“FPT”ขยายพอร์ต ปักหมุดคอนโดแห่งแรกย่านรัชดาเจาะแนวรถไฟฟ้า2 สาย
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย “FPT” ขยายพอร์ต ปักหมุดคอนโดแห่งแรกย่านรัชดาฯ “โคลส รัชดา 7” เจาะแนวรถไฟฟ้า2สายMRT สีน้ำเงิน -ส้ม พร้อมแนวคิด “It’s so Klos เติมเต็มทุกช่องว่างของคุณ” ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท ดีเดย์ online booking 25 พ.ค.นี้
หลังบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี รวมถึงการพัฒนาบ้านแฝดและทาวน์โฮมที่มีฟังก์ชันโด่ดเด่นโดนใจผู้บริโภค กระทั่งสามารถสร้างยอดขายที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ ล่าสุดสยายปีก รุกคอนโดมิเนียมทำเลใจกลางรัชดาฯ แนวรถไฟฟ้า จิ๊กซอว์ ตัวสำคัญ เติมเต็มความต้องการผู้บริโภคและขยายพอร์ตสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น
นายอภิชาติ เฮงวาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ประสบความสำเร็จแล้ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้ขยายพอร์ตของบริษัทฯ สู่โครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “โคลส” (KLOS) เพื่อเป็นการตอกย้ำแบรนด์ชั้นนำที่ส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงในทุกเซกเมนต์ให้กับลูกค้า
สำหรับโครงการ โคลส รัชดา 7 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ มูลค่าโครงการ 426 ล้านบาท ที่ให้ความเป็นส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตน้อย เพียง 111 ยูนิต ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมืองย่านรัชดา ซึ่งเป็นย่าน New CBD ที่เป็นศูนย์กลางทางที่อยู่อาศัยและธุรกิจแห่งใหม่ที่เชื่อมต่อกับโซนกรุงเทพชั้นใน
รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยเป็นทั้งย่านแหล่งงาน ที่อยู่อาศัย และแหล่งบันเทิงชอปปิ้งในตัวเอง อีกทั้งยังมีสถานีร่วมรถไฟฟ้าสองสาย ได้แก่ MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ซึ่งเป็นสถานีใต้ดินตัดกันแห่งแรกของไทย รวมถึงยังมีศูนย์การค้า มิกซ์ยูส อาคารสำนักงาน และโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังรอพัฒนาในอนาคตอีกด้วย
โดยตัวโครงการตั้งอยู่ห่าง Big C และ The Street รัชดา เพียง 70 เมตร ใกล้ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม เพียง 550 เมตร สะดวกทุกมิติของการเดินทางทั้งการใช้รถยนต์ และรถไฟฟ้า ที่เชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองได้หลากหลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วน และจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทั้งสายสีส้มและสีเหลือง ครบครันไปด้วยแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดจ็อดแฟร์ใหม่, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก, เซ็นทรัล พระราม 9, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา, โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, วิทยาลัยนานาชาติรีเจ้นท์ และโรงพยาบาลพระราม 9 อีกทั้งยังใกล้แหล่งสำนักงานชั้นนำต่าง ๆ เช่น ตึกไทยประกันชีวิต, RS Tower, CW Tower และ AIA Capital Center
โครงการ โคลส รัชดา 7 ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “It’s so Klos เติมเต็มทุกช่องว่างของคุณ” เพื่อเติมเต็มและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง ให้คุณใกล้กับทุกสิ่ง พร้อมใช้ชีวิตในแบบ Day & Night Lifestyle อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการออกโครงการฯ เพื่อให้ตอบโจทย์ตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าอีกด้วย โดยเฉพาะห้อง One Bedroom Plus ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจคุณ มาพร้อมพื้นที่ครัวแบบปิด แยกสัดส่วนชัดเจน รวมถึงฟังก์ชันภายในยังคงคอนเซปเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง โครงการยังได้สร้างสรรค์พื้นที่ส่วนต่างๆ ไว้อย่างครบครันเทียบเท่าโครงการไฮไรส์ โดยแบ่งพื้นที่ส่วนกลางออกเป็น 2 จุด ทั้งบริเวณ Lobby และ Rooftop เพื่อเติมสีสันให้ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน และรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Lap Pool สระว่ายน้ำ rooftop วิวสวยใกล้สวน, Exclusive Lobby ที่รองรับทุกความต้องการของคุณ, Active Fitness
ที่มาพร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน,Co – Thinking Space อิสระกับความคิดที่ไร้กรอบบนสเปซที่ใช่, Garden Lobby และ Rooftop Garden สวนสวยสุดชิล เติมเต็มฟิลพักผ่อน อีกทั้งยังมีพื้นที่จอดรถทั้งโครงการรวม 43 คัน พร้อมด้วยระบบดูแลรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ควบคุมการเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Key Card Access และระบบ CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เต็มที่กับทุกไลฟ์สไตล์ และตอบโจทย์ทุกความเป็นคุณได้อย่างแท้จริง นายอภิชาติ กล่าว
โครงการ โคลส รัชดา 7 เป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 111 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 426 ล้านบาท บนพื้นที่โครงการ 0-3-14.5 ไร่ ประกอบด้วยห้องชุดขนาดต่าง ๆ ได้แก่ ห้อง 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 26 – 28.1 ตารางเมตร, 1 Bathroom Extra ขนาดตั้งแต่ 29 – 32 ตารางเมตรและ 1 Bedroom Plus ขนาดห้องเริ่มตั้งแต่ 32.3 – 36.4 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท โดยกำหนดเปิด online booking อย่างเป็นทางการในวันที่ 25 พฤษภาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วีบียอนด์ MOU 3 พันธมิตร ชูกลยุทธ์ครอบคลุมต้นน้ำ-ปลายน้ำ
วีบียอนด์ จับมือ 3 พันธมิตร บริษัทกลุ่ม Smart home, Solar cell และวัสดุก่อสร้าง เดินหน้าขยายธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ ครบวงจร คาดกำไรปี 2567 นิวไฮ 300%
นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า วีบียอนด์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน จึงขยายบริการให้ครอบคลุมสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายย่อยที่ต้องการบริการด้านการอยู่อาศัย หรือลูกค้ากลุ่มโครงการขนาดใหญ่ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาฯ ซึ่งขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้เหมาะกับการเลือกใช้บริการ วีบียอนด์จึงได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งในส่วนของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และผู้ให้บริการทุกขนาดธุรกิจ เพื่อสร้าง Ecosystem ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พร้อมขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างครบวงจร และในครั้งนี้ได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางการค้ากับทั้ง 3 องค์กร
ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจและการสร้างรายได้จากบริการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมขยายความร่วมมือกับธุรกิจด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อความสำเร็จและยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ วีบียอนด์ ได้จัดงานแถลงข่าวความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกับผู้บริหารจากทั้ง 3 บริษัท ได้แก่ นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบจัดการน้ำ อากาศ ภายในอาคาร รวมถึงนวัตกรรมหุ่นยนต์บริการ และผลิตภัณฑ์
เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนมากกว่า 30 ปี, นายฐิติวัชร์ อธิรัฐธนฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.ดี อินฟราสตรัคเจอร์ จำกัด ติดตั้งระบบไฟฟ้า Solar cell ประปา แอร์ และงานก่อสร้าง ตกแต่ง-ต่อเติม ทั่วประเทศไทย และนายจุมพจน์ ชะเอม กรรมการผู้จัดการบริษัท ก้าวไกล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษา บริการออกแบบ-ติดตั้ง งานกระจก อลูมิเนียม แบบมืออาชีพ เมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายวรเดช เปิดเผยว่า รายได้ปี 2566 ของวีบียอนด์มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท กำไรทั้งสิ้น 112 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้ 70% จากธุรกิจตัวแทนและนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ผ่านทั้งช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์และตัวแทนจำหน่ายกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ และรายได้อีก 30% จาก Baan Innovation ดำเนินธุรกิจบ้านรีโนเวท พร้อมเทคโนโลยี Smart Home
ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังคาดการณ์รายได้ ในปี 2567 เติบโตขึ้น 1,000% เป็นมูลค่าราว 3,000 บาท และกำไรเติบโตราว 200-300% จากการเพิ่มช่องทางการขายและร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21พ.ค. “อ่อนค่าลง” ที่ระดับ 36.14 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาททยอยอ่อนค่าลงตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์มีโอกาสกลับมาแกว่งตัว sideways จับตาหากอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านแรกแถว 36.35 บาทต่อดอลลาร์อาจกลับไปทดสอบแนวต้านสำคัญ
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21พ.ค.2567 ที่ระดับ 36.14 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.04 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง และการพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินบาทตั้งแต่ช่วงบ่ายวันก่อนหน้า (ในเชิงเทคนิคัล อาจเกิดสัญญาณ RSI Bullish Divergence บน Time Frame m15, H1 และ H4)
ทำให้เรามั่นใจว่า เงินบาทมีโอกาสกลับมาแกว่งตัว sideways แถวโซน 36.20 บาทต่อดอลลาร์ได้ หรืออย่างน้อย การแข็งค่าหลุด 36 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง อาจไม่ได้เกิดขึ้นง่ายนัก จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
โดยปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าในสัปดาห์นี้ก็ยังมีอยู่ ทั้ง โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงแรงซื้อ เงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินเยนได้อ่อนค่าลงต่อเนื่องหลุดระดับ 23 บาท/100 เยน (เรายังคงแนะนำให้ Buy on Dip JPYTHB เช่นเดิม โดยยังคงมองเป้า ณ สิ้นปีนี้ ที่ 24-24.10 บาท/100 เยน)
และอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตา คือ ทิศทางราคาทองคำ ซึ่งอาจเริ่มเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุนการปรับตัวขึ้นอีกครั้ง ทำให้ในช่วงที่ราคาทองคำย่อตัวลง ผู้เล่นในตลาดอาจรอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็อาจกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้ นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งล่าสุดได้ทยอยเข้าซื้อบอนด์ไทยเพิ่มเติม เยอะกว่าที่เราประเมินไว้ และช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทลงได้บ้าง
ทั้งนี้ จากการศึกษาข้อมูลในอดีต พบว่า หากแนวโน้มเงินบาทยังอยู่ในช่วง sideways การแข็งค่าหลุดโซนแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันนั้น แม้จะทำให้ในระยะสั้นเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น แต่จะเป็นโอกาสในการ Buy on Dip ที่ดี
เพราะหลังจากนั้น เงินบาทมักจะรีบาวด์อ่อนค่าลงกลับไปทดสอบโซนแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้ (และบ่อยครั้งจะมีการอ่อนค่าเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้ราว 15-20 สตางค์) ซึ่งต้องจับตาแนวต้านแรกระยะสั้นจะอยู่แถว 36.35 บาทต่อดอลลาร์ เพราะหากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ชัดเจน ก็อาจเปิดโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าลงกลับไปทดสอบแนวต้านสำคัญแถว 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.05-36.30 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 36.02-36.16 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างย้ำจุดยืน ไม่รีบลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจในแนวโน้มการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อ ซึ่งมุมมองดังกล่าวของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้ระดับ 4.45% อีกครั้ง
นอกจากนี้ ส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์สหรัฐฯก กับญี่ปุ่นที่กว้างขึ้น ก็ยิ่งกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ผันผวนอ่อนค่าลงสู่ระดับ 156.40 เยนต่อดอลลาร์ และเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ ขณะเดียวกัน การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำเผชิญแรงขาย และย่อตัวลงราว -30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว โดยผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานผลประกอบการของบริษัทเทคฯ ใหญ่ อย่าง Nvidia (รายงานช่วง After Close วันพุธนี้) ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคาหุ้นธีม AI/Semiconductor ได้พอสมควร ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.09%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.18% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ ASML +1.4% เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการของ Nvidia ในช่วงกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ดี โดยรวมผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนในช่วงระยะหลังทยอยออกมาดีกว่าคาด
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้น สู่ระดับ 4.45% หลังบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ยังคงส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย จนกว่าจะมั่นใจแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ
ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า ในระยะสั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัวในกรอบ sideways ไปก่อน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ พลิกกลับมาดีกว่าคาด ก็อาจกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ผันผวนสูงขึ้นได้ โดยเราคงแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดเน้นรอจังหวะ Buy on Dip ในช่วงที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น หนุนโดยการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่เผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 104.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.4-104.7 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ และเผชิญแรงขายกดดันให้ย่อตัวลงสู่โซน 2,410 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นบ้าง สู่โซน 2,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้บ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอาจมีไม่มากนัก ทว่าผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจกับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และเฟด ซึ่งมุมมองของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาดการเงินได้พอสมควร หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมากังวลว่า ทั้ง เฟด และ ECB อาจยังไม่รีบลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดได้ประเมินไว้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.20-36.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงบ่ายวานนี้สอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก (หลังพุ่งขึ้นทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์วานนี้) และทิศทางของสกุลเงินอื่นในเอเชีย
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนให้ทยอยฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่าน ซึ่งยังคงย้ำความสำคัญของการยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อสหรัฐฯ ให้กลับมาอยู่ที่ระดับเป้าหมาย
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.05-36.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ และสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แบดมินตันไทยเข้าชิงลุ้น 3 แชมป์ศึกโตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น
แบดมินตันไทยมีลุ้นถึง 3 แชมป์จาก “เม” ศุภนิดา เกตุทอง ในประเภทหญิงเดี่ยว , “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในประเภทคู่ผสม และ ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ ในประเภทหญิงคู่
การแข่งขันแบดมินตันรายการใหญ่ในเมืองไทยในศึก “โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024” รายการระดับบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเงินรางวัลรวม 420,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 14,700,000 บาท ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พ.ค.67 เป็นการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “เม” ศุภนิดา เกตุทอง มือวางอันดับ 6 ของรายการ มืออันดับ 16 ของโลก พบกับ หวัง ซี่ยี่ มือวางอันดับ 2 ของรายการ มืออันดับ 8 ของโลกจากจีน และเจ้าของแชมป์เอเชียปีล่าสุด
เกมนี้ “เม” ศุภนิดา เล่นด้วยความอดทนและได้นิ่งกว่าในช่วงท้ายเกม ก่อนเอาชนะไปอย่างหวุดหวิด 2-1 เกม 21-17,12-21 และ 22-20 “เม” ศุภนิดา ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศไปพบกับ หาน เยี่ย มือวางอันดับ 1 ของรายการ มืออันดับ 7 ของโลกจากจีน ที่เอาชนะ หมิว” พรป”วีณ์ ช่อชูวงศ์ มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 19 ของโลก มาได้ 2-0 เกม 21-13,21-18
เม ศุภนิดา กล่าวหลังจากจบการแข่งขันว่า “เกมในวันนี้วัดกันด้วยความอดทนอย่างแท้จริง ซึ่งเราลไปเล่นในช่วงแรกดูจะเหมือนง่าย แต่มันไม่ง่ายเลยโดยเฉพาะในเกมตัดสิน เราตีหลุดไปพอสมควรช่วงนั้นเราก็พยายามกลับมาโฟกัสให้อยู่ในเกมให้ได้มากที่สุด ควบคุมสถานการณ์จนคว้าชัยชนะได้ รู้สึกดีใจมากที่เราสามารถปลดล้อกคว้าชัยกับเขาเป็นครั้งแรกได้ มันดีใจมากจริงๆ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น ประกอบกับเสียงเชียร์จากแฟนๆในสนามมีส่วนสำคัญกับเรามากทำให้เรามีกำลังใจที่กลับมาฮึดสู้จนแฟนแบดมินตันในสนามมีความสุข สำหรับในรอบชิงชนะเลิศเราจะกลับไปวางแผนและศึกษาเกมอย่างละเอียดที่สุด”
ศุภนิดา กล่าวต่ออีกว่า “การมาของโค้ช คิม จีฮุน ชาวเกาหลีใต้ ทำให้เราได้เสริมเติมแต่งในส่วนที่ขาดหายไปโดยเฉพาะในเกมรับ ซึ่งเรามีปัญหามาโดยตลอด ซึ่งเราสามารถนำมาใช้กับการแข่งขันได้จริง จนผลงานมีการพัฒนาขึ้นในช่วงที่ผ่านมาๆ”
ประเภทคู่ผสม รอบรองชนะเลิศ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือวางอันดับ 1 ของรายการ คู่มืออันดับ 6 ของโลก ไล่ตบทำคะแนนเอาชนะคู่รุ่นน้อง “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์นิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มืออันดับ 35 ของโลก ไปได้ 2-0 เกม 21-15,21-14
“บาส” เดชาพล กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ เกา ซินวา กับ เฉิน ฟางฮุ้ย คู่มือวางอันดับ 5 ของรายการจากจีน ที่เอาชนะ รินอฟ ริวัลดี้ กับ ปีตา ฮานิงตียัซ เมนตารี คู่มืออันดับ 2 ของรายการ คู่มืออันดับ 15 ของโลกจากอินโดนีเซีย มาได้ 2-0 เกม 21-15, 21-14
บาส กับ ปอป้อ กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “วันนี้ได้เล่นกับน้องไตเติ้ล กับ เจน ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเราต้องเล่นยังไงให้ได้อย่างที่ซ้อมกันมา ลงไปเล่นให้สนุก แต่วันนี้น้องก็เล่นกับเราได้ดีมากๆ เกือบจะสร้างปัญหาให้เราแต่สามารถแก้เกมจนได้ชัยชนะไปในที่สุด ส่วนคู่แข่งจากจีนในรอบชิงชนะเลิศ คู่จีนมีการสลับคู่ด้วย ซึ่งเราวางแผนเกมการเล่นให้รอบคอบที่สุด ส่วนตัวยังไม่มองไปถึงการคว้าแชมป์เพราะมันจะให้เรากดดันตัวเอง ในวันพรุ่งนี้ส่งใจเชียร์บาส กับ ปอป้อ และนักแบดมินตันไทยคนอื่นๆในรอบชิงชนะเลิศด้วย”
ด้าน ไตเติ้ล กับ เจน ได้กล่าวหลังจากจบเกมนี้ว่า “เราพยายามเล่นอย่างเต็มที่แล้ว เกมในวันนี้เราพยายามเปิดเกมบุกแลกกันเลย แต่จะมีเรื่องเสียเองบ้างเป็นบางจังหวะ กับความแน่นอนที่เรายังเป็นของอยู่ จากเกมในวันนี้เป็นอะไรที่ดีมากๆสำหรับทั้งไตเติ้ล กับ เจน ที่เราได้เล่นกับคู่พี่บาส กับ พี่ปอป้อ ซึ่งเขาเปฺ็นระดับถึงแชมป์โลกด้วย เราก็พยายามเล่นให้อยู่ในเกมที่วางไว้กันให้ได้มากที่สุด ส่วนการแข่งขันในรายการนี้เรามาไกลเกินเป้าหมายแล้วเป็นการเข้ามาถึงรอบนี้ เป็นอะไรที่ดีมากๆ หลังจากนี้เราจะต้องเล่นให้ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อพัฒนาในการไต่อันดับไปอยู่ในท็อป 20 ของโลกให้ได้เป็นอันดับแรก”
ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เจ้าของแชมป์เก่า มือวางอันดับ 4 ของรายการ มืออันดับ 8 ของโลก พ่ายให้กับ อึ้ง กาลอง อังกุส มืออันดับ 27 ของโลกจากฮ่องกง ไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 เกม 14-21,21-18,19-21
วิว กุลวุฒิ ได้สัมภาษณ์หลังจบเกมนี้ว่า “เสียดายมากที่ไม่สามารถผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์ได้ ยอมรับว่าเราก็ผิดพลาดในช่วงท้ายแล้วเราไม่สามารถควบคุมเกมและยังไม่นิ่งพอ ส่วนตัวก็ไม่ได้กังวลในเรื่องของอันดับโลกของตัวเองที่จะตกลงไปจากท็อป 8 เพราะว่าเราจะทอดสอบตัวเองด้วยว่า ศักยภาพเรามีมากน้อยแค่ไหนที่จะไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ที่ปารีส แต่ละรายการเราไม่รู้หรอกว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือ เราโฟกัสเกมในสนามนั้นมากน้อยแค่ไหน หลังจากจบรายการนี้ก็คุยกับทีมงานแล้วก้โค้ชเป้ว่า เราจะเตรียมตัวยังไงบ้าง เพราะยังมีอีก 3 รายการสำคัญที่รอเราอยู่ก่อนไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 สุดท้ายขอบคุณแฟนๆแบดมินตันไทยที่ส่งใจเชียร์ผมตลอดการแข่งขัน เป็นอะไรที่สนุกมาก ทำให้ผมมีกำลังใจในการเล่นมากถึงแม้จะไม่สามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ในวันนี้”
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
หัวใจเต้นช้า โรคหัวใจที่มักถูกมองข้าม
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ไม่ได้มีแค่ชนิดเต้นเร็วเท่านั้น แต่ยังมีโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดเต้นช้าที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งที่จริงแล้วเป็นภาวะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ทั้งนี้ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้องก็จะสามารถรักษาให้หายได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศราวุธ ลิ้มประเสริฐ อายุแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือดเฉพาะทางด้านสรีระไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า หัวใจเต้นช้า (Bradycardia) เป็นภาวะที่หัวใจเต้นในอัตราช้ากว่าปกติ โดยมักจะน้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที เมื่อหัวใจเต้นช้าเกินไป ย่อมส่งผลให้เลือดที่ส่งออกจากหัวใจมีปริมาณลดลง จนทำให้การส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอวัยวะสำคัญอย่างสมองและหัวใจ โดยทั่วไปมักจะไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่หากเกิดในผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุมักก่อให้เกิดอาการผิดปกติ
โดยอาการผิดปกติที่พบได้ในผู้ป่วยที่มีหัวใจเต้นช้า ประกอบไปด้วย
- เหนื่อยง่าย
- เจ็บหน้าอก
- เพลีย
- ใจสั่น
- วิงเวียนศีรษะ
- เป็นลมหมดสติ
- สับสน หลงลืมง่าย เสียสมาธิง่าย
ภาวะหัวใจเต้นช้ามักพบในผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี แต่อาจจะพบได้ในผู้ป่วยอายุน้อยหากมีโรคร่วมหรือโรคทางพันธุกรรมบางอย่าง นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่ ความสมดุลเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ, การติดเชื้อโรคหรือการอักเสบบางอย่าง, โรคหลอดเลือดหัวใจรีบ, โรคหัวใจรูมาติก, การเสื่อมของกลุ่มเซลล์กระตุ้นการเต้นของหัวใจ (sick sinus syndrome), การนำกระแสไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ, และภาวะแทรกซ้อนจากยา การผ่าตัด หรือการฉายรังสี
อย่างไรก็ตาม มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด เนื่องจากหากทราบว่าภาวะหัวใจเต้นช้าเกิดจากสาเหตุที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ย่อมทำให้ภาวะหัวใจเต้นช้าหายไปได้เช่นกัน โดยแนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นช้า แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) และตรวจเลือดต่าง ๆ เพื่อหาสาเหตุในการเกิดหัวใจเต้นช้า อีกทั้งยังอาจมีการตรวจพิเศษอื่น ๆ ทางระบบหัวใจ ซึ่งขึ้นกับภาวะของผู้ป่วยด้วย
หากตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่าภาวะหัวใจเต้นช้าเกิดจากโรคหรือภาวะที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาโรคหรือภาวะดังกล่าว ซึ่งจะทำให้หัวใจกลับมาเต้นในอัตราปกติได้ แต่หากภาวะหัวใจเต้นช้าเกิดจากโรคหรือภาวะที่ไม่สามารถรักษาได้ หรือไม่สามารถรักษาให้หายขาด จะมีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker Implantation) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอาการของผู้ป่วยหรือลดโอกาสเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงต่อไป
การรักษาด้วยการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เป็นหัตถการเพื่อฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปในผนังหน้าอกใต้ผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อกระตุ้นจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังหัวใจห้องที่ทำงานผิดปกติ สัญญาณไฟฟ้าจะช่วยให้หัวใจเต้นเร็วพอที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายและอวัยวะส่วนอื่น ๆ ได้มากเพียงพอ
การเตรียมตัวก่อนใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
ก่อนทำหัตถการใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ ผู้ป่วยจะต้องงดยาตามที่แพทย์แนะนำ, งดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการรักษา 8 ชั่วโมง, ผู้ป่วยจะได้รับการโกนขนบริเวณหน้าอกข้างที่จะใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ โดยส่วนมากแพทย์จะนิยมใส่เครื่องกระตุ้นใจในแขนข้างที่ผู้ป่วยไม่ถนัด
การปฏิบัติตัวหลังใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
เมื่อใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจเข้าไปในร่างกายแล้ว ผู้ป่วยต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลปะมาณ 1 – 2 วัน และในช่วง 7 วันแรกไม่ควรยกแขนด้านที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจขึ้นสูงเหนือไหล่, หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมาก, หลีกเลี่ยงการถู กด หรือเกาบริเวณแผล, หลีกเลี่ยงการนวดหน้าอก,ห้ามยกของหนักเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน, ในระหว่างพักฟื้นหากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น หน้ามืดเป็นลม เหนื่อยหอบผิดปกติ สะอึกตลอดเวลา ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและตรวจสอบการทำงานของเครื่องและควรมาพบแพทย์ตามนัด เพราะจะได้รับการตรวจเช็คเครื่องอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ ได้แก่ ลมรั่วในเยื่อหุ้มปอดจากปลายเข็มที่ใช้เป็นตัวนำทางสายไฟโดนยอดปอด ซึ่งพบได้น้อย, ในระยะสั้น แผลบริเวณใส่เครื่องอาจมีอาการบวมช้ำ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาป้องกันเลือดแข็งตัวร่วมด้วย, สายกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจเลื่อน หรือหลุดออกจากตำแหน่ง สามารถพบได้น้อยเนื่องจากมีการตรวจสอบหลายขั้นตอนก่อนเชื่อมต่อสายเข้ากับเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ, การติดเชื้อของเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจและสายไฟ มักมีปัจจัยเสี่ยงทางโรคประจำตัวบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงนี้ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการใช้ยาปฏิชีวะนะก่อนและหลังทำหัตถการ, ขณะที่ความเสี่ยงในระยะยาวต้องอาศัยการสังเกตร่วมกันระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ เพื่อความรวดเร็วในการตรวจพบและแก้ไขปัญหาหากมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศราวุธ ลิ้มประเสริฐ
อายุแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือดเฉพาะทางด้านสรีระไฟฟ้าหัวใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี สู้ฝุ่น pm 2.5 ใช้งานง่าย ดีไซน์สวย
ในยุคที่มลพิษทางอากาศกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสุขภาพ หลายคนจึงมองหาตัวช่วยอย่างเครื่องฟอกอากาศ แต่ด้วยตัวเลือกที่มีมากมาย หลายคนอาจสับสนว่าจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ซึ่งวันนี้ Sanook Hitech จะมาแนะนำเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศ
เมื่อ PM 2.5 มันอันตรายแบบนี้ การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ของแต่ละบุคคล เช่น งบประมาณ ความต้องการในการใช้งาน และขนาดห้อง เป็นต้น
แนะนำ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2024 สู้ฝุ่น pm 2.5 ราคาถูกด้วย
1. Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ได้รับรางวัลมากมายจากสื่อต่างๆ ทั่วโลก ด้วยประสิทธิภาพในการฟอกอากาศที่สูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.95% มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ออกแบบมาเพื่อให้เงียบทำงานได้แม้ตอนกลางคืน เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-14 ตารางเมตร
คุณสมบัติเด่นของ Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.95%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาเพื่อให้เงียบทำงานได้แม้ตอนกลางคืน
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-14 ตารางเมตร
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สารก่อภูมิแพ้ และก๊าซอันตราย
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Dyson Link App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ดีไซน์ทันสมัย สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
- และยังมีหน้าจอแสดงผลคมชัดมองเห็นได้ในเวลากลางคืน
Dyson Pure Cool Air Purifier Fan รุ่น TP00 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีเงิน ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 13,900 บาท
2. Philips รุ่น AC0820/20
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะสำหรับห้องขนาด 20-40 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้มากกว่า 99.97% ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
คุณสมบัติเด่นของ Philips รุ่น AC0820/20
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
- ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรค
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Philips Air Matters App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ดีไซน์ทันสมัย สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
และยังมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 5,990 บาท ถือว่าไม่แพง
3. Toshiba CAF-H20
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้เหมาะสำหรับห้องขนาด 30-60 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97% มาพร้อมระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV-C ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ออกแบบมาให้มีดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย
คุณสมบัติเด่นของ Toshiba CAF-H20
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มาพร้อมระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV-C ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ออกแบบมาให้มีดีไซน์ทันสมัย สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สารก่อภูมิแพ้ และเชื้อโรค
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Toshiba Air Purifier App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ปรับความแรงได้ 4 ระดับ เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ
Toshiba CAF-H20 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 12,990 บาท อาจจะดูสูงแต่ก็รองรับเทคโนโลยีขั้นสูง
4. Xiaomi Air Purifier 3C
เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ออกแบบให้ห้องที่มีขนาดเล็กเพียง 10-20 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้มากกว่า 99.97% ออกแบบมาให้มีดีไซน์มินิมอล ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Air Purifier 3C
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Activated Carbon ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาให้มีดีไซน์มินิมอล สวยงาม เหมาะกับการตกแต่งบ้าน
- ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 3 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Mi Home App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ปรับความแรงได้ 3 ระดับ เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ
Mi Air Purifier 3C มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 3,190 บาท
5. Sharp FP-J30TA
มาทางฝั่งญี่ปุ่นกับ Sharp โดยรุ่นนี้ยังสามารถใช้กับห้องขนาด 10-20 ตารางเมตร มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Plasmacluster ที่ช่วยขจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97% ออกแบบมาให้มีดีไซน์กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 4 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
คุณสมบัติเด่นของ Sharp FP-J30TA
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง สามารถกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้มากกว่า 99.97%
- มาพร้อมระบบกรองอากาศแบบ HEPA และ Plasmacluster ที่ช่วยกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ออกแบบมาให้มีดีไซน์กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
- ใช้งานง่าย มีโหมดการฟอกอากาศ 4 โหมดให้เลือกใช้งานตามความต้องการ
- เซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่สามารถตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
- ระบบควบคุมอัจฉริยะ Sharp Air Purifier App ที่สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
- ปรับความแรงได้ 3 ระดับ เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ
Sharp FP-J30TA มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 4,990 บาท
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- ขนาดห้องที่ต้องการฟอกอากาศ
- ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศ
- คุณสมบัติเพิ่มเติมที่ต้องการ เช่น ฆ่าเชื้อโรค กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นต้น
- งบประมาณ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สรุป Preposition เรียนภาษาอังกฤษเริ่มต้น ไม่รู้ไม่ได้
Preposition
Preposition คือ คำบุพบท ที่เป็นส่วนหนึ่งของประโยคในภาษาอังกฤษ ใช้เชื่อมคำและประโยค โดยทั่วไปแล้ว preposition จะอยู่หน้า noun, pronoun, หรือ noun phrase เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของคำหรือประโยค
Preposition เป็นส่วนหนึ่งของ Parts of Speech ซึ่งเป็นพื้นฐานแกรมม่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ ที่ผู้เรียนควรรู้
สรุป Preposition
หลักการใช้ Preposition แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
1. Preposition of Time
Preposition of Time คำบุพบทบอกเวลา เช่น In, On, At, Since, For , Until, During เป็นต้น
ตัวอย่าง Preposition of Time
• In ใช้กับ เดือน ฤดู ปี
ตัวอย่าง
My sister’s birthday is in May.
วันเกิดของน้องสาวฉันตรงกับเดือนพฤษภาคม
• On ใช้กับ วันและเทศกาล
ตัวอย่าง
She was born on June 16th.
เธอเกิดวันที่ 16 มิถุนายน
• At ใช้กับ เวลาที่เฉพาะเจาะจง
ตัวอย่าง
I have a meeting at 9 a.m.
ฉันมีการประชุมเวลา 9 โมงเช้า
• Since หมายถึง ตั้งแต่
ตัวอย่าง
I have known her since we were kids.
ฉันรู้จักเธอตั้งแต่เราเป็นเด็ก
2. Preposition of Place
Preposition of Place (คำบุพบทบอกสถานที่) เช่น In, On, At, Above (เหนือ), Under (ข้างใต้) และ Over (ข้าม) เป็นต้น
ตัวอย่าง Preposition of Place
• In หมายถึง ข้างใน ใช้กับ เมือง ประเทศ และสิ่งของ/พื้นที่ที่มีขอบเขต
ตัวอย่าง
The cat is in the box.
แมวอยู่ในกล่อง
• On หมายถึง บน (อยู่บนบางสิ่ง) ใช้กับ ชื่อถนนและพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ
ตัวอย่าง
The book is on the table.
หนังสืออยู่บนโต๊ะ
• At หมายถึง ที่ ใช้กับ สถานที่ที่เจาะจง
ตัวอย่าง
She is at the park.
เธออยู่ที่สวนสาธารณะ
• Above หมายถึง เหนือ (ต่างจาก On (บน) ตรงที่ Above คือ อยู่ข้างบนแบบที่ยังมีช่องว่างระหว่างสองสิ่งนั้น)
ตัวอย่าง
She attaches the picture above the TV.
เธอติดรูปไว้เหนือทีวี
• Under หมายถึง ข้างใต้
ตัวอย่าง
Yam hides herself under the bed.
แย้มซ่อนตัวเองอยู่ใต้เตียง
3. Preposition of Movement
Preposition of Movement คำบุพบทบอกการเคลื่อนไหว เช่น To, Onto, Into และ Toward เป็นต้น
ตัวอย่าง Preposition of Movement
• To หมายถึง ถึง, ไปถึง, ที่ (จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง)
ตัวอย่าง
He runs to the train station
เขาวิ่งไปสถานีรถไฟ
• Onto หมายถึง ขึ้นไปยัง (ไปข้างบนถึงจุดหนึ่ง)
ตัวอย่าง
He jumped onto the bed.
เขากระโดดขึ้นเตียงนอน
• Into หมายถึง เข้าไปข้างใน
ตัวอย่าง
Pin is walking into the rest room.
ผินกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ
• Toward หมายถึง ไปยัง (ไม่เจาะจงว่าจะไปที่นั่นโดยตรง 100%)
ตัวอย่าง
I am walking toward the school.
ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน (อาจไม่ได้ไปในโรงเรียน แค่เดินไปทางโรงเรียน)
4. คำบุพบทแบบซับซ้อน (มีคำเป็นคู่)
คำบุพบทแบบซับซ้อน (มีคำเป็นคู่) เช่น apart from (นอกเสียจาก), as well as (เช่นเดียวกันกับ), instead of (แทนที่จะ…) และ in spite of (ทั้ง ๆ ที่…) เป็นต้น
ตัวอย่าง คำบุพบทแบบซับซ้อน
• Apart from หมายถึง นอกเสียจาก
ตัวอย่าง
Apart from English, he speaks French and Spanish.
นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว เขาสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสและภาษาสเปน
• As well as หมายถึง เช่นเดียวกันกับ เช่น
ตัวอย่าง
She always reads book as well as watch TV in the same time.
เธออ่านหนังสือและดูทีวีพร้อมกันอยู่เสมอ
• Instead of หมายถึง แทนที่จะ…
ตัวอย่าง
Would you like to eat instead of exercise?
คุณอยากจะไปกินแทนออกกำลังกายไหม
• In spite of หมายถึง ทั้ง ๆ ที่…
ตัวอย่าง
She still loves him in spite of his bad habit.
เธอยังรักเขา ทั้ง ๆ ที่เขานิสัยไม่ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
5 อันดับถั่วมากประโยชน์ ยิ่งกินยิ่งสุขภาพดี ห่างไกลโรคร้าย
ถั่วมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ตัวอย่างถั่วที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ถั่วยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และเต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญดังนี้ใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ป้องกันท้องผูก สารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ป้องกันโรคเรื้อรัง วิตามินและแร่ธาตุจำเป็นต่อการทำงานของไขมันดี ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ รวมไปถึงโปรตีนช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
การทานถั่วเป็นประจำส่งผลดีต่อสุขภาพหลายประการ และต่อไปนี้คือ Top 5 ถั่วยิ่งกินยิ่งสุขภาพดี
1.อัลมอนด์
อัลมอนด์เป็นที่นิยมเพราะมีรสชาติอร่อย อุดมไปด้วยสารอาหาร และมีราคาไม่แพง คุณสามารถทานอัลมอนด์แบบดิบหรือคั่ว อีกทั้งยังแปรรูปเป็นเนย แป้ง และนมอัลมอนด์ได้อีกด้วย อัลมอนด์อุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย วิตามินชนิดนี้ยังส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการสื่อสารระหว่างเซลล์ นอกจากจะเป็นอาหารที่มีสารอาหารหนาแน่นแล้ว อัลมอนด์ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจอีกด้วย
2.พิสตาชิโอ
พิสตาชิโอ ถั่วสีเขียวที่ได้ชื่อมาจากภาษากรีกโบราณว่า “พิสตาคิออน” หมายถึง “ถั่วสีเขียว” นั้น เป็นที่นิยมบริโภคมานานกว่า 6,000 ปีแล้ว ถั่วชนิดนี้ไม่เพียงมีสีสันสดใส แต่ยังอัดแน่นไปด้วยสารอาหารมากมาย แม้จะมีปริมาณแคลอรี่และไขมันที่ต่ำกว่าถั่วชนิดอื่นๆ หลายชนิด
คุณค่าทางโภชนาการของพิสตาชิโอ:
- ใยอาหาร: ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ป้องกันท้องผูก
- โปรตีน: ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
- ไขมันดี: ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ
- วิตามินและแร่ธาตุ: จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี6
ประโยชน์ของพิสตาชิโอต่อสุขภาพ:
- ควบคุมน้ำหนัก: ใยอาหารและโปรตีนในพิสตาชิโอ ช่วยให้อิ่มท้องนาน ลดความอยากอาหาร
- ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ: ไขมันดีในพิสตาชิโอ ช่วยลดคอเลสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ
- บำรุงระบบประสาท: แมกนีเซียมในพิสตาชิโอ ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: สารต้านอนุมูลอิสระในพิสตาชิโอ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ป้องกันโรคมะเร็ง: สารต้านอนุมูลอิสระในพิสตาชิโอ ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหาย ซึ่งอาจลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง
3.วอลนัท
วอลนัทนอกจากจะมีรสชาติอร่อย ยังเป็นแหล่งของ ทองแดง แร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายนำไปสร้างเอนไซม์ในการผลิตพลังงานและสารสื่อประสาท ทองแดงยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการสร้างหลอดเลือด วอลนัทได้รับการยกย่องว่าเป็น ราชาแห่งถั่ว มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจหลายชนิด เช่น
- ความดันโลหิตสูง
- คอเลสเตอรอลเลวร้าย (LDL)
- ไตรกลีเซอไรด์
4.มะม่วงหิมพานต์
มะม่วงหิมพานต์มีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ ละมุนลิ้น ทานคู่กับอาหารคาวหรือหวานก็อร่อย ทานได้ทั้งแบบดิบ คั่ว หรือทำเป็นเนยถั่ว
จุดเด่นของมะม่วงหิมพานต์:
- เนื้อสัมผัส: กรุบกรอบ ละมุนลิ้น ทานง่าย
- รสชาติ: หอมมัน กลมกล่อม ทานคู่กับอะไรก็อร่อย
- สารอาหาร: อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมันดี ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ
- ประโยชน์ต่อสุขภาพ: ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท บำรุงหัวใจ ป้องกันโรคมะเร็ง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ความหลากหลาย: ทานได้ทั้งแบบดิบ คั่ว ทำเป็นเนยถั่ว หรือใส่ในอาหาร
มะม่วงหิมพานต์ถือเป็นของว่างที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทานได้ทุกเพศทุกวัย เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพของคุณ
5.ถั่วพีแคน เป็นถั่วที่มีรสชาติหวานมัน หอม กลมกล่อม นิยมนำมาใช้ทำขนมหวาน เช่น เค้ก พาย ไอศกรีม รวมไปถึงสลัด
จุดเด่นของถั่วพีแคน:
- รสชาติ: หวานมัน หอม กลมกล่อม ทานง่าย
- เนื้อสัมผัส: กรุบกรอบ ละมุนลิ้น
- สารอาหาร: อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไขมันดี และใยอาหาร
- ประโยชน์ต่อสุขภาพ: ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท บำรุงหัวใจ ป้องกันโรคมะเร็ง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
- ความหลากหลาย: ทานได้ทั้งแบบดิบ คั่ว ใส่ในอาหาร หรือทำเป็นซอส
ถั่วพีแคน ถือเป็นของว่างที่ทั้งอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทานได้ทุกเพศทุกวัย เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพของคุณ
นอกจากนี้ ถั่วพีแคนยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ดังนี้:
- หาซื้อได้ง่าย: ถั่วพีแคนสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า ร้านขายของชำ ร้านสะดวกซื้อ
- ราคาไม่แพง: ถั่วพีแคนมีราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับถั่วชนิดอื่นๆ
- เก็บรักษาง่าย: ถั่วพีแคนสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน โดยไม่เสียรสชาติ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/05/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,300.00 | 41,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,675.00 | 40,553.00 | 41,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,407.50 | 36,497.70 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,140.00 | 32,442.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,204.00 | 18,252.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 936.00 | 14,189.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,772.00 | 42,023.52 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/05/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.55 | 38.55 | 39.35 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.18 | 38.18 | 38.78 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.44 | 36.44 | 37.24 | 36.44 | 36.44 | – | 36.44 | 36.44 | 36.44 | 36.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.19 | 36.19 | – | – | – | – | – | – | – | 36.19 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.74 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.74 |
เบนซิน 95 | 46.44 | – | – | – | 48.01 | – | 46.94 | 46.59 | – | 46.44 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 31.94 | – | – | – | 31.94 | – | – | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 47.44 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |