‘แสนสิริ’รับมือปัจจัยลบโฟกัสบ้านพรีเมียมดักกำลังซื้อ
‘แสนสิริ’พลิกกลยุทธ์รับมือปัจจัยลบหันโฟกัสบ้านพรีเมียมดักกำลังซื้อคนมีเงินแทนลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะราคาต่ำกว่า3 ล้านสามารถรับรู้รายได้สม่ำเสมอและเงินไม่จม ปัจจุบันมีสัดส่วนโครงการแนวราบ 70% คอนโดมิเนียม 30%
ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ ประธานผู้บริหารสายงานกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบทั่วหน้า ทั้งยอดขาย ยอดโอนลดลง อย่างไรก็ดี แสนสิริ ยังคงรักษาผลประกอบการค่อนข้างดี โดยเฉพาะไตรมาสแรก แม้ยอดขายต่อโครงการลดลง แต่สิ่งที่ทำให้รายได้ยังคงสม่ำเสมอ เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตามสภาพตลาดที่มีปัญหากำลังซื้อระดับแมสได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบค่อนข้างมาก
“แสนสิริจึงหันไปโฟกัสสินค้าพรีเมียมมากขึ้นจากปกติโครงการขายหมดจะมีโครงการขายใหม่ทยอยออกมาในระดับมีเดียมแมส แทนที่จะเปิดระดับเดิมก็เปิดพรีเมียมแทน จากเดิมขายราคาหลังละ 5 ล้านบาท ก็เปลี่ยนมาออกบ้านหลังละ 15 ล้านบาท ขาย 1 หลังเท่ากันแต่แวลูชดเชยมากกว่า”
บริษัทยังได้หันไปโฟกัสโครงการบ้านมากขึ้นจากเดิมเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมเป็นพอร์ตใหญ่ รายได้สวิง! ซึ่งโครงการบ้าน สามารถรับรู้รายได้สม่ำเสมอ ที่สำคัญบริหารจัดการได้ง่าย “เงินไม่จม” เหมือนการพัฒนาคอนโดมิเนียม ปัจจุบันมีสัดส่วนโครงการแนวราบ 70% คอนโดมิเนียม 30% จากเดิม 50:50 ในช่วงก่อนโควิด-19 ส่งผลต่อผลประกอบการออกมาดีขึ้น อีกทั้งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการยอมรับต่อแบรนด์แสนสิริ มีความน่าเชื่อถือส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ บรรยากาศในตลาดีดขึ้นสังเกตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มบ้านและคอนโดมิเนียมราคา 7 ล้านบาทลงมา ซึ่งแสนสิริ มีสัดส่วนกลุ่มนี้ 30% แต่มาตรการดังกล่าวทำให้ยอดขายกลุ่มบ้านราคาแพงของแสนสิริเพิ่มขึ้นถึง 20% ่
“ปัจจุบันแสนสิริมียอดรีเจกต์เรต 6-8% เพราะมีการสกรีนลูกค้าก่อนขอยื่นกู้จากธนาคาร สวนทางกับตลาดหรือบางบริษัทที่เปิดให้จองโดยยังไม่ได้สกรีนลูกค้าก่อน ปัญหาตอนนี้คือคนไทยมีปัญหาหนี้สูง รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ทิศทางดังกล่าวทำให้แสนสิริ พยายามที่ขยายพอร์ตสินค้าหันเพิ่มพอร์ตแนวราบในระดับราคาพรีเมียมมากขึ้นที่ไม่มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ”
ภูมิภักดิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ดี ขณะที่ส่งออกหดตัวตามดีมานด์ทั้งโลกยังคงชะลอตัว ดังนั้นในปีนี้ ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังการบริหารกระแสเงินสด เร่งระบายสต็อก อย่าลงทุนเกินตัว แม้จะมีลูกค้าต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น แต่มีข้อจำกัดต่างๆ
“ในความเห็นส่วนตัวมองว่า น่าเปิดให้ขยายการเช่าระยะยาวออกไปเหมือนในต่างประเทศ เป็น 90-99 ปีจากเดิมจำกัดอยู่ที่ 30 ปี”
ปี 2567 แสนสิริยังคงยึดเป้าหมายเดิมสร้างยอดขาย 52,000 ล้านบาท มีรายได้หรือยอดโอน 43,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา เป็นโครงการแนวราบ 70% อีก 30% จากคอนโดมิเนียม รวมทั้งขยายฐานลูกค้าในต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่าง ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ หลังปัญหาขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ทำให้เกิดความต้องการบ้านหลังที่ 2 ของลูกค้าต่างชาติมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
พิษดอกเบี้ยหนี้ครัวเรือนพุ่ง อสังหาฯ ไตรมาสแรกดัชนีเชื่อมั่นวูบ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนพุ่งกว่า 90% ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑลไตรมาสแรกปี 2567 วูบ
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า มีค่าดัชนีเท่ากับระดับ 39.2 ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 (QoQ) ที่มีค่าดัชนีเท่ากับระดับ 44.5 และเป็นระดับความเชื่อมั่นที่ต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความเชื่อมั่นในระดับเกณฑ์ต่ำ อาจจะเป็นผลมาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นตลอดปี 2566 และยังคงตัวในระดับสูงในไตรมาสนี้
ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยโดยตรง รวมทั้งอยู่ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย อีกทั้งหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับเกินว่าร้อยละ 90 ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยไม่มีความพร้อมทางการเงิน ส่งผลให้มีความกังวลต่อการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพราะเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธสินเชื่อ และยังได้สอดคล้องกับข้อมูลโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลในไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มีหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงร้อยละ -24.0 และมีมูลค่าลดลงร้อยละ -25.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) จะเห็นว่าความเชื่อมั่น และความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงมากในไตรมาสนี้
นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูล ยังได้ศึกษาถึงกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจในมิติต่างๆ ดังนี้ลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 53.1 และส่วนใหญ่มีอายุอยู่ระหว่าง 25-34 ปีหรือเป็นคนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มากที่สุดร้อยละ 51.9
ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าคิดเป็นร้อยละ 72.2 ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 60.6 มีอาชีพเป็นพนักงานเอกชน และส่วนใหญ่ร้อยละ 36.3 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 15,001 – 30,000 บาท ทั้งนี้ ลักษณะทางประชากรศาสตร์ในภาพรวมมีความใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งด้าน เพศ ช่วงอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
ด้านวัตถุประสงค์ในการซื้อที่อยู่ใหม่ พบว่า ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 32.6 ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง อันดับสอง คือ ต้องการซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไร/ให้เช่าร้อยละ 18.4 และอันดับสาม ซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สินร้อยละ 14.9 จะเห็นว่าวัตถุประสงค์ที่ซื้อเพื่อลงทุน และเป็นทรัพย์สิน มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 33.3
แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับการลงทุน สะสมความมั่งคั่ง และสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต และหากเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเลือกพิจารณาที่มีสัดส่วนมากขึ้นคือ ต้องการซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไร/ให้เช่า และต้องการแยกครอบครัว/แต่งงาน โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 18.4 และ 9.6 จากร้อยละ 12.4 และ ร้อยละ 7.5 ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาลักษณะความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่า
1. ด้านประเภททรัพย์ ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งมือหนึ่งหรือมือสองร้อยละ 52.8 และหากพิจารณาเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่าผู้ที่ต้องการเฉพาะที่อยู่อาศัยมือหนึ่งเท่านั้นมีสัดส่วนเป็น
ร้อยละ 38.9 ลดลงจากร้อยละ 41.5 ในขณะที่ผู้ที่ต้องการเฉพาะที่อยู่อาศัยมือสองมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.2 จากร้อยละ 6.9 ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความสนใจบ้านมือสองมากขึ้น
2. ช่วงราคาของที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.2 รองลงมาได้แก่ ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.8 ซึ่งทั้งสองช่วงระดับราคาดังกล่าวเป็นกลุ่มหลัก มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 51.0 และพบว่าผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคาสูงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 (QoQ) โดยมีข้อสังเกตได้จากผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคา 10.01 – 15.00 ล้านบาท และ 15.01 – 20.00 ล้านบาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 4.0 และ ร้อยละ 4.9 จากร้อยละ 1.1 และ 0.3 ตามลำดับ
3. ประเภทที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว ร้อยละ 39.3 และต้องการซื้อในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด รองลงมาคือ คอนโดมิเนียมร้อยละ 34.9 โดยต้องการซื้อในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาทมากที่สุด
สำหรับทาวน์เฮ้าส์มีความต้องการซื้อร้อยละ 20.0 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท มากที่สุด ส่วนบ้านแฝดมีความต้องการซื้อร้อยละ 5.5 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาทมากที่สุด และอาคารพาณิชย์มีความต้องการซื้อร้อยละ 0.3 และต้องการซื้อในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาทมากที่สุด
และหากพิจารณาเทียบกับอายุของผู้ตอบพบว่า กลุ่มผู้มีอายุอยู่ระหว่าง 18 – 44 ปี มีความสนใจซื้อบ้านเดี่ยวมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 45 – 54 ปี และ 55 ปีขึ้นไป มีความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมมากที่สุด ซึ่งอาจเกิดจากความต้องการซื้อเพื่อลงทุน และเก็งกำไรเนื่องจากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแล้ว
4. จังหวัดที่มีความสนใจจะซื้อที่อยู่อาศัย เมื่อพิจารณาจังหวัดที่มีความสนใจจะซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด 10 อันดับแรก ณ ไตรมาส 1 ปี 2567 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ นครปฐม ชลบุรี สมุทรสาคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และประจวบคีรีขันธ์ โดยพบว่าส่วนใหญ่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สูงถึงร้อยละ 48.1 โดยเฉพาะทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายหลัก ใกล้แหล่งงานหรือแหล่งชุมชน เช่น ทำเลพระราม 9 บางนา บางแค ลาดพร้าว และห้วยขวาง ทั้งนี้ จังหวัดในอันดับที่ 2-10 มีสัดส่วนอยู่ระหว่างร้อยละ 1.4 ถึง 10.6 ในขณะที่จังหวัดอื่นๆ มีความต้องการซื้อรวมเพียงร้อยละ 6.6
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 24พ.ค. “อ่อนค่า”ที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ “ ทองคำและน้ำมันดิบ”มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.55-36.80 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 24พ.ค. 2567 ที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.54 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา ยังมีโอกาสที่จะดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะ หลังเงินบาทได้อ่อนค่าลงทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน แถวโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจากข้อมูลสถิติย้อนหลัง
พบว่า หากเงินบาทยังอยู่ในการแกว่งตัวแบบ sideways ก็สามารถอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ได้ราว 20 สตางค์ นอกจากนี้ เงินบาทก็ยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง ทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ ในจังหวะย่อตัว
นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจมีแนวโน้มเป็นการขายสุทธิได้ หลังบรรยากาศในตลาดพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง โดยเราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านถัดไป แถว 36.75-36.80 บาทต่อดอลลาร์ได้
อนึ่ง หากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง เรามองว่า เงินบาทก็อาจยังติดโซนแนวรับแถว 36.50 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้เล่นในตลาดซึ่งปัจจุบันต่างก็กังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น
โดยเราคาดว่า อาจจะต้องรอจนถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม หรือ ต้นเดือนมิถุนายน เพื่อให้ตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE และยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ถึงจะเห็นการแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเงินบาทได้อีกครั้ง แต่ต้องลุ้นให้ ข้อมูลดังกล่าวออกมาแย่กว่าคาด หรือ อัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอตัวลงมากขึ้นเท่านั้น
อนึ่ง หากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง เรามองว่า เงินบาทก็อาจยังติดโซนแนวรับแถว 36.50 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้เล่นในตลาดซึ่งปัจจุบันต่างก็กังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น โดยเราคาดว่า อาจจะต้องรอจนถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม หรือ
ต้นเดือนมิถุนายน เพื่อให้ตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE และยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ถึงจะเห็นการแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเงินบาทได้อีกครั้ง แต่ต้องลุ้นให้ ข้อมูลดังกล่าวออกมาแย่กว่าคาด หรือ อัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอตัวลงมากขึ้นเท่านั้น
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.55-36.80 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 36.47-36.66 บาทต่อดอลลาร์) ตามที่เราได้ประเมินความเสี่ยงเอาไว้ ว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.65 บาทต่อดอลลาร์ หากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ
รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ออกมาดีกว่าคาดจริง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคม สู่ระดับ 50.9 จุด และ 54.8 จุด ตามลำดับ ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ก็ลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 2.15 แสนราย
โดยภาพดังกล่าวได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนราคาทองคำก็ปรับตัวลดลงหนักกว่า -40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กดดันให้เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างกังวลว่าเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน และเลือกที่จะเทขายบรรดาหุ้นสไตล์ Growth รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคฯ อาทิ Tesla -3.5%, Apple -2.1% ทว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนบ้าง จาก Nvidia +9.3% หลังรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.74%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.07% แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ ASML +2.6% หลัง Nvidia รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ทว่า ตลาดหุ้นยุโรปก็เผชิญแรงกดดันจากความกังวลว่า บรรดาธนาคารกลางหลักอาจไม่รีบลดดอกเบี้ย หลังรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ ออกมาดีกว่าคาด
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเกือบแตะระดับ 4.50% หลังดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯ ที่สำรวจโดย S&P Global ในเดือนพฤษภาคม ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดโอกาสที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้
สอดคล้องกับมุมมองของเราว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจผันผวนสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า เฟดยังมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้ราว 3-4 ครั้ง ซึ่งมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ทำให้ เราคงแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดเน้นรอจังหวะ Buy on Dip ในช่วงที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่กลับมากดดันตลาดการเงินอีกครั้ง จากรายงานดัชนี PMI สหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 105 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.6-105.1 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ดิ่งลงสู่โซน 2,330-2,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ อาทิ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ในเดือนเมษายน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนพฤษภาคม
ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจกับ รายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาวพอสมควร นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะถัดไป
ส่วนในฝั่งอังกฤษ รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนเมษายน จะเป็นข้อมูลที่ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งล่าสุดผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOE อาจเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 3
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
โค้ชอ๊อต ยังอยู่ช่วย วอลเลย์บอลหญิงไทย หลังสมาคมฯระงับใบลาออก ปธ.เทคนิค
สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ระงับการลาออกของ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงศ์ รัชตะเกรียงไกร ประธานเทคนิคของสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เนื่องจากต้องการให้ช่วยกอบกู้สถานการณ์ในศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีก 2024 ใน 2สนามที่เหลือ
หลังจากที่ “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ได้แสดงความรับผิดชอบลาออกจาก ประธานฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยฯ ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหลังจากทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังจากศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีก 2024 สนามแรก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เรื่องนี้ นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า “ทางสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลฯ ได้ระงับการลาออกดังกล่าวแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงเวลาสำคัญของวอลเลย์บอลไทย ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าอุปสรรคนี้”
“เราได้คุยกันกับทางโค้ชอ๊อตแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องลาออก และเห็นว่าช่วงจังหวะนี้เราต้องใช้ โค้ชอ๊อต ช่วยดูแลเด็กๆ อยากให้อยู่ช่วยกันก่อน เนื่องจากเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของทีมวอลเลย์บอล แล้วหลังจากจบการแข่งขัน เนชันส์ ลีก ค่อยคุยกันอีกครั้ง”
ด้าน เรืออากาศโท ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการบริหาร และรองประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพแห่งสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเซีย (AVC) เผยว่า “โค้ชอ๊อต เพิ่งเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ได้ไม่นาน ไม่ควรมีการปรับเปลี่ยนกลางคัน ผลงานของทีมไม่ได้อยู่ที่โค้ชเพียงคนเดียว แต่มันเป็นการทำงานร่วมกันหลายๆส่วน การลาออกจะเพิ่มความกดดันให้กับทีมมากยิ่งขึ้น เป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกันต่อไป”
“ที่ผ่านมาเด็กเพิ่งกลับมาจากลีกอาชีพ แม้นักกีฬาหลายๆชาติจะเล่นในลีกอาชีพต่างประเทศเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างคือเรื่องร่างกายที่ชาติอื่นสภาพร่างกายเขาดีกว่าเรา และฟื้นกลับมาได้เร็วกว่า ส่วนเด็กเรายังมีเจ็บบ้าง ฟื้นไม่ทันบ้าง ก็คงต้องแก้ไขกันต่อไป ทุกทีมเขาก็พัฒนาขึ้นมาเพื่อเอาชนะเรา เหมือนกับในอดีตที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อเอาชนะคู่แข่งให้ได้”
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ ลีก 2024 สัปดาห์ที่ 2 ที่มาเก๊า เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แมตช์แรก ไทย พบ โดมินิกัน วันอังคารที่ 28 พ.ค.67 เวลา 15.00 น. แมตช์ที่สอง ฝรั่งเศส พบ ไทย วันศุกร์ที่ 31 พ.ค.67 เวลา 11.30 น. แมตช์ที่สาม ไทย พบ จีน วันเสาร์ที่ 1 มิ.ย.67 เวลา 18.00 น. และ บราซิล พบ ไทย ในวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย.67 เวลา 15.30 น. โดยทุกแมตช์จะถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
5 ผลเสียที่เกิดในผู้หญิง เมื่อรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวในชีวิตคู่
ความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว เป็นผลมาจากขาดการปรับตัว และความใกล้ชิดระหว่างคุณและคนรัก เมื่อแยกตัวและแยกจากกัน การได้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ไม่ได้รับประกันถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง หรือการเพิ่มความใกล้ชิด ดังนั้นการใช้เวลาร่วมกัน โดยปราศจากความผูกพันที่แน่นแฟ้น บางครั้งอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าการอยู่คนเดียว หรือเป็นโสดก่อนแต่งงาน ดังนั้นมาดูว่ารู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวในชีวิตคู่ สร้างผลเสียให้ผู้หญิงในด้านใดบ้าง
หลังจากแต่งงานแล้ว คู่รักหลายคู่มักเลือกที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และต้องอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่ พี่น้อง อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาเรื่องความเข้าใจ การสื่อสาร หรือความรู้สึกเหงา ก็อาจนำไปสู่ปัญหาในความสัมพันธ์ได้ นอกจากนี้ หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ถูกจัดการเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้ความผูกพันในชีวิตสมรสเสื่อมลง และส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
2.อาการโรคที่เป็นอยู่แย่ลง
มีหลักฐานจากการศึกษาวิจัยบางชิ้น ที่ชี้ให้เห็นว่าความเหงาและความโดดเดี่ยวในชีวิตคู่ อาจส่งผลให้ภาวะสุขภาพแย่ลงได้ ตัวอย่างเช่น โรคหัวใจ มะเร็ง และโรคอักเสบบางชนิด อาจรุนแรงขึ้นด้วยความรุ้สึกเหล่านี้
3.การอักเสบภายในร่างกายมีมากขึ้น
การวิจัยพบว่าคนที่เหงาและโดดเดี่ยว มีความเศร้าเรื้อรัง จะมีระดับคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อกลุ่มยีนเฉพาะ ที่ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการตอบสนองต่อการอักเสบ ผลที่ตามมาคือส่งผลเสียต่อกลไกการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจกลไกเบื้องหลัง ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
4.มีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มสูงขึ้น
การมีปัญหาสุขภาพจิต อาจเพิ่มโอกาสที่จะรู้สึกเหงาได้ ตัวอย่างเช่น บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้ว อาจพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะหารือเกี่ยวกับปัญหาของตนเองกับผู้อื่น ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่ต้องรับมือกับโรควิตกกังวลทางสังคม มักรู้สึกลังเลที่จะเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น จึงสามารถนำไปสู่การขาดการเชื่อมต่อทางสังคม และกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเหงาจนกลายเป็นภาวะปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงมากขึ้น
5.ความสัมพันธ์ย่ำแย่ลง
เมื่อพูดถึงเรื่องความรัก คุณอาจพบว่าตัวเองกำลังอยู่กับคนที่ไม่เหมาะสม เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียว หรือเพราะคุณไม่มีความรู้สึกที่แรงกล้าในเรื่องความรัก ซึ่งอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่จบลงง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณา คือ ความสัมพันธ์และความรู้สึกที่คุณมีต่อตัวเอง คุณอาจมีความคิดเชิงลบ เช่น ถ้าคุณอยู่คนเดียว คุณอาจเชื่อว่าคุณจะต้องอยู่คนเดียวตลอดไป เป็นต้น จึงทำให้ความสัมพันธ์กับคนรัก คนรอบข้าง หรือแม้แต่คนในครอบครัว แย่ลงไปด้วย
หลาย ๆ คนอาจพิจารณาปรึกษานักจิตวิทยา เป็นทางเลือกสุดท้าย แต่ในความเป็นจริง การรู้วิธีสร้างความสัมพันธ์ที่สมหวังและมีคุณภาพนั้น จำเป็นต้องมีคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง เมื่อเกิดปัญหา คู่รักต้องเต็มใจปรับตัวและขอคำแนะนำที่เหมาะสม สิ่งสำคัญคือต้องรักษาความรักอย่างสม่ำเสมอ และสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นทุกวัน เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ยืนยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โพสต์ทูเดย์ เปิดตัว “เอไอ อินฟลูเอ็นเซอร์” เดินหน้าพัฒนาสู่ยุค AI ต่อเนื่อง
โพสต์ทูเดย์ เปิดตัว เอไอ อินฟลูเอ็นเซอร์ “พี่พชร” “น้องแตงไทย” นำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ ให้ทันสมัย ชัดเจน ตรงประเด็นมากขึ้น
หลังจาก 3 สื่อเศรษฐกิจในเครือเนชั่น ‘กรุงเทพธุรกิจ-ฐานเศรษฐกิจ-โพสต์ทูเดย์’ ร่วมพลิกโฉมวงการสื่อไทย ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์อ่านและฟังข่าวได้ 3 ภาษา ‘ไทย-อังกฤษ-จีน’ ไปเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
ล่าสุด โพสต์ทูเดย์ ขยับ ไปสู่โลกของ AI อีกก้าวสำคัญ เปิดตัว เอไอ อินฟลูเอ็นเซอร์ (AI Influencer) ชายหญิงคู่แรกของวงการสื่อ “พี่พชร” พชร โพสต์ทูเดย์ และ “น้องแตงไทย” ญาณิน โพสต์ทูเดย์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเอไอล่าสุด ในการเจเนอเรทภาพและเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ จะทำให้ทั้งคู่ สามารถนำเสนอเนื้อหา ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน เข้าถึงง่าย ผ่านช่องทางต่างๆของโพสต์ทูเดย์ https://www.facebook.com/Posttoday?mibextid=LQQJ4d https://www.youtube.com/@Posttoday_Official
โดย “พี่พชร” จะเปิดตัวครั้งแรกในรายการ City Defined วันที่ 23 พฤษภาคม เวลา19.00 น. และ “น้องแตงไทย” จะเปิดตัวครั้งแรกในรายการ Life Me Up วันที่ 26 พฤษภาคม เวลา 19.00 น.
นายสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพสต์ทูเดย์ จำกัด ระบุว่า นอกจากจะเป็นก้าวใหม่ในการทำงานกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่กำลังเป็นเทรนด์ทั่วโลก ที่จะเสริมประสิทธิภาพการทำงานของกองบรรณาธิการของโพสต์ทูเดย์ ซึ่งเน้นการขับเคลื่อน Smart Content ใน 3 ยุทธศาสตร์หลัก คือ Smart City, Smart Life และ Smart SME ซึ่ง AI Influencer จะช่วยย้ำภาพลักษณ์ความทันสมัยขององค์กร ลดการใช้ทรัพยากรณ์สิ้นเปลืองในการเตรียมรายการ เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรักษ์โลก ลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และยังสามารถลดขั้นตอนการทำงาน ทำให้ทีมงานสามารถใช้เวลาไปพัฒนาการทำงานอื่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ AI Influencer ยังสามารถทำงานได้อย่างคุ้มค่า ทุกที่ ทุกวัน ทุกเวลา ด้วยการทำงานที่สมจริงตามเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็จะดึงดูดฐานผู้ติดตามกลุ่มใหม่ในแพลตฟอร์มต่างๆได้มากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถสร้างกลยุทธ์ที่เชื่อถือได้ เพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจกับลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ เนื่องจาก AI Influencer ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดี สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้
“โพสต์ทูเดย์ และสื่อในเครือเนชั่นกรุ๊ป จะไม่หยุดยั้ง ในการพัฒนาการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้งาน เพื่อตอบสนองผู้บริโภคสื่อและพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้า เพื่อให้ได้รับประโยชน์และความพอใจสูงสุด โดยยังคงยึดมั่นในหลักการและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมืออาชีพต่อไป”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
แจก 5 สูตรแก้อาการปวดแผลในช่องปาก ช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบได้ดี
เชื่อว่าสาวๆ จะต้องเคยมีประสบการณ์เผชิญกับอาการปวดแผลในปาก โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนหรือช่วงที่ร่างกายขาดน้ำ มักทำให้เกิดอาการร้อนในในปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ดังนั้นใครที่รู้สึกว่าตัวเองต้องเจอกับอาการปวดแผลในปากบ่อยๆ วันนี้ไม่ควรพลาดกับสูตรที่ช่วยแก้อาการดังกล่าวดังนี้ค่ะ
1.กานพลู
วิธีแก้อาการร้อนในในปากด้วยกานพลู ให้เตรียมใบกานพลู โดยล้างและเช็ดให้สะอาด จากนั้นเอามาเคี้ยว หรือจะใช้คอตตอนบัดจุ่มน้ำมันกานพลู แล้วเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลในปากก็ได้เช่นกัน โดยสูตรนี้จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดแผลในปากได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกานพลูมีคุณสมบัติช่วยลดอาการระคายเคือง ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยรักษาแผลเปื่อย และช่วยกระตุ้นการรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น
2.น้ำผึ้ง
วิธีรักษาแผลในปากด้วยน้ำผึ้ง ทำได้ด้วยการเตรียมน้ำผึ้งดิบ โดยทาน้ำผึ้งดิบบริเวณที่เป็นแผลในช่องปาก หมั่นทาทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หรือทาจนกว่าอาการเจ็บแผลในปากจะบรรเทาลง วิธีนี้ช่วยรักษาแผลในปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยต้านจุลชีพ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยซ่อมแซมแผลเปิด ช่วยสมานแผลให้หายเร็ว ช่วยป้องกันการติดเชื้อ ช่วยรักษาอาการอักเสบ และช่วยลดอาการคันและระคายเคืองได้เป็นอย่างดี
3.ว่านหางจระเข้
วิธีรักษาแผลในปากด้วยว่านหางจระเข้ ให้สาวๆ เตรียมว่านหางจระเข้ที่ผ่านการสกัดจากธรรมชาติมาทาบริเวณที่เป็นแผล หรือจะดื่มน้ำว่านหางจระเข้ก็ช่วยบรรเทาอาการปวดได้เช่นกัน เนื่องจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดแผลในช่องปากได้ดี แถมยังช่วยเร่งกระบวนการรักษาให้หายเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย นั่นเป็นเพราะว่านหางจระเข้สามารถต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบได้ดีนั่นเอง
4.เกลือ
วิธีรักษาแผลในปากด้วยเกลือ ทำได้ง่ายๆ ด้วยการละลายเกลือในน้ำอุ่น อัตราส่วนของเกลือ 1 ช้อนชากับน้ำอุ่น 1/2 ถ้วย โดยใช้น้ำอุ่นที่ละลายเกลือมากลั้วปากประมาณ 15-30 วินาที แล้วจึงบ้วนออก จากนั้นบ้วนด้วยน้ำเปล่าเพื่อลดอาการเค็มของเกลือตามอีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้แผลในปากแห้งเร็ว และยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บแผลได้ดีมากๆ เนื่องจากเกลือจะเข้าไปฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ รวมถึงช่วยต้านเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลได้อีกด้วย
5.น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
วิธีรักษาแผลในปากด้วยน้ำมันสกัดเย็น ทำได้โดยการเอาน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมากลั้วในช่องปาก จากนั้นจึงบ้วนออก หรือจะใช้สำลีก้อนแช่น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น แล้วเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลก่อนเข้านอนก็ได้ ทั้งนี้ควรเลือกน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแบบที่สามารถกินได้ สูตรนี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดแผลในปากได้เป็นอย่างดี เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยต้านจุลชีพ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ ต้านการอักเสบ และช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อช่องปากได้อีกเช่นกัน
ในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ หลายคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับแผลในช่องปาก แนะนำให้ลองบรรเทาอาการด้วย 5 สูตรนี้กันค่ะ โดยแต่ละสูตรที่เราได้เอามาแบ่งปันในวันนี้ ล้วนเป็นสูตรธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อช่องปาก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แคปชั่นตั้งสเตตัสวันฝนตก เป็นภาษาอังกฤษ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการจ้า ช่วงนี้ฝนตกให้เราได้ชุ่มฉ่ำกันแทบทุกวัน >,< ใครที่ยังไม่มีสเตตัสโดน ๆ แคปชั่นคูล ๆ ไว้โพสต์รูปฝนโปรยปราย ตาม วอลล์สตรีท อิงลิช มาทางนี้ แล้วเลือกข้อความที่ชอบเอาไปใช้ได้เลย
- Rain will make the flowers grow. – สายฝนจะทำให้ดอกไม้เจริญเติบโต
- After the rain, the grass will always grow. – หลังฝนตก ทุ่งหญ้าก็ย่อมจะเติบโต
- Do not fear. The rain is only here to help you grow. – อย่าไปกลัว ฝนมาเพื่อช่วยให้เราเติบโต
- Sleep is so much easier when it rains. – การนอนหลับทำได้ง่ายขึ้นท่ามกลางฝนตก
- Let the rain wash away, all the pain of yesterday. – ให้สายฝนล้างความเจ็บปวดของเมื่อวาน
- On the other side of the clouds is a bright blue sky. – ในอีกฝั่งของเมฆดำ ก็ยังมีท้องฟ้าที่สดใส
- It’s okay to cry, the sky does it too. – มันไม่เป็นไรเลยที่จะร้องไห้ เพราะท้องฟ้าก็เป็นเหมือนกัน
- It’s felt like summer when I kissed you in the rain. ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูร้อนเมื่อจูบคุณท่ามกลางสายฝน
- Some people feel the rain, others just get wet. – บางคนรู้สึกถึงสายฝนที่ชุ่มฉ่ำ แต่บางคนอาจแค่รู้สึกเปียกปอน
- If you want the rainbow, you gotta put up with the rain. – หากคุณต้องการสายรุ้ง คุณก็ต้องอดทนกับสายฝน
- The sun after the rain is much beautiful than the sun before the rain. – ดวงอาทิตย์หลังฝนตกงดงามกว่าก่อนฝนตก
- The best thing one can do when it’s raining is to let it. – สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้เมื่อฝนตก คือ การปล่อยให้มันเป็นไป
- The smell of rain can help reduce stress and raise the mood up to 60%. – กลิ่นของสายฝนช่วยลดความเครียดและเพิ่มบรรยากาศได้ 60%
- Surround yourself with people who are with you when it rains, not just when it shines. – อยู่รายล้อมไปด้วยคนที่อยู่กับคุณยามฝนตก ไม่ใช่อยู่ด้วยแค่ตอนท้องฟ้าสดใส
- Life is not about waiting for the storm to pass, it’s about learning to dance in the rain. – ชีวิตไม่ใช่การรอให้พายุพัดผ่านไป แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะเต้นสนุกท่ามกลางสายฝน
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/05/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,450.00 | 40,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,620.00 | 39,719.20 | 41,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,358.00 | 35,747.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,096.00 | 31,775.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,179.00 | 17,873.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 917.00 | 13,901.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,715.00 | 41,159.40 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/05/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.55 | 38.55 | 39.35 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 | 38.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.18 | 38.18 | 38.78 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 | 38.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.44 | 36.44 | 37.24 | 36.44 | 36.44 | – | 36.44 | 36.44 | 36.44 | 36.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.19 | 36.19 | – | – | – | – | – | – | – | 36.19 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.74 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.74 |
เบนซิน 95 | 46.44 | – | – | – | 48.01 | – | 46.94 | 46.59 | – | 46.44 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 32.24 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 31.94 | – | – | – | 31.94 | – | – | – | – | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 47.44 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |