สาระน่ารู้ประจำวันที่ 19 มกราคม 2567

โนเบิลสบช่องต่างชาติหนีการเมืองซื้ออสังหาฯไทยคาดขายปีนี้6พันล้าน

โนเบิล ชี้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ดันดีมานด์ต่างชาติพุ่ง โดยเฉพาะไต้หวัน เมียนมา จีน ฮ่องกง คาดปีนี้ยอดขายต่างชาติ 6 พันล้านเผยปี 67 เปิด7 โครงการ 1.4 หมื่นล้านพร้อมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ต่อยอด เพิ่มความแข็งแกร่ง ตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ใน 3 ปี

  • ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์(Geopolitics) กลายเป็นความท้าทายและโอกาสในดำเนินธุรกิจ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้และมีผลกระทบสูง
  • ขณะเดียวกันทำให้เกิดโอกาสอย่างอสังหาริมทรัพย์เมื่อต่างชาติ ไต้หวัน เมียนมาฮ่องกงแห่มาซื้อคอนโดเมืองไทยเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 และลงทุนปล่อยเช่าถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตา

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ปี 2567 อยู่ในภาวะกำลังฟื้นตัว โดยมีแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ใช่อุปสรรคใหญ่อีกต่อไป แต่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงมาได้เร็วขนาดไหน รวมถึงภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทำให้การฟื้นตัวของตลาดเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็น่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมาหากรัฐมีนโยบายใหม่ออกมาช่วยผลักดัน

“ปีนี้คอนโดในเมืองเริ่มกลับมา เพราะซัพพลายลดลง ไม่มีโครงการใหม่ออกมาดังนั้นพอเศรษฐกิจดีขึ้น รถเริ่มติดคนกลับมาซื้อคอนโดในเมือง และตลาดบนยังดีเพราะไม่ได้พึ่งพาสินเชื่อ”

นอกจากนี้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์(Geopolitics)ที่เกิดขึ้นกับไต้หวันเมียนมา จีน ทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพส่งผลดีกับไทย เพราะประชาชนมองหาที่อยู่อาศัยต่างประเทศทั้งลงทุนเป็นบ้านหลังที่สองหรืออยู่ถาวรหรือส่งลูกมาเรียน ซึ่งการที่โนเบิลมีโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ ทำให้ได้ดีมานด์เหล่านั้นเข้ามา

โดยปลายปี 2566 บริษัทพรีเซลโครงการ ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส กับลูกค้าต่างชาติ ทำยอดขายมากกว่า 2,200 ล้านบาท ใน 8 สัปดาห์ และจะเริ่มทำตลาดกับลูกค้าไทยไตรมาส 1 ปีนี้ ราคาประมาณ 21 ล้านบาท/ยูนิต

นายแฟรงค์ เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม โนเบิล กล่าวว่า ต่างชาติต้องการอสังหาฯ ในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดใหม่อย่าง ไต้หวัน เมียนมา ฮ่องกง ที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ และเชื่อว่าปีนี้ตลาดจีนจะกลับมา แม้ไม่เท่าช่วงก่อนโควิด-19 สังเกตได้จากยอดขายต่างชาติขยับขึ้นทุกปีหลังปี 2563 ที่ติดลบถึง 44.9% แต่ปัจจุบันโต 116% มียอดขาย5,700 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time high)  คาดว่า สิ้นปีนี้จะมียอดขาย 6,000 ล้านบาท

โดยกลุ่มลูกค้าหลัก มาจาก3 ประเทศ ไต้หวัน เมียนมา  ฮ่องกง  เพราะในปี2565  ที่ผ่านมาสัดส่วนยอดขายมาจากไต้หวันเพิ่มขึ้นถึง319% เมียนมา 118%  จีน 157%และฮ่องกง 25%  

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในปี 2567 เตรียมเปิดตัว 7 โครงการ มูลค่า 14,310 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 4,080 ล้านบาท ได้แก่ โนเบิล นอร์ธ กรุงเทพกรีฑา  โครงการบ้านเดี่ยว เปิดตัวไตรมาสแรก  ,นิวเชด ราชพฤกษ์   แจ้งวัฒนะ  โครงการบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด เปิดตัวไตรมาส2 ,  นิว เซ็นเตอร์ เวสต์เกต  โครงการบ้านเดี่ยว เปิดตัวไตรมาส 3

 และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,230 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดไฮไรส์ ทำเลพัฒนาการแบรนด์ นิวเปิดตัวไตรมาส 3  ,โครงการ นิว โคสต์ คูคต สเตชั่น เปิดตัวไตรมาส 3  คอนโดไฮไรส์ แบรนด์ นิวทำเลพระราม 9-ดินแดง  เปิดตัวไตรมาส 3 และคอนโดโลว์ไรส์แบรนด์ นิว ทำเลแจ้งวัฒนะเปิดตัว ไตรมาส4


“ที่ผ่านมาเราขยายโครงการจำนวนมากปีนี้มูลค่าลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่เปิดตัว 7 โครงการ มูลค่า 18,900 ล้านบาท โดยปี 2567  ตั้งเป้าหมายรายได้ 14,000 ล้านบาท และยอดขาย 18,000 ล้านบาท”

นอกจากนี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จในปีนี้ 4 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ย 70% ได้แก่โครงการนิว โนเบิล รัชดา–ลาดพร้าว ,โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ,โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมืองและโครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน

ล่าสุดบริษัทได้ซื้อที่ดิน ย่านพระราม 9 จะทำคอนโดไฮไรส์ มูลค่า 10,000 ล้านบาท จะเปิดในปีนี้ 1 โครงการคือ คอนโดไฮไรส์ แบรนด์ นิวทำเลพระราม 9-ดินแดง ส่วนที่ดินที่เหลือรอพัฒนา, ที่ดินทำเลประชาชื่น จะทำคอนโดโลว์ไรส์แบรนด์ นิว   ส่วนที่ดินทำบางนา-ตราด เป็นโครงการร่วมทุนกับ BTS และสหพัฒน์ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว รอพัฒนาในปี2568

พร้อมกันนี้บริษัทได้ เดินหน้าต่อยอดธุรกิจให้มีความครบวงจรโดย”แตกไลน์ธุรกิจ” ภายใต้บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด ในรูปแบบธุรกิจบริหารนิติบุคคล ธุรกิจบริการฝากขาย-ปล่อยเช่า รวมถึงธุรกิจการบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์

 รวมทั้งยังมีธุรกิจต่อเนื่องที่จะสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income ) เช่น ธุรกิจการให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติก  ในโครงการที่อยู่อาศัย ธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า  ธุรกิจบริการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ บนหลังคาของโครงการที่อยู่อาศัย และธุรกิจใหม่ ที่จะทำร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีความเชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ธุรกิจบริการพื้นที่ เก็บของ เป็นต้น  คาดว่า ภายใน3ปีต่อจากนี้จะดันธุรกิจใหม่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อถึงเวลานั้นน่าจะมีรายได้ปีละ 100 ล้านบาท 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ตีแผ่ปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขาย Brand Product บ้านราคา 5 ล้านขึ้นไป

การใช้เครื่องมือ BFV Model ทำให้ทราบถึงปัจจัยการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ยกตัวอย่าง ปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขายบ้านราคา 5 ล้านขึ้นไป ซึ่งระบุใน “รายงานการประเมินมูลค่าแบรนด์บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2023”

สำหรับงานวิจัยการประเมินมูลค่าแบรนด์บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2023 (Brand Future Valuation Report for Property sector ) ตัวเลขของมูลค่าแบรนด์ในตลาดเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่บอกถึงผลลัพธ์ที่สำคัญ

แต่ในเล่ม “รายงานการประเมินมูลค่าแบรนด์บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2023” ความตั้งใจของทีมวิจัยต้องการนำเครื่องมือที่ชื่อว่า BFV model นั้นมาเพื่อพัฒนาแบรนด์และธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

เป็นตัวชี้วัดที่ทำให้เราสามารถเข้าใจสถานะปัจจุบันของแบรนด์และธุรกิจเราทั้งจากปัจจัยภายใน Internal branding และ ปัจจัยภายนอก External branding  

สิ่งสำคัญที่รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ได้ครอบครองและได้นำไปใช้ คือ โอกาสการเพิ่มยอดขายใน Product Brand ของกลุ่มสินค้าในแต่ละ Segment  

สำหรับในตอนนี้ผมได้นำบางส่วนของรายงานมาเล่าให้ฟัง หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์นะครับ

ในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคาสูงกว่า 5 ล้านบาทพบว่า…

ปัจจัยการตัดสินใจซื้อนั้น เกิดจากการนำดาต้าของการตรวจวัดสุขภาพด้าน Brand Superfans มาเป็นการวิเคราะห์เพื่อดูว่าคุณค่า และ การออกแบบประสบการณ์ส่วนไหนของลูกค้ามีผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด

ซึ่งผมได้วิเคราะห์จาก ปัจจัยที่สัมพันธ์กับ Net Promoter Score (NPS) อัตราการบอกต่อ และ ปัจจัยที่สัมพันธ์กับ Brand Supporter Index (BSI) อัตราการอยากสนับสนุนแบรนด์นั้นๆ 

5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขาย Brand Product บ้านราคา 5 ล้านขึ้นไป เป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับ 

1.Relaxed & Safe คือ คุณค่าที่สำคัญสำหรับผู้ที่เลือกซื้อบ้านในระดับราคาที่สูงกว่า 5 mb คือความรู้สึกที่ รู้สึกว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่สร้างประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย, รู้สึกถึงประสบการณ์แห่งการพักผ่อน

การเป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย (กาย, ใจ, สภาพแวดล้อม) และที่สำคัญมากที่อาจจะทำให้ถูกตัดทิ้งไปได้เลยถ้าโครงการนั้นๆไม่มีความรู้สึกปลอดภัย เพราะคนในกลุ่มนี้มักจะตัดสินใจจากการคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัว 

2.Social impact คือ คุณค่าการเป็นแบรนด์ที่มีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสังคมรอบข้าง สำหรับคุณค่าในข้อนี้แบรนด์ไหนสร้างบุญไว้ก็จะได้มาเก็บเกี่ยวก็คราวนี้ครับ

เพราะผู้บริโภคสัมผัสและสามารถรับรู้จากข่าวสารได้ว่าแบรดน์ไหนใส่ใจสังคม และ สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง 

สำหรับในข้อนี้นั้นสอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลกที่ว่า ผู้บริโภคยุคใหม่จะยินดีสนับสนุนและตัดสินใจเลือกแบรนด์ที่เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสังคมและโลกใบนี้ 

3.Image & Acceptance คือ คุณค่าการมีภาพลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งคนในกลุ่มนี้ซื้อบ้านมากกว่าฟังชันหรือประโยชน์ใช้สอยแต่เพียงอย่างเดียวครับ เขาต้องการแบรนด์ที่ยกระดับสถานะทางสังคมของเขา( ลูกค้า ) ขึ้นไปอีก

แบรนด์จึงกลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวเขาเหล่านั้นไปด้วย ซึ่งถ้าเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ทำให้คนรอบข้างรู้สึกยอมรับ แบรนด์โครงการนั้นๆก็เพิ่มโอกาสการสร้างยอดขายไปในตัว 

4.Style & Design Experience  คือการออกแบบประสบการณ์ของตัวแบรนด์โครงการ ที่มีสไตล์เรื่องเล่าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น  ซึ่งเกิดจากธีมและคอบเซปต์ของโครงการ เรียกว่าจะแพ้ชนะกันก็ขึ้นกับฝีมือในการออกแบบที่แตกต่างมีสุนทรีย์ที่มากกว่านั่นเอง

5.Pre service  คือการออกแบบประสบการณ์ผ่านการออกแบบการบริการก่อนและระหว่างซื้อ มีการบริการที่น่าประทับใจตั้งแต่การให้ข้อมูลก่อนลูกค้าเข้ามาเลือกชมที่เซลส์แกลอรี่ จนถึงการเข้ามาพบกับพนักงานขาย, การต้อนรับตลอดจนการพาชมบ้านตัวอย่างและคอยดูแลแนะนำตลอดการเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ 

ซึ่งการออกแบบประสบการณ์ลูกค้าอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เส้นทาการให้บริการ ( Service Journey ) เป็นระบบช่วยให้เพิ่มน้ำหนักการตัดสินใจซื้อได้อย่างมากครับ  แต่ในขณะเดียวกันถ้าทำไม่ดีก็ถูกตัดทิ้งได้เลยเช่นกันครับ. 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


วีกเอนด์นี้ พีพีทีวี ยิงสด! ศึกเอเชียน คัพ นัดสอง, ควบ 2 คู่เดือดบุนเดสลีกา

เปิดหัวฟุตบอลสุดสัปดาห์นี้ ด้วยศึกบุนเดสลีกา คู่เดือดนัดแรก วันเสาร์ที่ 20 ม.ค. นี้ เวลา 21:30 น. “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับภารกิจเรียกคืนฟอร์มเก่ง ในการเก็บ 3 แต้มสำคัญเพื่อลุ้นขึ้นสู่ท็อป 4 หลังจากนัดที่แล้วบุกไปถล่ม ดาร์มสตัดต์ ไป 3-0 ทำให้ได้ลุ้น เพราะฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังได้นักเตะตัวใหม่ที่พึ่งย้ายมาด้วยสัญญายืมตัว เจดอน ซานโช จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดตัวอย่างสวยงาม สามารถแอสซิสต์ให้ มาร์โค รอยส์ ทำประตูได้อีกด้วย โดยในนัดนี้ “เสือเหลือง” จะบุกไปเยือน “แพะบ้า” แอฟเซ โคโลญจน์ ทีมอันดับ 17 ของตาราง ที่ต้องดิ้นและทำทุกอย่างเพื่อคว้าชัยในครั้งนี้ให้ได้ เพื่อเก็บ 3 แต้มสำคัญ ในการหนีจากโซนตกชั้นและให้ขึ้นสู่พื้นที่ปลอดภัย หลังจากที่ 5 นัดล่าสุดพวกเขาแพ้ 2 เสมอ 2 ชนะไปเพียงนัดเดียว

ต่อด้วย เวลา 00:30 น. เป็นการพบกันระหว่าง “เดอะ เรดบูล” แอร์เบ ไลป์ซิก ทีมอันดับ 4 ในตารางคะแนน ที่นัดล่าสุดฟอร์มตกแพ้ ไอน์ทรัคต์ แฟรงค์เฟิร์ต ไป 1-0 และนัดนี้พวกเขาต้องการ 3 แต้มสำคัญเพื่อที่จะอยู่ในพื้นที่ท็อปโฟร์ต่อไป และต้องการทิ้งห่าง ดอร์ทมุนด์ ที่ไล่จี้หลังมาแค่ 3 แต้ม ในครั้งนี้ เดอะ เรดบูล จะปะทะ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน จ่าฝูงฟอร์มร้อนแรงที่สุดของยอดกุนซือ ชาบี อลอนโซ ที่ผ่านมาครึ่งฤดูกาลแล้วเขาสามารถพาทีมเอาชนะได้ทั้งหมด 14 นัด เสมอเพียง 3 นัด และยังไม่แพ้ใครในลีกเลย อีกทั้งเป็นทีมที่เสียประตูน้อยสุดอีกด้วย พวกเขาต้องการ 3 แต้มสำคัญในนัดนี้เช่นกัน เพื่อจะรั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไป

และแน่นอนว่านาทีนี้ ไม่มีแมตช์ไหนจะได้ใจคนไทยมากไปกว่า เอเชียน คัพ 2023 ซึ่งทัพช้างศึกไทยจะลงฟาดแข้งอีกครั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 21 ม.ค.นี้ เวลา 21:30 น. ศึกครั้งนี้จะเป็นนัดที่ 2 ของ ทีมชาติไทย ในกลุ่มเอฟ เตรียมพบกับ ทีมชาติโอมาน อันดับ 74 ของโลก ณ อับดุลลาห์ บิน คอลิฟา สเตเดียม ซึ่งถือว่าเป็นด่านสำคัญของแข้งไทย เพราะหากเก็บชัยได้จะการันตีผ่านเข้ารอบ 16 ทีม โดยอัตโนมัติ หรืออย่างน้อยการเสมอก็มีโอกาสมากที่จะได้ไปต่อเช่นกัน โดยกุนซือโอมานอย่าง บรังโก อิวานโควิช ได้ออกมายอมรับว่าคู่ต่อสู้อย่าง ช้างศึกไทย ฝีเท้าไม่ธรรมดา หลังชนะ คีร์กีซสถาน เก็บ 3 คะแนนไปได้ แถมลูกทีมของตัวเองยังสะบักสะบอมไม่น้อยหลังแพ้ให้กับ ซาอุดีอาระเบีย แบบสุดดราม่าในช่วงท้ายเกม

จากสถิติในการพบกันระหว่าง ทีมชาติโอมาน และ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ทุกรายการรวมไปถึงเกมอุ่นเครื่อง 14 เกม ไทย ชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 6 ส่วนการแข่งขันในรายการเอเชียน คัพ รอบสุดท้ายที่พบกัน 2 เกม ต่างฝ่ายต่างผลัดกันแพ้ชนะคนละหนึ่งนัด ถือว่าศึกครั้งนี้มีลุ้น

ร่วมลุ้นและเชียร์ ทีมช้างศึกไทย ลุยศึกเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 นัดที่ 2 กันต่อ พร้อมมันกับบุนเดสลีกา พีพีทีวี ถ่ายทอดสดให้ชมฟรี ผ่านทางหน้าจอ หรือสามารถรับชมสดผ่านเว็บไซต์ www.pptvhd36.com และแอปพลิเคชั่น PPTVHD36 พร้อมติดตามทุกข่าวและทุกประเด็นสำคัญของวงการกีฬาได้ทาง YouTube กดช่อง PPTV SPORTS

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 สาเหตุของอาการนอนไม่หลับในผู้ชาย พร้อมวิธีรับมือเมื่อนอนไม่หลับ

อาการนอนไม่หลับ หนึ่งในอาการที่สามารถพบได้ในคุณผู้ชายหลายท่าน จนบางครั้งทำให้คุณมองข้ามไป แต่หากเป็นอาการดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจนำมาซึ่งผลเสียในระยะยาวต่อสุขภาพได้ ดังนั้นการหาสาเหตุแต่เนิ่น ๆ เพื่อนำไปสู่แนวทางแก้ไข และการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเราขอเป็นหนึ่งในตัวช่วยดี ๆ ในการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเหล่านี้มาเพื่อหนุ่ม ๆ ทุกท่าน

สาเหตุของอาการนอนไม่หลับในผู้ชาย

การนอนไม่หลับหรือการหลับไม่สนิทที่เกิดขึ้นกับคุณผู้ชายแต่ละท่านมีสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่โดยมากมักมีสาเหตุดังนี้

1.โรคประจำตัว

โรคบางชนิดอาจทำให้เกิดความเจ็บปวด หรือต้องทานยาเป็นประจำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการนอน

2.ความเครียด

จิตใจมีผลต่อร่างกายเป็นอย่างมาก หากคุณผู้ชายมีเรื่องกังวลจิตใจก็มักนำมาซึ่งอาการนอนไม่หลับ

3.พฤติกรรมบางอย่าง

อย่างเช่น การติดจอ ติดเกมส์ หรือการนอนตื่นสายทำให้นาฬิกาชีวิตรวน เมื่อถึงเวลานอน ร่างกายก็อาจไม่พร้อมที่จะนอนได้

4.การรับประทานอาหาร

การรับประทานอาหารที่ไม่พอดี อย่างการทานมากไปก็จะทำให้เกิดความอึดอัดจนไม่สามารถนอนได้ หรือการทานน้อยไปก็ทำให้หิว จนนอนไม่หลับเช่นกัน

5.ความเสื่อมชราของร่างกาย

คุณผู้ชายสูงอายุหลายท่านที่เข้าสู่ช่วงวัยทอง มักพบกับหนึ่งอาการที่เป็นสัญญาณแห่งช่วงวัย ซึ่งก็คือ การนอนไม่หลับ หรือหลับยาก นั่นเอง

วิธีรับมือแก้ไขอาการนอนไม่หลับ

แม้อาการนอนไม่หลับจะสามารถเกิดขึ้นได้กับหนุ่ม ๆ ทุกคน แต่คงจะดีกว่าหากคุณสามารถนอนหลับได้สนิทตลอดคืน โดยเรามีเคล็ดลับวิธีการรับมือแก้ไขการนอนไม่หลับมาฝากกัน ดังนี้

  1. สร้างบรรยากาศแห่งการนอน ทั้งส่วนของเครื่องนอน อุณหภูมิ และแสงไฟ ควรให้มีความเหมาะสมกับการนอนมากที่สุด
  2. สร้างบรรยากาศของจิตใจ โดยอาจใช้กลิ่นหอมที่ช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย และส่วนของเสียงดนตรีบรรเลงคลอเบา ๆ ช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลายพร้อมนอน
  3. สร้างสุขภาพที่ดีจากภายใน การรับประทานอาหารอย่างครบถ้วนและพอดี รวมไปถึงการออกกำลังกาย จะช่วยให้เกิดสมดุลการใช้พลังงานของร่างกาย เมื่อถึงเวลานอนร่างกายก็จะเหนื่อยอ่อนพร้อมสำหรับการพักผ่อน

การพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกาย ก็คือ การนอนหลับ เพราะเมื่อคุณผู้ชายนอนหลับแล้วก็จะเกิดการฟื้นฟูของร่างกายอย่างสมบูรณ์ แต่หนุ่ม ๆ หลายท่านก็พบว่าตนเองไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม หรือไม่สามารถข่มตาหลับได้แม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนแล้วก็ตาม ส่วนนี้ทุกท่านก็สามารถมองหาสาเหตุได้ในบทความ รวมไปถึงการแก้ไขและป้องกัน แต่หากอาการนอนไม่หลับยังปรากฎหนุ่ม ๆ ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ตัวย่อภาษาอังกฤษที่พบบ่อย สายแชทต้องรู้!

สายแชทในโลกโซเชียลหลายคน ไม่ว่าจะคุยกับคนไทยหรือชาวต่างชาติก็น่าจะเคยเจอคำย่อภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆในชีวิตประจำวัน เพราะคำย่อพวกนี้ช่วยให้เราสื่อสารได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช เลยขอไขข้อข้องใจว่าคำย่อพวกนั้นมาจากประโยคเต็มว่าอะไรและแปลว่าอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

  1. ASAP = As Soon As Possilbe = เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
  2. SFLR = Sorry for late reply = ขอโทษที่ตอบช้า
  3. PLS / PLZ = Please = ได้โปรด
  4. THX / TNX = Thanks = ขอบคุณ
  5. FAQ = Frequently asked questions = คำถามที่พบบ่อย
  6. FYI / JFYI = Just for your information = แจ้งเพื่อทราบ / เป็นข้อมูลให้รู้ไว้
  7. TBC = To be continued / To be confirmed = จะดำเนินการต่อ / จะได้รับการยืนยัน
  8. TBA = To be announced = ประกาศให้ทราบ
  9. FW = Forward = ส่งต่อ
  10. P.S= Postscript = ป.ล. (ปัจฉิมลิขิต)
  11. AKA = Also known as = หรือที่รู้กันคือ / หรือที่เรียกว่า
  12. OTOH = On the other hand = ในทางตรงกันข้าม
  13. B/C หรือ COZ = Because = เพราะว่า
  14. BTW = By the way = อย่างไรก็ตาม (ใช้เมื่อเปลี่ยนบทสนทนา)
  15. POV = Point of view = มุมมอง
  16. DOB = Date of birth = วันเกิด
  17. N/A = Not available / Not Applicable = ไม่มี / ไม่สามารถใช้งานได้
  18. IDK = I don’t know = ฉันไม่รู้
  19. DM = Direct message = ทักข้อความส่วนตัว
  20. BFF = Best friend forever = เพื่อนรักตลอดไป
  21. XOXO = Hugs and kisses = รักนะ กอด ๆ จุ๊บ ๆ
  22. LUV = LOVE = รัก
  23. ILU / ILY = I love you = ฉันรักคุณ
  24. IMU = I miss you = ฉันคิดถึงคุณ
  25. WYWH = Wish you were here = อยากให้คุณอยู่ตรงนี้
  26. YMMD = You made my day = คุณทำให้วันนี้เป็นวันที่ดี
  27. TC = Take Care = ดูแลตัวเองนะ
  28. J/K = Just kidding = แค่ล้อเล่น
  29. LOL = Laughing out loud = ขำกลิ้ง หัวเราะหนักมาก
  30. OMG = Oh My God! = โอ้พระเจ้า
  31. OSM = Awesome = เจ๋งมาก
  32. GJ = Good job = ทำดีมาก
  33. GR8 = Great = ดีมาก
  34. WTF = What The F**K (เป็นคำสบถ)
  35. IDC = I don’t care = ฉันไม่สน
  36. NOYB = None of your business = ไม่ใช่ธุระของคุณ
  37. VS = Versus = ตรงข้ามกัน / ต่อสู้กัน
  38. DIY = Do it yourself = ทำด้วยตัวเอง
  39. TYT = Take your time = ไม่ต้องรีบร้อน
  40. 2nte = Tonight = คืนนี้
  41. 2moro = Tomorrow = พรุ่งนี้
  42. OMY / OTW = On my way / On the way = อยู่ระหว่างทาง
  43. W8 = Wait = รอ
  44. L8R = Later = ทีหลัง
  45. BRB = Be right back = เดี๋ยวกลับมา
  46. G2G = Got to go = ต้องไปแล้ว
  47. TTYL = Talk to you later = ไว้ค่อยคุยกัน
  48. CU = See you = แล้วเจอกัน
  49. TGIF = Thanks God, it’s Friday = ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้เป็นวันศุกร์
  50. R.I.P. = Rest in peace = สู่สุขคติ / พักผ่อนอย่างสงบ (ใช้กรณีไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต)

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


เผย 5 เทรนด์สำคัญขับเคลื่อนธุรกิจไทย ในปี 2567

Meta เผยผลการศึกษาในหัวข้อ ‘Bold Moves: Leading Southeast Asia’s next wave of consumer growth’ ซึ่งนำเสนอข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ เกี่ยวกับเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงในประเทศไทย โดยผลศึกษาดังกล่าวซึ่งจัดทำขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท Bain & Company ชี้ให้เห็นหลากหลายเทรนด์ที่ส่งผลต่อทิศทางภูมิทัศน์ของธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงเป้าหมาย ต่าง ๆ ที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ ภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจ และโอกาสในการเติบโตของตลาดในปีนี้

5 เทรนด์ประจำปี พ.ศ. 2567 ที่น่าจับตามองที่สุดสำหรับธุรกิจและนักการตลาดในประเทศไทย ประกอบด้วย

  1. อิทธิพลของ Gen Z: กลุ่มประชากร Gen Z ซึ่งเกิดระหว่างปี พ.ศ. 2539 – พ.ศ. 2555 กำลังก้าวเข้าสู่วัยที่เริ่มมีรายได้ เงินออม และรายจ่าย ซึ่งในปัจจุบัน เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มี Gen Z จำนวนกว่า 500 ล้านคน และในเวลาอีกไม่นาน ประชากรกลุ่มนี้จะมีอัตราส่วนถึง 1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาค จากการสำรวจล่าสุดของ Meta พบว่า Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มหลักที่ส่งอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย 82% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนออนไลน์อยู่แล้ว

    นอกจากนี้ ผลสำรวจจาก Meta Gen Z Shoppers – Thailand Report ก่อนหน้านี้ยังเผยว่า ในแต่ละเดือน 91% ของกลุ่มผู้บริโภควัย Gen Z ใช้งาน Facebook เพื่อรับข้อมูลข่าวสารและดูเนื้อหาสื่อต่าง ๆ ส่วน 85% ของ Gen Z มีการรับชมเนื้อหาต่าง ๆ ผ่าน Messenger และ 83% ใช้งานผ่านทาง Instagram ทำให้ Meta เป็นแหล่งที่มาของการเชื่อมต่อบนโลกโซเชียล ธุรกิจการค้า และการค้นพบที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับชาวไทยที่กำลังมองหาการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นที่มีความหมาย เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง
  2. การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียว (Solo Economy): ผลศึกษาดังกล่าวได้เผยว่าจำนวนครัวเรือนขนาดเล็กลงและครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วภูมิภาค ในปัจจุบัน จาก 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอัตราการเพิ่มของครัวเรือนแบบอยู่คนเดียวสูงที่สุด มี 3 ประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการอาศัยอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นถึง 20% ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    เช่น อัตราการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงความต้องการด้านการอยู่อาศัย สินค้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้พักอาศัยคนเดียวก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน รวมถึงรูปแบบการพักผ่อนและการเลือกรับสื่อก็ถูกคาดการณ์ไว้ว่าจะเปลี่ยนแปลงไป โดยความต้องการซื้อสินค้าขนาดเล็กจะเพิ่มสูงขึ้นและมีความถี่มากขึ้น และในอนาคต จะมีกลุ่มลูกค้าที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้นในการติดตามครีเอเตอร์ รวมไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบนโลกออนไลน์
  1. เทคโนโลยี AI: ในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เทคโนโลยี AI ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการพัฒนาเทคโนโลยี Generative AI โดยมีการคาดการณ์ว่าการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2567 และในอนาคต จากการที่วงการการตลาดและครีเอทีฟได้นำเทคโนโลยี Generative AI มาทดลองใช้ในหลากหลายขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การเขียนคำโฆษณา (copywriting) 

    ไปจนถึงการสร้างสรรค์แนวคิดเชิงครีเอทีฟในการเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น โดย Meta ก็ได้นำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนการพัฒนา Meta Advantage+ ซึ่งเป็นชุดผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นพร้อมอำนวยความสะดวกด้วยเครื่องมือในรูปแบบอัตโนมัติแก่นักโฆษณา โดย Meta ได้เปิดเผยว่า นักโฆษณาที่ใช้บริการบนแพลตฟอร์มของ Meta มากกว่า 50% มีการใช้เครื่องมือ Advantage+ Creative เพื่อปรับแต่งภาพและข้อความในโฆษณาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งแนวโน้มนี้คาดว่าจะยิ่งเติบโตมากขึ้นในอนาคต
  1. การส่งข้อความเชิงธุรกิจ (Business Messaging): ในแต่ละวันมีบทสนทนาระหว่างผู้ใช้งานทั่วไปกับธุรกิจบนแพลตฟอร์ม Meta กว่า 600 ล้านข้อความต่อวัน ผลศึกษาระดับโลกล่าสุดโดย Kantar ที่สนับสนุนโดย Meta เผยว่า 71% ของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเลือกที่จะส่งข้อความหาเพจธุรกิจมากกว่าการหาข้อมูลบนเว็บไซต์ และ 69% ของลูกค้าจะเลือกซื้อสินค้าหรือทำธุรกิจกับบริษัทที่สามารถติดต่อได้ผ่านการส่งข้อความ  

    นอกจากนี้ สำหรับในประเทศไทย การส่งข้อความเชิงธุรกิจยังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องอย่างสูง โดยจากผลสำรวจเผยว่า 81% ของคนไทยรู้สึกใกล้ชิดกับธุรกิจมากขึ้น เมื่อพวกเขาสามารถส่งข้อความหาธุรกิจได้โดยตรง และมีกว่า 78% ของคนไทยที่ใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์ส่งข้อความหาธุรกิจอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์

    และในปี พ.ศ. 2567 นี้ คาดว่าจะมีการให้บริการเครื่องมือและบริการใหม่ ๆ ผ่านการฟีเจอร์ส่งข้อความ เช่น เป็นการจองการเดินทาง การส่งปฏิทินนัดหมาย และการซื้อสินค้า นอกจากนี้ ผู้ช่วยที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI บนระบบแชตก็จะมีความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 
  2. วิดีโอขนาดสั้น: วิดีโอสั้นอย่าง Reels เป็นรูปแบบคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ตที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทั้งในด้านวัฒนธรรมและประชากรศาสตร์ จากการสำรวจผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 13-64 ปี ในภูมิภาคเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยทีมวิจัยการตลาดธุรกิจและธุรกิจอัจฉริยะ (Business Marketing Research and Intelligence) 

    ร่วมกับองค์กรวิจัย Factworks พบว่าผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z มีแนวโน้มที่จะติดตามธุรกิจมากขึ้น 77% แท็กแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ 72% หรือซื้อสินค้า 72% หลังจากการรับชม Reels นอกจากนี้ 84% ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคยังเคยแชร์ Reels ให้กับเพื่อนหรือครอบครัวอีกด้วย ปัจจุบันมีผู้ใช้ Reels กว่า 2 แสนล้านครั้งต่อวันบน Facebook และ Instagram นอกจากนี้ Reels ยังเพิ่มการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มมากขึ้นกว่า 40% โดยประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของโลกที่นิยมในการสร้างคลิปวิดีโอ Reels

ภูมิทัศน์ของโลกดิจิทัลยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และยังสร้างนิยามครั้งใหม่ให้กับวิธีการดำเนินธุรกิจบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน คุณแพร ดำรงค์มงคลกุล Country Director ประจำ Facebook ประเทศไทย จาก Meta กล่าวถึงแนวโน้มสำคัญในปี พ.ศ. 2567 ว่าจะเป็นปีที่ได้เห็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ปรับเปลี่ยนต่อการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายได้ทันท่วงทีท่ามกลางการแข่งขันสูง “สิ่งสำคัญที่นักการตลาดยังคงให้ความสนใจคือ

กลยุทธ์การทำการตลาดแบบองค์รวมและใช้ศักยภาพจากทุกมิติของการทำตลาดแบบ full funnel และทำให้แน่ใจว่าคุณค่าของแบรนด์และสิ่งที่แบรนด์นำเสนอนั้นตอบสนองกับความต้องการที่เปลี่ยนไปทั้งในแง่ของกลุ่มประชากรใหม่ ๆ ที่ก้าวเข้ามามีอิทธิพลในตลาดการค้า อย่าง Gen Z หรือกลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่คนเดียว

นอกจากนี้เรายังต้องคำนึงถึงช่องทางการสื่อสารและรูปแบบของมีเดียที่ใช้สื่อสารด้วย เรายังเห็นการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของ AI และศักยภาพที่จะเข้ามาช่วยนักการตลาดและแบรนด์พัฒนาประสิทธิภาพลและประสิทธิผลในแบรนด์และทุกขั้นตอนของการทำการตลาดตั้งแต่การนำ AI มาใช้ในเชิงครีเอเทฟเพื่อออกแบบชิ้นงานโฆษณาหรือนำมาช่วยเสริม performance ของแคมเปญการตลาด” 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คุณเปรียบเป็นสัตว์ตัวไหน เทียบได้กับเวลาตื่น และเวลานอน

รูปแบบการนอน พฤติกรรม และลักษณะนิสัย ล้วนแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับวัย ระดับกิจกรรม และสภาพแวดล้อมในการนอน พฤติกรรมเหล่านี้สามารถจัดกลุ่มได้ด้วย Chronotype หรือ จังหวะชีวภาพเฉพาะตัว ซึ่งกำหนดระดับความสดชื่นและความกระตือรือร้นของแต่ละคนตลอดทั้งวัน”

“Chrono” แปลว่า “เกี่ยวข้องกับเวลา” ส่วน “type” หมายถึง รูปแบบ หนึ่งในสี่รูปแบบหลักของ Chronotype ได้แก่ สิงโต โลมา หมาป่า และหมี แต่ละสัตว์เหล่านี้สอดคล้องกับบุคลิกภาพและระดับกิจกรรมของคน ประเภทไหน คือสายตื่นเช้า สายนกฮูก? ต้องงีบกลางวันไหม หรือลุยงานยาวๆ แล้วเข้านอนเร็ว ชอบโฟกัสและตั้งใจตอนเช้า หรือสิงสู่อยู่บนที่นอนอุ่นๆ จนถึงบ่าย? การรู้ Chronotype ของตัวเอง ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังช่วยให้เข้าใจความต้องการของร่างกายมากขึ้นด้วย”

“แทนที่จะฝืนธรรมชาติของร่างกายด้วยตารางการนอนที่ไม่เหมาะสม ทำไมไม่ลองยอมรับและปรับตัวตาม Chronotype ดูล่ะ? การรู้จักข้อดีข้อเสียของ Chronotype ส่วนตัว เริ่มต้นจากการรู้ว่าตัวเองเป็นประเภทไหนก่อนเลย”

หมี ชีวิตจะเดินตามแสงอาทิตย์ ตื่นเช้า นอนไว ไม่ค่อยงอแง แถมยังขยันสุดๆ ช่วงเช้า สายๆ นี่สมองโล่ง ทำงานลึกได้ยาวๆ แต่บ่ายแก่ หลังข้าวเสร็จปุ๊บ ตาค่อยๆ ปิด เริ่มง่วง

เวลาตื่นนอน : 7.00-8.00 น.
ทำงานหลักได้ดี : 10.00-14.00 น.
ทำงานเบาๆได้ : 14.00-16.00 น.
เวลาผ่อนคลาย : 16.00-22.00 น.
เตรียมตัวเข้านอน : 22.00 น.-23.00 น.
เข้านอน: 23.00-07.00 น.

คนประเภทหมีนี่มีประมาณ 55% เลยนะ สบายใจไป คนเยอะแยะ แต่ข้อเสียคือ แอบจะขี้เซา ถ้าอดนอน วันๆ ก็เบลอไปหมด แถมนอนเร็วกว่าปกติอีก แต่ข้อดีคือ คุยเก่ง สนุกสนาน เฮฮาไปทั้งวัน

หมาป่า ขออ้อนตื่นสายหน่อย เพราะพลังงานจะพุ่งสุดๆ สองรอบ รอบแรกเที่ยงวัน รอบสองเย็นๆ หกโมง กำลังดี (ส่วนคนอื่นเลิกงานกันหมดละ) สายค่ำตัวจริง แสงอาทิตย์ไม่ใช่ตัวปลุก แต่แสงไฟในห้องต่างหาก ตื่นเช้าแบบธรรมชาติเหรอ ฝันไปเถอะ  แต่เอ้า ดึกแค่ไหนไม่หวั่น แค่ได้ปล่อยของ แต่งเพลง เขียนนิยาย ยิงไอเดีย บรรเจิดไปยาวๆ จนถึงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง

เวลาตื่นนอน : 7.30-9.00 น.
ทำงานเบาๆ ได้ : 10.00-12.00 น.
ทำงานหลักได้ดี : 12.00-14.00 น.
ทำงานเบาๆ ได้อีกครั้ง : 14.00-17.00 น.
เวลาแห่งศิลปะ วาดรูป เล่นดนตรี : 17.00-21.00 น.
เวลาผ่อนคลาย : 21.00-22.00 น.
เตรียมตัวเข้านอน : 22.00 น.-00.00 น.
เข้านอน: 24.00-07.30 น.

มีคนที่เปรียบเป็นหมาป่าประมาณ 15 % คนประเภทนี้มักเก็บตัว

สิงโต เป็นคนที่สดชื่นที่สุดในตอนเช้า พลังงานพุ่งสูงสุดก่อนเที่ยง และมักจะทำงานเยอะมากก่อนมื้อกลางวัน การตื่นเช้าสำหรับสายสิงโตนั้นง่ายดายเหมือนลมพัด และทุกอย่างมักจะราบรื่นจนถึงเที่ยงวัน แต่พลังงานที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็มักจะลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

อาการเหนื่อยล้าช่วงบ่ายนั้นส่งผลกับกลุ่มนี้ค่อนข้างรุนแรง มักจะต้องการงีบเพื่อชาร์จพลัง และในตอนเย็นก็รู้สึกหมดแรง สิ่งสำคัญสำหรับสายสิงโตคือการมีกิจวัตรผ่อนคลายช่วงเย็นเพื่อช่วยคลายความเครียดจากวันนั้น ก่อนเข้านอนเร็วประมาณ 10 โมงเย็น โดยทั่วไป สายสิงโตต้องการนอนประมาณ 8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อรักษาระดับพลังงานสูงในตอนเช้า

เวลาตื่นนอน : 06.00-07.00 น.
ทำงานหลักได้ดี : 08.00-12.00 น.
ทำงานเบาๆได้ : 12.00-16.00 น.
เวลาผ่อนคลาย : 16.00-21.00 น.
เตรียมตัวเข้านอน : 21.00 น.-22.00 น.
เข้านอน: 22.00-06.00 น.

ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากรจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มสายสิงโต มักจะเห็นออกกำลังกายแต่เช้าและเป็นคนแรกๆ ที่มาถึงออฟฟิศ พวกเขาตื่นนอนเร็วและมีพลังงานล้นเหลือในช่วงชั่วโมงทองของตัวเอง บุคลิกภาพมักเป็นแบบ Type-A มุ่งมั่น ทะเยอทะยาน สายสิงโตมักใช้ประโยชน์จากเสน่ห์ของตัวเองและมักได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานให้เป็นผู้นำ

โลมา พวกมันนอนหลับโดยใช้สมองเพียงครึ่งซีกเท่านั้น เพื่อให้ตื่นตัวระวังภัยจากผู้ล่า โลมาตื่นเช้าได้ยาก แต่เมื่อเริ่มวัน พลังงานจะพุ่งสูงสุดช่วงสายๆ คล้ายกับสายนกฮูก โลมาแบกความเหนื่อยล้าเรื้อรังตลอดเวลา จากพฤติกรรมนอนที่น่ากังวล เช่น หลับยาก นอนหลับไม่สนิท สั้น ๆ ไม่เต็มอิ่ม การงีบช่วงบ่ายอาจช่วยเพิ่มพลังงานได้ โลมาจะหลับเมื่อร่างกายบังคับ ไม่ใช่หลับสนิทเต็มใจ ส่งผลให้หลับยากและคุณภาพการนอนไม่ดี แนะนำให้เข้านอนประมาณเที่ยงคืน ตื่นตอน 6 โมงเช้า

เวลาตื่นนอน : 06.00-07.30 น.
จัดการงานเบาๆ : 08.00-10.00 น.
ทำงานหลักได้ดี : 10.00-12.00 น.
จัดการงานเบาๆ :12.00-16.00 น.
เวลาผ่อนคลาย : 16.00-21.00 น.
เตรียมตัวเข้านอน : 22.00 น.-23.30 น.
เข้านอน: 24.00-06.30 น.

มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเท่านั้นที่จัดตัวเองอยู่ในกลุ่มสายโลมา พวกเขามักเป็นคนฉลาดและมักครุ่นคิดถึงความสำเร็จและความล้มเหลวของวันขณะนอนอยู่บนเตียง บุคลิกภาพของสายโลมาอาจถูกมองว่าดูเฉยเมยและไม่ค่อยสนใจระหว่างการเข้าสังคม

ทุกคนมีรูปแบบการนอนและตื่นที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อช่วงเวลาที่เราเกิดพลังงานสูงสุดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เราเรียกสิ่งนี้ว่า “chronotype” หรือ “รูปแบบนาฬิกาชีวิต” นั่นเอง การรู้จัก chronotype ของตัวเองนั้นมีข้อดีมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: คุณจะรู้ว่าช่วงเวลาไหนของวันสมองปลอดโปร่งที่สุด คุณจึงสามารถวางแผนงานสำคัญไปไว้ช่วงดังกล่าวได้ ทำให้ทำงานได้ลุล่วง คล่องตัว
  • ทำภารกิจสำเร็จลุล่วงมากขึ้น: การจัดตารางเวลาตาม chronotype ช่วยให้คุณมีพลังงานเหลือเฟือสำหรับการจัดการกับงานต่างๆ โดยแบ่งเวลาสำหรับงานยากๆ ไว้ช่วงพีค ส่วนงานเบาๆ ก็ไว้จัดการช่วงที่พลังงานเริ่มลดลง
  • รู้จักเวลาพักผ่อน: รู้ว่าช่วงไหนควรเติมพลังให้ตัวเอง นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ สิ่งเหล่านี้ส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/01/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,950.0034,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,199.0033,336.8434,550.00
ทองรูปพรรณ 90%1,979.1030,003.16n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,759.2026,669.47n/a
ทองรูปพรรณ 50%990.0015,008.40n/a
ทองรูปพรรณ 40%770.0011,673.20n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,279.0034,549.64n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/01/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.5535.5536.3535.5535.5535.5535.5535.5535.5535.55
แก๊สโซฮอล์ 9133.7833.7834.5833.7833.7833.7833.7833.7833.7833.78
แก๊สโซฮอล์ E2033.4433.4434.2433.4433.4433.4433.4433.4433.44
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.9447.5448.2447.5442.94
เบนซิน 9543.4444.6143.9443.5943.44
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6445.9443.6443.6441.54
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า