‘แสนสิริ’ เร่งเครื่องเติบโต แต่งตั้ง 2 ผู้บริหาร ทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ สู่ปีที่ 40
“แสนสิริ” เดินหน้าทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ สู่ปีที่ 40 รับ New Business Landscape เร่งเครื่องเติบโต แต่งตั้ง 2 ผู้บริหาร “ศรีอำไพ รัตนมยูร” และ “ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ” เสริมทัพองค์กร
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ มุ่งทรานฟอร์มองค์กร ดึงคนรุ่นใหม่เสริมทัพบริหาร สร้างการเติบโตสู่ทศวรรษใหม่ ล่าสุดคณะกรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้มีมติอนุมัติโครงสร้างองค์กรใหม่
มีผลวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป โดยแบ่งโครงสร้างเป็น 4 สายงานหลัก ได้แก่
• สายงานพัฒนาโครงการ ขับเคลื่อนโดยนายอุทัย อุทัยแสงสุข (สายงานเดิม) ดูแลฝ่ายพัฒนาโครงการแนวสูง แนวราบ การควบคุมคุณภาพ หน่วยลูกค้าสัมพันธ์ และบริหารสินทรัพย์
• สายงานด้านกฏหมาย รับผิดชอบโดยนายนพพร บุญถนอม (สายงานเดิม) ดูแลฝ่ายกฎหมาย
รัฐกิจสัมพันธ์ และการสรรหาที่ดิน
• สายงานด้านการตลาด ดูแลโดยนางสาวศรีอำไพ รัตนมยูร (แต่งตั้งใหม่) รับผิดชอบทางด้านการตลาดแบรนด์แคมเปญต่างๆ ภาพลักษณ์องค์กร และสื่อสารประชาสัมพันธ์
• สายงานด้านกลยุทธ์ รับผิดชอบโดยนายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ (แต่งตั้งใหม่) ดูแลฝ่ายการเงินการบัญชี บริหารการขาย ทรัพยากรมนุษย์ และเทคโนโลยีและสารสนเทศ
“การปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญ เพื่อมุ่งในการขับเคลื่อนองค์กร รับ New Business Landscape ในอนาคต ตลอดจนเป็นการ Empowerment ผู้บริหารในทุกสายงานให้มีความคล่องตัว สอดคล้องตาม DNA ของแสนสิริ คือ Speed to Market มีการตัดสินใจที่เฉียบคม บนข้อมูลและเหตุผลที่ตริตรองมาอย่างดี รับฟังเสียงของ Stakeholder ตามวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ชั้นนำของประเทศไทย นำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์และบริการด้านการอยู่อาศัยที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างครบวงจร และสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย”
โครงสร้างใหม่ข้างต้น ประกอบไปด้วย 2 สายงานเดิม และอีก 2 สายงานใหม่ ซึ่งได้มีการแต่งตั้ง 2 ผู้บริหาร นำโดย “นางสาวศรีอำไพ รัตนมยูร” ดำรงตำแหน่งประธานผู้บริหารฝ่ายการตลาด และ “นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ” ดำรงตำแหน่งประธานผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์
สำหรับนางสาวศรีอำไพ รัตนมยูร ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานผู้บริหารสายงานการตลาด ได้ร่วมงานกับแสนสิริมากว่า 20 ปี เป็นผู้บริหารที่มากประสบการณ์ ได้รับการมอบหมายให้ดูแลงานทั้งที่แสนสิริ และบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (บริษัทลูกของแสนสิริที่ดูแลบริการหลังการขาย)
อาทิ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ฝ่ายสรรหาที่ดิน รวมถึงการตลาดทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ มีความเชี่ยวชาญในด้านกลยุทธ์การตลาด เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Sansiri Luxury Collection หรือผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่ได้รับความเชื่อมั่นและการยอมรับจากลูกค้าทั้งในด้านแบรนด์ คุณภาพโครงการ รวมถึงเข้าใจในไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย สะท้อนได้จากความสำเร็จของโครงการ 98 Wireless ที่สร้างประวัติศาสตร์ครองแชมป์ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงที่สุดในประเทศ กับราคารีเซลเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่ 1 ล้านบาท และล่าสุดกับบ้านเดี่ยว “BuGaan” แบรนด์ลักซ์ชัวรี่เพื่อคนรุ่นใหม่ ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และมองหาประสบการณ์ชีวิตที่มีคุณค่า (Life Asset Value)
ศรีอำไพเป็นหนึ่งในผู้บริหารหญิงที่ได้รับคำชื่นชมจาก Management Team ว่าเป็นตัวแทนผู้บริหารยุคใหม่ ไม่หวั่นกับการทำงานหนัก ออกตรวจไซต์งานก่อสร้างด้วยตัวเองทุกครั้ง การได้รับมอบหมายให้ดูแลสายงานการตลาดนี้ นับเป็นอีกหนึ่ง Chapter ที่สำคัญ และท้าทาย โดยจะเข้ามามีบทบาทในการบริหารด้านการตลาดองค์กร และแบรนด์แคมเปญต่างๆ เพื่อเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำแบรนด์อันดับหนึ่งของวงการอสังหาฯ ให้แข็งแกร่ง และแตกต่างจากคู่แข่งยิ่งขึ้น ตลอดจนการเป็น Top-of-Mind Brand ที่ยืนหนึ่งในใจผู้บริโภค รวมถึงมุ่งมั่นที่จะส่งต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกเซกเมนท์ และต่อยอดแนวคิด You Are Made for Life ที่เราเชื่อว่าชีวิตคุณคือแรงบันดาลใจของเรา เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ล้ำเลิศให้กับลูกค้าทุกท่านต่อไป
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ด้านการเงินการธนาคาร ศรีอำไพได้เข้าร่วมทำงานกับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ โดยได้ดูแลกลุ่มสถาบันการเงินระดับโลก นอกจากนี้ยังได้ร่วมงานกับบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ดูแลงานวิจัยด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยและเอเชีย
ขณะที่อีกหนึ่งผู้บริหารที่ได้รับการแต่งตั้งตามโครงสร้างใหม่นี้ คือนายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และร่วมงานกับแสนสิริมากว่า 18 ปี อีกทั้งยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จและสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ ผลักดันให้แสนสิริได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง
ร่วมวางแผนในการจัดทำกลยุทธ์ Sansiri HR Transformation ที่ส่งผลให้แสนสิริได้รับการโหวตให้เป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุด รวมถึงการก้าวข้ามฟากไปดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยได้จัดวางกลยุทธ์ทางด้าน Property Management ให้กับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ และนับเป็นจุดแข็งที่สำคัญของแสนสิริที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ
นายภูมิภักดิ์ ได้รับผิดชอบสายงานต่างๆ ในแสนสิริมาอย่างหลากหลาย ครอบคลุมงานบริหาร ตลอดจนเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่มีความเข้าใจเนื้องานในแต่ละส่วนมากที่สุด อาทิ ฝ่ายพัฒนาโครงการแนวสูง การดูแลงานขายให้กับลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งทำให้แสนสิริประสบความสำเร็จสร้างยอดขายกับลูกค้าต่างประเทศได้สูงเป็นประวัติการณ์มาแล้ว และก่อนที่จะมารับตำแหน่งปัจจุบันยังรับหน้าที่ดูแลงานฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศด้วยเช่นกัน
ด้วยความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ประกอบกับการจัดวางกลยุทธ์ที่สอดรับกับทิศทางขององค์กร ส่งผลให้ได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้ได้รับผิดชอบโปรเจกต์ที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลสายงานใหม่ และเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการผลักดันเป้าหมายเชิงธุรกิจของบริษัทให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน เดินหน้าองค์กรสู่ 40 ปี กับ New Business Landscape ต่อไป
ภูมิภักดิ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ – การเงินธุรกิจ จาก University of Miami, Florida สหรัฐอเมริกา และปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสาขาบริหารธุรกิจบัณฑิต-การเงินและการธนาคาร
ทั้งนี้ จากการประกาศ Business Direction เมื่อต้นปี แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้ายอดขาย ไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้าหมายรายได้รวมที่ 40,000 ล้านบาท เป็นการตั้งเป้าหมายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ล่าสุด งวด 10 เดือนแรกของปี แสนสิริ ยังคงสร้างผลงานได้ตามแผนงาน สามารถสร้างยอดขายได้ 40,000 ล้านบาท (คิดเป็น 73% ของเป้าทั้งปี) พร้อมเดินหน้า สร้างความเชื่อมั่น และกระตุ้นตลาดในไตรมาสสุดท้าย ด้วยแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวมถึง 36,000 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“วีบียอนด์” เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่“V MAKE THE BEST DEAL” กระตุ้นยอดขายบ้านปลายปี
“วีบียอนด์” เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่“V MAKE THE BEST DEAL” กระตุ้นยอดขายปลายปี ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องที่อยู่อาศัย ตั้งเป้าดันยอดขายโตหลายเท่าตัว! ในงาน “Health&Wealth Expo 2023” บูธ A16 Hall 5-6 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์วันที่9-12พ.ย.นี้ ลดราคาสูงสุดถึง 50%
บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกลยุทธ์ใหม่กระตุ้นยอดขายไตรมาส 4 ภายใต้ คอนเซ็ปต์ “V MAKE THE BEST DEAL” ให้เราเป็นเพื่อนคู่คิด ในทุกช่วงชีวิตของการอยู่อาศัย บริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการเกี่ยวกับบ้านและคอนโด ทั้งซื้อ ขาย เช่า ซ่อมสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม และลงทุน ครบจบในที่เดียว พร้อมรวมดีลทุกอย่างที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ไว้เยอะที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป็น One Stop Service ทุกบริการด้านการอยู่อาศัยให้ลูกค้าของวีบียอนด์ทุกคน
นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์จำกัด(มหาชน) เผยว่า “วีบียอนด์ได้ออกแคมเปญใหม่ “V MAKE THE BEST DEAL” ซึ่ง “V” คือความหมายของพวกเรา ที่สามารถสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า V MAKE THE BEST DEAL คือการสร้างดีลที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ซื้อ ขาย เช่า ลงทุน ที่ดิน หรือการตามหาผู้รับเหมา เราพร้อมให้บริการทุกรูปแบบ โดยดึงทุกโครงการทุกดีเวลลอปเปอร์ที่ลูกค้าต้องการซื้อ วีบียอนด์จะเป็นตัวกลางดำเนินการให้ทั้งหมด ทั้งราคาและโปรโมชั่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ
ของลูกค้าที่ง่ายขึ้น หากทำเลไหนที่ลูกค้าอยากได้แต่ปิดดีลไม่ได้ วีบียอนด์มีหน้าที่หาโครงการในทำเลเดียวกันหรือใกล้กันเพื่อปิดดีลให้ทันที โดยวันที่ 9-12 พ.ย.นี้ ทางวีบียอนด์จะมีการเปิดตัว แคมเปญ “V MAKE THE BEST DEAL” อย่างเป็นทางการที่งาน “Health&Wealth Expo 2023” บูธ A16 Hall 5-6 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีสินค้าและบริการลดราคาสูงสุดถึง 50% พร้อมรับของสมนาคุณมากมายสำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจจองในวันงาน
นอกจากนี้วีบียอนด์ยังได้คัดทรัพย์เด่นในราคาต่ำกว่าทุนเข้าร่วมประมูลตลอดงาน อาทิ บ้านมือ 2 รีโนเวทราคาต่ำกว่าล้าน บ้านและคอนโดทำเลติดรถไฟฟ้าราคาพิเศษและอีกมากมาย ซึ่งมีเฉพาะงานนี้งานเดียวเท่านั้น!!! เรียกว่าถ้าใครอยากมีบ้าน คอนโด หรืออยากซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ลงทุน เก็งกำไร พบกันได้ที่บูธวีบียอนด์ และฝากติดตามแคมเปญ “V MAKE THE BEST DEAL” ที่รับรองว่าจะมีดีลเด็ดๆ โดนๆ ตามมาอีกเพียบ สำหรับลูกค้าวีบียอน์ทุกท่านครับ” #VMAKETHEBESTDEAL #VBEYOND
นอกจากนี้วีบียอนด์ยังได้คัดทรัพย์เด่นในราคาต่ำกว่าทุนเข้าร่วมประมูลตลอดงาน อาทิ บ้านมือ 2 รีโนเวทราคาต่ำกว่าล้าน บ้านและคอนโดทำเลติดรถไฟฟ้าราคาพิเศษและอีกมากมาย ซึ่งมีเฉพาะงานนี้งานเดียวเท่านั้น!!! เรียกว่าถ้าใครอยากมีบ้าน คอนโด หรืออยากซื้ออสังหาริมทรัพย์ไว้ลงทุน เก็งกำไร พบกันได้ที่บูธวีบียอนด์ และฝากติดตามแคมเปญ “V MAKE THE BEST DEAL” ที่รับรองว่าจะมีดีลเด็ดๆ โดนๆ ตามมาอีกเพียบ สำหรับลูกค้าวีบียอน์ทุกท่านครับ” #VMAKETHEBESTDEAL #VBEYOND
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 2พ.ย. “แข็งค่า”ที่ระดับ 36.04 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทคงโมเมนตัมการแข็งค่าจากช่วงหลังรับรู้ผลการประชุมเฟดได้ แนะจับตา ทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติจะทยอยกลับเข้ามาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยหรือไม่
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 2พ.ย.2566ที่ระดับ 36.04 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.22 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า บรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้น อาจช่วยหนุนให้ เงินบาทสามารถคงโมเมนตัมการแข็งค่าจากช่วงหลังรับรู้ผลการประชุมเฟดได้
ซึ่งต้องจับตา ทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติว่าจะทยอยกลับเข้ามาซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยได้หรือไม่ หลังจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติยังมีทิศทางไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ต่อเนื่อง ก็อาจติดโซนแนวรับสำคัญแถว 35.80-35.90 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หรือ ทยอยขายทำกำไรสถานะ Short USDTHB (มองเงินบาทแข็งค่า)
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOE เพราะแม้ว่า ตลาดจะคาดหวังว่า BOE จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากภาพเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงมากขึ้น
แต่หาก BOE กลับมากังวลแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ อ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินดอลลาร์ยังไม่สามารถอ่อนค่าลงได้ชัดเจน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เช่น ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดที่มีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับเงินเยนญี่ปุ่น ควรระมัดระวังความผันผวนของค่าเงินเยนในช่วงนี้ หลังจากที่ล่าสุด ทางการญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณเตือนว่า ค่าเงินเยนมีการอ่อนค่าต่อเนื่อง มากเกินไป ซึ่งการส่งสัญญาณดังกล่าว มักจะสอดคล้องกับการเข้าแทรกแซงค่าเงินของทางการญี่ปุ่น
โดยเราประเมินว่า หากเงินเยนกลับมาอ่อนค่าลงต่อชัดเจน ทะลุระดับ 153 เยนต่อดอลลาร์ขึ้นไป (ATR ใน time frame รายวัน ควรใกล้ถึงระดับ 2 เยนต่อดอลลาร์) ก็อาจเปิดโอกาสให้ทางการญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงค่าเงินได้
อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า ค่าเงินเยนได้อ่อนค่าลงหนัก เกินปัจจัยพื้นฐานไปพอสมควร (undervalued) ทำให้เงินเยนมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 145 เยนต่อดอลลาร์ ณ สิ้นปีนี้ และระดับ 135 เยนต่อดอลลาร์ ณ สิ้นปีหน้าได้
โดยเฉพาะในกรณีที่ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถปรับตัวลดลงได้จริงตามคาด เนื่องจาก ทุกๆ การปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ราว 10bps จะช่วยหนุนให้ เงินเยนสามารถแข็งค่าขึ้นได้ราว 1% (หากให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี ญี่ปุ่น คงที่)
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและสถานการณ์สงคราม ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.15 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ (แกว่งตัวในช่วง 36.06-36.29 บาทต่อดอลลาร์)
อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผลการประชุมเฟดเป็นไปตามที่ตลาดคาด (คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50%) อีกทั้งโทนการสื่อสารของเฟดก็ไม่ได้มีความ Hawkish มากนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับลดโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ เหลือ ราว 30% (ลดลงจากราว 38% ในสัปดาห์ก่อน)
ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม หลังผลการประชุมเฟด เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวัง อีกทั้งถ้อยแถลงของประธานเฟดได้ลดความกังวลต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นต่อเบี้ยต่อของเฟด ส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ
และหุ้นสไตล์ Growth ปรับตัวขึ้น ตามการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาทิ Nvidia +3.8%, Meta +3.5% ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +1.64% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.05%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.67% หนุนโดยการรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมเฟด นำโดย ASML +1.1% ขณะเดียวกัน บรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare ก็รีบาวด์ขึ้นบ้าง หลังเผชิญแรงเทขายหนักในช่วงที่ผ่านมา อาทิ Novo Nordisk +1.6%
ฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ทว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ลดความกังวลต่อแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟด หลังรับรู้ผลการประชุมเฟดล่าสุด ก็มีส่วนกดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.72%
อย่างไรก็ดี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นได้บ้างในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า จุดสูงสุดของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ น่าจะผ่านไปแล้ว ที่ระดับแถว 5% ทำให้เรายังคงแนะนำ “Buy on Dip” บอนด์ระยะยาว โดยรอจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ในการทยอยเข้าซื้อ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่ระดับ 106.5 จุด (กรอบ 106.5-107.1 จุด) หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดโอกาสเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย จากผลการประชุมเฟดที่คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด
ส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง อย่างไรก็ดี ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม และความกังวลต่อสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสที่ลดลง ก็เป็นปัจจัยที่กดดันให้ราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้ง่ายนัก
สำหรับวันนี้ หลังจากที่ตลาดได้รับรู้ผลการประชุมเฟดล่าสุดไปแล้วนั้น ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจต่อ ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยเรามองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษและอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอลงชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เลือกที่จะ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25%
ทั้งนี้ ควรจับตาการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินจากผู้ว่าฯ BOE อย่างใกล้ชิด โดยถ้อยแถลงดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของเงินปอนด์อังกฤษได้ (หากเงินปอนด์อ่อนค่าลงต่อ ก็อาจช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง)
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯ ซึ่งเฟดยังคงมองว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยรวมยังมีความแข็งแกร่งอยู่
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและผลการประชุม BOE ดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะ ผลประกอบการของบริษัทเทคฯ ใหญ่ อย่าง Apple ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินในช่วงนี้ได้เช่นกัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่าผ่านระดับ 36.00 มาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 35.96-35.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.22 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ เงินบาทและสกุลเงินเอเชียในภาพรวมแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงมาตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังผลการประชุมเฟดสะท้อนท่าทีเชิงคุมเข้มที่น้อยกว่าที่ตลาดกังวล
โดยแม้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมรอบนี้ พร้อมส่งสัญญาณ higher for longer เพื่อกดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กลับลงมาอยู่ที่ระดับเป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของประธานเฟดซึ่งย้ำถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า จากการที่บอนด์ยีลด์ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน
และต้นทุนทางการเงิน อยู่ในระดับสูง ก็ทำให้ตลาดตีความว่า เฟดมีเวลารอประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า และความจำเป็นสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปของเฟดอาจทยอยลดน้อยลง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 35.85-36.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การตอบรับของตลาดต่อผลการประชุมเฟด สัญญาณเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ในอิสราเอล ผลการประชุม BOE ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. ของยูโรโซน และ ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เครียดลงกระเพาะ มีอาการอย่างไร พร้อมวิธีรักษา
หลายคนอาจจะเคยได้ยินอาการ “เครียดลงกระเพาะ” มาบ้าง โดยอาจจะคิดว่าเป็นอาการปวดท้อง แสบท้อง ที่เกิดจากความเครียดสะสม จริงๆ แล้วทางการแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ Sanook Health มีคำตอบจาก ผศ.(พิเศษ) พญ.ฐนิสา พัชรตระกูล แพทย์หน่วยโรคทางเดินอาหาร ฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาฝากกัน
เครียดลงกระเพาะเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อร่างกายเกิดภาวะเครียดจะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนต่างๆ รวมไปถึงกระเพาะอาหารที่หลั่งกรดออกมามากกว่าปกติ เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร และการย่อยอาหารช้าลง
สัญญาณอันตราย อาการเครียดลงกระเพาะ
อาการเครียดลงกระเพาะ สามารถสังเกตได้โดย
- ปวดหรือจุก บริเวณลิ้น มักเป็นก่อนหรือหลังการรับประทานอาหาร
- แน่นท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว
- มีลมในกระเพาะอาหารมาก เรอบ่อย
- คลื่นไส้ อาเจียน
วิธีรักษาอาการเครียดลงกระเพาะ
ความเครียดส่งผลให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ ในทางกลับกัน ความผิดปกติของทางเดินอาหารก็ส่งผลลบต่อจิตใจได้เช่นเดียวกัน วิธีรักษาจึงต้องตัดวงจรนี้ โดย
- เมื่อรู้สึกว่ามีภาวะเครียดให้ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นการผ่อนคลายตัวเอง เช่น ฟังเพลง วาดรูป ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือนั่งสมาธิ
- รับประทานอาหารให้ตรงเวลาและครบทั้ง 3 มื้อ
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- ป้องกันความเครียดโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ปรับตารางทำงานให้สมดุล มีเวลาพักผ่อน และออกกำลังกายอย่างเพียงพอ
- ควรปรึกษาแพทย์หากมีอุจจาระปนเลือด น้ำหนักลด อาเจียนบ่อย มีอาการที่รุนแรง รบกวนคุณภาพชีวิต หรือจัดการความเครียดไม่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“กุลวุฒิ” อันดับร่วง หล่นมาอยู่ที่ 6 ของโลก , “บาส-ปอป้อ” ครองที่ 5 แบดมินตันโลก
สหพันธ์แบดมินตันโลก หรือ บีดับเบิลยูเอฟ ประกาศอันดับโลกนักแบดมินตันในสัปดาห์ล่าสุด ปรากฏว่า “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชาวเดี่ยวชาวไทย อันดับโลกหล่นลงมา 2 ขั้น มาเป็นอันดับ 6 ของโลก
การจัดอันดับนักแบดมินตันโลกในสัปดาห์ล่าสุด วิว กุลวุฒิ ดีกรีแชมป์โลกแชมป์เดี่ยวคนล่าสุด หล่นจากอันดับ 4 ลงมาเป็นมือ 6 ของโลก โดยถูก หลี่ ซือเฟิง นักแบดมินตันชาวจีน และโจนาธาน คริสตี จากอินโดนีเซีย คู่ชิงในรายการ เฟรนช์ โอเพ่น แซงขึ้นมาแทนที่
ก่อนหน้านี้ในการแข่งขันแบดมินตันเอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ “โยเน็กซ์ เฟรนช์ โอเพ่น 2023” ที่ประเทศฝรั่งเศส กุลวุฒิ ขอถอนตัวอย่างกะทันหัน ก่อนเกมในรอบ 8 คนสุดท้าย เนื่องจากมีอาการป่วยเป็นไข้ รวมถึงก่อนหน้านั้นได้ถอนตัวจากศึกแบดมินตันเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 รายการ อาร์กติก โอเพน 2023 ที่ประเทศฟินแลนด์ เนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อม
ขณะที่อันดับโลกในประเภทชายเดี่ยวสองอันดับแรกยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมือ 1 ยังคงเป็น วิกเตอร์ เอ็กเซลเซน จากเดนมาร์ก ตามมาด้วย แอนโธนี กินติง จากอินโดนีเซีย อันดับ 3 เป็น หลี่ ซือเฟิง อันดับ 4 เป็น โจนาธาน คริสตี และอันดับ 5 เป็น โคได นาราโอกะ
ส่วน “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล และ “วิว” รวินดา ประจงใจ หญิงคู่ของไทยที่เพิ่งคว้ารองแชมป์ในรายการ เฟรนช์ โอเพ่น อันดับโลกขึ้นมาสองอันดับ โดยขึ้นมาอยู่ในอันดับ 9 ของโลก และมี “มูนา” เบญญาภา และ “อันนา” นันทน์กาญจน์ เอี่ยมสอาด อยู่ในอันดับที่10
ส่วนในประเภทหญิงเดี่ยวนั้น “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันในทุกรายการในปีนี้ ยังอยู่ในท็อป 10 ของโลก โดยรั้งอยู่ในอันดับ 8 และคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ยังครองอันดับ 5 ของโลก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แต่งประโยคภาษาอังกฤษได้อย่างไรบ้างนะ
Simple Sentences (ประโยคความเดียว)
การแต่งประโยคง่ายๆ ทั่วๆไปก็จะมีประธานหนึ่งตัวรวมกับภาคกริยา จุดมุ่งหมายคือจะอธิบายสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความคิดใดความคิดหนึ่ง หรือตั้งคำถามใดคำถามหนึ่งขึ้นมาเท่านั้น ไม่ซับซ้อน เพราะประโยคแบบนี้จะมีกริยาแค่ตัวเดียว และเป็นประโยคเดี่ยว อยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องใช้อะไรมาเติม มาขยาย หรือมาช่วย
ยกตัวอย่างเช่น
She reads. (เธออ่าน)
ซึ่งไม่ว่าจะมีคำคุณศัพท์หรือว่ามีกรรมของประโยคตามท้ายมาก็ไม่ทำให้ประโยคนี้กลายเป็นประโยคซับซ้อนได้แต่อย่างใด ดังนั้นรูปแบบแรกให้จำไว้นะจ๊ะ “ประธาน+กริยา” ส่วนถ้าจะมีอะไรเสริมขึ้นมาอีกนั้นก็ดูได้จากตัวอย่าง
She reads a book with a red cover.
(เธออ่านหนังสือปกสีแดง)
ในกรณีนี้แม้ว่าจะมีนามหลายตัวและมีคำเชื่อม มันก็ยังคงเป็นประโยคความเดียว ไม่ใช่ประโยคที่ซับซ้อนจ้า ฉะนั้นประโยคแบบนี้ก็สามารถเขียนได้ในอีกรูปแบบคือ “ประธาน+กริยา+กรรม/ส่วนขยาย”
Compound Sentences (ประโยคความรวม)
ประโยคความรวมคือประโยคที่ประกอบด้วยประโยคความเดียวสองประโยคโดยที่มีคำเชื่อมอย่างเช่นคำว่า but คำว่า or คำว่า and อยู่ในประโยคด้วย ยกตัวอย่างเช่น
The boy is going left and the girl is going right.
(เด็กชายกำลังไปทางซ้ายและเด็กหญิงกำลังไปทางขวา)
ทั้งสองวลีสามารถอยู่แยกกันได้แต่ก็นำมารวมกันได้เช่นกัน ประโยคดังกล่าวนี้จึงมีลักษณะเป็นประโยคความรวม รูปแบบก็ไม่อยาก เพียงแค่เขียนประโยคความเดียวสองประโยคแล้วนำมาเชื่อมกันด้วยคำเชื่อมนั่นเอง
Complex Sentences (ประโยคความซ้อน)
ประโยคความซ้อนคือประโยคชนิดที่ใช้บรรยายสิ่งของหรือว่าแนวคิดที่มากกว่าหนึ่งสิ่งขึ้นไปโดยที่จะใช้กริยาเพียงตัวเดียว ประโยคความซ้อนจะมีวลีรวมกันมากกว่าหนึ่งวลี ทั้งวลีที่อยู่เดี่ยวๆได้, วลีที่อยู่เดี่ยวๆไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น
“Her sister loves the dress which is designed for tall people.”
(พี่ของเธอชอบชุดที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนตัวสูง)
จะเห็นได้ว่าประโยคความซ้อนนี้จะปรากฏคำว่า “who, whom, which, that” เป็นคำเชื่อมส่วนขยาย ดังนั้นถ้าต้องการแต่งประโยคชนิดนี้ก็ให้เริ่มด้วยการแต่งประโยคความเดียวเอาไว้ก่อนแล้วขยายกรรมหรือประธานด้วยวลีต่าง ๆ ตามหลังคำเชื่อมส่วนขยายได้เลยจ้า
การแต่งประโยคตามลักษณะของประโยคที่แตกต่างกันไปไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เรามีพื้นฐานด้านคำศัพท์และไวยากรณ์ประมาณหนึ่งก็สามารถทำให้เขาเริ่มแต่งประโยคที่ให้ใจความไม่ซับซ้อนมากมายนักได้แล้ว แต่อย่าลืมนะคะ เมื่อใช้จริงประโยคเพียงแค่ประโยคเดียวอาจจะไม่พอ ดังนั้นต้องหัดอ่านข้อความภาษาอังกฤษไว้เยอะๆ เพื่อที่จะได้เห็นรูปแบบประโยคอื่นๆ ที่จะสามารถนำมาใช้ได้นอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างนี้จ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
เพิ่งจะรู้! รถกินน้ำมันผิดปกติแก้ไขเองง่ายๆ ด้วยวิธีนี้
เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมรถของเราจึงกินน้ำมันเพิ่มขึ้นผิดปกติเมื่อเทียบกับสมัยที่ออกป้ายแดงใหม่ๆ ซึ่งบ่อยครั้งสาเหตุที่รถกินน้ำมันมากกว่าปกติเกิดจากปัญหาที่ผู้ใช้รถมองข้ามไป Sanook Auto จึงได้รวบรวมวิธีแก้ไขปัญหารถกินน้ำมันง่ายๆ ทำได้ดังนี้
1. เติมลมยางตามที่ผู้ผลิตกำหนด
การปล่อยให้ลมยางอ่อนจนเกินไป จะทำให้ยางเกิดหน้าสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าปกติ เกิดเป็นแรงต้านการหมุนของล้อ (Rolling Resistance) ที่สูงขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้แรงมากขึ้นในการเคลื่อนที่ ส่งผลให้รถกินน้ำมันเพิ่มขึ้นนั่นเอง
วิธีแก้ไขง่ายๆ เพียงแค่เติมลมให้ได้ตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ โดยสามารถดูได้จากคู่มือหรือสติกเกอร์ที่ติดไว้บริเวณด้านในของเสากลางฝั่งผู้ขับขี่ และยังสามารถเติมลมยางสูงกว่าที่กำหนดไว้เล็กน้อยประมาณ 2-4 ปอนด์ (PSI) จะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันขึ้นไปอีกได้
2. นำของที่ไม่จำเป็นออกจากรถ
น้ำหนักบรรทุกส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างคาดไม่ถึง โดยหากเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2,000 ซีซี บรรทุกน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากปกติ 110 กิโลกรัม จะส่งผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้นเฉลี่ย 3.4% และหากเป็นการขับขี่ในเมืองก็จะกินน้ำมันเพิ่มขึ้นถึง 5.4% เลยทีเดียว (หมายเหตุ: อ้างอิงจากรายงานของ ECCJ – Energy Conservation Center ประเทศญี่ปุ่น) การนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถ จึงช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองได้ในระยะยาว
3. เป่า-เปลี่ยนไส้กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศที่ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน จะก่อให้เกิดสิ่งสกปรกอุดตัน ทำให้การไหลผ่านของอากาศทำได้ไม่ดีพอ ส่งผลให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร กำลังเครื่องยนต์ตก และมีอัตราสิ้นเปลืองที่เพิ่มมากขึ้น การถอดไส้กรองออกมาเป่าทำความสะอาด หรือเปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ จะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้อย่างเห็นผล
4. นำรถเข้ารับการเช็กระยะเป็นประจำ
การนำรถเข้ารับการบำรุงรักษาตามระยะทุก 10,000 กิโลเมตร (หรือตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้) ถือเป็นการดูแลรถยนต์ขั้นพื้นฐานที่จะช่วยให้รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อีกทั้งรถที่เพิ่งผ่านการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะมีอัตราสิ้นเปลืองลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเปลี่ยนถ่าย เนื่องจากน้ำมันเครื่องจะมีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นที่ดีกว่า และช่วยปกป้องไม่ให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้
5. ใช้ความเร็วคงที่ให้มากที่สุด
เทคนิคง่ายๆ ของการขับรถประหยัดน้ำมัน คือการใช้ความเร็วคงที่ให้นานที่สุด เนื่องจากช่วงจังหวะที่ผู้ขับขี่เพิ่มความเร็ว จะเป็นช่วงที่เครื่องยนต์กินน้ำมันมากที่สุด ดังนั้นเมื่อผู้ขับขี่เร่งความเร็วจนถึงจุดที่ต้องการแล้ว ควรรักษาความเร็วนั้นไว้ให้นานที่สุด หลีกเลี่ยงการเพิ่มหรือลดความเร็วโดยไม่จำเป็น จะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว
เห็นไหมครับว่าการที่รถกินน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ล้วนแต่มีสาเหตุมาจากการบำรุงรักษาและพฤติกรรมการขับขี่ หากว่าคุณสามารถปฏิบัติได้ตามข้อแนะนำ 5 ข้อข้างต้นนี้แล้ว รับรองว่าจะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้เดือนละหลายบาททีเดียวครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
พาชม พระพุทธรูปเรืองแสง หนึ่งเดียวของเมืองไทย! ที่วัดป่าพรหมยาน
ฉะเชิงเทรานอกจากจะมีสิ่งศํกดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอย่างวัดโสธรฯ แล้ว ยังมีสถานเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นดั่งอันซีนของเมืองแปดริ้วซุกซ่อนอยู่ด้วย ที่วัดป่าพรหมยาน สถานที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปเรืองแสง แห่งเดียวของเมืองไทย
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอแปลงยาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนไม่ค่อยรู้จักมากนัก ภายในวัดจะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปที่สามารถเรืองแสงได้ในยามค่ำคืน เป็นภาพอันงดงามดูเข้มขลังเป็นอย่างมาก
อีกทั้งยังถือเป็นความสวยงามทางด้านพุทธศิลป์ที่หาชมได้ยากเพราะมีเพียงแค่แห่งเดียวในเมืองไทย หากใครมีโอกาสไปเที่ยวฉะเชิงเทรา ลองแวะไปเยี่ยมชมกันครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : ตำบล วังเย็น อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/dSrjNuE2AByGybj38
เวลาเปิด – ปิด : 6.00 – 22.00 น.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
CPAC Green Solution จับมือ Thai Obayashi ขนทัพนวัตกรรมก่อสร้าง เปิดพื้นที่แชร์องค์ความรู้ หวังยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง หนุนเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านงานก่อสร้างอย่างครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย
CPAC Green Solution ผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้างเพื่อสิ่งแวดล้อมครบวงจร จับมือ Thai Obayashi ขนทัพนวัตกรรม CPAC Green Solution เปิด “Greenovation Showcase” พื้นที่แชร์องค์ความรู้ภายใน “Thai Obayashi Training Center” ศูนย์การเรียนการก่อสร้างครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย พร้อมสนับสนุนเป็นพื้นที่แหล่งเรียนรู้ ทั้งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะและศักยภาพของบุคลากร เพื่อยกระดับมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
นายสุรชัย นิ่มละออ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า CPAC Green Solution มีเป้าหมายที่จะ “ยกระดับ” มาตรฐานงานก่อสร้างของประเทศให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการก่อสร้างเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ทั้งการใช้ทรัพยากรและวัสดุก่อสร้างอย่างคุ้มค่า ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนสู่การ Turn Waste to Value เปลี่ยนความสูญเสียให้มีประโยชน์คืนกลับสู่สังคม ตามแนวทางการดำเนินงาน ESG 4 Plus ของเอสซีจี ซึ่งการร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองบริษัทระหว่าง CPAC Green Solution ผู้ให้บริการโซลูชันด้านการก่อสร้างและ Thai Obayashi ที่มีประสบการณ์ในการบริหารงานก่อสร้างและงานวิศวกรรมครบวงจร โดยมีเป้าหมายร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาในระบบการก่อสร้างตอบโจทย์ความต้องการของ Stakeholder/Ecosystem ในวงการก่อสร้างปัจจุบันที่ให้ความสำคัญเรื่องของปัญหาโลกร้อน ทรัพยากรขาดแคลน เปลี่ยนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดย CPAC Green Solution นำเสนอ “Greenovation Showcase” ผ่านศูนย์ Thai Obayashi Training Center เพื่อแชร์องค์ความรู้ด้านทักษะการทำงานและสร้างเครือข่าย Ecosystem ให้เติบโตร่วมกัน
สำหรับโซลูชันที่นำมาจัดแสดงภายใน Thai Obayashi Training Center ประกอบไปด้วย สินค้า บริการ และโซลูชัน ที่ตอบโจทย์การก่อสร้างยุคใหม่ มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตั้งแต่กลุ่มสินค้า Low Carbon Cement & Concrete ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด และผลิตภัณฑ์คอนกรีตคาร์บอนต่ำ CPAC ที่ได้รับรองฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มงานโซลูชันสำหรับงานโครงสร้าง Low Carbon Construction ภายใต้แบรนด์ CPAC Green Solution สำหรับทุกกลุ่มงานก่อสร้าง ได้แก่ ระบบโครงสร้างคอนกรีตสำเร็จรูปครบวงจร CPAC Smart Structure Solution สำหรับงาน Residential & Commercial แบบ Fully Precast System, Column & Beam System, S Wall System, CPAC 3D Printing Solution นวัตกรรมพิมพ์คอนกรีต 3 มิติ สำหรับงานก่อสร้างและงานตกแต่ง และ CPAC Ultra Bridge Solution เทคโนโลยีคอนกรีตสมรรถนะสูง สำหรับงาน Infrastructure
นายชนวิช อนัคกุล Executive Adviser บริษัท นันทวัน จำกัด (Thai Obayashi) กล่าวว่า สำหรับ Thai Obayashi Training Center ศูนย์การเรียนรู้เรื่องการก่อสร้างครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย มีบริการของศูนย์อบรม ประกอบไปด้วย ห้องสัมมนา, พื้นที่สาธิตภายใน, พื้นที่สาธิตภายนอกและทดลองภาคสนาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีการก่อสร้าง เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะในการปฏิบัติงานสำหรับพนักงาน Thai Obayashi และ Sub Contractors อีกทั้งเพื่อเป็นศูนย์การศึกษาทางด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้างสำหรับนิสิตนักศึกษาและอาจารย์จากสถาบันต่างๆ รวมถึงหน่วยงานและองค์กรที่สนใจศึกษาดูงานทั้งจากในและต่างประเทศ
ซึ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีการก่อสร้างของบริษัทก่อสร้างในประเทศไทยแทบจะไม่มีความแตกต่างกัน ฉะนั้นการที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ปัจจัยที่สำคัญคือ ทรัพยากรมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงได้สร้างศูนย์ฝึกอบรม ไทย โอบายาชิ ขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะและศักยภาพของบุคลากร ซึ่งความร่วมมือกันในครั้งนี้ระหว่าง Thai Obayashi และ CPAC Green Solution ถือเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้วงการก่อสร้างไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน อีกทั้งยังสร้าง Inspiration ให้คนในวงการก่อสร้างตระหนักถึงความสำคัญ และมีความรู้ในการเลือกวัสดุ กระบวนการทำงานที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้งานคุณภาพ สร้างเสร็จไว ลดขยะในการก่อสร้าง ลดปัญหาโลกร้อน สร้างสังคมสีเขียวร่วมกัน ยกระดับมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรมการก่อสร้างของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,750.00 | 33,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,186.00 | 33,139.76 | 34,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,967.40 | 29,825.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,748.80 | 26,511.81 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 984.00 | 14,917.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 765.00 | 11,597.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,265.00 | 34,337.40 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.25 | 38.25 | 38.75 | 38.25 | 38.55 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.98 | 37.98 | 38.48 | 37.98 | 38.28 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.44 | 35.94 | 36.24 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.09 | 36.09 | – | – | – | – | – | – | – | 36.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.04 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.04 |
เบนซิน 95 | 46.04 | – | – | – | 47.51 | – | 46.54 | 46.19 | – | 46.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 48.64 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |