สาระน่ารู้ประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566

“ภูเก็ต” เมืองท่องเที่ยวทำเลทอง หาดกมลา ที่ดินพุ่งไร่ละ 55 ล้าน

จับตา “ภูเก็ต” เมืองท่องเที่ยว “ทำเลทอง’ ปี 2566 แม่เหล็กเรียกแขก ดีเวลอปเปอร์ไทย-ต่างชาติ -นักลงทุน สู่ตลาดอสังหาฯ ระดับลักชูรี ขณะเจ้าของโปรเจ็กต์ยักษ์ เผย โครงสร้างพื้นฐาน-เมกะโปรเจ็กต์ มูลค่าอสังหาฯพุ่ง ดัน “ราคาที่ดิน” หาดกมลาพุ่งไร่ละ 55 ล้าน

16 ก.พ.2566 – “ภูเก็ต” เพชรเม็ดงามแห่งอันดามัน ปัจจุบัน กลายเป็นสวรรค์แห่งการท่องเที่ยวและการลงทุนอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ด้วยผลตอบแทนและศักยภาพของทำเลทองที่หาที่อื่นไม่ได้ 

พบนักลงทุนและผู้มองหาบ้านหรู กำลังจับตามองตลาดในภูเก็ตหลังจากช่วงที่ผ่านมา “ภูเก็ต” เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของไทย ได้โชว์ศักยภาพในการเติบโตด้านการท่องเที่ยวตลอดปี 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติมาเยือนเกาะภูเก็ตมากถึง  5,628,483 ราย (เป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น  3,320,217 ราย) โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้สร้างรายได้ให้แก่ภูเก็ตถึง 176,675.17 ล้านบาท ถือเป็นสัญญาณบวกที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยว และคาดว่าจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยที่จะเริ่มกลับมาขยับฟื้นตัว ในปี 2566

เจ้าของโปรเจ็กต์สเกลยักษ์ เผย “ภูเก็ต” ศักยภาพสูง

เจาะในมุมมองของ นาย เศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหาร โครงการมอนท์เอซัวร์ อาณาจักรที่อยู่อาศัยในสไตล์ รีสอร์ตหรู บนพื้นที่กว่า 454  ไร่ ตั้งแต่ทิวเขาทอดยาวจรดชายหาดกมลา  กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพอันเต็มเปี่ยมของภูเก็ตในทุก ๆ มิติ ทั้งสำหรับภาคเอกชนและภาครัฐ 

ทั้งยังเป็นการยืนยันว่าภูเก็ตเป็นจุดหมายที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวระดับโลกที่เพียบพร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐาน เมกะโปรเจ็กต์ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่ช่วยดึงดูดเม็ดเงินทุน หลังจากที่นักลงทุนเห็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเมืองหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

จับตา อสังหาฯภูเก็ต ร้อนแรง โปรเจ็กต์หรูทยอยเปิด รับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ 

นายเศรษฐพล ยังเห็นว่า ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเป็นที่น่าจับตามอง และหลังจากนี้จะมีการทยอยเปิดตัวโปรเจ็กต์ลักชูรีอีกหลายโครงการด้วยกัน

ทั้งนี้ โปรเจ็กต์โครงสร้างพื้นฐานหนุนการเติบโตของภูเก็ต ได้แก่ การโครงการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตเฟส 3 ถือเป็นการเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของภูเก็ต คาดการณ์ว่าเทอร์มินัล 3 ที่จะเปิดขึ้นใหม่ จะรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 25 ล้านคนต่อปี ช่วยส่งเสริมชื่อเสียงระดับโลกของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม 

นอกจากนี้ แผนการสร้างรถไฟรางเบา LRT ที่เริ่มจากสถานีรถไฟท่านุ่น จ.พังงา จะช่วยทำให้การเดินทางเชื่อมต่อสนามบินภูเก็ตเข้าตัวเมือง ไปจนถึงสถานีห้าแยกฉลอง และท่าเรืออ่าวฉลอง เป็นไปอย่างสะดวกสบาย

อีกสองเมกะโปรเจ็กต์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง คือ Carnival Magic Phuket และ Andaman International Medical Hub (ศูนย์สุขภาพนานาชาติอันดามัน) ยิ่งไปกว่านั้น อีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญก็คือโครงการ Phuket Smart City ที่ได้แรงสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่ ภายใต้โครงการนำร่องของรัฐบาลที่ตั้งเป้าให้ภูเก็ตเป็นเมืองอัจฉริยะแห่งแรกของไทย ถอดโมเดลจากเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ 

โดยในเฟสถัดไปคือการเร่งให้ภูเก็ตเป็นเมืองแห่ง IoT (Internet of Things) ใช้เทคโนโลยีหลากหลาย อาทิ ระบบเน็ตเวิร์กเพื่อควบคุมการเปิด-ปิดไฟในพื้นที่สาธารณะ การเชื่อมต่อข้อมูล ตลอดจนการมอบซิมการ์ดให้แก่นักท่องเที่ยว โครงการพัฒนามากมายเหล่านี้ จะช่วยทำให้ภูเก็ตเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดการลงทุนได้ในอนาคต

โรงแรมภูเก็ตคึกคัก เพิ่มดีมานด์ลงทุนอสังหาฯ 

ขณะเดียวกัน พบว่า ธุรกิจโรงแรมในภูเก็ตกลับมาคึกคักอีกครั้งจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2565 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากเอเชียตะวันออก โดย 39% มาจากมาเลเซียและสิงคโปร์ ในขณะที่ 30% มาจากสหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และรัสเซีย และ 11% มาจากประเทศอินเดีย โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

นักท่องเที่ยวในภูเก็ตใช้จ่ายเงินราว 6,400 – 7,200 บาทต่อคนต่อวัน โดยเฉลี่ยใช้เวลาอยู่บนเกาะภูเก็ต 4-5 วัน ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนชาวต่างชาติที่มาทำงานในไทย ซึ่งมีตัวเลขสูงขึ้น 3-4% ต่อปีนั้น ก็มักเลือกที่จะทำงานแบบ Remote ที่ภูเก็ต ด้วยเหตุนี้ ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่มีฟังก์ชันครบครันในภูเก็ตจึงเพิ่มสูงขึ้น

ศักยภาพการลงทุนสูง หน้าหาด ราคาที่ดิน พุ่งไร่ละ 55 ล้าน 

หาดทรายอันงดงามและโครงสร้างพื้นฐานที่เทียบเท่าเมืองระดับโลกช่วยสร้างชื่อเสียงให้ภูเก็ตได้เป็นอย่างดี สำหรับหาดกมลา เป็นชายหาดที่กำลังมาแรง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของภูเก็ต เป็นพื้นที่อันเปี่ยมด้วยสเน่ห์และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและนักลงทุนอสังหาฯ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาที่ดินในบริเวณนี้อยู่ที่ 55 ล้านบาทต่อไร่ เพิ่มขึ้นถึง 4.9% จากปีที่ผ่านมา หาดกมลา ยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งรวมร้านอาหารบรรยากาศดีและไนต์ไลฟ์สำหรับไลฟ์สไตล์เหนือระดับอีกด้วย

ในส่วนของหาดอื่นๆ อย่าง ป่าตอง กะรน กะตะ และราไวย์ ที่มาพร้อมโครงสร้างพื้นฐานที่มอบประสบการณ์เหนือระดับและบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็ยังคงเป็นตัวเลือกของนักลงทุนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

“สำหรับหาดกมลา กำลังพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้สอดรับกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น แต่พื้นที่แห่งนี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ความสงบเป็นส่วนตัว ที่ทำให้เป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่มีสภาพคล่องสูง บรรยากาศสบาย ๆ ที่ไม่พลุกพล่านก็เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสหาดที่มีความเป็นส่วนตัวและวิลล่าเหนือระดับที่มาพร้อมทิวทัศน์ทะเลอันงดงาม โปรเจ็กต์ที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้จะมุ่งเน้นวิลล่าหรูริมหาดและคอนโดวิวทะเลสุดลักชูรี

ทำไม “ภูเก็ต” จึงเนื้อหอมสำหรับนักลงทุน

ความต้องการสำหรับคอนโด, Branded Residence และบ้านพักตากอากาศในภูเก็ต จากนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สอง กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยตลาดในไทยต้องการบ้านพักหรือวิลล่า ในขณะที่ต่างชาติเริ่มหันมามองโครงการคอนโดในภูเก็ต และปัจจัยที่น่าลงทุนสำหรับอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้คือราคาปล่อยเช่าที่ได้กำไรดี 

นักลงทุนต่างชาติต้องการลงทุนกับโครงการที่สามารถดำเนินการในรูปแบบโรงแรมและรับค่าเช่าต่อเนื่องทุกปี ในขณะที่ยังสามารถเป็นเจ้าของที่พักไว้เป็นบ้านพักในวันหยุดได้ นอกจากนี้ ยังเห็นดีมานด์ที่สูงขึ้นสำหรับบ้านหลังที่สองในภูเก็ตสำหรับชาวไทยรายได้สูงจากกรุงเทพฯ และต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทย โดยสถานการณ์โควิด-19 มาเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ ผู้คนจำนวนไม่น้อยเล็งเห็นความสำคัญของการหาบ้านหลังที่สอง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนทั่วโลกที่กำลังมองหาเมืองพักผ่อนในยามเกษียณอายุก็มองภูเก็ตเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตในบั้นปลายเช่นเดียวกัน

ราคาที่ดินในภูเก็ตสูงขึ้นต่อเนื่องในทุก ๆ ปี พร้อมสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่ดีเยี่ยม ด้วย Capital Gain ถึง 5.5 – 10% และ Rental Yield (อัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า) ถึง 5 – 8% วิลล่าและคอนโดมิเนียมในพื้นที่ทางตอนเหนือและตะวันตก เช่น หาดกมลา หาดสุรินทร์ หาดบางเทา หาดลากูน่า หาดเชิงทะเล และหาดลายัน ยังคงขายได้ในราคาดี 

อย่างไรก็ตาม การหาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เหล่านี้เพื่อสร้างโครงการต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องท้าทายท่ามกลางดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุน ในช่วงเวลาที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิดและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้อเท่าไรนัก

เจาะโครงการมอนท์เอซัวร์ 

ทั้งนี้ โครงการมอนท์เอซัวร์ นับเป็นเมกะโปรเจ็กต์ที่ใหญ่ที่สุดริมหาดกมลา พร้อมนำเสนอที่อยู่อาศัยไว้สำหรับการเป็นบ้านหลังแรก บ้านหลังที่สองสำหรับพักผ่อน หรือการลงทุน รายล้อมด้วยคอมมิวนิตี้หรูหราที่ตกแต่งด้วยสวนสวยงามตลอดทั้งโครงการ ได้สร้างความคึกคักให้กับตลาดอสังหาฯ ของภูเก็ต อาณาจักรมอนท์เอซัวร์ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างพาร์ทเนอร์มากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มาร่วมบริหารจัดการหลากหลายโปรเจ็กต์ในอาณาจักรแห่งนี้ 

โดยกว่า 70% ของพื้นที่โครงการได้เริ่มแผนการพัฒนาแล้ว อาทิเช่น Twinpalm Residences MontAzure, MGallery Residences MontAzure, Intercontinental Phuket Resort Hotel, Café del Mar Beach Club, 333 at the Beach และโครงการอื่นๆอีกมากมาย ในปี 2566 มอนท์เอซัวร์ จะเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ เพื่อร่วมพัฒนาพื้นที่ ให้พร้อมเติมเต็มการเป็นที่สุดแห่งโครงการมิกซ์ยูสระดับซูเปอร์ไฮเอนด์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“อสังหา”ดึงบิ๊กพาร์ทเนอร์ – เอเจนท์ต่างชาติ บู๊แหลก ตลาด ‘อินเตอร์’

คลื่นกำลังซื้อต่างชาติ ที่กำลังจะทะลักเข้าไทยมาอย่างมหาศาล โดยเฉพาะ กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน กลุ่มเทคโนโลยี รวมถึง คนจีนมีเงิน ที่พยายามหนีออกจากจีน นั่นคือโอกาส ของอสังหาริมทรัพย์ไทย

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) วิเคราะห์ การฟื้นตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากผลกระทบโควิด-19 ประเมินอสังหาฯ ปีนี้ ยังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่ทั่วถึง ความเสี่ยง คือ ความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่องของบริษัทที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านแนวโน้ม รายเล็ก – รายกลาง ยังน่าเป็นห่วง

แข่งเดือด รายใหญ่ได้เปรียบ

เช่นเดียวกับ มุมมองของกูรูอสังหาฯไทย  คาด ปีนี้ อสังหาฯแข่งขันดุเดือด รายกลาง-รายเล็ก อาจเจอศึกหนัก เพราะ รายใหญ่ มั่นใจลุยเปิดโครงการ แบบยักษ์ชนยักษ์ เบียดชิงมาร์เก็ตแชร์ ส่วนหนึ่ง มาจากการพัฒนาและปรับตัวเร็วมาก กับวิกฤติโควิด -19 ก่อนปี 2565 เริ่มรอดพ้น โดยธุรกิจ บ้าน-คอนโด กลับมาสร้างยอดขายได้สูง เทียบปี 2562 อีกครั้ง 

ทั้งนี้ ความพร้อมทรัพยากรด้านต่างๆ  คือ ความได้เปรียบของรายใหญ่ ทั้ง ต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่า มีพร้อมมากกว่า มีทีมงานมืออาชีพ และแบรนด์ที่น่าเชื่อถือดี  ประเมิน 10 บริษัทอสังหาฯขาใหญ่ในตลาด จะกินมาร์เก็ตแชร์รวมกันมากขึ้นไปอีก อย่างต่ำ 70-80% ของตลาด 

อสังหาดัง ลุยแผนใหญ่ เจาะต่างชาติ  

“ฐานเศรษฐกิจ” เกาะติด จับกลยุทธ์ แผนธุรกิจของอสังหาฯรายใหญ่ พบมีมูฟเม้นท์ที่น่าจับตามองหลายๆ บริษัท โดยเฉพาะ การเตรียมแผน ตั้งรับการกลับมาของตลาดลูกค้าต่างชาติ ที่นาทีนี้ ไม่ได้มีแค่ “ชาวจีน” แต่ปีที่ผ่านมา รัสเซีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ก็มีสัดส่วน ครอบครองอสังหาฯไทยมากขึ้น ขณะที่น่าสนใจสุด กลับเป็นลูกค้า กลุ่ม “อาเซียน” เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว และเวียดนาม

นั่นทำให้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่เปิดตลาดต่างชาติ มามากกว่า 10 ปี กำลังทำงานกับเอเจนท์ (ตัวแทนซื้อ-ขาย) อย่างหนัก เพื่อตีตลาดให้กว้างขึ้นจาก จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และรัสเซีย สู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน 10%  โดยเฉพาะ กลุ่มเมียนมาร์  

อีกทั้ง ล่าสุด เพิ่งจับมือกับ “ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์” เอเจนท์ระดับบิ๊กในฮ่องกง พร้อมทีมขายกว่า 400 บริษัท ดันโครงการ  “FLO by Sansiri” คอนโดใหม่วิวแม่น้ำมูลค่า 2.3 พันล้านบาท ไปโรดโชว์ในฮ่องกง ภายใต้ความเชื่อมั่น ว่า ทั่วโลกเปิดประเทศ จะดันยอดขาย-ยอดโอนคอนโดฯเต็มโควต้าตลาดต่างชาติ ปีนี้ ตามเป้า 1.2 หมื่นล้านบาท

ขณะในฝั่งการร่วมทุนพัฒนาโปรเจ็กต์นั้น พบ บิ๊กมูฟที่น่าจับตา คือ แผนเขย่าวงการ 7.7 หมื่นล้านบาท ของบมจ.เอพี ไทยแลนด์ ที่มาพร้อมกับ การเปิดโครงการคอนโดฯ ใหม่ 4 โครงการ ล็อตใหญ่มูลค่ารวม 1.18 หมื่นล้านบาท โดยมีทุนใหญ่ญี่ปุ่น  ‘มิตซูบิชิ เอสเตท’ ร่วมลงทุนด้วยทั้งหมด โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา 2 บริษัท มีโครงการร่วมกันแล้ว  21 โครงการ กว่า 1 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับตลาดคอนโดฯ ยังต้องรอจับตา ดู การจับมือกันของพันธมิตรเหนียวแน่น ระหว่างคู่ของ บมจ. ออริจิ้น กับ ‘โนมูระ เรียลเอสเตท ‘ และ คู่ของ บมจ.เสนาฯ กับ ฮันคิว ฮันชิน ว่าปีนี้ จะกลับมาเพิ่มสีสันให้ตลาดอย่างไรบ้าง เมื่อ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และ มีพันธมิตรที่เป็นทั้งกระเป๋าเงิน และ นายหน้าเรียกแขกประเทศต้นทาง จะช่วยเพิ่มโอกาสอย่างไรบ้าง

อนันดาฯ รอผงาด รับคลื่นต่างชาติ 

ด้าน บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์  ซึ่งเคยตกที่นั่งลำบากในช่วงโควิด -19 ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เพราะ การหดหายไปของลูกค้าต่างชาติ มีสถานะ ‘ขาดทุน’ ล่าสุด นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อนันดา ระบุว่า ปีนี้บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรอย่างแน่นอน จากโอกาส ต่างชาติเปิดประเทศ เพราะบริษัทมีคอนโดฯพร้อมอยู่ – พร้อมโอนกรรมสิทธิ์  จุดแข็ง โลเคชั่นกลางเมือง ไม่ต่ำกว่า 30 โปรเจ็กต์ มูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท ไว้รองรับ

” คลื่นกำลังซื้อต่างชาติ ที่กำลังจะทะลักเข้าไทยมาอย่างมหาศาล โดยเฉพาะ กลุ่มนักธุรกิจ ,นักลงทุน, กลุ่มเทคโนโลยี รวมถึง คนจีนมีเงิน ที่พยายามหนีออกจากจีน นั่นคือโอกาส คงถึง เวลาของเรา  ” 

จับตาดึง ‘บิ๊กพาร์ทเนอร์’ ปลุกแบรนเด็ดเรสซิเดนท์

ในหมัดเด็ดของอนันดาฯปีนี้ ยังเผยว่า จะเปิดใหม่เพียง 2 โครงการ แต่จะเป็น 2 โครงการระดับเฟล็กชิฟ ซึ่งนอกจาก การรีโปรเจ็กต์ ย่าน สะพานควายค้างเก่า ในนามใหม่ ‘ไอดีโอ พหล – สะพานควาย’ มูลค่า 8.1 พันล้านบาทแล้ว คือ การปั้น โครงการในรูปแบบ แบรนด์เด็ดเรสซิเดนท์ (คอนโดฯจับมือร่วมกับแบรนด์ เพิ่้มจุดต่างจากพาร์ทเนอร์)  บนทำเลใจกลางสุขุมวิท (สุขุมวิท 38) กับพันธมิตรระดับโลก ที่อนันดาชูว่า จะเป็นที่สุดของความร่วมมือไม่เคยมีมาก่อนในไทย มูลค่า 6.5พันล้านบาท ด้วยราคาสูงสุดต่อยูนิต 150-300 ล้านบาท (แพงที่สุดเท่าที่เคยทำมา)

ประเด็นนี้ นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อนันดาฯ ให้เหตุผลว่า นี่จะเป็นกลยุทธ์เด็ด เจาะตลาดอินเตอร์ ทำงานควบคู่กับ เอเจนท์ต่างชาติในมือกว่า 200 ราย ที่พร้อมนำโปรดักส์ไปโรดโชว์ทั้งใน ญี่ปุ่น ,อังกฤษ ,จีน ,เมียนมาร์ ,ไต้หวัน ,ฮ่องกง และ สหรัฐ ฯ  

การแข่งขันอสังหาฯปีนี้ ต้องมีความต่าง และหากรายใด ไม่มีพันธมิตรทางธุรกิจ หรือ นายทุน รวมไปถึง เอเจนท์ รายนั้นจะไปต่อไม่ได้ เพราะโมเดลอสังหาฯ เปลี่ยนไปมาก และการเจาะตลาดต่างชาติ ที่มีความซับซ้อน ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งนี้ อนันดา นับเป็นอสังหาฯรายแรกๆในไทย ที่ใช้กลยุทธ์ ร่วมลงทุนกับบริษัทต่างชาติ โดยพันธมิตรหลัก คือ มิตซุยฟูโดซัง กลุ่มทุนจากญี่ปุ่น 

ตลาดบ้านหรูคึก ‘ญี่ปุ่น’ร่วมลงทุน

สัญญาณเศรษฐกิจไทย ที่กลับมาฟื้นตัวดี ยังทำให้ ตลาดบ้านหรูไทย ซึ่งโตขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด เป็นที่แตะตาต้องใจ ของกลุ่มทุนต่างชาติเช่นกัน โดยเห็นการขยับจาก Top5  บมจ. “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค”  เพิ่มการร่วมทุนกับ “ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” เพิ่มอีก 1 โครงการ  มูลค่า 2.2 พันล้านบาท ภายใต้แบรนด์ ‘ เพอร์เฟค เพลส ‘  ทำเล ราชพฤกษ์ตัดใหม่ ราคา 6-17 ล้านบาท เพื่อตั้งรับการกลับมาของลูกค้าภาคธุรกิจท่องเที่ยว และ สายการบิน โดย ตั้งเป้ายอดขาย เฉพาะโครงการร่วมทุน (เก่า+ใหม่) เติบโตขึ้น 62% ที่ 6.4พันล้าน (คอนโด+บ้าน) 

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เผย ‘ฐานเศรษฐกิจ’ ว่า ปัจจุบัน บริษัทร่วมทุนกับ ต่างชาติ หลัก 3 ราย ทั้งกลุ่มทุนจากฮ่องกง-สิงคโปร์ (ฮ่องกงแลนด์) และ กลุ่มญี่ปุ่น (ซูมิโตโม ฟอเรสทรี ,เซกิซุย เคมิคอล) โดยทั้งหมด มีมุมมองเป็นบวกอย่างมาก ต่อการลงทุนในอสังหาฯไทยระยะยาว โดยเฉพาะ การลงทุนในแนวราบ เนื่องจาก ถ้าเทียบกับ การเข้าไปลงทุนใน สิงคโปร์ หรือ มาเลเซีย ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ยอดขายในไทยเกิดขึ้นดีที่สุด นี่จึงถือเป็นจังหวะที่สำคัญในการพัฒนาโครงการ เพื่อรับโอกาสร่วมกัน  

ขณะก่อนหน้า  บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของตระกูลดัง มหากิจศิริ  เพิ่งสร้างความแปลกใหม่ให้วงการบ้านหรู ผ่านการดึง กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด หรือ KRD แห่งญี่ปุ่น เข้ามาร่วมลงทุนต่อยอดจากคอนโดดัง 125 สาทร สู่ กลุ่มบ้าน ลักชัวรี อีก 2 โปรเจ็กต์ มูลค่า อีก 3.9 พันล้านบาทอีกด้วย 

จีนเปิดบ้าน กระตุ้นบ้านหลัง 2 ยูนิตแพงในไทย

ทั้งนี้ ทำเลศักยภาพ ที่คนจีนมีความต้องการซื้อคอนโดฯในไทย จากข้อมูลของ เอเจนท์รายใหญ่ โควต้าต่างชาติ “แองเจิล เรียลเอสเตทฯ” ระบุว่า หลักๆยังเป็นทำเลเดิมที่คุ้นเคย ได้แก่ โซนสุขุมวิท ,สาทร ,สีลม ,รัชดาภิเษก ,พระราม9 ,รามคำแหง และเส้นศรีนครินทร์ (ที่อยู่ใกล้เมือง) จะขายดี ขณะทำเลที่คนจีนและคนต่างชาติไม่คุ้นเคย ได้แก่ แนวรถไฟฟ้าสายสีแดง ,สีชมพู หรือทำเลนนทบุรี เป็นต้น

โดย นายไซม่อน ลี  ประธานกรรมการ แองเจิล ฯ กล่าวว่า ความน่าสนใจ ในตลาดอินเตอร์ กับอสังหาฯไทย ในมุมเอเจนท์ คือ ยูนิตราคาแพง ที่เห็นสัญญาณดีมานด์ความต้องการของผู้ซื้อหลัก ‘ชาวจีน’ ที่จากเดิมพอร์ตหลักราคาจะอยู่ที่ 5-15 ล้านบาทต่อยูนิต แต่พบกลุ่มราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป จนไปถึงระดับ 150 ล้านบาทต่อยูนิต มีแนวโน้มมากขึ้น จากกลุ่มที่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ไม่ใช่ลงทุนอย่างในอดีต  เพราะ คนจีนหลายๆคน อยากจะออกมา เพื่อต้องการมีบ้านหลังที่สอง วิเคราะห์หลังจีนเปิดประเทศ ใช้เวลา 7-8 เดือน จะเห็นผลเชิงบวกกับอสังหาฯไทยอย่างชัดเจน 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังคงมีแรงกดดัน ท่ามกลางธีม “แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยเฟดยังไม่จบง่ายๆ”วันนี้ ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก และว่างงานต่อเนื่อง

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้(16 ก.พ. 2566) ที่ระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.31 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทจนเกือบแตะระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงคืนที่ผ่านมา นั้น

มาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว โดยเฉพาะในช่วงราคาย่อตัวใกล้โซนแนวรับสำคัญ นอกจากนี้ ฟันด์โฟลส์นักลงทุนต่างชาติยังเป็นฝั่งขายสุทธิ (ยกเว้นหุ้น ที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ)

ทั้งนี้ เราประเมินว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อค่าเงินบาทจะยังคงมีอยู่ ท่ามกลางธีม “แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยเฟดยังไม่จบง่ายๆ” แต่ “การขึ้นดอกเบี้ยของไทยอาจใกล้จบแล้ว”

 นอกจากนี้ การอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญของเงินบาท ทำให้ในเชิงเทคนิคัล ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อจนทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ ผู้เล่นในตลาดที่ปรับสถานะมาเป็นฝั่ง Long USDTHB (มองเงินบาทอ่อนค่า) อาจรอจังหวะ ขายทำกำไรแถว 34.75-35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ ทำให้ ค่าเงินบาทในช่วงนี้ มีโอกาสผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้มาก

อนึ่ง ความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.50 บาท/ดอลลาร์

รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) สหรัฐฯ ในเดือนมกราคม ที่ขยายตัว +3.0% จากเดือนก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาด ได้หนุนให้ ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก ทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น 

ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.28% อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกจำกัดด้วย ความกังวลแนวโน้มเฟดอาจจำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใส ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใกล้ระดับ 3.80% ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะย่อตัว ทำให้การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้รุนแรงมาก หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดและหนุนโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 103.8 จุด (ในระหว่างวัน แตะจุดสูงสุดเหนือระดับ 104 จุด ก่อนย่อตัวลงมาบ้าง) ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด

 ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด ทั้งนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กดดันไม่ให้ เงินดอลลาร์แข็งค่าไปได้ไกลนัก ซึ่งสะท้อนมุมมองของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่รอทยอยขายทำกำไรการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ (Sell on Rally) 

ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ย่อตัวลงต่อเนื่อง ก่อนที่จะแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 1,848 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า ในจังหวะที่ราคาทองคำย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับแถว 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงทยอยเข้ามาซื้ออยู่บ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้างเช่นกัน

สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก และว่างงานต่อเนื่อง (Initial Jobless Claims & Continuing Jobless Claims) โดยเราคงมองว่า ธีมของตลาดอาจยังเป็น “Very good economic data = Bad news for the market” หรือ

 หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดมาก ก็อาจทำให้ตลาดกังวลว่าเฟดยังไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือ หยุดขึ้นดอกเบี้ยได้ง่ายๆ ซึ่งมุมมองดังกล่าวก็อาจกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินได้ อย่างที่ตลาดการเงิน โดยเฉพาะในฝั่งตลาดค่าเงินและตลาดบอนด์เผชิญมาโดยตลอดในสัปดาห์นี้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของ ECB และเฟด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจของทั้งฝั่งยูโรโซนและสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา ต่างออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแข็งค่ากลับมาที่ระดับ 34.18-34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.31 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน หลังอ่อนค่าค่อนข้างมากในวันทำการก่อนหน้า อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามปัจจัยลบที่อาจทำให้เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า โดยเฉพาะสัญญาณที่สะท้อนว่านักลงทุนต่างชาติยังน่าจะขายสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่อง รวมถึง sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ที่ยังคงได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.10-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางฟันด์โฟลว์และสกุลเงินเอเชีย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ  ดัชนีราคาผู้ผลิต ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือนม.ค. ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“แทมมารีน,ภราดร ชวน ดนัย,ณัฐนิดา” เปิดตัว “CRYSTAL SPORTS” สนามเทนนิส มาตรฐานระดับโลก ITF

แทมมี่-แทมมารีน พร้อม ซูเปอร์บอล-ภราดร ศรีชาพันธุ์ ชวนปิ๊ก-ดนัย และ จูน-ณัฐนิดา ร่วมงานเปิดตัว “CRYSTAL SPORTS”  สนามเทนนิสอินดอร์ 8 สนาม มาตรฐานระดับโลก ITF แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ติดห้างเดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา

KE Group เดินหน้าปักหมุดจุดออกกำลังกายกลางกรุงแห่งใหม่ สนามเทนนิสในร่มคริสตัล สปอร์ต (Crystal Sports) ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก ITF (International Tennis Federation) แห่งแรกของประเทศไทย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันประกอบด้วย โปรช็อป (Pro Shop) ที่คัดสรรอุปกรณ์เทนนิสที่สมบูรณ์แบบจากทุกแบรนด์ชั้นนำ บาร์เครื่องดื่มเพื่อการสังสรรค์ ล๊อคเกอร์รูม มุมออกกำลังกายเพื่อพัฒนาทักษะกีฬาเทนนิส ฯลฯ ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ติดโครงการเดอะ คริสตัล

ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคอี กรุ๊ป กล่าวว่า ทางกลุ่มบริษัท เคอี ได้เตรียมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันแห่งความรักกับธีมสุดเก๋ “On the love day because we love tennis” ที่นับว่าเป็นวันรวมพลคนรักเทนนิส เอาใจกลุ่มคนรักกีฬานี้อย่างแท้จริง

โดยบรรยากาศภายในงานเริ่มด้วยพิธีเปิด โดยมีประธานในพิธี ท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ให้เกียรติร่วมงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความสนุก Flash Dance สุดมันส์ พร้อมผู้ดำเนินรายการ หนูแหม่ม-สุริวิภา กุลตังวัฒนา ต้อนรับการแข่งขันแมทช์พิเศษเปิดสนาม Tennis Superstar fun & friendly match

คู่ที่ 1:    ซูเปอร์บอล-ภราดร ศรีชาพันธุ์ คู่กับ ตั๊ก-บริบูรณ์ จันทร์เรือง ปิ๊ก-ดนัย อุดมโชค คู่กับ เอกกี้-เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ์

คู่ที่ 2:    แทมมี่-แทมมารีน ธนสุกาญจน์ คู่กับ แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ จูน-ณัฐนิดา หลวงแนม คู่กับ แอนนา-นาตาชา เปลี่ยนวิถี

สำหรับสนามเทนนิส Crystal Sports มีทั้งสิ้น 8 สนาม โดดเด่นด้วยมาตรฐานระดับโลกแห่งแรก และแห่งเดียวของประเทศไทย ซึ่งได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ หรือ International Tennis Federation (ITF) ซึ่งต้องผ่านกระบวนการก่อสร้างที่ได้รับมาตรฐานสูงระดับสากลในทุกเกณฑ์คุณสมบัติ ตั้งแต่ พื้นผิวสนามซึ่งทุกสนามได้รับมาตรฐาน US Open หรือ Certified US Open Surface ที่พื้นผิวมีความยืดหยุ่น ถนอมสุขภาพร่างกายนักกีฬา ความละเอียดสม่ำเสมอของพื้นผิว ทำให้อัตราความเร็วและวิถีการเดินทางของลูกเทนนิสสม่ำเสมอ ความสว่างและการกระจายแสงของแสงไฟที่ให้ความสว่างสูงและเกลี่ยกระจายทั่ว ระดับความสูงของหลังคาในร่มที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไป ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเล่นกีฬาเทนนิส  

ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคอี กรุ๊ป กล่าวว่า “กลุ่มบริษัท เคอี ได้เล็งเห็นถึงความโปรดปรานการเล่นกีฬาเทนนิสของคนไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งเทนนิสนับเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 5 ของโลก ดังนั้น เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับนักกีฬาเทนนิส กลุ่มบริษัท เคอี ได้พัฒนาสนามเทนนิสในร่มคริสตัล สปอร์ต (Crystal Sports) ซึ่งนับเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก โดยมีความมุ่งมั่นที่จะให้ผู้ที่รักกีฬาเทนนิสได้มาเล่นบนสนามที่ได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมคำนึงและใส่ใจถึงเรื่องความปลอดภัยในขณะเล่น สนามนี้ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ หรือ International Tennis Federation (ITF) โดยมีพื้นผิวสนามตามมาตรฐาน US Open หรือ Certified US Open Surface เพื่อส่งเสริมกีฬาเทนนิส ทั้งการฝึกซ้อม การแข่งขันเพื่อมุ่งสู่ระดับสากล สำหรับเด็ก เยาวชน ครอบครัว และผู้มีความสนใจในกีฬาเทนนิส เสริมสร้างการมีสุขภาพที่ดี ตลอดจนเพื่อยกระดับให้กับผู้มีความสนใจในกีฬาเทนนิส เด็กและเยาวชนที่มีความมุ่งมั่น อยากพัฒนาเป็นนักกีฬามืออาชีพ ให้ได้ฝึกฝนกับโค้ชฝีมือระดับโลกอย่างใกล้ชิด โดยสนามเทนนิสในร่มคริสตัล สปอร์ต (Crystal Sports) ตอบทุกความต้องการ ดังเช่นคนรู้ใจนักกีฬา ที่คัดสรรคุณภาพระดับโลกมาไว้ให้อย่างเพียบพร้อม”

พิเศษสำหรับวันวาเลนไทน์ เพื่อสร้างสีสันและความคึกคัก สนามเทนนิสในร่ม คริสตัล สปอร์ต (Crystal Sports) เปิดให้ลูกค้าทุกท่านสามารถมาทดสอบเล่นที่สนามเทนนิสได้ตั้งแต่เวลา 14.00-00.00 น. พร้อมทั้งมีรางวัลแต่งกายคู่รักพิเศษ มอบให้เพื่อฉลองวันแห่งความรัก โดยนอกจาก คริสตัล สปอร์ต (Crystal Sports) จะเป็นสนามที่ใช้สำหรับในการฝึกซ้อมและเรียนรู้การเล่นเทนนิส ยังพร้อมเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่นเพื่อรองรับสำหรับการจัด Tournament ต่างๆ ในอนาคตอีกด้วย

สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับได้ ณ สนามเทนนิสในร่มคริสตัล สปอร์ต (Crystal Sports) ที่พร้อมรองรับสำหรับเด็ก บุคคลทั่วไป และนักกีฬาระดับแข่งขัน อีกทั้งยังมีโปรแกรมการสอนในทุกระดับจาก ทีมโค๊ชระดับโลกและระดับชาติ ทั้งในการปรับเทคนิค เพิ่มแทคติก เพื่อเสริมทักษะในการเล่นเทนนิสและเพื่อเสริมความพร้อมสำหรับการแข่งขัน รวมถึง Private Tennis Class สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว สามารถเดินทางอย่างสะดวก ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ติดโครงการเดอะ คริสตัล พร้อมบริการต่างๆ ที่ครบครัน ข้อมูลการติดต่อ https://crystalsports.kegroup.co.th/  Tel. 083-704-5099 / 02-101-5995, LINE: @crystalsports, IG: crystalsports.th, FB: Crystal Sports

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 ประโยชน์จาก “กาแฟดำ” หอม ละมุน แถมดีต่อสุขภาพ

กาแฟดำ (Black Coffee) ถึงแม้จะมีรสชาติที่ขมและฝาด แต่มันก็มีเสน่ห์จนทำให้หลายคนติดอกติดใจ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย บทความนี้ Hello คุณหมอ จึงเอาใจคอกาแฟ ด้วยการนำประโยชน์ของกาแฟดำ มาให้ทุกคนได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น

ทำความรู้จัก กาแฟดำ (Black Coffee)              

กาแฟดำ มีรสชาติและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่า ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ อีกด้วย เช่น ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ป้องกันตับ ส่งเสริมการลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากาแฟดำจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพเพียงใด แต่เราควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน เราไม่ควรรับประทานกาแฟมากกว่า 400 มิลลิกรัมต่อวัน หากคุณเป็นคนติดกาแฟ ควรจำกัดปริมาณการดื่มกาแฟไม่ให้เกิน 4 ถ้วย ต่อวัน เพราะหากดื่มมากจนเกินไป ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน

โภชนาการของกาแฟดำ

กาแฟดำปริมาณ 8 ออนซ์ มีสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ ดังต่อไปนี้

  • พลังงาน 2 แคลอรี่
  • โปรตีน 0 กรัม
  • ไขมัน 0 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 0 กรัม
  • ไฟเบอร์ 0 กรัม
  • น้ำตาล 0 กรัม
  • โซเดียม (Sodium) 5 มิลลิกรัม

5 คุณประโยชน์จากกาแฟดำ

  • โรคมะเร็ง

กาแฟดำมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งในช่องปาก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่

  • โรคตับแข็ง

การดื่มกาแฟ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับแข็งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคตับแข็งที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ หากดื่มกาแฟ 4 ถ้วย ขึ้นไปต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงของการเป็นโรคตับแข็งจากแอลกอฮอล์ได้มากถึง 80%

ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำมีความเสี่ยงต่ำต่อการเป็นโรคเบาหวาน ประเภทที่ 2  นอกจากนี้ปริมาณคาเฟอีน (Cafeine) ในกาแฟยังมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อม

โรคอัลไซเมอร์ (Alzeimer) เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่พบบ่อย และเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะสมองเสื่อม ภาวะนี้มักส่งผลกระทบต่อผู้สูงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ขึ้นไป  จากผลการวิจัย ได้มีข้อระบุว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้ถึง 65%

  • บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

การดื่มกาแฟ 1-2 ถ้วย เป็นประจำทุกวัน สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดต่าง ๆ รวมถึงหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบในร่างกายให้ลดลงอีกด้วย

นอกจากกาแฟดำจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีดีทั้งกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม มีประโยชน์ทางสุขภาพ และยังมีข้อดี คือ ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว แต่เราก็ไม่ควรบริโภคกาแฟดำมากกว่า 4-5 แก้ว ต่อวัน เพราะนอกจากจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้นอนไม่หลับ ยังอาจจะเกิดอาการติดคาเฟอีนได้อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


IKEA เปิดตัวอุปกรณ์วัดคุณภาพอากาศในบ้าน เล็กจิ๋ว แต่จอสีสุดคมชัดราคาไม่แรง

IKEA เปิดตัวอุปกรณ์วัดคุณภาพอากาศที่มีขนาดเล็ก โดยสามารถไว้ตรงไหนก็ได้ภายในบ้านที่มีชื่อว่า Vindstyrka โดยอุปกรณ์นี้จะเป็นการใช้เซนเซอร์ตรวจจับคุณภพอากาศได้รอบทิศ โดยมีการวัดได้เล็กกว่าฝุ่น PM 2.5

เครื่องวัดนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่วัดระดับของฝุ่นเท่านั้น แต่ยังมีการบอกความชื้น, อุณหภูมิ และปริมาณของก๊าซมลพิษต่างๆ ทำให้คุณรู้ว่าความสะอาดของห้องรวมถึงกิจกรรมไหนจะทำให้คุณป่วยได้

นอกจากนี้ Vindstyrka จะสามารถทำงานเองได้และแสดงผลเองได้ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบฮัปอัจฉริยะของ IKEA ได้ ทำให้การแสดงผลบน Smart phone ทำได้ง่ายผ่าน Application และหากฝุ่นเยอะก็สามารถสั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องให้ทำงานได้

ทั้งนี้อุปกรณ์รุ่นนี้จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนเป็นต้นไปคาดว่าจะวางภายในเดือนเมษายน ที่จะถึงนี้ในบางประเทศ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าราคาของเครื่องรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร และคาดว่าถูกกว่าหลายยี่ห้อที่ออกมาก่อนหน้านี้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยชน์ของ “ลูกพลัม” หวานอร่อย คอเลสเตอรอลน้อย ดีต่อสุขภาพ

ลูกพลัม เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับ ลูกพรุน ลูกพีช หรืออัลมอนด์ เป็นผลไม้ที่มีขนาดเล็ก พบได้ทั่วไปในประเทศจีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในแถบยุโรป เมื่อผลสุกจะมีรสชาติหวาน อร่อย และยังอุดมไปด้วยประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกท่านมารู้จักกับพลัมให้มากขึ้น

สารอาหารในลูกพลัม

พลัม หรือลูกพลัม เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินสำคัญๆ มากมาย ดังนี้

  • วิตามินบี 1
  • วิตามินบี 2
  • วิตามินบี 3
  • วิตามินบี 6
  • วิตามินเอ
  • วิตามินซี
  • วิตามินเค
  • วิตามินอี
  • โฟเลต

แร่ธาตุสำคัญในพลัม ได้แก่

  • ฟลูออไรด์
  • โพแทสเซียม
  • แมกนีเซียม
  • ฟอสฟอรัส
  • ธาตุเหล็ก
  • สังกะสี
  • แคลเซียม

นอกจากนี้ พลัมยังให้ทั้งคาร์โบไฮเดรตมากถึง 7.5 กรัม ให้ไขมันน้อย และยังมีโปรตีนอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่ให้สารอาหารค่อนข้างจะครบถ้วนเลยทีเดียว 

ประโยชน์ของลูกพลัม

  • ช่วยซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายพลัมมีวิตามินซีซึ่งมีสรรพคุณในการเสริมสร้างและกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสียหาย นอกจากนี้ในลูกพลัมยังมี สารไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrient) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ปัญหาของหลอดเลือดและระบบประสาท
  • ดีต่อสุขภาพหัวใจ
    สารพฤกษเคมี (Phytochemical) และสารอาหารในลูกพลัม มีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบที่หัวใจ ซึ่งอาการอักเสบที่ว่านี้อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจได้ ดังนั้นการรับประทานลูกพลัมจึงถือว่ามีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • ดีต่อระบบย่อยอาหาร
    ลูกพลัมเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง การรับประทานลูกพลัมเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระบวนการย่อยอาหารและการขับถ่าย นอกจากนี้ พลัม มีสารโพแทสเซียมที่ช่วยในการควบคุมความดันโลหิต ช่วยกำจัดโซเดียมออกในขณะที่ปัสสาวะ ช่วยลดความตึงของผนังหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงอยู่ในระดับปกติ
  • ลดความเสี่ยงของโรคอ้วน
    พลัมมีสรรพคุณที่ดีต่อระบบการเผาผลาญ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนได้
  • ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
    โรคเบาหวานและระดับน้ำตาลในเลือดมีความเกี่ยวข้องกัน หากสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ ก็จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งสารอาหารในลูกพลัมมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
  • ดีต่อระบบประสาท
    ในลูกพลัมมีวิตามินบี 6 ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนในการกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
  • แก้ปัญหาท้องผูก
    ใครที่ท้องผูกบ่อย ๆ ไม่ควรพลาดลูกพลัม เพราะในพลัม มีสารอาหารที่ชื่อว่า ซอร์บิทอล (Sorbitol) เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารอาหารประเภทนี้เป็นแอลกอฮอล์น้ำตาลตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย 

ข้อควรระวัง

แม้ว่าพลัมจะเป็นผลไม้ที่อุดมไปทั้งสารอาหารที่มีประโยชน์และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ลูกพลัมยังคงมีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้

  1. ผู้ที่มีอาการแพ้โปรตีนในผลไม้ หรือมีอาการแพ้ละอองเรณูของต้นเบิร์ช (Birch pollen allergy) ควรระมัดระวังการรับประทานพลัม
  2. ผู้ที่มีอาการแพ้บ๊วย ก็ควรระมัดระวังหรือมีการหลีกเลี่ยงการรับประทานพลัม เพราะบ๊วยบางชนิดก็อาจทำมาจากลูกพลัมอบแห้ง
  3. การรับประทานพลัมมากจนเกินไป อาจมีผลทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสีย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้แปรปรวน ควรมีการรับประทานแต่พอดี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 16/02/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a29,700.0029,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,924.0029,167.8430,300.00
ทองรูปพรรณ 90%1,731.6026,251.06n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,539.2023,334.27n/a
ทองรูปพรรณ 50%866.0013,128.56n/a
ทองรูปพรรณ 40%673.0010,202.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,994.0030,229.04n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 16/02/2566


ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.2536.2536.5536.2536.2536.2536.2536.2536.2536.25
แก๊สโซฮอล์ 9135.9835.9836.2835.9835.9835.9835.9835.9835.9835.98
แก๊สโซฮอล์ E2033.9433.9434.6433.9433.9433.9433.9433.9433.94
แก๊สโซฮอล์ E8534.3934.3934.39
เบนซิน 9544.0644.1144.5644.2144.06
ดีเซล B734.4434.4434.7434.4434.4434.4434.4434.4434.4434.44
ดีเซล34.4434.4434.7434.4434.4434.4434.4434.4434.4434.44
ดีเซล B2034.4434.4434.7434.4434.4434.44
ดีเซลพรีเมี่ยม43.0643.1644.8444.2644.2643.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า