สิงห์เอสเตทชูแผน3ปีลงทุน2.5หมื่นลบ.ปั้นมิกซ์ยูสศรีราชารับดีมานด์อีอีซี
“สิงห์ เอสเตท” ประกาศแผน 3 ปี ลงทุน 2.5 หมื่นล้าน ประเดิมผุดมิกซ์ยูสศรีราชาครั้งแรกรอบทศวรรษ นำร่อง คอนโดระดับ 3 ล้าน เจาะนักลงทุนปล่อยเช่าต่างชาติโซนอีอีซี ตั้งเป้าปี 67 รายได้โต 20% แตะ 1.8 หมื่นล้าน
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2567 บริษัทฯ ก้าวสู่ปีที่ 10 ภายใต้แนวคิด “Go Beyond Dreams” สานต่อโปรเจกต์ระดับมาสเตอร์พีซเดินหน้าสร้างซินเนอร์ยีธุรกิจภายในเครือ พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรขับเคลื่อนธุรกิจ โดยตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 20% หรือมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ วางแผนลงทุน 3 ปี (2567-2569) ใช้งบลงทุนจำนวน 25,000 ล้านบาท นำร่องโครงการมิกซ์ยูสศรีราชาครั้งแรกในรอบ 10 ปี บนพื้นที่ 24 ไร่ จังหวัดชลบุรี ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมจำนวน 5-6 โครงการ อาคารสำนักงานรวมทั้งพื้นที่ค้าปลีก รองรับแรงงานที่เข้าไปทำงานในโซนอีอีซี ทั้งคนไทยและต่างชาติ คาดใช้เวลาพัฒนา 4-5 ปี
โดยเริ่มต้นจากโครงการคอนโดมิเนียม ระดับราคายูนิตละ 3 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่มนักลงทุนซื้อปล่อยเช่ากับแรงงานที่าต่างชาติในโซนอีอีซี ถือเป็นครั้งแรกของ สิงห์ เอสเตททำคอนโดมิเนียมราคา 3 ล้านบาทในต่างจังหวัด
ในกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการระดับมาสเตอร์พีซอย่าง โครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส โครงการลาซัวว์ เดอ เอส และโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส นำสู่โครงการใหม่ๆ อาทิ SMYTH, S’RIN และ SHAWN
ในปี 2567 สิงห์ เอสเตท เตรียมต่อยอดโครงการบ้านแนวราบที่มีครบทุกเซ็กเมนต์ลักชัวรีตามแผนงาน และยังคงไว้ซึ่งการถ่ายทอด DNA ที่ยึดถือในการพัฒนาโครงการคุณภาพ “Best in Class” ด้วยอัตลักษณ์ในแบบฉบับของสิงห์ เอสเตท โดยได้มีการลงทุนในที่ดินทำเลศักยภาพที่รองรับการพัฒนาสำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นระยะ 3-5 ปีต่อจากนี้ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดโอนเพิ่มขึ้นอีก 50% ในปีนี้
ปีนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่สิงห์ เอสเตท กลับมาทำคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ โครงการแรกย่านพระราม 3 ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ราคายูนิตละ 12 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการเป็นคอนโดมิเนียม ราคา 3 ล้านบาทที่ศรีราชา และอีก 2 โครงการเป็นบ้านหรู ระดับราคา 100 ล้านบาท จำนวน 10 หลัง ภายใต้แบรนด์สมิทธ์ เป็นบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักชัวรี ราคา 100 ล้านบาท และโครงการสริน พรานนก มูลค่าหลังละ 30-60 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR ยังคงมีแผนที่จะปรับปรุงโรงแรมตามแผนการยกระดับพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 โรงแรมในเครือในไทยและต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถเพิ่มอัตราเฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ได้มากกว่า 25% รวมถึงแผนการเสริมการให้บริการด้านอื่นๆ ให้สอดคล้องกับการยกระดับห้องพักที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติม
นอกเหนือจากรายได้การเข้าพัก (Non-Room Revenue) จากการใช้จ่ายต่อคนในการใช้บริการ ภายในโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 15% ขณะที่การหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Rotation) ยังเป็นปัจจัยหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการ โดยมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมถึงการมองหาโอกาสในการควบรวมกิจการของธุรกิจที่ทำให้เกิดโอกาสรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นด้วย
กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน เน้นกลยุทธ์ในการใช้โมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น ควบคู่ไปกับการชูจุดเด่นด้านที่ตั้งของโครงการต่างๆ ในเครือ ซึ่งจะทำให้มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยของอาคารสำนักงานในเครือที่มากกว่าช่วงปี 2562 ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 85% ในทุกโครงการที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้
กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง 40% ของพื้นที่ขายรวม โดยใช้ทำเลยุทธศาสตร์ศูนย์กลางระหว่างแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางการขนส่ง ความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภค ทั้งกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าสูง 400 MW และปริมาณน้ำซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับผู้ประกอบการเฉพาะทาง อาทิ กลุ่ม Semi-Conductor หรือ กลุ่ม Data Center นอกเหนือจากธุรกิจทางด้านอาหาร และความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นแรงหนุนสำคัญ
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ยุทธศาสตร์เสนาฯปรับรับVUCA Worldร่วมทุน-ซื้อกิจการ ดันมูลค่าสินทรัพย์
ถอดบทเรียนเสนาฯ ปรับรับVUCA World ชูยุทธศาสตร์ ร่วมทุน-ซื้อกิจการ ดันมูลค่าสินทรัพย์สูงขึ้น51,239 ล้านบาท หรือโตขึ้น 43% ขณะเดียวกันอัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.13 เท่า ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์! หลังได้แรงหนุนการขยายพอร์ตร่วมทุน
- เศรษฐกิจไทยวิกฤติไหม? คำถามที่ยังไม่ได้คำตอบแน่ชัด กลายเป็นประเด็นความสงสัยให้กับผู้คนว่า จริงๆ แล้ว ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติเศรษฐกิจหรือไม่ อย่างไร
- ประกอบกับสัญญาณความไม่เชื่อมั่นในตลาดหุ้นกู้จากการผิดนัดชำระหนี้ ส่อเค้าอาจทำให้เกิดวิกฤติหุ้นกู้ และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยสอนวิชาการเงิน ประเมินว่า เศรษฐกิจไทย ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ จากนิยามของหลายสำนักที่ออกมา เพียงแค่แตะๆ บางส่วนเท่านั้น หลังวิกฤติโควิด-19 โลกเข้าสู่ยุค VUCA ประกอบด้วย 1.Volatility ความผันผวน 2.Uncertainty ความไม่แน่นอน 3.Complexity ความซับซ้อน 4.Ambiguity ความคลุมเครือ
“ในฐานะผู้ประกอบการเอกชนจึงต้องปรับตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากความไม่แน่นอน ดังนั้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทางเสนาฯ จึงทำความเข้าใจและปรับตัวเพื่อรองรับกับโลกที่ผันผวนมากขึ้น”
ยุทธศาสตร์สำคัญที่เสนาฯ นำมาใช้กับการวางแผนรับมือกับสถานการณ์ผันผวนของโลกในระดับประเทศ คือการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตด้วยการเพิ่มสัดส่วนการร่วมทุนในโครงการใหม่ทั้งคอนโดมิเนียม โครงการบ้านแนวราบ คิดเป็นสัดส่วน 80-90% ส่งผลให้สามารถพัฒนาโครงการได้ในจำนวนมากขึ้น แต่ใช้เงินลงทุนลดลง
โดยพาร์ทเนอร์หลัก คือ ฮัน คิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป (HHP) ในการร่วมลงทุนในโครงการใหม่ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ปัจจุบันเสนาฯ มีมูลค่า Asset สูงถึง 51,239 ล้านบาท หรือโตขึ้น 43% โดยกลยุทธ์นี้เป็นการมองในระยะยาว เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดการลงทุน
ขณะเดียวกันอัตราหนี้สินต่อทุนของเสนาฯ หรือ Net IBD/E Ratio ล่าสุดอยู่ที่ 1.13 เท่า ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์! สะท้อนถึงการเติบโตของธุรกิจบนพื้นฐานทางการเงินที่ดี อีกส่วนสำคัญคือการบริหารพอร์ตโฟลิโอให้เหมาะสม โดยได้มีการขยายโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น เพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด และตอบโจทย์ผู้บริโภคทั้งในแง่ทำเล ราคา ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป และเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
ปัจจุบันทางเสนาฯ มีมูลค่าสินค้าพร้อมพัฒนาและรอรับรู้รายได้สูงกว่า 82,000 ล้านบาท แบ่งการบริหารจัดการสินค้าในพอร์ตนี้ โดยพัฒนาในรูปแบบร่วมทุน 72% ผ่าน บริษัท เซ็น เอกซ์ จากัด (มหาชน) หรือ Sen X ที่ 13% และโครงการที่พัฒนาโดยเสนาฯ เอง อีก 15% นอกจากนั้นยังมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจบริการอื่นซึ่งเป็นรายได้ประจำที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่องด้วย
“จาก 2 ปัจจัยในข้างต้น ทำให้สินทรัพย์บริษัทฯ ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2566 แตะ 51,239 ล้านบาท โต 37% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2563 ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ 37,304 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าว 43% จากแรงหนุนการขยายพอร์ตร่วมทุน”
ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ ได้มีการกระจายรายได้ผ่าน 2 ส่วนหลัก คือ รายได้จากโครงการที่พักอาศัย และรายได้จากธุรกิจบริการและธุรกิจเช่า ซึ่งเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอ มีสัดส่วน 80:20 ตามลำดับควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงด้านการเงินให้เหมาะสมกับสถานการณ์อย่างเฝ้าระวัง ซึ่งจะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและสมดุลในระยะยาว
ล่าสุดเสนาฯ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 1,000 ล้านบาท เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน อายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
สำหรับ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้อยู่ที่ ระดับ “BBB” แนวโน้ม “ลบ” จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จากัด คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26-30 ม.ค. 2567 ผ่านธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จากัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โดยจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ม.ค. ที่ระดับ 35.60 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจผันผวนอ่อนค่าลงได้ ตามการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์สหรัฐและการปรับตัวลดลงของสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งทองคำ-น้ำมันดิบ กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.30-35.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18ม.ค.2567 ที่ระดับ 35.60 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.48 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มไม่มั่นใจว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ “เร็วและลึก” ตามที่คาดหวัง ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ ตามการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และการปรับตัวลดลงของบรรดาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้ง ทองคำและน้ำมันดิบ ซึ่งหนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างทยอยเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวในจังหวะปรับฐาน โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ควรจับตาแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของทางฝั่งธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ควบคู่ไปด้วย เพราะหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากฝั่งยูโรโซนและอังกฤษ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB และ BOE ยังคงสะท้อนว่า ทั้งสองธนาคารกลางก็อาจไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยเช่นกัน ภาพดังกล่าวก็อาจช่วยหนุนเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ซึ่งจะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ได้บ้าง
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ควรจับตาทิศทางเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งมีน้ำหนักราว 14% ในการคำนวณดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทำให้การผันผวนของเงินเยนญี่ปุ่นก็อาจส่งผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์ได้พอสมควร โดยในช่วงนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญญี่ปุ่น
โดยเฉพาะ อัตราเงินเฟ้อ CPI เพื่อประเมินความเป็นไปได้ ของการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในปีนี้ โดยหากตลาดลดโอกาสที่ BOJ จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น ก็อาจกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่นผันผวนอ่อนค่าลงได้ต่อเนื่องจากระดับปัจจุบันแถว 148 เยนต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ แม้ว่าเงินบาทจะเผชิญปัจจัยกดดันอ่อนค่าพอสมควร ทว่าการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยจนเข้าใกล้จุดต่ำสุดก่อนหน้า พร้อมกับการอ่อนค่าพอสมควรของเงินบาทในช่วงนี้ ก็อาจเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติรอจังหวะทยอยเข้าซื้อหุ้นไทยในช่วงปรับฐานอีกครั้งได้
หากนักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยบ้าง ก็จะช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ ทำให้เราประเมินว่า แนวต้านเงินบาทอาจยังอยู่ในโซน 35.70-35.80 บาทต่อ (ใกล้กับโซนที่เราประเมินเชิง Valuation ว่าเงินบาท Undervalued พอสมควร) ขณะเดียวกัน เงินบาทก็ยังขาปัจจัยสนับสนุนการแข็งค่า ทำให้โซนแนวรับยังอยู่แถว 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไปคือ 35.00 บาทต่อดอลลาร์)
ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เรายังคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และ
นอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.70 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 35.47-35.71 บาทต่อดอลลาร์) ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟด
ล่าสุดจาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม เหลือ 55% นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวสู่โซนแนวรับสำคัยแถว 2,000-2,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
อย่างไรก็ดี เงินบาทมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ ส่งผลให้เงินยูโร (EUR) รีบาวด์แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ที่สะท้อนว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายพื้นที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนตลาดแรงงานก็ชะลอตัวลง ก็มีส่วนกดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความกังวลว่า เฟดอาจไม่ได้รีบลดดอกเบี้ยได้เร็วและลึกอย่างที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด นั้นออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ต่างย่อตัวลงต่อเนื่อง อาทิ Amazon -1.0%, Alphabet -0.7% กดดันให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.56%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงกว่า -1.13% กดดันโดยความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างเทขายหุ้นกลุ่มยานยนต์ หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ Mercedes -3.2%, LVMH -2.8%, Rio Tinto -1.5% นอกจากนี้ ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังได้กดดันให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง กดดันบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นกัน นำโดย Shell -2.3%
ในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ล่าสุดที่ขยายตัวได้ดีกว่าคาด ได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลว่า เฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ยอย่างที่คาดหวัง ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 4.10% และเสี่ยงที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ หากผู้เล่นในตลาด “เลิกเชื่อ” ว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้เร็วและลึกในปีนี้ โดยการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ดังกล่าว
สอดคล้องกับมุมมองของเราที่ย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระมัดระวังการทยอยปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip โดยพยายามคำนึงถึง จุดคุ้มทุน หรือ Break-even เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม หรือ Total Return ที่จะได้จากการถือครองบอนด์
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดต่างลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็ชะลอการแข็งค่าลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของเงินยูโร (EUR) ที่ได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB ซึ่งยังย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย
ขณะเดียวกัน รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ก็ไม่สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งมากนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังมีความหวังต่อการรีบลดดอกเบี้ยของเฟดอยู่บ้าง ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.3-103.7 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ ความกังวลแนวโน้มเฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดหวัง ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่โซนแนวรับแถว 2,000-2,010 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนที่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างรอเข้าซื้อทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อาทิ Raphael Bostic (Voter) และรอจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
ส่วนในฝั่งยุโรป เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดจะจับตารายงานการประชุม ECB ล่าสุด และถ้อยแถลงของประธาน ECB เพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของ ECB เช่นกัน
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจรวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางดังกล่าว เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดจะติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินในช่วงนี้ได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.45-35.47 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.02 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทฟื้นตัวกลับมาบางส่วน
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายตามปัจจัยทางเทคนิคเพื่อปรับโพสิชั่น หลังขยับแข็งค่าขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี กรอบการฟื้นตัวของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกจากตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่ออกมา ดีกว่าที่คาด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.30-35.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนธ.ค. และผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือน ม.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สอบผ่านเกือบหมด! ตัดเกรด “แข้งช้างศึก” ฟอร์มหรูเปิดหัวเอเชียน คัพ 2023
แม้สถิติการเปิดสนามเอเชียน คัพ ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของ ไทย จะติดลบเละเทะ แต่เมื่อขึ้นศักราชใหม่ พร้อมกับกุนซือใหม่อย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อทัพช้างศึกงัดฟอร์มหรูอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมานาน สยบ คีร์กีซสถาน สวยงาม 2-0 ชนิดที่ถ้าเฉียบคมกันกว่านี้หน่อย อาจมี 4-0 หรือ 5-0 ไปแล้วด้วยซ้ำ
คะแนนนักเตะทีมชาติไทย
ปฏิวัติ คำไหม – 7
กลายเป็นคนที่งานน้อยที่สุดในเกม ครึ่งแรกไมต้องออกแรงเซฟสำคัญเลย แถมมีจังหวะออกบอลสวยๆ โดยเฉพาะช่วงทดเจ็บที่สาดให้ ศุภณัฏฐ์ ทะลุเดี่ยวไปยิง จากนั้นครึ่งหลังก็คล้ายๆเดิม แม้งานชุกขึ้นบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
ธีราทร บุญมาทัน – 7
เติมเกมรุกได้ไหลลื่นเลยในช่วงต้นเกม กระนั้นถือว่าโดนใบเหลืองแรกเร็วไปหน่อยในแค่ 8 นาทีแรก ทำให้ต้องพยายามเล่นอย่างระมัดระวังตลอดช่วงหลังจากนั้น แต่ก็ยังมีทิ้งบอลยาวสวยๆให้เห็นบ้าง
เอเลียส ดอเลาะ – 8
แสดงให้เห็นว่าตั้งใจเล่นอย่างไม่ประมาท เน้นความเด็ดขาดในบอลสุดท้ายแบบไม่เสียดายที่จะเตะทิ้ง และปิดกั้นเกมบุกของคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ทางหนึ่งคือกองหน้า คีร์กีซสถาน ไม่แข็งนักก็ตาม
พรรษา เหมวิบูลย์ – 7
ครึ่งแรกมีสกัดจังหวะสำคัญๆให้เห็นบ้าง แต่ยังไม่ถูกทดสอบจากเกมรุกคู่แข่งมากนัก ส่วนครึ่งหลังมีจังหวะทำบอลลั่นเสียเองให้เห็น ยังดีที่ไม่ถึงกับเสียประตู
นิโคลัส มิคเกลสัน – 8
ขึ้นเกมทางขวาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการปาดเข้าในแล้วไปจบที่ประตูในนาทีที่ 16 แต่โชคร้ายที่เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ขณะที่เกมรับก็เผชิญหน้ากับตัวริมเส้นคู่แข่งอย่างไม่หวั่นไหว จากนั้นเมื่อเริ่มครึ่งหลังก็เปิดคมๆให้ สุภโชค โหม่งติดกองหลังและเสร็จ ศุภชัย บวกเป็น 2-0
พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี – 7
ทำหน้าที่ตัวตัดเกมอย่างมีคุณภาพในครึ่งแรก หลายๆจังหวะสามารถเข้าถึงลูกได้ก่อนคู่แข่ง เป็นส่วนสำคัญของการที่ไม่โดนเจาะหลังบ้าน กระนั้นก็โชคร้ายที่เกิดปัญหาบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนออกเมื่อเริ่มครึ่งหลัง
วีระเทพ ป้อมพันธุ์ – 8
ปักหลักประสานงานกับคู่กลางอย่าง พีรดนย์ ได้เป็นอย่างดีในครึ่งแรก และครึ่งหลังก็รักษามาตรฐานเดิม โดยถือว่าเล่นได้ตามที่โค้ชสั่งมาแทบทุกอย่าง และแทบไม่เห็นว่ามีช็อตเล่นผิดพลาดอะไรเลย
บดินทร์ ผาลา – 7
ประสานงานทางกราบซ้ายกับ ธีราทร ได้ดีในช่วงต้น และมีส่วนสำคัญยิ่งในประตูนำ 1-0 จากการส่องไกลหน้าเขตโทษไปติดเซฟนายทวารและ ศุภชัย ซ้ำดาบสองเข้าไป กระนั้นครึ่งหลังค่อนข้างเงียบไปหน่อย
สุภโชค สารชาติ – 8
เทียบกับเพื่อนแล้วอาจจะเงียบไปนิดในช่วงต้น แต่ก็พยายามวิ่งเยอะและเล่นตามแท็กติก รวมถึงถอยลงช่วยงานเกมรับเยอะทีเดียว แต่ในครึ่งหลังเมื่อเริ่มดันสูงขึ้นก็มีส่วนกับลูก 2-0 ทันทีด้วยการโขกติดกองหลัง เข้าทาง ศุภชัย ปิดบัญชีเข้าไป
ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา – 6
ได้โอกาสตะบันเน้นๆระยะอันตราย แต่กดไปชนเสาเข้าอย่างจัง จนแม้เพื่อนจะซ้ำเข้าไปแต่ก็ล้ำหน้า จากนั้นอีกไม่กี่นาทีก็ทะลุเข้าไปซัดชนคานเต็มๆ ต่อด้วยทดเจ็บครึ่งแรกทะลุเดี่ยวไปยิงออกเอง แล้วต้นครึ่งหลังก็ได้ยิงโล่งๆอีกแต่ไม่ผ่านเซฟ เท่ากับเกมนี้แม้วูบวาบ แต่ไม่เฉียบคมเอาเลย
ศุภชัย ใจเด็ด – 9
สบโอกาสยิงช้ำจ่อๆเข้าประตูในนาทีที่ 16 แต่ VAR ฟ้องว่าเป็นจังหวะล้ำหน้า จากนั้นก็เช็กบิลสำเร็จด้วยการยิงซ้ำลูกที่นายทวารปัดออกมา เป็นประตูนำ 1-0 ในนาที 26 สำคัญกว่าคือการยืนถูกที่ถูกเวลา จนเบิ้ล 2-0 ได้ในต้นครึ่งหลัง
สำรอง
สารัช อยู่เย็น (แทน พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี น.46) – 7
ลงไปมีบทบาทเยอะทีเดียวในครึ่งหลัง เล่นได้เข้ากับมาตรฐานของเพื่อนร่วมทีม และมีสอดเข้ายิงจากแถวสองให้เห็นบ้างเหมือนกัน
เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (แทน ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา น.69) – 6
ความวูบวาบต่างกันเยอะเมื่อเทียบกับ ศุภณัฏฐ์ เพียงแต่ก็เข้าใจได้ว่าลงไปในช่วงที่ ไทย ต้องพยายามตั้งรับตรึงสกอร์ไว้เป็นหลัก
ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ (แทน บดินทร์ ผาลา น.69) – 6
ลงไปเล่นเกมริมเส้นซ้ายแทนเพื่อนร่วมสังกัด และถือว่าวิ่งเยอะ ช่วยเกมรับได้ แต่เกมรุกไม่โดดเด่น
ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (แทน ศุภชัย ใจเด็ด น.77) – 5
ได้รับโอกาสใหญ่ในวัยเพียง 21 ปี แต่ก็ยังไม่มีบทบาทกับเกมเท่าที่ควรในการลงสำรองช่วง 10 กว่านาทีสุดท้าย
วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (แทน สุภโชค สารชาติ น.88) – N/A
มีเวลาได้อยู่ในสนามน้อยเกินไป จนแทบไม่ได้สัมผัสบอลเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เช็กตัวเอง คุณ “เซนซิทีฟ” มากเกินไปหรือเปล่า?
เท่าที่สังเกตตัวเอง คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์มากเกินไปหรือเปล่า เวลาไปดูหนังเจอฉากที่บีบคั้นอารมณ์ก็ร้องไห้ เจอความกดดันก็ร้องไห้ เจอคนเสียงดังใส่ก็ร้องไห้ เจอความสับสนวุ่นวายที่คุณไม่คุ้นเคยก็ร้องไห้ ถ้าคุณอยากรู้ว่าตัวเองเป็นพวกอ่อนไหวทางอารมณ์หรือไม่ สำรวจได้จากลักษณะต่างๆ ด้านล่าง
แต่ขอให้รู้ไว้ก่อนว่าความอ่อนไหวทางอารมณ์นั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ และอยู่ที่ว่าแต่ละคนนั้นรับมือกับความอ่อนไหวภายในใจของตัวเองได้ดีขนาดไหน
ลักษณะของคนที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์
- เวลาคนรอบข้างส่งเสียงดัง หรือมีเสียงรบกวนจากคนอื่นคุณรู้สึกอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นเลยไหม
- คุณสามารถรู้สึกได้แม้ว่าอุณหภูมิจะเปลี่ยนไปแค่สององศาเซลเซียส
- คุณไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไป
- เวลาเกิดเหตุสับสนวุ่นวายคุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกทำร้ายไปด้วย
- เวลาฟังเพลงซึ้งๆ อ่านบทกลอน หรือได้ยินเรื่องราวที่สะเทือนอารมณ์ คุณมักจะมีอารมณ์ร่วมตามไปเสมอ
- คุณหลีกเลี่ยงที่จะไปปาร์ตี้ หรือผับที่คุณคิดว่าจะมีเสียงดังแบบที่คุณไม่ชอบ
- คุณสามารถสังเกตน้ำเสียงของคู่สนทนาว่าเปลี่ยนไปแม้เพียงเล็กน้อย
- คุณรู้สึกถึงความผิดปกติได้โดยที่ไม่ต้องมีใครมาเตือน
- เวลาเกิดความเครียดหรือ มีปัญหาเรื่องความรักคุณจะแสดงอารมณ์มากเกินกว่าเหตุ
- คุณรู้สึกได้ในทุกครั้งที่ผู้คนรอบข้างแม้จะดูนิ่งเฉยแต่คุณก็รู้ได้ว่าพวกเขากำลังหัวหมุน
- เวลาที่คุณรู้สึกหิวคุณจะหงุดหงิดทุกครั้งไป
- ถ้าคุณต้องทำงานสองอย่างในเวลาเดียวกัน คุณประสาทเสียแน่
- การตัดสินใจเพื่อเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ใช่นิสัยของคุณเลย
- คุณชอบที่จะทำงานในออฟฟิศที่มีความเงียบสงบ
- หลังจากผ่านวันหนักๆ มาคุณมักจะหามุมสงบให้กับตัวเองเพื่อฟื้นฟูจิตใจ
ถ้าคุณมีอาการทั้งหมดที่ว่ามานี้ ขอให้สบายใจได้ว่าคุณไม่ได้บ้า คุณไม่ใช่คนไม่ชอบเข้าสังคม หรือเป็นคนชอบทำลายความสุขของคนอื่น ที่คุณเป็นคือคุณเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ ทำให้คุณไม่ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง และคนแบบคุณนั้นมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าคนที่ไม่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ แต่ชอบซ่อนเก็บเอาไว้ภายในใจเสียอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน มีประโยคไหนต้องติดปาก ไว้รับมือทุกสถานการณ์
2. ถามเส้นทางการสัญจรไปไหนมาไหน
ทุกครั้งที่เราต้องออกเดินทางไกล ไม่ว่าจะเพื่อท่องเที่ยวหรือทำงาน การสื่อสารให้ชัดเจนและเข้าใจง่ายเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางของเราไปถึงที่หมายได้ถูกต้องรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างประโยคการสอบถามการเดินทาง
- What time does the plane depart? (เครื่องบินจะออกกี่โมง?)
- Where do I check-in? (ฉันจะตรวจเอกสารเดินทางได้ที่ไหน?)
- Where is the nearest train station? (สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน?)
- Where can I get a taxi? (ฉันสามารถเรียกแท็กซี่ได้ที่ไหน?)
- What’s the free luggage allowance? (ให้น้ำหนักสัมภาระฟรีกี่กิโลกรัม?)
- I have missed my flight. Could you help me please? (ฉันตกเครี่อง คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?)
- Can I have a window/aisle seat? (ฉันขอที่นั่งริมหน้าต่าง/ติดทางเดิน ได้หรือไม่?)
- I’m lost. Help me please (ฉันหลงทาง ช่วยฉันด้วยนะ)
- Have a good trip. (เที่ยวให้สนุกนะ)
- Where’s the toilet? (ห้องน้ำอยู่ทางไหนหรือครับ/คะ?)
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
“เคพกูสเบอร์รี่” ผลไม้จากชาวดอย ต้านมะเร็ง-หลอดเลือดหัวใจตีบ
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มีชื่อเสียงมานานว่ามีคุณประโยชน์มากมาย มีวิตามิน และสารอาหารดีๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกายหลายอย่าง แถมรสชาติยังอร่อยสดชื่นอีกด้วย วันนี้ Sanook Health จะมาแนะนำให้รู้จักกับผลไม้ชื่อดังทางเหนือ ที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยทั่วไปมากขึ้น คือ เคพกูสเบอร์รี่ (Cape Gooseberry) หรือที่บางคนเรียกว่า “โทงเทงฝรั่ง” นั่นเองค่ะ
ลักษณะของเคพกูสเบอร์รี่
เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ลูกกลมๆ เมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองอมส้ม อยู่ภายใต้กลีบดอกบางๆ สีเหลืองอ่อนที่หุ้มลูกกลมๆ แต่ละลูกอยู่
นอกจากจะมีชื่อไทยว่า “โทงเทงฝรั่ง” แล้ว ยังมีอีกชื่อหนึ่งที่ตั้งขึ้นมาใหม่ว่า “ระฆังทอง” อีกด้วย
แหล่งผลิตเคพกูสเบอร์รี่
เคพกูสเบอร์รี่เป็นผลผลิตที่ได้จากการส่งเสริม และพัฒนาผลไม้ขนาดเล็ก มูลนิธิโครงการหลวงของเราเองนี่แหละค่ะ เป็นหน่งในพืชที่ทางโครงการสนับสนุนชาวบ้านให้ปลูกทดแทนไร่ฝิ่นนั่นเอง ดังนั้นชาวบ้าน หรือชาวเขาแถบภาคเหนือจึงเริ่มปลูกเคพกูสเบอร์รี่กันมาก
รสชาติของเคพกูสเบอร์รี่
เมื่อสุกเป็นสีเหลืองอมส้มแล้ว จะมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว สามารถทานเดี่ยว จิ้มเกลือ หรือพลิกแพลงทานเป็นของว่างอย่างอื่นได้ เช่น ทานกับผักสลัด ทำสมูธตี้ ทำแยม เชื่อม อบแห้ง ชุบช็อคโกแลต ชุบน้ำผึ้ง ฯลฯ
6 ประโยชน์สุดอัศจรรย์ของ “เคพกูสเบอร์รี่” (Cape Gooseberry) หรือ “โทงเทงฝรั่ง”
- เคพกูสเบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยบำรุงกระดูก และฟัน เสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้
- มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็นทั้งในที่สว่าง และที่มืด
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด
- เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
- ช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอก
ก่อนนี้เราจะหาทานเคพกูสเบอร์รี่ ได้เฉพาะในภาคเหนือ ตอนนี้มีการส่งผลไม้แสนอร่อยนี้มาขายต่อในภาคกลาง และตามจังหวัดใหญ่ๆ ในประเทศมากขึ้น และแน่นอนว่าในราคาย่อมเยา เหมาะกับเศรษฐกิจในบ้านเราอย่างแน่นอน หวังว่าทุกคนจะได้มีโอกาสลิ้มลองเคพกูสเบอร์รี่กันบ้างนะคะ ทั้งอร่อย ดี มีประโยชน์แบบนี้ ซื้อไปฝากคนที่เรารักด้วยก็ดีนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เรื่องควรรู้ก่อนคิดจะซื้อ “ซิมเน็ตไม่อั้น”
หากคุณเปิดดูเว็บไซต์ e-Commerce หรือจะเป็น Apps ก็ตามจะเห็นว่าซิมบอกว่าเน็ตไม่อัน!!! แต่ราคาไม่เกิน 2,000 บาทต่อปีเท่านั้น มันคุ้มไหมนะที่เราจะซื้อ วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบ
ซิมเน็ตไม่อั้น หรือ ซิมอันลิมิเต็ตคืออะไร
ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักซอมประเภทนี้ก่อน มันคือ ซิมที่เราสามารถใช้งานข้อมูล หรือ Data ได้แบบไม่จำกัดเลยครับ เรียกว่าอยากจะเข้าอะไร หรือเล่นเกมแบบไม่ต้องห่วงว่าเน็ตจะหมด นี่เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเลยครับ แต่โดยมากแล้วซิมแบบนี้ก็จะมีเงื่อนไขอยู่คือ
- ข้อมูลที่ใช้ได้จะรองรับการดาวน์โหลดราวๆ 15 – 30Mbps (เมกะบิต ต่อ วินาที) หรือจะรองรับ 4G เท่านั้น ถึงราคาถูก
- หากเป็นซิมที่มีการจ่ายรายเดือนละ 900 บาทขึ้นไปมักจะเป็นได้ความเร็ว 300Mbps
ซิมแบบนี้เหมาะกับใคร
ซิมแบบนี้จะเมหากับคนที่ต้องการใช้งานข้อมูลจำนวนมาก เช่นเล่นเกม, การดู Live Streaming ที่มีปริมาณความละเอียดสูง หรือความละเอียดเยอะๆ และไม่อยากทำให้ค่าบริการรายเดือนแพงเกินไป ก็เลยมักจะไปซื้อซิมเสริมกลุ่มนี้มาใช้งาน
ข้อจำกัดที่แอบอยู่
อย่างที่บอกในความหมายของซิมแล้ว แม้ว่าปริมาณที่ใช้งานไม่ได้จำกัด ต่ว่าสิ่งที่ยังคงจำกัดอยู่คือในเรื่องของเครือข่ายและพื้นที่ให้บริการถ้าจุดนั้นมีสัญญาณที่ไม่ดีก็จะทำให้เน็ตของเราช้าได้เช่นเดียวกัน อย่าเพิ่งหัวร้อนกันไปนะ!!!
ซิมมีอายุไหม
โดยปกติแล้วซิมเน็ตไม่อั้นเหล่านี้ถ้าเป็นการซื้อมา ไม่ได้เป็นการจ่ายรายเดือน มักจะมีอายุเพียง 1 ปี โดยมากแล้วอาจจะไม่ได้ต่ออายุอัตโนมัติ มักจะต้องซื้อซิมใหม่อยู่เสมอ บางทีก็ดูไปแล้วเป็นการสิ้นเปลืองซิมและเบอร์ที่เปิด แต่ไม่ต้องกังวลเพราะโดยมากซิมเหล่านี้เมื่อครบอายุ จะปิดตัวเอง แต่ถ้าไม่มั่นใจ ลองติดตามผู้ให้บริการได้เช่นเดียวกัน
โดยสรุปแล้วซิมเน็ตแบบนี้ก็เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานปริมาณเยอะๆ ถ้าซื้อมาแค่เช็คอีเมล, Social เบาๆ และวิดีโอแบบไม่ได้ปรับความละเอียด มันก็จะไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่นะครับ ยังไงก็ลองพิจารณาและปรับการใช้ให้ดีก่อนที่จะจ่ายเงินซื้อนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/01/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,750.00 | 33,850.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,186.00 | 33,139.76 | 34,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,967.40 | 29,825.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,748.80 | 26,511.81 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 984.00 | 14,917.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 765.00 | 11,597.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,265.00 | 34,337.40 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/01/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.55 | 35.55 | 36.05 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 33.78 | 33.78 | 34.28 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 | 33.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.44 | 33.44 | 33.94 | 33.44 | 33.44 | – | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.59 | 33.59 | – | – | – | – | – | – | – | 33.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.94 | 47.54 | 48.24 | 47.54 | – | – | – | – | – | 42.94 |
เบนซิน 95 | 43.44 | – | – | – | 44.61 | – | 43.94 | 43.59 | – | 43.44 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 45.94 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |