เกาะหมาก แรงไม่หยุดคว้าที่ 2 รางวัลระดับโลก GREEN DESTINATIONS
เกาะหมาก คว้ารางวัลที่ 2 เวที ITB Berlin ด้านการจัดการและการฟื้นฟู 2023 GREEN DESTINATIONS STORY AWARDS หลังครองสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก TOP 100 ไปครองเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท.เปิดเผยว่า เกาะหมาก จ.ตราด คว้ารางวัลระดับโลกเพิ่ม รางวัลที่ 2 “2023 GREEN DESTINATIONS STORY AWARDS” ประเภท Governance, Reset and Recovery หรือด้านระบบการจัดการและการฟื้นฟู จาก Green Destinations Foundation ในเวทีงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ITB Berlin 2023 เยอรมนี หลังคว้าสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนของโลก TOP 100 ไปครองเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
งาน ITB Berlin จัดขึ้นที่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมณี เป็นงานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประเทศจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมจัดแสดงและนำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงการเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ รางวัล 2023 GREEN DESTINATIONS STORY AWARDS ประเภท Governance, Reset and Recovery มีทั้งสิ้น 3 รางวัล โดยที่ 1 คือ NORMANDIE จากประเทศฝรั่งเศส ที่ 2 เกาะหมาก จากประเทศไทย และที่ 3 OGUNI TOWN จากประเทศญี่ปุ่น โดยผู้จัดได้คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการประกาศให้เป็นสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก ในปี 2565 (2022 Green Destinations Top 100 Stories
ที่ผ่านมา อพท. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้ผลักดันพื้นที่หลายแห่งในประเทศไทยสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน
ล่าสุด เข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้เกาะหมาก จังหวัดตราด เป็นพื้นที่ต้นแบบในการเป็น Low Carbon Destination แห่งแรกของประเทศไทย พร้อมกำหนดเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวในการผลักดันให้เกาะหมากเข้าสู่การได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก (Green Destination Top 100) ในปี 2570
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วี.วรรณ แอสเสท สยายปีกรุกอสังหาริมทรัพย์ เปิดตัว “วี.วรรณ ทาวเวอร์” อาคารสำนักงานให้เช่าขนาดใหญ่สูง 44 ชั้น บนถนนพระราม 9 มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
นางสาววีณา ไชยวรรณ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท วี.วรรณ แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า วี.วรรณ แอสเสท เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย ธุรกิจอะพาร์ตเมนต์ จำนวน 11 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุบลราชธานี และนครปฐม ธุรกิจโรงแรม ภายใต้ชื่อ โนโวเทล ริมเพ ระยอง ซึ่งบริหารงานโดยเครือแอคคอร์ ธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำนักงาน ในกรุงเทพฯ ธุรกิจเบียร์ โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น ไทเกอร์ และเชียร์ส และธุรกิจสะดวกซัก ภายใต้แบรนด์ Wrinkle Wash ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯ เริ่มดำเนินการ
และในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายการดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ จากการพัฒนาโครงการอะพาร์ตเมนต์ให้เช่า สู่การพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่า โดยเปิดตัวโครงการ “วี.วรรณ ทาวเวอร์” ซึ่งเป็นโครงการอาคารสำนักงานสูง 44 ชั้น บนถนนพระราม 9 เนื้อที่กว่า 7 ไร่ มูลค่าโครงการฯ รวมกว่า 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปี 2567
“จุดเด่นของโครงการ วี.วรรณ ทาวเวอร์ เป็นโครงการสำนักงานให้เช่าที่เป็นอาคารสูงเพียงแห่งเดียว ซึ่งบริเวณใกล้เคียงยังไม่มีอาคารสำนักงานสูง พร้อมด้วยดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย รวมถึงตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจแห่งใหม่ หรือ New CBD ของกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT ใกล้ทางด่วนพระราม 9 ขณะที่มีอัตราค่าเช่าที่ถูกกว่าย่าน CBD อย่างสีลม สาทร โดยโครงการฯ มีพื้นที่ให้เช่ารวม 38,136 ตารางเมตร แบ่งขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 88 ตารางเมตร ขนาดกลาง 143-181 ตารางเมตร ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ 239-292 ตารางเมตร” นางสาววีณากล่าว
ด้านการออกแบบตัวอาคาร ออกแบบโดยคำนึงถึงความสวยงามควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอย รวมไปถึงการออกแบบอาคารที่ยั่งยืน มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของผู้เช่าตามเกณฑ์มาตรฐานของ LEED และ WELL Building Standard โดยใช้เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานตามมาตรฐานระดับสากล และคำนึงถึงคุณภาพของสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร
โครงการ วี.วรรณ ทาวเวอร์ จะเปิดให้จองพื้นที่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 และแต่งตั้งให้ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (CBRE) เป็นตัวแทนหลักในการปล่อยเช่าพื้นที่โครงการฯ โดยคิดอัตราค่าเช่าเฉลี่ยที่ 700 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
นางสาววีณากล่าวเพิ่มเติมว่า เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ วี.วรรณ แอสเสท ในปี 2566 จะมุ่งเน้นการเติบโตของธุรกิจหลัก ทั้งการพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าบนที่ดินที่มีอยู่ เพื่อพัฒนาให้เกิดศักยภาพในอนาคต สำหรับธุรกิจเบียร์จะเร่งกระตุ้นยอดขายจากฐานลูกค้าเดิม รวมถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างการเติบโตในธุรกิจเสริม เช่น ธุรกิจร้านสะดวกซัก โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2566 อยู่ที่ 560 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 16%
ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10มี.ค.ที่ระดับ 34.96 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาท มีความเสี่ยงที่จะผันผวนหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ ผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10มีนาคม 2566 ที่ระดับ 34.96 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น
ส่วนหนึ่งมาจากการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ
อนึ่ง เรามองว่า ในวันนี้ ค่าเงินบาท (รวมถึงเกือบทุกสินทรัพย์) มีความเสี่ยงที่จะผันผวนหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ ผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ (ราว 20.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย)
หากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งและออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เพิ่มขึ้นราว 2.5 แสนตำแหน่ง หรือ 3.0 แสนตำแหน่ง พร้อมกับการเติบโตค่าจ้างที่เร่งตัวขึ้นกว่าคาด ก็จะยิ่งทำให้ตลาดเชื่อมั่นว่า เฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ได้ในการประชุมเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ดี จาก CME FedWatch Tool จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นในตลาดได้ให้โอกาสที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย กว่า 62% ทำให้ หากข้อมูลตลาดแรงงานไม่ได้ดีกว่าคาดไปมากชัดเจน ก็อาจทำให้โอกาสการเร่งขึ้นดอกเบี้ยทรงตัวใกล้ระดับเดิม ซึ่งอีกเหตุผลหนึ่ง คือ ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า
ดังนั้น เราจึงประเมินว่า ในกรณีที่ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดีกว่าคาด (แต่ไม่มาก เหมือนกับในเดือนมกราคม) เงินดอลลาร์อาจไม่ได้แข็งค่าไปมาก และเงินบาทอาจอ่อนค่าทดสอบ แนวต้านแถว 35.25 บาทต่อดอลลาร์
แต่หาก ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ดีกว่าคาด แบบ “เซอร์ไพรส์” เหมือนในเดือนมกราคม (NFP +5 แสนตำแหน่ง) เงินบาทก็มีโอกาสอ่อนค่าทะลุระดับดังกล่าว และอาจอ่อนค่าต่อทดสอบ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ (เรามองโอกาสเกิดกรณีนี้ไม่มากนัก)
ในช่วงนี้ เรามองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.85-35.25 บาท/ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงขายต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง (และอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย) ของเฟด ซึ่งส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวลง (Alphabet -2.1%, Apple -1.5%)
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงแรงของบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคาร (Bank of America -6.2%, JPM -5.4%) หลังราคาหุ้น SVB Financial (ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นปล่อยกู้ให้บริษัทกลุ่มเทคฯ) ดิ่งลงแรงเกือบ -80% (รวมช่วงการซื้อ ขาย After Hour) จากการรายงานผลประกอบการล่าสุดที่ย่ำแย่และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก ทำให้ดัชนี S&P500 ดิ่งลงแรงกว่า -1.85%
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลดลง -0.22% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น จนกว่าจะรับรู้แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
จากการประชุม ECB ในสัปดาห์หน้า และผู้เล่นในตลาดก็รอประเมินทิศทางนโยบายการเงินเฟด ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ข้อมูลตลาดแรงงาน และอัตราเงินเฟ้อ CPI
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ทว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กลับมาช่วยหนุนให้ ผู้เล่นบางส่วนยังคงต้องการถือบอนด์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในระยะสั้น
ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4.00% ไปได้ไกล ก่อนที่จะย่อตัวลงสู่ระดับ 3.90% ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอทยอยเข้าซื้อบอนด์ในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
และอาจขายทำกำไรในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง มากกว่าจะไล่ราคาซื้อ เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดนั้นยังไม่จบหรือทิศทางดอกเบี้ยนโยบายก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมอ่อนค่าลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งเรามองว่า ส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD (vs สกุลเงินอื่นๆ) หลังเงินดอลลาร์ได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ทำให้ล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงใกล้ระดับ 105.3 จุด อย่างไรก็ดี เราคาดว่า เงินดอลลาร์จะแกว่งตัว Sideways และมีโอกาสผันผวนสูงในช่วงตลาดทยอยรับรู้ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันนี้ ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การย่อตัวลงของเงินดอลลาร์
และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลาง ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) รีบาวด์ขึ้น กลับสู่โซนแนวต้านแถว 1,835 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเราคาดว่า อาจมีผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำได้บ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยสิ่งที่ต้องจับตาใกล้ชิด คือ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls: NFP)
โดยเรามองว่า หากยอด NFP ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด ราว 2 แสนตำแหน่ง ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว ซึ่งถ้าหาก อัตราการเติบโตของรายได้ (Average Hourly Earnings) ปรับตัวขึ้นสูงกว่าคาด (สูงกว่า +4.7%y/y หรือ
สูงกว่า +0.3%m/m) ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น หรือเพิ่มโอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับ 5.75% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ได้ (จาก CME FedWatch Too
l ล่าสุด ตลาดให้โอกาสเพียง 44%) ในกรณีดังกล่าว เราประเมินว่า มีโอกาสที่จะเห็นเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาจปรับตัวลงได้
ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของผู้ว่าฯ Kuroda โดยเราประเมินว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.10%
พร้อมกับคงเป้าบอนด์ยีลด์ 10 ปี ญี่ปุ่นที่ระดับ 0.00%+/-0.50% (ยังคงทำคิวอีต่อ) ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า BOJ อาจเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นได้ในปีนี้ หลังอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงและจะมีการเปลี่ยนผู้ว่าฯ BOJ ในช่วงไตรมาสที่ 2
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“พรปวีณ์” , “ศุภนิดา” ควงคู่คว้าชัย ฉลุยรอบสองแบดมินตัน ศึกเยอรมัน โอเพ่น 2023
การแข่งขันแบดมินตันรายการ โยเน็กซ์ เยอรมัน โอเพ่น 2023 ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์ 300 ที่เมืองมูลไฮม์ อัน แดรรูร์ ประเทศเยอรมนี เมื่อวันพุธที่ 8 มี.ค.66 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบแรก
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 11 ของโลก พบกับ ทาชนิม เมียร์ มืออันดับ 54 ของโลกจากอินเดีย
แมตช์นี้ หมิว พรปวีณ์ ใช้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าชัดเจน เอาชนะไปแบบขาดลอย 2 เกมรวด 21-8 และ 21-10 ใช่เวลาแข่งขัน 25 นาที “หมิว” พรปวีณ์ ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับ โก๊ะ จินเว่ย มืออันดับ 31 ของโลกจากมาเลเซีย ที่เอาชนะ เลียนเน่ ตัน มืออันดับ 39 ของโลกจากเบลเยียม 2-0 เกม 23-21 , 21-13
“เมย์” ศุภนิดา เกตุทอง มืออันดับ 22 ของโลก เบียดเอาชนะ หาน ยู่ มือวางอันดับ 7 ของรายการ มืออันดับ 10 ของโลกจกาจีน ไปแบบหวุดหวิด 2-1 เกม 21-16,18-21,21-17 ใช้เวลาแข่งขัน 64 นาที “เมย์” ศุภนิดา ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ คิม กาอึน มืออันดับ 21 ของโลกจากเกาหลีใต้ ที่เอาชนะ เธท ฮาตาร์ ธูซาร์ มืออันดับ 56 ของโลกจากเมียนมาร์ มาได้ 21-9, 21-11
“จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ มืออันดับ 32 ของโลก แพ้ให้กับ อากาเนะ ยามากูชิ มืออันดับ 1 ของโลกจากญี่ปุ่น 0-2 เกม 19-21,14-21 ใช้เวลาแข่งขัน 34 นาที
ส่วนวิว กุลวุฒิ ขอรีไทร์ หลังข้อเท้าพลิก ในเกมสอง รายการต่อไป All England 2023 แมตซ์แรก 14 มีนาคม เจอ โมโมตะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ไข้หวัดแดด” ตากแดดนานๆ ก็เป็นหวัดได้ และอาการไม่เหมือนไข้หวัดปกติ
ท่ามกลางอากาศทะลุ 40 องศาเซลเซียสในบ้านเรา เสี่ยงเป็นโรคที่มาพร้อมแดดร้อนๆ อยู่หลายโรคด้วยกัน เช่น ฮีทสโตรก แต่ยังมีอีกโรคที่ชื่อคุ้นๆ แต่อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดนัก นั่นคือ “ไข้หวัดแดด”
ไข้หวัดแดด เป็นอย่างไร?
ไข้หวัดแดด เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ประกอบกับต้องเผชิญอากาศที่ร้อนจัด หรือ อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ร่างกายปรับตัว กับสภาพอากาศไม่ทัน ทำให้ร่างกายเกิดการสะสมความร้อนไว้ภายใน และด้วยสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนชื้น เชื้อโรคจึงมีชีวิตอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
สาเหตุของโรคไข้หวัดแดด
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า การเจ็บป่วยจากภาวะอากาศร้อน เป็นภาวะวิกฤตที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ มีสาเหตุมาจากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม 4 ประการ ได้แก่
- อุณหภูมิของอากาศที่ร้อน
- ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่สูงขึ้น
- การอยู่กลางแจ้งหรืออยู่ในที่ที่อาจได้รับรังสีความร้อน
- สภาวะที่มีลมหรือการระบายอากาศน้อย
กลุ่มเสี่ยงโรคไข้หวัดแดด
ไข้หวัดแดดนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่มักพบบ่อยในกลุ่มคนเหล่านี้
- ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่น เกษตรกร นักกีฬา
- เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง, คนอ้วน
- ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ผู้ที่ต้องเข้าออกบ่อยๆ ระหว่างสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ และสภาพอากาศภายนอกที่ร้อนจัด
อาการของโรคไข้หวัดแดด
- มีไข้ต่ำๆ (ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียล)
- วิงเวียน ปวดศีรษะ
- ครั่นเนื้อครั่นตัว
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ปากแห้ง คอแห้ง แสบคอ
- ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- นอนไม่ค่อยหลับ
ข้อแตกต่างระหว่าง ไข้หวัด VS ไข้หวัดแดด
หลายครั้งผู้ที่เป็นหวัดมักเกิดความสับสนระหว่าง ไข้หวัดแดด กับ ไข้หวัด เพราะอาการค่อนข้างคล้ายคลึงกัน แต่ในความจริงแล้ว ไข้หวัดจะมีอาการคัดจมูก มีน้ำมูก เจ็บคอ มีเสมหะ ร่วมด้วย ส่วนไข้หวัดแดดจะไม่ค่อยมีน้ำมูก หรือมีน้ำมูกใสๆ เพียงเล็ก น้อย และไม่มีอาการเจ็บคอ แต่จะรู้สึกขมปาก คอแห้ง และแสบคอแทน
วิธีรักษาโรคไข้หวัดแดด
ไข้หวัดแดดเกิดขึ้นจากเชื้อตัวเดียวกับไข้หวัดใหญ่ หากดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง อาการที่เกิดขึ้นมักจะหายเป็นปกติใน 2 สัปดาห์
ดังนั้นผู้ที่เป็นไข้หวัดแดด จึงควรปฏิบัติตัว ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หมั่นเช็ดตัวเพื่อระบายความร้อนภายใน
- ดื่มน้ำอุ่นมากๆ
- รับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกใหม่
- อาจทานยาลดไข้ร่วมด้วย
วิธีป้องกันโรคไข้หวัดแดด
- หลีกเลี่ยงการเผชิญแสดงแดดโดยตรง หรือที่อากาศร้อนจัด หากจำเป็นควรใส่เสื้อคลุมกันแดด หรือพกร่มไปด้วย
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ผู้คนแออัด
- สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ที่ระบายอากาศได้ดี
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินซีสูง เพื่อป้องกันหวัด
- หากต้องเผชิญสภาพอากาศที่ร้อนจัด ควรนั่งพักในที่ร่มที่อากาศถ่ายเทสะดวกสักพัก ก่อนเข้าในสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับอุณหภูมิที่แตกต่างได้ทัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
7 วิธี Make Friend กับเพื่อนร่วมงานต่างชาติ
การไปทำงานในที่ใหม่ช่วงแรกๆช่างเป็นความรู้สึกที่เคว้งคว้าง ประหม่า และโดดเดี่ยวยิ่งนัก การทำความรู้จักหรือแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานถึงจะไม่ยากแต่ก็รู้สึกกังวลไม่ใช่เล่น สลัดความรู้สึกหล่านี้ทิ้งซะ! อย่ากลัวไปเลยค่ะ เพราะวันนี้แอนมีวิธีเริ่มต้นบทสนทนากับเพื่อนร่วมงานใหม่ แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก แถมยังได้ผลสุดๆมาเป็นแนวทางให้กับทุกคน
1. แนะนำตัวเอง
หากอยากจะทำความรู้จักกับใคร สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดเลยคือการแนะนำตัวเองก่อนค่ะ โดยสามารถใช้ประโยคง่ายๆ อย่าง Hello, My name is (ชื่อตัวเอง) and I just started in the marketing department. อย่ากลัวที่จะแนะนำตัวเองกับใครค่ะ เพราะสิ่งนี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขในชีวิตการทำงานได้
2. รู้จักถาม
เราอาจจะเริ่มต้นการสนทนาด้วยการถามไถ่เพื่อนร่วมงาน กับประโยคง่ายๆว่า How is your day going so far? (วันนี้เป็นไงบ้างคะ/ครับ?) ก็เป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่โอเคค่ะ หลังจากฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแล้ว เราอาจจะทำการแนะนำตัวต่อแล้วก็หาเรื่องอื่นๆมาคุย จะได้ทำให้การสนทนาในครั้งไม่น่าเบื่อและสั้นกุดเกินไป
3. ทำความรู้จักใครสักคน
ลองถามใครสักคนว่า How long have you been working here? (คุณทำงานที่นี่มานานเท่าไรแล้วคะ/ครับ?) แล้วตามด้วยการแนะนำตนเองพร้อมบอกว่า I have just begun with this company (ฉันเพิ่งเริ่มต้นทำงานที่บริษัทนี้) ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกในการเริ่มต้นทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานค่ะ เราต้องหัดทำความรู้จักกับคนที่เขาทำงานมานานแล้ว เผื่อเขาอาจจะช่วยแนะนำเราเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร หรือธรรมเนียมของบริษัทที่เราอาจไม่คุ้นเคย และแนะนำเรากับผู้ร่วมงานแผนกอื่นๆด้วยก็เป็นได้
4. หาเรื่องฝน ฟ้า อากาศ มาเม้าท์
หาประเด็นง่ายๆอย่างเรื่องฝน ฟ้า อากาศมาคุย ถือเป็นการเริ่มต้นบทสทนาที่น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น Today has turned out hot and humid, has anyone heard the forecast for the rest of the week? (วันนี้ช่างร้อนอบอ้าวซะเหลือเกิน มีใครดูพยากรณ์อากาศของสัปดาห์นี้บ้างคะ/ครับ) เรื่องทั่วๆไปแบบนี้ ใครๆก็อยากเม้าท์ค่ะ รับรองว่ามีอันต้องคุยยาวแน่ๆ!
5. เรื่องของชากาแฟ
เรื่องของกินนี่ดูเล็กน้อยแต่สามารถต่อยอดเป็นบทสนทนาที่ดีได้นะคะ เราอาจจะถามเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับกฏเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับชากาแฟ เช่น What are the rules for drinking coffee at our desk? (มีกฏอะไรเกี่ยวกับการดื่มกาแฟบนโต๊ะทำงานหรือเปล่า?) การถามกฏพวกนี้ นอกจากเป็นการเริ่มต้นการสนทนาแล้วยังทำให้เรารู้ว่า ที่นี่รับการดื่มเครื่องดื่มระหว่างทำงานได้หรือไม่
6. ใช้เวลาพักเที่ยงให้เป็นประโยชน์
ก่อนจะไปพักกลางวัน ลองหันไปถามเพื่อนร่วมงานใกล้ๆว่า Where is the nearest place to get a good salad? (ใกล้ๆนี่มีร้านไหนขายสลัดอร่อยๆบ้าง?) อย่างที่บอกว่าเรื่องของกินนี่เป็นจุดเริ่มต้นการสนทนาที่ดีได้ นอกจากนี้แล้ว หากมีเพื่อนร่วมงานชวยเราไปกินเป็นกลุ่มข้างนอก อย่าเพิ่งปฏิเสธไปเสียก่อนล่ะ ถึงจะไม่อยากออกไปแต่ช่วงแรกๆก็ควรไปกับกลุ่มเพื่อนร่วมงานบ้าง เพื่อการเรียนรู้บริษัทและนิสัยใจคอเขาเหล่านั้นให้มากขึ้น
7. สังเกตแล้วถาม
ลองสังเกตการทำงานของบริษัทแล้วซักถามความเห็นจากเพื่อนร่วมงาน เช่น We seem to be busy with client calls today. Is it like this every day? (วันนี้แทบไม่มีเวลาว่างจากการตอบสายลูกค้าเลย ที่นี่เป็นอย่างนี้ทุกวันเลยหรือเปล่า) ระวังอย่าให้ดูเป็นการซุบซินนินทาบริษัทไปซะล่ะ พยายามทำให้เป็นประโยคคำถามธรรมดา และหากต้องออกความคิดห็นบก็ควรจะเป็นความคิดเห็นที่อยู่ในแง่บวก เช่น I like to keep myself busy. (ฉันชอบทำตัวยุ่งๆนะ) เพราะการพูดคุยเรื่องทั่วๆไปของบริษัทจะทำให้เราได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและสร้างความสนิทสนมได้ในที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
Microsoft เปิดบ้าน พาดูเทคโนโลยี Azure OpenAI สุดฉลาด ที่ไม่ได้มีดีแค่ถามตอบ
จากประเด็นเรื่อง ChatGPT เป็นอีกเทคโนโลยีที่มีความใหม่หลายคนเอามาถามตอบคำถามมากมาย แน่นอนว่า ChatGPT คือส่วนหนึ่งของระบบที่มีชื่อว่า OpenAI ที่หลายบริษัทใหญ่ได้กำลังจะเปิดตัว
หนึ่งในนั้นคือ Microsoft ก็ได้เปิดตัว Azure OpenAI โดยมีการเผยเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งนี้ทีม Sanook Hitech ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับระบบนี้ว่า
Microsoft Azure Open AI นั้น เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2019 และ เปิดให้บริการเมื่อ 17 มกราคม 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าให้เรามาใช้งาน AI โดยใช้เทคโนโลยีสุดล้ำและโดเด่น ทั้งนี้ AI จากทาง Microsoft เองคือ เราต้องการการใช้ Productivity Boost มากขึ้น
ในรอบนี้ Microsoft Azure Open AI คือเทคโนโลยีที่ทีม Sanook Hitech ได้มาสัมผัสในวันนี้โดยมีการทำงานที่หลากหลายแต่จริงๆ แล้วเทคโนโลยีตัวนี้ก็มีหัวใจหลักทั้งหมด 3 ด้านได้แก่
- GPT
- DALL-E
- Codex
ทั้งหมดนี้ทำให้ Azure OpenAI สามารถปรับแต่ได้ทุกรูปแบบช่วยคิด วิเคราะห์, สรุปข้อมูลต่างๆ ได้และมีความยืดหยุ่นสูงนอกจากนี้ยังพร้อมให้ผู้ใช้งานำไปฝึกสอนเพิ่มเติมเนื้อหาสำหรับองค์กรได้ และยังผสาน
นอกจากนี้ทางทีม Sanook Hitech ได้เข้าร่วมกับสื่อหลายสำนักในการพูดคยกับผู้บริหารและทีมเกี่ยวข้องกับระบบ Azure Open AI ถามตอบคำถามที่น่าสนใจ เบื้องต้นทีมได้สรุปใจความคำถามออกมาดังต่อไปนี้
Q: ChatGPT / OpenAI จะมีประโยชน์การทำงานอย่างไร
สิ่งที่ตอนนี้ทาง Microsoft ทำขึ้นมาเกี่ยวกับเทคโนโลยีคือ จะทำให้การทำงานของคนทำได้มากขึ้น เช่น Programmer ที่มีคนนึงอาจจะต้องทำให้ AI แปลงจาก ภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง แทนการจ้างคนเพิ่ม โดยจะทำให้คนเดียวทำอะไรได้หลายอย่างๆ และ องค์กรที่ไม่ได้เอา AI ไปใช้งาน ก็อาจจะทำให้ทำงานได้ช้ากว่า
ในเวลานี้ Skill ของคนที่ควรมีคือ Prompt and Edit หากถ้าเราให้ AI ช่วยให้เราทำงานได้ด้วยกับการทำงานของเราไปด้วยกัน จะทำให้คนทำงานได้มากขึ้น
Q: OpenAI /ChatGPT จะทำให้เราตกงานหรือไม่
A: Microsoft เผยว่า AI ไม่ได้แทนคน แต่ AI เอามาทำงานที่ไม่ต้องใช้คน แต่ AI จะแทนคนไม่ได้ในบางทักษะการทำงาน ตามที่ CEO ของ Microsoft ที่บอกว่า ให้คนเป็นคนเริ่ม ไม่ได้ให้เครื่องจักรเริ่มนั่นเอง เช่นถ้าทำงานเขียนให้ ChatGPT ทำงานกับคนเช่นงานเขียน ถ้า AI พูดแต่คนมีหน้าที่กลั่นกรองเพื่อให้ผลงานที่ดีและแตกต่างมากขึ้น
Q: คนใน Microsoft ต้องการอะไรจาก AI ในตอนนี้
A: Microsoft ต้องการให้ผู้ใช้งานสามารถนำเทคโนโลยีอย่าง AI นำมาใช้งาน และเข้าใจศักยภาพของ AI และ Generative AI เพื่อทำให้เราสามารถคิดว่าข้อมูลที่ออกมานั้น เหมาะสมหรือไม่ มากกว่าที่จะให้ AI ตัดสิน และข้อมูล AI ควรจะเป็นการให้คนเข้าไปแก้ได้ (Prompt and Edit) และ เลือกที่เหมาะสม (Select and Choose)
Q: Bing Search ข้อมูลทั้งหมดเป็นปัจจุบันหรือไม่
A: ChatGPT จะไม่ได้ใช้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด โดย GPT Model จากตรวจนั้น มาเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่ใหม่ของ Bing Search โดยเป็นข้อมูลล่าสุด ซึ่งข้อมูลจาก Bing Search เป็นข้อมูลจากล่าสุด ดังนั้นใครอยากลองประสบการณ์ AI สามารถใช้ Bing Search ได้เลย
Azure OpenAI มีความพร้อมแค่ไหนที่ให้องค์กรนำไปใช้ โดยเครื่องมือที่ Microsoft ที่เปิดเผยว่าเครื่องมือต่างๆ ที่มีพร้อมที่จะให้ทางองค์กร
Q: ChatGPT กับ Microsoft ChatGPT AI ปลอดภัยไหม
A: ขึ้นกับความพร้อมของแต่ละองค์กรมากกว่า โดย Microsoft ประเทศไทยได้เสริมว่า “ถ้าไม่พร้อมใช้ในองค์กร อย่าเพิ่งนำมาใช้” สำหรับใน ChatGPT จะมีเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย ถ้ามีการบอกเรื่องข้อมูลที่เข้าไม่ได้หรือ ศีลธรรมต่างๆ ที่เข้ามา แต่ทางด้าน ai บน Azure ก็มีเครื่องมือคำแนะนำทำให้เลือกใช้ตามความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึด 6 ข้อได้แก่
- ความยุติธรรม (Fairness)
- ความไว้ใจได้ (Reliable and Safety) ซึ่งจะทำให้ไว้ใจได้ต้องลองใช้งาน
- ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว (Privacy and Security)
- ความเสมอภาค (Inclusiveness)
- ความโปร่งใส (Inclusiveness)
- มีความรับผิดชอบ (Accounttability)
เพราะอย่างทาง Microsoft เอง ที่หลายคนบอกว่าถ้าต้องนำประเด็นเรื่อง GPT จะไม่มีคือ การนำอารมณ์ออก ซึ่งแตกต่างจากคน และ Microsoft เผยว่าจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของการแตกแยกในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อสังคมโลกมนุษย์ จึงเรียกว่าเป็นการมองข้ามช็อตของเรื่องความปลอดภัยที่มากกว่าและ Microsoft เผยว่าในเรื่องการใช้งานหลากหลาย อาจจะเป็นไปได้
Azure Open AI Service คือระบบที่จัดการ AI ด้วยตัวของเราและ รวมถึง ข้อมูลที่ยังไม่อยากใฟ้ข้อมูลในองค์กรรั่วไหล การใช้ Azure Open AI
อย่างไรก็ตามการมาของเทคโนโลยีเหล่านี้ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของโลกที่จะทำให้เครื่องจักรมาช่วยทำงานกับคนให้ดีมากขึ้น เหลือแต่เพียงผู้ทำงานทั่วไปจะเปิดรับกับเทคโนโลยีนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการเปิดใจและทำงานร่วมกันในอนาคตอีกไม่ไกลอีกแล้วนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
น้ำขิงมะนาว เครื่องดื่มสมุนไพรหอมสดชื่น กับสรรพคุณอันน่าทึ่ง
อากาศเย็นๆ แบบนี้ ถ้าได้น้ำขิง หรือน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งอุ่นๆ สักแก้ว ดื่มในตอนเช้าก็คงจะดีไม่น้อย ยิ่งใครที่เป็นหวัด มีอาการไอ และเจ็บคอด้วยแล้ว เครื่องดื่มสองชนิดนี้น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆ เลยทีเดียว แต่หลายคนอาจจะยังไม่เคยลอง “น้ำขิงมะนาว” ขอบอกเลยว่า กลิ่น และรสชาติที่ไม่ธรรมดาของขิง บวกกับความสดชื่นซาบซ่าของมะนาว เข้ากันได้ดีจนคุณต้องหลงรักแน่นอน
ประโยชน์ของขิง
เป็นที่รู้กันมาอย่างช้านานแล้วว่า ขิง เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นฉุน มีฤทธิ์ร้อน ถึงให้ความอบอุ่นจากภายในร่างกายได้ดี นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ปรับสมดุลของระบบทางเดินอาหาร และลดไขมันอุดตันเส้นเลือดได้อีกด้วย
ประโยชน์ของมะนาว
มะนาวเองก็มีประโยชน์ในการเป็นตัวช่วยดีท็อกซ์อ่อนๆ ให้กับลำไส้ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้เป็นปกติ และยังอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยป้องกันโรคหวัดได้เป็นอย่างดี
เมื่อจับขิง กับมะนาวมารวมกัน ประโยชน์ดีๆ ก็เลยเพิ่มตามไปด้วย
ประโยชน์ของน้ำขิงมะนาว
- ดีท็อกซ์ลำไส้อ่อนๆ
เนื่องจากน้ำมะนาวมีกรดรสเปรี้ยว ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการดีท็อกซ์ลำไส้แบบอ่อนๆ นั่นคือ ช่วยให้ถ่ายได้ง่ายขึ้นนั่นเอง (แต่ไม่ใช่การดีท็อกซ์ลำไส้จริงจัง)
- ช่วยลดน้ำหนัก
นอกจากจะช่วยให้ถ่ายคล่องขึ้นแล้ว ฤทธิ์ร้อนของขิงยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายมากขึ้นกว่าเดิมถึง 20% อีกด้วย ดังนั้นก่อนออกกำลังกายครั้งหน้า ลองดื่มน้ำขิงมะนาวดูสักแก้วก็ดีนะ
- บรรเทาอาการเจ็บคอ
หากน้ำผึ้งให้ความหวานมากเกินไป หรือคุณเป็นผู้ป่วยเบาหวาน เปลี่ยนมาผสมน้ำมะนาวด้วยขิง ก็ช่วยให้ได้รสชาติที่เข้มข้นขึ้น แต่ยังให้ความชุ่มชื่นภายในลำคอได้ดีเหมือนเดิม อีกทั้งขิงยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และบรรเทาอาการอักเสบภายในคอได้อีกด้วย
- ช่วยย่อยอาหาร
ลำพังแค่น้ำมะนาวอย่างเดียวก็ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้นอยู่แล้ว ได้ขิงมาเพิ่มอีกอย่าง ก็ยิ่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ดียิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังช่วยลดแก็สในกระเพาะอาหาร ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย
- บรรเทาอาการหวัดคัดจมูก
ใครที่เคยทานขิงอาจจะเคยรู้สึกโล่งๆ จมูกจากกลิ่นฉุนๆ ของมัน แต่กลิ่นฉุนๆ นี้มีประโยชน์มาก เพราะช่วยให้จมูกโล่ง หายใจได้สะดวก แก้อาการคัดจมูกได้ดี ในขณะที่มะนาวเองก็มีวิตามินซีที่ช่วยบรรเทา และป้องกันโรคหวัด ดังนั้นเมื่อจับคู่ดื่มด้วยกันแล้ว จึงมีสรรพคุณแบบคอมโบขึ้นมาทันที
วิธีทำน้ำขิงมะนาว
- หั่นขิงสด ½ นิ้ว ลงไปในแก้ว ยิ่งปอกเปลือกจะยิ่งได้กลิ่น และรสของขิงมากขึ้น
- บีบมะนาวสด ½ ลูก ลงไปในแก้ว
- เติมน้ำอุ่นลงไปจนค่อนแก้ว (แก้วกาแฟขนาดมาตรฐาน) คนให้เข้ากัน และดื่มในตอนเช้า ก่อนออกกำลังกาย หรือหลังทานอาหาร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/03/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,250.00 | 30,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,959.00 | 29,698.44 | 30,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,763.10 | 26,728.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,567.20 | 23,758.75 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 882.00 | 13,371.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 686.00 | 10,399.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,030.00 | 30,774.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/03/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.35 | 36.35 | 37.44 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.08 | 36.08 | 37.14 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 | 36.08 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.04 | 34.04 | 34.84 | 34.04 | 34.04 | – | 34.04 | 34.04 | 34.04 | 34.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.49 | 34.49 | – | – | – | – | – | – | – | 34.49 |
เบนซิน 95 | 44.16 | – | – | – | 44.21 | – | 44.66 | 44.31 | – | 44.16 |
ดีเซล B7 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล | 33.94 | 33.94 | 34.44 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
ดีเซล B20 | 33.94 | 33.94 | 34.44 | – | 33.94 | – | 33.94 | – | – | 33.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.06 | 43.16 | 45.34 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 43.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |