เพอร์เฟคผนึกทีโอเอเปิดบ้าน3โทนสีใหม่ชูนวัตกรรมลดโลกร้อน
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จับมือทีโอเอเลือกใช้นวัตกรรมสี 3โทนใหม่กับบ้านซีรีส์ใหม่นำร่อง 4ทำเล แจ้งวัฒนะ, พหลโยธิน -จตุโชติ, สุวรรณภูมิ และ กรุงเทพกรีฑา ชูจุดเด่นช่วยลดความร้อน ประหยัดการใช้พลังงานพร้อมตอบโจทย์เทรนด์การอยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ
นายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาโครงการพร้อมคำนึงถึงสภาพแวดล้อมเพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกการอยู่อาศัย โดยภายใต้แนวคิด Go Greenมีการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ทั้งในระดับโครงการรวมทั้งภายในบ้าน ล่าสุดร่วมกับ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ TOA เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สี ด้วยมาตรฐาน TOA GreenCertifiedมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
พร้อมเปิดบ้านซีรีส์ใหม่ของ “เพอร์เฟค พาร์ค” กับ 3 โทนสีใหม่ภายใต้คอนเซ็ปท์ Color of Nature ได้แก่ Marine Blue สีน้ำเงินแห่งสายน้ำ
Green Forest สีเขียวของต้นไม้ และ Terracotta สีส้มอิฐจากดินโดยนำร่องในโครงการเพอร์เฟค พาร์ค 4 ทำเล คือ แจ้งวัฒนะ, พหลโยธิน -จตุโชติ, สุวรรณภูมิ และ กรุงเทพกรีฑา – รามคำแหง
สำหรับผลิตภัณฑ์สี TOA ในคอนเซ็ปท์ Color of Nature นี้มีจุดเด่นในการช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านเพราะช่วยสะท้อนความร้อนและลดอุณหภูมิภายในบ้านได้รวมทั้งยังปราศจากสารที่เป็นอันตรายจึงมีความปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเมื่อประกอบกับการออกแบบของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงานและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด อาทิ การมีนวัตกรรมระบบ Smart Airflow ทำให้อากาศหมุนเวียนได้ดีมีความเย็นสบาย การติดตั้ง EV Ready ระบบรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทำให้แบบบ้านซีรีส์ใหม่ของเพอร์เฟค พาร์ค สามารถตอบรับเทรนด์รักษ์โลกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้ ขณะเดียวกันยังยกระดับมาตรฐานการอยู่อาศัยและนำไปสู่การสร้างความสุข สีเขียวอย่างยั่งยืนต่อไป
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอเพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับ บริษัทฯ นั้น
มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่มุ่งมั่นสู่การเป็นองค์กรยั่งยืน ตามแนวทางESG กับพันธกิจ Green Mission ในการพิชิตเป้าหมาย Net Zero Emission องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี พ.ศ.2593 ด้วยโรดแมพการดำเนินงาน
ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตในระบบ Lean & Automation Processการใช้พลังงานทดแทนด้วยการติดตั้งโซล่าเซลล์ที่จะช่วยเก็บพลังงานแสงจากแสงอาทิตย์มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า การบริหารจัดการด้านขนส่ง การพัฒนาระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด การบริหารจัดการเรื่องขยะ (WasteManagement) การร่วมสร้างพื้นที่ป่าสีเขียวให้กับชุมชนและสังคมรวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยมาตรฐาน“TOA Green Certified” สัญลักษณ์สินค้าคุณภาพสูง
การันตีด้วยเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล อันจะช่วยสร้างแรงกระเพื่อมในวงกว้างให้กับลูกค้าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาคอุตสาหกรรมได้ตระหนักหันมาใส่ใจต่อสิ่งรอบตัวมากยิ่งขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคที่จะช่วยตอกย้ำแนวคิดเรื่อง Go Green ที่โครงการเพอร์เฟค พาร์ค ทั้ง 4ทำเล ได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร มาตรฐาน TOA Green Certifiedด้วยเทคโนโลยีสีน้ำอะคริลิกแท้ 100% ผสานนวัตกรรม Advance Titanium ทำให้ฟิล์มสีมีคุณสมบัติทนยาวนาน ทนต่อทุกสภาวะอากาศฟิล์มสีเช็ดล้างทำสะอาดตัวเองได้ ช่วยสะท้อนความร้อนให้ผนังบ้าน
จึงช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ช่วยประหยัดพลังงานและค่าไฟฟ้าได้ทั้งยังได้เลือกใช้โทนสีใหม่ Color of Nature ที่ทำให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นมาออกแบบภายนอกบ้านให้มีความโดดเด่น ตอบรับเทรนด์ลูกค้าที่ชอบสีสันบ่งบอกสไตล์ที่อยู่อาศัยที่ไม่เหมือนใคร กับบ้านหลังแรกถือเป็นความร่วมมืออีกก้าวของผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่มีแนวทางการการดำเนินธุรกิจเพื่อผู้อยู่อาศัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามหลักการดำเนินงานของ ESG ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
จับตา! อสังหาปี 66 โครงการรอการขายกว่า 2 แสนหน่วย คอนโดมิเนียมพุ่งแรง
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) สรุปตลาดอสังหาฯ ปี 66 มีโครงการเปิดใหม่รวม 9.62 หมื่นหน่วย ลดลง 11.9% โครงการขายได้ 7.37 หมื่นหน่วย ลดลง 22.5% จับตาโครงการที่รอการขายในตลาดรวม 2 แสนหน่วย คอนโดมิเนียมน่ากังวลมากสุดรวม 8 หมื่นหน่วย
“ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ฉายภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 มีจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาดรวม 96,278 หน่วย ลดลง 11.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรร 48,923 หน่วย โครงการอาคารชุด 47,355 หน่วย
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่รวม 73,703 หน่วย ลดลง 22.5% ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 43,229 หน่วย โครงการอาคารชุด 30,474 หน่วย โดยอีกประเด็นที่ต้องติดตามกับโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายรวม 209,894 หน่วย เพิ่มขึ้น 13.7% ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรร 126,247 หน่วย โครงการอาคารชุด 83,647 หน่วย ส่วนอัตราดูดซับลดลงจาก 3.8% ในปี 2565 เป็น 2.7% ในปี 2566
ภาพรวมในไตรมาส 4 ของที่ผ่านมา ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานไม่สอดคล้องกัน โดยมีโครงการเปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาดรวมจำนวน 31,363 หน่วย มูลค่า 240,006 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 13% มูลค่าเพิ่มขึ้น 49.2% แบ่งเป็น โครงการอาคารชุด 15,593 หน่วย มูลค่า 95,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2% มูลค่าเพิ่มขึ้น 111.2% เป็นโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 15,770 หน่วย มูลค่า 144,395 ล้านบาท จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 10.1% มูลค่าเพิ่มขึ้น 24.9%
ทั้งนี้ระดับราคาที่มีการเปิดขายใหม่มากที่สุด อยู่ราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 6,588 หน่วย และระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท มีจำนวน 6,056 หน่วย
เปิด 5 ทำเลที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงสุด
- อันดับ 1 ทำเลธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 3,351 หน่วย มูลค่า 13,420 ล้านบาท
- อันดับ 2 ทำเลบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 3,146 หน่วย มูลค่า 18,535 ล้านบาท
- อันดับ 3 ทำเลภาษีเจริญ-บางแค-หนองแขม จำนวน 2,733 หน่วย มูลค่า 20,184 ล้านบาท
- อันดับ 4 ทำเลคลองสามวา-มีนบุรี- ลาดกระบัง จำนวน 2,499 หน่วย มูลค่า 10,607 ล้านบาท
- อันดับ 5 ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 2,407 หน่วย มูลค่า 13,061 ล้านบาท
ตลาดอสังหาฯ ไตรมาสสี่ ยอดขายลดลงต่อเนื่อง
ผลการสำรวจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 มียอดขายใหม่ลดลงต่อเนื่อง 4 ไตรมาส โดยไตรมาส 4 มีจำนวนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 18,208 หน่วย มูลค่า 94,793 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลงถึง 14.5% ในจำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ในกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร 11,228 หน่วย มูลค่า 69,654 ล้านบาท เป็นโครงการอาคารชุดจำนวน 6,980 หน่วย มูลค่า 25,139 ล้านบาท โดยเป็นการลดลงของยอดขายใหม่มีการเคลื่อนไหวในกลุ่มของโครงการอาคารชุดมากกว่า มีสัดส่วนลดลง 19.2% ส่วนยอดขายใหม่กลุ่มโครงการบ้านจัดสรรลดลง 11.3%
ระดับราคาที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่สูงสุดอยู่ในกลุ่มของระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 5,816 หน่วย และระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 4,288 หน่วย
5 ทำเลทอง สร้างยอดขายสูงสุด ประกอบด้วย
- อันดับ 1 ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 2,315 หน่วย มูลค่า 13,790 ล้านบาท
- อันดับ 2 ทำเลบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 1,711 หน่วย มูลค่า 8,768 ล้านบาท
- อันดับ 3 ทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 1,613 หน่วย มูลค่า 6,221 ล้านบาท
- อันดับ 4 ทำเลคลองหลวง จำนวน 1,333 หน่วย มูลค่า 4,294 ล้านบาท
- อันดับ 5 ทำเลลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 1,280 หน่วย มูลค่า 4,488 ล้านบาท
5 ทำเลที่มีที่จำนวนอาคารชุดขายได้ใหม่สูงสุด ประกอบด้วย
- อันดับ 1 ทำเลธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 1,053 หน่วย มูลค่า 3,619 ล้านบาท
- อันดับ 2 ทำเลพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ จำนวน 808 หน่วย มูลค่า 2,587 ล้านบาท
- อันดับ 3 ทำเลคลองหลวง จำนวน 542 หน่วย มูลค่า 1,099 ล้านบาท
- อันดับ 4 ทำเลเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 487 หน่วย มูลค่า 1,263 ล้านบาท
- อันดับ 5 ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 485 หน่วย มูลค่า 2,493 ล้านบาท
5 ทำเลที่มีจำนวนบ้านจัดสรรขายได้ใหม่สูงสุด ประกอบด้วย
- อันดับ 1 ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 1,830 หน่วย มูลค่า 11,296 ล้านบาท
- อันดับ 2 ทำเลบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 1,528 หน่วย มูลค่า 8,387 ล้านบาท
- อันดับ 3 ทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 1,152 หน่วย มูลค่า 5,010 ล้านบาท
- อันดับ 4 ทำเลลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 956 หน่วย มูลค่า 3,934 ล้านบาท
- อันดับ 5 ทำเลเมืองสมุทรสาคร จำนวน 880 หน่วย มูลค่า 4,717 ล้านบาท
จับตาจำนวนค้างสต็อกรวมกว่า 2 แสนยูนิต
ทั้งนี้ทำเลที่ควรเฝ้าระวังหรือทำเลที่มีหน่วยเหลือขายสูงสุด โดยจำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวน 209,894 หน่วย แบ่งเป็น โครงการหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขายจำนวน 41,470 หน่วย ที่อยู่อาศัยเหลือขายอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 73,571 หน่วย และที่อยู่อาศัยเหลือขายที่ยังไม่มีการก่อสร้างจำนวน 94,853 หน่วย
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายทั้งหมด ประกอบด้วยอาคารชุด 83,647 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 64,411 หน่วย บ้านเดี่ยว จำนวน 37,841 หน่วย บ้านแฝด จำนวน 22,098 หน่วย อาคารพาณิชย์ จำนวน 1,897 หน่วย ส่วนระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยเหลือขายสูงสุดอยู่ในกลุ่มราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท มีจำนวนถึง 63,582 หน่วย ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท จำนวน 53,743 หน่วย ระดับราคา 5.01 – 7.50 ล้านบาทจำนวน 27,135 หน่วย
ทำเลที่ต้องติดตาม ที่มีทำเลที่มีหน่วยเหลือขายสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
- อันดับ 1 ทำเลบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 20,271 หน่วย มูลค่า 103,335 ล้านบาท
- อันดับ 2 ทำเลลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 18,303 หน่วย มูลค่า 85,304 ล้านบาท
- อันดับ 3 ทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 16,762 หน่วย มูลค่า 93,270 ล้านบาท
- อันดับ 4 ทำเลคลองหลวง จำนวน 16,558 หน่วย มูลค่า 61,418 ล้านบาท
- อันดับ 5 ทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 13,807 หน่วย มูลค่า 45,221 ล้านบาท
ประเมินปี 67 โครงการเปิดใหม่สู่ตลาด 1.03 แสนหน่วย
ภาพรวมในปี 2567 ประเมินที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่อาจจะเข้ามาในตลาดรวม 103,019 หน่วย เพิ่มขึ้น 7% มูลค่ารวม 651,377 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 50,882 หน่วย มูลค่า 425,415 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 52,137 หน่วย มูลค่า 225,965 ล้านบาท
สำหรับจำนวนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ 91,869 หน่วย เพิ่มขึ้น 24.6% มูลค่า 486,084 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรรจำนวน 52,647 หน่วย มูลค่ารวม 333,868 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 39,222 ล้านบาท มูลค่า 152,216 ล้านบาท
ทั้งนี้ประเมินว่าภาพรวมโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขายจะมีจำนวน 232,216 หน่วย มูลค่า 1,296,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เทียบกับปี 2566 ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรร 135,654 หน่วย มูลค่า 866,755 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 96,562 หน่วย มูลค่า 429,621 ล้านบาท ส่วนอัตราดูดซับลดลงอยู่ที่ 2.4% ตามอุปทานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอัตราดูดซับการขายของโครงการอาคารชุดที่อาจมีการปรับลดลงมากกว่าบ้านจัดสรร
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29มี.ค. “ทรงตัว” ที่ระดับ 36.48 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศในช่วงปลายเดือน ไฮไลท์สำคัญวันนี้จับตาอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ ในคืนวันศุกร์นี้ มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.65 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 29มี.ค. 2567 ที่ระดับ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราต้องปรับมุมมองใหม่ต่อจุด Peak เงินบาทที่ได้ประเมินไว้ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ หลังเงินบาทได้อ่อนค่าทะลุเกินระดับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์
โดยการอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าว ได้เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป แถว 36.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก ซึ่งอาจต้องรอลุ้นว่า เงินดอลลาร์จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร หลังตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้
โดยเรามองว่า หากอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด อีกทั้งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อย่าง ประธานเฟด และ Mary Daly เริ่มมีความ hawkish มากขึ้น (เช่น ย้ำว่า เฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ย เพราะเศรษฐกิจยังดี และ
อัตราเงินเฟ้อชะลอลงช้า) ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ยไปช่วงไตรมาส 3 และอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ครั้ง ในปีนี้ ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ไม่ยาก กดดันทั้งราคาทองคำและเงินดอลลาร์
นอกจากนี้ ภาพดังกล่าว อาจกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ผันผวนอ่อนค่าทดสอบระดับ 152 เยนต่อดอลลาร์ หรือสูงกว่านั้นได้ แต่ต้องระวังการเข้าแทรกแซงจากทางการญี่ปุ่น ซึ่งเราคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ทางการญี่ปุ่นจะรอจังหวะตลาดการเงินสหรัฐฯ และยุโรป ปิดทำการ เพื่อเข้าแทรกแซงค่าเงิน ทำให้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) มีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นสู่โซน 150-151 เยนต่อดอลลาร์ หรือ ต่ำกว่านั้นได้ ซึ่งจะช่วยลดทอนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ออกมาตามคาด เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจย่อตัวลงบ้าง ทำให้เงินบาทก็สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้น และมีโอกาสทดสอบโซนแนวรับ 36.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้ แต่เงินบาทก็อาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นจากโซนดังกล่าวได้ง่ายนัก หากไม่มีปัจจัยหนุนอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ จะออกมาตามคาด ก็ยังคงต้องระวังความผันผวนจากการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนของทางการญี่ปุ่น
อนึ่ง เรายังขอเน้นย้ำว่า ในช่วงนี้ ความผันผวนของเงินบาทนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และ
นอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.65 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.41-36.50 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างยังคงกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (เฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด) หลังภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงสดใส ส่งผลให้เงินดอลลาร์ยังมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อ
โดยเฉพาะหากรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ ออกมาสูงกว่าคาด ย้ำความกังวลของผู้เล่นในตลาดว่า เฟดจะไม่รีบลดดอกเบี้ย นอกจากนี้ เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศในช่วงปลายเดือน ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะ Buy on Dip ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อยาก ยกเว้นจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาช่วยหนุนการแข็งค่า
ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ในวันศุกร์นี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เลือกที่จะขายทำกำไรหุ้นเทคฯ ใหญ่ ออกมาบ้าง อาทิ Meta -1.7% ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน Exxon Mobil +1.1% ตามการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาดราว +0.11%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.18% แม้ว่าจะถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นเทคฯ SAP -0.9% เช่นเดียวกับฝั่งสหรัฐฯ ทว่าตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน TotalEnergies +0.7% นอกจากนี้ แนวโน้มการทยอยปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของบรรดาธนาคารกลางในยุโรป ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นยุโรปในช่วงนี้เช่นกัน
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways แถวระดับ 4.21% โดยผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน ด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ในวันศุกร์นี้
ทั้งนี้ เราย้ำมุมมองเดิมว่า ควรระวังความผันผวนของตลาดบอนด์ ในช่วงวันหยุด Good Friday ของตลาดการเงินยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นวันที่ตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ โดยบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นได้ หากอัตราเงินเฟ้อ PCE ออกมาสูงกว่าคาด
แต่เนื่องจาก เรายังคงมองว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้ ทำให้เราคงแนะนำนักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในทุกจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงกว่าระดับ 4.20% จาก Risk-Reward ที่มีความคุ้มค่าพอสมควร
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดและต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ในคืนวันศุกร์นี้ ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 104.5 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.3-104.6 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะย่อตัวของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับสถานะเพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของผู้เล่นในตลาด ได้หนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
โดยราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ได้ปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวขึ้นดังกล่าวของราคาทองคำ อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไร และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด คือ รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ (รายงานจะประกาศในช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) เนื่องจากจะเป็นข้อมูลสำคัญที่เฟดใช้ประกอบการพิจารณานโยบายการเงิน
หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป PCE และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core PCE เร่งตัวสูงขึ้น (ออกมาสูงกว่าคาด) โดยเฉพาะในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในภาคบริการ ที่ไม่รวมค่าบ้านต่างๆ (Core Services ex. Housing) ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ย
และอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ ซึ่งในจังหวะการรายงานข้อมูลดังกล่าวนั้น จะอยู่ในช่วงปิดทำการของตลาดการเงินสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้ปริมาณธุรกรรมอาจเบาบางและส่งผลให้ตลาดการเงินผันผวนสูงได้ โดยความผันผวนสูงดังกล่าวอาจดำเนินต่อเนื่องไปถึงช่วงวันจันทร์สัปดาห์หน้าได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ทั้งประธานเฟด Jerome Powell และ Mary Daly ที่จะมาในช่วงหลังรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE (ราว 22.20 น. ตามเวลาประเทศไทย) เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.50-36.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.42 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทอ่อนค่าลงตามค่าเงินหยวน และสกุลเงินเอเชียบางส่วน สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่มีแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาล่าสุด
และสัญญาณจากเจ้าหน้าที่สะท้อนว่า เฟดอาจไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ โดยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีสหรัฐฯ ไตรมาส 4/66 ที่ปรับทบทวนขึ้น ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลง
ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.พ. ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนมี.ค.
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.35-36.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ของสกุลเงินในภูมิภาค ถ้อยแถลงของประธานเฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ อัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนีราคา PCE และ Core PCE รวมถึงข้อมูลรายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.พ.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชูต 3×3 สงขลาคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์, กทม.นำโด่งจ่อเจ้าทองกีฬาเยาวชน
ยัดห่วง 3×3 สงขลา ที่ไร้ผู้ฝึกสอน เดินทางมาแก้เกมกันเอง โดยมีเพียงผู้ปกครองสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ โค่นแชมป์ 2 สมัยล่าสุด กทม. ในรอบชิงชนะเลิศ 17-12 คว้าเหรียญทองประเภททีมชายครั้งแรกในประวัติศาสตร์จังหวัด ด้าน “เงือกพลับพลึง” สิเนห์อานิญช์ โชติวัตธนาเดชา จากอุบลราชธานีปิดจ็อบคว้าเหรียญทองที่ 4 ว่ายน้ำในประเภทบุคคลวันสุดท้าย จากเดี่ยวผสม 200 ม.หญิง ด้านประมุขเทคบอลไทยเฟ้นยช.ฝีเท้าดีชาย 15 หญิง 15 จาก “ราชบุรีเกมส์” เข้าคัดตัวเยาวชนทีมชาติ ปูทางสู่ศึกชิงแชมป์โลก ขณะที่ทัพนักกีฬากรุงเทพฯยังโหดต่อเนื่องนำโด่งและจ่อเจ้าทองอีกสมัยหลังโกยแล้ว 85 ทอง 63 เงิน 72 ทองแดง ส่วน อันดับ 2 ชลบุรี 40 ทอง 14 เงิน 27 ทองแดง และเจ้าภาพราชบุรี รั้งอยู่ในอันดับที่ 40 คว้าไป 2 ทอง 8 เงิน 5 ทองแดง
การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 “ราชบุรีเกมส์” ซึ่งกำหนดแข่งขันระหว่างวันที่ 21-31 มี.ค.67 ที่จ.ราชบุรี โดยเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ไฮไลต์ประจำวันอยู่ที่กีฬาบาสเกตบอล 3×3, เทคบอล และ ว่ายน้ำ ที่แข่งขันกันเป็นวันสุดท้าย กองเชียร์ทั้งในจังหวัดราชบุรีและจากทั่วประเทศไทยให้ความสนใจแห่ชมคับคั่งทุกๆ สนาม
เริ่มที่บาสเกตบอล 3×3 ชิง 2 ทอง ที่โรงยิม 4,000 ที่นั่ง ในประเภททีมชาย รอบชิงฯเป็นการปะทะกันระหว่าง กรุงเทพฯ แชมป์ 2 สมัยซ้อน ที่ส่ง ธีราทร อมรเดโช, รัชพล อุทัย และ สกลธรณ์ รัตน์สิงทึก ลงสนาม โดยมี ธีรภัทร เต็งสุจริตกุล เป็นตัวสำรอง พบ สงขลา ทีมม้ามืดฟอร์มแรง ที่มี ธราภณ กิจเสนแก้ว, ธีร์ธวัช อัจฉริยะพันธุ์ และ อนาวิน เอียดนุ่น ลงสนาม โดยมี ภรัณยู รัตนอุบล เป็นตัวสำรอง
รูปเกมค่อนข้างเซอร์ไพรส์เพราะเป็นทางม้ามืดสงขลาที่โชว์ฟอร์มได้จัดจ้านเหนือแชป์เก่า 2 สมัยล่าสุด ผู้เล่นสงขลามีความว่องไวและแม่นยำเหมือนระดับไทยลีก เล่นเอาผู้เล่นกทม.ไปไม่เป็น ก่อนสงขลาจะเป็นฝ่ายเอาชนะ 17-12 ผงาดคว้าเหรียญทองบาสฯ 3×3 ทีมชายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จังหวัด ส่วนแชมป์เก่ากทม.ได้เพียงเหรียญเงิน และเหรียญทองแดงเป็นของ อุดรธานี กับ ราชบุรี ขณะที่ประเภททีมหญิง เหรียญทองเป็นของ กรุงเทพมหานคร ที่เอาชนะ ศรีสะเกษ 18-13 ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ ส่วนเหรียญทองแดงเป็นของ เชียงใหม่ และ เลย
ว่าที่ร้อยตรีหญิง เพ็ญกานต์ ศิลปวิสิทธิ์ ผู้ปกครองของทีมบาสเกตบอล 3×3 สงขลา เปิดเผยหลังทัพยัดห่วงจากแดนใต้โค่นบัลลังก์แชมป์เก่า 2 สมัยซ้อนกรุงเทพมหานครลงได้ว่า ทีมเรามีผู้เล่นเยาวชนทีมชาติแค่คนเดียวคือ อนาวิน เอียดนุ่น นอกนั้นเป็นเด็กๆ จากหาดใหญ่หมด พวกเขาเคยได้แชมป์สพฐ.ตอนรุ่น 12 ปีเท่านั้น ไม่ได้มีดีกรีอะไร แต่พวกเขาเล่นกันมานานและมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา เพียงแต่ว่าไม่ได้ไปคัดตัวที่ไหน ซึ่งโค้ชและผู้จัดการทีมเองก็มองว่าแม้ไม่ได้มีชื่อเสียงแต่เชื่อว่าเด็กกลุ่มนี้สามารถไปได้ถึงแชมป์ และยิ่งดีเสียอีกที่ไปแข่งแบบไม่มีดีกรีจึงไม่มีความกดดัน แต่ทั้งโค้ชและผู้จัดการทีมต่างติดธุระสำคัญทำให้ครั้งนี้นักกีฬามาแข่งกันเองโดยไม่มีโค้ช ต้องวางแผนกันเองทุกเกม มีเพียงผู้ปกครองที่คอยซัพพอร์ต และพวกเราทุกคนก็รวมหัวใจกันทำสำเร็จ ซึ่งตอนนี้เด็กแต่ละคนในทีมก็เริ่มมีคนจากกรุงเทพฯ อยากดึงตัวไปร่วมด้วยแล้ว มองว่าหลังจากนี้เด็กสงขลาชุดนี้จะต้องมีชื่อเสียงขึ้นอีกแน่
เทคบอล ที่โรงเรียนดรุณาราชบุรี วิเทศน์ศึกษา มีการบรรจุแข่งขันชิงเหรียญทองในกีฬาเยาวชนแห่งชาติปีแรก ไฮไลต์อยู่ในประเภทเดี่ยวหญิง เป็นการพบกันระหว่าง นภสร ใจคำ จากเชียงใหม่ พบ ภัสส์รวรรณ สีมาวงศ์ ของทีมเจ้าภาพราชบุรี โดยรูปเกมสุดสูสี ผลัดกันแพ้ชนะ ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น นภสร จากเชียงใหม่ เตะเอาชนะคู่แข่งเจ้าภาพ 2-1 เซต 5-12, 12-15 และ 12-8 คว้าเหรียญทองไปครอง ราชบุรี ได้เหรียญเงิน ส่วนเหรียญทองแดงเป็นของ ปวัณรัตน์ หีมเกตุ จากนนทบรี และ บัณฑิตา ภูมิสาคู จากชลบุรี ขณะที่ประเภทเดี่ยวชาย เหรียญทอง นครินทร์ โพธิืหล้า จากมหาสารคาม, ประเภทคู่หญิง เหรียญทอง บัณฑิตา ภูมิสาคู กับ วรัทยา พ่วงแก้ว จากชลบุรี และประเภทคู่ชาย เหรียญทอง ณัฐวัฒน์ เกาลุน กับ ประกาศิต นามลิวัน จากขอนแก่น
พลเอก รณชัย มัญชุสุนทรกุล นายกสมาคมกีฬาเทคบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนได้บอกให้ทีมงานสมาคมฯ คอยเฟ้นคัดตัวนักกีฬาที่มีประสิทธิภาพจากมหกรรมกีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งนี้ ตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบชิง เราจะดูทุกคนทั้งชายและหญิง แล้วคัดประเภทละ 10-15 คน แล้วตัดเชือกกันอีกทีว่าใครจะเป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทยซึ่งเราจะเริ่มสร้างกันปีนี้ปีแรก แต่ก็ต้องดูด้วยว่าช่วงเวลานั้นนักกีฬาเหล่านั้นเขาติดเรียนหรือไม่ เพราะทางสมาพันธ์เทคบอลนานาชาติเขากำหนดออกมาแล้วว่าตั้งแต่นี้ต่อไปนักกีฬาที่ร่วมแข่งชิงแชมป์โลกได้จะต้องมีอันดับเวิลด์แรงกิ้ง ตั้งแต่นี้ไปเราจึงจะเริ่มสร้างเด็กตั้งแต่ปีนี้และส่งแข่งรายการต่างๆ เพื่อให้เด็กมีเวิลด์แรงกิ้งเป็นเรื่องเป็นราว
ว่ายน้ำ ที่ค่ายบุรฉัตร เป็นการชิงชัยวันสุดท้าย ไฮไลต์อยู่ในรายการ เดี่ยวผสม 200 ม. หญิง และเป็นทาง “เงือกพลับพลึง” สิเนห์อานิญช์ โชติวัตธนาเดชา เงือกสาวจากอุบลราชธานี ที่ระเบิดฟอร์มเก่งตามคาด จ้วงแตะขอบสระเป็นคนแรกด้วยเวลา 2.25 น. คว้าเหรียญทองประเภทบุคคลเหรียญที่ 4 ของตัวเอง ส่วนเหรียญเงินเป็นของ ฉัตรพิชชา รัตนารมย์ จากกรุงเทพฯ ทำเวลา 2.27 น. และเหรียญทองแดง ณัฐกฤตา ลีกิจจากร จากกรุงเทพฯ ทำเวลา 2.28 น.
ด้านรายการ ฟรีสไตล์ 1,500 ม. ชาย เหรียญทองตกเป็นของ คมชาญ วิชาชัย ฉลามหนุ่มจากกรุงเทพมหานคร ทำเวลา 16.38 น. เป็นเหรียญทองเหรียญที่ 3 ของเจ้าตัว ส่วนเหรียญเงินได้แก่ นพวิชญ์ ตั้งพงศ์บัณฑิต จากสุพรรณบุรี ทำเวลา 16.45 น. และเหรียญทองแดง ธนกฤต ลีลานุช จากเชียงใหม่ ทำเวลา 17.08 น. นอกจากนี้ คมชาญ วิชาชัย ยังได้รับรางวัลนักกีฬาดีเด่นฝั่งชายในราชบุรีเกมส์ครั้งนี้ไปครองอีกด้วย ส่วนดีเด่นฝั่งหญิงได้แก่ ฐิติรัตน์ เจริญทรัพย์ จากกรุงเทพมหานคร
สรุปตารางเหรียญกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 39 ประจำวันที่ 28 มี.ค.67 ณ เวลา 19.05 น. (10 อันดับแรก) อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร นำโด่งและจ่อเจ้าทองศึกเยาวชนหนนี้ หลังโกยแล้วถึง 85 ทอง 63 เงิน 72 ทองแดง, อันดับ 2 ชลบุรี 40 ทอง 14 เงิน 27 ทองแดง, อันดับ 3 เชียงใหม่ 26 ทอง 32 เงิน 38 ทองแดง, อันดับ 4 ศรีสะเกษ 21 ทอง 21 เงิน 24 ทองแดง, อันดับ 5 สมุทรสาคร 17 ทอง 17 เงิน 10 ทองแดง, อันดับ 6 นครศรีธรรมราช 15 ทอง 20 เงิน 36 ทองแดง, อันดับ 7 นครสวรรค์ 14 ทอง 9 เงิน 18 ทองแดง, อันดับ 8 กระบี่ 13 ทอง 12 เงิน 9 ทองแดง, อันดับ 9 นครราชสีมา 13 ทอง 11 เงิน 15 ทองแดง และ อันดับ 10 อุบลราชธานี 12 ทอง 7 เงิน 13 ทองแดง ส่วนเจ้าภาพราชบุรี อยู่ในอันดับที่ 40 คว้าไป 2 ทอง 8 เงิน 5 ทองแดง
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
6 โรคร้ายถามหา ถ้า “ดื่มน้ำน้อย”
ภัยร้ายที่เกิดขึ้นจากนิสัยการดื่มน้ำน้อย ที่หลายคนไม่เคยตระหนึกถึง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่แทบไม่ได้ลุกออกมาจากเก้าอี้ แก้วน้ำรินน้ำเอาไว้เต็มแก้วแต่อยู่ไปได้ทั้งวัน หรือวุ่นเสียจนไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ วิ่งเข้าออกห้องประชุม ได้ดื่มน้ำเฉพาะช่วงที่ทานข้าวกลางวันเท่านั้น ขอบอกไว้เลยว่าร่างกายของคุณกำลัง “ขาดน้ำ” โดยที่คุณไม่รู้ตัว และมันส่งผลร้ายถึงสุขภาพอย่างร้ายแรงโดยที่คุณก็ไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน
6 โรคร้ายถามหา ถ้า “ดื่มน้ำน้อย”
- สมองเสื่อม
ใครจะไปเชื่อว่าแค่ดื่มน้ำน้อย ก็เสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมได้ เพราะเมื่อร่างกายของเราขาดน้ำ ปริมาณของน้ำในร่างกายไม่เพียงพอในการเป็นส่วนหนึ่งของเลือดที่สูบฉีดไปทั่วร่างกาย เมื่อเลือดมีความข้นหนืดมากขึ้น ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงที่สมองได้เพียงพอ จึงเป็นสาเหตุของอาการสมองเสื่อมได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นหากคุณรู้สึกไม่สดชื่น เนือยๆ คิดอะไรช้า ไม่กระฉับกระเฉง อึนๆ มึนๆ นั่นอาจเป็นผลมาจากแค่การ “ดื่มน้ำน้อยเกินไป” ก็ได้นะ - ริดสีดวงทวาร
แน่นอนที่สุดว่าหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ส่งผลไปถึงการย่อยในกระเพาะอาหารที่ทำได้ยากลำบากมากขึ้น และลำไส้ที่แห้ง อาจทำให้เราไม่สามารถขับอุจจาระออกมาได้ เพราะอุจจาระอาจแห้งเกินไป เมื่อของเสียสะสมอยู่ในลำไส้ ลำไส้ก็จะดูดซึมของเสียนั้นกลับเข้าร่างกายไปอีก ยิ่งทำให้เลือดมีของเสีย และข้นหนืดกว่าเดิม อุจจาระก็แข็งแห้งกว่าเดิม จนเกิดเป็นอาการท้องผูก และท้ายที่สุดลงเอยด้วยโรคริดสีดวงทวารนั่นเอง - ปวดข้อ
เชื่อหรือไม่ว่ากระดูกอ่อนในหลายๆ ส่วนของร่างกาย รวมไปถึงหมอนรองกระดูก ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญ และเกิดอาการผิดปกติได้ง่าย มีส่วนประกอบเป็นน้ำมากถึง 80% ดังนั้นหากข้อต่อหรือหมอนรองกระดูกแห้ง ไม่ชุ่มชื้นเพียงพอ อาจทำให้ข้อต่อต่างๆ ดูดซับแรงกระแทกได้ไม่ดีพอ จนเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย หรืออาจอักเสบได้ง่ายเมื่อต้องออกแรงเดิน ยก เหวี่ยง หรือแม้แต่ตอนออกกำลังกาย และยกน้ำหนัก - ทางเดินปัสสาวะอักเสบ / กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
หากคุณมีอาการปวดปัสสาวะ แต่ไม่มีปัสสาวะไหลออกมา หรือไหลออกเพียงหยดสองหยด คุณอาจกำลังเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อันเนื่องมาจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ การติดเชื้อ และการกลั้นปัสสาวะนานๆ - อ้วน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหากคุณดื่มน้ำน้อย เป็นสาเหตุที่อาจนำไปสู่โรคอ้วนได้ เพราะหากคุณดื่มน้ำอย่างเพียงพอในตอนเช้า ระหว่างมื้อกลางวัน และตอนเย็น หรืออาจดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนทานอาหาร คุณจะพบว่าคุณอิ่มง่ายอิ่มเร็วกว่าการทานอาหารโดยไม่ดื่มน้ำเลย ยิ่งถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่กินจุอยู่แล้ว แล้วยิ่งไม่ดื่มน้ำอีก ด้วยความหิวหรือความอยากอาหาร คุณอาจทานเพลินจนน้ำหนักขึ้นได้ง่ายๆ - ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
ประจำเดือนของคุณผู้หญิงเป็นตัวบ่งบอกถึงสุขภาพได้ดีอีกอย่างหนึ่ง หากคุณพบว่าคุณมีประจำเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ ขาดๆ หายๆ มีน้ำเกินไป มีสีเข้มเกินไป มาเป็นลิ่มเลือด หรือแม้กระทั่งปวดท้องประจำเดือนมาก สาเหตุสำคัญที่คุณอาจละเลยอาจมาจากการดื่มน้ำน้อยก็เป็นได้ เพราะเมื่อน้ำในร่างกายมีปริมาณไม่เพียงพอ ร่างกายจึงไม่สามารถนำน้ำไปสร้างเป็นประจำเดือนได้นั่นเอง
3 สัญญาณของคนดื่มน้ำน้อย
หากไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคนดื่มน้ำน้อยหรือไม่ ให้สังเกตได้จาก
- ปัสสาวะไม่ถึง 4-7 ครั้งต่อวัน
- ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มแทบทุกครั้ง
- ปัสสาวะมีกลิ่นฉุนจัด
แค่ ดื่มน้ำน้อย ก็ส่งผลเสียถึงร่างกายได้มากมายขนาดนี้ นี่ยังไม่รวมถึงผลเสียด้านผิวพรรณที่หย่อนคล้อย หมองคล้ำ ผิวแห้ง ตาแห้ง และดูแก่กว่าวัยอีกนะ สาวๆ ได้ยินแล้วคงกรี๊ดเลยสิ
เพราะฉะนั้นหากใครมีอาการตามสัญญาณของคนดื่มน้ำน้อยดังกล่าว ควรดื่มน้ำเพิ่มขึ้นให้ได้ราวๆ 1,500-2,000 มิลลิลิตรต่อวัน หรือ 6-8 แก้วต่อวัน หรือถ้ากลัวลืมก็เอาขวดลิตรมาตั้งไว้บนโต๊ะ 1 ขวด แล้วเตือนตัวเองว่าต้องดื่มให้หมด ทำงานจิบไป เข้าห้องประชุมก็ถือแก้วน้ำเข้าไปด้วย รับรองว่าหากทำได้ร่างกายของคุณจะไม่ขาดน้ำอีกต่อไป
หมายเหตุ หากคุณดื่มน้ำไม่ถึง 6-8 แก้ว แต่ไม่มีอาการที่แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของคนดื่มน้ำน้อย อาจเป็นเพราะคุณดื่มเครื่องดื่ม หรือทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากพออยู่แล้ว จึงอาจไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำให้ได้ 6-8 แก้วต่อวัน แต่อย่างไรก็ตาม “น้ำเปล่า” ก็ยังสำคัญต่อร่างกาย อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าบ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน ง่ายๆ ไว้พูดกับเพื่อน
ภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ปฏิเสธกันไม่ได้เลยนะคะ ว่าปัจจุบันภาษาอังกฤษมีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
เพราะประเทศไทยเราเปิดต้อนรับคนทุกเชื้อชาติ ทำให้เรามีโอกาสได้พบปะกับผู้คนใหม่ๆ ในการท่องเที่ยว หรือการทำธุรกิจร่วมกัน บางคนอาจได้เพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นด้วย และเหตุผลอีกมากมาย ที่ส่งผลให้ภาษาอังกฤษในปัจจุบันมีความจำเป็นในการสื่อสารมากขึ้น
วันนี้แอดมินเลยนำประโยคภาษาอังกฤษสั้นๆ ที่ใช้พูดกันทั่วไป หรือไว้พูดกับเพื่อนๆ แบบไม่เป็นทางการ มาไว้ฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวันกันค่ะ จะมีคำว่าอะไรบ้างไปดูกันเลย
ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจําวัน
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน ง่ายๆ คำที่ใช้พูดทั่วๆ ไป และคุยกับเพื่อนได้ มีดังนี้
ประโยคคําถามภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน
What have you been doing? แปลว่า ช่วงนี้คุณทำอะไรบ้าง?
What’s on your mind? แปลว่า คุณคิดอะไรอยู่?
Is that so? แปลว่า อย่างนั้นหรือ?
How come? แปลว่า ทำไมล่ะ?
How’s it going? แปลว่า เป็นอย่างไรบ้าง?
Got a minute? แปลว่า มีเวลาไหม?
About when? แปลว่า เมื่อไหร่?
Anything else? แปลว่า มีอะไรอีกไหม?
So we’ve met again, eh? แปลว่า เราจะได้พบกันอีกใช่ไหม?
ประโยคคําสั่งภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจําวัน
Help yourself! แปลว่า เชิญตามสบาย
Speak up! แปลว่า พูดซิ
Come here. แปลว่า มานี่
Do as I say. แปลว่า ทำอย่างที่ฉันพูด
Explain to me why. แปลว่า อธิบายฉันมาซิว่าทำไม
Stop it right away! แปลว่า หยุดเดี๋ยวนี้เลย
No litter. แปลว่า ห้ามทิ้งขยะ
Go for it! แปลว่า ลงมือทำเลย
Be good! แปลว่า อย่าซน ทำตัวดีๆ
Mark my words! แปลว่า จำคำพูดฉันเอาไว้นะ
Give me a certain time! แปลว่า ให้เวลาที่แน่นอนกับฉันด้วย
ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน ใช้พูดกับเพื่อน
Absolutely! แปลว่า อย่างแท้จริง
Nothing much. แปลว่า ไม่มีอะไรมาก
I was just thinking. แปลว่า ฉันแค่กำลังคิด
I was just daydreaming. แปลว่า ฉันแค่ฝันกลางวัน
It’s none of your business. แปลว่า ไม่ใช่เรื่องของคุณ
Definitely! แปลว่า อย่างแน่นอน
Of course! แปลว่า แน่นอน
You better believe it! แปลว่า เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
I guess so แปลว่า ฉันเห็นด้วย
I’ll be shot if I know. แปลว่า ฉันต้องตายแน่ถ้าฉันรู้
There’s no way to know. แปลว่า ไม่มีทางที่จะรู้เลย
I can’t say for sure. แปลว่า ฉันบอกได้ไม่ชัดหรอกนัก
This is too good to be true! แปลว่า มันดีเกินกว่าที่จะเป็นจริง (เหลือเชื่อ)
No way! (Stop joking!) แปลว่า ไม่มีทาง
I got it. แปลว่า ฉันเข้าใจแล้ว
Right on! (Great!) แปลว่า ถูกต้อง!
I did it! (I made it!) แปลว่า ฉันทำได้แล้ว
I won’t take but a minute. แปลว่า ฉันใช้เวลาไม่นานหรอก
To argue hot and long. แปลว่า ข้อโต้แย้งที่รุนแรง
This one is on me! แปลว่า ฉันเลี้ยงเอง
Never mind! แปลว่า ช่างมันเถอะ
Come over. แปลว่า มาเยี่ยม
Don’t go yet. แปลว่า อย่าเพิ่งไป
Please go first. After you. แปลว่า เชิญไปก่อนเลยครับ
Thanks for letting me go first. แปลว่า ขอบคุณที่ให้ฉันไปก่อนนะคะ
What a relief. แปลว่า โล่งอกไปที
bad luck! แปลว่า โชคร้าย
You’re a life saver. แปลว่า คุณช่วยชีวิตฉันไว้
I know I can count on you. แปลว่า ฉันรู้ว่าฉันสามารถไว้ใจคุณได้
That’s a lie! แปลว่า นั่นเป็นเรื่องโกหก
This is the limit! แปลว่า นี่คือขีดจำกัด
Ask for it! แปลว่า แส่หาเรื่อง
In the nick of time. แปลว่า ทันเวลาพอดี
Don’t forget แปลว่า อย่าลืมนะ
How cute! แปลว่า ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้
None of your business! แปลว่า ไม่ใช่ธุระของคุณ
Don’t peep! แปลว่า ห้ามแอบดู
What I’m going to do if… แปลว่า ฉันจะทำยังไงถ้า…
A wise guy, eh?! แปลว่า คนที่อวดฉลาดหรอ?
You’d better stop dawdling. แปลว่า คุณควรจะหยุดทำตัวอืดอาดได้แล้ว
Say cheese! แปลว่า ยิ้มหน่อย
what a pity! แปลว่า น่าเสียดายจัง
Please speak more slowly แปลว่า กรุณาพูดช้าๆกว่านี้หน่อย
Scratch one’s head. แปลว่า เวลาที่เราพบความยากลำบากในการทำความเข้าใจกับบางสิ่งบางอย่าง
Take it or leave it! แปลว่า ยอมรับหรือลืมมันเสียเถอะ
Just kidding (joking) แปลว่า ล้อเล่น
No, not a bit. แปลว่า ไม่แม้แต่น้อยเลย, ไม่เลย
Nothing particular! แปลว่า ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
I’ll take your word for it. แปลว่า ฉันจะเชื่อคุณละกัน
The same as usual! แปลว่า เหมือนเดิม
It serves you right! แปลว่า สมน้ำหน้า
The more, the merrier! แปลว่า คนยิ่งเยอะก็ยิ่งครึกครื้น
Boys will be boys! แปลว่า ผู้ชายก็เป็นผู้ชายอยู่วันยังค่ำ
Good job! / Well done! แปลว่า ดีมาก
Just for fun! แปลว่า แค่สนุกๆ, ขำๆ
Try your best! แปลว่า พยายามให้ถึงที่สุด
Make some noise! แปลว่า ขอเสียงหน่อย
Calm down! แปลว่า ใจเย็นๆ
Go for it! แปลว่า ลงมือทำเลย
Strike it lucky. แปลว่า โชคดี
What a relief! แปลว่า โล่งอกไปที
Always the same. แปลว่า เหมือนเดิมตลอด
Hit it off. แปลว่า ถูกชะตากัน
Hit or miss. แปลว่า อย่างไม่ระมัดระวัง, อย่างไร้ทิศทาง
Add fuel to the fire. แปลว่า เติมเชื้อไฟ
Don’t mention it! / Not at all. แปลว่า ไม่เป็นไร
Enjoy your meal! แปลว่า ทานอาหารให้อร่อยนะ
Provincial! แปลว่า บ้านนอก
Discourages me much! แปลว่า ฉันรู้สึกท้อมาก
It’s a kind of once-in-life! แปลว่า มันคือครั้งหนึ่งในชีวิต
The God knows! แปลว่า พระเจ้าทรงทราบ, พระเจ้าทรงเป็นพยาน
Poor you/me/him/her..! แปลว่า น่าสงสารจัง
Almost done! แปลว่า เกือบเสร็จแล้ว
You ‘ll have to step on it. แปลว่า คุณต้องรีบๆหน่อย
I’m in a hurry. แปลว่า ฉันกำลังรีบ
Sorry for bothering! แปลว่า ขอโทษที่รบกวน
Congrats! แปลว่า ยินดีด้วยนะ!
Congratulations! แปลว่า ขอแสดงความยินดีด้วย
Congratulations on your success. แปลว่า ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเธอน้า
Sincere Congratulations! แปลว่า ขอแสดงความยินดีด้วยจากใจเลย!
Let me congratulate you. แปลว่า ขอชั้นยินดีกับเธอด้วยคนนะ
Well done! หรือ Good job! แปลว่า ทั้งสองคำนี้แปลว่า ทำได้ดีมากๆ เลย!
I’m so happy for you. แปลว่า ชั้นรู้สึกยินดีกับเธอมากๆ เลย
We’re so proud of you. แปลว่า พวกเราภูมิใจในตัวเธอนะ
ประโยคภาษาอังกฤษชวนเพื่อนคุย หลังวันหยุดยาว
How was your vacation? วันหยุดของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?
Where did you go? คุณไปที่ไหนมา
Who did you travel with? คุณไปเที่ยวกับใคร?
What was the most enjoyable thing that you did during your vacation? อะไรคือสิ่งที่คุณรู้สึกสนุกที่สุดในช่วงวันหยุด
Did you have any bad experiences? คุณเจออะไรแย่ๆ ไหม?
เพื่อนๆ สามารถนำประโยคภาษาอังกฤษนี้ ไปฝึกพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจําวัน จะได้พูดได้อย่างคล่องแคล่วนะคะ การเรียนภาษาอังกฤษไม่ยากเลยแต่ต้องให้เวลากับมัน แล้วหมั่นฝึกฝนบ่อยๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
เปิดฟีเจอร์ลับ แจ้งเตือนใครโทรมา และบล็อกเบอร์แปลก ฟรีบนมือถือ Samsung
อีก 1 เรื่องที่มือถือ Samsung เป็นจุดเด่นอย่างมากคือการให้ความปลอดภัย นอกจาก Auto Blocker แต่ยังมีฟีเจอร์ใหม่บอกเบอร์แปลกด้วยเช่นเดียวกัน แต่เราจะเปิดได้ที่ไหน มาดูกัน
วิธีเปิดฟีเจอร์เตือนเบอร์แปลกในมือถือ Samsung
เข้า Apps โทรศัพท์ (Phone)
กดที่ 3 จุดด้านขวามือ แล้วเลือกที่ตั้งค่า
กดที่ ID ผู้โทร และป้องกันสแปม กดให้เป็นสีเขียว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ประโยชน์ของ “แตงโม” และข้อควรระวังที่ควรทราบก่อนกิน
แตงโม เป็นพืชตระกูลแตง เช่นเดียวกับแคนตาลูป เมลอน แตงกวา เป็นต้น พันธุ์ที่อาจรู้จักกันดี เช่น พันธุ์จินตหรา แตงโมส่วนใหญ่มีรสหวาน เปลือกมีสีเขียวเป็นริ้ว เนื้ออาจมีสีแดงหรือสีเหลืองแล้วแต่สายพันธุ์ ผลไม้ชนิดนี้จัดเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำจึงนิยมรับประทานเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นหรือดับร้อน นอกจากนี้ แตงโมยังมีสารอาหารหลากหลายและยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งและเบาหวาน ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ ช่วยบำรุงหัวใจ อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคแตงโมในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ทำให้เสี่ยงน้ำตาลในเลือดสูง
คุณค่าทางโภชนาการของแตงโม
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Department of Agriculture หรือ USDA) ที่ตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2562 ระบุว่า แตงโมสุก 100 กรัม มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 91.4 มิลลิลิตร ให้พลังงาน 30 กิโลแคลอรี่ และมีสารอาหารต่างๆ ดังต่อไปนี้
- คาร์โบไฮเดรต 7.55 กรัม
- น้ำตาล 6.2 กรัม (แบ่งเป็นน้ำตาลฟรุกโตส 3.36 กรัม น้ำตาลกลูโคส 1.58 กรัม น้ำตาลซูโครส 1.21 กรัม และน้ำตาลมอลโทส 0.06 กรัม)
- โปรตีน 0.61 กรัม
- ไฟเบอร์ 0.4 กรัม
- ไขมัน 0.15 กรัม
- โพแทสเซียม 112 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 8.1 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 28 ไมโครกรัมอาร์เออี
นอกจากนี้ ในแตงโมยังมีวิตามินและแร่ธาตุอีกหลากหลายชนิด เช่น เหล็ก สังกะสี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 โฟเลต โคลีน แคโรทีน ลูทีนและซีแซนทีน โดยเฉพาะไลโคปีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลายจนเสื่อมสภาพก่อนวัย และอาจนำไปสู่โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น
ประโยชน์ของแตงโม
แตงโมอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนคุณสมบัติในการรักษาและป้องกันโรค และการส่งเสริมสุขภาพของแตงโม ดังนี้
- ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาดน้ำ
แตงโมได้ชื่อว่าเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำ เนื่องจากมีน้ำประกอบอยู่มากถึงประมาณ 90% ยกตัวอย่าง แตงโมสุก 100 กรัม มีน้ำ 91.4 มิลลิลิตร และการรับประทานอาหารที่มีน้ำในปริมาณมากอาจช่วยให้ร่างกายชุ่มชื้น ส่งผลให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ เช่น การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย การลำเลียงสารอาหารไปสู่อวัยวะส่วนต่างๆ ทั้งยังช่วยให้ร่างกายตื่นตัวอยู่เสมอ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาดน้ำ - อาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า อนุมูลอิสระเป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถทำลายเนื้อเยื่อและเซลล์ หรือทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ของเซลล์ เช่น ดีเอ็นเอ โปรตีน เยื่อหุ้มเซลล์ แปรสภาพและเสื่อมสภาพก่อนวัย ส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง แต่หากร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระเพียงพอ อาจช่วยปรับสมดุลของอนุมูลอิสระภายในร่างกาย และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าวได้
ในแตงโมมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ไลโคปีน คิวเคอร์บิทาซิน อี (Cucurbitacin E) โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไลโคปีนกับความเสี่ยงมะเร็งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Medicine (Baltimore) ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งได้ทำการวิจัยโดยการทบทวน วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลจากงานวิจัยอื่นที่เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 2,300 ชิ้น พบว่า การบริโภคไลโคปีนซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งเป็นประจำอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ เนื่องจากไลโคปีนอาจช่วยลดระดับไอจีเอฟ-วัน (IGF-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลิน และทำให้เซลล์แบ่งตัว เมื่อฮอร์โมนชนิดนี้ลดลง จึงอาจช่วยยับยั้งการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง - อาจช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
แตงโมมีกรดอะมิโนชื่อว่าซิทรูลีน (Citrulline) ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกาย โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยโค-รยอ ประเทศเกาหลีใต้ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Sport and Health Science ของประเทศจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างซิทรูลีนกับระดับแลคเตทในเลือด ค่าความเหนื่อย และอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย ด้วยวิธีการทบทวน วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 13 ชิ้น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานวิจัยทั้งหมด 206 คน พบว่า การรับประทานอาหารเสริมซิทรูลีนเป็นประจำ ช่วยลดค่าความเหนื่อย และอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายได้จริง โดยไม่ส่งผลต่อระดับแลคเตทในเลือด ซึ่งแลคเตท (Lactate) เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อออกแรงมากๆ ยิ่งมีแลคเตสสูง ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อ ทำให้มีอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อล้า
- อาจช่วยบำรุงผิว
วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวและผมแข็งแรง ส่วนวิตามินเอก็มีส่วนในกระบวนการสร้างและฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง การรับประทานแตงโมที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซีเป็นประจำจึงอาจช่วยให้สุขภาพผิวและเส้นผมแข็งแรงขึ้นได้ โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับบทบาทของวิตามินซีต่อสุขภาพผิวที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 พบว่า วิตามินซีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับวิตามินอี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ช่วยให้แผลที่ผิวหนังสมานเร็วขึ้น ช่วยลดการเกิดแผลเป็น ทั้งยังอาจช่วยลดเลือดริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วย - อาจช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
แตงโมเป็นผลไม้รสหวานที่ให้พลังงานต่ำ หากรับประทานแตงโมเป็นอาหารหวาน หรือเป็นของว่างรองท้องระหว่างมื้ออาหาร ในปริมาณพอเหมาะ อาจส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักมากกว่าการรับประทานเบเกอรี่ หรือขนมคบเคี้ยว โดยงานศึกษาชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยซานดิเอโก (San Diego State University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ซึ่งได้วิจัยเกี่ยวกับผลของการบริโภคแตงโมสดกับการตอบสนองต่อความอิ่มแบบฉับพลันและความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ใหญ่ (อายุ 18-55 ปี) ที่มีน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วน โดยให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มแรกรับประทานแตงโมสดทุกวันๆ ละ 2 ถ้วย (ประมาณ 300 กรัม) ซึ่งให้พลังงาน 92 กิโลแคลอรี่ และให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มที่ 2 รับประทานคุกกี้ที่ให้พลังงานเท่ากัน เป็นเวลาทั้งหมด 4 สัปดาห์ พบว่า แตงโมสดช่วยให้อิ่มและอยู่ท้องนานกว่าคุกกี้ โดยสามารถลดความหิวและความอยากอาหารได้นานกว่า 90 นาทีหลังรับประทาน นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างที่รับประทานแตงโมสดยังมีรอบเอวเล็กลง น้ำหนักตัวและระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ทั้งยังมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันในเลือดที่สมดุลขึ้นด้วย - อาจช่วยทำให้ข้อต่อแข็งแรงขึ้น
สารในกลุ่มแคโรทีนอยด์อย่างเบต้า-คริปโตแซนทีน (Beta-Cryptoxanthin) ในแตงโม อาจช่วยป้องกันข้อต่ออักเสบ ส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับข้อต่อ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ลดลงได้ โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารThe American Journal of Clinical Nutrition ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสารเบต้า-คริปโตแซนทีนและโรคข้ออักเสบหลายข้อ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยโรคข้ออักเสบหลายข้อชาวยุโรปจำนวนกว่า 25,000 ราย พบว่า การบริโภคเบต้า-คริปโตแซนทีนให้มากขึ้นจากการดื่มน้ำส้มคั้นสดวันละ 1 แก้ว เป็นต้น อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ - เผลอกลืนเมล็ดแตงโมจะเป็นอันตรายไหม
โดยปกติแล้ว การเผลอกลืนเมล็ดแตงโมเพียงไม่กี่เมล็ดลงท้องมักไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด เนื่องจากกรดในกระเพาะอาหารสามารถย่อยเมล็ดแตงโมและเปลี่ยนเป็นของเสียขับออกจากร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานเมล็ดแตงโมจำนวนมากอาจส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร หรือทำให้ท้องผูกได้ ก่อนรับประทานแตงโมจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีเมล็ดหลงเหลืออยู่ในเนื้อแตงโม โดยเฉพาะเมื่อผู้ที่จะรับประทานเป็นเด็กเล็ก เพราะนอกจากอาจทำให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินอาหารได้แล้ว เมล็ดแตงโมยังอาจติดคอ หรือทำให้สำลักได้
ข้อควรระวังในการบริโภคแตงโม
แม้แตงโมจะมีสารอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่หากรับประทานมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น
- ทำให้มีปัญหาในระบบย่อยอาหาร เช่น ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ท้องเสีย โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวน และโรคกรดไหลย้อน เนื่องจากแตงโมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตซึ่งไม่สามารถย่อยและดูดซึมในทางเดินอาหารได้ เช่น น้ำตาลฟรุกโตส
- อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ เนื่องจากแตงโมมีค่าดัชนีน้ำตาลหรือไกลซีมิกสูง หลังรับประทานเข้าไปอาจทำให้น้ำตาลในเลือดแปรปรวนหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนส่งผลให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน หรือมีภาวะเสี่ยงเบาหวาน
- การรับประทานแตงโมอาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ โดยสามารถสังเกตได้จากอาการ เช่น ลมพิษ ปากบวม หน้าบวม หายใจลำบาก หากพบอาการดังกล่าว ควรหยุดรับประทานแตงโมและเข้าพบคุณหมอทันที เพราะหากปล่อยไว้อาจนำไปสู่ภาวะปฏิกิริยาแพ้รุนแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 29/03/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 38,400.00 | 38,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,487.00 | 37,702.92 | 39,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,238.30 | 33,932.63 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,989.60 | 30,162.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,119.00 | 16,964.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 870.00 | 13,189.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,577.00 | 39,067.32 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/03/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.15 | 39.15 | 40.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 38.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.04 | 37.04 | 38.04 | 37.04 | 37.04 | – | 37.04 | 37.04 | 37.04 | 37.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.79 | 36.79 | – | – | – | – | – | – | – | 36.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.84 | 49.44 | 49.44 | 49.44 | – | – | – | – | – | 46.84 |
เบนซิน 95 | 47.04 | – | – | – | 48.21 | – | 47.54 | 47.19 | – | 47.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.84 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |