สาระน่ารู้ประจำวันที่ 05 มกราคม 2567

ชิ้นส่วนรถสันดาป’ลดผลิต’โอทีหาย กู้ไม่ผ่านพุ่ง!สะเทือนตลาดบ้าน‘ชลบุรี’

เอฟเฟกต์!รถยนต์ไฟฟ้ามาแรง!ส่งผลต่อเนื่องโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถสันดาปในชลบุรีลดกำลังผลิตลงเหลือแค่ 30-40% รายได้จากการทำงานล่วงเวลา (โอที)หาย ขณะที่ยอดการปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง 50-60% สะเทือนตลาดบ้านใน“ชลบุรี” ชะลอตัวถึง 20% เป็นครั้งแรกในรอบ10ปี

วัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดบ้านแนวราบในจังหวัดชลบุรีเริ่มชะลอตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 3-4 ปี 2566 แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น แต่เนื่องจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถสันดาปกำลังค่อยๆ ลดสัดส่วนการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์สันดาปลงเหลือแค่ 30-40% เพราะแนวโน้มคนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานในโรงงานไม่มีรายได้จากการทำงานล่วงเวลา (โอที) เหมือนเดิม แถมยังมีแนวโน้มว่าอาจตกงาน หากโรงงานหยุดการผลิต ส่งผลให้อัตราการซื้อบ้านแนวราบลดลงถึง 20%

“จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ตลาดบ้านแนวราบในชลบุรียังคงชะลอตัว ในไตรมาส 1-2 ปี 2567 นี้  เพราะกลุ่มลูกค้าที่เป็นเรียลดีมานด์ในตลาดกำลังซื้อลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 1.5-2 ล้านบาท ไปจนถึงบ้านราคา 3-5 ล้านบาท”

ขณะเดียวกัน พบว่ายอดการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารสูงขึ้น 50-60% ส่งผลกระทบตลาดแนวราบในจังหวัดชลบุรีค่อนข้างรุนแรง!  เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา ยอดขายบ้านแนวราบเติบโตมาอย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ยอดขายสะดุดไปบ้างแต่สามารถฟื้นกลับมาได้รวดเร็ว 

ทั้งนี้ อีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้กลุ่มเรียลดีมานด์ “ชะลอ” การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไปก่อน

“ต้องยอมรับว่า กลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานในโรงงานรายได้หลักเขาคือ โอที ไม่ใช่เงินเดือน ยกตัวอย่าง พนักงานในโรงงานอาจมีเงินเดือน 30,000 บาท แต่โอทีได้เดือนละ 50,000-60,000 บาท มากกว่ารายได้เท่าตัว ฉะนั้นเมื่อไม่มีโอทีทำให้การตัดสินใจซื้อบ้านชะลอออกไป”

ดังนั้นแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดชลบุรี คือการพัฒนาโครงการบ้านราคาสูงขึ้นตั้งแต่ 8-10 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง เช่น กลุ่มเจ้าของโรงงาน ผู้ประกอบการธุรกิจ และกลุ่มแพทย์ เป็นต้น

“หลังปี 2544 ยอดขายบ้านดีมาตลอด เดิมคาดหวังว่าสถานการณ์โควิด-19 จบปลายปี 2566 ทุกอย่างจะกลับมา แต่พอมีปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั้งรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส ทั้งยังมีปัจจัยลบเข้ามาต่อเนื่อง ผู้ประกอบการต้องปรับตัววางแผนให้ดีว่าการพัฒนาโครงการต้องมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ไม่ควรพัฒนาโครงการขนาดใหญ่จนเกินไป ควรเปิดโครงการใหม่ระมัดระวัง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในชลบุรียังพอไปต่อได้ เพราะเป็นจังหวัดที่มีเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนค่อนข้างมากจากเอกชนและภาครัฐขยายเมกะโปรเจกต์โครงข่ายคมนาคมต่างๆ ทั้งสนามบิน ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม”

วัฒนพล กล่าวต่อว่า แม้ว่าตัวเลขโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของคนต่างชาติในช่วง 9 เดือนจังหวัดชลบุรี จะแซงกรุงเทพฯ โดยมีจำนวน 4,991 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 24,000 ล้านบาท  แต่จากเป็นยอดที่เกิดจากการซื้อขายก่อนโควิด จึงไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน 

สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมยังคงไปได้ แต่ไม่ได้หวือหวามากนักประมาณ 70% ของคอนโดมิเนียมจะอยู่ในพัทยาเป็นคอนโดสูง (High Rise) ติดวิวแม่น้ำ จับกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและต่างชาติ ส่วนที่เหลือ 30%  กระจายอยู่ในทำเล ศรีราชา, บางแสน และ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จะเป็นคอนโดมิเนียมอาคารเตี้ย (Low Rise) สูงไม่เกิน 8 ชั้น เน้นกลุ่มนักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าในทำเลมหาวิทยาลัยและนิคมอุตสาหกรรม เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อต้องการผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 7-8%

จะเห็นว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดชลบุรีในปี 2567 “ทรงตัว” ไม่หวือหวา แม้จะมีกลุ่มทุนรายใหญ่อย่างซีพี หรือเบียร์ช้างเข้ามาพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ก็ตาม เหมือนกับการมีเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เพราะเศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นตัวดีอย่างที่คิด

“อสังหาริมทรัพย์มีการเติบโตล้อไปกับตัวเลขจีดีพีของประเทศ ดังนั้นต้องรอดูรัฐบาลว่าจะสามารถออกนโยบายมากระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต 3.5-4% ได้หรือไม่”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


วีรันดาขานรับมาตรการEasy E-Receipt เข้าพักโรงแรมในเครือฯลดหย่อนภาษีได้

‘วีรันดา’ หนุนท่องเที่ยวไทยคึกคักดันยอดเข้าพักพุ่ง ขานรับมาตรการ Easy E-Receipt เข้าพักโรงแรมและรีสอร์ทในเครือฯ ลดหย่อนภาษีได้คาดกระตุ้นการบริโภค ขณะที่มาตรการยกเว้นวีซ่าแบบถาวร “ไทย-จีน” เริ่ม 1 มี.ค.67 เป็นปัจจัยบวกต่อภาคการท่องเที่ยว

นายภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)  ผู้นำธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดท่องเที่ยวของไทยในช่วงเดือนธันวาคม 2566 ที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างคึกคัก

โดยโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ VRANDA มีอัตราเข้าพักเต็ม 100% ในช่วงหยุดยาว ส่งผลให้รายได้เดือนธันวาคมเติบโตสูงกว่าปี 2565 โดยเฉพาะที่สมุยซึ่งมีอัตราการเติบโตของรายได้มากกว่า 20% ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของภาคธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและรีสอร์ทของไทย 

อย่างไรก็ดี จากมาตรการ “Easy E-Receipt” เพื่อสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2567 โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดาเมื่อซื้อสินค้าหรือรับบริการร้านค้าตามที่กฎหมายกำหนดจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2567 สามารถนำใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบในแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) มาลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2567 สูงสุดได้ถึง 50,000 บาท ซึ่งสามารถลดภาษีได้สูงสุด 17,500 บาทต่อคน

ทาง VRANDA พร้อมตอบรับนโยบายนี้อย่างเต็มที่ โดยลูกค้าเมื่อใช้บริการเข้าพักภายในโรงแรมหรือรีสอร์ทในเครือ VRANDA ในช่วงระยะเวลาตามที่กำหนด สามารถแจ้งความประสงค์ในการขอรับใบเสร็จแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้

โดยมองว่าเป็นโครงการที่ดี ที่จะช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคของประชาชนในช่วงต้นปี ซึ่ง VRANDA ก็มีฐานกลุ่มลูกค้าที่ได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีเงินได้อยู่มากพอสมควร ประกอบกับมีโรงแรมหลายแห่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สะดวกต่อการเดินทาง นอกจากนั้นการที่รัฐบาลจีนได้มีมติให้พลเมืองไทยและจีนสามารถเดินทางเข้าออกระหว่างสองประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าซึ่งกันและกันตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ถือว่าเป็นข่าวดีที่ต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย รวมถึงเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5ม.ค. ที่ระดับ 34.57 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีความเสี่ยงผันผวน คาดกรอบวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.65 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ 34.35-34.80 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อทยอยรับรู้รายงานข้อมูล

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5ม.ค. 2567 ที่ระดับ  34.57 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.44 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าสำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซน 34.60 บาทต่อดอลลาร์ (โซนแนวต้านถัดไปจะอยู่แถว 34.80 บาทต่อดอลลาร์) หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด

ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยลงของเฟด ซึ่งภาพดังกล่าวจะทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ กดดันทั้ง ราคาทองคำและค่าเงินบาท

ทั้งนี้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน หรือ ไม่ได้ดีกว่าคาด ไปทั้งหมด เช่น ยอดการจ้างงานชะลอลงกว่าคาด ก็อาจทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้บ้าง แต่เรามองว่า ก็อาจไม่ได้ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปมาก

โดยเงินบาทอาจเพียงทยอยกลับมาแข็งค่าสู่โซนแนวรับแถว 34.30-34.40 บาทต่อดอลลาร์ และอาจเป็นเรื่องยากในช่วงนี้ ที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าหลุดโซน 34 บาทต่อดอลลาร์ หากไม่มีปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจน อาทิ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งในช่วงนี้ก็อาจยังมีความผันผวนไปตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม

ในช่วงนี้ เราพบว่า ความผันผวนของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.65 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

และประเมินกรอบ 34.35-34.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ 

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 34.43-34.58 บาทต่อดอลลาร์) หลังรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้ง ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ออกมาดีกว่าคาด ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดบ้าง

ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงสู่โซนแนวรับใหม่ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง

ทั้งนี้ เงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าไปไกลจากแนวต้านสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก ตามที่เราประเมินไว้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่า ในการทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือ ปรับสถานะ Long THB (มองว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เพิ่มเติม อาทิ Amazon -2.6%, Apple -1.3% หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.00% อีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลของบรรดาผู้เล่นในตลาดว่า เฟดอาจไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้ “เร็วและลึก” ตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลง -0.56% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.34%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.69% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่ม Healthcare และกลุ่ม Utilities อาทิ Novo Nordisk +3.6%, Enel +1.5% ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นการทยอยปรับพอร์ตของบรรดานักลงทุน เพื่อรับมือความเสี่ยงเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัวลง

ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนมีนาคม ราว 66% ซึ่งลดลงพอสมควร จากที่ตลาดเคยให้โอกาสถึง 87% ในเดือนก่อนหน้า

โดยการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4.00% อีกครั้ง ทำให้เรายังคงแนะนำว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงขึ้นได้

หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นออกมาดีกว่าคาดในช่วงนี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคา โดยพยายามคำนึงถึง จุดคุ้มทุน หรือ Break-even เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม หรือ Total Return ที่จะได้จากการถือครองบอนด์ 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มไม่มั่นใจว่าเฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากความต้องการถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ในช่วงตลาดการเงินผันผวนและปิดรับความเสี่ยง โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นเข้าสู่ระดับ 102.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.1-102.5 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงกดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ทยอยปรับตัวลดลง สู่ระดับ 2,040-2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับใหม่ในช่วงนี้ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในโซนดังกล่าว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้างในคืนที่ผ่านมา

 สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ควรติดตามอย่างใกล้ชิด คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้ง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls), อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings %y/y)

รวมถึง รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการโดย ISM (Services PMI) เดือนธันวาคม โดยผู้เล่นในตลาดจะใช้ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด

ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน ในเดือนธันวาคม โดยหากอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ชะลอตัวลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.40% ตามคาด หรือ ต่ำกว่า ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงคาดหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงในปีนี้

และในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ในเดือนธันวาคม ซึ่งเราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI มีโอกาส ติดลบ ต่อเนื่อง ราว -0.5% จากฐานราคาสินค้าและบริการที่สูงในปีก่อนหน้า มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบาล ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจยังอยู่ที่ระดับ 0.60% 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


มาแล้ว! แบโผ “26 แข้งช้างศึก” ชุดลุยเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศรายชื่อ 26 นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดทำการแข่งขันฟุตบอลรายการเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 12 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2567

โดยรายชื่อนักกีฬามีดังต่อไปนี้

ผู้รักษาประตู
1. ปฏิวัติ คำไหม สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
2. ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
3. สรานนท์ อนุอินทร์ สโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

กองหลัง
4. ธีราทร บุญมาทัน สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
5. พรรษา เหมวิบูลย์ สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
6. นิโคลัส มิคเกลสัน สโมสร โอบี โอเดนเซ
7. ศุภนันท์ บุรีรัตน์ สโมสร การท่าเรือ เอฟซี
8. เอเลียส ดอเลาะ สโมสร บาหลี ยูไนเต็ด
9. สุพรรณ ทองสงค์ สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
10. จักพัน ไพรสุวรรณ สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
11. สันติภาพ จันทร์หง่อม สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

กองกลาง
12. สุภโชค สารชาติ สโมสร คอนซาโดเล ซัปโปโร
13. เอกนิษฐ์ ปัญญา สโมสร อุราวะ เรด ไดมอนส์
14. บดินทร์ ผาลา สโมสร การท่าเรือ เอฟซี
15. ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ สโมสร การท่าเรือ เอฟซี
16. วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ สโมสร การท่าเรือ เอฟซี
17. สารัช อยู่เย็น สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
18. กฤษดา กาแมน สโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
19. พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
20. เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ สโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด
21. วีระเทพ ป้อมพันธุ์ สโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด
22. รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก สโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด
23. ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว สโมสร ชลบุรี เอฟซี

กองหน้า
24. ศุภชัย ใจเด็ด สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
25. ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา สโมสร โอเอช ลูเวิน
26. ธีรศักดิ์ เผยพิมาย สโมสร การท่าเรือ เอฟซี

ทั้งนี้นักกีฬาทั้ง 26 คน จะต้องเดินทางมารายงานตัว ที่โรงแรมโนโวเทล ฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ในวันที่ 7 มกราคม 2567 เวลา 12:30 น. เพื่อเก็บตัวก่อนจะเดินทางไปกาตาร์ ในวันที่ 11 มกราคม 2567 ต่อไป

สำหรับการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2023 นั้น ทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่มเอฟ ร่วมกับ ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย, ทีมชาติคีร์กิซสถาน และ ทีมชาติโอมาน โดยมีโปรแกรมการแข่งขันดังนี้

16 มกราคม 2567 ไทย พบ คีร์กิซสถาน เวลา 21:30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ณ อับดุลลาห์ บิน คอลิฟา สเตเดียม
21 มกราคม 2567 โอมาน พบ ไทย เวลา 21:30 น.(ตามเวลาประเทศไทย) ณ อับดุลลาห์ บิน คอลิฟา สเตเดียม
25 มกราคม 2567 ซาอุดีอาระเบีย พบ ไทย เวลา 22:00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ณ เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดียม

ขอบคุณข้อความจาก sanook.com


ผู้ป่วย PTSD ภาวะป่วยทางจิตหลังถูกทรมาน จะเยียวยาจิตใจอย่างไร?

PTSD ย่อมาจาก Post-Traumatic Stress Disorder คือ สภาวะป่วยทางจิตใจเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างร้ายแรง ส่งผลให้เกิดความเครียดอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความสะเทือนใจ เศร้าเสียใจจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หรือคนอื่น การถูกทรมานจากการทำร้ายร่างกายทั้งกับตัวเอง และคนใกล้ชิด เช่น เห็นคนอื่นเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา ถูกขัง ข่มขืน ปล้นฆ่า หรือการอยู่ร่วมในเหตุการณ์ หรืออุบัติเหตุรุนแรง เช่น การก่อจลาจล สงคราม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ฯลฯ เป็นต้น

ความทรงจำเหล่านี้ทำร้ายจิตใจจนทำให้มีปัญหาในการทำงาน เข้าสังคม และการดำเนินชีวิตประจำวันที่ไม่เหมือนเดิม

อาการของภาวะ PTSD

อาการของ PTSD แบ่งออกเป็น 2 ระยะคร่าวๆ คือ

  1. ระยะทำใจ เป็นระยะที่เกิดความทุกข์ทรมานทันทีหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจบลง เป็นความเครียดที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน แต่อาจทำให้เกิดอาการทางประสาทได้
  2. ระยะที่สอง อาจเป็นระยะที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วสักพัก โดยอาจมีอาการเกิดขึ้น 1 เดือน หรืออาจนานเป็นปีๆ ได้ โดยอาการที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ
  • เห็นภาพหลอนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ บ่อยๆ
  • เกิดความตื่นตัว ระแวดระวัง ตื่นตระหนกตกใจว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก ทำให้เกิดอารมณ์โมโหง่าย เกรี้ยวกราด กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ และเครียดง่าย
  • หลีกเลี่ยงการรับรู้เรื่องราวที่คล้ายกับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น เช่น ข่าวอาชญากรรม หรืออุบัติภัยต่างๆ จากสื่อ หรือการพูดคุยบอกเล่าเรื่องที่เกี่ยวข้องจากคนรอบข้าง
  • เริ่มรู้สึกกับตัวเองในทางลบ โทษตัวเอง มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่มีความสุขไม่ว่าจะทำอะไร ไม่อยากทำในสิ่งที่เคยทำแล้วมีความสุข จนเริ่มไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป และอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้

กลุ่มเสี่ยงอาการ PTSD

  1. เคยถูกทำร้ายร่างกาย และจิตใจจากคนอื่นเมื่อยังเด็ก
  2. มีปัญหาในการเข้าสังคม ไม่มีเพื่อนหรือครอบครัวคอยอยู่เคียงข้าง หรือช่วยเหลือ
  3. คอยพึ่งพาคนอื่นตลอด ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
  4. มีอาการทางจิตอยู่แล้ว เช่น เป็นโรคซึมเศร้า ไบโพล่า วิตกกังวล
  5. ไม่มีประสบการณ์ หรือมีปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับอะไรใหม่ๆ
  6. ผู้หญิง มีแนวโน้มจะเป็น PTSD ได้มากกว่าผู้ชาย

การรักษาผู้ป่วย PTSD

อันดับแรกตัวเอง และคนรอบข้างต้องคอยสังเกตอาการของคนที่ประสบกับเหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด หากพบว่าตัวเอง หรือเขาเหล่านั้นมีปัญหาจนเกิดความลำบากในการใช้ชีวิต หรือเริ่มส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด เช่น เบื่ออาหารจนน้ำหนักลง โทรม ซีด ไม่ดูแลตัวเองเหมือนเดิม ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์โดยเร็ว เพื่อทำการประเมินอาการ และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยอาจได้รับการรักษาทั้งจากการบำบัดจิตใจ เผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวจนเอาชนะมาได้ ฝึกการผ่อนคลายความเครียดด้วยตัวเอง ทำกลุ่มบำบัด แชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนอื่นได้รับรู้ และอาจได้รับยาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


New Year’s Resolutions ตั้งเป้าหมายชีวิตปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ 2024 ค่าาา เปิดต้นปีมาแบบนี้ เพื่อน ๆ มีตั้งเป้าหมายอะไรให้ตัวเองในปีนี้กันบ้างหรือเปล่า วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช มีไอเดียการตั้งเป้าหมายและเคล็ดลับการไปให้ถึงเป้าหมายมาฝากค่ะ

  1. ลิสต์เป้าหมายแล้วเลือกสิ่งที่ใช่ การตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่ว่าตั้งไว้เยอะ ๆ แล้วพุ่งชนมันให้หมด แต่ควรเป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้สำเร็จและเป็นไปได้จริง โดยอาจเริ่มต้นจากการลิสต์เป้าหมายทั้งหมดขึ้นมาก่อน แล้วทบทวนกับตัวเองเลือกในสิ่งสำคัญที่เราอยากทำมากที่สุด และจัดลำดับก่อน-หลังเพื่อให้เห็นทางพิชิตเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  2. เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อย เป้าหมายของเราอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่โต บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ แต่มีความหมายเมื่อเราทำสำเร็จก็ช่วยให้ชุ่มชื่นหัวใจไม่แพ้กัน และเมื่อเราทำเป้าหมายเล็ก ๆ สำเร็จแล้ว อาจจะค่อย ๆ เพิ่มดีกรีขึ้นไปเรื่อย ๆ ยิ่งเราทำสำเร็จมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเราก็จะยิ่งพองโตเพราะเหมือนได้ค่อย ๆ ก้าวสู่ความสำเร็จไปทีละขั้นอีกด้วย
  3. ตั้งเป้าหมายทั้งเรื่องที่ควรทำและชอบทำ เราควรตั้งเป้าหมายให้ครอบคลุมทั้งในเรื่องที่ควรทำ และเรื่องที่เราชอบทำ เรื่องที่ควรทำอาจไม่ได้เป็นเรื่องที่เราอยากจะทำ แต่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเรา เช่น การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพิ่มทักษะในด้านต่าง ๆ และเรื่องที่เราชอบทำ อยากทำ ทำแล้วชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นแม้ไม่ได้จำเป็น เช่น เดินทางท่องเที่ยว ตั้งแคมป์ เดินป่า เป็นต้น
  4. ลงรายละเอียดให้ชัดเจน หลังจากตั้งเป้าหมายแล้ว เราควรวางแผนคร่าว ๆ ให้เห็นว่าเราควรทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น และวางไทม์ไลน์ให้ชัดว่าอยากให้สำเร็จเมื่อไหร่ เมื่อเริ่มเห็นแนวทางที่ชัดเจนแล้ว เราก็จะสามารถเริ่มลงมือได้ง่ายขึ้น โดยระหว่างทางวิธีการไปถึงเป้าหมายนั้นอาจจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแผนที่วางไว้
  5. หมั่นทบทวนและมีวินัยกับตัวเองสม่ำเสมอ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายเราเป็นจริงได้คือตัวเราเอง บางคนตั้งเป้าหมายไว้ต้นปีแล้วก็ทิ้งไว้จนลืม หรือบางทีก็ผัดวันประกันพรุ่งจนล่วงเลยข้ามไปอีกปี ดังนั้นเราจึงควรหมั่นทบทวนเป้าหมาย และติดตามความคืบหน้าว่าเข้าใกล้ความสำเร็จแค่ไหนแล้ว สร้างวินัยและความรับผิดชอบในเป้าหมายของตัวเอง เพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


10 มือถือแรงสุดจากคะแนนประสิทธิภาพ AnTuTu ประจำเดือนธันวาคม 2023

AnTuTu โปรแกรมวัดประสิทธิภาพของมือถือชื่อดังจากประเทศจีน ได้ประกาศผลคะแนนของมือถือที่แรงที่สุดเดือนธันวาคม 2023 ซึ่งจริงๆ แล้วคะแนนนี้สามารถอ้างอิงช่วงต้นเดือนมกราคมเช่นกัน

อันดับ 1 ก็หนีไม่พ้นกับ OnePlus 12 ที่มาพร้อมกับ Snapdragon 8 Gen 3, RAM 24GB, ความจำ 1TB ตัวแรงที่กวาดคะแนนไปได้ถึง 2,188,135 คะแนน (คะแนนเคลมที่ 2,333,033 คะแนน) ตามติดมาด้วย vivo X100 ที่มี RAM 16GB ความจำ 1TB อยู่ที่ 2,186,019 คะแนน iQOO Neo 9 Pro ที่ 2,181,443 คะแนน อันดับที่เหลือมีดังนี้

10 อันดับมือถือแรงสุดจาก AnTuTu เดือนธันวาคม 2023

  1. OnePlus 12Snapdragon 8 Gen 3, 24GB+1TB – 2,188,135 คะแนน
  2. Vivo X100, Dimensity 9300, 16GB+1TB – 2,186,019 คะแนน
  3. iQOO Neo 9 Pro, Dimensity 9300, 16GB+1TB – 2,181,443 คะแนน
  4. iQOO 12, Snapdragon 8 Gen 3, 16GB+1TB – 2,179,003 คะแนน
  5. iQOO 12 Pro, Snapdragon 8 Gen 3, 16GB+1TB – 2,178,873 คะแนน
  6. Red Magic 9 Pro+, Snapdragon 8 Gen 3, 16GB+512GB – 2,142,329 คะแนน
  7. Nubia Z60 Ultra, Snapdragon 8 Gen 3, 16GB+512GB – 2,142,178 คะแนน
  8. Vivo X100 Pro, Dimensity 9300, 16GB+1TB – 2,134,331 คะแนน
  9. Xiaomi 14Snapdragon 8 Gen 3, 16GB+512GB – 2,043,710 คะแนน
  10. Xiaomi 14 Pro, Snapdragon 8 Gen 3, 16GB+1TB – 2,041,656 คะแนน

หมายเหตุ : ตัวหนาคือ รุ่นที่มีโอกาสมาทำตลาดและขายต่างประเทศ และ ประเทศไทยสูง

จะเห็นได้ชชัดเจนว่าขุมพลัง Dimensity 9300 ก็เริ่มมีประสิทธิภาพที่เกาะกลุ่มท็อปได้ แต่อาจจะยังแพ้ Snapdragon 8 Gen 3 เล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่าอาจจะยังมีปัญหาเรื่องการจัดกความร้อนอยู่ก็ตาม

คงต้องรอติดตามกันต่อไปว่ามือถือที่รุ่นใหม่ที่จะวางจำหน่ายกับสเปกท็อปกลุ่มนี้ในตลาดโลกและเมืองไทยจะเป็นอย่างไรกันต่อไปครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Infused Water น้ำเติมกลิ่นผลไม้ ตัวช่วยให้การดื่มน้ำไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต แต่บางครั้งน้ำเปล่าก็อาจทำให้รู้สึกน่าเบื่อ การเติมผลไม้ลงไปในน้ำเป็นอีกวิธีการง่ายๆ ในการเพิ่มรสชาติ และสารอาหารให้กับน้ำเปล่า หรือบางคนเรียกน้ำดื่มชนิดนี้ว่า “น้ำเติมกลิ่นผลไม้” หรือ ” Infused Water” ว่าแต่เครื่องดื่มประเภทนี้ดีอย่างไร มีประโยชน์จริงไหม

Infused Water คืออะไร

เคยเบื่อน้ำเปล่ากันไหม? ลองมาทำ “น้ำผสมผลไม้” สุดสดชื่นกันดีกว่า เครื่องดื่มชนิดนี้มีอีกชื่อเรียกอย่าง “น้ำแต่งกลิ่นผลไม้” หรือ “น้ำผลไม้” ก็ได้ วิธีทำง่ายๆ แค่เติมผลไม้สดหรือแช่แข็ง อาจจะใส่สมุนไพรลงไปในน้ำเปล่า ทิ้งไว้สักพักเพื่อให้กลิ่นและรสชาติของผลไม้ซึมเข้าไป ดื่มแล้วทั้งอร่อย ทั้งสดชื่น แถมดีต่อสุขภาพอีกด้วย น้ำผสมผลไม้ช่วยให้การดื่มน้ำน่าสนุกขึ้น และยังส่งเสริมสุขภาพ เพราะคุณได้ดื่มทั้งน้ำ ผลไม้ และสมุนไพรไปพร้อมกัน ลองทำเองที่บ้านแล้วจะติดใจ

7 ประโยชน์ของ Infused Water

1.ดื่มน้ำได้เยอะขึ้น ผิวสวยใส

การเติมผลไม้ลงไปในน้ำเปล่าจะช่วยเพิ่มรสชาติและความน่าดื่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะกลิ่นหอมๆ และรสชาติหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้ จะทำให้คุณอดใจดื่มน้ำเยอะๆ ไม่ไหว การดื่มน้ำเพียงพอมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รวมถึงเรื่องผิวพรรณด้วยนะ

2.ต้านอาการอักเสบ ช่วยรักษาโรค

รู้ไหมว่าผลไม้บางชนิด อย่างเบอร์รี่และส้ม มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดอาการอักเสบในร่างกายได้ อาการอักเสบเรื้อรังเป็นตัวการใหญ่ของโรคต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน และแม้แต่สมองเสื่อม ดังนั้น การดื่มน้ำผสมผลไม้เหล่านี้ก็เหมือนเป็นการเสริมเกราะป้องกันโรคภัยให้กับร่างกายไปในตัว เรียกได้ว่า ดื่มน้ำผสมผลไม้ทั้งอร่อย สดชื่น แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย ลองชวนเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวมาทำน้ำผสมผลไม้สูตรเด็ดด้วยกันดูสิ รับรองว่าติดใจทั้งบ้านแน่นอน

3.ไม่ใช่แค่ดื่มเอาอร่อย แต่ซึมซาบคุณค่า

น้ำผสมผลไม้ไม่ได้มีดีแค่รสชาติเท่านั้น รู้ไหมว่ามันยังเป็นวิธีเติมเต็มน้ำเปล่าด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญจากผลไม้ได้อย่างแยบยลเลย อย่างส้มก็อุดมไปด้วยวิตามินซี ส่วนเบอร์รี่ก็จัดเต็มสารต้านอนุมูลอิสระ เรียกว่า แค่จิบๆ ก็เหมือนได้ดื่มน้ำวิตามินเข้มข้น เสริมสร้างสุขภาพจากภายในสู่ภายนอกไปเลย

4.ดื่มอร่อย ช่วยย่อยคล่อง

รู้ไหมว่า ผลไม้บางชนิดอย่างมะนาวและเกรปฟรุต มีสรรพคุณช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องผูกได้ ลองผสมน้ำกับผลไม้เหล่านี้ หรือเติมขิงลงไปด้วย ยิ่งดีต่อระบบย่อย ช่วยลดอาการท้องอืด จุกเสียด แถมสดชื่น ดื่มเพลินๆ ไปเลย ชวนเพื่อนๆ หรือครอบครัวมาค้นหาสูตรน้ำผสมผลไม้แก้ท้องอืดกัน รับรองอร่อย สนุก แถมย่อยสบายท้องด้วย

5.เสริมภูมิ ต้านหวัด

ผลไม้หลายชนิดอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ถึงแม้ว่าน้ำผสมผลไม้จะไม่ใช่ยาครอบจักรวาล แต่ก็เป็นตัวช่วยเสริมการดูแลสุขภาพ เสริมภูมิคุ้มกันได้ ช่วยให้คุณพร้อมป้องกันหวัดและโรคภัยต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

6.ดับอยาก ช่วยคุมน้ำตาล

อยากอะไรหวานๆ แต่อยากเลี่ยงน้ำตาล ลองหันมาดื่ม “น้ำผสมผลไม้” รสชาติหอมหวานจากธรรมชาติของผลไม้ ช่วยดับอาการอยากน้ำอัดลมหรือขนมหวานจุกจิกได้ดีเลย เพราะอร่อย สดชื่น แถมยังดีต่อสุขภาพกว่าเยอะ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำผลไม้ก็มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่บ้าง แต่ก็น้อยกว่าน้ำอัดลมหลายเท่า ดื่มแล้วจะรู้สึกอิ่มอยู่ท้อง ช่วยคุมน้ำหนักได้อีกด้วย

7.ผิวสวยใส สุขภาพสดใส

ดื่มน้ำผสมผลไม้ไม่ได้เเค่ดับกระหาย แต่อาจช่วยเสริมความงามจากภายในสู่ภายนอกด้วยนะ รู้ไหมว่า…

  • สารต้านอนุมูลอิสระในเบอร์รี่ ช่วยต่อสู้กับความเครียดของเซลล์ ชะลอริ้วรอย
  • การดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ดูเต่งตึง เปล่งปลั่ง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 05/01/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,400.0033,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,164.0032,806.2434,000.00
ทองรูปพรรณ 90%1,947.6029,525.62n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,731.2026,244.99n/a
ทองรูปพรรณ 50%974.0014,765.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%757.0011,476.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,242.0033,988.72n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 05/01/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.7534.7535.2534.7534.7534.7534.7534.7534.7534.75
แก๊สโซฮอล์ 9132.9832.9833.4832.9832.9832.9832.9832.9832.9832.98
แก๊สโซฮอล์ E2032.6432.6433.1432.6432.6432.6432.6432.6432.64
แก๊สโซฮอล์ E8532.7932.7932.79
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.1446.7448.2446.7442.14
เบนซิน 9542.6443.8143.1442.7942.64
ดีเซล B729.9429.9430.2429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6445.9443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า