3สมาคมอสังหาฯเปิดมหกรรมบ้านและคอนโดขน1,000โครงการหั่นราคาระบายสต็อก
3 สมาคมอสังหาฯเปิดมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ขนกว่า1,000โครงการระบายสต็อก ผนึกแบงก์จัดโปร ลดดอกเบี้ยหวังปลุกกำลังซื้อ ไตรมาสแรกนำร่องชี้ตลาดบ้าน 10 ล้านมาแรงท่ามกลางเศรษฐกิจ กำลังซื้อฝืด คาดจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมงาน50,000 – 80,000 คน มียอดขายมูลค่ากว่า 4 พันล้าน
วันนี้ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร จัดพิธีเปิดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 อย่างเป็นทางการ ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เป็นที่ทราบว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 3 สมาคมหลักของวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ได้แก่ สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เป็นกำลังสำคัญของภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการรวมพลังขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ให้มีการขยายตัวเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เพราะบ้านถือเป็นศูนย์รวมการอยู่อาศัยของครอบครัวสำหรับผู้คนทุกวัย ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ หากครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ชีวิตของสมาชิกครอบครัวก็จะมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่การจะทำให้ทุกครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ต้องมีความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน
จัดผังเมือง-ที่ดินสอดคล้องบริบทใหม่
“ในส่วนของภาครัฐก่อนหน้านี้ก็ได้มีการหารือ และนโยบายเกี่ยวกับเรื่องการจัดผังเมือง การจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นปัจจุบันให้มากที่สุด”
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ขณะที่ก็มีคนเจนใหม่เข้ามามีบทบทในการขับเคลื่อนสังคม อีกทั้งความต้องการพื้นที่สีเขียวมากขึ้น เหล่านี้ถือเป็นประเด็นสำคัญลำดับต้นๆ ในตอนนี้ที่จะต้องมีการวางผังเมืองให้รองรับวิถีชีวิตสังคมผู้สูงอายุไทยในอนาคต ให้เกิดความสะดวกสบาย ตลอดจนตอบโจทย์ผู้คนได้หลายมิติ เกิดการพัฒนาสังคมอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้นโยบายการวางแผนเรื่องผังเมืองดังกล่าวยังถือว่าสอดคล้องกับความวัตถุประสงค์ของการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 คือ การเข้าถึงพร้อมตอบโจทย์ผู้คนและสังคมยุคใหม่ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกเจน
โดยเฉพาะผู้ที่กำลังต้องการที่อยู่อาศัยให้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพราะปัจจุบันการเลือกที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสำคัญของผู้คนยุคนี้ ไม่ว่าจะในกรุงเทพ หรือต่างจังหวัด ทั้งที่เป็นบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด สำคัญคือต้องสอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากกว่าความสะดวกสบาย ความคุ้มค่า รวมถึงสาธารณูปโภค และสิ่งแวดล้อมยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจของประชาชน ดังนั้นการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 จะสามารถช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว เช่นเดียวกับการจัดสรรผังเมืองให้ดีขึ้น ก็จะช่วยให้เอื้อต่อการลงทุนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา
ราคาที่ดินพุ่ง3.8% กดดันดีเวลลอปเปอร์
“ปัจจุบันดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา สำหรับในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2566 ได้เพิ่มขึ้น 3.8% โดยมีผลมาจากปัจจัยของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นับเป็นช่วงปีที่ท้ายทายสำหรับเหล่าผู้ประกอบภาคอสังหาริมทรัพย์”
นายอนุทิน กล่าวว่า สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรในฐานะตัวแทนจากภาคเอกชน ผลักดันให้ประชาชนคนไทยได้เข้าถึงโอกาสของการซื้อ-ขาย ลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนเกิดการส่งผลให้เป็นแรงกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การจัดงานในวันนี้ถือเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
ตั้งเป้ายอดขายกว่า 4 พันล้าน
นายภูมิภัทร พรหมมา ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 กล่าวว่า งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 นี้ จะมีบูธจากผู้ประกอบการมากกว่า 150 บริษัท รวมโครงการอสังหาฯ ทุกรูปแบบ ทุกราคา ทุกทำเล มานำเสนอแก่ผู้บริโภคมากกว่า 1,000 โครงการ ซึ่งหากคิดมูลค่าของโครงการทั้งหมดภายในงานแล้วจะมากถึง 3 แสนล้านบาท
คาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมงาน 50,000 – 80,000 คน โดยจะมีสัญญาจะซื้อจะขายเกิดขึ้นภายในงานครั้งนี้ ราว 1,000 สัญญา ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังสามารถส่งแรงกระตุ้นต่อเนื่องให้เกิดการซื้อขายตามมาอีก 3 เดือน คาดการณ์ยอดขายเพิ่ม 2-3เท่าตัว
“เนื่องจากเราในฐานะผู้จัดงานได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นทั้งหนึ่งในปัจจัยสี่ของชีวิตคน และเป็นจุดเริ่มต้นของสังคม 3 สมาคมยังคงมุ่งมั่นที่จะจัดงาน มหกรรมบ้านและคอนโด ภายใต้วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเวทีช่วยให้คนไทยที่อยากมีบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น”
และผู้ประกอบการมีโอกาสในการปล่อยสินค้า ซึ่งด้วยความต่อเนื่องของการจัดงานทั้งต้นปี และปลายปี อีกทั้งยังเป็นอีเว้นท์ใหญ่ที่ได้มาตรฐาน มีโครงการที่อยู่อาศัยจากหลากหลายรูปแบบมารวมกันในที่เดียว มียอดจองซื้อขายทั้งภายในงานและต่อเนื่องหลังงานถึง1,000ล้านบาท ทำให้งานมหกรรมบ้านและคอนโด กลายเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดการเติบโตของวงการอสังหาริมทรัพย์และของเศรษฐกิจโดยรวม
นายภูมิภัทร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้การมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย ทางคณะกรรมการจัดงานจึงได้กำหนดแนวคิดการจัดงาน ที่ว่า “Property Solutions ทางเลือกเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” เพื่อเป็นการยกระดับและสร้างมุมมองใหม่ให้กับมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้จริง และต้องการสื่อถึงความพยายามของ 3 สมาคมที่ต้องการช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้วยการเพิ่มกลไกทางการตลาดเข้าไปในงานครั้งนี้ ที่ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านในทุกกลุ่มมีความหวังขึ้นอีกครั้งกับการยื่นกู้สินเชื่อให้ผ่าน โดยพยายามดึงพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินเข้ามาร่วมให้คำปรึกษา
บ้านหรูราคา10ล้านอัพขายง่าย
นายภูมิภัทร กล่าวว่า ช่วงต้นปีนี้ผู้ประกอบการหลายรายชะลอแผนการเปิดขายโครงการใหม่ และชะลอการซื้อที่ดินเปล่าสะสมเพื่อการพัฒนา หันมาจัดแคมเปญ ขายสินค้าที่เหลืออยู่เพื่อระบายสต็อก โดยสินค้าขายง่ายจะเป็นบ้านหรูราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากกลุ่มตลาดราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัย หนี้ครัวเรือนที่สูง ความเข้มงวดการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร และมาตรการ LTV ที่ไม่ได้รับการอนุมัติ แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสไปต่อไป
หากมองภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ในช่วงสองเดือนที่เปิดปีมา มีผู้ประกอบการมากมายต่างรวมใจกันออกมาส่งโปรโมชั่น และแคมเปญจำนวนมากเพื่อรองรับและช่วยเหลือลูกค้ามากที่สุด ทำให้ตลาดมีความคึกคัก ทั้งนี้ทั้งนั้นในปีนี้เรายังคงต้องจับตาดู ปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ภาวะดอกเบี้ย สงครามความขัดแย้ง ฟรีวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ หรือแม้แต่ภัยพิบัติ อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้ต่างชาติอยากย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในเมืองไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะปรับให้ตลาดกลับมาเป็นเชิงบวก และมีโอกาสโตในช่วงปลายปี
สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 จะมีขึ้นระหว่าง 21 – 24 มีนาคม 2567 ณ Exhibition Hall 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในส่วนของโปรโมชั่นสำหรับผู้จองซื้อที่อยู่อาศัยภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 45 ภายในงานทางผู้จัดงานได้เตรียมของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท พิเศษโดยเฉพาะวันพฤหัส-เสาร์
ผู้บริโภคจองซื้อที่อยู่อาศัยแล้วมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลส่วนลดเงินสดรวมถึงรางวัลอื่นๆ และโชคชั้นที่ 2 ตลอดงาน 4 วันสำหรับผู้บริโภคที่จองซื้อภายในวันงาน ทางผู้จัดได้มีการจับรางวัลใหญ่แจกรถยนต์ MG 5C ในวันสุดท้ายของการจัดงานด้วย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาโอกาสทองของผู้ซื้อที่จะได้ซื้อบ้านในราคาดีพร้อมข้อเสนอที่คุ้มค่า
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
พิษเศรษฐกิจ-ค่าก่อสร้างพุ่งฉุดตลาดชะลอตัวในรอบ 3 ปี
พีดีเฮ้าส์ เผยพิษเศรษฐกิจ-ค่าก่อสร้างพุ่ง ฉุดตลาดบ้านสร้างเองมูลค่า 1.72 แสนล้านลดลง 14% ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท หดตัวแรง 18% จากปีก่อนมูลค่าตลาด 2.5 หมื่นล้านชะลอตัวในรอบ 3 ปี เร่งปรับทัพดันผู้บริหารรุ่นใหม่ พร้อมทำใจยอดขายพลาดเป้า
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของสิทธิ์และผู้บริหารมาตรฐานศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่าปริมาณและมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศปี 2566 (มิใช่ บ้านจัดสรร) ชะลอตัวตามที่คาดการณ์ไว้ โดยในปี 2565 ปริมาณและมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท แต่ในปี 2566 พบว่าตัวเลขมูลค่าตลาดลดลงเหลือ 1.72 แสนล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 14% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจประเทศที่ซบเซา ส่งผลให้กำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของประชาชนลดลง
ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ โดยกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านหรือศูนย์รับสร้างบ้าน พบว่าปริมาณและมูลค่าตลาดปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ในปี 2565 ขนาดตลาดรับสร้างบ้านมีมูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ปรากฎว่าปี 2566 ปรับตัวลดลงเหลือ 1.8 หมื่นล้านบาท หรือลดลงเฉลี่ย 18% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน โดยมูลค่าตลาดที่ชะลอตัวและปรับลดลงมากที่สุดตามลำดับได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคอีสาน นับเป็นสัดส่วนที่ปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
สำหรับ พีดีเฮ้าส์ ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลงเช่นกัน จนต้องมีการปรับตัวด้วยการขยายสาขาในพื้นที่ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีก 3 จังหวัด ประกอบด้วย สาขากรุงเทพฯ (ลาดกระบัง) ชัยภูมิ และลพบุรี เพื่อเป็นการสร้างโอกาสและสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ตลอดจนเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านในจังหวัดนั้น ๆ และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าพอใจเพราะยังคงรักษาเป้ายอดขายบ้านที่ตั้งไว้ได้ สวนทางกับภาวะตลาดที่ซบเซา
บริษัทฯ ได้หันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการปรับปรุงคุณภาพวัสดุก่อสร้างมาตรฐานที่ใช้สร้างบ้านทุกหลัง โดยคัดเลือกวัสดุคุณภาพสูง อายุการใช้งานยาวนาน และสะดวกต่อการใช้งานของเจ้าของบ้าน ตลอดจนสร้างความแตกต่างกับคู่แข่งและบริษัทรับสร้างบ้านทั่วไป ตัวอย่างเช่น ประตู-หน้าต่างอลูมิเนียมชนิดชุบสี Anodize ของผู้ผลิต TOSTEM คุณภาพมาตรฐานระดับโลก ฯลฯ เป็นวัสดุสร้างบ้านให้ลูกค้าทุกหลัง
“แนวโน้มและทิศทางตลาดบ้านสร้างเองปี 2567 ประเมินว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชนยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง”
โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบสำคัญ ๆ ได้แก่ เศรษฐกิจและการค้าที่ซบเซา อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมธนาคาร ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าก่อสร้างบ้านสูงขึ้นมาก ปัญหาค่าครองชีพและภาระหนี้ครัวเรือน ฯลฯ โดยเฉพาะกำลังซื้อผู้บริโภคกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านขนาดเล็กพื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 100-120 ตารางเมตร หรือราคาบ้านไม่เกิน 2 ล้านบาท
และผู้บริโภคกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านขนาดใหญ่พื้นที่ขนาด 500 ตารางเมตรขึ้นไป หรือราคามากกว่า 10 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับผลกระทบและมีสัดส่วนลดลงมากที่สุดในปีนี้
ทั้งนี้ปัญหาหลัก ๆ ได้แก่การฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจประเทศ และนโยบายภาครัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ไม่ชัดเจนและล่าช้า ซึ่งยังมองไม่เห็นปัจจัยบวกใด ๆ ที่จะสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนในการจับจ่ายใช้สอย หรือลงทุนในทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการลงทุนเรื่องบ้านหรือสร้างบ้านเอง
นายสิทธิพร กล่าวต่ออีกว่า ตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศปี 2567 คาดว่าความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะกำลังซื้อกลุ่มนักธุรกิจหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และกลุ่มชาวต่างชาติ ที่ผ่านมา 2 กลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดรับสร้างบ้าน
คาดว่าในปีนี้กำลังซื้อของ 2 กลุ่มนี้จะมีสัดส่วนลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อที่ลดลง อาจส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้านแตกต่างกันไป
แนวโน้มผู้บริโภคจะนิยมใช้บริการกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ที่ประวัติและชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับหรือมีแบรนด์เป็นที่น่าไว้วางใจ มากกว่าจะเลือกผู้ประกอบการที่ขาดความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ในสายตาของผู้บริโภคกลุ่ม Gen X และ Gen Y ยังให้ความสำคัญและสนใจที่จะเลือกใช้บริการกับผู้ประกอบการที่มีจุดยืนทางธุรกิจและจุดขายที่ชัดเจน
แนวโน้มการแข่งขันตลาดรับสร้างบ้านในปี 2567 พีดีเฮ้าส์ ประเมินว่าการแข่งขันราคาจะรุนแรงในทุกเซกเม้นต์ สาเหตุสำคัญ ๆ เกิดจากขนาดของตลาดรับสร้างบ้านที่หดตัว และการเข้ามาแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ตลอดจนการขยายสาขาหรือตลาดในพื้นที่ใหม่ ๆ ของรายเดิม
โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่ภาคอีสาน คาดว่าจะแข่งขันกันรุนแรงจากทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้น นอกจากนี้ การเริ่มรุกหนักตลาดรับสร้างบ้านของเอสซีจีในฐานะผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ อาจทำให้การแข่งขันในปีนี้ร้อนแรงขึ้นกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ทั้งนั้นหากผู้ประกอบการรายเดิม ๆ และรายใหม่ที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ไม่ปรับตัวอาจแข่งขันลำบากและยากมากขึ้น
นางสาวถิรพร สุวรรณสุต ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร สายงานส่งเสริมธุรกิจ เปิดเผยถึงนโยบายและแผนกลยุทธ์ที่จะใช้ในแข่งขันในปี 2567 นี้ว่าเป็นปีที่บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างการบริหารงานและบุคลากรภายในองค์กรใหม่ สืบเนื่องจากผู้บริหารรุ่นบุกเบิกเกษียณอายุงานหลายท่าน พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งคณะผู้บริหารรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน
ปีนี้จึงไม่ได้มุ่งแข่งขันหรือรุกตลาดรับสร้างบ้านมากนัก หรือกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนน้ำใหม่ จึงต้องมีการปรับตัวและเตรียมความพร้อมแทน โดยจะหันมาให้ความสำคัญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อจะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคกลุ่ม Gen X และ Gen Y มากขึ้น
อย่างไรก็ดีในปี 2567 นี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายบ้านไว้ใกล้เคียงกับปีก่อน ๆ โดยเป้ายอดขายเฉลี่ยสาขาละ 30-50 ล้านบาท ปัจจุบันศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มีสาขาทั่วประเทศรวม 31 สาขา อย่างไรก็ตามภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัว และยังมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้นจำนวนมาก มีความเป็นไปได้ว่าปีนี้ยอดขายอาจพลาดเป้า แต่ก็ไม่เป็นกังวลมากนักเพราะว่ายังมีสต๊อกขายบ้านจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว เตรียมเริ่มงานก่อสร้างในปีนี้อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถช่วยชดเชยยอดขายปี 2567 ได้หากพลาดเป้าที่ตั้งไว้
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 21มี.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทมีโอกาสทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้างแบบค่อยเป็นค่อยไป เหตุยังขาดปัจจัยหนุน หลังตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด เงินบาทแข็งค่าสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค รวมทั้งยูโรและเยน ส่วนเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 21มี.ค. 2567 ที่ระดับ 35.94 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.18 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทที่ยังไม่สามารถทะลุโซนแนวต้านสำคัญ (Triple Tops) 36.20 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ก็อาจสะท้อนว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่การแข็งค่าก็อาจจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
เนื่องจาก เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนการแข็งค่าที่ชัดเจน อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดก็เริ่มมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจลดดอกเบี้ยได้เร็วกว่าเฟดในการประชุมเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจยังพอได้แรงหนุนจากทั้งโฟลว์ขายทำกำไรทองคำและโฟลว์ซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ตามบรรยากาศในตลาดที่เปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้เรามองว่า เงินบาทอาจแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับแถว 35.80 บาทต่อดอลลาร์ได้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯ และผลการประชุม BOE ที่อาจทำให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลงได้ หาก BOE ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยในปีนี้
เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.80-36.05 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 35.91-36.20 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผลการประชุม FOMC
สะท้อนว่า เฟดยังคงมีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ (ตามที่เราประเมินไว้) ไม่เปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเฟด (Dot Plot) ในการประชุมเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้หนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นกว่า +40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังผลการประชุม FOMC ของเฟด ได้ย้ำภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวแบบ Soft Landing (ไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย) อีกทั้งเฟดก็ยังมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด และกล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นเทคฯ ใหญ่ ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.25% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.89%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดที่จะมาหลังตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญแรงกดดันบ้าง จากการขายทำกำไรบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม และหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ LVMH -1.6%, Total Energies -1.7%
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.27% หลังผลการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด ยังคงสะท้อนว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ และมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะยาว (Longer run) ก็ไม่ได้แตกต่างจากคาดการณ์ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ไปมากนัก
อย่างไรก็ดี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ไม่ได้ย่อตัวลงไปมาก เพราะบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็กลับมาเปิดรับความเสี่ยง อีกทั้ง ผู้เล่นในตลาดต่างก็รับรู้ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ในปีนี้
เรามองว่า แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายเฟดก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ เพราะเฟดดำเนินนโยบายการเงินแบบ Data dependent ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจปรับคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยเฟดไปตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญได้ ซึ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ก็จะทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ผันผวนสูงขึ้นได้
ทว่า เราคาดว่า แนวโน้มดอกเบี้ยเฟดยังเป็นขาลง แม้อาจจะมีความเสี่ยงของธีม Higher for Longer บ้าง ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อ Buy on Dip บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ จาก Risk-Reward ที่ยังมีความน่าสนใจของการถือบอนด์ระยะยาว ในจังหวะดอกเบี้ยขาลง
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC ที่ย้ำว่า เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีนี้ ตามเดิม นอกจากนี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็มีส่วนกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 103.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.2-104.2 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) สามารถรีบาวด์ขึ้นใกล้โซน 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ จะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ ญี่ปุ่น อังกฤษ ยูโรโซน และสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักเหล่านี้ได้
นอกจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยเราคาดว่า BOE จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% ตามเดิม ทว่า มีโอกาสที่ BOE จะเริ่มส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงได้
หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อล่าสุดชะลอลงมากกว่าคาด ซึ่งหาก BOE มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นต่อการลดดอกเบี้ย ก็อาจกดดันเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ให้ผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง โดยจะขึ้นกับการส่งสัญญาณว่า BOE จะเริ่มลดดอกเบี้ยลงเมื่อไหร่ ช้า หรือ เร็วกว่าเฟด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 36.00 มาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.91-35.93 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.02 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ตลอดจนค่าเงินสกุลหลักทั้งยูโรและเยน ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่องหลังการประชุมเฟด ซึ่งมีสัญญาณบางส่วนที่ทำให้ตลาดผิดหวัง
ทั้งนี้ แม้เฟดจะมีการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ขึ้น แต่มุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายผ่าน Dot plot ยังคงสะท้อนภาพโอกาสของการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งตามเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สวนทางการคาดการณ์ของตลาดบางส่วนที่ประเมินในช่วงก่อนหน้านี้ว่า เฟดอาจลดจำนวนรอบของการลดดอกเบี้ยในปีนี้ลงมา
นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกที่ทะยานกลับไปยืนเหนือ 2,200 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.80-36.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก
การตอบรับของตลาดต่อผลการประชุมเฟด ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ข้อมูล PMI ขั้นต้นเดือนมี.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ ตลอดจนตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ร็อกเกตส์”ชนะหกนัดรวดมีลุ้นเข้าเพลย์-อินศึกเอ็นบีเอ
ฮุสตัน ร็อกเกตส์ บุกถล่ม วอชิงตัน วิซาร์ดส์ ทีมบ๊วยสายตะวันออก 137-114 คะแนน คว้าชัยเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกัน รั้งอันดับ 11 สายตะวันตก ยังมีลุ้นเข้ารอบเพลย์-อิน ขณะที่ เดนเวอร์ นักเกตส์ ทีมแชมป์เก่า บุกชนะ มินนิโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ 115-112 คะแนน แซงวูล์ฟส์ขึ้นไปอยู่อันดับสองของสายตะวันตก ในการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอ ฤดูกาล 2023/2024 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 หรือตรงกับวันพุธ ตามเวลาประเทศไทย
จา กรีน ทำ 42 แต้มสูงสุดในการเล่นอาชีพ ช่วยฮุสตัน ร็อกเกตส์ บุกไปถล่ม วอชิงตัน วิซาร์ดส์ ทีมบ๊วยของสายตะวันออก 137-114 คะแนน ชนะเป็นนัดที่ 6 ติดต่อกัน โดยร็อกเกตส์ที่อยู่อันดับ 11 ในสายตะวันตก ยังมีลุ้นเข้ารอบเพลย์-อิน ที่จะเอาอันดับที่ 7 ถึง 10 มาแข่งขันแย่งกันเข้ารอบเพลย์-ออฟสองทีม
ร็อกเกตส์ ออกนำ 60-57 เมื่อจบครึ่งแรก และนำ 85-76 ในควอเตอร์ที่สาม ก่อนชนะไป 137-114 คะแนน เพิ่มสถิติเป็นชนะ 33 แพ้ 35 อยู่อันดับที่ 11 ตามหลังโกลเด้น สเตต วอร์ริเออร์ส ที่มีสถิติชนะ 35 แพ้ 32 โดยอาเมน ธอมป์สัน ทำไปอีก 25 แต้ม และเฟร็ด แวน ฟลีต ทำ 7 แต้มกับ 11 แอสซิสต์
ขณะที่ วิซาร์ดส์ ที่แพ้เป็นนัดที่ 5 ติดต่อกัน เกมนี้ขาดตัวหลักอย่าง ไคล์ คุซม่า, เดนี่ อัฟดิย่า, ไทรัส โจนส์ และบิลัล คูลิบาลี่ ที่บาดเจ็บ โดยได้คอรี่ย์ คิสเพิร์จ ทำไป 16 คะแนน
สรุปผลบาสเกตบอลเอ็นบีเอ เมื่อวันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 หรือตรงกับวันพุธ ตามเวลาประเทศไทย
– ฮุสตัน ร็อกเกตส์ ชนะ วอชิงตัน วิซาร์ดส์ 137-114 คะแนน
– เดนเวอร์ นักเกตส์ ชนะ มินนิโซต้า ทิมเบอร์วูล์ฟส์ 115-112 คะแนน
– ชาร์ลอตต์ ฮอร์เนตส์ แพ้ ออร์แลนโด้ แมจิก 92-112 คะแนน
– นิวออร์ลีนส์ เพลิแกนส์ ชนะ บรูกลิน เนตส์ 104-91 คะแนน
– ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ชนะ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส 113-107 คะแนน
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
วัคซีน HPV ใช้กับผู้ชายได้หรือไม่ มีผลดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างไร?
ปัจจุบันมีความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเรื่อง HPV ที่มักคิดว่ามีผลกับผู้หญิงเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่าผู้ชายสามารถติดเชื้อ HPV ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้ เพราะ HPV เป็นไวรัสที่ประกอบด้วยสายพันธุ์ต่าง ๆ มากกว่า 150 สายพันธุ์ โดยบางสายพันธุ์มีอันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายพันธุ์ 6 และ 11 เป็นที่รู้กันว่าทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ ในขณะที่สายพันธุ์ 16 และ 18 เกี่ยวข้องกับการพัฒนาของมะเร็ง สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเชื้อ HPV และต้องใช้ความระมัดระวัง เพื่อป้องกันตนเองจากภาวะแทรกซ้อน ด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
ผู้ชายรับเชื้อ HPV แล้วทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหรือไม่
การติดเชื้อ HPV มักพบในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ชายในอัตราร้อยละ 80-90 พฤติกรรมเสี่ยง เช่น การร่วมเพศทางทวารหนัก สามารถนำไปสู่การติดเชื้อ HPV ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการสัมผัสทางปาก อวัยวะเพศ และการสัมผัสผิวหนังโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดมะเร็งได้หลายประเภท เช่น มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งทวารหนัก และหูดที่อวัยวะเพศ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่พบในเพศชาย เป็นสายพันธุ์เดียวกับที่สามารถทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงได้
วิธีป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันการรับเชื้อ HPV ในผู้ชาย
ผู้ชายในวัย 9-26 ปี ควรได้รับวัคซีน HPV ซึ่งมีประโยชน์ในการป้องกันและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ นอกจากนี้ ผู้หญิงอายุ 21-65 ปี ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV และการแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ โดยมีวิธีการป้องกันเชื้อในผู้ชายเพิ่มเติม คือ
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงคู่นอนบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV โดยไม่รู้ตัว
- การใช้ถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าจะไม่ได้ป้องกัน 100% เนื่องจากอาจมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งในบริเวณอื่นได้
- จัดทำวัคซีน HPV จำนวน 3 โดส เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV และรับวัคซีน HPV ก่อนสัมผัสหรือทำกิจกรรมทางเพศ
เหตุผลที่ผู้ชายควรเข้ารับการฉีดวัคซีน HPV
การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงหรือชอบมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก กลุ่มเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ HPV และควรได้รับการทดสอบเชื้อ เพื่อรับการรักษาทันทีและป้องกันการลุกลามไปสู่การเจ็บป่วยร้ายแรง การได้รับวัคซีน HPV ยังสามารถป้องกันการได้รับ HPV ได้อีกด้วย สิ่งสำคัญคือต้องจัดลำดับความสำคัญ ด้านสุขภาพของคุณและใช้มาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันตนเองจากความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
การสอบ A-Level คืออะไร ยื่นเรียนต่อมหาลัยคณะไหนได้?
ใครยังไม่เคยสอบ A-Level ยกมือขึ้น! น้อง ๆ ที่กำลังเตรียมตัวจะสอบ A-Level หรือที่เรียกว่า Applied Knowledge Level ในประเทศไทย เพื่อยื่นคะแนนเรียนต่อปริญญาตรี ซึ่งประกอบไปด้วย 10 วิชาสามัญ โดยในแต่ละคณะจะกำหนดวิชาที่ต้องยื่น แทบทุกคณะจะต้องมีคะแนน A-Level วิชาภาษาอังกฤษด้วย รู้แบบนี้แล้ว ก็ควรรีบเตรียมความพร้อมก่อนสอบกันเล้ยย!
การสอบ A-Level คืออะไร ยื่นเรียนต่อมหาลัยคณะไหนได้?
ข้อสอบ A-Level (Applied Knowledge Level) หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า 10 วิชาสามัญที่น้อง ๆ มัธยมจะต้องสอบ เพื่อยื่นคะแนนเรียนต่อมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีในประเทศไทย ประกอบด้วย
- วิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (พื้นฐาน+เพิ่มเติม)
- คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 (พื้นฐาน)
- วิทยาศาสตร์ประยุกต์
- ฟิสิกส์
- เคมี
- ชีววิทยา
- ภาษาไทย
- สังคมศึกษา
- ภาษาอังกฤษ
- ภาษาต่างประเทศอื่น ๆ
ข้อสอบ A-Level ในแต่ละวิชาใช้เวลาทำข้อสอบวิชาละ 1 ชั่วโมง 30 นาที รวมทั้ง 10 วิชา มีคะแนนเต็ม 100 คะแนน ซึ่งแน่นอนว่าน้อง ๆ ไม่ได้ถนัดทุกวิชา ดังนั้นเราขอแนะนำให้หมั่นฝึกซ้อมทำข้อสอบบ่อย ๆ เพื่อให้คุ้นเคยกับโจทย์ในรูปแบบต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุด ก็อย่าลืมจับเวลาตอนซ้อมทำข้อสอบด้วยล่ะ จะได้ไม่รู้สึกเสียดายทีหลังว่าทำไม่ทัน
A-Level กับ 9 วิชาสามัญ ต่างกันยังไง
แม้ว่าจะเป็นวิชาสามัญเหมือนกัน แต่การสอบ A-Level เป็นการสอบที่รวบทั้งวิชาต่าง ๆ ใน TPAT เข้าด้วยกัน ทำให้ขั้นตอนการสอบ TCAS ลดน้อยลง อย่างวิชาภาษาอังกฤษใน A-Level ถูกนำมาแทนข้อสอบ TPAT วิชาภาษาต่างประเทศได้
ในข้อสอบ A-Level วิชาภาษาอังกฤษ น้อง ๆ จะได้เจอโจทย์วิเคราะห์เกี่ยวกับบทความโฆษณา บทวิจารณ์สินค้า หรือบริการต่าง ๆ บทความรายงานข่าว และบทความหัวข้อทั่วไปในชีวิตประจำวันอีกด้วย เรียกได้ว่ามีเนื้อหาค่อนข้างกว้าง และเก็งข้อสอบยากมาก แต่ถ้าน้อง ๆ หมั่นฝึกฝนทำข้อสอบ และอ่านข่าวต่างประเทศบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้การทำข้อสอบ A-Level วิชาภาษาอังกฤษเป็นเรื่องหมู ๆ เลยล่ะ
ข้อสอบ A-Level วิชาภาษาอังกฤษ ต้องสอบอะไรบ้าง
ถ้าใครยังไม่ได้เตรียมตัวสอบ A-Level วิชาภาษาอังกฤษ คงต้องรีบหน่อยแล้ว เพราะในพาร์ทการอ่านของวิชานี้มีคะแนนรวมมากถึง 50 คะแนน นับเป็นครึ่งหนึ่งของคะแนนรวมวิชาภาษาอังกฤษทั้งหมด ก็คือ 50/100 นั่นเอง ในข้อสอบ A Level ภาษาอังกฤษ มีทั้งหมด 80 ข้อ รวม 100 คะแนน แบ่งเป็น 3 พาร์ท ต่อไปนี้
- การฟัง และการพูด (Listening and Speaking Skills) 20 ข้อ
- การอ่าน (Reading Skill) 40 ข้อ
- การเขียน (Writing Skill) 20 ข้อ
สอบ A-Level วิชาภาษาอังกฤษได้คะแนนสูง ยื่นได้เกือบทุกคณะ
น้อง ๆ คนไหนอยากยื่นสอบเข้าหลายคณะ ต้องรีบเตรียมตัวสอบ A-Level วิชาภาษาอังกฤษได้แล้ว เพราะสามารถยื่นได้ทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ ดังนี้
- กลุ่มสายวิทย์สุขภาพ สำหรับคณะแพทยศาสตร์ ทันตะ เภสัช สัตวแพทยศาสตร์ พยาบาล สหเวชศาสตร์ และกายภาพบำบัด
- กลุ่มสายศิลป์คำนวณ
- กลุ่มสายศิลป์ สำหรับคณะกลุ่มสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์
- กลุ่มสายศิลป์สำหรับคณะอักษรศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
เฉลยแล้ว! ทำไมโลโก้ “โฟลเดอร์” ทำไมต้องใช้แฟ้มสีเหลือง
เคยสงสัยไหมว่า โลโก้โฟลเดอร์ (Folder) ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ และ มือถือ ว่าทำไมต้องเป็นรูป แฟ้มสีเหลือง วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบ
ทำไมโลโก้โฟลเดอร์ถึงใช้แฟ้มสีเหลือง
มีหลายเหตุผลที่เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น เพราะการสื่อสารให้ถึงความหมายที่เรียบง่าย อบอุ่น และทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และตัวแฟ้มซองกระดาษเองจะออกเป็นสีน้ำตาล ซึ่งการใช้สีเหลืองจะทำให้เกิดความสังเกตได้ง่าย และจดจำได้ง่าย เนื่องจากสีสันดังกล่าวใช้มาตั้งแต่ Windows 95 ส่วนมือถือ Android ก็ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรก และตามระบบปฏิบัติการพื้นฐานคือ Linux เป็นต้น
แล้วทำไมของ macOS หรือระบบปฏิบัติการของ Apple ถึงเป็นสีฟ้า
เพราะต้องการให้เกิดความแตกต่างและเดิมทีระบบปฏิบัติการดังกล่าวใช้พื้นฐานเป็นสีฟ้าเพื่อให้กับเข้ากับ Theme ต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทุกโฟลเดอร์ก็สามารถนำภาพอื่น มาแทรกแทนได้เดียวกันครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีแก้ความขมในอาหาร หรือผัก ทำอย่างไรให้ทานง่ายขึ้น
“ผัก” บางชนิดมีรสขมทั้งตอนทานสด หรือเมื่อนำไปปรุงอาหารแล้วก็ยังคงมีรสขม ซึ่งเป็นสาเหตุให้หลายๆ คนไม่ชอบทานผัก เพราะสัมผัสได้ถึงรสขม โดยเฉพาะผักใบเขียวต่างๆ อย่างไรก็ตามมีเทคนิคแก้ความขมในผักรสขมให้คลายความขมลงได้ดังนี้
สิ่งที่ช่วยลดรสขม
มีหลายวิธีที่ช่วยลดรสขมของอาหาร
- เกลือ: ใส่เกลือระหว่างปรุงอาหาร หรือโรยบนผักขม เช่น สลัดผัก
- หวานหรือเผ็ด: เพิ่มรสหวานหรือเผ็ด ช่วยกลบรสขมได้ เช่น ใส่พริก น้ำตาล หรือน้ำผึ้ง
- เปรี้ยวหรือกรด: เพิ่มรสเปรี้ยวจากมะนาว น้ำส้มสายชู หรือโยเกิร์ต
- ต้มนานๆ: ต้มอาหารนานๆ เช่น แกงเขียวหวาน
- ลวกก่อน: ลวกผักขมก่อนนำมาปรุงอาหาร
เทคนิคการผัดที่ช่วยลดความขม
1. ผัดกับไส้กรอก หรือเบคอน
- นิยมใช้กับผัก เช่น เห็ด แครอท กะหล่ำปลี
- เพิ่มรสชาติด้วยเกลือ พริกไทย น้ำมันหอย ซอสปรุงรส
2. ผัดกับหอมใหญ่ และกระเทียม
- เพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติให้กับอาหาร
- นิยมใช้กับเนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ กุ้ง
- ปรุงรสด้วยซอสต่างๆ เช่น ซีอิ๊วขาว ซอสมะเขือเทศ
3. ผัดกับผลไม้ ถั่ว และน้ำส้มสายชู
- เหมาะกับผักใบเขียว เช่น คะน้า กวางตุ้ง บร็อคโคลี
- เพิ่มรสชาติเปรี้ยวหวาน กลมกล่อม
- โรยงาขาวคั่วเพิ่มรสสัมผัส
เทคนิคเพิ่มเติม
- ใช้ไฟแรง ผัดให้เร็ว อาหารจะสุกกรอบ
- ใส่ผักทีละอย่าง ไม่ใส่รวมกันเพื่อป้องกันผักสุกไม่สม่ำเสมอ
- ปรุงรสตามชอบ เพิ่มเครื่องเทศ หรือสมุนไพร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/03/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 37,400.00 | 37,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,423.00 | 36,732.68 | 38,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,180.70 | 33,059.41 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,938.40 | 29,386.14 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,090.00 | 16,524.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 848.00 | 12,855.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,511.00 | 38,066.76 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/03/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.65 | 38.65 | 38.75 | 38.65 | 38.65 | 38.65 | 38.65 | 38.65 | 38.65 | 38.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.18 | 37.18 | 37.48 | 37.18 | 37.18 | 37.18 | 37.18 | 37.18 | 37.18 | 37.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.54 | 36.54 | 36.84 | 36.54 | 36.54 | – | 36.54 | 36.54 | 36.54 | 36.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.29 | 36.29 | – | – | – | – | – | – | – | 36.29 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.34 | 49.44 | 49.44 | 49.44 | – | – | – | – | – | 46.34 |
เบนซิน 95 | 46.54 | – | – | – | 47.71 | – | 47.04 | 46.69 | – | 46.54 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.84 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.84 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |