม 798 ร้านค้า
ทั้งหมดจะถูกเนรมิต ด้วยรูปแบบของ “จ๊อดแฟร์” เดิมเป็นหลัก และจะเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ อีกหลากหลาย โดยยังคงคอนเซ็ปท์ไนท์มาร์เก็ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ “จ๊อดแฟร์” เพื่อให้โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะมีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
” ร้านค้าภายในตัวอาคาร จะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าในหลายๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็นแนว วินเทจ แฟชั่น, สตรีท แฟชั่น, อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ดนตรี งานศิลปะ งานคราฟต์ เป็นต้น สำหรับพื้นที่กลางแจ้งด้านหน้าอาคาร ประมาณ 5.6 ไร่ จะเป็นไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่ ที่มีทั้งพื้นที่เป็นล็อค ร้านค้า และร้านในรูปแบบคีออส รวม 798 ร้าน “
เตรียมโอนย้าย ตลาดจ็อดแฟร์พระราม 9 ปักหมุดใหม่รัชดา
ทั้งนี้ ‘ไพโรจน์ ร้อยแก้ว’ ผู้บริหารจ็อดแฟร์ เผยข้อมูลน่าสนใจว่า เดิม จ็อดแฟร์ เช่าพื้นที่ด้านหลังเซ็นทรัลพระราม 9 เป็นสัญญาระยะเวลา 2 ปี จากกลุ่ม G Land (แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด มหาชน) โดยสัญญาเช่าดังกล่าว จะหมดลงใน ธ.ค.2566 เนื่องจาก G Land เตรียมนำพื้นที่ไปพัฒนาตึกสูง
ตามแผนเดิมที่เคยประกาศออกมาก่อนหน้า (Super Tower) ขณะ จ็อดแฟร์ มีฐานผู้เช่าพื้นที่ ที่เป็นผู้ค้าหลากหลาย หลักพันราย ทั้งในรูปแบบสัญญาระยะสั้น และระยะยาว โดยหลังจากหมดสัญญาที่พระราม 9 ก็จะมีการย้ายมายังจ็อดแฟร์รัชดา และพร้อมเปิดรับ ผู้ค้าหน้าใหม่ๆอีกด้วย
รัชดา-พระราม 9 คึกคักยกแผง
ในเกมขยับของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ยังมาพร้อมๆกับแผนพัฒนาที่น่าสนใจในที่ดินหลายแปลง ในย่านรัชดา – พระราม 9 เช่น ที่ดินใหญ่มักกะสัน ,โครงการ AIA แห่งที่ 2 ขณะ อสมท.ก็มีแผนพัฒนาที่ดินราว 50 ไร่ ด้านหลังศูนย์วัฒนธรรม โดยวีรีเทล ในเครือ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จะเป็น 1 ในผู้เล่นเกมนี้
แรงกระเพื่อมที่สำคัญ ที่ทำให้ความน่าสนใจของที่ดินย่านนี้สูงขึ้น คือ การเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ที่เตรียมเปิดให้บริการในอนาคต และมีจุดผ่านเปลี่ยนถ่ายด้านหน้าโครงการนั่นเอง …
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ขายสนั่นบ้านหรูภูเก็ตโบทานิกาปีเดียวหมดโบ๊ทพัฒนาเปิดบ้านนิมมาน
บ้านหรูภูเก็ตเดือด โบ๊ทพัฒนาเปิดโครงการใหม่”นิมมาน”บ้านเดี่ยว 2 ชั้นสไตล์วาบิซาบิ ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท โบทานิกาฉลอง”Foresta”บ้านหรู 25-60ล้าน ขายหมดในปีเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดอสังหาริมทรัยพ์ภูเก็ตเคลื่อนไหวคึกคัก สอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่กลับมาอย่างร้อนแรง หลังโควิดคลี่คลายและเปิดการเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง เพียงเดือนแรกของปีนี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่อเนื่องกันถึง 2 ราย
โดยเมื่อปลายเดือนม.ค.2566 บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด เปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ Nimman-นิมมาน โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ย่านสามกอง-โบ๊ทพลาซ่า พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 240.60 ตารางเมตร ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และจอดรถได้ 2 คัน มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว หรือสวนส่วนตัวขนาดใหญ่ เอกสิทธิ์เพียง 19 ยูนิตเท่านั้น ในราคาเริ่มต้น 9.98 ล้านบาท
“บ้านนิมมาน” ถูกออกแบบสไตล์วาบิซาบิ มีความเรียบง่ายแต่แฝงแนวคิด”สุข สงบ สมดุล” โดยเน้นให้มีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้ภายในบ้านดูโปร่ง โล่ง มีแสงสว่างทั่วถึงทุกจุด มีพื้นที่ใช้สอยที่ครบครันทุกฟังก์ชั่น แบ่งพื้่นที่เป็นสัดส่วน และออกแบบให้เชื่อมต่อกับชานบ้านภายนอก เพื่อให้รู้สึกใกล้ชิดกับต้นไม้ สายลม และแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ใช้วัสดุคุณภาพ สีสันธรรมชาติที่อบอุ่น เพื่อคงคุณค่ายั่งยืนนาน
พร้อมกันนี้ได้จับมือ เชฟหน่อย – ธรรมศักดิ์ ชูทอง’ เซเลบริตี้เชฟแห่งเกาะภูเก็ต และหนึ่งในทีมเชฟกระทะเหล็กอาหารยุโรป IRON CHEF Thailand ในการออกแบบห้องครัว เพื่อให้ตอบโจทย์คนชอบทำครัว สร้างแรงบันดาลใจการทำอาหารภายในครอบครัว
โดยในวันแรกการเปิดตัวมียอดจองเข้ามาจนเหลือเพียง 4 ยูนิต และนายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการ บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด แย้ม จะมีข่าวดีการเปิดตัวโครงการเด่นในอีก 5 เดือนข้างหน้า
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ที่โครงการ Botanica Foresta อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต บริษัท โบทานิก้า ลักชัวรี่ วิลล่า จัดงานฉลองความสำเร็จ จากความเชื่อมั่นและกระแสตอบรับของลูกค้า ที่เชื่อมั่นในแบรนด์โบทานิกา ลักซัวรี วิลล่า ผู้นำตลาดบ้านพักตากอากาศพูลวิลลาในจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้ปิดการขายรวมทุกโครงการที่มีหลากหลายการดีไซน์ได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือน
ไฮไลท์ความสำเร็ตคือ ผลการขายโครงการBotanica Foresta มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท ภายใน 1 ปี สร้างประวัติศาสตร์โครงการบ้านลักซ์ชัวรี ระดับราคา 25-60 ล้านบาท ที่ขายดีที่สุดและปิดการขายโครงการได้เร็วที่สุดของภูเก็ต
พร้อมเขย่าวงการอสังหาฯ ด้วยการเป็นโครงการที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่เยอะที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากทางผู้บริหาร นายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ทำธุรกิจต้นไม้และมีความชื่นชอบต้นไม้ใหญ่ จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ของโบทานิก้า ลักชัวรี่ วิลล่า ที่ทุกโครงการต้องมีต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ในโครงการ
จากการเติบโตสวนกระแสจากปีที่แล้ว ในปีนี้ 2566 นี้ โบทานิก้า ลักชัวรี่ วิลล่า ปรับเป้ายอดขายจากพันล้านเป็นหมื่นล้านบาท โดยจะจับมือเครือข่ายพันธมิตร สร้างสรรค์โครงการคุณภาพต่อไปไม่หยุดยั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวใกล้โซนแนวต้านแรก แถว 33.00 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจัยกดดันให้อ่อนค่าลง” คือการพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว”
เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (3ก.พ.2566)ที่ระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.84 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ปัจจัยกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงนับตั้งแต่ช่วงปิดตลาดวันก่อนหน้า
คือ การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว แต่จะเห็นได้ว่า ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวใกล้โซนแนวต้านแรก แถว 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่ผู้ส่งออกบางส่วนก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์อยู่
ทำให้ เราประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มผันผวน sideways ใกล้โซนแนวต้าน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ (ประเมินว่า เงินบาทจะยังไม่อ่อนค่าทะลุแนวต้านสำคัญที่ 33.20 บาทต่อดอลลาร์) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอประเมิน ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน
โดยเรามองว่า ควรระวังความผันผวนที่จะกลับมา หากยอดการจ้างงานสหรัฐฯ รวมถึ การเติบโตของค่าจ้างออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจกังวลว่า ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง อาจส่งผลให้เงินเฟ้อชะลอลงช้ากว่าคาด
และกดดันให้ เฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าว เราอาจเห็นเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านสำคัญที่ประเมินไว้ได้
ทั้งนี้ เราคงเห็นผู้เล่นต่างชาติปรับมุมมองต่อค่าเงินบาทในระยะสั้น หลังเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นต่างชาติบางส่วนรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าในการทยอยขายทำกำไร Short USDTHB
หรือบางส่วนอาจ เพิ่มสถานะ Long USDTHB ทำให้เราคงมองว่า เงินบาทอาจผ่านจุดแข็งค่าสุด (32.50 บาทต่อดอลลาร์) ไปแล้วในระยะสั้นนี้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.85-33.15 บาท/ดอลลาร์
ผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง ท่ามกลาง ความหวังแนวโน้มธนาคารกลางหลัก อาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง
โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัท Meta (Facebook) ที่ออกมาดีกว่าคาด พร้อมทั้งประกาศแผนคุมต้นทุนและซื้อหุ้นคืน ยังได้หนุนให้ ราคาหุ้น Meta พุ่งขึ้นกว่า +23% สร้างอานิสงส์ให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นแรง (Amazon +7.4%, Alphabet +7.3%, Apple +3.7%)
ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้นต่อเนื่อง +3.25% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.47% อย่างไรก็ดี บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ดังกล่าวต่างปรับตัวลง (Amazon -4.2%, Alphabet -3.7%, Apple -2.1%) ในช่วงหลังปิดทำการ ตามรายงานผลประกอบการที่ออกมาแย่กว่าคาด
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นแรง +1.35% หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.50% สู่ระดับ 2.50% และ 4.00% ตามลำดับ
แต่ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า ทั้ง ECB และ ECB อาจใกล้ถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมีนาคม ซึ่งภาพดังกล่าว รวมถึงบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงในฝั่งสหรัฐฯ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นยุโรปกลับมาเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เช่นเดียวกับในฝั่งสหรัฐฯ อาทิ Adyen +13%, Kering +5.1%, ASML +4.5%
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways โดยมีจังหวะที่ย่อตัวลงสู่ระดับ 3.35% ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นแตะระดับ 3.39% หลังตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง
แม้ว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า บรรดาธนาคารกลางหลักอาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จะกดดันให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวเคลื่อนไหว sideways หรือย่อตัวลงบ้าง แต่เรามองว่า ควรระวัง รายงานข้อมูลตลาดแรงงานในวันศุกร์นี้ เพราะหากข้อมูลการจ้างงานในฝั่งสหรัฐฯ
โดยเฉพาะการเติบโตของค่าจ้าง ไม่ได้ชะลอลงตามคาด ก็อาจส่งผลให้ตลาดการเงิน โดยเฉพาะตลาดบอนด์กลับมาผันผวนได้ ทั้งนี้ แม้เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในบอนด์ ทว่านักลงทุนก็ควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเพิ่มสถานะการลงทุน
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 101.7 จุด หลังสกุลเงินหลัก ทั้ง เงินยูโร (EUR)
และเงินปอนด์ (GBP) ต่างปรับตัวอ่อนค่าลง จากแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดหวังว่า ทั้ง ECB และ BOE อาจใกล้จะหยุดการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น
อนึ่ง ควรรอจับตา รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ตลาดค่าเงิน โดยเฉพาะเงินดอลลาร์ผันผวนได้ ทั้งนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน
รวมถึงการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวลงแรงกว่า -40 ดอลลาร์ สู่ระดับ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเข้าซื้อทองคำเพิ่มเติมในจังหวะย่อตัวใกล้โซนแนวรับ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านภาวะตลาดแรงงานล่าสุด โดยเราคงมองว่า ธีมหลักของตลาดการเงินอาจเป็น “Good/Upbeat Data = Bad News for Market” หรือ
รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด อาจทำให้ตลาดกังวลว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่า Terminal Rate 5.00% ที่ตลาดคาดหรือเฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยลงในช่วงปลายปีอย่างที่ตลาดคาดหวัง ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น
รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในเดือนมกราคมอาจเพิ่มขึ้นราว 185,000 ราย ทำให้อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 3.6% ทั้งนี้ ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและยังคงตึงตัวจะส่งผลให้ ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ย (Average Hourly Earnings) เพิ่มขึ้น +0.3%m/m หรือ +4.3%y/y
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน หลังจากผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ อย่าง Amazon, Apple, Alphabet ต่างออกมาแย่กว่าคาด ซึ่งหากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยรวมแย่กว่าคาด ผู้เล่นในตลาดสหรัฐฯ อาจเริ่มขายทำกำไรหุ้นออกมาได้บ้าง หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงนับตั้งแต่ต้นปี
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
จารึกประวัติศาสตร์! “มิ้งค์ สระบุรี” สอยคิวสาวไทยผงาดครองเบอร์ 1 โลก
“มิ้งค์ สระบุรี” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย แม่นคิวสาวไทย สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็น นักสนุกเกอร์สัญชาติไทยคนแรกที่สามารถครองมือ 1 โลกได้สำเร็จ จากการประกาศอันดับโลกล่าสุดประจำเดือนกุมภาพันธ์
โดย แม่นคิวสาววัย 23 ปี สามารถทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ในศึกเอเชีย-แปซิฟิกแชมเปียนชิพ ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ด้วยผลงานชนะรวดทั้ง 3 แมตช์ในรอบแรก แถมไม่เสียเฟรมให้กับคู่แข่ง
ส่งผลให้อันดับขยับขึ้นมาอยู่เบอร์ 1 ของโลกทันทีแซงหน้า เรียนน์ อีแวนส์ นักสอยคิวหญิงจากอังกฤษ รวมทั้งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่มีนักกีฬาสนุกเกอร์ ผงาดขึ้นรั้งอันดับ 1 ของโลก
สำหรับ “มิ้งค์ สระบุรี” ผลงานที่ผ่านมากวาดแชมป์มาครองได้มากมายนับตั้งแต่เดินทางไปแข่งขันในระดับนานาชาติเมื่อปี 2016 ไล่ตั้งแต่ คว้าแชมป์ออสเตรเลีย โอเพ่น 2020, แชมป์บริติช โอเพ่น 2022 และแชมป์โลกสนุกเกอร์ 2022, แชมป์มาสเตอร์ 2023 และแชมป์เบลเยียม โอเพ่น 2023
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
8 อาหารแสลงสำหรับคน “ไอ”
ไอบ่อย ๆ ไม่หายสักที ไอจนลูกกระเดือกเจ็บไปหมดแล้ววว คือ หนึ่งในอาการที่มักมาคู่กันเมื่อเรามีอาการ เป็นหวัด เป็นไข้ น้ำมูกไหล ซึ่งอาการ น้ำมูกไหลลงคอ นี่เอง ที่ทำให้เราไอ เนื่องจาก ร่างกายจะพยายามทำให้ปอด และทางเดินหายใจโล่งขึ้น เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม ที่เข้าไปในทางเดินหายใจ ทั้งนี้ อาหารบางอย่าง ก็มีส่วนช่วยทำให้เราไอหนักกว่าเดิมได้ แล้วมีอะไรบ้างนะ ที่เป็น อาหารแสลงสำหรับคนไอ ? มาดูกันเลย
- อาหารที่มีรสหวานจัด
เช่น ของหวาน ขนมหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้สำเร็จรูป และน้ำหวานทุกชนิด เนื่องจากน้ำตาลในอาหาร ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการอักเสบ และการติดเชื้อในร่างกาย ทำให้ผู้ที่ป่วยเป็นหวัด อาการไม่ดีขึ้น หรืออาจมีอาการหนักกว่าเดิมก็ได้ ช่วงที่ไอมาก จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวาน ๆ เป็นการชั่วคราว
- อาหารหรือเครื่องดื่มเย็น ๆ
ความเย็น เป็นอีกหนึ่งตัวการที่กระตุ้นให้เกิดอาหารไอ ช่วงที่เราเป็นหวัด และมีอาการไอ จึงควรหลีกเลี่ยงอาการ และเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่มีความเย็น เช่น น้ำเย็น น้ำแข็ง ไอศกรีม เป็นต้น
- อาหารรสจัด หรืออาหารมัน ๆ
อาหารรสจัด และอาหารที่มีไขมันสูง เป็นอาหารที่ก่อให้การระคายเคืองภายในลำคอ และกระตุ้นให้เกิดอาการไอมากขึ้น
- ผลไม้ฤทธิ์เย็น
แม้ว่าผลไม้จะอุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย แต่ก็ใช่ว่า เราจะกินผลไม้ทุกอย่างได้ตลอดเวลา เช่น ผลไม้ฤทธิ์เย็นอย่าง แตงโม แคนตาลูป หรือแตงไทย เพราะผลไม้ประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ที่มีน้ำมาก ทำให้เกิดการระคายเคืองภายในลำคอ แถมความเย็นในผลไม้ ยังไปกระตุ้นให้เกิดอาการไอมากขึ้น และทำให้หายใจไม่สะดวกด้วย
- ผลไม้ที่แข็ง ย่อยยาก และมีแป้งมาก
นอกจากผลไม้ฤทธิ์เย็นแล้ว ผลไม้ที่อุดมไปด้วยแป้ง มีลักษณะแข็ง เช่น มะม่วงดิบ มะละกอ หรือกล้วย ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการไอได้เช่นกัน เพราะเมื่อเป็น ไข้หวัด ร่างกายจะมีอุณหภูมิที่สูงมากอยู่แล้ว การกินผลไม้ดังกล่าว จะทำให้ร่างกายต้องเผาผลาญพลังงานมาก ทำให้เกิดความร้อนในร่างกาย และร่างกายก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น จนอาจทำให้ชักได้
- นม และผลิตภัณฑ์จากนม
แม้ว่านมจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่สำหรับผู้ที่แพ้โปรตีนจากนมแล้ว การหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะผลิตภัณฑ์จากนม มีส่วนทำให้น้ำมูกข้น และเหนียวขึ้น จนอาจขัดขวางทางเดินหายใจ จนทำให้หายใจลำบากขึ้นกว่าเดิมได้
แต่ถ้าว่าหากคุณเป็นคนที่ไม่มีปัญหาอะไรกับดื่มนม หรือกินอาการที่ผลิตจากนม เช่น ดื่มนมอุ่น ๆ หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มวิตามินดี และจำนวนโพรไบโอติกส์ในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดได้
- สุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ
เนื่องจากแอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดภูมิต้านทานในร่างกาย แถมยังละลายตัวยา ที่เรากินเข้าไปเพื่อแก้หวัด แก้คัดจมูก หรือ ลดน้ำมูก และอาการไอ มีส่วนทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง ดังนั้น ในช่วงที่ป่วยและยัง รักษาไข้หวัด อยู่ จึงควรลด ละ เลิก การดื่มสุรา รวมถึงเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิดไปก่อน
- ขนมปัง และแครกเกอร์
โดยเฉพาะขนมปังที่ทำมาจากแป้งขัดขาว เพราะแม้ว่าขนมปัง และแครกเกอร์ จะเป็นของที่กินได้ง่ายช่วงป่วย และทำให้ไม่อยากกินอะไร แต่แป้งขัดขาว สามารถจะย่อย และเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้เร็วมาก ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเกิดอักเสบ และอาจติดเชื้อโรคมากขึ้น ทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่แล้ว อาการหนักกว่าเดิมได้ ถ้าอยากกินขนมปังเป็นหวัด ควรเลือกกินขนมปังหรือโฮลวีท หรือโฮลเกรน จะดีกว่า
เมื่อรู้แล้วว่า อาหารชนิดไหนบ้างที่เป็น อาหารแสลงสำหรับคนไอ ในช่วงที่ยังป่วยอยู่ หรือยังมีอาการ คัดจมูกหายใจไม่ออก หรือ น้ำมูกไหลลงคอ ก็ควรงดการกินอาหารเหล่านี้เอาไว้ก่อนดีกว่า และอดใจรอไว้กินในช่วงที่หายไอ หายเป็นหวัดแล้วดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้มีอาการหนักขึ้น และจะได้หายป่วยเร็ว ๆ ยังไงล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
Way to say: ประโยคภาษาอังกฤษพิชิตการสนทนาทางโทรศัพท์
การสนทนาภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่สร้างความหนักอกหนักใจให้หลายๆ คน โดยเฉพาะคนทำงานทีพอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทีไรหัวใจระส่ำทุกที เพราะเกรงว่าจะเป็นชาวต่างชาติโทรมา speak English แล้วจะคุยกันไม่รู้เรื่อง หายใจเข้าลึกๆ ใจเย็นๆ ตั้งสติ แล้วมาฝึกคุยโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษด้วยกันค่ะ
ประโยคทักทายเมื่อรับโทรศัพท์ :
Hello! – สวัสดี
This is ….. speaking. – …….(ชื่อ)…..รับสาย/พูดอยู่ค่ะ
TPPY Media. Nipha speaking. – ทีพีพีวาย มีเดีย นิภารับสายค่ะ
How can/could/may I help you? – มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?
ประโยคถามชื่อผู้โทรมา :
Who’s calling, please? – ไม่ทราบว่ากำลังเรียนสายอยู่กับใคร?
Could I take your name, please? – ขอทราบชื่อคุณได้ไหม?
Could / May I have your name, please? – ขอทราบชื่อคุณได้ไหม?
ประโยคแนะนำตัว :
Hello! This is …… calling. – สวัสดี ฉัน….(ชื่อ)….
Hello, This is…….. from ……………. – สวัสดี ฉัน……(ชื่อ)…… จาก ………(ชื่อหน่วยงาน)……
My name is ……… from ………. – ผมชื่อ……….. จาก………(ชื่อหน่วยงาน)……
ประโยคขอพูดสายกับ… :
Could/May/Can I speak to ……, please? – ขอเรียนสายกับ……?
I’d like to speak to ….., please. – ฉันต้องการพูดสายกับ…..?
Could you put me through to….., please? – รบกวนต่อสายถึง……..ได้ไหม?
ประโยคบอกให้รอสาย :
Just a moment, please. – กรุณารอสักครู่ค่ะ
Please hold on. I will get you through him. – กรุณาถือสายรอสักครู่ ฉันจะโอนสายคุณไปให้เขาค่ะ
Could you hold the line, please? – กรุณาถือสายรอสักครู่ได้ไหมคะ?
Please, hold the line. กรุณาถือสายรอสักครู่
Please wait, I will transfer you.- กรุณารอสักครู่ กำลังจะโอนสายให้คุณค่ะ
I’ll put you through. – ฉันจะโอนสายคุณให้ค่ะ
I’ll connect you. – ดิฉันจะต่อสายคุณให้ค่ะ
I’m connecting you now. – ฉันจะต่อสายคุณให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ประโยคสำหรับบอกว่าผู้ที่ต้องการพูดด้วยไม่สามารถมารับสายได้ :
I’m afraid …… isn’t in at the moment. – ฉันเกรงว่า….(ชื่อ)….ไม่สามารถรับสายได้ในขณะนี้
I’m sorry, he’s in a meeting at the moment. – ขอโทษค่ะ ตอนนี้เขากำลังประชุมค่ะ
I’m afraid he’s on another line at the moment. – ฉันเกรงว่าตอนนี้เขากำลังติดสายอื่นอยู่ค่ะ
ประโยคถามและบอกฝากข้อความ :
Can I take a message? – ฉันสามารถฝากข้อความไว้ได้ไหม?
Can I give him/her a message? – ฉันสามารถฝากข้อความไว้ให้เขาได้ไหม?
Would you like to leave a message? – คุณต้องการฝากข้อความไว้ไหม?
Is there anyone else you would like to speak to? – มีคนอื่นที่คุณอยากคุยด้วยไหม?
I’ll tell Mr Steven that you called. – ฉันจะบอก….(ชื่อ)…ให้ว่าคุณโทรมา
I’ll ask him / her to call you as soon as possible.– ฉันจะบอกเขาให้โทรกลับหาคุณเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ
ปัญหาหรือขอร้องเพิ่มเติม :
I’m sorry, I don’t understand. Could you repeat that, please? – ขอโทษค่ะ ฉันยังไม่เข้าใจ รบกวนอธิบายอีกครั้งได้ไหมคะ?
I’m sorry, I can’t hear you very well. – ขอโทษค่ะ ฉันได้ยินคุณไม่ค่อยชัดเท่าไหร่?
Could you speak up a little, please? – รบกวนคุณพูดดังขึ้นอีกนิดได้ไหม?
I’m afraid you’ve got the wrong number. – ฉันเกรงว่าคุณจะโทรมาผิดเบอร์ค่ะ
Could you spell that, please? – รบกวนสะกดให้ได้ไหมคะ?
Could I ask you to spell your name for me, please? – รบกวนสะกดชื่อของคุณได้ไหมคะ?
Sorry, my English is not good. Could you speak a little slower? – ขอโทษค่ะ ภาษาอังกฤษของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รบกวนพูดช้าๆ ได้ไหมคะ?
Could I ask you to repeat your name, please? – รบกวนทวนชื่อซ้ำอีกครั้งได้ไหมคะ?
หมายเหตุ : สำหรับบทสนทนาที่เป็นทางการ เราจะแนะนำตัวด้วย “My name is….”, “This is…” หรือ “It’s…” แต่จะไม่ใช้ I’m…
: ภาษาอังกฤษแบบบริติชจะใช้ “speak to”
: ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันจะใช้ “speak with”
ขอบคุณข้อมูลจาก trueplookpanya.com
สัญญาณอันตรายแฮกเกอร์มุ่งเจาะโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น
ไมโครซอฟท์ เผยรายงาน Cyber Signals ฉบับที่ 3 เจาะลึกความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ไมโครซอฟท์ เปิดเผยรายงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ “Cyber Signals” ฉบับที่ 3 ซึ่งรวบรวมข้อมูลสถานการณ์ล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มและทิศทางในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมมาจากสัญญาณความปลอดภัยมากกว่า 43 ล้านล้านรายการต่อวันของไมโครซอฟท์ และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จำนวน 8,500 คน
โดยรายงานฉบับนี้มุ่งพิจารณาความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมแนะนำแนวทางการป้องกันตัวขององค์กร เมื่อระบบไอทีทั่วไปทำงานผสานกับ IoT (Internet of Things) และเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ (Operational Technology) โดยการจู่โจมที่เกิดขึ้นกับระบบเหล่านี้อาจส่งผลร้ายต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้
เทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ (Operational Technology หรือ OT) คือการรวมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในระบบที่ตั้งโปรแกรมได้ หรืออุปกรณ์ที่โต้ตอบกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพได้ ตัวอย่างเช่นระบบการจัดการอาคาร ระบบควบคุมอัคคีภัย และกลไกการควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพ เช่น ประตูและลิฟต์ เป็นต้น
ด้วยการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นระหว่างระบบ IT, OT และ IoT ภาคองค์กรและส่วนบุคคลจำเป็นต้องหันมาพิจารณาความเสี่ยงทางไซเบอร์และผลกระทบที่จะตามมาหากเกิดเหตุร้ายขึ้นจริง ถ้าแล็ปท็อปหรือยานพาหนะที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ถูกขโมยไป อาชญากรผู้ลงมือก็อาจสามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายที่บ้านได้ และหากอุปกรณ์ชิ้นนั้นเป็นขององค์กร ก็อาจทำให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้าถึงระบบในโรงงานที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบออนไลน์ เป็นต้น ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยในอาคารอัจฉริยะ ก็อาจเปิดช่องให้ภัยคุกคามอย่างมัลแวร์หรือการจารกรรมทางอุตสาหกรรมก็เป็นได้
นายสรุจ ทิพเสนา ผู้อำนวยการฝ่ายโซลูชันองค์กร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ระบบ OT ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังองค์กรต่างๆ ทั้งในอุตสาหกรรมพลังงาน การขนส่ง และระบบโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ต่างมีแนวโน้มที่จะเชื่อมต่อกับระบบไอทีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างสองสิ่งที่เคยแยกจากกันอย่างชัดเจนนี้ กลับบางลง จนมีความเสี่ยงของการหยุดชะงักและความเสียหายเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น ธุรกิจและผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จึงจำเป็นจะต้องมองเห็นสถานการณ์ของระบบที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด พร้อมประเมินความเสี่ยงและความเชื่อมโยงกันของระบบต่างๆ เพื่อให้สามารถตั้งรับได้อย่างมั่นใจ”
ข้อมูลเชิงลึกในประเด็นสำคัญจากรายงาน Cyber Signals ฉบับนี้ ได้แก่:
• ไมโครซอฟท์พบว่า กว่า 75% ของอุปกรณ์ควบคุมเครื่องจักรอัตโนมัติในรุ่นที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในระดับร้ายแรงที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญ ในการปิดช่องโหว่ต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุถึงขั้นต้องหยุดทำงาน
• การเผยช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงในอุปกรณ์ควบคุมเครื่องจักรของภาคอุตสาหกรรม เพิ่มสูงขึ้นถึง 78% ระหว่างปี 2563 ถึง 2565 เมื่อวัดจากอุปกรณ์ของผู้ผลิตที่เป็นที่นิยมในตลาด1
• มีอุปกรณ์มากกว่า 1 ล้านเครื่อง ที่เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์อย่างเปิดเผย และยังใช้ซอฟต์แวร์ Boa ซึ่งทั้งล้าสมัยและไม่ได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมแล้วในปัจจุบัน แต่กลับยังเป็นที่นิยมทั้งในกลุ่มอุปกรณ์ IoT และในชุดเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจหรือบุคคลทั่วไป การรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ IoT ด้วยแนวคิดแบบ Zero Trust ต้องเริ่มจากการเตรียมพร้อมที่ครอบคลุมความปลอดภัยในด้านอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบพื้นฐานสำหรับการรักษาความปลอดภัยของบัญชีผู้ใช้ อุปกรณ์ และการจำกัดระดับการเข้าถึงข้อมูลและระบบต่างๆ ซึ่งเท่ากับว่าต้องทำการยืนยันตัวต้นผู้ใช้งานอย่างชัดเจน มองเห็นสถานะของอุปกรณ์ในเครือข่าย และตรวจจับความเสี่ยงแบบเรียลไทม์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น ในภาวะที่ตลาด IoT/OT เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งการใช้งานภายในองค์กรเองหรือการใช้งานส่วนบุคคลของพนักงาน ยิ่งทำให้ปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หน่วยงานต่างๆจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบองค์รวม ที่สามารถเชื่อมการบริหารจัดการ IT, IoT, และ OT เข้าหากันได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของทีมงานที่มีอยู่จำกัดให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพสูงสุด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประโยชน์ของ “กล้วย” และข้อควรระวัง
“กล้วย” นับเป็นผลไม้ที่อยู่คู่คนไทยมานาน เป็นทั้งอาหารเด็ก อาหารกลางวันนักเรียน ผลไม้ให้พลังงานนักกีฬา ของหวานของผู้ใหญ่ ไปจนถึงผลไม้นิ่มๆ เคี้ยวง่ายของผู้สูงอายุ นอกจากรสชาติอร่อยหวานหอมจนสามรถนำมารับประทานได้ทั้งแบบสดๆ และแปรรูปเป็นสารพัดขนมแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย
ประโยชน์ของกล้วย ที่ดีต่อสุขภาพ
- ลดระดับคอเลสเตอรอล
เนื่องจากกล้วยเป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหารอย่างพอเหมาะ จึงทำให้กล้วยมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้สูงเกินไป ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
- ผลไม้ของคนอยากลดน้ำหนัก
กล้วย เป็นอาหารที่รับประทานแล้วอิ่มเร็ว อยู่ท้อง และให้พลังงานกับร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม กล้วยเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาล และยังไม่มีรายงานวิจัยไหนยืนยันว่าช่วยลดน้ำหนักได้ จึงควรบริโภคอย่างพอเหมาะ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
- ควบคุมระดับความดันโลหิต
สารโพแทสเซียมที่พบในกล้วยจะช่วยให้ร่างกายขับโซเดียมออกมาทางปัสสาวะได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อระดับความดันโลหิตที่ลดลงตามไปด้วย
- ลดอาการท้องเสีย
เส้นใยอาหารที่ย่อยง่ายของกล้วย ช่วยลดอาการท้องเสียได้ เพราะกล้วยมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ เป็นแหล่งอาหารของเหล่าจุลินทรีย์โปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่พบในลำไส้ ช่วยลดอาการท้องเสีย ที่เป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทานยาปฏิชีวนะบางชนิดได้ด้วย
- แก้อาการท้องอืด
คาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ที่อยู่ในกล้วย ที่เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของจุลินทรีย์โปรไบโอติกในลำไส้ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงอาการท้องเสียแล้ว ยังรวมถึงปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย
- ดีต่อสุขภาพคนโลหิตจาง
กล้วย มีธาตุเหล็กที่ดีต่อสุขภาพของคนที่มีอาการโลหิตจาง เพราะการเพิ่มธาตุเหล็กในร่างกายจะช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงได้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่ากล้วยจะช่วยรักษาโรคโลหิตจางได้แต่อย่างใด
นอกจากกล้วยจะมีประโยชน์มากมายแล้ว หากทานกล้วยมากเกินไปก็มีโทษได้เช่นกัน ฉะนั้นเรามีข้อมูลเกี่ยวกับข้อควรระวังในการกินกล้วย ดังนี้
ข้อควรระวังในการกินกล้วย
กล้วย เป็นผลไม้ที่ให้พลังงาน เพราะมีน้ำตาลที่ร่างกายสามารถดึงพลังงานไปใช้ได้ในทันที เพราะกับการกินเพื่อให้พลังงานในการออกกำลังกาย ดังนั้นหากคิดจะกินกล้วยเพื่อการลดน้ำหนัก ควรควบคู่ไปด้วยกันกับการออกกำลังกายด้วย หากกินมากไป อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป และอาจอ้วนได้
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการกินกล้วยดิบ เพราะกล้วยดิบจะมีแป้งมาก ย่อยยาก ทำให้ท้องอืด และท้องผูก เพราะเส้นใยอาหาร (เพคติน) ในกล้วยที่อาจไปดูดซึมน้ำในลำไส้ เมื่อลำไส้ไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงกากอาหาร อุจจาระจึงแข็งตัวจนเกิดอาการท้องผูก
กล้วย ไม่ใช่อาหารเพื่อรักษาโรค ควรกินอย่างพอเหมาะในปริมาณที่เหมาะสม และออกกำลังกายเป็นประจำ ผู้ป่วยเบาหวานและโรคประจำตัวอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ถึงปริมาณที่เหมาะสมในการกิน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 3/02/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,900.00 | 30,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,937.00 | 29,364.92 | 30,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,743.30 | 26,428.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,549.60 | 23,491.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 872.00 | 13,219.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 678.00 | 10,278.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,007.00 | 30,426.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 3/02/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.95 | 35.95 | 37.15 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 | 35.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.68 | 35.68 | 36.88 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 35.24 | 34.04 | 34.04 | – | 34.04 | 34.04 | 34.04 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.49 | 34.49 | – | – | – | – | – | – | – | 34.49 |
เบนซิน 95 | 43.76 | – | – | – | 43.81 | – | 44.26 | 44.21 | – | 43.76 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.04 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 45.86 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |