จากสถานทูตออสซี่สู่ศุภาลัย ไอคอน สาทรมิกซ์ยูสระดับลักชูรี2หมื่นล้าน
- ศุภาลัย ไอคอน สาทร มิกซ์ยูสสระดับลักชูรีมูลค่า2หมื่นล้าน ครั้งแรกในรอบ35ปี
- ประกอบไปด้วยคอนโดระดับลักชัวรีสูง56ชั้นจำนวน720ยูนิตราคาเริ่มต้นตั้งแต่8.9-134ล้านบาทพร้อมออฟฟิศเกรดAพ่วงพื้นที่รีเทล
“ศุภาลัย ไอคอน สาทร” ถือเป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชูรีครั้งแรกในรอบ35ปีของศุภาลัย ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียมระดับลักชูรีสูง56ชั้นจำนวน720ยูนิตราคาเริ่มต้นตั้งแต่8.9-134ล้านบาทหรือราคาเฉลี่ย2.3แสนบาทต่อตร.ม.พร้อมเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ จำนวน100 ยูนิต ออฟฟิศเกรดA และพื้นที่รีเทล
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)เผยว่า ศุภาลัย ไอคอน สาทร ถือเป็นโครงการมาสเตอร์พีชของบริษัทในรอบ35ปี หลังจากได้ประมูลซื้อที่ดินบนถนนสาทร พื้นที่เกือบ 8 ไร่ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของสถานทูตออสเตรเลียที่ตั้งมา39ปีเพื่อพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชูรีมูลค่า 20,000 ล้านบาท มีทั้งคอนโดมิเนียมระดับลักชูรี เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ จำนวน100 ยูนิต สำนักงานเกรด A ร้านค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชูรี 61% สำนักงาน29%และเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์10%
ประทีป มองว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังอสังหาฯฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลออกมาตรการออกมากระตุ้น โดยเชื่อว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง ในมุมมองภาคเอกชนอยากให้มีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อย25สตางค์ เพราะมีผลเชิงจิตวิทยาพร้อมกันนี้อยากให้รัฐออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อก่อนไม่จำเป็นต้องรอออกมาตรการกระตุ้นพร้อมกันทุกกลุ่ม
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศุภาลัย ไอคอน สาทร เป็นโครงการมิกซ์ยูสบนสุดยอดศักยภาพของทำเลถนนสาทร แวดล้อมด้วยย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญ สถาบันการศึกษาชั้นนำ อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ สถานที่สำคัญหลายแห่ง
อาทิ ธนาคารทิสโก้ (สำนักงานใหญ่) โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส สาทร โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาล BNH โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงแรมบันยันทรี และสวนลุมพินีใกล้ทุกการเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้า
“ปัจจุบันราคาที่ดินสาทรเฉลี่ย250,000ต่อตารางวา หรือเติบโตปีละ8% ถือว่าสูงมาก จากที่ซื้อที่ดินมาในราคา 140,000ต่อตารางวาสะท้อนเห็นว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพและหายากโดยเฉพาะโครงการที่เป็นฟรีโฮลด์ในระดับราคาเริ่มต้นที่8.9 – 134 ล้านบาทหรือราคาเฉลี่ย2.3แสนบาทต่อตร.ม. ถือเป็นคอนโดที่มีราคาสูงสุดของศุภาลัย”
ไตรเตชะ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ใช้เวลาในการพัฒนาโครงการมา4ปี ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาได้เปิดให้ลูกค้าได้เข้าชมโครงการอย่างเป็นทางการครั้งแรก ปรากฏว่าคอนโดมิเนียมมียอดขาย30%คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นคนไทย ส่วนต่างชาติ มีทั้งคนจีน ยุโรป อเมริกา คาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขาย50% ส่วนเพนท์เฮาส์ราคายูนิตละ134 จำนวน2ยูนิตได้ปิดการขายไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จำนวน100ยูนิตเตรียมไว้เพื่อรองรับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย ส่วนอาคารสำนักงานเกรด A และพื้นที่ร้านค้า ประกอบด้วยจำนวน 1 อาคาร ความสูง 14 ชั้น มีพื้นที่ประมาณ 24,063 ตารางเมตรค่าเช่า1,000บาทต่อเดือนล่าสุดมีผู้เช่าแล้ว20% พร้อมกันนี้มีสถานทูตสนใจที่เข้ามาเช่าพื้นที่หลังจากหมดสัญญาเช่าที่เดิม ส่วนพื้นที่รีเทลค่าเช่าอยู่ที่1,200บาทต่อเดือน มีผู้เช่าแล้ว15%
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“แอสเซทไวส์” เปิด3 แคมปัสคอนโด พร้อมอยู่ รับมาตรการรัฐเจาะทำเลในกทม.- EEC
“แอสเซทไวส์” เปิด3แบรนด์ KAVE แคมปัสคอนโดขวัญใจคนรุ่นใหม่ 3 โปรเจ็กต์ ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในไตรมาส 2/2567 มูลค่า 5,070 ล้านบาท เจาะทำเลใกล้มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และ EEC
ตลาดคอนโดมิเนียมแข่งขันสูงส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์ต่างหาจุดแข่งชิงกำลังซื้อนอกนอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล
นางสาวพชร ประพันธ์วัฒนะ กรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความสำเร็จของแบรนด์เคฟ (KAVE) อีกหนึ่งแบรนด์เรือธงของแอสเซทไวส์ ว่า ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ เตรียมรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ของแบรนด์เคฟ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเคฟ ซี้ด เกษตร, โครงการเคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ และโครงการเคฟ ยูนิเวิร์ส บางแสน มีมูลค่าโครงการรวม 5,070 ล้านบาท ซึ่ง 3 โครงการดังกล่าวได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเตรียมต้อนรับผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัย
โดยแบรนด์ KAVE ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า โดยมี Key Success 3 ประการคือ 1.ทำเลที่ตั้ง ซึ่งตั้งอยู่ในไพร์มโลเคชั่น มีความสะดวกสบายในการเดินทาง
2.การพัฒนาโครงการ ได้รับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของแบรนด์ KAVE ที่สำคัญอย่างยิ่งคือมีพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาในแต่ละย่านนั้น ๆ
และ 3.สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับกลุ่มนักลงทุนที่ปล่อยเช่าได้ในอัตราสูงถึง 8 – 10 % ถือว่าคุ้มค่าจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน
“แบรนด์ KAVE เป็นแคมปัสคอนโด ที่ตอบโจทย์ทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และลงทุนเพื่อปล่อยเช่า จาก Key Success ที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสบรรยากาศโครงการจริง โดยขณะนี้มีสัญญาณบวกจากลูกค้า ที่ตอบรับนัดหมายเข้าตรวจรับห้องชุดในเฟสแรกแล้ว ประกอบกับในช่วงนี้ยังมีแรงหนุนจากมาตรการอสังหาฯ ในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มาเป็นปัจจัยช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค โดยเชื่อว่าจะสามารถทำยอดโอนคอนโดทั้งปีของบริษัทฯ เป็นไปตามเป้าหมายวางไว้ได้อย่างแน่นอน” นางสาวพชร กล่าว
สำหรับ โครงการเคฟ ซี้ด เกษตร เป็นแคมปัสคอนโดมิเนียมใกล้ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Grow Your Verse” ที่สื่อถึงการเติบโตและงอกงามในแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ เป็นแหล่งรวมความสุขและสนุก บนพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ สูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 600 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ตั้งอยู่ทำเลซอยพหลโยธิน 34 ใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว
ที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อเมืองได้สะดวกสบาย ตกแต่งครบครัน Fully Furnished มีห้องหลากหลายแบบให้เลือกตั้งแต่ขนาด 22.10 – 47.10 ตร.ม. มาพร้อมส่วนกลางโดดเด่นที่จัดเต็ม และพิเศษยิ่งกว่าเดิมกว่า 30 รายการ เพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์สุดซี้ดของคนรุ่นใหม่ ในราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาทโดยเปิดให้สัมผัสชีวิตสุดซี้ดกับวิวจริง ตึกจริงแล้วตั้งแต่วันนี้
โครงการ “เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์” เป็นแคมปัสคอนโดเฟสสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดในบิ๊กโปรเจกต์ KAVE TOWN ภายใต้คอนเซ็ปต์ “มหึมาคลื่นความสุข บน Funtastic Island” บนพื้นที่ประมาณ 17 ไร่ สูง 8 ชั้น 7 อาคาร จำนวน 1,777 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท โดยโครงการตั้งอยู่ติดถนนพหลโยธิน ใกล้ ม. กรุงเทพ รังสิต ประกอบด้วยห้องพักตั้งแต่ขนาด 22.20 – 46.10 ตร.ม. ดีไซน์ส่วนกลางเป็นสวนน้ำขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความต้องการของคน Gen Z ในราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท ที่จะเปิดให้เข้าชม ในเดือนพฤษภาคม 67 นี้
สุดท้ายกับ โครงการเคฟ ยูนิเวิร์ส บางแสน แคมปัสคอนฯ มิติใหม่ของการอยู่อาศัยแบบมัลติเวิร์ส บนพื้นที่โครงการกว่า 13 ไร่ สูง 8 ชั้น 1 อาคาร เป็นสังคมส่วนตัวเพียง 245 ยูนิต มูลค่าโครงการ 520 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนบางแสนสาย 4 ห่างจากม.บูรพา เพียง 200 เมตร มาพร้อมห้องพักตั้งแต่ขนาด 23 – 25 ตร.ม.เพื่อไลฟ์สไตล์คุณภาพชีวิตของ Gen Z ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้10พ.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.71 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง หลังบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายหุ้นไทยต่อเนื่อง และเริ่มกลับมาขายบอนด์ไทยบ้าง สำหรับวันนี้ตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ และไทย
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้10พ.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.71 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.93 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจชะลอลงบ้าง
หลังเงินบาทได้แข็งค่าใกล้โซนแนวรับระยะสั้น นอกจากนี้ ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าก็ยังคงมีอยู่บ้าง หลังบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายหุ้นไทยต่อเนื่อง และเริ่มกลับมาขายบอนด์ไทยบ้าง
ขณะเดียวกัน โฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติก็อาจยังมีอยู่ ทำให้เงินบาทจะยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องไปได้มากนัก จนกว่าตลาดจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ
เช่น อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ พลิกกลับมาชะลอลง จนผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง และเริ่มคาดหวังการลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง เป็นต้น โดยเราประเมินโซนแนวรับเงินบาทในระยะสั้นแถว 36.60-36.70 บาทต่อดอลลาร์ (หากผ่านไปได้ จะมีโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญที่อาจยังผ่านได้ยากอยู่ในช่วงนี้)
ทั้งนี้ โซนแนวต้านของเงินบาทก็อาจขยับลงมาบ้าง หลังการแข็งค่าในช่วงคืนที่ผ่านมา โดยเงินบาทก็อาจยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ รวมถึงทิศทางเงินดอลลาร์ที่อาจแกว่งตัว sideways ไปก่อน จนกว่าจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ โดยเรามองว่า โซน 36.90-37.00 บาทต่อดอลลาร์ อาจเป็นแนวต้านระยะสั้นในช่วงนี้ได้
อนึ่ง ควรระวังความผันผวนในช่วงผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะ Michelle Bowman เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาคุณ Bowman มักจะมีการสื่อสารในโทร Hawkish ที่มากกว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ ทำให้ต้องจับตาการปรับเปลี่ยนโทนการสื่อสาร ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ได้บ้าง
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.90 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 36.70-36.94 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ล่าสุด ออกมาแย่กว่าคาด
ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดการณ์ว่า เฟดมีโอกาสราว 81% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปีนี้ (จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด) นอกจากนี้ ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ก็ยังไม่ได้สะท้อนว่า BOE จะมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายนได้อย่างแน่นอน ส่งผลให้ ค่าเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ทยอยรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง และมีส่วนช่วยกดดันค่าเงินดอลลาร์
ขณะเดียวกัน การปรับตัวลดงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีส่วนหนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องเกิน +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากโซนแนวรับระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ท่ามกลางความหวังว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ จากรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาด
ทั้งนี้ บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ กลับไม่ได้ปรับตัวขึ้นไปมาก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า อีกทั้ง ราคาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ต่างก็ได้ปรับตัวขึ้นพอสมควร หลังรับรู้ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด ทำให้โดยรวม S&P500 ปิดตลาด +0.51%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.19% ยังคงหนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด โดยข้อมูลล่าสุดจาก LSEG ระบุว่า กว่า 61% ของบริษัทจดทะเบียนได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกสูงกว่าคาด ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 54% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปก็ถูกกดดันจากการปรับตัวลงแรงของหุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ HSBC -4.2% (หุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD)
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงเล็กน้อย สู่ระดับ 4.46% หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนภาพการชะลอตัวลงมากขึ้นของตลาดแรงงาน อนึ่ง เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจยังอยู่ในกรอบ sideways แถวระดับ 4.50% ไปก่อน
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า และหาก บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4.50% ได้อีกครั้ง เราก็ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเน้นกลยุทธ์ทยอย Buy on Dip เนื่องจากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นมี Risk-Reward ที่คุ้มค่าเมื่อประเมินจากคาดการณ์ผลตอบแทนรวมในอีก 1 ปี ข้างหน้า และความเสี่ยงในกรณีที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจกลับไปแตะระดับ 5.00% ได้อีกครั้ง
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้ย้ำภาพการชะลอตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดต่างก็ยังไม่แน่ใจในจังหวะการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)
ทำให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) สามารถรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง หลังจากอ่อนค่าลงในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุม ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 105.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.2-105.7 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่อง เข้าใกล้โซนแนวต้าน 2,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ โดยเฉพาะ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของทาง BOE ได้
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจต่อ รายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้น และระยะกลาง ที่อาจกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้
พร้อมกันนั้นผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะ Michelle Bowman ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ที่ยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด (มีโทนการสื่อสารแบบ Hawkish มากที่สุดในบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด)
และในฝั่งไทย ควรรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเช่นกัน ซึ่งอาจช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วิธีปฐมพยาบาล เมื่อถูก “ตะขาบกัด” ต้องรีบรักษา เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง เตือนผู้ที่ถูกตะขาบกัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษา เพราะอาจมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ พร้อมแนะวิธีการรักษาและการปฏิบัติตนให้ถูกวิธี
รู้จักตะขาบ
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า ตะขาบ (Centipedes) จัดอยู่ใน Class Chilopoda เป็นสัตว์ขาข้อที่พบได้ทั่วไปในแถบร้อนชื้น อาศัยอยู่บนบก ตะขาบมีขนาดความยาวลำตัวตั้งแต่ 3-8 เซนติเมตร ลำตัวแบนราบ มีปล้อง 15-100 ปล้อง แต่ละปล้องมีขา 1 คู่ ส่วนหัวแยกจากลำตัวชัดเจน มีหนวด 1 คู่ โดยมีเขี้ยวพิษ 1 คู่ ซึ่งดัดแปลงมาจากปล้องแรกของลำตัวเชื่อมต่อกับต่อมพิษ
พิษของตะขาบ
พิษของตะขาบประกอบด้วยสารสองกลุ่มใหญ่ คือ
- สารที่เป็นเอนโซน์ หรือน้ำย่อย ซึ่งสารหลักในกลุ่มนี้คือ proteinases และ esterases
- สารก่อปฏิกิริยาอักเสบต่อร่างกาย ได้แก่ hydroxytryptamine หรือ cytolysin
อาการเมื่อถูกตะขาบกัด
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการเมื่อถูกตะขาบกัด จะพบรอยเขี้ยว 2 รอย ลักษณะเป็นจุดเลือดออกตรงบริเวณที่ถูกกัด สารพิษจากตะขาบจะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้
- อักเสบ ปวดบวมแดง ร้อน และชาตรงบริเวณที่ถูกกัด อาการปวดมักจะมีความรุนแรงปานกลางถึงมาก
- อาจจะมีอาการปวดแปลบ (paresthesia) ร่วมด้วย
- อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตรงบริเวณที่ถูกกัด
- อาจเป็นแผลไหม้อยู่ 2-3 วัน
- ในบางรายอาจมีอาการแพ้หรือกระวนกระวาย อาเจียน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มึนงง ปวดศีรษะ
วิธีปฐมพยาบาล/วิธีรักษา เมื่อถูกตะขาบกัด
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า การรักษาพิษของตะขาบ ทำได้โดย
- ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือสบู่อ่อนๆ
- ใช้ผ้าพันแผลพันไว้และประคบเย็น
- หากมีอาการปวด ให้รับประทานยาแก้ปวด ถ้าปวดมากอาจใช้ยาชาเฉพาะที่ เช่น Xylocane ฉีดเข้าตรงบริเวณที่ถูกกัด
- แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรคถ้ามีการติดเชื้อแทรกซ้อน และสอบถามเรื่องประวัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก
- ในรายที่มีอาการรุนแรง เช่น บวมมาก ปวดมาก หรือมีประวัติของการแพ้มากให้รับไว้รักษาในโรงพยาบาลทันที
การพยากรณ์โรคโดยทั่วไป ผู้ป่วยจะสามารถหายได้ตามปกติ โดยอาการปวดจะปวดมากในวันแรกๆ แต่จะหายภายใน 3-4 วันเป็นส่วนใหญ่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“บัว กมลวรรณ” ต้อนสาวญี่ปุ่นทะลุ 16 คนเทนนิสไทยแลนด์-ไอทีเอฟ
“บัว” กมลวรรณ ยอดเพ็ชร นักเทนนิสดาวรุ่งวัย 16 ปี ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ต้อน อิจิโนะ โฮริคาวะ จากญี่ปุ่นขาดลอย ผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายเทนนิสเยาวชนนานาชาติไทยแลนด์ – ไอทีเอฟ จูเนียร์ส บี1
การแข่งขันเทนนิสเยาวชนนานาชาติ ไอทีเอฟ เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ จูเนียร์ส รายการใหญ่ THAILAND – ITF JUNIORS B1 (ไทยแลนด์ – ไอทีเอฟ จูเนียร์ส บี1) เก็บคะแนนเยาวชนโลก ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อ 7 พ.ค. 2567 เป็นการแข่งขันรอบเมนดรอว์วันที่สอง
คู่ที่น่าสนใจ ประเภทหญิงเดี่ยว รอบสอง (32 คน) “บัว” กมลวรรณ ยอดเพ็ชร นักเทนนิสดาวรุ่งวัย 16 ปี ความหวังของไทย มือ 101 เยาวชนโลก และเป็นมือ 4 ของรายการ พบกับ อิจิโนะ โฮริคาวะ นักเทนนิสชาวญี่ปุ่นวัย 17 ปี มือ 249 เยาวชนโลก ปรากฏว่า หลังจากแข่งขันไปได้เพียง 5 เกม กมลวรรณ นำ 3-2 ฝนได้ตกลงมา ทำให้การแข่งขันต้องหยุดชะงักไปเกือบ 5 ชั่วโมง
หลังจากกลับมาแข่งขันกันต่อ เป็น กมลวรรณ ของไทยที่โชว์ฟอร์มการหวดได้ดี เก็บเซตแรกมาได้ด้วยสกอร์ 6-2 และหวดไม่เสียเกมเลยในการแข่งขันเซตถัดมา ซึ่งชนะด้วยสกอร์ 6-0 สรุป กมลวรณ ชนะ อิจิโนะ โฮริคาวะ 2-0 เซต 6-2 และ 6-0 ผ่านเข้ารอบสาม หรือ 16 คนสุดท้าย ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง ซี หนี่ จากจีน มือ 212 เยาวชนโลก และมือ 16 ของรายการ กับ เจิง มู่เจี๋ย จากไต้หวัน มืออันดับ 231 เยาวชนโลก
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้ หญิงเดี่ยว รอบสอง ชิโฮมิ หลี่ ซวน ลีออง (มาเลเซีย) ชนะ กิลเลน จิเซลล์ อิซาเบลลา (ออสเตรเลีย) 2-0 เซต 6-1, 6-1, ชิโฮะ สึจิโอกะ (ญี่ปุ่น) ชนะ จิเซลล์ ซีไบ (ออสเตรเลีย) 2-0 เซต 6-3, 6-2, ลิลลี่ เทย์เลอร์ (ออสเตรเลีย) ชนะ ซู ยาน ถัน (สิงคโปร์) 2-0 เซต 6-2, 7-6(2), เย ชิหยู (จีน) ชนะ โคฮารุ นิชิคาวะ (ออสเตรเลีย) 2-0 เซต 6-1, 6-3
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
ย้ายประเทศ ภาษาอังกฤษพูดว่าอะไร?
ใครที่กำลังอยากย้ายประเทศ ควรรู้จักคำว่า “Emigrate” แปลว่า ย้ายออกนอกประเทศ วันนี้ วอลล์ตรีท อิงลิช จะมาแนะนำ Word choice และวิธีพูดภาษาอังกฤษ “ย้ายประเทศ” ในประโยคภาษาอังกฤษง่าย ๆ มาบอก รับรองว่าคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติรู้เรื่องแน่นอน!
ย้ายประเทศ ประโยคภาษาอังกฤษพูดว่ายังไง
Emigrate (v) /ˈem.ɪ.ɡreɪt/ แปล ย้ายออกนอกประเทศถาวร เป็นกริยาภาษาอังกฤษที่เอาไว้ใช้บอกเวลาที่คุณต้องการสื่อสารว่า จะย้ายประเทศถาวร ซึ่งเป็นคำที่ค่อนข้างเป็นทางการ
ตัวอย่าง ประโยคภาษาอังกฤษ ย้ายประเทศ
- The Anderson family emigrated from England and eventually settled in Bangkok.
ครอบครัวแอนเดอร์สันย้ายประเทศมาจากประเทศอังกฤษ และลงหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ
- People from the West coast are allowed to emigrate to the East coast.
ประชาชนจากฝั่งชายหาดตะวันตกได้รับอนุญาตให้ย้ายบ้านไปอยู่ฝั่งชายหาดตะวันออกได้
- Birds from the South always emigrate every autumn.
นกจากทางใต้มักบินอพยบออกไปช่วงฤดูใบไม่ร่วง
Word choice และ Synonym ภาษาอังกฤษที่แปลว่า “ย้ายประเทศ” มีอะไรบ้าง
นอกจากคำว่า Emigrate ที่แปลว่า ย้ายประเทศ แล้ว ภาษาอังกฤษยังมีอีกหลายคำให้คุณเลือกใช้ แต่ควรเลือก Word choice และคำที่มีควาหมายเหมือนกันให้เหมาะสม ซึ่งในภาษาอังกฤษคุณสามารถเลือกใช้คำว่า Move aboard และ Migrate เพื่อลดความเป็นทางการของภาษาลงได้
ตัวอย่าง
- They are all packed to move abroad, so do I.
พวกเขาเก็ยกระเป๋าเรียบร้อย พร้อมที่จะย้ายประเทศ ฉันก็เหมือนกัน
- Some species of animals would migrate to different zones or disappear forever.
สัตว์บางสายพันธุ์จะอพยบย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ละแวกอื่น หรือไม่ก็อาจสูญพันธุ์ได้
ย้ายประเทศ วัดระดับภาษาของคุณทั้งก่อน และหลังเรียนจากแบบทดสอบภาษาอังกฤษ CEFR ที่ทั่วโลกยอมรับได้แล้ววันนี้!
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ป้องกันร่างกายขาดน้ำ! ด้วย 5 น้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพช่วงอากาศร้อน
ในช่วงอากาศร้อนแบบนี้ ร่างกายย่อมเสี่ยงเผชิญกับภาวะขาดน้ำได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นสาวๆ จึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายต้องสูญเสียน้ำจนเกิดภาวะขาดน้ำไว้อย่างดี โดยวันนี้เราได้เอาวิธีป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำด้วยการดื่มน้ำผักผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ 5 ชนิดดังนี้ค่ะ
5 น้ำผัก ผลไม้ป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำ
1.น้ำแตงกวา
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแตงกวาคือผักที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้แนะนำให้ดื่มน้ำแตงกวาเพื่อป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำ โดยสามารถหั่นแตงกวาเป็นแว่นๆ ใส่ลงไปในน้ำเปล่า หรือจะปั่นแตงกวากับน้ำเปล่าดื่มก็ได้เช่นกัน วิธีนี้ช่วยดับความร้อนและลดอุณหภูมิในร่างกายได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารประเภทไฟเบอร์ จึงช่วยป้องกันอาการท้องผูกในช่วงหน้าร้อนได้อีกด้วย
2.น้ำแตงโม
น้ำแตงโมปั่นไม่เติมน้ำตาล เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มสุขภาพที่แนะนำให้ดื่มในช่วงหน้าร้อน ซึ่งช่วยป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำได้ดีมากๆ แถมยังเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม หรือสารต้านอนุมูลอิสระก็ตาม รวมถึงกรดอะมิโนและสาร citrulline ที่อุดมอยู่ในแตงโมยังมีความสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
3.น้ำอ้อย
น้ำอ้อยคือเครื่องดื่มที่ไม่เพียงแต่ให้ความสดชื่นในช่วงหน้าร้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องดื่มที่ให้รสชาติหวานอร่อยอีกด้วย แถมยังช่วยเพิ่มความเย็นให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่แนะนำว่าไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากกว่าเกิดผลดี เนื่องจากร่างกายอาจได้รับปริมาณน้ำตาลที่สูงเกินไปนั่นเอง
4.น้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าว คือ เครื่องดื่มที่มีคุณสมบัติช่วยลดการขาดน้ำในร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เย็นได้ ยิ่งถ้าดื่มในช่วงหน้าร้อนก็ช่วยป้องกันร่างกายจากภาวะขาดน้ำได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็มีข้อแนะนำในการดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อการมีสุขภาพที่ดีด้วย นั่นก็คือ ไม่ควรเติมน้ำตาลลงไปในน้ำมะพร้าว เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับผลเสียมากกว่าผลดี
5.น้ำมะนาว
น้ำมะนาวถือเป็นเครื่องดื่มแนะนำสำหรับช่วงหน้าร้อนที่ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้ดีเลยทีเดียว เนื่องจากน้ำมะนาวอุดมด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยลดและช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นตลอดวัน
สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาวิธีป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ แนะนำให้ดื่มน้ำผักผลไม้ที่เราได้แชร์ข้างต้นกันค่ะ นอกจากจะช่วยป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำได้ดีแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น แถมยังได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/05/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,700.00 | 40,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,636.00 | 39,961.76 | 41,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,372.40 | 35,965.58 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,108.80 | 31,969.41 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,186.00 | 17,979.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 923.00 | 13,992.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,732.00 | 41,417.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/05/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.95 | 38.95 | 39.95 | 38.95 | 38.95 | 38.95 | 38.95 | 38.95 | 38.95 | 38.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.38 | 38.38 | 39.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.84 | 36.84 | 37.84 | 36.84 | 36.84 | – | 36.84 | 36.84 | 36.84 | 36.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.59 | 36.59 | – | – | – | – | – | – | – | 36.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.14 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 47.14 |
เบนซิน 95 | 46.84 | – | – | – | 48.01 | – | 47.34 | 46.99 | – | 46.84 |
ดีเซล | 31.44 | 31.44 | 31.94 | 31.44 | 31.44 | 31.44 | 31.44 | 31.44 | 31.44 | 31.44 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 31.44 | – | – | – | 31.44 | – | – | – | – | 31.44 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.44 | 45.64 | 47.44 | 45.64 | 45.64 | – | – | – | – | 43.44 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |