โรงงานปิดตัว! วิกฤติอสังหาฯ ชลบุรี ทาวน์เฮ้าส์ขายไม่ออก เปลี่ยน ‘เช่าห้อง’
รายงานการปิดโรงงานในภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2567 มีโรงงานปิดตัวลงกว่า 1,700 แห่ง กระทบการจ้างงานกว่า 42,000 ตำแหน่ง ถือเป็นสัญญาณอันตรายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จ.ชลบุรี มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ส่อวิกฤติ!
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากสัญญาณโรงงานปิดตัวของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือ “อุตสาหกรรมรถยนต์” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศในโซนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ขณะเดียวกันยอดขายรถยนต์ “ลดลง” ส่งผลกระทบต่อแรงงานในภาคการผลิตรถยนต์โดยตรง
ทั้งนี้ โดยภาพรวมทั้งประเทศปีนี้มีโรงงานปิดตัวเพิ่มขึ้นกว่าปี 2566 สะท้อนสถานการณ์ภาคอุตสาหกรรมไทย “ไม่ดี” ขณะที่การเปิดโรงงานใหม่ “ชะลอตัว” ส่งผลกระทบต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่ และการผ่อนชำระที่อยู่อาศัยของคนทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
“สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องน่ากังวลว่าอาจทำให้คนรายได้ลดลง และมีความเสี่ยงตกงานได้ หากมองในโซนบ้าน และคอนโดมิเนียมขายดีในช่วงที่ผ่านมา จะอยู่ในโซนโรงงาน นิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ ยอดขายแผ่วลงในหลายนิคมฯ”
โดยไตรมาสแรกปี 2566 ทำเลพานทอง พนัสนิคม ขายได้มากกว่าไตรมาสแรก ปี 2567 หรือแม้แต่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ สหพัฒน์ ยอดขายลดลง รวมทั้งตลาดคอนโดมิเนียมที่กระจายการเปิดตัวในหลายพื้นที่บางแสน หาดจอมเทียน โครงการใหม่ขายได้ แต่โครงการเก่าขายไม่ได้ !!
“หากมีการปิดโรงงานเพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อคนทำงานในโรงงานที่มีภาระในการผ่อนชำระลำบากขึ้น และดีมานด์การขายใหม่หายไป ประกอบกับซัพพลายที่เหลือมีจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการที่ทำโครงการใหม่ต้องระมัดระวัง”
จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่าซัพพลายของอาคารชุดในตลาดชลบุรีมีจำนวน 20,000 หน่วย ซึ่งเป็นหน่วยเสนอขายขยายตัวขึ้นในไตรมาสแรกที่ผ่านมา หากเทียบปีต่อปีขยายตัว 36.7% มูลค่า 75,000 ล้านบาท สะท้อนว่ามีหน่วยเหลือขายจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปิดตัวใหม่เริ่ม “ชะลอตัว” ส่วนบ้านจัดสรร มีจำนวน 13,600 หน่วย มูลค่า 50,000 ล้านบาท ทำให้มีมูลค่ารวม 125,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น15%
วิชัย ระบุว่า สาเหตุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอาคารชุดในชลบุรี เปิดใหม่ไตรมาสแรกปี 2567 เพิ่มขึ้น 5,500 หน่วย ถือว่าเพิ่มสูงมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ยกเว้นช่วงก่อนเกิดโควิด-19 จากที่เคยเปิดสูงสุด 3,000-4,000 หน่วย ทำให้หน่วยเสนอขายเยอะ ส่วนบ้านจัดสรร มีจำนวนเพิ่มขึ้น 1,500 หน่วย เทียบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 28% แสดงว่าหน่วยเปิดตัวใหม่ในชลบุรี มีการเพิ่มค่อนข้างมาก ขณะที่ยอดขายอาคารชุดไตรมาสแรก ขายได้ 2,800 หน่วย ที่เหลือ 2,300 หน่วย โดยตัวเลขเหลือขายคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 17,000 หน่วย บ้านจัดสรรเหลือขาย 12,000 หน่วย
มีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์ “ปิด” โรงงานน่าจะมีเพิ่มขึ้น และการก่อสร้างโรงงานใหม่ “ลดลง” หากเป็นโรงงานจีนเข้าแทบไม่ต้องใช้ลูกจ้าง สังเกตได้ว่าเศรษฐกิจในพื้นที่ “ชะลอตัว” รุนแรง ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ยอดขาย “ลดลง” ชัดเจน ลูกค้ารายใหม่น้อย ลูกค้าเก่าไม่มีเงินจ่าย
“น่าเห็นใจมากที่สุดคือ แรงงานก่อสร้าง เพราะโรงงานชะลอการก่อสร้าง ตลาดอสังหาริมทรัพย์เวลานี้ได้รับผลกระทบจากการกู้ไม่ผ่าน เพราะไม่มีเงิน เงินลดลงจากภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น และการเข้มงวดในการปล่อยเงินกู้ของสถาบันการเงิน โอกาสคนซื้อบ้านยากขึ้น ทำให้คนชะลอการซื้อบ้าน”
มีศักดิ์ ยอมรับว่า ขณะนี้ ยังมองไม่เห็นทางออก! ปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่จะพัฒนาทาวน์เฮ้าส์ราคา 1.5 ล้านบาท ผู้ซื้อจะต้องผ่อนเดือนละ 10,000 บาท แต่ปัจจุบันต่อให้กู้ได้ก็ซื้อไม่ได้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จึงปรับตัวสินค้า โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ ให้กลายเป็น “ห้องเช่า” ชั้นเดียว ยาวขนาด 4 เมตร ค่าเช่าเดือนละ 4,000-5,000 บาท ซึ่งราคาถูกกว่าผ่อนกับธนาคาร
“หากถามว่า คุ้มไหมคงไม่คุ้ม แต่ไม่มีทางเลือก ต้องเลือกทางรอดเอาไว้ก่อน ต้องหาเงินเข้ามาใช้ในออฟฟิศ ในอนาคตพูดยากว่าลูกค้าจะซื้อโครงการหรือไม่เพราะยังมีข่าวว่าจะปิดโรงงานอีกหลายแห่ง”
ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชลบุรีมีปัญหา เพราะมีความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ นิคมฯ เกี่ยวกับการประกอบรถยนต์สันดาป ล่าสุดค่ายรถยนต์ ซูบารุ และซูซูกิ ปิดโรงงาน! สะเทือนซัพพลายเชนในชลบุรี แต่ “ระยอง” ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นนิคมฯ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา
“ขณะนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เป็น Sunset พระอาทิตย์ค่อยๆ ดับลง แต่ระยองเข้าสู่ช่วง Sunrise พระอาทิตย์ขึ้นเพราะการเข้ามาของนิคมฯ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้คนต้องการเช่าบ้านมากขึ้น และไตรมาส 4 จะพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ทำให้มีดีมานด์จากผู้รับเหมาเข้ามาอยู่มากขึ้น รวมทั้งกลุ่ม SCG และ ปตท.”
สังเกตได้จากเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เปิดตัวบ้านหลังละ 15-20 ล้านบาท จำนวน 6 หลัง ปรากฏว่า เหลือเพียง 1 หลัง ล่าสุด ต้นเดือนมิ.ย.เปิดโครงการใหม่เซกเมนต์ 5-10 ล้านบาท โซนเดียว 19 ห้อง มีคนจอง 16 ห้อง คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท สะท้อนศักยภาพทำเลและโอกาส
ทั้งนี้ ระยองถือเป็นเซฟโซนอสังหาริมทรัพย์เพราะเป็นพื้นที่ ที่รัฐบาลต้องผลักดันให้เกิดท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา การผลิตรถไฟฟ้า ทำให้บริษัท ขยับทำสินค้าในราคา 5-10 ล้านบาท โดยปีหน้าจะขยายตลาดในเซกเมนต์ที่สูงขึ้น ระดับราคา 10-15 ล้านบาท รองรับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง เป็นผู้บริหารในโรงงาน นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ
“เซกเมนต์ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ยังเหนื่อยอยู่! จึงเบรกทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียมในระยอง หันทำตลาดบ้านเดี่ยวราคาแพงแทน คาดว่า 3-5 ปีจากนี้ คอนโดมิเนียม น่าจะขายได้รองรับการเปิดตัวของสนามบินอู่ตะเภา”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
อึ้ง!สต็อกอสังหาฯพุ่ง1.2ล้านล้านไตรมาสแรก67ยอดขายติดลบ26%
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยไตรมาสแรก67อสังหายอดขายติดลบ26% หลังอัตราดูดซับต่ำกว่าช่วงโควิดดันสต็อกเหลือขายพุ่ง 1.2 ล้านล้าน คาด 40 เดือนระบายหมดืคาดการณ์ยอดขายทั้งปีติดลบ8.4%
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยว่า ไตรมาส 1 ปี 2567 ซัพพลายบ้านและคอนโดมิเนียม มีจำนวน 229,048 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.9% มูลค่า 1,307,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.1% เป็นผลมาจากยอดขายได้ใหม่ (พรีเซลและสร้างเสร็จพร้อมโอน)ในปี2566 ชะลอตัว โดยเฉพาะระดับราคาไม่เกิน 7.5 ล้านบาท และในไตรมาส4/ 66 มีการเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าเพิ่มขึ้น 45% แต่จำนวนหน่วยลดลง จากภาวะดังกล่าวส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยที่เกิดจากโครงการเปิดตัวใหม่มีจำนวนหน่วย”ลดลง “มีจำนวน 16,356 หน่วยลดลง 24.4% ขณะที่มีมูลค่าสูงถึง 119,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.3%
ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าการเปิดตัวใหม่โครงการบ้านจัดสรร ที่เน้นโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลัก ซึ่งมีการเปิดขายโครงการใหม่เพิ่มขึ้นถึง 85.1% และมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 157.7% ขณะที่การเปิดตัวใหม่ในกลุ่มโครงการอาคารชุด”ลดลง” ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยจำนวนหน่วยลดลง -40.0% และมูลค่าลดลง -2.3%จากข้อมูลพบว่าโครงการใหม่ที่เปิดตัวไตรมาส 1 ปี 2567 ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโครงการที่อยู่ในระดับราคาแพง
ส่วนยอดขายได้ใหม่ พบว่า ยังคงมีอัตราการขยายตัวที่ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2566 โดยไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายใหม่ จำนวน 15,619 หน่วย ลดลง 26.6% มูลค่า 90,069 ล้านบาท ลดลง 14.5% แบ่งเป็น บ้านจัดสรรหน่วยขายได้ใหม่ ลดลง 16.1% และอาคารชุดหน่วยขายได้ใหม่ ลดลง 39%
ส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยเหลือขายมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 จนถึงไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนที่อยู่อาศัยคงค้าง 213,429 หน่วย เพิ่มขึ้น 16.4% คิดเป็นมูลค่า 1,217,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.5%
โดยหน่วยบ้านจัดสรรเหลือขาย เพิ่มขึ้น 12.8% และหน่วยอาคารชุดเหลือขาย เพิ่มขึ้น 22.3% ทั้งนี้เนื่องจากอัตราดูดซับลดลง ต่ำกว่าช่วงโควิด คาดว่าต้องใช้เวลา 40 เดือนถึงขายหมด ขณะที่อัตราดูดซับไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ 3.5% หรือ ต้องใช้ระยะเวลาในการขายจนหมด 25 เดือน
เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่า อัตราดูดซับประเภทโครงการบ้านจัดสรรอยู่ที่ 2.3% ขณะที่ช่วงไตรมาส 1 ปี 2566 อัตราดูดซับอยู่ที่ 3.1% อัตราดูดซับที่อยู่อาศัยประเภทอาคารชุดลดลงมาอยู่ที่ 2.2% ขณะที่ช่วงไตรมาส 1 ปี 2566อัตราดูดซับอยู่ที่ 4.1% แสดงให้เห็นว่า ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยได้ชะลอตัวงแรงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยเฉพาะยอดขายอาคารชุดซึ่งจำนวนหน่วยลดลง39% มูลค่าลดลง24.5% ขณะที่บ้านจัดสรร จำนวนหน่วยลดลง16.1% และมูลค่าลดล9.3%ส่วนใหญ่เป็นการชะลอตัวของกลุ่มบ้านจัดสรรราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 โครงการบ้านจัดสรรในกลุ่มราคาแพงยังคงมีอัตราการขายได้สูงทำให้อัตราการลดลงของมูลค่าน้อยกว่าจำนวนหน่วย
หลังจากที่ได้ผ่านไตรมาส 1 ปี 2567 ตัวเลขภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศและเครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นไปในทิศทางชะลอตัวลง ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดว่า ภาพรวมทั้งปี 2567 จะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้ามาสู่ตลาด 103,930 หน่วย เพิ่มขึ้น 8% มูลค่ารวม 637,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% แบ่งเป็น
โครงการบ้านจัดสรรจำนวน 51,369 หน่วย มูลค่า 420,635 ล้านบาท
โครงการอาคารชุด 52,561 หน่วย มูลค่า 217,271ล้านบาท
ด้านยอดขายได้ใหม่คาดว่า จะมีจำนวน 67,696 หน่วย ลดลง 8.4% มูลค่า 342,299 ล้านบาท ลดลง 11.2% แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร 37,883 หน่วย มูลค่า 238,919 ล้านบาทและโครงการอาคารชุด 29,813 หน่วย มูลค่า 103,380 ล้านบาท
โดยอัตราดูดซับโดยรวมของตลาดจะลดลงมาอยู่ที่1.8% ทั้งประเภทโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุดส่งผลให้ที่อยู่อาศัยเหลือขายมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 246,280 หน่วย มูลค่า 1,393,395 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.3% และ 18.6% ตามลำดับแบ่งเป็น โครงการบ้านจัดสรร 139,984 หน่วย มูลค่าโครงการ 914,136 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 106,296 หน่วย มูลค่าโครงการ 479,259 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามผลจากยอดขายได้ใหม่มีทิศทางปรับตัว”ลดลง”จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ผนวกกับปัจจัยลบส่งผลต่อยอดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ ปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 678,151 ล้านบาท หรือ ลดลง 0.03%และจะกระทบจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ คาดว่า จะมีจำนวน 372,877 หน่วย มูลค่า 1,074,080 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 1.6% และ2.6% ตามลำดับ
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 20มิ.ย. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 36.69 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนตาม ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย ทิศทางราคาทองคำ สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ อาจกดดันให้เงินปอนด์อ่อนค่าหนุนให้ เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways ในกรอบแถวระดับ 36.60-36.80 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อน เพราะถึงแม้ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอย่าง ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยจะคลี่คลายลงบ้างในระยะสั้น
ทว่า เงินบาทก็ยังขาดปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่าที่ชัดเจน และยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะ ราคาทองคำ เพราะหากราคาทองคำยังสามารถทรงตัวที่ระดับปัจจุบัน
หรือ ปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ก็อาจช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท แต่หากราคาทองคำปรับตัวลดลง ก็สามารถกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าได้ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำของผู้เล่นในตลาด ซึ่งในช่วงนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจังหวะ “Buy on Dip” ทองคำอยู่ เพื่อรอลุ้นการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ หากบรรดาธนาคารกลางหลักทยอยลดดอกเบี้ยลง และธนาคารกลางบางส่วนก็อาจยังคงเข้าซื้อทองคำเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนสำรอง
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOE เพราะหาก BOE “เซอร์ไพรส์” ตลาด ด้วยการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หรือ ส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าจะทยอยลดดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งหน้า ก็อาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลงและช่วยหนุนให้ เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นได้
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.60-36.80 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.65-36.69 บาทต่อดอลลาร์) หลังตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Juneteenth ทำให้สินทรัพย์ส่วนใหญ่ในตลาดก็เคลื่อนไหวในกรอบ sideways
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติมในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้ง ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก
ทั้งนี้ เรายังคงเห็นแรงซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงเงินบาททยอยแข็งค่าเข้าใกล้โซน 36.60 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมัน รวมถึงแรงซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้นำเข้าบางส่วน ทำให้โซนดังกล่าวอาจยังคงเป็นแนวรับของเงินบาทในช่วงนี้ได้ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Juneteenth ทว่า หากประเมินจากสัญญาฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจสะท้อนว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจยังไม่รีบเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่จะทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ (ปัจจุบัน ตลาดให้โอกาสราว 86%)
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.17% ตามแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่าง ASML -1.8% นอกจากนี้ ความกังวลสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสก็ยังคงเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศในตลาดหุ้นยุโรปอยู่ สะท้อนจากแรงขายหุ้นฝรั่งเศสที่ทำให้ ดัชนี CAC40 ของฝรั่งเศส ปรับตัวลงราว -0.77%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุดกลับมาแกว่งตัวเหนือระดับ 158 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ส่วนความกังวลสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสก็เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดทุนยุโรปและค่าเงินยูโร (EUR) ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 105.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.1-105.3 จุด)
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งเราคาดว่า BOE จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25% และเราประเมินว่า BOE อาจยังไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนนักว่าจะพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนสิงหาคม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ล่าสุด แม้จะชะลอลงตามคาด แต่ก็อยู่ในระดับสูงถึง 3.5%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจอังกฤษและอัตราเงินเฟ้ออาจได้แรงหนุนเพิ่มเติมในระยะสั้นจากผลกระทบของการจัดงานคอนเสิร์ต Eras Tour ของ Taylor Swift ทำให้เรามองว่า BOE อาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนกันยายน หากอัตราเงินเฟ้อสามารถชะลอลงได้ต่อเนื่อง หลังผ่านช่วงรับรู้ปัจจัย Swiftflation หรือ Swiftonomics ไปแล้ว
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ที่มีแนวโน้มสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ชะลอลงต่อเนื่องได้ พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.68-36.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ เงินบาทยังคงปรับตัวในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ มากระตุ้น อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามปัจจัยในประเทศ สถานการณ์ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกอย่างใกล้ชิดในระหว่างวัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.60-36.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน ผลการประชุม BOE และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค. และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนมิ.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ไตเติ้ล-เจน” เช็คบิลคู่มาเก๊าเข้ารอบสองแบดมินตันเกาสง มาสเตอร์ส
“ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่ผสมดาวรุ่งไทย ประเดิมสนามในแบดมินตันวิคเตอร์ เกาสง มาสเตอร์ส 2024 ได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ อึ้ง เวงชิ กับ เหลียง ล็อคชอง จากมาเก๊า 2 เกมรวด ผ่านเข้ารอบสองไปได้ยอดเยี่ยม
การแข่งขันแบดมินตันรายการวิคเตอร์ เกาสง มาสเตอร์ส 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 100 ชิงเงินรางวัลรวม 100,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,700,000 ที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน เมื่อวันพุธที่ 19 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบแรก
ประเภทคู่ผสม รอบแรก “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มือวางอันดับ 2 ของรายการ คู่มืออันดับ 31 ของโลก พบกับ อึ้ง เวงชิ กับ เหลียง ล็อคชอง คู่มืออันดับ 113 ของโลกจากมาเก๊า
เกมนี้ ไตเติ้ล กับ เจน สามารถเล่นได้ตามมาตรฐานกว่า ไล่ตบเอาชนะไปแบบสนุก 2-0 เกม 21-16 21-15 “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค กับ “เจน” เฌอย์ณิชา ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ ดิงกู ซิงห์ คอนทูจัม กับ ปรียา คอนเจนบัม คู่มืออันดับ 126 ของโลกจากอินเดีย
“ต้นปี” เหนือดวง มังกรลอย กับ “แบม” อาทิตยา โปวานนท์ คู่มืออันดับ 95 ของโลก แพ้ให้กับ เฉิน ซี่เรย์ กับ หวัง ชิงตุน คู่มือวางอันดับ 8 ของรายการ คู่มืออันดับ 72 ของโลกจากไต้หวัน 0-2 เกม 16-21 ,15-21
ประเภทชายเดี่ยว รอบแรก “กาย” กรกฤต เหล่าตระกูล มืออันดับ 239 ของโลก เอาชนะ ชัว คิมเซิง มืออันดับ 209 ของโลกจากมาเลเซีย 2-0 เกม 21-14 ,21-19 “กาย” กรกฤต ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับ เจสัน กุนนาวาน มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 66 ของโลกจากฮ่องกง
“กาย” ณชกร ภู่ศรี มืออันดับ 286 ของโลก แพ้ให้กับ เจีย เหว่ย โจเอล โก๊ะ มืออันดับ 198 ของโลกจากสิงคโปร์ 1-2 เกม 7-2121-18,14-21
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “พิงค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ มืออันดับ 101 ของโลก แพ้ให้กับ เคยูร่า โมพาติ มืออันดับ 136 ของโลกจากอินเดีย 0-2 เกม 19-21 ,18-21
ประเภทชายคู่ รอบแรก “ปุ้น” ธนดล พันธ์พานิช กับ “ภีม” ภรัณยู ขาวสำอางค์ แพ้ให้กับ บุน ซินหยวน กับ โก๊ะ วีเชม คู่มืออันดับ 109 ของโลกจากมาเลเซีย 1-2 เกม 15-21,21-12 , 16-21
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
“ปอดติดเชื้อ” คืออะไร รักษาให้หายเป็นปกติได้หรือไม่?
หลายครั้งที่เราได้ยินข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ และข่าวการเจ็บป่วยของญาติพี่น้องของเรา จากปากของหมอว่า มีสาเหตุการเสียชีวิตมาจาก “ปอดติดเชื้อ” เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยสงสัยว่า “ปอดติดเชื้อ” คืออะไร ติดเชื้ออะไร ร้ายแรงมากแค่ไหน และหากติดเชื้อขึ้นมาจริงๆ จะมีโอกาสรักษาหายหรือไม่ Sanook! Health มีคำตอบค่ะ
ปอดติดเชื้อ คืออะไร?
ปอดติดเชื้อ คืออาการติดเชื้อที่ปอดด้วยเชื้อโรคประเภทต่างๆ ตั้งแต่เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส เชื้อพยาธิ เชื้อรา อื่นๆ ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ
สำหรับโรคปอดบวมจากอาการปอดติดเชื้อ จะมาจากการติดเชื้อ Streptococcus pneumoniae (สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี) ความรุนแรงของอาการปอดติดเชื้อมีตั้งแต่อาการเล็กน้อย ไปจนถึงอาการรุนแรงถึงขั้นหัวใจล้มเกลวจนเสียชีวิตได้
ปอดติดเชื้อ เป็นโรคติดต่อหรือไม่?
ปอดติดเชื้อ เป็นโรคติดต่อค่ะ โดยติดต่อกันได้ผ่านน้ำลาย และเสมหะ
ปอดติดเชื้อ มีสาเหตุมาจากไหนบ้าง?
เชื้อโรคที่ทำให้ปอดติดเชื้อ อาจมาจาก
- เครื่องปรับอากาศ ที่ไม่ได้ล้างทำความสะอาดอย่างเพียงพอ
- อาการติดเชื้อจากโรคอื่นๆ ที่เป็นอยู่ก่อนแล้ว เช่น วัณโรค กรวยไตอักเสบ โรคพยาธิ เป็นต้น
- ในคนที่ภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ภูมิต้านทานไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคเหล่านั้นได้ เชื้อโรคจึงสามารถเข้าสู่ปอด จนทำให้เกิดอาการอักเสบ ติดเชื้อได้
- อยู่ในพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท หรือเสี่ยงต่อการเป็นแหล่งสะสมเชื้อไวรัส และแบคทีเรียต่างๆ
ปอดติดเชื้อ มีอาการเริ่มต้นอย่างไรบ้าง?
- มีไข้
- มีอาการไอ มีเสมหะ
- มีอาการหอบเหนื่อย หายใจเร็ว แค่นั่งอยู่เฉยๆ ก็รู้สึกเหนื่อย เหมือนหายใจเข้าได้ไม่เต็มปอด
- ในรายที่ผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ หากหายใจหอบเหนื่อยเป็นเวลานาน อาจเป็นอันตรายจนกระทั่งหายใจเร็วๆ ไม่ไหว ได้รับอากาศเข้าปอดไม่เพียงพอ จึงอาจทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้หากปอดติดเชื้อจนทำให้ระบบการทำงานของหัวใจล้มเหลว ก็เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
ระยะเวลาในแต่ละอาการ
ระยะเวลาของแต่ละอาการที่อาจเกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อ เช่น
หากปอดติดเชื้อไวรัส ระยะเวลาของอาการจะเร็ว อาจจะมีไข้เพียง 1-2 วัน มีอาการหอบเหนื่อยอย่างรุนแรง และอาจเสียชีวิตเร็วกว่าเชื้อโรคชนิดอื่นๆ
หากปอดติดเชื้อรา อาจจะแสดงอาการช้ากว่าไวรัส
ส่วนเชื้อแบคทีเรีย มีอาการได้ทั้งเร็ว หรือช้า ตั้งแต่ 1 สัปดาห์ ถึงเดือนๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของเชื้อแบคทีเรีย ที่ทำให้ปอดติดเชื้อ
พฤติกรรมเสี่ยง อาการปอดติดเชื้อ
- สูบบุหรี่
- ประกอบอาชีพที่ทำให้ปอดมีโอกาสรับเชื้อโรคได้มากขึ้น เช่น คนงานโรงงานเหมืองแร่ ถ่านหิน โม่ปูน แกะสลักหิน
- อยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงมีเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย
ปอดติดเชื้อ ใครมีความเสี่ยงที่สุด?
อาการปอดติดเชื้อ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่อายุแรกเกิด ไปจนถึงผู้สูงอายุ 70-80 ปี แต่ในช่วงวัยรุ่น วัยทำงาน หากเป็นคนที่มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ดี ก็จะมีโอกาสติดเชื้อได้น้อยกว่าวัยอื่นๆ
ปอดติดเชื้อ กลายเป็นมะเร็ง?
ไม่มีหลักฐานชัดเจน ว่าอาการปอดติดเชื้อ สามารถกลายเป็นมะเร็งปอดได้ หากแต่สามารถเป็นโรคถุงลมโป่งพองได้
การป้องกันอาการปอดติดเชื้อ
อ.นพ.ธีระศักดิ์ แก้วอมตวงศ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า การป้องกันรักษาโรคปอดที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ห่างไกลจากอาการปอดติดเชื้อก็คือ “การฉีดวัคซีน” โดยการป้องกันโรคปอดติดเชื้อจากเชื้อไวรัสด้วยการรับวัคซีนที่ป้องกันไวรัสชนิดที่ชื่อว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ ส่วนการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคปอดติดเชื้อจากแบคทีเรียจะต้องได้รับวัคซีนที่ป้องกันแบคทีเรียชนิดที่ชื่อว่า Streptococcus pneumoniae ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคปอดมากที่สุด
ถึงแม้อาการปอดติดเชื้อจะไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ แต่ก็ระมัดระวังตัวเอาไว้ก็ดีนะคะ เพียงแค่รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่พักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ปอดได้ชื่นใจบ้าง เท่านี้ก็ช่วยให้เราห่างไกลอาการปอดติดเชื้อได้มากแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Apps ดังกล่าวถูกสงสัยว่าเป็นแอปส์หลอกดูดเงินหรือเปล่า
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้ชี้แจงผ่านเอกสารเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวว่า แอปส์ดังกล่าวไม่ได้เป็นแอปดูเงิน แต่เป็นการโอนผ่าน QR Code ของระบบ พร้อมเพย์ ซึ่งคนร้ายหลอกว่าเป็น QR Code รรับเงิน ซึ่งผู้เสียหายได้ใส่รหัส และสแกนหน้า และโอนเงิน เป็นการทำรายการทั้งหมด 2 รายการ
เมื่อธนาคารรับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายในวันที่ถูกหลอกโอนเงิน ก็ดำเนินการออกเลขที่รับแจ้งเหตุ (Bank Case ID) พร้อมทั้งส่งข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วนให้ธนาคารผู้รับโอนทันที เพื่อระงับธุรกรรมชั่วคราว และไล่เส้นทางการเงินตามกระบวนการของกฎหมาย โดยธนาคารพร้อมสนับสนุน และ ให้ความร่วมมือ
ทั้งนี้ ขออภัยสำหรับประเด็นการขอข้อมูลตามที่เป็นข่าว ที่อาจมีความคลาดเคลื่อน ในการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มีความจำเป็น หรือส่งผลกระทบต่อกระบวนการส่งเรื่อง เพื่อระงับธุรกรรมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ธนาคารได้ออกมาเตือนและเน้นยำว่า การสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง เป็นการสแกนเพื่อจ่ายเงินเท่านั้น ไม่มีการสแกนเพื่อรับเงิน และ เพื่อลดความเสี่ยงการตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพ อย่ากดลิงก์ จาก SMS แปลกปลอม และอย่าแอดไลน์คนที่ไม่รู้จัก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
พูดคุยภาษาอังกฤษ “Say, Tell, Speak, Talk” ใช้ยังไงให้เวิร์ค
❝Say❞
Say (เซ) แปลว่า “พูด”
{ มีรูปแบบกริยาช่องที่ 2 และช่องที่ 3 คือ Said (เซด) }
ใช้เพื่อเน้นว่า ใครพูดอะไรโดยข้อความหลัง Say ถ้าใส่เครื่องหมายคำพูดหมายความว่า เราถอดคำพูดของอีกบุคคลหนึ่งมาพูด แต่ถ้าไม่ใส่เครื่องหมายคำพูดแสดงว่า เราดัดแปลงคำพูดของผู้อื่นมาพูด
ตัวอย่าง เช่น
• He said : “No, I will not come with you”.
(เขาพูดว่า : “ไม่ ผมจะไม่มากับคุณ”)
• He said no and that he would not come with me.
(เขาปฏิเสธและพูดว่าเขาจะไม่มากับผม)
ส่วนใหญ่ Say จะใช้โดยไม่มีกรรมที่เป็นคน ถ้าต้องการใช้กรรมที่เป็นคน หลัง Say ต้องตามด้วยคำบุพบท ‘to’ เพื่อเข้าใจได้ง่าย เราสามารถดูตัวอย่างดังต่อไปนี้
• She said that she was teaching English online.
เธอบอกว่าเธอสอนภาษาอังกฤษออนไลน์
• John said to us that he was sorry.
จอห์นบอกพวกเราว่าเขาเสียใจ
ส่วนที่ตามหลัง “say” มักจะเป็นประโยคโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งรายงานสิ่งที่ใครสักคนได้พูดหรือกล่าวถึง
❝Tell❞
Tell (เทล) แปลว่า “บอก”
{ มีรูปแบบกริยาช่องที่ 2 และช่องที่ 3 คือ told (โทลดฺ) }
เป็นการให้ข้อมูลกับใครสักคน มักจะมีกรรมทั้งสองประเภท กรรมเป็นคน กรรมเป็นสิ่งของตามหลังด้วย
tell + ใครสักคน เช่น
• Don’t tell him.
อย่าไปบอกเขานะ
Tell ใช้ในความหมาย สั่งสอน ให้ความรู้ หรือ บอกให้รู้ แจ้งให้ทราบ เท่านั้น ในประโยคมักจะใช้ question words ด้วย wh- (when, where, what…)
ตัวอย่าง เช่น
• Please tell me what happened.
ได้โปรดบอกกับฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น
• I forget to tell her when the festival starts.
ผมลืมบอกกับเธอว่าเมื่อไรเทศกาลจะเริ่ม
นอกจากนั้น Tell ก็ได้ใช้เพื่อบอกบางคนให้ทำบางสิ่งบางอย่าง ในโครงสร้าง tell someone to do something เช่น
• The dentist told him to brush his teeth regularly.
ทันตแพทย์บอกให้เขาต้องแปรงฟันเป็นประจำ
เมื่อใช้ tell จำเป็นต้องมีกรรมตามหลัง
• My mother told us to do the homework.
คุณแม่บอกให้พวกเราไปทำการบ้าน
❝Speak❞
Speak (สปีก) แปลว่า “พูด”
{ มีรูปกริยาช่องที่ 2 คือ Spoke (สโพค) และรูปกริยาช่องที่ 3 คือ Spoken (สโพ’เคิน) }
โดย Speak จะใช้ในการสื่อสารทางเดียว (One-way communication) และใช้ในการแลกเปลี่ยนเรื่องที่ค่อนข้างจริงจัง หรือสถานการณ์ที่เป็นทางการ
ตัวอย่าง เช่น
• Can I speak to the manager please?
รบกวนให้ผมคุยกับผู้จัดการได้ไหมครับ ?
• The Prime Minister speaks in the Government House.
นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล
นอกจากนั้น Speak ยังได้ใช้เหมือนเป็นคำทั่วไปที่ใช้พูดถึงเรื่องความรู้และใช้ในเรื่องของภาษา
ตัวอย่าง เช่น
• I can’t speak Thai although I have been in Thailand for 5 years.
ฉันไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ แม้อยู่ไทยมา 5 ปีแล้วก็ตาม
• I can speak 3 languages such as English, Thai and Korean
ฉันสามารถพูดได้ 3 ภาษา เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาเกาหลี
ถ้ามีกรรมเป็นคน จะต้องมีคำบุพบทตามหลัง speak ด้วย
ตัวอย่าง เช่น
• She spoke with him for an hour.
เธอพูดกับเขาเป็นชั่วโมง
• I’ll speak to him about the matter.
ฉันจะพูดกับเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
บางทีหลัง “speak” จะสามารถใช้กับคำเหล่านี้ the truth, truth, human…โดยไม่ต้องมีกรรมตามหลัง
ตัวอย่าง เช่น
• Speaking truth to power is such a difficult task.
การพูดความจริงกับคนที่มีอำนาจเป็นสิ่งที่ยากมาก
❝Talk❞
Talk (ทอล์ค) แปลว่า “พูดคุย”
{ มีรูปกริยาช่องที่ 2 และช่องที่ 3 คือ Talked }
โดย talk มัก ใช้ในการพูดเกี่ยวกับหัวข้อทั่ว ๆ ไป หรือเป็นคำพื้นฐานที่พูดถึงการสนทนาแลกเปลี่ยน หรือการสื่อสารกันอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ได้จริงจังเท่ากับ Speak ซึ่งเรามีตัวอย่างดังต่อไปนี้
ตัวอย่าง เช่น
• Marshall talked to Susie yesterday.
Marshall ได้คุยกับ Susie เมื่อวานนี้
• They talk about climate change.
พวกเขาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
• We talked with the police about the robbery.
เราคุยกับตำรวจเรื่องการโจรกรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
“กาแฟดำ” ชงแล้วจะเสียเมื่อไร ดื่มกาแฟเก่าส่งผลเสียหรือไม่
หลายคนคงเคยชงกาแฟดำไว้ตอนเช้า แต่พอเอามาดื่มตอนบ่ายรสชาติกาแฟกลับไม่เหมือนเดิม แล้วกาแฟดำที่ชงไว้แล้วจะเสียเมื่อไหร่กันแน่? ตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่ากาแฟดำที่ชงไว้แล้วจะเสียเมื่อไหร่แต่โดยทั่วไปแล้วกาแฟดำที่ชงไว้สามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 12 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง หรือ 3-4 วันเมื่อแช่ตู้เย็น
อย่างไรก็ตามรสชาติและกลิ่นของกาแฟจะค่อยๆ เสื่อมลงตามระยะเวลา หากต้องการดื่มกาแฟดำที่อร่อยควรชงใหม่ทุกครั้งจะดีที่สุด แต่ถ้าหากจำเป็นต้องเก็บกาแฟดำไว้ควรเก็บในภาชนะปิดสนิทเพื่อป้องกันกาแฟสัมผัสกับอากาศและเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องหรือแช่ตู้เย็น
การดื่มกาแฟดำที่ชงไว้นานๆ อาจส่งผลต่อรสชาติ แต่โดยทั่วไปแล้วไม่น่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เว้นแต่กาแฟเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวหรือมีเชื้อราขึ้นในกรณีนี้ควรทิ้งกาแฟนั้นไปไม่ควรนำมาดื่ม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/06/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,450.00 | 40,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,620.00 | 39,719.20 | 41,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,358.00 | 35,747.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,096.00 | 31,775.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,179.00 | 17,873.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 917.00 | 13,901.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,715.00 | 41,159.40 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/06/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.05 | 38.05 | 38.75 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 38.18 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.44 | 35.94 | 35.94 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.69 | 35.69 | – | – | – | – | – | – | – | 35.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.64 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.64 |
เบนซิน 95 | 45.94 | – | – | – | 48.71 | – | 46.44 | 46.09 | – | 45.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |