เสนาฯงัด3โมเดลปลุกดีมานด์เจนX-Y-Zเร่งระบายสต็อก แก้รีเจกต์เรต
- 54%ของประชากรรายได้ไม่เกิน3หมื่นบาทต่อเดือนซื้อบ้านได้ไม่เกิน3ล้าน
- เป็นกลุ่มที่สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยถึง50-70%
- คนรุ่นใหม่เป็น “Generation Rent” นิยมเช่ามากกว่าซื้อ
- คอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน3 ล้านเป็นพอร์ตหลักของเสนาฯ
จากปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงที่กำลังกระทบต่อสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างหนักและต่อเนื่อง “เสนา ดีเวลลอปเม้นท์” ซึ่งเป็นดีเวลลอปเปอร์ที่โฟกัสตลาดกลาง-ล่าง จึงยาก! ที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาปฏิเสธสินเชื่อ หรือ รีเจกต์เรตที่พุ่งสูงถึง 50% จำเป็นต้องเร่งปรับกลยุทธ์
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เสนาฯ ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด “POWER OF TOGETHER” พร้อมสร้างความแตกต่างจากดีเวลลอบเปอร์รายอื่นที่หันไปทำคอนโดมิเนียมหรือบ้านในเซ็กเมนต์ราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท
“เราไม่เชี่ยวชาญอย่างนั้นและเป็นเซ็กเมนต์ที่มีคนซื้อจำกัดอยู่บนพีระมิดมีจำนวนน้อยและคู่แข่งเยอะ จึงเลือกที่พัฒนาสินค้าตอบโจทย์คนกลุ่มใหญ่ โดยปรับกลยุทธ์เพื่อแก้ pain point เพราะหากทำเหมือนเดิมเผชิญปัญหาเดิม คือการถูกปฏิเสธสินเชื่อ จึงหันมาพัฒนารูปแบบของการซื้อที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย”
โดยเริ่มจากกลุ่มคนที่ไม่ต้องการเป็นหนี้ระยะยาว 30-40ปี ซึ่งเสนาฯ พัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่ม GEN X เปิดตัวในเดือน มี.ค.นี้ ส่วนอีกกลุ่มจะเป็น “Generation Rent” ถือเป็นกลยุทธ์การเปิดน่านน้ำใหม่ หรือ Blue Ocean ให้กับเสนาฯ เพื่อรองรับกับ สินทรัพย์(Asset) ที่มีอยู่แล้ว คือกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับราคา 1.5-2 ล้านบาทเหมือนเดิม
สำหรับเสนาฯ การเปิดน่านน้ำใหม่! เพื่อให้ออกแบบ Tailor madeให้เหมาะกับลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันมากขึ้น แม้ว่าคนอายุเท่ากัน แต่ไลฟ์สไตล์ของคนแยก Fragment มากขึ้นเพื่อไม่เสี่ยงจนเกินไป
พร้อมแก้ pain point คนรุ่นใหม่ กลุ่ม GEN Z ที่ไม่อยากกู้ และมีปัญหากู้ไม่ผ่านสูงถึง 50% ในกลุ่มคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลในต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของการพัฒนารูปแบบของการซื้อที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
เปรียบเสมือน “Financial Asset” ที่จะช่วยให้เป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายรวมทั้งตอบโจทย์ Generation Rent ในกลุ่ม Gen Y และ Z ที่เป็นเจ้าของบ้านได้ยากขึ้นจากราคาบ้านที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องสวนทางกับรายได้ในปัจจุบัน
ประกอบด้วย 3 รูปแบบ ได้แก่ RENT TO OWN (เช่าซื้อ) เป็นการให้เช่ากลุ่ม GenX, Y ที่ซื้อไม่ได้ ให้สามารถเช่ากับเสนาฯ โดยตรงในตลาดกลาง-ล่าง หากมีจำนวนมากในอนาคตสามารถเข้ารีทได้ NEW Financial Asset เพื่อรองรับ Gen Z เป็น Generation Rent ในระดับราคา 7,000-9,000 บาทต่อเดือนตามแหล่งงาน เช่น ห้วยขวาง สาทร ลาดพร้าว เป็นต้น จะเปิดตัวปลายเดือนมี.ค.นี้
และ GREEN BUNDLES SENA LOW CARBON+EV CAR เพื่อรองรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ที่สามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 3 เพื่อให้สามารถครอบคลุมหลายเซ็กเมนต์
โดยเริ่มจากโครงการคอนโดมิเนียมของเสนาฯ ที่มีอยู่ ในกลุ่มที่เป็นสต็อกหรือสินค้าพร้อมอยู่จำนวน 5,000-6,000 ยูนิต จากก่อนหน้านี้ ที่มีการพัฒนาธุรกิจ “เงินสดใจดี” ในปี 2566 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาผู้บริโภคที่ติด Reject Rate ให้สามารถกู้ได้
“กลยุทธ์ดังกล่าวนอกจากช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าแล้วยังเป็นการแก้ปัญหาให้กับเสนาฯ ในการช่วยระบายสต็อกคอนโดมิเนียมพร้อมโอนราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่มีอยู่ 5,000-6,000 ยูนิต คาดว่าจะต้องใช้เวลาระบาย 2-3 ปี วิธีนี้ทำให้การระบายสต็อกเร็วขึ้น”
เกษรา กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 ยังคงเป็นความท้าทายของแผนขับเคลื่อนธุรกิจ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ ยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือน ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นในรอบ 10 ปี ส่งผลให้สถาบันการเงินปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสูงถึง 70% ซ้ำเติมด้วยราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 1.5% ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเฉลี่ย 5-10%
“ปีนี้จึงถือเป็นปีที่ยาก ยุ่ง เยอะทั้งปัญหาและคู่แข่ง แต่เสนาฯ พร้อมที่ก้าวข้ามไปให้ได้ เน้นถึงพลังแห่งความร่วมมือของกลุ่มธุรกิจในเครือ ทั้ง SENA Development, SENX และ SENA Green Energy ที่พร้อมจะสนับสนุน และส่งเสริมซึ่งกันและกัน เปรียบเสมือน Power Of Together เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ”
สำหรับภาพรวมธุรกิจของเสนาฯ ในปีนี้ ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพักอาศัยตั้งเป้าหมายเปิด 17 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท เป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ และคอนโดมิเนียม 12 โครงการ ขณะที่ยอดขายปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 17,500 ล้านบาท และเป้าโอนที่ 12,700 ล้านบาท สำหรับธุรกิจบริหารโครงการและบริการ ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,400 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจพลังงานสะอาดเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
SCG HOME กางแผนรุกตลาดวัสดุตกแต่งและก่อสร้างบ้าน
SCG HOME เดินหน้ารุกตลาดวัสดุตกแต่งและก่อสร้างบ้านปี 67 พร้อมอัดแคมเปญแรง ”SCG HOME FEST เทศกาลลดครั้งใหญ่แห่งปี”และโรดโชว์งานบ้านและสวนปลายเดือนมีนาคมนี้
เอสซีจี โฮม (SCG HOME) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าวัสดุตกแต่งและก่อสร้างบ้าน ประกาศแผนงานรุกตลาดปี 2567 โดยในเดือนมีนาคม 2567 เตรียมอัดกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งแคมเปญและร่วมกิจกรรมโรดโชว์ โดยตั้งแต่วันที่ 16 -31 มีนาคม 2567 จะมีแคมเปญพิเศษ “SCG HOME Fest เทศกาลลดครั้งใหญ่เเห่งปี”
สำหรับไฮไลต์ของแคมเปญดังกล่าว จะนำสินค้ามาลดราคาสูงสุด 70 % โปรโมชันสินค้า 1 เเถม 1 พร้อมส่วนลดสินค้าทั้งร้านสูงสุด 24,000 บาท และเมื่อซื้อสินค้าครบตามเงื่อนไขแจกทองเพิ่ม สูงสุดอีกกว่า 17,500 บาท ที่ร้านเอสซีจี โฮม ทุกสาขา ทั่วประเทศรวมไปถึงช่องทางออนไลน์
นอกจากนั้นแล้วในช่วงระหว่างวันที่ ที่ 23 – 31 มีนาคม 2567 จะเข้าร่วมงานบ้านและสวนแฟร์ 2024 ที่จัดขึ้น ณ ไบเทค บางนา โดยภายในงานจะมีแคมเปญพิเศษพร้อมทั้งกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
ในเดือนมีนาคมนี้ เอสซีจี โฮม ยังจัดกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย อาทิ ชวนลูกค้ามาตกแต่งบ้านผ่าน Dance Challenge บนช่องทาง Tiktok โดยใช้แผ่นเสียงเพลง “เพื่อนข้างบ้าน” ที่ได้รับการ Re-arrange มาจากเพลง “แฟน” จากศิลปินวง Lipta นอกจากนั้นแล้ว เอสซีจี โฮม ยังได้เเจกฟรี สติกเกอร์ไลน์ น้องโฮมมี่ เพื่อนซี้ คนรักบ้าน สุดน่ารัก 8 แอ็กชัน สามารถดาวน์โหลดไว้ใช้ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2567 – 2 มิถุนายน 2567
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 6มี.ค. “ทรงตัว” ที่ระดับ 35.81 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวลักษณะ sideways down วันนี้ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 6มี.ค. 2567 ที่ระดับ 35.81 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวลักษณะ sideways down แต่ทว่า การแข็งค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดในโซนแนวรับ 35.70-35.80 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ข้อมูลตลาดแรงงาน รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้
นอกจากนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด เพราะถึงแม้ว่าเราจะประเมินว่า ประธานเฟดจะยังคงเน้นย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% (ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่ผู้เล่นในตลาดคาดหวัง)
แต่หากถ้อยแถลงของประธานเฟด รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดเริ่มเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด (เลื่อนการเริ่มลดดอกเบี้ยไปจากการประชุมเดือนมิถุนายน) หรือเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาด ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น
ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจยิ่งกดดันให้ตลาดขายหุ้นเทคฯ ใหญ่สหรัฐฯ ทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงและหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ไม่ยาก โดยในกรณีดังกล่าวนั้น เงินบาทก็มีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ แต่ในทางกลับกัน หากถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่ได้สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับตลาด อีกทั้งรายงานข้อมูลการจ้างงานก็ชะลอลงมากขึ้น ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อบ้าง ทำให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ลุ้นว่าจะทะลุโซนแนวต้าน 35.70 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ (แนวรับสำคัญถัดไปแถวโซน 35.50 บาทต่อดอลลาร์)
เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.70-36.00 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 35.75-35.88 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ เนื่องจากเงินดอลลาร์ก็สามารถรีบาวด์ขึ้นบ้าง ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ผู้เล่นในตลาดทยอยลดความเสี่ยง ด้วยการขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ (The Magnificent 7) ก่อนรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) มากขึ้น ท่ามกลางแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นำโดย Microsoft -3.0%, Apple -2.8% โดยผู้เล่นในตลาดอาจทยอยลดความเสี่ยงลงบ้าง ก่อนรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสและรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.65% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.02%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลงต่อเนื่อง -0.23% ตามแรงขายหุ้นธีมการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับท่าทีของรัฐบาลจีนที่ไม่ได้ส่งสัญญาณออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่อย่างที่ตลาดคาดหวัง ส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่มแบรนด์เนม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ต่างปรับตัวลดลง อาทิ Hermes -1.5%, Rio Tinto -1.3% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ อาทิ ASML -1.5%
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยย่อตัวลงสู่ระดับ 4.15% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ออกมาแย่กว่าคาด ขณะเดียวกันบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ซึ่งภาพดังกล่าวก็สอดคล้องกับมุมมองของเรา ที่ประเมินว่า
หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนภาพการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ตาม Dot Plot ล่าสุด ทำให้ การปรับตัวขึ้นต่อของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
เช่น ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 4.50% อาจเกิดขึ้นได้ยาก และถ้าจะเกิดขึ้นได้นั้นอาจต้องอาศัยมุมมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 3 ครั้ง หรือ ไม่ลดดอกเบี้ยลงเลย ดังนั้น Risk-Reward ของการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวก็ยังคุ้มค่าอยู่ ทำให้เราคงมองว่า นักลงทุนสามารถทยอยเพิ่มสถานะการลงทุนได้ หรือนักลงทุนอาจรอจังหวะ Buy on Dip ก็ได้เช่นกัน (อาจเน้นทยอยเข้าซื้อในโซน บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เหนือระดับ 4.20%)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยเงินดอลลาร์เผชิญกดดันอยู่บ้าง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาดและการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังพอช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นได้
อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 103.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.6-104 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะย่อตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กอปรกับภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ยังพอช่วยให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) สามารถทรงตัวเหนือระดับ 2,130 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ แม้ว่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาดออกมาบ้างก็ตาม
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นอย่างใกล้ชิด คือ ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) รวมถึงยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในวันศุกร์นี้ได้ และ
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) พร้อมกับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งจะช่วยในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า
เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.83-35.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.17 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยแม้เงินบาทจะเคลื่อนไหวเป็นกรอบ แต่มีโอกาสขยับอ่อนค่าลงในระหว่างวันตามทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย นำโดย เงินหยวนซึ่งมีปัจจัยลบจากความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่ยังเปราะบางและตลาดคาดหวังการผลักดันมาตรการกระตุ้นที่ชัดเจนจากทางการจีน
นอกจากนี้แรงขายเงินดอลลาร์ฯ น่าจะชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดรอติดตามสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินจากสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้อย่างใกล้ชิด
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 35.75-35.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ การเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค สุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.ของ ADP ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนม.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟด
ขอบคุณข้อมูจาก thansettakij.com
“วิว กุลวุฒิ” ปราบ “ไบรอัน หยาง” ลิ่วรอบสองแบดมินตันเฟรนช์ โอเพ่น
“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ แชมป์โลกชายเดี่ยว 2023 และมือ 8 ของโลก ต้องเล่นถึง 3 เกม กว่าจะบดเอาชนะ ไบรอัน หยาง มือ 22 ของโลก จากแคนาดา 2-1 เกม ผ่านเข้ารอบสองชายเดี่ยวแบดมินตัน เฟรนช์ โอเพ่น 2024 ที่ฝรั่งเศสได้สำเร็จ
การแข่งขันแบดมินตันรายการ โยเน็กซ์ เฟรนช์ โอเพ่น 2024 ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ชิงเงินรางวัลรวม 850,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,600,000 บาท ที่อาดิดาส อารีน่า ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันอังคารที่ 5 มี.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบแรก
ประเภทชายเดี่ยว รอบแรก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 8 ของโลก พบกับ ไบรอัน หยาง มืออันดับ 22 ของโลกจากแคนาดา
เกมนี้ วิว กุลวุฒิ ต้องออกแรงเหนื่อยถึง 3 เกมก่อยจะเฉือนชนะไปอย่างหวุดหวิด 2-1 เกม 21-13,13-21,22-20 ใช้เวลาแข่งขันไป 81 นาที “วิว” กุลวุฒิ ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับ หลิน ชุนยี่ มืออันดับ 21 ของโลกจากไต้หวัน ที่เอาชนะ เคนตะ นิชิโมโตะ มืออันดับ 11 ของโลกจากญี่ปุ่น มาได้ 2-1 เกม 16-21,21-15,21-5
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 16 ของโลก แพ้ให้กับ อัน เซยอง มืออันดับ 1 ของโลกจากเกาหลีใต้ ไปอย่างขาดลอย 0-2 เกม 10-21 ,8-21
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
วิธีสังเกตอาการ “โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง” หากมีอาการ ควรรีบพบแพทย์
บางคนอาจจะเคยพบเห็นผู้เฒ่าผู้แก่ หรือแม้กระทั่งวันทำงาน มีอาการผิดปกติ เช่น กล้ามเนื้อกระตุก ควบคุมอวัยวะต่างๆ ลำบาก การพูดการกลืนก็ผิดปกติ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายของโรค “กล้ามเนื้ออ่อนแรง“
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คืออะไร
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) คือ จัดเป็นโรคที่พบมากที่สุดในกลุ่มโรคเสื่อมของเซลล์ควบคุมกล้ามเนื้อ ทั้งในส่วนของสมอง และไขสันหลัง โดยมีอาการกล้ามเนื้อเกร็ง กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบเล็กลงเรื่อยๆ บริเวณมือ แขน ขา หรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน และจะค่อยๆ เป็นมากขึ้น จนลามไป ทั้ง 2 ข้าง ร่วมกับมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งหรือกล้ามเนื้อกระตุก ต่อมาจะมีอาการพูดลำบาก กลืนลำบาก หายใจติดขัดและหอบเหนื่อยจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจอ่อนแรง จนกระทั่งเสียชีวิต
อาการโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ส่วนใหญ่ร้อยละ 75 จะพบอาการเริ่มแรกที่แขน ขา ข้างใดข้างหนึ่งก่อน ร้อยละ 25 ผู้ป่วยที่แสดงอาการครั้งแรกด้วยการกลืนหรือพูดลำบาก ส่วนสาเหตุการเกิดโรคที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่าประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วยเกิดจากพันธุกรรม โรคดังกล่าวมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ส่วนใหญ่เกิดในช่วงอายุ 40-60 ปี
วิธีการสังเกตอาการโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ แขน หรือ ขา หรือมีอาการกลืนลำบาก เสียงเปลี่ยน ร่วมกับอาการกล้ามเนื้อลีบและกล้ามเนื้อเต้นกระตุก โดยอาการอ่อนแรงจะค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษา โดยแพทย์อายุรกรรมสาขาประสาทวิทยาที่มีประสบการณ์ จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยการตรวจเส้นประสาทและกล้ามเนื้อด้วยคลื่นไฟฟ้า
ทั้งนี้ การดูแลรักษาผู้ป่วยโรคนี้เป็นการรักษาแบบประคับประคอง ส่วนยาในปัจจุบันที่มีการยอมรับในวงการแพทย์ ช่วยชะลอการดำเนินของโรคได้มีเพียงยา Riluzole โดยมีฤทธิ์ในการยับยั้งสารกลูตาเมต ซึ่งเป็นสารสื่อประสาท ชนิดหนึ่งซึ่งถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เกิดการตายของเซลล์
นอกเหนือจากการใช้ยาสำหรับ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้ว การให้กำลังใจผู้ป่วยไม่ให้เกิดการท้อแท้และส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งให้ผู้ป่วยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมและทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อส่วนที่อ่อนแรง เพื่อป้องกันการลีบที่เกิดจากภาวะที่กล้ามเนื้อไม่ได้ใช้งานนาน ๆ และป้องกันการติดของข้อ การรับประทานอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ
หากผู้ป่วยมีปัญหานอนราบไม่ได้หรือเหนื่อย เนื่องจากกล้ามเนื้อกระบังลมอ่อนแรง การใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดไม่ใส่ท่อช่วยหายใจที่บ้าน จะทำให้ผู้ป่วยนอนได้ไม่เหนื่อย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การเขียนอีเมลภาษาอังกฤษ แบบมืออาชีพ ใน 5 สถานการณ์ที่พบบ่อย
ในการติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกับชาวต่างชาติให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการติดต่อสื่อสารคือ การเขียนอีเมลภาษาอังกฤษ เพื่อสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ และให้การซื้อขายเป็นทางการและมีหลักฐานสำหรับใช้ในการยืนยันการสั่งซื้อสินค้าและบริการ รวมถึงการชำระเงินให้ถูกต้องตรงตามที่ระบุในอีเมล เรามาลองดูสถานการณ์ที่พบบ่อยในการเขียนอีเมลภาษาอังกฤษ โดยเราจะนำเสนอ 5 สถานการณ์ที่ต้องพบเจอเป็นประจำ จะได้เขียนอีเมลกันได้อย่างถูกต้อง สื่อสารกันได้เข้าใจ ดังนี้
- ติดต่อลูกค้าธุรกิจครั้งแรก
- ขอโทษเมื่อมีบางอย่างผิดพลาด
- แสดงความเสียใจกับข่าวร้าย
- แสดงความขอบคุณ
- การร้องเรียน ตำหนิสินค้าและบริการ
1. ติดต่อลูกค้าธุรกิจครั้งแรก
ในการเขียนอีเมลติดต่อลูกค้าเป็นครั้งแรก ควรเขียนอีเมลแนะนำตัวเพื่อสร้างโอกาสให้ลูกค้าได้ตอบอีเมลกลับหรือนัดหมายกับคุณได้ ในการเขียนอีเมลเพื่อยืนยันกันมีหลักฐานในการนัดหมายอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ในอีเมลควรแนบ company profile ให้กับทางบริษัทได้พิจารณาก่อน เพื่อการตอบรับนัดหมายอย่างเป็นทางการได้
ตัวอย่างการเขียนอีเมลติดต่อลูกค้าธุรกิจครั้งแรก
Dear Mike,
As I called today to discuss. My name is Helen as a marketing consultant for an online marketing company to do online marketing for various businesses. Today we ask for permission to write an email to make an appointment with you in order to meet and introduce the service that the company has prepared for you, that can help your company grow and outperform the competition.
I have attached the company profile for consideration and please consider the appointment date for me to explain the services that the company provides to you.
Best regards,
Helen.
ตัวอย่างคำศัพท์และประโยค ติดต่อลูกค้าธุรกิจครั้งแรก
คำศัพท์ติดต่อลูกค้าธุรกิจครั้งแรก— make an appointment, available, convenient.
ประโยคติดต่อลูกค้าธุรกิจครั้งแรก – Would it be possible to make an appointment with you tomorrow? , I would like to make an appointment with you for a business discussion.
2. ขอโทษเมื่อมีบางอย่างผิดพลาด
การเขียนอีเมลกล่าวคำขอโทษเมื่อมีบางอย่างผิดพลาด เป็นการเขียนแสดงความจริงใจในการกล่าวคำขอโทษต่อลูกค้าที่ทางบริษัทอาจจะส่งสินค้าล่าช้าหรือชำรุดเสียหายไป จะต้องแสดงความเสียใจอย่างมากต่อความผิดพลาด
ตัวอย่างการเขียนอีเมลกล่าวคำขอโทษเมื่อมีบางอย่างผิดพลาด
Dear Mike,
We wrote this email to say our deepest apologies for the late delivery. The reason is the transport vehicle has an accident on the way to deliver the goods to you. We are extremely sorry for the delay in our delivery and the inconvenience caused to you. Please accept our sincere apologies for the error in our invoice. We are so sorry if we have caused you any inconvenience.
Best regards,
Helen
ตัวอย่างคำศัพท์และประโยคแสดงการขอโทษ
คำศัพท์แสดงการขอโทษ: deepest apologies, very sorry, I’m terribly sorry.
ประโยคแสดงการขอโทษ: We apologize for the delay in responding to your email., Please accept our sincere apologies for the mistake, we’re so sorry for keeping you waiting. , We apologize for any inconvenience caused.
3. แสดงความเสียใจกับข่าวร้าย
การเขียนอีเมลแสดงความเสียใจกับข่าวร้าย เป็นการเขียนแสดงความรู้สึกเสียใจ เห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่สูญเสีย จะต้องเขียนไปบอกกล่าวถึงความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งด้วยตัวท่านเอง และบอกกล่าวถึงการเสนอความช่วยเหลือใด ๆ หากช่วยเหลือได้ โปรดแจ้งกลับมาทันที
ตัวอย่างการเขียนอีเมลแสดงความเสียใจ
Dear Mike,
I have just heard with deeply regret of the death from cancer disease of your grandmother yesterday. I am shocked and deeply regret your grandmother. Please accept our sincere sympathy. If there is anything we can help with, please let us know immediately.
Best regards,
Helen.
ตัวอย่างคำศัพท์ และ ประโยค แสดงความเสียใจ
คำศัพท์แสดงความเสียใจ: terribly sorry, condolences, sorrow, grieve for, deepest regret.
ประโยคแสดงความเสียใจ: Please accept our deepest condolences.
4. แสดงความขอบคุณ
การเขียนอีเมลแสดงความขอบคุณนั้น เป็นการเขียนเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ ซึ่งการขอบคุณก็มีหลายโอกาส ไม่ว่าจะขอบคุณทั่วไป ขอบคุณที่ได้รับการช่วยเหลือ ขอบคุณเมื่อมีคนมาช่วยให้บรรลุเป้าหมายหรือผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ตัวอย่างการเขียนอีเมลแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
Dear Mike,
We are writing to you by email to say my deepest gratitude for helping us through the recent great floods. The flood had entered our house, damage all items no longer available. You have provided us with assistance in this event. From the bottom of my heart. Thank you. We couldn’t have pulled this off without you, we’re really grateful for your help. We will never forget your gratitude for helping us this time.
With respect and best regards,
Helen.
คำศัพท์และประโยคแสดงความขอบคุณ
คำศัพท์แสดงความขอบคุณ: deepest gratitude, really grateful, really appreciate.
ประโยคแสดงความขอบคุณ: Thank you for helping us, Thank you for being such a great leader, Thanks again for taking the time to explain this.
5. การร้องเรียน ตำหนิสินค้าและบริการ
การเขียนอีเมลในการร้องเรียนตำหนิสินค้าและบริการ เนื่องจากได้ทำการสั่งสินค้าทางเว็บไซต์และเมื่อทางบริษัทส่งมา พบว่าเครื่องไม่ทำงาน เปิดไม่ได้ จึงเขียนอีเมลร้องเรียนตำหนิสินค้าที่ส่งมาใช้งานไม่ได้ และต้องการสินค้าชิ้นใหม่ส่งกลับคืนมาทันที
ตัวอย่างการเขียนอีเมลร้องเรียน ตำหนิสินค้าและบริการ
Dear Mike,
I am writing you an email because I want to complain to you. Since I received the laptop you sent us, it appears that the device is not working, can’t turn on. I don’t understand if the company has checked before sending the device or not.
So please replace the new notebook immediately. And please check the operation of the laptop before sending it to me.
Best regards,
Helen.
ตัวอย่างคำศัพท์และประโยคร้องเรียน ตำหนิสินค้าและบริการ
คำศัพท์แสดงการร้องเรียน ตำหนิสินค้าและบริการ – complain, grumble, croak.
ประโยคแสดงการร้องเรียน ตำหนิสินค้าและบริการ – The goods were faulty/damaged/in poor condition. , I’m afraid that the enclosed clock doesn’t work.
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน Cell Broadcast Service บนเครือ AIS ให้บริการแล้ววันนี้
อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยเองก็มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝันมาหลายต่อหลายเหตุการณ์แล้ว แต่ระบบแจ้งเตือยังไม่มีเพื่อให้บอกกับคนที่อยู่บริเวณนั้นๆ เลย ระบบที่ว่ามีชื่อว่า Cell Broadcast Service (CBS)
ล่าสุด AIS ได้เปิดตัว ระบบเตือนภัยผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ผ่าน Cell Broadcast Service พร้อมสาธิตการใช้งานระบบเตือนภัย อย่างเป็นทางการ โดยมี กสทช. มาอยู่ในที่งานนี้เพื่อเป็นการประกาศความรวมมือที่ดีอีกครั้ง สำหรับรอบนี้เราจะมาดูว่าระบบนี้ ทำงานอย่างไร และ มันคืออะไร เพื่อให้รู้ประโยชน์เต็มที่กันครับ
ระบบเตือนภัย Cell Broadcast Service คืออะไร
สำหรับระบบการแจ้งเตือนภยของมือถือนอกจากชื่อ Cell Broadcast Service ซึ่งในหลักสากลถูกเรียกอีกชื่อว่า Emergency Alerts System (EAS)
โดยระบบดังกล่าวนั้นจะทำงานกับมือถือ ซึ่งจะสอดคล้องกันระหว่าง หน่วยงานกำกับเช่นในไทยคือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะทงาำงานผู้ให้บริการ พร้อมจะส่งการแจ้งเตือน ซึ่งสามารถเลือกข้อความและสุานกดารณต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน
การทำงานของระบบ Cell Broadcast Service
สำหรับโครงสร้างของระบบนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ
- ฝั่งที่ 1 : ดำเนินการและดูแล โดย ศูนย์บัญชาการกลางของภาครัฐ ผ่านระบบ Cell Broadcast Entities (CBE) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการกำหนดเนื้อหาและพื้นที่ในการจัดส่งข้อความ ประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการระบบ (Administrator), การจัดการข้อความที่จะสื่อสาร (Message Creator ) และ การอนุมัติยืนยันความถูกต้อง (Approver)
- ฝั่งที่ 2 : ดำเนินการและดูแล โดย ผู้ให้บริการโครงข่าย ผ่านระบบ Cell Broadcast Center (CBC) ซึ่งเป็นระบบที่ทำหน้าที่นำเนื้อหาข้อความ ไปจัดส่งในสถานีฐานตามพื้นที่ที่กำหนดได้อย่างถูกต้อง โดยจะประกอบไปด้วย การบริหารระบบและการตั้งค่า (System & Configuration), การส่งต่อข้อความสื่อสารที่ได้รับมาผ่านโครงข่าย (Message Deployment Function) และ การบริหารโครงข่ายสื่อสาร (Network Management)
ทั้งนี้การทำงานจะเกิดความรวดเร็วจะต้องประสานกัน โดยภาครัฐฯ หากมีเหตุอะไรที่จำเป็น ก็สามารถส่งระบบจัดการให้กับผู้ให้บริการได้เลย ซึ่งระบบการแจ้งเตือนจะมีทั้งเสียงและข้อความ โดยผู้ให้บริการสามารถตั้งค่าให้แสดงผลข้อความแบบไหนก็ได้ ภาษาอะไรก็ได้, รูปแบบและเสียง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น
เตือนภัยแผ่นดินไหว จะมีข้อความและรูปตึก ซึ่งจะเป็นรูปแบบเดียวกันกับสึนามิเช่นเดียวกัน
การแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน จะไม่มีรูปขึ้น แต่จะมีข้อความ บอกในบริเวณนั้นๆ
ทั้งนี้ระบบ Cell Broadcast Service จะทำงานโดยมีเงื่อนไขการทำงานง่ายๆ คือ
- ใช้เครือข่ายอะไร 2G, 3G, 4G, 5G, CDMA ก็ส่งได้
- หนึ่งข้อความที่ส่งสามารถเข้าถึงได้จำนวนมากเป็นล้านเครื่องไม่กี่วินาที
- ข้อความนี้มาตามคลื่นวิทยุโดยไม่ต้องทราบเบอร์ก็ได้
- หน่วนงานส่งได้เลยไม่ต้องผ่านให้บริการ
- สัญญาณอ่อนก็ส่งได้
- ขอเพียงคุณอย่าปิดเครื่องก็เพียงพอแล้ว
ประโยชน์ที่คุณจะได้รับ
การที่มีระบบ Cell Broadcast Service หรือการเตือนภัย ผ่านมือถือหากมีเหตุร้ายหรือภัยต่างๆ ในระแวกนั้นจะทำให้เกิดการรู้ข้อมูลที่รวดเร็ว เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ได้ทัน พร้อมกับลดความสูญเสียลงได้เช่นเดียว
ดังนั้นเมื่อได้รับข้อมูลเหล่านี้อย่าเพิ่งถ่ายภาพกับระบบแจ้งเตือน ควรจัดการกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของคุณ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคุณจะดีกว่า
การเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ถือว่าเป็นก้าวที่ดี เพราะทาง GSMA ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกอยากให้ทั่วโลกมีระบบนี้ภายในปี 2027 ซึ่งประเทศไทยเตรียมพร้อมและถือว่าเร็วพอสมควร
อย่างไรก็ตามคาดว่าผู้ให้บริการที่เหลือก็จะมีการเปิดตัวระบบนี้เช่นเดียวกันครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ห้ามเก็บใบโหระพาในตู้เย็น? แล้ววิธีเก็บใบโหระพามีอะไรบ้าง
ผักบางชนิดไม่แนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็นเนื่องจากจะทำให้ช้ำ เสียง่าย หรือส่งผลต่อผัก ผลไม้ประเภทอื่น สำหรับใบโหระพาบางคนบอกว่าไม่แนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็นโดยตรง เนื่องจากจะทำให้ช้ำ ดำ ร่วงได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วเราสามารถเก็บใบโหระพาไว้ในตู้เย็นได้ เพียงแต่ต้องมีเทคนิค และนี่คือวิธีเก็บใบโหระพาในตู้เย็น พร้อมทั้งวิธีการเก็บใบโหระพาแบบอื่นๆ
วิธีเก็บใบโหระพาในตู้เย็น
ใบโหระพาสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ แต่ไม่ควรแช่ในตู้เย็นโดยตรง เพราะจะทำให้ใบโหระพาดำ ช้ำ และร่วงง่าย วิธีเก็บรักษาใบโหระพาในตู้เย็นที่ถูกต้อง คือ
- เด็ดใบโหระพาจากต้น ล้างทำความสะอาดให้สะอาด
- สะเด็ดน้ำให้แห้ง
- ใส่ใบโหระพาลงในถุงพลาสติก มัดปากถุงให้แน่น ให้มีลมอยู่ในถุงบ้าง
- นำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา
วิธีนี้จะช่วยให้ใบโหระพาสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-5 วัน
นอกจากนี้ยังสามารถเก็บรักษาใบโหระพาด้วยวิธีอื่นได้ เช่น
- แช่ก้านโหระพาในน้ำ วิธีนี้จะช่วยให้ใบโหระพามีความสดใหม่อยู่ได้นานกว่า 1 สัปดาห์ โดยนำใบโหระพามาล้างทำความสะอาดให้สะอาด ใส่ก้านโหระพาลงในภาชนะที่มีน้ำสะอาด เปลี่ยนน้ำทุก ๆ 1-2 วัน
- ปั้นเป็นก้อนกลมแช่แข็ง วิธีนี้จะช่วยให้ใบโหระพาสามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือน โดยนำใบโหระพามาเด็ดล้างทำความสะอาดให้สะอาด นำไปลวกในน้ำเดือดเพียง 3-5 วินาที จากนั้นนำลงแช่ในน้ำเย็นจัด บีบน้ำออกให้แห้ง ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ใส่ถุงซิปล็อกหรือกล่องที่ปิดสนิท แล้วนำไปแช่แข็ง
วิธีเก็บรักษาใบโหระพาที่เหมาะสม จะช่วยให้ใบโหระพามีความสดใหม่อยู่ได้นาน และสามารถนำมาปรุงอาหารได้อย่างอร่อย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 06/03/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 35,950.00 | 36,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,329.00 | 35,307.64 | 36,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,096.10 | 31,776.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,863.20 | 28,246.11 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,048.00 | 15,887.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 815.00 | 12,355.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,413.00 | 36,581.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/03/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.15 | 38.15 | 38.45 | 38.15 | 38.15 | 38.15 | 38.15 | 38.15 | 38.15 | 38.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.38 | 36.38 | 36.88 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.04 | 36.04 | 36.58 | 36.04 | 36.04 | – | 36.04 | 36.04 | 36.04 | 36.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.79 | 35.79 | – | – | – | – | – | – | – | 35.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.84 | 49.44 | 49.44 | 49.44 | – | – | – | – | – | 45.84 |
เบนซิน 95 | 46.04 | – | – | – | 47.21 | – | 46.54 | 46.19 | – | 46.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.84 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |