สาระน่ารู้ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2566

ตัดถนนใหม่ต้องกำหนดแนวเวนคืนให้ชัด กระทบคนไม่กล้าซื้อบ้าน

กทม. เดินหน้าก่อสร้างถนน “เพชรเกษม-สุขสวัสดิ์-กาญจนาภิเษกด้านใต้ (วงแหวนใต้) หลังพ.ร.ฎ เวนคืนประกาศใช้ “โสภณ พรโชคชัย” แนะควรกำหนดแนวเวนคืนให้ชัด คนไม่กล้าซื้อบ้าน

การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสร้างความเจริญให้กับพื้นที่ก็จริงแต่การกำหนดแนวเขตทางเพื่อก่อสร้างถนนกว้างเกินจริง อาจส่งผลกระทบชาวบ้านตกใจได้  นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ บริษัท เอเจนซี่ฟอร์เรียลเอสเตทแอฟแฟร์ส หรือ AREA และประธานมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินไทย ระบุว่า

ส่งผลลบต่อราคาบ้านและที่ดิน คนซื้อไม่กล้าซื้อ คนรู้วงในฉวยโอกาสหรือไม่ ยกตัวอย่าง พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงบางด้วน แขวงบางหว้า แขวงบางจาก แขวงคหูาสวรรค์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อแขวงจอมทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน  แขวงบางมด แขวงทุ่งครุ เขต ทุ่งครุและแขวงบางปะกอกแขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บรูณะกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2566   หรือถนนสายฉ.1 และง21 ตามถนนผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (เพชรเกษม-สุขสวัสดิ์ -กาญจนภิเษกด้านใต้ หรือถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้)

ตามแผน กำหนดแนวไว้กว้างมากกว่าความเป็นจริงมาก ส่งผลเสียร้ายแรง ทำชาวบ้านตกใจ ส่งผลลบต่อราคาบ้านและที่ดิน คนซื้อไม่กล้าซื้อ ส่วนคนรู้วงในที่รู้แนวจริงอาจฉวยโอกาสซื้อในราคาถูกหรือไม่

 อันที่จริงหน่วยงานด้านการเวนคืนควรสำรวจให้ชัดเจนเสียก่อนว่าแปลงไหนจะถูกเวนคืนบ้าง และประกาศให้ประชาชนได้รู้ว่าล่วงหน้า ทางราชการควรศึกษาให้ดีก่อนประกาศ เจ้าของบ้านและที่ดินส่วนมากที่ไม่ถูก เวนคืนจะได้สบายใจและไม่เสียผลประโยชน์ไปด้วย

ที่ผ่านมาบางโครงการประกาศแนวเวนคืนกว้าง 500 ถึง 1,000 เมตรตลอดแนว ทั้งที่จะก่อสร้างจริงเพียง 60 ถึง 100 เมตรเท่านั้น ทำให้ในระหว่างการเวนคืนซึ่งอาจกินเวลา 5 ถึง 10 ปี ประชาชนเจ้าของที่ดินและอาคารได้รับผลลบเพราะผลไม่มีใครกล้าซื้อ และราคาคงตกตํ่าลงไปได้ในยุคสมัยใหม่นี้ หากรัฐบาลหรือหน่วยราชการใดในด้านการเวนคืนทำให้ราคาทรัพย์สินของประชาชนลดตํ่าลงเช่นจากการกำหนดแนวเวนคืนที่กว้างเกินจริง รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรชดใช้ความเสียหายแก่ประชาชนจากความเดือดร้อนนี้ด้วย

ในกรณีการชดใช้ค่าเสียหาย เช่น หากราคาที่ดินเป็นเงิน 1 ล้านบาท ตลอด 10 ปีที่ยังไม่มีความชัดเจนในการเวนคืนราคาอาจหยุดนิ่งไป ในขณะที่ในสถานการณ์ปกติราคาที่ดินอาจเพิ่มขึ้นปีละ 3% ดังนั้นประชาชนเจ้าของที่ดินและทรัพย์สินที่เดือดร้อนควรได้รับการชดเชยเป็นเงิน 343,916 บาท หรือ 1.03 ยกกำลัง 10 แล้วลบด้วย 1 คูณด้วยราคาฐาน 1 ล้านบาท เป็นต้น หากราคาลดลงก็ยิ่งต้องชดใช้ค่าเสียหายมากขึ้น

 ยิ่งกว่านั้นในอนาคต หน่วยราชการและตัวข้าราชการผู้ที่ยังกำหนดแนวเวนคืนแบบตีขลุม-ส่งเดช ควรได้รับโทษหรือมีความผิดทางวินัยเช่นกันจะอาศัยความเป็นข้าราชการมาคุ้มครองตนเองไม่ได้ ยิ่งหากใครรู้ข้อมูลการเวนคืนวงในแล้วนำไปหาผลประโยชน์ เช่นไปดักซื้อ ไปช้อนซื้อในราคาถูก ควรได้รับการลงโทษเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


RML เผยโฉม “OCC” อาคารสำนักงานลักชัวรี่ สูงสุดในไทย

RML เผยโฉม “OCC” อาคารสำนักงานลักชัวรี่ สูงสุดในไทยปลื้มผลตอบรับดีมาก ยอดจองพื้นที่ออฟฟิศ-รีเทล แตะสูงถึง 70% ตั้งเป้าผู้เช่าเต็มพื้นที่ในปี67

ที่ดินใจกลางเมืองปัจจุบันหายาก ส่วนใหญ่มักอยู่ในมือของนักลงทุนระดับแถวหน้าของเมืองไทยและนักลงทุนรายใหญ่จากต่างชาติ ขณะเดียวกัน ราคาแพงระยับขยับขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของย่าน 

โดยเฉพาะ ทำเลศักยภาพย่านศูนย์กลางธุรกิจสำคัญอย่าง “เพลินจิต” ทำเลทองคำฝังเพชรที่ราคาซื้อขายที่ดินสูงมาเป็นอันดับหนึ่ง  ตารางวาละ 3.5ล้านบาทและประเมินว่าแม้ราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ความต้องการ ยังมีต่อเนื่อง ที่จะต้องการสร้างเป็นอาณาจักร ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ รองรับการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตอยู่ในย่านที่คุ้นเคย

เช่นเดียวกับ   RML หรือบริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)   ผู้นำวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ เปิดให้ชมโครงการจริงของ ‘OCC (One City Centre)’ ครั้งแรก ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย ด้วยความสูง 61 ชั้น หรือ 275.76 เมตร

  

       

บิ๊กโปรเจ็กต์ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น มูลค่าลงทุน 8,800 ล้านบาท ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘REIMAGINE YOUR WORLD’ ปักหมุดเป็น Happy Workplace และ Lifestyle Destination ศูนย์กลางแห่งใหม่ของโลก ชูจุดเด่นสุดยอดทำเลติด BTS เพลินจิต มีสะพานเชื่อม (Sky bridge) ตรงสู่อาคารได้ทันที

 โดดเด่นด้วยพื้นที่สีเขียวสวนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง กว่า 5,000 ตร.ม. อีกทั้งไฮไลต์ Sky Bar ชั้นบนสุดของอาคาร กับวิวเมืองมองเห็น แบบพาโนรามาสวยสะกด ที่ต้องให้ทุกคนไปเยือนสะท้อนจากการเปิดให้เยี่ยมชมอย่างไม่เป็นทางการเพียงไม่นาน ปัจจุบันกลายเป็นจุดเช็คอินใหม่ของชาวเพลินจิตไปแล้ว ทางด้านผู้เช่าก็ได้รับการตอบรับสูง ประเมินว่าจะมียอดเช่าพื้นที่เต็มในเวลาอันรวดเร็ว เห็นได้จากความสนใจจากลูกค้าเกิดขึ้นแล้วกว่า 70% โดยเชื่อว่าหลัง “Sky bridge” สร้างแล้วเสร็จจะผลักดันอัตราเช่าเต็มพื้นที่ต้นปีหน้า หรือ2567อย่างแน่นอน

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML กล่าวว่า ตลาดอาคารสำนักงานในปี 2566 นี้ คาดว่าแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก CBRE พบว่า ในไตรมาส 1 ปีนี้ มีพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 9.38 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A+ บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) อยู่ที่ 400,000 ตร.ม. และเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A บนทำเล CBD อยู่ที่ 900,000 ตร.ม.

รวมถึงเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A นอกพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (Non-CBD) อยู่ที่ 520,000 ตร.ม. จะเห็นได้ว่าอุปทาน (Supply) พื้นที่ให้เช่าในอาคารสำนักงาน Grade A+ มีน้อยที่สุด ในขณะที่ความต้องการยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ด้วยเหตุนี้ RML จึงเล็งเห็นโอกาสในการเปิดตัวโครงการ OCC อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ โดยเตรียมเปิดตัวเต็มรูปแบบในวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตอบสนองดีมานด์ของตลาดในขณะนี้

“OCC พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘REIMAGINE YOUR WORLD’ แลนด์มาร์กสำคัญทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ใจกลาง      เพลินจิต ที่ตอบสนองชีวิตในรูปแบบใหม่ให้กับการใช้ชีวิตการทำงานควบคู่กับไลฟ์สไตล์ในทุกวัน ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ตอบโจทย์อย่างรอบด้านจึงทำให้ OCC ที่ปัจจุบันมีอัตราค่าเช่าประมาณ 1,500 บาทต่อตร.ม. ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม “

ขณะนี้มีอัตราเช่าพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก (รีเทล) รวมถึงความสนใจจากผู้เช่าแล้วประมาณ 70% แบ่งสัดส่วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก 80% และบริษัทชื่อดังในไทย 20% โดยบริษัทที่เซ็นสัญญาเช่าและสามารถเปิดเผยชื่อได้ ได้แก่ มิตซูบิชิ เอสเตท (Mitsubishi Estate), มิตซูบิชิ เฮฟวี่ (Mitsubishi Heavy), มิตซูบิชิ พาวเวอร์ (Mitsubishi Power), มารูเบนิ (Marubeni), จัสโค (JustCo), ซีบีอาร์อี (CBRE), อะมาดิอุส (Amadeus), คอร์ติน่า วอทช์ (Cortina Watch), และโคคูโย (Kokuyo)ฯลฯ

ร้านค้าที่พร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 2 อาทิเช่น ดีน แอนด์ เดลูก้า(DEAN & DELUCA) ร้านกาแฟดังที่ถือกำเนิดมากจากอเมริกา, โอ ปอง แปง (Au Bon Pain) ร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่ ชื่อดังจากอเมริกา, %อาราบิก้า (%Arabica) คาเฟ่ที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น, คาซาน่า (Ksana) คาเฟ่ชาเขียวมัทฉะเข้มข้นชื่อดังจากญี่ปุ่น, แบลคโบบา (BLK.BOBA) ร้านชาไข่มุกออร์แกนิคชื่อดัง, โฟคาฟิเซีย (Focaficial) ร้านขนมปังพรีเมียมจากอิตาลี และลอว์สัน (Lawson) ร้านสะดวกซื้อชื่อดังจากอเมริกา

นอกจากนี้ ในไตรมาส 4 ยังเตรียมเปิด Sky Bar ที่ชั้น 61 และร้านอาหาร ที่ชั้น 58 ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงฟู๊ดคอร์ท กินนี่ฟู๊ด (Kinnie Food) ที่รวมร้านอาหารชื่อดังมากมายในราคาที่จับต้องได้มาไว้ที่นี่อีกด้วย ทั้งนี้เรามั่นใจว่าหลัง Sky bridge สร้างเสร็จ จะผลักดันให้อัตราการเช่า OCC เต็มพื้นที่ในต้นปี 2567 และหลังจากที่เปิดใช้บริการ OCC เต็มรูปแบบ จะส่งผลให้ RML มีสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มขึ้นถึง 15-25% ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ RML มีสถานะทางการเงินที่เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคตระยะยาว นายกรณ์ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 19มิ.ย. ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์

 

เงินบาทแกว่งตัว sideway อาจแข็งค่าขึ้น หากเงินดอลลาร์ย่อตัวลงต่อ พร้อมราคาทองคำปรับตัวขึ้นและถ้าค่าเงินหยวนจีนแข็งค่าตอบรับความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้  19มิ.ย.2566ที่ระดับ  34.68 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  34.67 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาทเคลื่อนไหว sideway ในโซน 34.60-34.75 บาทต่อดอลลาร์ ตามการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมเกี่ยวกับทองคำ

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังตลาดไม่เชื่อว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ การส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของ ECB ก็มีส่วนช่วยกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) พร้อมรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากบรรดาเศรษฐกิจหลัก อาทิ สหรัฐฯ ยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เฟดได้เปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot ใหม่ ที่สะท้อนว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง แต่ทว่า ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างคาดว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยต่อเพียง 1 ครั้ง

ทำให้ในสัปดาห์นี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินทิศทางนโยบายการเงินเฟด ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลล่าสุดก็ออกมาแย่กว่าคาด

ส่วนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนมิถุนายน อาจยิ่งสะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง โดยภาคการผลิตจะยังคงหดตัวต่อเนื่อง

สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ระดับ 48.3 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) อย่างไรก็ดี ภาคการบริการจะยังสามารถขยายตัวได้ หนุนโดยตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว โดยดัชนี PMI ภาคการบริการ จะอยู่ที่ระดับ 54 จุด (ดัชนีสูงกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะการแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด เพื่อใช้ประเมินทิศทางนโยบายการเงินเฟด

▪ฝั่งยุโรป – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยเราประเมินว่า BOE จะยังคงให้ความสำคัญต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤษภาคมอาจจะยังคงสูงถึง 8.5%  ทำให้ BOE จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย +25bps สู่ระดับ 4.75%

พร้อมกับส่งสัญญาณชัดเจนว่า การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องยังมีความจำเป็น (ผู้เล่นในตลาดคาดว่า BOE อาจขึ้นดอกเบี้ยจนถึงระดับ 5.75%) ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจยุโรปผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการในเดือนมิถุนายน

โดยในส่วนภาคการผลิตของทั้งยูโรโซนและอังกฤษมีแนวโน้มหดตัวลงต่อเนื่อง กดดันโดยต้นทุนการผลิต ต้นทุนการเงินที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจคู่ค้า โดยเฉพาะจีน ที่ชะลอตัวลง ทำให้ดัชนี PMI ภาคการผลิตลดลงสู่ระดับ 44.5 จุด และ 46.8 จุด ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการของยูโรโซนและอังกฤษที่ระดับ 54.5 จุด และ 54.8 จุด

ฝั่งเอเชีย – ตลาดประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวได้แย่กว่าคาดและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ลง -10bps สู่ระดับ 2.65% ของธนาคารกลางจีน (PBOC) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะหนุนให้ PBOC เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (LPR) อย่างน้อย -10bps เช่นกัน

 ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) อาจ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.75% และ 6.25% ตามลำดับ หลังอัตราเงินเฟ้อของทั้งสองประเทศชะลอตัวลงต่อเนื่องและค่าเงินต่างมีเสถียรภาพมากขึ้น

 ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยตลาดมองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวได้ดี จากอานิสงส์การขยายตัวต่อเนื่องของภาคการบริการ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการบริการที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 จุด

 อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตอาจชะลอลงตามความต้องการสินค้าที่ลดลงจากบรรดาประเทศคู่ค้าซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัว โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาจลดลงสู่ระดับ 50 จุด ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

โดยหากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมผลของราคาอาหารและพลังงาน (Core-Core CPI) เร่งขึ้นสู่ระดับ 4.2% ในเดือนพฤษภาคม ก็อาจเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับนโยบายการเงินได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 ฝั่งไทย – ตลาดประเมินว่า ยอดการส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคมอาจหดตัวต่อเนื่อง -6%y/y ตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ (สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตของประเทศคู่ค้าที่ปรับตัวลดลง) ส่วนยอดการนำเข้าจะหดตัวกว่า -9%y/y ทำให้โดยรวมดุลการค้าจะขาดดุล -390 ล้านดอลลาร์

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า อาจยังคงแกว่งตัว sideway แต่อาจแข็งค่าขึ้นทดสอบแนวรับโซน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ หากเงินดอลลาร์ย่อตัวลงต่อ พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ และหากค่าเงินหยวนจีนแข็งค่าขึ้น ตอบรับความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ก็อาจช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง

 นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบกลับเข้าซื้อหุ้นไทยเพิ่มเติม แต่อาจเห็นการกลับทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะกลาง-ระยะยาวได้ หลังบอนด์ยีลด์ในช่วงดังกล่าวทยอยปรับตัวสูงขึ้น

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า โมเมนตัมเงินดอลลาร์เริ่มกลับมาเป็นฝั่งอ่อนค่า แต่เงินดอลลาร์อาจผันผวนแข็งค่าขึ้นได้ หากตลาดเริ่มมองว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้ถึง 2 ครั้งจริง ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ (ถ้ามี) อาจถูกจำกัดโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษ หาก BOE ขึ้นดอกเบี้ยและย้ำจุดยืนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและการปรับเปลี่ยนมุมมองไปมาของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟด ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.40-34.90 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.55-34.75 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ร่ำไห้หลังเกม! “อัจฉราพร” ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาหลังพ่าย โครเอเชีย ส่งท้าย

ควันหลงหลังเกมที่ “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” พลิกพ่ายให้กับ “นักตบสาวตราหมากรุก” โครเอเชีย ทีมอันดับ 26 ของโลก 0-3 เซต ในการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2023 สัปดาห์ที่สอง ที่ประเทศบราซิล เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา

จากความพ่ายแพ้ในเกมนี้ทำให้ ทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ไม่สามารถเก็บชัยได้เลยในสัปดาห์ที่สอง แพ้รวดทั้ง 4 เกม แถมยังมีกระแสจากแฟนลูกยางไทยบางส่วนที่ไม่พอใจกับฟอร์มการเล่นของพวกเธอ

โดยหลังจบเกม “เพียว” อัจฉราพร คงยศ นักตบสาวทีมชาติไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมทั้งน้ำตา บ่งบอกถึงความกดดันที่เธอ และเพื่อนๆ ได้รับมาอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ทำผลงานได้ไม่เป็นไปอย่างทีแฟนๆ คาดหวังเอาไว้

“อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวพวกเรา อยากให้ทุกคนมองเราเหมือนปีที่ผ่านมา ไม่ได้คาดหวังไม่ได้กดดันในตัวพวกเรา หนูอยากให้ทุกคนให้กำลังใจมากๆ”

“ติได้ด่าได้ แต่กำลังใจก็เป็นเรื่องสำคัญสำหรับพวกเรา ตอนนี้พวกเราตั้งใจมาก ตั้งใจทุกการแข่งขัน แต่ก็อาจไม่ได้ดั่งใจทุกแมตช์ อาจจะมีเกมนั้นไม่ดี เกมนี้ดี แต่เราก็อยากจะได้กำลังใจ”

“อยากให้ค่อยๆ ดูพวกเราเติบโต ก้าวผ่านอุปสรรคที่เราเจอไปด้วยกัน อันนี้น่าจะเป็นความสุขระหว่างทางที่ดีมากๆ” นักตบลูกยางสาววัย 28 ปี เปิดใจทั้งน้ำตา

สำหรับ “นักตบลูกยางสาวไทย” จะเดินทางกลับมายังประเทศไทยเพื่อเตรียมทีมสำหรับลงแข่งขันในสัปดาห์สุดท้าย ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยจะประเดิมสนามเกมแรกพบกับ เนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 27 มิถุนายน นี้ เวลา 20.15 น.

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


4 สัญญาณอันตราย “นิ่วในถุงน้ำดี” และวิธีการรักษา

ตามบริษัทใหญ่ๆ มักให้พนักงานไปตรวจสุขภาพ เอ็กซ์เรย์ร่างกาย หรืออัลตร้าซาวนด์อยู่เป็นประจำ ซึ่งถือเป็นเรื่องดีมากที่เราจะได้รู้ความเป็นไปของร่างกายเราว่ายังปกติดีอยู่หรือไม่ แต่แทนที่จะสบายใจ กลับกลายเป็นหนักใจกว่าเดิม เพราะตรวจทีไรก็เจอความผิดปกติตรงนู้นตรงนี้ตลอด ล่าสุดคนรอบข้างเป็นกันหมด เหมือนเป็นโรคฮิตชนิดติดต่อถึงกันได้ยังไงยังงั้น มันคือโรค “นิ่วในถุงน้ำดี” ค่ะ

การที่คนรอบข้างทยอยกันเป็นเรื่อยๆ แสดงว่ามันต้องมีปัจจัยอะไรใกล้ตัวที่ทำให้เกิดโรคนี้ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวก็ได้ จริงไหม? Sanook! Health เลยหาคำตอบมาให้ทุกคนได้ลองเช็คกันค่ะ ว่าคุณกำลัง “มีความเสี่ยง” ต่อ โรคนิ่วในถุงน้ำดี อยู่หรือเปล่า

นิ่วในถุงน้ำดี ลักษณะเป็นอย่างไร

นิ่วมีลักษณะเป็นก้อนกลมหรือเหลี่ยมๆ สีเข้มๆ ซึ่งเกิดจากการตกผลึกของหินปูน (แคลเซียม) หรือคอเลสเทอรอลที่มีอยู่ในน้ำดี เป็นผลมาจากการขาดสมดุลของน้ำดี

อันตรายของนิ่วในถุงน้ำดี

หากก้อนนิ่ว (ซึ่งจะเป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียว หรือเป็นก้อนเล็กๆ หลายก้อนก็ได้) ไปอุดถุงน้ำดี อาจทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ และหากมีก้อนนิ่วติดค้างอยู่ที่ถุงน้ำดีเป็นเวลานาน อาจกระตุ้นให้เกิดเป็นมะเร็งถุงน้ำดีได้

ใครที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี

  • ผู้หญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป รูปร่างท้วม และอาจมีบุตรหลายคน
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะเป็นเบาหวาน โรคอ้วน
  • ผู้ป่วยทาลัสซีเมีย โลหิตจาง
  • ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง บริโภคอาหารมัน อาหารทอดมากเกินไป
  • ผู้ที่ทานยาลดไขมันบางชนิด ทำให้คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูง
  • ผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเกินไป ทำให้ละลายไขมันมากเกินไป

4 สัญญาณอันตราย อาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี

  1. อาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี จะมีอาการปวดท้อง แน่น จุกเสียด บริเวณใต้ชายโครงขวา หรือลิ้นปี่
  2. ท้องอืด อิ่มง่าย อาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะหลังทานอาหารมันมาก หรือทานอาหารมื้อใหญ่
  3. ในรายที่เกิดอาการถุงน้ำดีอักเสบ อาจมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน
  4. ในบางรายอาจมีภาวะดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง

วิธีการรักษา

  • นิ่วชนิดไม่มีอาการ อาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาใดๆ เพียงแต่เข้ามาตรวจเช็คร่างกายเรื่อยๆ หากไม่แสดงอาการเลย ก็อาจไม่ต้องทำการรักษาใดๆ ตลอดชีวิต
  • นิ่วชนิดมีอาการ หากมีอาการข้างเคียง เช่น ปวดท้อง แพทย์อาจสั่งยาให้ทาน หรือแนะนำให้ผ่าตัด ขึ้นอยู่กับขนาดนิ่ว และความรุนแรงของอาการ โดยสมัยนี้จะใช้วิธีใช้กล้องส่องผ่านหน้าท้อง ทำให้เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวเร็วภายใน 1-2 วัน

วิธีป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี

  1. ควบคุมอาหาร ไม่ทานอาหารทอด อาหารมันมากจนเกินไป รวมไปถึงอาหารหวานจัด เช่น น้ำอัดลม อาหารกระป๋อง สำเร็จรูป และอาหารแช่แข็งด้วย
  2. ควบคุมน้ำหนัก และระดับน้ำตาลในเลือด และระดับคอเลสเตอรอล อย่าให้สูงจนเกินไป
  3. เลือกทานอาหารจำพวกแป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ผักผลไม้สด ถั่ว และธัญพืชต่างๆ
  4. ออกกำลังกายเป็นประจำ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย ครั้งละ 20-30 นาที
  5. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือทุกปี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 วิธีบอกลาภาษาอังกฤษอย่างไรให้ไม่น่าเบื่อ

1. I’ve got to get going  (ไอฟฺ ก็อต ทู เก็ท โก อิ้ง)

คำนี้เป็นสำนวนหรือ expression มีความหมายเหมือนกับคำว่า I really need to leave หรือ ฉันต้องไปแล้ว เราลองมาดูตัวอย่างการใช้นะคะ เผื่อใครยังไม่เก็ท

ตัวอย่างสถานการณ์

เมื่อนายเอไปเยี่ยมบ้านนายบี แล้วนายบีชวนนายเอทานข้าวที่บ้านด้วยกัน แต่นายเอเนี่ยเกิดรู้สึกเกรงใจเพื่อนขึ้นมา นายเอก็เลยปฏิเสธแบบอ้อมๆได้ว่า

No thanks, I’ve got to get going.

(ไม่ล่ะ ขอบคุณนะ ฉันต้องกลับแล้วละ)

2. I’m off (ไอมฺ ออฟ)

คำนี้เป็นสำนวนอีกแล้วค่ะ แต่ไม่ได้แปลว่า ฉันปิด แต่อย่างใดนะคะ แต่หมายความว่า I’m leaving ใช้ในการบอกลา ตัวอย่างเช่น

A: It’s time to go home. I’m off.  (ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านแล้วละ บาย)

B: See you later! (ไว้เจอกันวันหลังนะ!)

แต่ถ้าอยากจะบอกว่าไปที่ไหนสามารถเติม to และตามด้วยสถานที่ได้เลยค่า เช่น

I’m off to Siam Paragon (ฉันจะไปสยามพารากอนแล้วนะ)

It’s getting late. I’m off to bed. (ดึกแล้ว ฉันไปนอนล่ะ)

3. I’m afraid I have to go now. (ไอมฺ อะเฟรย์ดฺ ไอ แฮฟ ถุ โก นาว)

ประโยคนี้เป็นการบอกลาที่สุภาพ อาจจะใช้กับเจ้านาย ญาติผู้ใหญ่ หรือคนที่ไม่สนิทกัน ซึ่งคำว่า afraid สามารถแปลได้ว่า “หวาดกลัว,เกรงว่า” แต่ในประโยคนี้ไม่ได้แปลว่า “กลัว” นะคะ แต่จะแปลว่า “ฉันเกรงว่าฉันจะต้องไปแล้ว” ตัวอย่างเช่น

I have an appointment at 10 o’clock. Now, it’s 9.30. I’m afraid I have to go now.
ผมมีนัดตอนสิบโมง ตอนนี้ก็เก้าโมงครี่งแล้ว ผมเกรงว่าผมจะต้องไปแล้วล่ะ 

4. I look forward to seeing you again (ไอ ลุค ฟอเวิร์ด ทู ซีอิง ยุว อเกน)

เรามาถึงครึ่งทางกันแล้วนะคะ คำว่า look forward เป็น Phrasal Verb นะคะ เราไม่สามารถแยกออกเป็นคำๆได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่แปลว่า มองตรงไป แต่จะแปลว่า “ตั้งตาคอย” และสำหรับประโยคนี้เราจะแปลได้ว่า “ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเจอคุณ” คืออยากเจออีกครั้งมากๆนั่นเอง เช่น

A: Good bye.

B: I look forward to seeing you again.

และมีจุดสังเกตอีกที่หนึ่งนะคะ บางคนอาจจะคิดว่าหลัง to จะต้องตามด้วย v.infinitive เท่านั้น แต่ถ้าเป็นในประโยคนี้ to จะทำหน้าที่เป็น Preposition เพราะฉะนั้นกริยาที่ตามมาต้องเป็น verb+ing หรือ Gerund นั่นเองค่า

นอกจากการบอกลาแล้ว สำนวนนี้ยังใช้ในการลงท้ายจดหมายได้ด้วยค่ะ เช่น

I look forward to your reply.
(ฉันตั้งหน้าตั้งตารอการตอบกลับของคุณ)

5. Gotta roll (กั่ดดะ โร็ล)

คำนี้หมายความว่า ลาก่อน เช่นเดียวกับคำที่ผ่านๆมานะคะ แอบบอกไว้ก่อนนิดนึง คำนี้ถือเป็นคำแสลงในภาษาอังกฤษ ไม่ควรจะใช้ในสถานการณ์ที่เป็นทางการ เช่นการสัมภาษณ์งานหรือการประชุมนะคะ แต่เราสามารถใช้กับเพื่อนฝูงหรือคนสนิทได้ ไม่ผิดค่า เอาล่ะเรามาดูตัวอย่างการใช้กันดีกว่า

The movie will start in 10 minutes, we gotta roll!
หนังจะฉายในสิบนาที เราต้องไปแล้วล่ะ !

6. Catch you later (แค็ท ชุว เลเถ่อะ)

ถึงแม้คำว่า catch จะเป็นกริยาที่มีความหมายว่า “จับ” แต่ในประโยคนี้เราจะไม่แปลว่า จับเธอทีหลัง(ว๊ายย!!) แต่เราจะแปลเหมือนกับคำว่า see you later หรือ “เจอกันวันหลัง” นั่นเองค่า ตัวอย่างเช่น

I just called to say hi and I hope that we can talk tomorrow. Catch you later.
ผมแค่โทรมาทักทายและผมหวังว่าเราจะได้คุยกันพรุ่งนี้นะ แล้วเจอกันครับ

7. Smell you later (สเม็ล ยุว เลเถ่อะ)

สำนวนนี้ไม่ได้แปลว่า ดมคุณทีหลัง อย่าเข้าใจผิดกันล่ะ แต่เราจะแปลว่า “แล้วเจอกัน” ซึ่งสำนวนนี้พึ่งจะมีมาเมื่อในช่วงปี 1990’s เองค่ะ แค่ยี่สิบกว่าปีเอง เพราะฉันนั้นสำนวนนี้มักจะถูกใช้โดยเด็กๆหรือวัยรุ่นกันเสียมากกว่า ตัวอย่างเช่น

Sorry bro, I can’t be late to school. I’ll smell you later.
โทษทีนะน้องชาย ฉันไปโรงเรียนสายไม่ได้ แล้วเจอกัน

8. So long (โซ ลอง)

คำนี้สามารถแปลได้สองความหมาย ความหมายแรกก็คือ “ลาก่อน” ส่วนความหมายที่สองคือ “ระยะเวลาที่ยาวนาน” นั่นเอง ส่วนจะแปลว่าอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับบริบทหรือประโยคที่อยู่รอบข้างนะคะ เราลองมาดูสถานการณ์ต่อไปนี้ดีกว่าค่ะ

ความหมายที่หนึ่ง

A: So, you’re going to Italy. I’ll miss you so much.
เธอจะไปอิตาลีแล้ว ฉันคงคิดถึงเธอน่าดู

B: Yeah, I’ll miss you too.
ใช่ ฉันจะคิดถึงคุณเหมือนกัน

A: So long, have a safe trip.
ลาก่อน เดินทางปลอดภัยนะ

ความหมายที่สอง

Finally, you arrived. I was waiting for so long.
ในที่สุดเธอก็มาถึงสักที ฉันรอเธอจนรากงอกละ

เห็นไหมคะว่าการบอกลามีมากมายหลายวิธีเลยทีเดียว ซึ่งการเรียนรู้คำเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่ใช้ในการพูดเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีประโยชน์เวลาที่เราอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ที่เป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย หากคนที่ไม่เคยเรียนรู้คำเหล่านี้เจอครั้งแรกก็อาจจะไม่เข้าใจ เพราะคำเหล่านี้แปลตรงๆมันก็จะฟังดูแปลกๆ หน่อย แล้วเจอกันในบทความถัดไปนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


ใครชอบติดกระจกนูนกว้างแบบนี้ระวังให้ดี..!

     เชื่อว่าใครหลายคนชอบติดตั้งกระจกนูนเอาไว้บนกระจกมองข้าง ซึ่งแม้ว่าจะช่วยเพิ่มมุมมองให้กว้างขึ้นได้ แต่ความจริงอาจมีโทษมากกว่าที่คิด..

     กระจกนูนขนาดเล็กที่หลายคนมักนิยมติดตั้งไว้บนกระจกมองข้างนั้น เป็นอุปกรณ์ที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งข้อดีของกระจกชนิดนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย เช่น ช่วยให้มองเห็นรถในมุมอับสายตา ซึ่งไม่สามารถมองเห็นบนกระจกปกติ, ช่วยในการจอดรถ จะได้ไม่เบียดฟุตบาทหรือรถคันอื่น รวมถึงช่วยให้ซอกแซกไปในที่แคบได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะขณะถอยหลัง เป็นต้น

     แต่อย่างไรก็ดี กระจกนูนแบบนี้ก็มีข้อเสียที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในการขับขี่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

1.ไม่มีจุดติดตั้งที่เหมาะสม

     กระจกมองข้างรถยนต์ทั่วไปมักมีขนาดเล็กอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่าจะติดตั้งกระจกนูนในตำแหน่งใด ก็ส่งผลให้ทัศนวิสัยถูกบดบังไปด้วย ส่งผลให้ไม่สามารถมองเห็นรถคันที่แล่นอยู่ด้านข้างได้อย่างชัดเจน

2.ภาพที่ปรากฏมีขนาดเล็กเกินไป

     กระจกนูนถูกออกแบบให้สามารถมองเห็นภาพมุมกว้าง แต่ด้วยขนาดที่เล็กของมัน ทำให้ภาพที่ปรากฏมีขนาดเล็กกว่าปกติ ยากต่อการมองเห็น ไม่สามารถคำนวณระยะห่างและความเร็วของรถคันที่แล่นอยู่ด้านข้างได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจเปลี่ยนเลนอย่างมาก

3.รบกวนสายตายามค่ำคืน

     การที่กระจกนูนสามารถรับภาพในมุมกว้างได้ ดังนั้น ในเวลากลางคืนก็จะปรากฏแสงไฟจ้าจากรถคันหลังเข้ามาได้มากกว่าปกติเช่นกัน ซึ่งมีผลทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิในการควบคุมรถได้

     ดังนั้น การปรับตัวให้เข้ากับกระจกมองข้างแบบปกติน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า เพราะการใช้งานกระจกนูนแท้จริงแล้วอาจมีข้อเสียมากกว่าข้อดี ยิ่งถ้าต้องสลับรถไปมาหลายคัน อาจทำให้เกิดความไม่ชินกับกระจกปกติได้ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รถไฟความเร็วสูงอยุธยา: เมื่อ ‘ความเจริญ’ เผชิญหน้ากับ ‘มรดกทางวัฒนธรรม’

กลายเป็นข่าวที่สร้างประเด็นถกเถียงอึกทึกครึกโครมในหมู่แวดวงวิชาการและบุคคลทั่วไปอยู่ช่วงหนึ่งกับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนสายตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมาที่เป็นเส้นทางตัดผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แหล่งมรดกโลกที่สำคัญอีกแห่งของไทย และประเด็นร้อนคงจะเป็นหัวข้อไหนไปไม่ได้นอกจากผลกระทบต่อกลุ่มโบราณสถานและหลักฐานทางโบราณคดีใต้ผืนดิน

โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนสายตะวันออกเฉียงเหนือ คือ โครงการที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และนครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร และช่วงที่ 2 ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย ระยะทาง 354 กิโลเมตร ซึ่งพื้นที่ที่เส้นทางรถไฟความเร็วสูงทอดรางผ่านนั้นอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะเมืองอยุธยา ขนานกับแม่น้ำป่าสัก บริเวณดังกล่าวนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า เคยเป็นที่ตั้งของ ‘อโยธยา’ ชุมชนโบราณก่อนถูกทิ้งร้าง แล้วก่อตั้งเป็นเมืองอยุธยาที่ตั้งอยู่บริเวณเกาะที่เรารู้จักกันถึงทุกวันนี้

เมื่อ ‘ความเจริญ’ เผชิญหน้ากับ ‘มรดกทางวัฒนธรรม’ จึงเกิดเสียงแตกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ระหว่างฝ่ายสนับสนุนที่มองเห็นถึงประโยชน์ของการสร้างทางรถไฟต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัด ในขณะที่เสียงคัดค้านมีความเห็นให้โยกย้ายเส้นทางการสร้างรถไฟความเร็วสูงให้ห่างจากกลุ่มโบราณสถาน เพื่อเลี่ยงการทำลายมรดกทางวัฒนธรรมทั้งในแง่ของผลกระทบทางสายตา เนื่องจากสถานีและรางรถไฟมีลักษณะทางกายภาพแตกต่างจากโบราณสถาน ทำให้ภูมิทัศน์โดยรวมขาดความกลมกลืน และความเสี่ยงจากแรงสั่นสะเทือนของรถไฟความเร็วสูง ประกอบกับการจัดตั้งแคมเปญ ‘Save อโยธยา’ ขึ้นเพื่อรวบรวมรายชื่อประชาชนที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวทบทวนให้ย้ายเส้นทางรถไฟออกไปนอกเขตเมืองเก่า

‘มรดกทางวัฒนธรรม’ และ ‘ความเจริญ’ สองคำนี้สามารถอยู่คู่กันในโลกที่การพัฒนาไม่หยุดนิ่งได้หรือไม่ คำตอบคงจะอยู่บนพื้นที่ตรงกลางอันเกิดจากการหลอมรวมของความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แล้วหาทางออกร่วมกันเพื่อผลักดันความเจริญให้คงอยู่กับมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษย์ในอนาคต

Source

ธาริต อิ่มอภัย. (2565). ผลกระทบทางสายตาของโครงการระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าความเร็วสูงต่อโบราณสถาน
และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา. สาระศาสตร์, (4), 782-795.

เว็บไซต์
THE STANDARD
มติชนออนไลน์ (1)
มติชนออนไลน์ (2)
Change.org
โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/06/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a32,050.0032,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,076.0031,472.1632,650.00
ทองรูปพรรณ 90%1,868.4028,324.94n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,660.8025,177.73n/a
ทองรูปพรรณ 50%934.0014,159.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%727.0011,021.32n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,151.0032,609.16n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 16/06/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.9534.9535.4434.9534.9534.9534.9534.9534.9534.95
แก๊สโซฮอล์ 9134.6834.6835.1434.6834.6834.6834.6834.6834.6834.68
แก๊สโซฮอล์ E2032.6432.6433.0432.6432.6432.6432.6432.6432.64
แก๊สโซฮอล์ E8533.0933.0933.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.4446.1446.9446.2442.44
เบนซิน 9542.7443.3143.2442.8942.74
ดีเซล B731.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.4431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0641.1642.9442.3642.3641.06
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า