ส่อง5ทำเล“ขายดี-เหลือขาย”ภาคอีสาน‘ม.ขอนแก่น’ขายดี‘จอหอ’ขายอืด
ส่อง5ทำเล“ขายดี-เหลือขาย”ภาคอีสาน ทำเล‘ม.ขอนแก่น’ขายดี มีหน่วยขายได้สูงสุด‘จอหอ’ขายอืด ระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 2-3ล้านบาท มีจำนวนถึง 3,591 หน่วย มูลค่า 9,413 ล้านบาท
หนึ่งในเป้าหมายของการเคลื่อนทัพของค่ายอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากส่วนกลางสู่ภูมิภาค คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน เป็นพื้นที่ที่มีความพิเศษหลายด้าน โดยมีพื้นที่มากที่สุดกว่า 160,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 1 ใน 3 ของประเทศ มีพื้นที่เพาะปลูกสูงถึง 43% ของประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ เช่น มันสำปะหลังอ้อย ข้าว และยางพารา และมีขนาดประชากร 1 ใน 3 ของประเทศ กว่า 22 ล้านคน
อีกทั้งภาคอีสานอยู่ในจุดที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเป็นประตูเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีศักยภาพการเติบโตสูงได้อย่างดี “จุดแข็ง”เหล่านี้ ทำให้ภาคอีสานจะเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญในการดึงดูด“การลงทุน” และมีบทบาทช่วยขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจใหม่ และยังเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และหน่วยงานวิจัยจำนวนมาก
การสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ครึ่งหลังปี 2566 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2566 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 2,213 หน่วย มูลค่า 8,104 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,553 หน่วย มูลค่า 5,917 ล้านบาท และอาคารชุดเพียง 660 หน่วย มูลค่า 2,187 ล้านบาท
ทำเลที่มีหน่วยขายได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 ม.ขอนแก่น จำนวน 525 หน่วย มูลค่า 860.3 ล้านบาท
อันดับ 2 จอหอ จำนวน 208 หน่วย มูลค่า 706 ล้านบาท
อันดับ 3 หัวทะเล จำนวน 160 หน่วย มูลค่า 421.5 ล้านบาท
อันดับ 4 บ้านเป็ด จำนวน 140 หน่วย มูลค่า 643.4 ล้านบาท
อันดับ 5 นิคมลำตะคอง จำนวน 136 หน่วย มูลค่า 781.4 ล้านบาท
5 ทำเล ที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายมากที่สุดใน 5 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อันดับ 1 ทำเลจอหอ จำนวน 1,406 หน่วย มูลค่า 4,490 ล้านบาท
อันดับ 2 ทำเลในเมืองนครราชสีมา จำนวน 1,034 หน่วย มูลค่า 4,451 ล้านบาท
อันดับ 3 ทำเลม.ขอนแก่น จำนวน 1,023 หน่วย มูลค่า 1,934 ล้านบาท
อันดับ 4 ทำเลบ้านใหม่-โคกกรวด จำนวน 980 หน่วย มูลค่า 2,888 ล้านบาท
อันดับ 5 ทำเลบ้านเป็ด จำนวน 835 หน่วย มูลค่า 4,097 ล้านบาท
ระดับราคาที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุดคือ 2-3ล้านบาท มีจำนวนถึง 3,591 หน่วย มูลค่า 9,413 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
สัมมากร งัดกลยุทธ์’Affiliate’ ดึงครีเอเตอร์ปั้นคอนเทนต์จับคนรุ่นใหม่
สัมมากร งัดกลยุทธ์’Affiliate’ดึงครีเอเตอร์ปั้นคอนเทนต์จับคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์จากเหล่าครีเอเตอร์ที่มีความสร้างสรรค์ตามแบบฉบับของแต่ละบุคคล นำร่อง8 โครงการที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ในปัจจุบันมีความต้องการที่จะหารายได้มากกว่าหนึ่งช่องทาง จากการเติบโตของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจำนวนมากที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครีเอเตอร์และสร้างสรรค์คอนเทนต์ลงในช่องทางของตนเองจนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้ จึงส่งผลให้การหารายได้มากกว่าหนึ่งช่องทางไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนึ่งในนั้นคือการทำ ‘Affiliate’ ที่ครีเอเตอร์ทุกคนสามารถเป็นตัวแทนขายสินค้าได้ผ่านทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ล่าสุด”สัมมากร”ดีเวลลอปเปอร์ที่อยู่มานานกว่า54ปีได้ใช้กลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า Affiliate Marketing เพื่อขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่
ณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทต้องการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้รู้จักและเข้าใจในแบรนด์ของสัมมากรมากขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่ก็คือลูกค้าในอนาคต ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสัมมากรจะเข้าไปเป็นแบรนด์ Top of Mind ของคนรุ่นใหม่ได้
จึงพัฒนาโปรแกรม’Affiliate by Sammakorn’ ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เหล่าครีเอเตอร์ได้รู้จักมากขึ้นและร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับสัมมากรไปจนถึงเหล่าผู้ติดตามที่จะได้รู้จักสัมมากรมากขึ้นผ่านคอนเทนต์ใหม่เเละการสื่อสารที่หลากหลายรูปเเบบจากเหล่าครีเอเตอร์ที่มีความสร้างสรรค์ตามแบบฉบับของแต่ละบุคคล
“Affiliate by Sammakorn” เป็นโปรแกรมสร้างราย สำหรับครีเอเตอร์ร่วมสร้างคอนเทนต์โปรโมทโครงการของ “สัมมากร” ที่เข้าร่วม พร้อมแนบลิงก์ที่ได้รับจากบริษัท เผยแพร่ในช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเอง และหากมีคนทําสัญญาและโอนกรรมสิทธิ์จากลิงก์ที่นําไปโปรโมท “สัมมากร” จะมอบค่าแนะนำสูงสุดถึง 50,000 บาท เเละเมื่อนำลิงก์ที่ได้ไปโปรโมทเเล้ว สามารถติดตามรายงานผลที่ทาง “สัมมากร” จะส่งอัพเดตให้ในทุกสัปดาห์
ปัจจุบันมีโครงการที่เข้าร่วมมีทั้งหมด 8 โครงการที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ได้แก่ อนาพนา ลาดกระบัง, สัมมากร รังสิต คลอง 7, ไพร์ม 7 รังสิต นครนายก, มิตติ ชัยพฤกษ์-วงแหวน, มิตติ ราชพฤกษ์ 346, มิตติ ลำลูกกา-คลอง 6, สัมมากร อเวนิว รามอินทรา-วงแหวน และสัมมากร อเวนิว สุวรรณภูมิ
จุดเด่นของบ้าน “สัมมากร” นั้นยังเอื้อให้ผู้สมัคร Affiliate สามารถทำคอนเทนต์โปรโมทได้ง่าย เพราะจากคุณภาพบ้านที่ใส่ใจทั้งด้านดีไซน์ การจัดสรรพื้นที่และฟังก์ชั่นการใช้งานในตัวบ้าน การเลือกทำเล งานปลูกสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวก ไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัย ที่ล้วนถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งาน
ปัจจุบัน “สัมมากร” กำลังพัฒนาระบบและเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการสามารถทำคอนเทนต์โปรโมทได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยมี LINE Official; https://lin.ee/PyAKGPN สำหรับใช้แจ้งข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น สำหรับชาว Affiliate โดยเฉพาะ รวมถึง LINE OpenChat ที่เปรียบเสมือนเป็นคอมมูนิตี้ให้สมาชิกได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันโดยเฉพาะ
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18 มี.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.91 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทแกว่งตัว sideways เสี่ยงที่จะอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านที่ 36บาทต่อดอลลาร์ หากตลาดยิ่งกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และต้องระวังการปรับฐานของราคาทองคำ รวมถึงทิศทางสกุลเงินเอเชีย โดยเฉพาะเงินเยน หากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าโซนแนวรับแรกขช่วง 35.75 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 18 มี.ค. 2567 ที่ระดับ 35.91 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.78 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 35.77-35.93 บาทต่อดอลลาร์) ตามการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (เฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด หรือ ช้ากว่าคาด) ซึ่งกดดันทั้งราคาทองคำและค่าเงินบาท
นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันจากการผันผวนอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งนอกเหนือจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เงินเยนญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากการปรับสถานะถือครองก่อนรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น พร้อมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.30% ท่ามกลางความกังวลของผู้เล่นในตลาดว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าที่ได้ประเมินไว้ หากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงช้า
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่าควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง การประชุม FOMC ของเฟด การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนี PPI ล่าสุดสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า เฟดจะยิ่งไม่รีบลดดอกเบี้ยและอาจทำให้เฟดมีโอกาสปรับคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจรวมถึงคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุม FOMC เดือนมีนาคมนี้ โดยสำหรับการประชุม FOMC ที่จะถึงนี้
เราคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดหวัง อย่างไรก็ตาม เรามองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนการจ้างงาน และทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงชะลอตัวลง (แม้อาจจะชะลอตัวลงช้า) จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ Dot Plot ใหม่ “ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง” จาก Dot Plot ในการประชุมเดือนธันวาคม อย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ
คณะกรรมการ FOMC ส่วนใหญ่จะยังคงเห็นชอบให้ เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงราว 3 ครั้งในปีนี้ และ ราว 4 ครั้งในปีหน้า ทั้งนี้ ควรระวังกรณีที่ เฟด ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น และอาจปรับ Dot Plot ใหม่ ที่สะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาดการณ์ก่อนหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กดดันราคาทองคำและเงินบาทได้พอสมควร
นอกเหนือจากผลการประชุม FOMC ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) โดย S&P Global รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ที่จะช่วยประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษ ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เพื่อประกอบการพิจารณา แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ในวันพฤหัสฯ โ
ดยเราประเมินว่า BOE อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% พร้อมย้ำจุดยืนยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย (อาจเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาสที่ 2) จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงมากขึ้นจากระดับปัจจุบันแถว 4%
อนึ่ง หาก BOE ส่งสัญญาณชัดเจน พร้อมลดดอกเบี้ย หรือ ประเมินภาพเศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลงมากขึ้น ก็อาจกดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลงได้ นอกเหนือจากการประชุม BOE ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซน พร้อมกับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)
▪ ฝั่งเอเชีย – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเราประเมินว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.10% ตามเดิม ทว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้ออาจอยู่แถวระดับเป้าหมาย 2% ได้สำเร็จ
กอปรกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อาจทำให้ BOJ ส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การยกเลิก Yield Curve Control (YCC) และการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QQE) ที่อาจจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
อย่างไรก็ดี ผู้ในตลาดต่างคาดหวัง การสื่อสารที่มีความ Hawkish มากขึ้นจาก BOJ ทำให้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงได้พอสมควร หาก BOJ ยังย้ำจุดยืนใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ นอกเหนือจากผลการประชุม BOJ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ทั้ง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ BOJ ส่วนในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือน ทั้ง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Productions) ในเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนได้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways แต่ยังเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านได้ไม่ยาก หากตลาดยิ่งกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และยังคงต้องระวังการปรับฐานต่อเนื่องของราคาทองคำ รวมถึงทิศทางสกุลเงินเอเชีย
โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่นที่อาจผันผวนอ่อนค่าได้ ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นทำให้เราประเมินว่า โซนแนวต้านยังคงอยู่ในช่วง 36.00 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านแรก (แนวต้านถัดไป 36.20 บาทต่อดอลลาร์) และหากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง การแข็งค่าก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด โดยโซนแนวรับแรกของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 35.75 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไปแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์)
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจทรงตัว sideways หรือย่อตัวลงบ้าง หาก Dot Plot ใหม่ของเฟดยังคงสะท้อนว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ทว่า เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น หาก Dot Plot ใหม่สะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 3 ครั้ง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หาก BOJ ยังไม่ส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดตามที่ตลาดคาดหวัง
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.50-36.20 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.00 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 35.96 ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับ 35.90-35.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศช่วงปลายสัปดาห์ก่อนที่ 35.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสการคาดการณ์ของตลาดในช่วงก่อนการประชุม FOMC 19-20 มี.ค. ว่า สัญญาณจากเฟดน่าจะสะท้อนว่าเฟดไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอาจมีการปรับทบทวนประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใหม่อีกครั้ง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.80-36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนม.ค.-ก.พ. (อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก ยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอัตราการว่างงาน) อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของยูโรโซน และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“เบส-ไบร์ท” เดินทางมาราธอนลุยแข่งโปรทัวร์เก็บแต้มลุ้นตั๋วปารีสเกมส์
2 นักตบชายหาดสาวไทย คู่มือ 1 “เบส” พีรชยากร ก้องภพศรุตาวดี และ “ไบร์ท” ธาราวดี นาราพรลภัส ออกเดินทางสู่บราซิล เตรียมแข่งขัน เอฟไอวีบี บีช โปร ทัวร์ ชาลเลนจ์ 3 สนาม เก็บคะแนนสู่กีฬาโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” โดยจะใช้เวลาเดินทางรวม 36 ชั่วโมง
ความเคลื่อนไหวทีมวอลเลย์บอลชายหาดหญิงทีมชาติไทย ประกอบด้วย พ.อ.อ.เพชรราช พุฒซ้อน หัวหน้าผู้ฝึกสอน ฤทธิเดช ทรัพย์ทวีกุล ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนฝ่ายสถิติ และ 2 นักตบมือ 1 ของไทย มืออันดับ 25 ของโลก “เบส” พีรชยากร ก้องภพศรุตาวดี “ไบร์ท” ธาราวดี นาราพรลภัส ออกเดินทางโดยสายการบิน Turkish Airline จากกรุงเทพฯ สู่ อีสตัลบูล – เซา เปาโล – รีซีฟ ประเทศบราซิล เมื่อเวลา 23.15 น. คืนวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2567 เพื่อแข่งขัน เอฟไอวีบี บีช โปร ทัวร์ ชาลเลนจ์ 3 สนาม เก็บคะแนนสู่กีฬาโอลิมปิก “ปารีสเกมส์ 2024” โดยจะใช้เวลาเดินทางรวม 36 ชั่วโมงโดยประมาณ
สำหรับคู่ลูกยางสาวชายหาดทีมชาติไทย “เบส-ไบร์ท” จะแข่งขัน 3 สนาม ได้แก่ เอฟไอวีบี บีช โปร ทัวร์ ชาลเลนจ์ ที่บราซิล 20-24 มีนาคม และ 27-31 มีนาคม เอฟไอวีบี บีช โปร ทัวร์ ชาลเลนจ์ ที่เม็กซิโก 10-14 เมษายน 2567 และมีโอกาสที่จะเก็บแต้มสร้างประวัติศาสตร์ลุ้นตั๋ว อลป. 2024
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
ปวดกราม ปวดขากรรไกร สัญญาณอันตรายของวัยทำงาน
โรคนี้ไม่เพียงแต่เกิดจากความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร แต่อาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆ ข้อต่อขากรรไกร หรือกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยว เช่น กล้ามเนื้อ masseter, temporalis, lateral pterygoid ด้วย ข้อต่อขากรรไกรเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างกะโหลกศีรษะและขากรรไกรล่าง
ความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆ ข้อต่อขากรรไกรนี้ มักเกิดจากมีการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวมากผิดปกติ โดยเฉพาะถ้ามีความเครียด ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดและมีการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อได้ ซึ่งอาจเกิดจากใช้กล้ามเนื้อมากเกินไป หรือใช้ผิดประเภท เช่น เคี้ยวข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง เคี้ยวของแข็ง มีการสบฟันที่ผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อทั้ง 2 ข้างทำงานไม่สมดุลกัน ผู้ป่วยบางรายอาจมีประวัติของการนอนกัดฟัน
อาการ
- ปวดบริเวณข้อต่อขากรรไกร (หน้าหู) หรือบริเวณกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยว
- อ้า หรือหุบปากได้จำกัด (มีการจำกัดการความเคลื่อนไหวของขากรรไกร)
- เวลาเคลื่อนไหวขากรรไกร แล้วมีเสียงผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกร เช่น เสียงคลิก หรือ เสียงกรุบกรับ
- อ้า หุบปาก หรือเคลื่อนไหวขากรรไกรแล้วมีอาการเจ็บหรือปวด
- ขากรรไกรค้าง (ไม่สามารถอ้าปากได้ หรืออ้าปากแล้วไม่สามารถหุบได้)
- ผู้ป่วยอาจมาด้วยอาการปวดบริเวณใบหน้า ซีกใดซีกหนึ่งก็ได้
อาการแสดง
- เวลากดกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคี้ยวข้างที่เจ็บ แล้วมีอาการเจ็บ
- เวลากดข้อต่อขากรรไกรข้างที่เจ็บ แล้วมีอาการเจ็บ
- มีการเบี่ยงเบนของขากรรไกรล่าง เวลาเคลื่อนไหว
การรักษา
1) รับประทานยาลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปวด พวก nonsteroidal anti-inflammatory drugs(NSAIDs) Paracetamol ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาคลายกังวล (ซึ่งจะช่วยลดภาวะการทำงานมากผิดปกติของกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อต่อขากรรไกร)
2) แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรืออาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวมาก เช่น อ้อย โดยเฉพาะข้างที่เจ็บ
3) อาจใช้น้ำอุ่นประคบ กล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆ ขากรรไกร
4) ควรปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อตรวจสอบการสบฟันว่ามีการสบฟันที่ผิดปกติ (malocclusion) ที่เป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวของขากรรไกรที่ไม่สมดุลกัน ทำให้ปวดบริเวณข้อต่อขากรรไกรหรือไม่
5) ถ้ามีอาการปวดมาก ทันตแพทย์อาจพิจารณาใส่ที่ครอบฟัน (bite appliance or splints) เพื่อทำให้การสบฟันคงที่ ลดแรงกระแทกต่อข้อต่อขากรรไกรที่เป็นปัญหา ช่วยลดอาการปวดได้ดี โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีปัญหานอนกัดฟัน (bruxism)
6) ถ้าผู้ป่วยดีขึ้น อาจทำกายภาพบำบัด และกิจกรรมลดความเครียด
7) ถ้าให้การรักษาด้วยยาเต็มที่แล้วไม่ดีขึ้น ยังมีอาการปวดค่อนข้างรุนแรง หรือมีความผิดปกติภายในของข้อต่อขากรรไกร อาจพิจารณาผ่าตัดรักษา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“เป็นห่วงนะ” ในภาษาอังกฤษพูดยังไง
ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดไวรัสโควิด-19 (COVID-19) อย่างต่อเนื่องยาวนาน ทำให้เราต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตรวมถึงหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราไม่ได้พบเจอกับคนรู้จักไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง พ่อแม่ หรือเพื่อนฝูง การแสดงความห่วงใยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นปัญหาในครั้งนี้ไปได้
วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช มีคำหรือประโยคที่แสดงความเป็นห่วงในภาษาอังกฤษมาแนะนำ เผื่อเอาไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน มีคำไหนน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย
คำที่แสดงความเป็นห่วงแบบตรง ๆ
“ฉันเป็นห่วงเธอนะ”
- I do care about you.
- I care about you.
- I’m worried about you.
- I worry about you.
คำที่แสดงความเป็นห่วงแบบอ้อม ๆ
- Be Careful ระวังด้วยนะ
- Be Cautious ระมัดระวังด้วย
- Be Safe ขอให้ปลอดภัย
- Don’t let anyone bring you down. อย่าให้ใครมาทำให้รู้สึกแย่
- Don’t work too hard! อย่าทำงานหักโหมเกินไป
- Get a lot of rest. พักผ่อนเยอะ ๆ
- Get some me -time. รู้จักมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง
- I’ll always be by your side. ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ
- I’ll be there for you. ฉันจะอยู่ตรงนั้นกับเธอเอง
- I’ll always be here for you. เป็นกำลังใจให้เธอเสมอนะ
- I’m with you all the way. ฉันจะอยู่กับเธอตลอดเวลา
- I’m worried about you. ฉันเป็นห่วงคุณ
- Stay Healthy! ขอให้แข็งแรง
- Stay Safe. ขอให้ปลอดภัย
- Stay Strong. It will get better. สู้ ๆ นะ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น
- Take care of yourself. ดูแลตัวเองด้วย
- You’ll get through this. เธอจะผ่านมันไปได้แน่ ๆ
- How was your day? Tell me about it. วันนี้เป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ
- Is there anything I can do to help? มีอะไรให้ฉันช่วยรึป่าว
เห็นไหมคะว่า “เป็นห่วงนะ” มีหลายคำที่น่าสนใจ เพื่อน ๆ ลองนำคำเหล่านี้ไปใช้ในการส่งต่อความห่วงใย ให้กำลังใจกับคนที่คุณรักได้นะคะ เพราะช่วงเวลานี้การส่งกำลังใจให้แก่กันเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ แล้วเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน วอลล์สตรีท อิงลิช ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทุกคน “Stay Strong สู้ ๆ”
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
เคาะแล้ว! Google I/O จะจัดครั้งแรก 14 พฤษภาคม 2024
Google ได้เผยวันพบปะกับผู้ให้บริการของ Google I/O Conference อย่างเป็นทางการโดยจะเริ่มขึ้นนวันที่ 14 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ โดยงานนี้นอกจากมีการเปิดเผยเรื่องของ Software ใหม่อย่าง Android 15
และคาดว่าอาจจะมีการเปิดตัว Hardware ใหม่โดยเฉพาะ Pixel 8a ซึ่งรายละเียดนั้นยังไม่มีการเปิดเผยแต่คาดว่าราคาจะแพงขึ้นกว่า Pixel 7a ค่อนข้างแน่นอน
แต่สำหรับใครรอคอยมือถือของ Google เป็นไปอาจจะไม่ได้เปิดเตัวในงานทและคาดว่าอาจจะเปิดตัวในงานนี้ แต่ทั้งหมดต้องติดตามกันต่อไป คาดว่าฟีเจอร์ทั้งหมดของ Android ตัวต่อไป ได้เจอกันในงานนี้ชัวร์!!
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ผัก 5 ชนิดที่ควรกินช่วงหน้าร้อน ป้องกันภาวะขาดน้ำในร่างกายได้
ในช่วงหน้าร้อน สาวๆ จำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ โดยวิธีที่สามารถป้องกันร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้ดีและสามารถทำตามได้ง่ายก็คือ การกินผักที่มีปริมาณน้ำสูงนั่นเอง วันนี้เราจึงรวมผัก 5 ชนิดที่แนะนำให้สาวๆ กินในช่วงหน้าร้อน เพื่อป้องกันร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำมาแชร์ให้สาวๆ ได้หามากินกันค่ะ และนี่คือผัก 5 ชนิดควรกินในหน้าร้อน
ผัก 5 ชนิดควรกินในหน้าร้อน
1.แตงกวา
แตงกวาคือ ผักที่ประกอบไปด้วยน้ำเกือบ 95% อีกทั้งยังมีสารอาหารที่สำคัญ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินเค ที่สำคัญแตงกวายังจัดเป็นผักที่มีแคลอรีต่ำ เพราะแตงกวาประมาณ 50 กรัม มีปริมาณแคลอรีเพียง 8 แคลอรีเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของแคลอรีแต่อย่างใด สำหรับในช่วงหน้าร้อนแบบนี้แนะนำให้สาวๆ กินแตงกวาให้มากๆ เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวในช่วงหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี
2.บวบ
บวบประมาณ 124 กรัม ประกอบไปด้วยน้ำมากกว่า 90% แถมยังให้ไฟเบอร์ 1 กรัม ซึ่งส่วนประกอบทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญและเหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการลดน้ำหนัก เนื่องจากช่วยให้อิ่มนาน และเนื่องจากบวบให้ปริมาณน้ำสูง จึงมีปริมาณแคลอรีต่ำ โดยปริมาณบวบ 120 กรัม ให้แคลอรีเพียง 20 แคลอรีเท่านั้นเอง
3.ผักกาดแก้ว
ผักกาดแก้ว จัดเป็นผักที่มีคุณสมบัติช่วยในการบำรุงสุขภาพร่างกาย โดยผักกาดแก้ว 1 ถ้วย เทียบเท่า 70 กรัม ให้ปริมาณน้ำมากกว่า 60 มิลลิลิตร ให้โฟเลต 5% ของความต้องการของร่างกายต่อวัน และยังให้ไฟเบอร์อีก 1 กรัม นอกจากนี้ผักกาดแก้วยังอุดมด้วยวิตามินเคและวิตามินเอสูง โดยวิตามินทั้งสองชนิดนี้มีบทบาทสำคัญที่ช่วยรักษามวลกระดูก พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกด้วย
4.กะหล่ำดอก
กะหล่ำดอกเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังเป็นผักที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังได้ดีเลยทีเดียว โดยดอกกะหล่ำ 1 ถ้วย หรือประมาณ 100 กรัม ให้ปริมาณน้ำประมาณ 60 มิลลิลิตร แถมยังให้ใยอาหาร 3 กรัม อีกด้วย นอกจากนี้กะหล่ำดอกยังมีวิตามินและแร่ธาตุมากกว่า 15 ชนิด รวมทั้งโคลีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่ค่อนข้างพบได้ยาก โดยโคลีนจัดเป็นสารอาหารที่ช่วยในการเผาผลาญอาหาร และมีความจำเป็นต่อสุขภาพอย่างมากเลยทีเดียว
5.กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีอุดมด้วยแคลอรีต่ำ แต่ให้ไฟเบอร์และสารอาหารสูง โดยในกะหล่ำปลีอุดมด้วยวิตามินซี วิตามินเค โฟเลต และแร่ธาตุหลากหลายชนิด จึงช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะวิตามินซี ซึ่งช่วยในการลดการอักเสบและช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานและโรคหัวใจ อีกทั้งกะหล่ำปลียังมีสารกลูโคซิโนเลต ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะมะเร็งปอด
นอกจากผักทั้ง 5 ชนิดนี้แล้ว ยังมีผลไม้ที่แนะนำให้กินในช่วงหน้าร้อนเพื่อป้องกันร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำอีกด้วย เช่น ส้มโอ มะเขือเทศ และสตรอเบอร์รี โดยผักและผลไม้เหล่านี้มีปริมาณน้ำสูง จึงเหมาะแก่การกินในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเสี่ยงต่อการขาดน้ำสูงมาก ยังไงก็อย่าลืมดูแลตัวเองในช่วงหน้าร้อนนี้กันด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/03/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 36,500.00 | 36,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,364.00 | 35,838.24 | 37,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,127.60 | 32,254.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,891.20 | 28,670.59 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,064.00 | 16,130.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 827.00 | 12,537.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,450.00 | 37,142.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/03/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.85 | 37.85 | 38.35 | 37.85 | 37.85 | 37.85 | 37.85 | 37.85 | 37.85 | 37.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.38 | 36.38 | 36.88 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 | 36.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.74 | 35.74 | 36.28 | 35.74 | 35.74 | – | 35.74 | 35.74 | 35.74 | 35.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.49 | 35.49 | – | – | – | – | – | – | – | 35.49 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.54 | 49.44 | 49.44 | 49.44 | – | – | – | – | – | 45.54 |
เบนซิน 95 | 45.74 | – | – | – | 46.91 | – | 46.24 | 45.89 | – | 45.74 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.84 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |