สาระน่ารู้ประจำวันที่ 16 มีนาคม 2566

ทำเลกลางเมืองยังฮอต “สารสิน” ซูเปอร์ แฟล็กชิพ แสนสิริ

ทำเลกลางเมืองยังฮอต ราคาดินขยับสูง ถนนสารสิน ทำเลไฮเอนด์ แพงระยับ ตร.ว.ละ 3.9 ล้าน  แสนสิริเล็งแผนปั้น ซูเปอร์ แฟล็กชิพ ตอกย้ำผู้นำพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี่ หลังสร้าง ความฮือฮา “98 Wireless” ถนนวิทยุมาแล้ว

ทำเลกลางใจเมือง ย่านธุรกิจการค้าสำคัญยังมีความต้องการของดีเวลลอปเปอร์ นักลงทุนรายใหญ่ทั้งไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นลีสโฮลด์ (Leasehold)  ที่ดินประเภทถือกรรมสิทธิ์การเช่าระยะยาว และฟรีโฮลด์ (Freehold) ประเภท ซื้อขายขาด เพราะ นอกจากที่ดินจะหายากแล้วยังมีราคาขยับสูงต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ทำเลซูเปอร์ไฮเอนด์  อย่างเพลินจิต ชิดลม วิทยุ พระราม4  สารสิน หลังสวน ศูนย์รวมกิจกรรมการใช้ชีวิตคนเมืองที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา  

โดยเฉพาะทำเลที่น่าจับตา  “ถนนสารสิน” เส้นทางสั้นๆแต่สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับถูกถือครอง ที่ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) มองเห็นจุดเด่นที่หายากยิ่งเพราะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าสวนลุมพินีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปีรวมถึงสวนเบญจกิติ ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ โดยทำเลดังกล่าว ไม่มีอาคารใดสร้างบดบังทัศนียภาพได้    

หากย้อนไปก่อนหน้านี้ช่วงที่สถานการณ์โควิดระบาดรุนแรงปี 2563 แสนสิริสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่คว้าที่ดินแปลงงามดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดินฟรีโฮลด์  (ซื้อขายขาด)พร้อมอาคาร MBK LIFE  ของ บริษัท เอ็ม บี เค ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP  เนื้อที่ เกือบ2ไร่ ราคาตารางวาละ3.9ล้านบาทเป็นราคานิวไฮ และในเวลาต่อมา พบว่า

อาคารดังกล่าวได้เปลี่ยนชื่อเป็นอาคาร “ฮักส์”  ที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว จะถูกพลิกโฉมสร้างสีสันอลังการ เติมเต็มย่านธุรกิจกลางใจเมืองให้กับมาคึกคักอีกครั้ง หลังการระบาดโควิดคลี่คลายการลงทุน

รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา และหลายฝ่ายต่างจับตามองว่าในที่สุดแล้วโฉมหน้าของโปรเจ็กต์ ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่นี้ จะสร้างความฮือฮามากน้อยแค่ไหนหลังจากแสนสิริได้สร้างปรากฎการณ์ โครงการ  “98 Wireless” บนถนนวิทยุมาแล้ว

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าที่ดินแปลงสารสิน อยู่ระหว่าง พิจารณา เนื่องจากเป็นมาเก็ตของไฮเอนด์ ต้องพิถีพิถัน และพิจารณา โปรดักส์  ที่ตรงใจลูกค้ากลุ่มนี้มากที่สุดซึ่งจะเป็นชูเปอร์ แฟล็กซิพ  ของแสนสิริ เพราะทำเลในลักษณะดังกล่าวไม่มีอีกแล้ว ขณะเดียวกัน จุดเด่น ไม่มีถนนเส้นไหนที่มองเห็นสวน ลุมพินี แบบเต็มๆ ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจ หรือซีบีดี

“สวนลุมพินีถือเป็นไข่แดงซีบีดี ดังนั้นมีที่ดินอยู่รายรอบที่มีคอมเมอร์เชียลระดับนี้ไม่มีอีกแล้ว ที่สำคัญถนนสารสินคือถนนพรีเมียมมีเกาะกลางมีต้นไม้สูงใหญ่ แตกต่างจากพระราม4”

นายอุทัยอธิบายถึงข้อดีของที่ตั้งโครงการที่จะออกแบบพัฒนา ว่า นอกจากถนนสายสำคัญ และสวนฯขนาดใหญ่แล้ว ยังมีรถไฟฟ้าเชื่อมถึงพื้นที่ รวมถึง โรงพยาบาลพรีเมียมแหล่งงานกิจกรรมทุกรูปแบบ 

อย่างไรก็ตามโครงการใหม่แน่นอนว่าราคาขายต่อตารางเมตรย่อมสูง กว่าเมื่อเทียบกับ โครงการ  98 Wirelessบนถนนวิทยุ คอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีอยู่ 77 ยูนิต มูลค่ารวม8,700 ล้านบาท ขายในราคา 7 แสนบาทต่อตารางเมตรและกว่าจะเปิดตัวโครการ ต้องใช้เวลาไม่ตํ่ากว่า 7 ปี นับตั้งแต่ได้ที่ดินมาเริ่มออกแบบ กระทั่งก่อสร้างเสร็จ และขาย ซึ่งโปรเจ็กต์ใหม่ เช่นเดียวกันต้องใช้เวลาดำเนินการไม่ตํ่ากว่า 3-4 ปี จึงเปิดตลาดได้ 

นายอุทัย สะท้อนทำเล กลางเมืองว่า ยังมีความต้องการสูงโดยมีตัวแปรมาจากการจราจรที่ติดขัดทำให้คนต้องการลดการเดินทางและอยู่อาศัยในเมืองมากขึ้น ทำให้ราคาที่ดินไม่เคยลดลงในทางกลับกันมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น 

 “ราคาที่ดินในเมืองไม่เคยลดเลย แม้แต่ช่วงวิกฤต เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐาน กระจุกตัวอยู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจอย่างศูนย์การค้า อย่างสยามพารากอนย่านสุขุมวิท  ร้านอาหารโรงเรียนโรงพยาบาลดีๆ กระจุกตัว อยู่ในเมืองแทบทั้งสิ้น” 

อย่างไรก็ดีที่ดินในเมือง มักสร้างผลตอบแทนสูง โดยราคาอยู่ที่ 3 ล้านบาทต่อตารางวาแนวโน้มราคาปรับขึ้นทุกปี บางทำเลขยับถึง 10% เช่นสุขุมวิทตอนต้น  วิทยุ สาทร สีลม เป็นต้น   

สำหรับถนนสารสิน ย่านปทุมวัน  กลายเป็นถนนที่มีการปิดดีลซื้อขายสูงที่สุดที่แสนสิริ ซื้อมาที่ตารางวาละ 3.9 ล้านบาท แซงที่ดินแปลงของบมจ.เอสซีแอสเสทที่หลังสวนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ

ที่ซื้อมาพัฒนาโครงการคอนโดฯ  สโคป หลังสวนและเปิดขายในปัจจุบัน ที่ 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา เมื่อปี2561 และครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกที่ที่ดินกลางเมืองราคาแตะหลัก 3 ล้านบาทต่อตารางวา พร้อมทั้งสร้างบรรทัดฐานใหม่ ผลักดันที่ดินกลางเมืองขุมทองธุรกิจขยับยกแผงแตะตารางวาละ 3 ล้านบาทเป็นวงกว้างจนถึงปัจจุบันเพราะข้อจำกัดจาก

1. ที่ดินหายาก

2. อยู่ในมือบิ๊กทุนรายใหญ่

3. มีการพัฒนาเต็มพื้นที่

3 ทำเลมีศักยภาพสูงท่ามกลางโครงข่ายการเดินทางที่ครบสมบูรณ์ด้วยรถไฟฟ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ”เดินหน้า “สร้างบ้านสร้างเศรษฐกิจ เพื่อชีวิตสุขประชา”

“ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ” เล็งนำ Sunk Cost และ Land bank ของการเคหะแห่งชาติ พัฒนาที่พักอาศัยในรูปแบบ PPP กับบริษัทลูกคือ K-HA หวังสร้าง’เศรษฐกิจสุขประชา’

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติและประธานกรรมการ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) “K-HA” เปิดเผยว่า มีแผนที่จะนำที่ดิน Sunk Cost และ Land bank บางแปลง เพื่อไปจัดทำโครงการบ้านรูปแบบ PPP กับบริษัทลูกคือ K-HA ภายใต้ชื่อโครงการบ้านเคหะสุขประชา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สร้างบ้านสร้างเศรษฐกิจ เพื่อชีวิตสุขประชา”

ปัจจุบัน โครงการบ้านเคหะสุขประชาจะเป็นการพัฒนาพื้นที่ในรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัย พร้อมอาชีพที่เรียกว่า ‘เศรษฐกิจสุขประชา’ ซึ่งผู้ที่อยู่ในชุมชนนี้จะมีอาชีพที่สามารถสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ โดยเน้น 6 อาชีพได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพบริการชุมชนและชุมชนข้างเคียง อุตสาหกรรมขนาดเล็ก ศูนย์การค้าปลีก-ส่ง และตลาด

“ชุมชนบ้านเคหะสุขประชา จะเน้นตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย ชุมชนจะเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกผัก ก็สามารถส่งขายได้ จะมีตลาดรองรับ”นายทวีพงษ์ กล่าว

นายทวีพงษ์ กล่าวว่า โครงการเคหะสุขประชาจะดำเนินการทั้งหมด 37 แปลง ซึ่งมีโครงการนำร่องที่โครงการเคหะสุขประชา ฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย และเศรษฐกิจสุขประชา ที่นี่จะเน้นเรื่องของตลาดเป็นหลัก ส่วนโครงการเคหะสุขประชาร่มเกล้า จำนวน 270 หน่วย จะเน้นในเรื่อง Minimal ขณะที่อีก 3 โครงการนำร่องในรูปของเศรษฐกิจสุขประชา ที่เน้นในเรื่องเกษตรอินทรีย์และปศุสัตว์ คือ โครงการวังน้อย จังหวัดอยุธยา จะเน้นเรื่องของการเลี้ยงไก่ โครงการธรรมศาลา ที่จังหวัดนครปฐม จะเน้นในเรื่องของการปลูกผักโฮโดรโปนิกส์ และโครงการที่ลำลูกกา คลอง 12 จังหวัดปทุมธานี จะเน้นเรื่องของการเลี้ยงปลาดุก

ขณะเดียวกัน ยังได้เตรียมโครงการเร่งด่วนอีก 10 แห่ง ซึ่งจะมีทั้งที่สระบุรี และเชียงใหม่ รวมกับ 3 แปลงคือ วังน้อย ลำลูกกา และธรรมศาลา ซึ่งได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาในการออกแบบและวางผังที่ดินในพื้นที่ให้เหมาะสมทั้งในเรื่องที่อยู่อาศัย และอาชีพ ส่วนอีก 22 แปลงที่เหลือ กคช.อาจจะดำเนินการพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปบ้างโดยยึดจากรูปแบบแพลตฟอร์มที่บริษัทที่ปรึกษาทำให้ 13 แปลง ซึ่งยังไม่สรุปชัดว่าจะเน้นเศรษฐกิจในรูปแบบใด

“มีชาวบ้านที่สนใจโครงการบ้านพร้อมอาชีพทางภาคใต้ อยากเลี้ยงกบเนื้อ เพราะได้ราคา สร้างรายได้ดีด้วย ต้องมาดูกันว่าจะมีหรือไม่ เท่าที่สำรวจโครงการที่เน้นเป็นพื้นที่ปลูกกัญชง จะได้รับความสนใจมากที่สุด”

สำหรับโครงการบ้านเช่าพร้อมอาชีพมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ประกอบด้วยกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ กลุ่มผู้มีสถานะโสด กลุ่มครัวเรือนใหม่ และกลุ่มครอบครัว ซึ่งวันนี้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าไปจองในระบบออนไลน์ที่บริษัทเคหะสุขประชา จำกัด ได้ เพียงแต่ผู้ที่จะเข้าโครงการนี้ได้ต้องเป็นผู้มีรายได้น้อยที่เข้าตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เท่านั้น

“เราทำโครงการเคหะสุขประชาบ้านเช่าพร้อมอาชีพไปก่อน เมื่อทุกอย่างเดินหน้าได้แล้ว การเคหะอาจจะขยายไปสร้างบ้านขายให้กลุ่มคนต่างๆ ในที่ดินที่เหลือได้ด้วย เพราะที่ดินแต่ละแห่งมีจำนวนมาก และสามารถจัดทำเป็นเฟสได้”

นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Wellness Center ) ซึ่งต้องการให้ข้าราชการที่เกษียณอายุ ที่เคยอยู่บ้านพักราชการสามารถมีบ้านอยู่อาศัยเป็นของตัวเองหลังเกษียณ ซึ่งได้เตรียมพื้นที่บริเวณ อ.สูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาไว้แล้ว เป็นที่ดินทำเลดี อยู่ติดถนน และที่พื้นที่ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทั้ง 2 โครงการอยู่ระหว่างการศึกษา รวมไปถึงโครงการ TOD ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามโครงข่ายคมนาคมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นการพัฒนาที่ดินแบบ Mixed Use ที่ประกอบด้วยที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย รายได้ปานกลาง มีออฟฟิศสำนักงาน ที่เดิมคาดว่าจะเริ่มที่คลองจั่น เป็นต้น

นายทวีพงษ์ กล่าวอีกว่า มีผู้ประกอบการภาคเอกชน และเจ้าของที่ดินหลายแห่งได้ให้ความสนใจโครงการบ้านพร้อมอาชีพ โดยเฉพาะเอกชนที่เชียงราย ยินดีมอบที่ดินให้ทำรูปแบบเศรษฐกิจด้านการเลี้ยงโคเนื้อ ซึ่งเขาอยู่ในสมาคมโคเนื้อ ที่จะส่งออกไปเมืองนอกได้ เมื่อทุกอย่างเดินหน้าได้เอกชนจะพัฒนาโครงการเองในที่ดินที่เหลือต่อไป รวมไปถึงการนิคมอุตสาหกรรม มีการหารืออยากให้บริษัทเคหะสุขประชาไปสร้างอาคารเช่าให้แรงงานในนิคมเป็นเวลา 30 ปี แต่ปรากฏว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งมีข้อท้วงติงจากหน่วยงานรัฐด้วยกันว่า บริษัทเคหะสุขประชา เป็นบริษัทลูก กคช. จะดำเนินการสร้างที่อยู่อาศัยแข่งกับ กคช.ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ กคช.และบริษัทลูก ต้องนำข้อท้วงติงไปศึกษาและหาวิธีการแก้ไขต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 16มี.ค. ที่ระดับ 34.62 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวนหนัก จับตาความผันผวนในตลาดช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุมของ ECB อย่างใกล้ชิด หากมั่นใจวิกฤตภาคธนาคารไม่เกิดขึ้นจะขึ้นดอกเบี้ยต่อ+0.50%อาจเห็นการรีบาวด์แข็งค่าของเงินยูโร ล่าสุด แรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ และยุโรป มีลักษณะ panic sell

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 16มีนาคม2566 ที่ระดับ  34.62 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.60 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เราประเมินว่า แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าในช่วงคืนที่ผ่านมาจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ แต่ทว่า เงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ซึ่งช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทลง ทำให้โดยรวมเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าลงไปมาก

อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในวันนี้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนหนัก โดยในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เงินบาทมีโอกาสเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด ที่อาจส่งผลต่อเนื่องให้ นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งขายสุทธิสินทรัพย์ในฝั่งไทยได้

เรามองว่า แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอาจไม่ได้รุนแรงมากเนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ และยุโรป ล่าสุด มีลักษณะ panic sell และหากพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมจะเห็นได้ว่า ความเสี่ยงที่ปัญหาดังกล่าวจะลุกลามกลายเป็นวิกฤตยังมีโอกาสเกิดไม่มากนัก และเป็นสิ่งที่ทางการสหรัฐฯ และยุโรปสามารถเข้ามาให้ความช่วยเหลือได้

อนึ่ง เรามองว่า ควรจับตาความผันผวนในตลาดช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุมของ ECB อย่างใกล้ชิด โดยเรามองว่า หาก ECB แสดงความมั่นใจว่า วิกฤตในภาคธนาคารจะไม่เกิดขึ้น และเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ +0.50% เราอาจเห็นการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) ซึ่งอาจจะหนุนการแข็งค่าของเงินบาทได้ แต่หาก ECB ขึ้นดอกเบี้ยเพียง +0.25% เงินยูโรอาจไม่ได้รีบาวด์แข็งค่าขึ้นไปมาก

และในกรณีที่ ECB ไม่ขึ้นดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ยลง (ซึ่งเรามองว่า โอกาสเกิดกรณีนี้ ต่ำมาก) ตลาดจะตีความว่า ปัญหาระบบธนาคารยุโรปมีความน่ากังวลจริงและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งอาจเห็นแรงขายสินทรัพย์ฝั่งยุโรปเพิ่มเติม กดดันให้เงินยูโรอ่อนค่าลงชัดเจนได้ไม่ยาก โดยในกรณีนี้ เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์ได้

ในช่วงนี้ เรามองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก) ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.70 บาท/ดอลลาร์

ความวิตกต่อระบบธนาคารสหรัฐฯ และธนาคารยุโรป ยังคงกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดการเงินสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างกลับมาเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ อีกครั้ง (ซึ่งเรามองว่า เป็นการขายแบบ panic sell จากความวิตกกังวลมากเกินไป) ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวลง -0.70%

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่อง ของหุ้นกลุ่มเทคฯ ขนาดใหญ่สหรัฐฯ อาทิ Alphabet +2.3%, Microsoft +1.8% หลังให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ และมองว่าเฟดมีโอกาสจะกลับมาลดดอกเบี้ยลงได้ราว -0.75% จนแตะระดับ 4.00% ในการประชุมเดือนธันวาคม

ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 กลับมาดิ่งลงแรงกว่า -2.92% ท่ามกลางความวิตกของผู้เล่นในตลาดต่อปัญหาเสถียรภาพของระบบธนาคารในสหรัฐฯ และยุโรป ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปในลักษณะ panic sell (UBS -8.7%, Intesa Sanpaolo -6.9%) นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP -8.3%, TotalEnergies -5.6%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่อง (WTI หลุดระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล)

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ และยุโรป ได้ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับลดโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและเพิ่มโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟด ได้ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลงสู่ระดับ 3.45%

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า การปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ ควรมองเป็นโอกาสในการทยอยขายทำกำไรสถานะถือบอนด์ มากกว่า ไล่ราคาซื้อ เนื่องจากเราประเมินว่า ปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ และยุโรปจะไม่ลุกลามและบานปลาย กลายเป็นวิกฤต อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในฝั่งสหรัฐฯ ก็มีความต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในฝั่งยุโรป กับ ธนาคาร Credit Suisse แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในสองภูมิภาคมีสิ่งที่เหมือนกัน คือ

เป็นวิกฤตศรัทธาต่อระบบธนาคาร ซึ่งสถานการณ์สามารถทยอยคลี่คลายลงได้ หากทางการหรือธนาคารกลางสามารถฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาได้ ดังนั้น เราจึงมองว่า บรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และ ECB อาจให้น้ำหนักปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูง (และชะลอลงช้า) มากกว่าวิกฤตศรัทธาในภาคธนาคาร ทำให้การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจะยังไม่จบ และบอนด์ยีลด์ระยะยาวมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากระดับปัจจุบันได้   

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 104.6 จุด หลังความวิตกกังวลต่อระบบธนาคารล่าสุด มีจุดสนใจที่ฝั่งธนาคารยุโรป ซึ่งความกังวลดังกล่าว ได้กดดันให้เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.058 ดอลลาร์ต่อยูโร ตามการปรับลดโอกาส ECB ขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ของผู้เล่นในตลาด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างเลือกที่จะถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยต่อเนื่อง

กอปรกับ ผู้เล่นในตลาดต่างก็ปรับลดโอกาสที่บรรดาธนาคารกลางหลักจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ส่งผลให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนเผชิญแรงขายทำกำไรและย่อตัวลง สู่ระดับ 1,928 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ เรามองว่า โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าวมีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท แม้ว่าในช่วงคืนที่ผ่านมาเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าขึ้นพอสมควร

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเราคาดว่า ECB จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ต่อเนื่อง +0.50% สู่ระดับ 3.00% ได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนยังอยู่ในระดับที่สูงถึง 8.5% เมื่อเทียบกับเป้าหมายของ ECB ที่ 2.0% นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะจับตา คาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ของ ECB รวมถึง ถ้อยแถลงของประธาน ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของ ECB โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบธนาคารยุโรป ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าธนาคารสำคัญของยุโรปมีความเสี่ยงที่จะปิดตัวลง

ส่วนในฝั่งเอเชีย จะมีผลการประชุมของธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ให้รอติดตาม โดยเราประเมินว่า BI จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.75% ต่อ หลัง BI อาจมองว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องและการขึ้นดอกเบี้ยก่อนหน้าอาจเพียงพอที่จะคุมปัญหาเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) ก็เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น

นอกจากการประชุมของธนาคารกลางดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะยังคงติดตามเสถียรภาพของระบบธนาคารสหรัฐฯและยุโรป ต่อเนื่อง ซึ่งความกังวลต่อปัญหาระบบธนาคารอาจกดดันบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นนี้ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หนักมั้ยถามใจดู? แบ่งโถเตรียมจับสลาก วอลเลย์บอลหญิง คัดโอลิมปิก 2024

“ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง รายการ เนชั่นส์ลีก และรายการ ชิงแชมป์โลก 2022 จนก้าวขึ้นมาเป็นทีมขวัญใจของชาวโลก

ซึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ทางการถึงรูปแบบการคัดเลือก วอลเลย์บอลหญิง โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ออกมาเป็นที่เรียบร้อย

ความเคลื่อนไหวล่าสุดได้มีการเปิดเผยเงื่อนไขในการจับสลากแบ่งกลุ่ม ออกมาอย่างเป็นทางการ โดย จีน, ญี่ปุ่น, โปแลนด์ เจ้าภาพจะได้เป็นทีมวาง ส่วนอีก 21 ทีมที่เหลือจะแบ่ง 3 ทีม ออกเป็น 7 โถ

ประเภททีมหญิง (จีน, ญี่ปุ่น, โปแลนด์ เจ้าภาพ)
โถ 1 : เซอร์เบีย, อิตาลี, บราซิล
โถ 2 : สหรัฐอเมริกา, ตุรกี, โดมินิกัน
โถ 3 : เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี
โถ 4 : แคนาดา, ไทย, บัลแกเรีย
โถ 5 : เปอร์โตริโก, สาธารณรัฐเช็ก, โคลอมเบีย
โถ 6 : เม็กซิโก, อาร์เจนตินา, เกาหลี
โถ 7 : ยูเครน, สโลวีเนีย, เปรู

สำหรับการแข่งขันในรอบคัดเลือกครั้งนี้จะมีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 24 ทีม ที่มาจากทีมที่มีคะแนนดีที่สุดของคะแนนสะสมอันดับโลก (FIVB World Ranking) โดยจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 8 ทีม แข่งขันแบบพบกันหมด ทีมอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่ม จะผ่านเข้ารอบสุดท้าย โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


พฤติกรรมเสี่ยง “มะเร็งปอด” แม้ไม่สูบบุหรี่

“อย่าสูบบุหรี่เลย เดี๋ยวเป็นมะเร็งปอดไม่รู้ด้วย” นี่เป็นคำพูดของเราเมื่อเห็นเพื่อนรักสูบบุหรี่ เพื่อนมองเราพร้อมทำหน้าเจื่อนๆ แต่ก็ไม่ได้หยุดสูบแต่อย่างใด แม้ว่าเราจะห้ามเพื่อนไม่สำเร็จ แต่เราคิดว่าเราทำหน้าที่เพื่อนที่ดีเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของเขาแล้วล่ะ

เอาเข้าจริงแล้ว ตัวเราเองที่ไม่ได้สูบบุหรี่เลย ก็อาจเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดได้เหมือนกันหากเข้าข่ายพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ มีสาเหตุของมะเร็งปอดอะไรที่นอกเหนือไปจากบุหรี่บ้าง มาระวังตัวกันดีกว่าค่ะ

จากสถิติที่ได้มีการรวบรวมไว้พบว่า ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดเป็นผู้ป่วยที่ไม่ได้สูบบุหรี่อยู่ประมาณ 10 – 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยที่ 2 ใน 3 เป็นผู้ป่วยเพศหญิง ซึ่งในช่วงหลังมานี้ ผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดในเอเชียโดยที่ไม่ได้สูบบุหรี่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งชนิดของเซลล์มะเร็งปอดที่พบในผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกัน

กลุ่มแรก ผู้ป่วยมะเร็งปอดจากการสูบบุหรี่ มักถูกพบเซลล์มะเร็งชนิดสแควร์มัส โดยพบเป็นก้อนอยู่ที่บริเวณทางเดินหายใจ และมักจะแสดงอาการให้เห็นเร็วกว่าผู้ป่วยที่ไม่ได้สูบบุหรี่ อาทิ มีอาการไอ หรือไอเป็นเลือด

กลุ่มที่สอง ผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่ได้เกิดจากการสูบบุหรี่ มักถูกพบเซลล์มะเร็งชนิดอะดีโนคาร์ซิโนม่า มักถูกพบก้อนเนื้อที่บริเวณปอดในส่วนที่ห่างจากทางเดินหายใจ จึงทำให้ไม่แสดงอาการให้เห็นในช่วงแรก อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจสั้น อาจปวดตามข้อ หรือตามกระดูกที่เกิดจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปตามกระแสเลือด นอกจากนี้ เซลล์มะเร็งอีกชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยที่ไม่ได้สูบบุหรี่ คือ บรองโคแอลวีโอล่าร์คาร์ซิโนม่า หรือบีเอซี จะพบได้ในผู้ป่วยที่เป็นเพศหญิง มีอายุน้อย ซึ่งเชื้อตัวนี้ในระยะหลังมีแนวโน้มที่จะถูกพบในผู้ป่วยได้มากขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

พฤติกรรมเสี่ยง “มะเร็งปอด” แม้ไม่สูบบุหรี่

1. สูดหายใจเอาควันบุหรี่เข้าปอด

หนึ่งในกรณีที่เราอาจเข้าข่าย และเชื่อว่าหลายคนอาจจะมีโอกาสอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะตามเพื่อนไปเที่ยวตามสถานที่บันเทิง ยืนท่ามกลางฝูงคนที่พ่นควันบุหรี่ตลอดเวลา การสูดเอาควันบุหรี่ของคนอื่นเข้าปอด เผลอๆ จะอันตรายยิ่งกว่าตัวคนสูบบุหรี่เองเสียอีก ดังนั้นถ้าเพื่อนรักจะสูบบุหรี่ ไล่ให้ออกไปสูบไกลๆ หรือไม่ก็ต้องย้ายตัวคุณเองนี่แหละออกมา หมดมวนค่อยเจอกัน

2. กรรมพันธุ์

เรื่องที่น่าเศร้า คือ คุณอาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งปอด หากสมาชิกในครอบครัวของคุณเคยเป็นโรคมะเร็งปอดมาก่อน โดยคุณอาจจะไม่เคยแตะต้องบุหรี่มาก่อนในชีวิตก็ได้ ดังนั้นหากคุณทราบว่าครอบครัวของคุณมีประวัติเป็นโรคมะเร็งปอดมาก่อน ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะการตรวจปอด และอย่าลืมบอกแพทย์ด้วย

3. สูดดมสารเคมีมากเกินไป

ลองสังเกตสถานที่ทำงาน หรือละแวกรอบบ้านของคุณดูดีๆ ว่าคุณต้องผจญอยู่กับสารเคมีอันตรายเช่น สารหนู ก๊าซเรดอน รังสี ไอระเหยต่างๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหรือเปล่า ไม่ว่าคุณจะทำงานในโรงงานที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากเครื่องจักร ใช้สารเคมีกลิ่นรุนแรงเพื่อผลิตสินค้า หรือแม้กระทั่งอาศัยใกล้แหล่งโรงงานที่ปล่อยของเสียทิ้งลงพื้น หรือแหล่งน้ำ ที่ส่งกลิ่นเหม็นตลอดเวลา หากมีข้อใดข้อหนึ่งตามนี้ ลองปรึกษาภาครัฐเพื่อช่วยแก้ปัญหา ก่อนที่จะสายเกินไป

อาการของผู้ที่เป็นโรคมะเร็งปอด

– ไอเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะไม่มีเสมหะในช่วงแรก หลังๆ อาจมีเสมหะเพราะเซลล์มะเร็งจะเริ่มอุดกั้นบางส่วนของปอด จนเกิดเป็นมูกใส หรืออาจมีสีเขียวหรือเหลืองหากติดเชื้อ

– หอบเหนื่อย หายใจลำบาก

– เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเวลาเกร็ง หรือสูดลมหายใจแรงๆ

มะเร็งปอด รักษาอย่างไร

มีวิธีการรักษาโรคมะเร็งปอดหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความสาหัสของอาการที่พบว่าอยู่ในระยะใด มีทั้งหารผ่าตัดเอาเซลล์มะเร็งออกจากปอด การใช้เคมีบำบัด ฉายรังสี หรือการให้ภูมิคุ้มกันเพิ่ม เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งปอดอาจมีภูมิคุ้มกันผิดปกติ โดยอาจใช้วิธีเหล่านี้เดี่ยวๆ วิธีเดียว หรืออาจจะใช้หลายวิธีควบคู่กันไปก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สูบบุหรี่ยังคงมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดสูงที่สุด โดยสูงกว่าคนที่ไม่ได้สูบมากถึง 20 เท่า ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเลิกสูบบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหลีกเลี่ยงการเป็นมะเร็งปอดอย่างได้ผลจริงๆ ค่ะ มาเลิกสูบบุหรี่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สดใสกันดีกว่าค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยคทักทาย พูดคุยภาษาอังกฤษกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน

หลายคนคงอยากจะฝึกพูดภาษาอังกฤษ แต่พอเจอชาวต่างชาติ กลับคิดคำพูดไม่ออก วันนี้เรามาแนะนำคำพูดทักทาย คำถามเบื้องต้น สำหรับชวนคุย เพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่กัน

บทเรียนใหม่ๆ ส่งตรงทุกวันฟรี พร้อม eBook สุดพิเศษจาก Engnow สมัครสมาชิกเว็บไซต์ที่นี่เลยฟรี >> คลิก

ประโยคทักทาย พูดคุยภาษาอังกฤษกับคนที่เพิ่งรู้จัก

  1. What’s your name?/What is your name, please? คุณชื่ออะไร
  • หรืออยากให้สุภาพขึ้นสามารถใช้คำว่า May I have your name?/Could I have your name? หมายความว่า ขอทราบชื่อของคุณได้ไหม
  • หลังจากแนะนำตัวแล้วอาจจะพูดว่ายินดีที่ได้รู้จัก เช่น 
    • (It’s) nice/good to meet/see you.
    • (I’m) pleased to meet/see you.
    • (I’m) glad to meet/see you.
    • It’s a pleasure to meet you.

2. How are you? คุณเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม

เป็นคำทักทายที่ใช้กันในบริบททั่ว ๆ ไป แต่ถ้าคุณอยากให้สุภาพเป็นพิเศษ สามารถทักทายด้วยสองคำถามนี้ “how’s it going?” หรือ “how are you doing?” 

สามารถตอบกลับไปว่า “it’s going well” หรือ “I’m doing well”

สำหรับคำตอบสามารถตอบกลับได้หลายแบบ เช่น 

  • I’m good. What about you?
  • I’m great.
  • I’m excellent.
  • I’m awesome.
  • I’m fantastic.
  • I’m terrific.
  • I’m well.
  • Not bad.
  • I’m splendid.
  • Never better.

คำเหล่านี้หมายความว่าฉันสบายดี

3. Where do you live? คุณอาศัยอยู่ที่ไหน

หากคุณเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่ควรตอบว่า I live in Thailand. เพราะคุณอยู่ประเทศไทยอยู่แล้ว แต่สามารถตอบให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น I live in Silom. = ฉันอยู่แถวสีลม

หากคู่สนทนาอยู่ในเมืองที่เราไม่รู้จัก สามารถถามว่า Where in … (are you from)? เช่น

A : Where do you live?

B : I live in America

A : Where in america?

B : Los Angeles 

4. What do you do? / What do you do for living? / What are you? คุณทำอาชีพอะไร

  • I am an engineer. ผมเป็นวิศวกรครับ
  • I am a housewife. ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ
  • ส่วน What are you doing? = คุณกำลังทำอะไรอยู่ (ขณะนี้) เวลาตอบคำถามนี้จะบอก action (การกระทำ) จะใช้ v. to be (กิริยาช่วย is, am, are) + v.ing เช่น I am cooking. ฉันกำลังทำอาหาร

5. How did you get here? คุณมาที่นี่ได้อย่างไร

  • By bus. / By car.

6. How long did it take? คุณใช้เวลามาที่นี่เท่าไหร่

  • About 20 minutes.

7. Where did you go to school? คุณเรียนจบจากที่ไหน

Chulalongkorn University.

เราจะตอบเป็นสถานที่ล่าสุดที่เราเรียนจบมา

8. What was your major? / What did you study? คุณเรียนคณะอะไร

  • Education : คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์
  • Business Administration : คณะบริหารธุกิจ
  • Architecture : คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
  • Commerce and Accountancy : คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี

ประโยคสนทนาเบื้องต้นในการซักถามประวัติเพื่อทำความรู้จักสนิทสนมมากขึ้น แต่อาจจะต้องดูด้วยว่าคู่สนทนาเป็นคนแบบไหน อยู่ในวัยเดียวกันหรือไม่เพื่อใช้ประโยคที่เหมาะสมกับคู่สนทนาด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


แคสเปอร์สกี้พบเหตุโจมตีทางไซเบอร์จากเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 89.48%

เมื่อเร็ว ๆ นี้ แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky) ได้ออกรายงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ประจำปีล่าสุดสำหรับประเทศไทยในปี 2022 รายงานล่าสุดแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้ได้บล็อกเหตุการณ์โจมตีที่เป็นอันตรายจำนวน 364,219 เหตุการณ์ที่เกิดจากเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์ในประเทศไทย สูงกว่าปีที่แล้ว 89.48% (192,217 เหตุการณ์)

เมื่อผู้ใช้ของแคสเปอร์สกี้ถูกโจมตีโดยภัยคุกคามออนไลน์ จะมีการบันทึกแหล่งที่มาของภัยคุกคาม ซึ่งก็คือตำแหน่งที่ตรวจพบโดยคอมโพเน้นต์ WebAntivirus

ประเทศไทยมีสถิติที่โดดเด่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนี้ ในปี 2019 มีการบันทึกเหตุการณ์โจมตีมากที่สุดกว่า 1.08 ล้านเหตุการณ์ ตัวเลขดังกล่าวลดลงในช่วงที่เกิดโรคระบาดในปี 2020 – 2021 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นได้บันทึกไว้อีกครั้งในปี 2022 ล่าสุด

ช่วงสามปีที่ผ่านมากลายเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับภาคธุรกิจ องค์กรทุกขนาดถูกบังคับให้เปลี่ยนลำดับความสำคัญ โดยมุ่งเน้นที่การปลดล็อกเพื่อเปลี่ยนไปสู่การทำงานจากระยะไกล ในขณะที่ยังต้องต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ ปัญหาซัพพลายเชน และการลงทุนในแหล่งรายได้ใหม่

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดดูเหมือนจะได้รับการเตรียมพร้อมอย่างดีสำหรับอนาคตที่สดใสของประเทศไทย

ในปีนี้ รัฐบาลไทยมีเป้าหมายที่จะเร่งรัดการลงทุนของรัฐเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3-4% ในปี 2023 โดยการเติบโตได้แรงหนุนจากแผนของรัฐบาลในการเร่งการลงทุนของรัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้

ในปี 2022 ทั่วโลก ระบบตรวจจับของแคสเปอร์สกี้ค้นพบไฟล์ที่เป็นอันตรายโดยเฉลี่ย 400,000 ไฟล์ทุกวัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปี 2021 ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ยังค้นพบว่าแรนซัมแวร์ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่ล็อกอุปกรณ์หรือไฟล์นั้นมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ โดยมีสัดส่วนการตรวจพบแรนซัมแวร์เพิ่มขึ้น 181% ทุกวัน

จากรายงานล่าสุดของแคสเปอร์สกี้ในปี 2022 ประเทศไทยมีจำนวนเหตุการณ์แรนซัมแวร์ที่ถูกบล็อกโดยโซลูชัน B2B ของแคสเปอร์สกี้ มากเป็นอันดับสอง (82,438 เหตุการณ์) จากเหตุการณ์ที่กำหนดเป้าหมายโจมตีเป็นองค์กรธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด 304,904 เหตุการณ์

นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ความต่อเนื่องทางธุรกิจนั้นขึ้นอยู่กับความปลอดภัยของข้อมูลเสมอ ปัจจุบันเมื่อโครงสร้างพื้นฐานมีความซับซ้อนมากขึ้นและการโจมตีทางไซเบอร์ก็มีความช่ำชองมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ จึงมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเรื่องความจำเป็นในการปกป้ององค์กรจากอาชญากรไซเบอร์ กฎระเบียบของรัฐเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่องบประมาณที่เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูล ในขณะเดียวกัน การวางแผนที่ดี ทีมงานที่เชื่อถือได้ ตลอดจนโซลูชันและบริการด้านความปลอดภัยแบบองค์รวม ก็สามารถช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับองค์กรไทยได้”

แคสเปอร์สกี้ขอแนะนำวิธีต่อไปนี้ เพื่อปกป้องธุรกิจและลดความเป็นไปได้ของเหตุการณ์โจมตีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ดังนี้

  • กำจัดความน่าจะเป็นของการโจมตี เมื่ออาชญากรไซเบอร์พยายามเข้าถึงข้อมูลดิจิทัลของคุณ โดยการใส่รหัสผ่านจำนวนมากโดยหวังว่าจะคาดเดาได้อย่างถูกต้องในที่สุด แนะนำให้ใช้รหัสผ่านที่รัดกุมสำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดของคุณและพนักงาน รหัสผ่านที่ปลอดภัยควรประกอบด้วยตัวอักษรอย่างน้อยแปดตัว ตัวเลขหนึ่งตัว ตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก และอักขระพิเศษ ในกรณีที่สงสัยว่ารหัสผ่านถูกบุกรุก ให้เปลี่ยนรหัสผ่านทันที
  • อย่าปล่อยให้อาชญากรไซเบอร์ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ ซึ่งผู้โจมตีใช้เป็นช่องโหว่เพื่อเข้าถึงข้อมูลองค์กรในเบื้องต้น อย่าเพิกเฉยต่อการอัปเดตจากผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ การอัปเดตต่างๆ มักจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ การปรับปรุงอินเทอร์เฟส และยังช่วยแก้ไขช่องว่างด้านความปลอดภัยที่ไม่ถูกเปิดเผยอีกด้วย
  • ป้องกันการโจมตีจากแรนซัมแวร์ เมื่อผู้บุกรุกเข้ารหัสข้อมูลองค์กรและรีดไถค่าไถ่เพื่อถอดรหัส นอกจากการอัปเดตอุปกรณ์ทั้งหมดแล้ว ขั้นตอนสำคัญอีกประการหนึ่ง คือการตั้งค่าการสำรองข้อมูลแบบออฟไลน์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็วหากไฟล์ขององค์กรถูกเข้ารหัส เนื่องจากภัยคุกคามนี้กำลังเพิ่มสูงขึ้น โซลูชันการรักษาความปลอดภัยสำหรับธุรกิจจึงต้องสามารถป้องกันแรนซัมแวร์ได้ 100% ฟังก์ชันการทำงานควรรวมถึงการระบุและบล็อกมัลแวร์ที่ไม่รู้จักก่อนที่จะดำเนินการ และเริ่มต้นการสร้างสำเนาสำรองอัตโนมัติในกรณีที่มีการโจมตี
  • รักษาความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยในระดับสูง กระตุ้นให้พนักงานเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยคุกคามในปัจจุบัน และวิธีปกป้องชีวิตส่วนตัวและการทำงาน และเข้าร่วมอบรมหลักสูตรฟรีที่เกี่ยวข้อง

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ และลดความเสี่ยงของการโจมตีและการละเมิดข้อมูลสำหรับภาคธุรกิจ ควรใช้การป้องกันเอ็นด์พอยต์ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามและการตอบสนองต่อการโจมตี การป้องกันเอ็นด์พอยต์ในระดับที่จำเป็นนี้รวมอยู่ใน Kaspersky Optimum Security framework สำหรับองค์กรที่มีฟังก์ชันความปลอดภัยด้านไอทีที่สมบูรณ์แล้ว Kaspersky Expert Security framework ยังมีการป้องกัน APT ข้อมูลภัยคุกคามล่าสุด และการฝึกอบรมระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ

สำหรับธุรกิจ SMB และองค์กรขนาดกลาง แคสเปอร์สกี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังได้เปิดตัวโปรโมชั่นซื้อ 1 ฟรี 1 องค์กรธุรกิจสามารถใช้งานการป้องกันอุปกรณ์เอ็นด์พอยต์ระดับองค์กรเป็นเวลาสองปีในราคาหนึ่งปี ด้วย Kaspersky Endpoint Security for Business หรือ Cloud หรือ Kaspersky Endpoint Detection and Response Optimum พร้อมการสนับสนุนทางโทรศัพท์ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าที่สนใจสามารถ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


10 ประโยชน์ดีๆ ของลูกหม่อน มัลเบอร์รี่ ป้องกันมะเร็ง-เบาหวาน

ผลไม้ในบ้านเรามีหลากหลายชนิดมากจริงๆ นะคะ ทานยังไงก็ไม่ครบเสียที เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยทาน “ลูกหม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี่” เราเพิ่งได้ทานเมื่อไม่กี่วันก่อนเองค่ะ รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ทานเพลินมากๆ ให้สีชมพูอมม่วงสวย น่านำมาทำขนมสุดๆนอกจากราคาสบายกระเป๋า รสชาติสดชื่นแล้ว ยังมีประโยชน์ดีๆ อีกเพียบเลยด้วยนะ 

10 ประโยชน์ดีๆ ของลูกหม่อน มัลเบอร์รี่

  1. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ปริมาณน้ำตาลต่ำ และปรับปรุงการเผาผลาญของไขมันในร่างกาย จึงเหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือเป็นผู้ป่วยเบาหวาน
  2. บำรุงหัวใจให้แข็งแรง
  3. มีฤทธิ์เย็น ช่วยดับร้อน และให้ความสดชื่น ด้วยรสเปรี้ยวหวานที่เป็นเอกลักษณ์
  4. บำรุงสายตา ทำให้เส้นประสาทตาดี สายตาแจ่มใส
  5. แก้อาหารท้องผูก ทำให้ถ่ายได้ง่ายขึ้น
  6. แก้อาการปวดเกร็งตามเท้า ข้อมือ ข้อเข่า
  7. บำรุงเส้นผมให้ดกดำ เงางาม
  8. ลดความดันโลหิต
  9. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคมะเร็ง และต่อต้านอาการขาดเลือดในสมอง
  10. ป้องกันโรคโลหิตจาง 

เห็นอย่างนี้แล้ว เย็นนี้อย่าลืมหา “ลูกหม่อน” หรือ “มัลเบอร์รี่” มาทานกันเยอะๆ นะคะ จะทานสดๆ หรือนำมาดัดแปลงเป็นส่วนประกอบของขนมหวานต่างๆ ก็ได้ ทานเพลินกันได้ทั้งบ้านเลยค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 16/03/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,100.0031,200.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,015.0030,547.4031,700.00
ทองรูปพรรณ 90%1,813.5027,492.66n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,612.0024,437.92n/a
ทองรูปพรรณ 50%907.0013,750.12n/a
ทองรูปพรรณ 40%705.0010,687.80n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,088.0031,654.08n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 16/03/2566



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.0536.0537.1436.3536.3536.0536.0536.0536.3536.05
แก๊สโซฮอล์ 9135.7835.7836.8436.0836.0835.7835.7835.7836.0835.78
แก๊สโซฮอล์ E2033.7433.7434.5434.0434.0433.7433.7434.0433.74
แก๊สโซฮอล์ E8534.1934.1934.19
เบนซิน 9543.8644.2144.3644.0143.86
ดีเซล B733.9433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล33.9433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล B2033.9433.9434.2433.9433.9433.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.0643.1645.1444.2644.2643.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า