สาระน่ารู้ประจำวันที่ 03 มกราคม 2567

มีผลวันนี้ 2ม.ค.67 กรมที่ดิน ลดค่าโอน-จดจำนองบ้านไม่เกิน3ล้านโด๊ปอสังหาฯ

มีผลวันนี้ 2ม.ค.67 กระทรวงมหาดไทยโดยกรมที่ดิน ลดหย่อนค่าโอน-จดจำนองบ้านไม่เกิน3ล้านบาทต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาฯ

แหล่งข่าวจากกรมที่ดินเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ” ว่ามาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ อสังหาริมทรัพย์จาก ร้อยละ 2 (2%) เหลือร้อยละ 1( 1%)  และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1(1%) เหลือร้อยละ 0.01( 0.01%)   เฉพาะการโอนฯและจดจำนองในคราวเดียวกัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่2 มกราคม2567 จนถึงวันที่ 31ธันวาคม2567  โดยต้องการซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างผู้ประกอบการและผู้ซื้อเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ตลาดไม่หยุดชะงัก เพื่อรอมาตรการดังกล่าวออกมา

สำหรับหลักเกณฑ์ที่อยู่ในข่ายการลดหย่อนได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ และห้องชุด (ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2) เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน

ที่ผ่านมา  เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 คณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบ มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และมอบกระทรวงมหาดไทยโดยกรมที่ดินออกเป็นกฎกระทรวง2ฉบับ เพื่อประกาศใช้ ต่อเนื่องเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 สำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย

สำหรับกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ ประกอบด้วย 

1.กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. 2567 

2. กฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองของการซื้อห้องชุด เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ. 2567 ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา หลัง จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามแล้ว กรมที่ดินจะเสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศถึงวันที่ 31 ธันวาคม2567 ดังกล่าวต่อไป

สาระสำคัญของกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ ประกอบด้วย 

1.การลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก ร้อยละ 2 เหลือ ร้อยละ 1 สำหรับการซื้อขายอาคารที่อยู่อาศัย หรือ อาคารพาณิชย์ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านแถวหรืออาคารพาณิชย์ หรือ ที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ดังกล่าว หรือ อาคารชุด ซึ่งมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท

2.ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดจำนอง จากร้อยละ 1 เหลือ ร้อยละ 0.01 สำหรับการจำนองที่กระทำในคราวเดียวกับการโอน และวงเงินการจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท

ทั้งนี้การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้เป็นมาตรการต่อเนื่องจากปี 2566 ที่กรมที่ดินได้ลดค่าธรรมเนียมให้แก่ประชาชนในอัตราเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยของตนเอง แล้วยังเป็นการส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รักษาระดับเศรษฐกิจในภาคอสังหาฯ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาฯ ให้เกิดความต่อเนื่องด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘ลิตเติ้ลรัสเซีย’ขยับจากพัทยาสู่ภูเก็ตดันราคาที่ดินพุ่งไร่ละ 120 ล้าน!

ขุมทรัพย์’ลิตเติ้ลรัสเซีย’ขยับจากพัทยาสู่ภูเก็ต ดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น ยักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ออริจิ้น แสนสิริ ไซมิส แอสเสท ไรมอน แลนด์ และ ชาญอิสสระ โดดเข้ามาพัฒนาโครงการในภูเก็ตเพิ่มขึ้นดันราคาที่ดินพุ่งไร่ละ 120 ล้าน!

ผลกระทบจากสถานการณ์สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ส่งผลให้บรรดาเศรษฐีรัสเซียเบนเข็มมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ภูเก็ต” ปักหมุดเพื่ออยู่อาศัยในระยะยาว จากเดิมนิยมท่องเที่ยว “พัทยา” ซึ่ง “ภูเก็ต” ไข่มุกแห่งอันดามันเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีความพร้อมทั้งสนามบินนานาชาติ  โรงเรียนอินเตอร์ฯ  โรงพยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตอบโจทย์การใช้ชีวิต ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตร้อนแรงทั้ง “วิลล่า” และ “คอนโดมิเนียม” ดันราคาที่ดินพุ่งทะยานสนนราคาไร่ละ 120 ล้านบาท

เมธาพงศ์ อุปัติศฤงค์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียมายังภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ยิ่งในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ที่ผ่านมา สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวต่อเนื่องที่สำคัญมาอาศัยอยู่ระยะยาวมากขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะดีมานด์ของคนจีนลดลง จากเดิมที่คนรัสเซียนิยมเที่ยวพัทยา ส่วนหนึ่งเปลี่ยนมาภูเก็ต โดยเฉพาะกลุ่มคนรัสเซียที่มีความมั่งคั่งสูง เข้ามาลงทุนตั้งแต่การซื้ออสังหาริมทรัพย์ บ้านพักวิลล่า คอนโดมิเนียม

ทั้งนี้เนื่องจากภูเก็ต ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนต่างชาติได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเดินทางที่สะดวก เพราะมีสนามบินนานาชาติ ท่าเทียบเรือยอร์ช เรือสำราญ สนามกอล์ฟ โรงเรียนนานาชาติ ถึง 10 แห่ง ดึงดูดชาวรัสเซียและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่ต้องการอพยพจากภัยสงครามเข้ามาในภูเก็ต เพราะมองว่าเป็นบ้านหลังที่ 2 ให้กับตัวเองและครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี มียอดขายมาหลักมาจากชาวรัสเซียเป็นอันดับหนึ่ง

เมธาพงศ์ กล่าวว่า จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ดีเวลลอปเปอร์ท้องถิ่น และบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น อาทิ ออริจิ้น, แสนสิริ, ไซมิส แอสเสท, ไรมอน แลนด์ และ ชาญอิสสระ เข้ามาพัฒนาโครงการในภูเก็ตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับสูงขึ้น บางพื้นที่จากไร่ละ 3 ล้านบาท ขยับเป็นไร่ละ 8-9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในทำเลเชิงทะเล ขยับไร่ละ 40 ล้านบาท ส่วนทำเลป่าตองพุ่งไร่ละ 120 ล้านบาท!! ที่สำคัญทำเลติดทะเลหายาก

“จะเห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเนื้อหอมขึ้น หลังโควิดฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ต้องระมัดระวังในการขึ้นโครงการใหม่ เพราะตัวเลขซัพพลายสูงกว่าดีมานด์แล้ว”


 สอดคล้องกับ ณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีสัดส่วนของชาวรัสเซีย 40-60% จากลูกค้าทั้งหมด หากเทียบกับเมื่อก่อนจะมีสัดส่วนเพียง 10-15% เท่านั้น ส่วนใหญ่สนใจทำเลหาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา เชิงทะเล (ลากูนา) และหาดในทอน ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวขยับขึ้น 15-20% และแนวโน้มความต้องการของลูกค้ารัสเซียยังคงเพิ่มขึ้นโดยนิยมทำเล เชิงทะเล บางเทา ราไวย์ ในหาน

จากการประเมินราคาที่ดินเติบโตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี ส่งผลให้ราคาขายของวิลล่าปรับตัวขึ้นตามราคาที่ดิน โดยเฉพาะวิลล่าที่อยู่ติดทะเลบริเวณลากูน่าจะมีราคาสูง เนื่องจากปัจจุบันราคาประกาศขายที่ดินต่อไร่อยู่ที่ประมาณ 25 ล้านบาท และที่ดินค่อนข้างเหลือน้อย จึงทำให้การพัฒนาวิลล่ามีการตั้งราคาขายค่อนข้างสูง ในส่วนพื้นที่บริเวณเชิงทะเลจะเป็นที่นิยมในการพัฒนามากขึ้น เนื่องจากที่ดินมีเหลืออยู่มากและอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอีกทั้งยังใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ รวมถึงบรรยากาศที่สงบแวดล้อมไปด้วยภูเขา

“ในช่วงเวลาที่กลุ่มชาวต่างชาติมาพักผ่อนและอยู่อาศัยเป็นครอบครัวในภูเก็ตมองหาบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเหล่านี้  อย่างไรก็ตามการพัฒนาวิลล่าในภูเก็ตยังต้องพึ่งพาแรงสนับสนุนของกลุ่มต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ตลาดวิลล่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต”

ทางด้าน ประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ระบุว่า ภาพรวมตลาดวิลล่าและคอนโดมิเนียมในภูเก็ต เติบโตอย่างต่อเนื่องหลังโควิด โดยเฉพาะการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยตากอากาศระดับลักชัวรีที่เพิ่มมากขึ้น คาดการณ์ทั้งปี 2566 มีคอนโดมิเนียมใหม่เปิดตัวรวมกว่า 3,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 8.9% จากปี 2565 ถือว่ามีการเปิดตัวโครงการมากกว่าช่วงปี 2561-2565 หรือคิดเป็น 2.03 เท่า โดยทำเลที่มีการเปิดตัวสูงที่สุดจะเป็นทำเลชายฝั่งตะวันตกกลาง West Coast (Central) หาดที่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุด คือ หาดบางเทา และหาดลายัน

“ลูกค้ากลุ่มลักชัวรีตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยตากอากาศในภูเก็ต เป็นการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า 79% อีก 21% ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นที่พักตากอากาศหรือบ้านหลังที่ 2”

จะเห็นว่า ศักยภาพของจังหวัดภูเก็ตรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ และต่างประเทศ มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ทั้งโครงการระยะสั้นและระยะยาว อาทิ การขยายท่าอากาศยานภูเก็ตระยะที่ 2 จะเปิดให้บริการในปี 2571 รองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่จะมายังภูเก็ตกว่า 18 ล้านคนต่อปี รวมถึงการสร้างทางด่วนสายใหม่กะทู้-ป่าตอง และโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับใหม่ ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพของภูเก็ตให้สามารถดึงดูดผู้มาเยือนทั้งนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expat) ซึ่งมีจำนวนสูงเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3ม.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 34.29 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเผชิญความเสี่ยงผันผวนหลังเงินดอลลาร์เริ่มกลับทิศทางทยอยแข็งค่าขึ้น สำหรับวันนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ” ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม”

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3ม.ค. 2567 ที่ระดับ  34.29 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.13 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจเผชิญความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงได้ หลังเงินดอลลาร์เริ่มกลับทิศทางทยอยแข็งค่าขึ้น ส่วนราคาทองคำก็ย่อตัวลงเข้าใกล้โซนแนวรับสำคัญ

ซึ่งปัจจัยที่จะชี้ชะตาว่า เงินบาทจะผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ อาจขึ้นกับ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ โดยหากดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต หรือ ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ ออกมาดีกว่าคาด สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง ก็อาจยิ่งหนุนการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการปรับตัวขึ้นทดสอบโซน 4% ของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังบรรดาผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มทยอยปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

นอกจากนี้ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด ก็กลับมาในจังหวะที่ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน ทำให้มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติบางส่วนอาจเริ่มทยอยขายทำกำไรหุ้นมากขึ้น เช่นเดียวกันกับในฝั่งบอนด์ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ก็อาจกดดันให้บอนด์ยีลด์ไทยปรับตัวขึ้นตามได้ และสร้างแรงกดดันต่อฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดบอนด์ไทย

ทั้งนี้ เราคงประเมินว่า เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปไกลมากจากโซนแนวต้านสำคัญ เนื่องจากบรรดาผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอจังหวะเพื่อทยอยขายเงินดอลลาร์ รวมถึงรอเพิ่มสถานะ Long THB (มองว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในปีนี้) ส่วนโซนแนวรับเงินบาท เรามองว่า โซน 34.00-34.10 บาทต่อดอลลาร์ ยังคงเป็นโซนแนวรับที่เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าผ่านไปได้ง่ายนัก จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนที่ชัดเจน

ในช่วงนี้ เราพบว่า ความผันผวนของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.10-34.40 บาท/ดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงตามที่เราได้ประเมินไว้ ว่าโมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทจะเริ่มชะลอลง และมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าได้ (แกว่งตัวในช่วง 34.12-34.35 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวมที่หนุนให้เงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้น

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เข้าใกล้ระดับ 4.00% ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากการปรับสถานะถือครองก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ก็มีส่วนยิ่งกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงกลับสู่โซนแนวรับระยะสั้นอีกครั้ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเข้าซื้อทองคำในโซนดังกล่าวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

 บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคฯ ใหญ่ โดยเฉพาะ Apple -3.6% ที่ปรับตัวลงแรงจากการปรับลดความน่าลงทุนโดยนักวิเคราะห์ในตลาด

นอกจากนี้ การทยอยรีบาวด์ขึ้น ของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ก็มีส่วนกดดันบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ทำให้โดยรวม ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.63% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.57%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลง -0.11% กดดันโดยแรงขายหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ ASML -2.6% หลังบอนด์ยีลด์ระยะยาวทยอยปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม Dior -3.0% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน จากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาด 

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.95% โดยส่วนหนึ่งเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจมีการปรับสถานะถือครองบอนด์บ้าง ก่อนที่จะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต้องทยอยปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด

สอดคล้องกับมุมมองเดิมของเราว่า ควรระวังความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจพุ่งสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ได้เข้าสู่แนวโน้มขาลงแล้ว แต่ยังมีความผันผวนอยู่บ้าง

ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคา โดยพยายามคำนึงถึง จุดคุ้มทุน หรือ Break-even เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม หรือ Total Return ที่จะได้จากการถือครองบอนด์ 

ทางด้านตลาดค่าเงิน บรรยากาศในตลาดการเงินที่พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ได้ส่งผลให้โดยรวม เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 102.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 101.6-102.3 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ทยอยปรับตัวลดลง ใกล้โซนแนวรับ 2,060-2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในโซนดังกล่าว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้างในคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม โดย ISM (Manufacturing PMI) เดือนธันวาคม รวมถึง รายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) นอกจากนี้ ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ราว 2.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย

ตลาดจะจับตารายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) เพื่อช่วยประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการพิจารณาแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดเช่นกัน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.26-34.28 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.30 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.14 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่ากลับมาตามภาพรวมของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ประกอบกับยังน่าจะมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามสัญญาณฟันด์โฟลว์ซึ่งสะท้อนสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ที่อาจจำกัดกรอบการอ่อนค่าของเงินบาทไว้บางส่วนในระหว่างวันด้วยเช่นกัน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.15-34.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ย. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 12-13 ธ.ค. 2566

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โดนรัวครึ่งหลัง! ไทย บุกพ่าย ญี่ปุ่น 0-5 ศึกอุ่นเครื่องวันปีใหม่ 2024

วันที่ 1 มกราคม 2567 เวลา 12:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ณ สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงโตเกียว ทีมชาติญี่ปุ่น อันดับ 17 ของโลก เปิดบ้านพบกับ ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 113 ของโลก

เกมนี้กุนซือเจ้าถิ่น ฮาจิเมะ โมริยาสุ วาง ไซออน ซูซูกิ เฝ้าเสา พร้อมมีตัวหลักอย่าง อาโอะ ทานากะ, มาโอะ โฮโซยะ, จุนยะ อิโตะ และ ไคชู ซาโนะ

ด้านโค้ชป้ายแดงทีมเยือน มาซาทาดะ อิชิอิ เกมนี้ใช้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย เป็นหน้าเป้า โดยมี เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ และ บดินทร์ ผาลา คอยสนับสนุน

เริ่มต้นเป็น ญี่ปุ่น ที่ครองเกมได้เหนือกว่าและมีโอกาสอยู่หลายครั้งแต่ยังเจาะไม่เข้า จบครึ่งแรกสกอร์ยัง 0-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 50 จากบอลขลุกขลิกในเขตโทษ และเป็น อาโอะ ทานากะ ที่สอดขึ้นมาก่อนยิงด้วยขวาเข้าไปให้ ญี่ปุ่น นำก่อน 1-0

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ไข้เลือดออก VS ไข้หวัดใหญ่ แตกต่างกันอย่างไร?

วิธีสังเกตความแตกต่างของ โรคไข้เลือดออก และไข้หวัดใหญ่ เพราะถึงจะมีอาการบางอย่างคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วเป็นคนละโรคกันอย่างสิ้นเชิง

โรคไข้เลือด

โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue) ที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งพบมากในประเทศเขตร้อนและเขตอบอุ่น สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง ของกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยแจ้งว่าในปี 2557 พบผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกประมาณ 40,000 ราย เสียชีวิต 41 ราย นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

เจ้าเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) มี 4 ชนิด คือ DEN-1, DEN-2, DEN-3 และ DEN-4 ทั้ง 4 ชนิดนี้ มี antigen ร่วมบางชนิด จึงทำให้มี cross reaction และ cross protection ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสเดงกีชนิดหนึ่งจะมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดงกีชนิดนั้นตลอดไป (long lasting homotypic immunity) และจะมีภูมิคุ้มกัน cross protection ต่อชนิดอื่น (heterotypic immunity) ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 3-12 เดือน ฟังดูเหมือนจะดี แต่พอนานวันเข้าภูมิคุ้มกันนี้ก็จะค่อยๆ จางลงเพราะร่างกายเราก็จะผลิตภูมิคุ้มกันตัวจริงออกมาไล่บี้ของแปลกปลอม ถ้าคนที่มีภูมิคุ้มกันจางๆ ปลอมๆ นี้อยู่ในตัว (คนที่เคยเป็นไข้เลือดออก) ได้รับไวรัสเดงกีตัวอื่นเข้าไปนอกจากมันจะไม่สามารถช่วยป้องกันอะไรได้แล้ว มันยังกลายพันธุ์ลุกขึ้นมาชักศึกเข้าบ้านได้อย่างง่ายดาย แถมช่วยให้เจริญเติบโตได้เร็วกว่าปกติอีกนะคะ นี่คือเหตุผลที่ทำคนที่เคยเป็นโรคไข้เลือดออกแล้ว กลับมาเป็นได้อีกและแถมหนักกว่าเดิมด้วย

อาการไข้เลือดออก

อาการโดยรวมซึ่งคนไข้จะมีมีไข้สูง ปวดกระบอกตา อ่อนเพลีย ไม่อยากรับประทานอาหาร ปวดท้อง หน้าแดง หรือมีผื่นขึ้นตามตัวและปวดตามข้อต่างๆ บางกรณีปวดแบบรุนแรงถึงเสียชีวิตได้เลยนะคะ บางที่ก็เรียกว่า “break bone fever” เลยทีเดียว อันนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของเชื้อ dengue ที่โดนนะคะ

ดูกันให้ชัดๆ ไปเลยว่าอาการพัฒนาเป็นขั้นตอนอย่างไร โรคไข้เลือดออกเดงกี มีอาการสำคัญที่เป็นรูปแบบค่อนข้างเฉพาะ 4 ประการ เรียงตามลำดับการเกิดก่อนหลัง ดังนี้

  1. ไข้สูงลอย 2-7 วัน โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส บางรายอาจมีอาการชักเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเด็กที่เคยมีประวัติชักมาก่อน ผู้ป่วยมักจะมีหน้าแดง ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการน้ำมูกไหลหรืออาการไอ เบื่ออาหาร และอาเจียน
  2. มีอาการเลือดออก ส่วนใหญ่จะพบที่ผิวหนัง โดยอาจพบผื่นขึ้นตามผิวหนัง หรือมีอาการเลือดออกที่ผิวหนัง รวมถึงมีจุดเลือดออกเล็กๆ กระจายตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักจะเป็นสีดำ
  3. มีตับโต กดเจ็บ ส่วนใหญ่จะคลำตับ โต ได้ประมาณวันที่ 3-4 นับแต่เริ่มป่วย ในระยะที่ยังมีไข้อยู่ ตับจะนุ่มและกดเจ็บ
  4. มีภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลว/ภาวะช็อก ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยไข้เลือดออกเดงกี จะมีอาการรุนแรง มีภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลวเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่มีไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ภาวะช็อกที่เกิดขึ้นนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะมีอาการเลวลง และจะเสียชีวิตภายใน 12-24 ชั่วโมง หลังเริ่มมีภาวะช็อก

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำสำหรับไข้เลือดออก

  • เมื่อมีอาการไข้สูงห้ามรับประทานยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน และ ไอบูโพรเฟน หรือยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอย เพราะจะทำให้เกล็ดเลือดเสียการทำงาน จะระคายกระเพาะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
  • ถ้าอาการไข้ไม่ลดในช่วง 2-3 วันแรกที่ไม่สบาย รีบปรึกษาหมอด่วน อธิบายอาการให้ครบถ้วน และอธิบายสภาพแวดล้อมที่บ้านด้วยนะคะ รวมถึงปรีกษาหมอว่าควรตรวจเกล็ดเลือดหรือไม่ โดยปกติคนเรามีเกล็ดเลือดนับแสน คือ มากกว่า 300,000 ถ้าเกล็ดเลือดต่ำกว่า 200,000 หลังเป็นไข้มา 3-4 วันแล้วล่ะก็อาการเริ่มน่าเป็นห่วงแล้ว และถ้าต่ำกว่า 100,000 ควร admit อยู่โรงพยาบาลดีกว่าค่ะ ในช่วงที่เริ่มเป็น 1-3 วันแรกอาจยังไม่สามารถตรวจได้นะคะ จะตรวจได้ก็เมื่อไวรัสเริ่มออกตัวค่ะ

ไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอ็นซ่า Influenza virus) โดยสามารถจำแนกออกเป็น 3 ชนิดตามฤดูกาล ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี โดยที่พบมากที่สุด คือ ไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ (H1N1) (H3N2) รองลงมาได้แก่ ชนิด บี และซี

เชื้อไวรัสนี้จะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย ซึ่งสามารถแพร่ติดต่อไปยังคนอื่น ๆ ได้ง่าย เช่น การไอหรือจามรดกัน หรือหายใจเอาฝอยละอองเข้าไป หากอยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร บางรายได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น แก้วน้ำ ลูกบิดประตู โทรศัพท์ ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูก ตา ปาก
ในผู้ใหญ่อาจแพร่เชื้อได้นานประมาณ 3-5 วัน นับจากเริ่มป่วย ในเด็กเล็กสามารถแพร่ได้นานกว่าผู้ใหญ่ อาจพบได้ 7-10 วัน และอาจนานขึ้นไปอีก ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างรุนแรง
สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่าตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ พบผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ถึงเกือบ 65,000 ราย และเสียชีวิตไปแล้ว 27 ราย ใครจะเชื่อว่าไข้หวัดก็รุนแรงได้ แล้วก็อย่าหวังว่าคนที่เป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน

อาการโรคไข้หวัดใหญ่

ถ้าเป็นไข้หวัดอาการไข้จะหายภายใน 2-3 วัน และถ้าเป็นหวัดจริงๆ อาการส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ ระบบหายใจ 

อาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ไข้สูง คัดจมูก เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ไอและรู้สึกเหนื่อย อาการเหล่านี้ตรงแบบเริ่มสองวันหลังได้รับไวรัสและส่วนมากอยู่นานไม่เกินสัปดาห์ แต่อาการไออาจกินเวลานานกว่าสองสัปดาห์ได้

ในเด็กอาการแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่อาจมีปอดบวมจากไวรัส ปอดบวมจากแบคทีเรียตามโพรงอากาศ (sinus) ติดเชื้อ และปัญหาสุขภาพที่มีอยู่เดิมแย่ลง เช่น โรคหอบหืดหรือภาวะหัวใจล้มเหลว

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำสำหรับไข้หวัดใหญ่

  • ผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ต่ำ ๆ และยังรับประทานอาหารได้ อาจไปพบแพทย์ หรือขอรับยาและคำแนะนำจากเภสัชกรใกล้บ้าน และดูแลรักษากันเองที่บ้านได้ ดังนี้
  • นอนหลับพักผ่อนมาก ๆ ในห้องที่อากาศถ่ายเทดี ไม่ควรออกกำลังกาย
  • ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ น้ำผลไม้ มากๆ งดดื่มน้ำเย็น
  • รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลดให้รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล ห้ามใช้ยาแอสไพริน หากทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์
  • พยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ ผัก ผลไม้ เป็นต้น

ความแตกต่างของ โรคไข้เลือดออก และไข้หวัดใหญ่

อาการของ 2 โรคนี้แทบไม่แตกต่างกันมากนัก ขนาด World Health Organization (WHO) ยังบอกเลยว่า 2 โรคนี้แทบจะแยกกันไม่ออกโดยเฉพาะ 2-3 วันแรก มีทั้งปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอ ปวดตามข้อ ที่สำคัญ “ไม่มียารักษา และเป็นแล้วเป็นอีกได้”

ไข้หวัดใหญ่ยังมีวัคซีนป้องกันได้นะคะ แต่ก็ได้แค่ไข้หวัดใหญ่ ถ้าเป็นไวรัสอื่นก็ไม่ได้นะคะ และฉีดป้องกันแล้วไม่แล้วกันนะคะ ต้องฉีดทุกปี โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
ถ้าพูดถึงความเหมือนของอาการเบื้องต้นของทั้ง 2 โรคนี้แล้ว สำหรับผู้ใหญ่บางทีก็ยังบอกไม่ได้เต็มที่เลยใช่ไหมคะว่ามีอาการอย่างไร พอป่วยก็รู้แต่ว่าไม่อยากไปทำงาน แล้วถ้าเป็นเด็กเล็กล่ะคะจะมานั่งอธิบายอะไรได้ คำศัพท์บางคำยังไม่รู้เลย คงโยเยๆ ไปตามเรื่อง คุณพ่อคุณแม่นั่นล่ะค่ะที่ต้องติดตามดูอาการนะคะ

ทีนี้เวลาเป็นไข้ปุ๊บ เฝ้าดูอาการดีๆ นะคะ 2-3 วันอาการไม่ดีขึ้น หาหมออย่างเดียวเลย อย่าชะล่าใจเด็ดขาดนะคะ ไม่งั้นอาจบานปลายได้ ต้องขอบคุณคุณปอ ทฤษฎี สหวงษ์ จริงๆ ที่ทำให้ทุกคนต้องหันมาทำความรู้ความเข้าใจกับโรคไข้เลือดออกอย่างจริงจัง ขอพรคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้คุณปอหายวันหายคืน กลับมาเป็นขวัญใจของพวกเราต่อไปนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลสมิติเวช
ภาพประกอบจาก istockphoto, pixabay

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สรุป Preposition เรียนภาษาอังกฤษเริ่มต้น ไม่รู้ไม่ได้

Preposition คืออะไร?

สรุป Preposition คืออะไร มีกี่แบบ ในภาษาอังกฤษ มีหลักการใช้อย่างไร

Preposition

Preposition คือ คำบุพบท ที่เป็นส่วนหนึ่งของประโยคในภาษาอังกฤษ ใช้เชื่อมคำและประโยค โดยทั่วไปแล้ว preposition จะอยู่หน้า noun, pronoun, หรือ noun phrase เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของคำหรือประโยค

Preposition เป็นส่วนหนึ่งของ Parts of Speech ซึ่งเป็นพื้นฐานแกรมม่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ ที่ผู้เรียนควรรู้

สรุป Preposition

หลักการใช้ Preposition แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

1. Preposition of Time

Preposition of Time คำบุพบทบอกเวลา เช่น In, On, At, Since, For , Until, During เป็นต้น

ตัวอย่าง Preposition of Time

• In ใช้กับ เดือน ฤดู ปี
ตัวอย่าง
My sister’s birthday is in May.
วันเกิดของน้องสาวฉันตรงกับเดือนพฤษภาคม

• On ใช้กับ วันและเทศกาล
ตัวอย่าง
She was born on June 16th.
เธอเกิดวันที่ 16 มิถุนายน

• At ใช้กับ เวลาที่เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่าง
I have a meeting at 9 a.m.
ฉันมีการประชุมเวลา 9 โมงเช้า

• Since หมายถึง ตั้งแต่
ตัวอย่าง
I have known her since we were kids.
ฉันรู้จักเธอตั้งแต่เราเป็นเด็ก

2. Preposition of Place

Preposition of Place (คำบุพบทบอกสถานที่) เช่น In, On, At, Above (เหนือ), Under (ข้างใต้) และ Over (ข้าม) เป็นต้น

ตัวอย่าง Preposition of Place

• In หมายถึง ข้างใน ใช้กับ เมือง ประเทศ และสิ่งของ/พื้นที่ที่มีขอบเขต
ตัวอย่าง
The cat is in the box.
แมวอยู่ในกล่อง

• On หมายถึง บน (อยู่บนบางสิ่ง) ใช้กับ ชื่อถนนและพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ
ตัวอย่าง
The book is on the table.
หนังสืออยู่บนโต๊ะ

• At หมายถึง ที่ ใช้กับ สถานที่ที่เจาะจง
ตัวอย่าง
She is at the park.
เธออยู่ที่สวนสาธารณะ

• Above หมายถึง เหนือ (ต่างจาก On (บน) ตรงที่ Above คือ อยู่ข้างบนแบบที่ยังมีช่องว่างระหว่างสองสิ่งนั้น)
ตัวอย่าง
She attaches the picture above the TV.
เธอติดรูปไว้เหนือทีวี

• Under หมายถึง ข้างใต้
ตัวอย่าง
Yam hides herself under the bed.
แย้มซ่อนตัวเองอยู่ใต้เตียง

3. Preposition of Movement

Preposition of Movement คำบุพบทบอกการเคลื่อนไหว เช่น To, Onto, Into และ Toward เป็นต้น

ตัวอย่าง Preposition of Movement

• To หมายถึง ถึง, ไปถึง, ที่ (จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง)
ตัวอย่าง
He runs to the train station
เขาวิ่งไปสถานีรถไฟ

• Onto หมายถึง ขึ้นไปยัง (ไปข้างบนถึงจุดหนึ่ง)
ตัวอย่าง
He jumped onto the bed.
เขากระโดดขึ้นเตียงนอน

• Into หมายถึง เข้าไปข้างใน
ตัวอย่าง
Pin is walking into the rest room.
ผินกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ

• Toward หมายถึง ไปยัง (ไม่เจาะจงว่าจะไปที่นั่นโดยตรง 100%)
ตัวอย่าง
I am walking toward the school.
ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน (อาจไม่ได้ไปในโรงเรียน แค่เดินไปทางโรงเรียน)

4. คำบุพบทแบบซับซ้อน (มีคำเป็นคู่)

คำบุพบทแบบซับซ้อน (มีคำเป็นคู่) เช่น apart from (นอกเสียจาก), as well as (เช่นเดียวกันกับ), instead of (แทนที่จะ…) และ in spite of (ทั้ง ๆ ที่…) เป็นต้น

ตัวอย่าง คำบุพบทแบบซับซ้อน

• Apart from หมายถึง นอกเสียจาก
ตัวอย่าง
Apart from English, he speaks French and Spanish.
นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว เขาสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปน

• As well as หมายถึง เช่นเดียวกันกับ เช่น
ตัวอย่าง
She always reads book as well as watch TV in the same time.
เธออ่านหนังสือและดูทีวีพร้อมกันอยู่เสมอ

• Instead of หมายถึง แทนที่จะ…
ตัวอย่าง
Would you like to eat instead of exercise?
คุณอยากจะไปกินแทนออกกำลังกายไหม

• In spite of หมายถึง ทั้ง ๆ ที่…
ตัวอย่าง
She still loves him in spite of his bad habit.
เธอยังรักเขา ทั้ง ๆ ที่เขานิสัยไม่ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


สู้ศึก EV! Toyota Camry Hybrid น้ำมันถังเดียววิ่งได้ 1,000 กม. เริ่มไม่ถึง 9 แสนบาท

All-new Toyota Camry Hybrid 2024 ใหม่ เริ่มเปิดรับจองอย่างเป็นทางการแล้วที่ประเทศจีน ชูจุดขายด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ที่สามารถขับขี่ได้ไกลสูงสุดมากกว่า 1,000 กิโลเมตรด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง เคาะราคาเริ่มต้น 181,800 หยวน หรือประมาณ 890,000 บาท

ภายหลังจากที่มีการเปิดตัว All-new Toyota Camry เจเนอเรชันที่ 9 ในสหรัฐอเมริกาเมื่อช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุด GAC Toyota ได้เปิดรับจอง (Pre-order) จากลูกค้าชาวจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และไฮบริด 2.0 ลิตร พร้อมทั้งชูจุดขายในด้านอัตราสิ้นเปลืองต่ำเป็นพิเศษ โดยรุ่นไฮบริด 2.0 ลิตร สามารถทำระยะทางขับขี่ได้มากกว่า 1,000 กม. ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง แถมยังไม่ต้องรอชาร์จไฟเหมือนกับรถ EV

สำหรับเวอร์ชันจีนมีให้เลือกทั้งหมด 9 รุ่นย่อย (รุ่นเบนซิน 4 รุ่น และไฮบริด 5 รุ่น) โดยแบ่งออกเป็น 3 ดีไซน์หลัก ได้แก่ รุ่น LE ที่เน้นดีไซน์เรียบหรูและล้ำสมัย, รุ่น SE ที่เน้นดีไซน์แบบสปอร์ต และรุ่น XSE ที่เน้นดีไซน์สปอร์ตควบคู่ไปกับความหรูหรา

แม้ว่าดีไซน์ภายนอกของ Toyota Camry เวอร์ชันจีนแทบจะไม่ต่างไปจากเวอร์ชันอเมริกา แต่ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบส่วนบนของแผงคอนโซลหน้าใหม่ทั้งหมด โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 พร้อม User Interface ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเวอร์ชันจีน ซึ่ง GAC Toyota ระบุว่าสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และวิเคราะห์คำสั่งเสียงที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ

บริเวณใต้หน้าจอยังถูกติดตั้งสวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศแบบสัมผัส แตกต่างไปจากเวอร์ชันอเมริกาที่เป็นแบบปุ่มกดปกติ พร้อมด้วยหลังคากระจกพาโนรามิกเคลือบวัสดุกันร้อน สามารถลดการแผ่ความร้อนเข้ามายังห้องโดยสารได้ 87% และยังช่วยลดน้ำหนักตัวรถลงได้ 20 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับหลังคาทั่วไป รวมถึงยังถูกติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้าแบบ AR-HUD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนำทางได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกติดตั้งออปชันเสริมได้มากมาย เช่น ระบบสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ สำหรับการตั้งค่าโปรไฟล์ส่วนบุคคล, ระบบกุญแจ Digital Key, กล้องมองภาพแบบโปร่งแสงเพื่อแสดงภาพในจุดอับสายตา, ไฟเรืองแสงภายในห้องโดยสารปรับได้ 64 สี, ระบบกรองฝุ่น PM 2.5 และระบบฉีดน้ำหอมอัจฉริยะเพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร เป็นต้น

สำหรับราคาจำหน่ายของ All-new Toyota Camry Hybrid ในจีนอยู่ระหว่าง 181,800 – 208,800 หยวน หรือราว 890,000 – 1,030,000 บาท ขณะที่รุ่นเบนซินล้วนมีราคาจำหน่ายระหว่าง 173,800 – 198,800 หยวน หรือประมาณ 850,000 – 980,000 บาท

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


กิน “กล้วยต้ม” ได้ประโยชน์ด้านสุขภาพอย่างไรบ้าง

“กล้วย” เป็นผลไม้ที่คนส่วนใหญ่ชอบรับประทาน ไม่ว่าจะปอกเปลือกแล้วทานสด หรือหั่นกล้วยแล้วใส่ลงในซีเรียล โยเกิร์ต สมูทตี้ ฯลฯ โดยขึ้นอยู่กับความชอบ อย่างไรก็ตามการต้มกล้วย ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการทานกล้วย ถ้าไม่เคยทานกล้วยต้มมาก่อนมันอาจฟังดูแปลก ซึ่งคุณคงตั้งคำถามว่าทานกล้วยต้มมีประโยชน์ดีกว่ากล้วยดิบหรือเปล่า ซึ่งเราจะมาบอกว่าทำไมคนถึงกินกล้วยต้ม การกินกล้วยต้มนั้นดีต่อสุขภาพหรือไม่ และมีข้อแตกต่างอะไรบ้างในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพระหว่างกล้วยต้มกับกล้วยดิบ

เพราะอะไรคนจึงกินกล้วยต้ม

การกินกล้วยต้มเป็นเรื่องปกติในหลายพื้นที่ของโลก โดยกล้วยต้มเป็นอาหารหลักในหลายประเทศแอฟริกา สำหรับประเทศไทยก็มีการนำกล้วยมาต้มและรับประทานเช่นกัน การนำกล้วยมาต้มนั้นนิยมใช้กล้วยดิบมาต้ม แต่กล้วยที่สุกเป็นสีเหลืองแล้วก็สามารถนำไปต้มทานได้เช่นกัน

กล้วยต้ม มีคุณค่าทางอาหารอย่างไร

กล้วยขนาดกลางเฉลี่ยแล้วมีประมาณแคลอรี่ประมาณ 105 กิโลแคลอรี่ โดย 90 % มาจากคาร์โบไฮเดรต และประมาณ 75 % เป็นน้ำหนักจากน้ำ อย่างไรก็ตามสารอาหารที่แท้จริงของกล้วยจะขึ้นอยู่กับความสุกและขนาดของกล้วย โดยข้อมูลโภชนาการบอกว่า สำหรับกล้วยขนาดกลางมีสารอาหารเฉลี่ยดังนี้

  • แคลอรี่: 105
  • ไขมัน: 0.3 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต: 27 กรัม
  • ไฟเบอร์: 3.1 กรัม
  • น้ำตาล: 14.2 กรัม
  • โปรตีน: 1.1 กรัม
  • วิตามิน B6: 0.36 มิลลิกรัม
  • วิตามิน C: 8.7 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม: 422 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม: 32 มิลลิกรัม
  • แมงกานีส: 0.32 มิลลิกรัม

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกล้วยต้ม

  • การต้มกล้วยอาจส่งผลต่อปริมาณสารอาหารบางชนิด เช่น วิตามินซีอาจลดลงเล็กน้อย
  • กล้วยต้มจะมีปริมาณน้ำตาลเข้มข้นกว่ากล้วยดิบ
  • โดยรวม กล้วยเป็นแหล่งที่ดีของโพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามิน B6 และไฟเบอร์

ความแตกต่างด้านโภชนาการระหว่างกล้วยต้มกับกล้วยดิบ

แม้ว่าโดยรวมแล้วปริมาณแคลอรี่ วิตามิน และแร่ธาตุของกล้วยเขียว และกล้วยสุกจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่กล้วยต้มยังมีข้อแตกต่างด้านโภชนาการบางประการ

  • กล้วยต้มมีแป้งและไฟเบอร์มากกว่า: การต้มกล้วยเขียวจะเปลี่ยนแป้งบางส่วนให้เป็นชนิดย่อยง่าย ทำให้กล้วยต้มมีไฟเบอร์มากกว่า ช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น และส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร
  • กล้วยสุกมีน้ำตาลมากกว่า: เมื่อกล้วยสุก น้ำตาลก็จะเพิ่มขึ้น กล้วยสุกจึงมีรสชาติหวานกว่า กล้วยต้มจะมีน้ำตาลน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นแหล่งที่ดีของพลังงาน
  • โภชนาการและประโยชน์ขึ้นอยู่กับวิธีปรุง: ทั้งกล้วยต้ม และกล้วยดิบสามารถนำไปปรุงต่อได้ หากนำกล้วยต้มไปทอด ก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณไขมันและแคลอรี่ การปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล หรือเครื่องปรุงอื่น ๆ ก็มีผลต่อปริมาณโซเดียม น้ำตาล และโภชนาการรวม

ประโยชน์ของการกินกล้วยต้ม

ประโยชน์ของการกินกล้วยต้มจะขึ้นอยู่กับว่าคุณกินกล้วยเขียวต้มหรือกล้วยสุกต้ม

ประโยชน์ของการกินกล้วยดิบต้ม

  • ไฟเบอร์สูง: กล้วยเขียวต้มมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่ากล้วยสุก โดยเฉพาะเพคตินชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นไฟเบอร์ละลายน้ำ ช่วยให้อิ่มท้องนาน ปรับระบบขับถ่าย ป้องกันมะเร็งลำไส้ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • แป้งทนทาน: กล้วยเขียวต้มมีแป้งทนทาน ซึ่งเป็นแป้งที่ย่อยยาก ร่างกายดูดซึมน้อย ทำให้อิ่มนาน ไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  • บำรุงลำไส้: เพคตินในกล้วยเขียวต้มเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรีย ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร

ประโยชน์ของการกินกล้วยสุกต้ม

  • พลังงานจากน้ำตาล: กล้วยสุกต้มมีน้ำตาลมากกว่ากล้วยเขียวต้ม เหมาะเป็นแหล่งพลังงาน ช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
  • วิตามินและแร่ธาตุ: กล้วยสุกเป็นแหล่งที่ดีของโพแทสเซียม วิตามินบี6 แมกนีเซียม และแมงกานีส

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ย้อนรอยผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง สวยไร้ขอบจำกัดด้วยดีไซน์โค้งมน ในงานสถาปนิก’66

สังคมปัจจุบันให้ความสำคัญกับพื้นที่อยู่อาศัยและการออกแบบมากขึ้น สาเหตุหนึ่งเกิดจากความต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีกับสมาชิกในครอบครัว “บ้าน” จึงเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เปรียบเสมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นพื้นที่ให้คนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน การออกแบบจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเสริมให้ทัศนวิสัยของบ้านสวยงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้น

ความสัมพันธ์ด้านการออกแบบกับวิถีชีวิต

     ในด้านของการออกแบบนอกจากความสวยงาม การคำนึงถึงดีไซน์ที่ตอบโจทย์กับวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัย ถือเป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อสมาชิกในครอบครัวมีผู้สูงอายุและเด็ก การออกแบบหรือการเลือกใช้ของแต่งบ้าน เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

สุขให้สุดแบบไร้กรอบจำกัดกับดีไซน์โค้งมน

     เมื่อรูปทรงเลขาคณิตถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับงานออกแบบ โดยการปรับส่วนที่เป็นเหลี่ยมให้อยู่ในลักษณะโค้ง เพื่อประหยัดพื้นที่ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้งานออกแบบ มีความโมเดิร์นและเรียบหรูมากขึ้น นอกจากนี้ดีไซน์โค้งมนยังตอบโจทย์บ้านที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้สูงอายุและเด็ก เนื่องจากการออกแบบบ้าน หรือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโค้งมน จะช่วยลดอุบัติเหตุและความเจ็บปวดจากการชนหรือกระแทกได้ ทำให้ผู้อยู่อาศัยใช้เวลาอยู่ในบ้านได้อย่างมีความสุขไร้ขอบจำกัดมากยิ่งขึ้น

ไฮไลต์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่มาพร้อมดีไซน์โค้งมนจากงานสถาปนิก’66

     เนื่องจากความนิยมในดีไซน์โค้งมนที่สวยงาม ช่วยให้บ้านมีมิติ ลักษณะโค้งหรือวงกลมยังช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยในบ้าน ส่งผลให้หลายบริษัทออกแบบและผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และของแต่งบ้านในดีไซน์ดังกล่าวมากขึ้น โดยในงานสถาปนิก’66 ที่ผ่านมา มีการจัดแสดงสินค้าดีไซน์โค้งมนและเป็นไฮไลต์ของแต่ละแบรนด์ ดังนี้

  • AtSiamStudio

     เสริมสร้างสุนทรียภาพด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไฟเบอร์กลาส ใกล้ชิดความเป็นธรรมชาติได้มากกว่าที่เคยกับดีไซน์โค้งมนคล้ายก้อนหิน เติมความสว่างยามค่ำคืนให้กับภูมิทัศน์ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร สามารถตกแต่งให้พื้นที่นอกอาคารมีมิติที่แตกต่างได้มากยิ่งขึ้น

  • CHAMPACA

     ไม้แท้สู่ผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านคุณภาพสูง สร้างสรรค์บันไดดีไซน์โค้งก้นหอย ที่ช่วยเสริมให้บ้านมีความน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบที่ดึงเอกลักษณ์ของไม้แต่ละท่อนมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จากประสบการณ์อุตสาหกรรมงานไม้กว่า 40 ปี

  • Hawaii Thai

     สัมผัสถึงการพักผ่อนที่เหนือระดับ ด้วยเฟอร์นิเจอร์หวายสังเคราะห์คุณภาพดี พร้อมการออกแบบให้โค้งมน เพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย แต่ยังคงความสวยงาม หรูหรา เหมาะกับทุกพื้นที่ของบ้านและเข้าได้กับทุกสภาพอากาศ

  • KEEREE

 สะกดทุกสายตาด้วยเฟอร์นิเจอร์งานไม้ ที่มีความประณีต พร้อมดีไซน์ใส่ใจในทุกรายละเอียด จากแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไม้สัญชาติไทย ที่จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้บ้านมีความโดดเด่นมากกว่าที่เคย ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของ KEEREE

  • LAMPTITUDE

โคมไฟตั้งโต๊ะดีไซมีน์เอกลักษณ์ ผลิตจากวัสดุที่ได้มาตรฐาน พร้อมโทนสีพื้นฐาน ขาว ดำ ทอง ที่สามารถเลือกได้ตามความชอบ ในบางรุ่นสามารถปรับระดับความสว่าง และอุณหภูมิสีของไฟได้อีกด้วย นอกจากจะได้ความสว่างยังเสริมให้บ้านหรูหราอย่างมีระดับ ด้วยการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร

เตรียมความพร้อมสู่ภาคต่อของงานออกแบบ

     จากการย้อนภาพงานออกแบบที่ทันสมัยในงานสถาปนิก’66 จะพบว่ามีสินค้าที่ออกแบบมาเพื่อบ้านในดีไซน์โค้งมนหลากหลายชิ้น ที่จะช่วยแต่งแต้มให้บ้านโดดเด่นและมีสไตล์ ด้วยผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและของแต่งบ้านที่ได้มาตรฐานจากแบรนด์ชั้นนำ และเตรียมพบมหกรรมความยิ่งใหญ่อีกครั้ง กับสถาปนิก’67 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 30 เม.ย – 5 พ.ค 67 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อิมแพค เมืองทองธานี

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/01/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,400.0033,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,164.0032,806.2434,000.00
ทองรูปพรรณ 90%1,947.6029,525.62n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,731.2026,244.99n/a
ทองรูปพรรณ 50%974.0014,765.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%757.0011,476.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,242.0033,988.72n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/01/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.2535.2535.5535.2535.2535.2535.2535.2535.2535.25
แก๊สโซฮอล์ 9133.4833.4833.7833.4833.4833.4833.4833.4833.4833.48
แก๊สโซฮอล์ E2033.1433.1433.4433.1433.1433.1433.1433.1433.14
แก๊สโซฮอล์ E8533.2933.2933.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.6447.2448.2447.2442.64
เบนซิน 9543.1444.3143.6443.2943.14
ดีเซล B729.9429.9430.2429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6445.9443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า