จับตาตลาดบ้าน (หรู) สเกลเล็กมาแรง!แก้Pain Pointที่ดินหายากยอดขายอืด
ปัจจัยราคา “ที่ดิน” นับวันราคาสูงและหายากรวมถึงกำลังซื้อลูกค้าระดับต่ำ 3 ล้านบาทกู้ไม่ผ่านสูง ตลาดบ้านหรูเริ่มโอเวอร์ซัพพลาย ส่งผลให้โครงการ “บ้านหรูสเกลเล็ก” แบบไม่ต้องจัดสรร เข้ามาเป็นคำตอบสุดท้ายในการแก้ Pain Point ของดีเวลลอปเปอร์และลดความเสี่ยงในการลงทุน
สมบูรณ์ วศินชัชวาล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดบ้านหรูเข้าสู่ภาวะโอเวอร์ซัพพลาย เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่โดดเข้ามาทำตลาดบ้านหรู เกิดคู่แข่งจำนวนมากราย
“กลุ่มบ้านราคา 5-7 ล้านบาท ยอดขายเริ่มอืด ทำให้ทุกคนมองว่าตลาดที่ยังพอไปได้ คือ ระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป ผู้ประกอบการจึงแห่มาเปิดบ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ดีกรีการแข่งขันสูงขึ้น แต่ถ้ากำลังซื้อยังดีอยู่ก็ไปต่อได้ ตลาดสินค้ากลุ่มนี้จำนวนยูนิตไม่ได้มีมากแต่มูลค่าต่อยูนิตสูง”
แต่ตลาดที่น่าจับตามองคือ “สเปเชียล โปรเจกต์” ที่มีจำนวน 6-8 ยูนิตนำมาพัฒนาเป็นโครงการขนาดเล็ก บนที่ดิน 3-5 ไร่ มูลค่า100-200 ล้านบาท เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่นิยมโครงการขนาดเล็ก อยู่ในซอย เช่นทำเลพระราม 6 อารีย์
“บริษัทมีความสนใจพัฒนาโครงการสเปเชียล โปรเจกต์ ทำเลในเมือง ซึ่งปัจจุบันภาษีที่ดินแพงสูง ทำให้มีเจ้าของที่ดินสนใจขายที่ดินมากขึ้น เราพร้อมซื้อมาพัฒนาโครงการเพื่อขายให้กับกลุ่มคนที่อยากอยู่ใกล้เมือง ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อเพราะราคาบ้านค่อนข้างสูง”
โดยปัจจุบันเริ่มมองหาที่ดินที่นำมาพัฒนาโครงการในเขตเมืองจากเดิมเน้นซื้อที่ดินรอบนอกเพื่อพัฒนาโครงการ เน้นทำเลที่เข้าออกสะดวก รถยนต์สวนกันได้ เป็นโครงการเล็กจำนวนยูนิตน้อย 8-9 หลัง ไม่เกิน 9 แปลง ไม่ต้องจัดสรร ไม่มีส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ ซุ้มประตู ทำให้ต้นทุนต่ำ
“เราสนใจพัฒนาโครงการสเปเชียล โปรเจกต์ในเมืองเพราะเชื่อว่ายังพอมีที่ดินอยู่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลคาดจะพัฒนาโครงการอย่างน้อย 3-4 ยูนิต น่าจะเหมาะสม แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับลูกค้า”
สำหรับแนวทางดีไซน์ต้องออกแบบตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่าง กลุ่มคนรักรถยนต์ ต้องออกแบบให้ชั้น 2 สามารถโชว์รถได้ มีลิฟต์ขนรถขึ้นได้ ซึ่งที่ผ่านมามีดีเวลลอปเปอร์พยายามจับกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก
“ตลาดนี้มาแรง เราต้องการขยายฐานลูกค้าและสินค้าให้กว้างขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เพราะตลาดหลักเริ่มชะลอตัว มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ”
สอดคล้องกับ พริษฐ์ ทีฆคีรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิไอโคนิค พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของโครงการโซล มิดทาวน์ กล่าวว่า บริษัทได้นำที่ดินทำเลเพชรเกษม มาพัฒนาโครงการ โซล มิดทาวน์ เพชรเกษม-สาทร มูลค่า 624 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 49 ยูนิต ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 70% คาดแล้วเสร็จปี 2568
โดยมองเห็นโอกาสในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โซนเพชรเกษม-สาทร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านขนาดใหญ่ ราคา 30-40 ล้านบาท จึงจับช่องว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการบ้านทำเลดังกล่าวในระดับราคา 12-19 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮม 4 ชั้น บนพื้นที่ 6 ไร่ 79 ตารางวา มีทั้งหมด 49 ยูนิต แบ่งเป็น 2 แบบ คือ อยู่ในจัดสรร จำนวน 30 ยูนิต และนอกจัดสรร 19 ยูนิต
“เหตุผลที่แบ่งให้มีบ้านนอกจัดสรรซึ่งไม่มีส่วนกลางไว้ให้บริการ เพื่อรองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการบ้านสำหรับเป็นออฟฟิศ ต้องการความเป็นส่วนตัว ถือเป็นเทรนด์น่าสนใจ โครงการนอกจัดสรร ยังลดต้นทุนการพัฒนาโครงการอีกด้วย”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“เอพี” ทุ่มลงทุน 2,500 ล้าน ผุด LIFE เจริญนคร-สาทร คอนโดหรูวิวแม่น้ำ
เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ “LIFE เจริญนคร-สาทร” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond The Boundaries มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท พร้อมดีไซน์ใหม่ยกชุด
นางสาวนิยมาพร โต๊ะสงวนพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด และการขายธุรกิจ กลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า แม้ย่านเจริญนครจะเป็น ย่านเมืองเก่า แต่ในปัจจุบันมีความหลากหลายของกลุ่มคนในพื้นที่ ทั้งยังมีการเดินทางที่สะดวกสบาย ทำให้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการอยู่อาศัยและการลงทุน เอพี จึงได้เปิดตัวโครงการ LIFE เจริญนคร-สาทร คอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา HIGH–RISE สูง 28 ชั้น 1 อาคารจำนวน 580 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท
พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘BEYOND THE BOUNDARIES – เหนือกว่าทุกข้อจำกัด สู่ความสมดุลของการใช้ชีวิต’ ที่นอกจากจุดเด่นในการออกแบบส่วนกลางที่เปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเต็มที่ ยังมีผังห้องชุดดีไซน์ล่าสุด AllNew SIMPLEX กับห้องชุด SIMPLE EXTRA HIGH CEILING เพดานสูง 3 เมตร พร้อมฟังก์ชั่นที่คุ้มค่า
“โครงการนี้เกิดจากการนำ Consumer Insight ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายวัยทำงานที่ต้องการพื้นที่ Retreat หรือฟื้นฟูจากความเครียดแต่ละวันมาเป็นโจทย์ นอกจากนี้ ยังพิถีพิถันในการออกแบบพื้นที่ภายในโครงการให้เล่าเรื่องราวความทรงจำเกี่ยวกับย่านเจริญนครได้อย่างสวยงาม”
โดยหัวใจหลักสำคัญของคอนเซ็ปต์ ‘BEYOND THE BOUNDARIES – เหนือกว่าทุกข้อจำกัด สู่ความสมดุลของการใช้ชีวิต’ ได้แก่ 1) BEYOND THE SPACE พื้นที่ท่ีเป็นมากกว่าแค่ท่ีอยู่ กับสุนทรียภาพของคอนโด HIGH-RISE มีความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตน้อยกับขนาดพื้นท่ีใช้สอยมากขึ้น 2) BEYOND THE LEISURE มากกว่าการ Relax แต่คือการ Retreat กับพื้นที่ส่วนกลาง
ที่ออกแบบเพื่อสร้างบรรยากาศและความรู้สึกที่ผ่อนคลาย 3) BEYOND THE LIMITES OF TIME เดินทางสะดวก 600 เมตร จาก BTS สถานีกรุงธนบุรี เพียง 1 สถานี ก็ถึง CBD โซนสาทร เชื่อมต่อ สาทรเหนือ-พระรามท่ี 3-วงเวียนใหญ่ และ 4) BEYOND THE ORDINARY กับสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณรอบรัศมีโครงการใกล้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น ไอคอนสยาม, เสนา เฟสท์, โรบินสัน บางรัก, เอเชียทีค และ Gump’s Cross รวมถึงคาเฟ่อีกมากมายในย่านเจริญนคร
ทั้งยังได้นางสาวเบญญาภา ศิริโสภณ ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์จาก บริษัท VAIR DESIGN จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบอินทีเรียเบอร์ต้น ของประเทศไทย เป็นผู้ดูแลงานออกแบบตกแต่งภายในโครงการ LIFE เจริญนคร-สาทร
โดย นางสาวเบญญาภากล่าวถึงความท้าทายในการออกแบบว่า นอกจากต้องตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแล้ว คำถามสำคัญคือจะนำเทรนด์นั้นมาบาลานซ์ในการทำงานอย่างไร เพื่อให้งาน อินทีเรียร์ที่ออกแบบไว้ไม่ล้าสมัยในวันที่คอนโดสร้างเสร็จทั้งนี้ แบรนด์คอนโดของเอพีแต่ละแบรนด์มีจุดยืนที่แตกต่างกัน โดยสำหรับ LIFE เจริญนคร-สาทร เราได้ตีความหมายคำว่า ‘Heritage’ ของย่านเจริญนครในมุมมองใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Visual Journey of Refining Charoennakhon Heritage ผ่านการดึงเสน่ห์ความงามของสถาปัตยกรรมบ้านเก่า ท่าเรือ และโกดังในย่านนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกพื้นที่ส่วนกลางเข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
“หัวใจสำคัญคือการออกแบบที่ดีต้องไม่เพียงสวยงามเท่านั้น แต่ต้องใช้งานได้จริง มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตและสร้างสุนทรียภาพในการอยู่อาศัยของลูกค้าได้ในทุกมิติ”
LIFE เจริญนคร-สาทร มีขนาดห้องชุดเริ่มต้นที่ 1 ห้องนอน ขนาด 29.5-35 ตารางเมตร และไฮไลท์พิเศษกับผัง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Double Access Bathroom เชื่อมต่อกับ Master Bedroom และ Flexible Room สามารถปรับเป็นพื้นที่ส่วนตัวเพิ่มได้อย่างอิสระ และห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 42-57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1 ห้องนอนใหญ่ที่ 3.59 ล้านบาท เฉลี่ยเริ่มต้น 114,000 บาท/ตร.ม.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21มิ.ย. “แข็งค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 36.73 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังคงผันผวน ตามปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ -มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21มิ.ย. 2567ที่ระดับ 36.73 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.77 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงที่จะผันผวนอ่อนค่าลงได้ หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก
อย่างไรก็ดี โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ก็อาจชะลอลงได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการนั้นออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้
นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ ซึ่งในช่วงคืนที่ผ่านมาการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ได้ช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้ หากมีปัจจัยเข้ามากดดันราคาทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง เราคาดว่าเงินบาทก็อาจผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว (Buy on Dip) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ
เช่น มีเป้าราคาทองคำ (XAUUSD) ในโซน 2,400-2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า เงินบาทก็อาจผันผวนไปตามฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่อาจยังคงทยอยขายสินทรัพย์ไทยต่อเนื่องได้ในช่วงนี้ จนกว่านักลงทุนต่างชาติจะมีความเชื่อมั่นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมากขึ้น หรือ ความเสี่ยงการเมืองไทยลดลงชัดเจน ถึงจะเริ่มเห็นการทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติอีกครั้ง
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ เพราะหากออกมาสูงกว่าคาด สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความหวังที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ หนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้ไม่ยาก
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.69-36.78 บาทต่อดอลลาร์) โดยแม้ว่าเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP)
หลังตลาดมองว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แม้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% ตามคาด แต่ BOE ก็มีการส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มคาดว่า BOE อาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนสิงหาคม
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับไม่ได้อ่อนค่าไปมาก ตามโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำที่ช่วยพยุงเงินบาทเอาไว้ หลังราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นราว +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั้งฝั่งตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมเคลื่อนไหวผสมผสาน ท่ามกลางแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อย่าง Nvidia -3.5%, Apple -2.2% ทว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Exxon Mobil +2.2% หลังราคาน้ำมันดิบได้ทยอยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงนี้ ทำให้โดยรวม แม้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq จะปรับตัวลง -0.79% แต่ดัชนี S&P500 ก็ปิดตลาดเพียง -0.25%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.93% หนุนโดยความหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ BOE ที่เริ่มมีการส่งสัญญาณอาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ ASML +2.3% หลังทาง Morgan Stanley ได้มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้น ASM International +5.3%
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 4.26% โดยเรายังคงเห็นแรงซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นของผู้เล่นในตลาดอยู่ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ในช่วงนี้ออกมาแย่กว่าคาด
อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจผันผวนในกรอบ sideways และสามารถที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งของเฟดในปีนี้
ทว่าเราคงคำแนะนำเดิมว่า ในทุกๆ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะข้างหน้ามีเพียงแค่ “คง” หรือ “ลง” มากกว่าที่เฟดจะทยอยขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มคาดหวังว่า BOE อาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนสิงหาคม นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุน ตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุดได้อ่อนค่าใกล้ระดับ 159 เยนต่อดอลลาร์ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.3-105.7 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น ทว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ก็สามารถปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซน 2,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์จากทั้งปัญหาตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กลับมาร้อนแรงขึ้น
รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ต่างคาดหวังการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งการปรับตัวขึ้นดังกล่าวของราคาทองคำ ก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ในเดือนมิถุนายนของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้งสหรัฐฯ ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น
ส่วนในฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนพฤษภาคม
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.72-36.74 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.10 น.) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดวันทำการก่อนหน้าที่ 36.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทยังมีแรงกดดันด้านอ่อนค่าตามทิศทางเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ประกอบกับมีแรงหนุนทางอ้อมจากการอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นๆ โดยเฉพาะเงินปอนด์ (หลังจากที่ BoE มีมติ 7:2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25% โดย 2 เสียงเห็นควรให้ลดดอกเบี้ย) และเงินฟรังก์ (หลังจากที่ SNB สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด โดยมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ไปที่ระดับ 1.25%)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.65-36.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ การเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนและสกุลเงินอื่นในภูมิภาค ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ดัชนี PMI ขั้นต้นเดือนมิ.ย. ของญี่ปุ่น อังกฤษ ยูโรโซน และสหรัฐฯ และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชำแหละ 5 ประเด็นทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยในเนชั่นส์ลีก 2024
น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย สร้างปฏิหาริย์โค่นทีมอันดับ 1 ของโลกอย่างบราซิลไม่สำเร็จ ในวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ลีก 2024 รอบสุดท้าย ที่บ้านเราเป็นเจ้าภาพ ณ สังเวียนอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา หลังพ่ายไป 0-3 เซต
ความพ่ายแพ้ดังกล่าว ทำให้เราต้องตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย และยุติเส้นทางการลุ้นแชมป์วอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก 2024 ไปโดยปริยาย ตลอด 4 สัปดาห์ของทัวร์นาเมนต์นี้ มีหลากหลายประเด็นให้พูดถึงกันมากมาย บางประเด็นกลายเป็นเรื่องดราม่าไปทั่วโลกออนไลน์ วันนี้เราจะมาชำแหละ 5 ประเด็นเกี่ยวกับการเล่นของพวกเธอ ในเนชั่นส์ลีกหนนี้กัน
1. ผู้เล่นตัวหลักเจ็บทำเป๋ในสัปดาห์แรก
สัปดาห์แรก ที่ทัพตบสาวแห่งแดนสยาม ต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปแข่งขันถึงนครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ดินแดนที่ไทม์โซนช้ากว่าประเทศไทยถึง 10 ชั่วโมง ก่อนไปแข่งขัน ทัพตบสาวไทยต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญเมื่อ “เพียว” อัจฉราพร คงยศ ผู้เล่นบอลหัวเสาตัวหลักได้รับบาดเจ็บ ไม่อาจเดินทางไปแข่งขันกับทีมได้ จึงทำให้ทีมไทย ไม่สามารถใช้งานเธอได้เลยใน 4 แมตช์แรกของสัปดาห์ที่ 1
นอกจากนี้ หลังผ่านไป 2 แมตช์ “ชมพู” พรพรรณ เกิดปราชญ์ ตัวเซตมือ 1 ของทีม ยังมาได้รับบาดเจ็บอีก เมื่อทัพตบสาวไทยขาดทั้ง “เพียว” และ “ชมพู” จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เราพ่าย 4 แมตช์รวดในสัปดาห์แรก ประกอบด้วย แพ้สหรัฐฯ1-3 เซต, แพ้เซอร์เบีย 0-3 เซต, แพ้แคนาดา 1-3 เซต และแพ้เกาหลีใต้ 1-3 เซต
2.“นุกนิก” ณัฐนิชา แจ้งเกิดในสัปดาห์ที่ 2
อาการบาดเจ็บของ พรพรรณ ได้ลามมาถึงสัปดาห์ที่ 2 ที่ทัพตบสาวไทยจะต้องเดินทางไปแข่งขันอีก 4 แมตช์ เขตบริหารพิเศษมาเก๊า จึงทำให้เธอไม่มีชื่อร่วมทัพไปทำศึกด้วย นับว่ายังดีที่ก่อนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ทีมไทยยังมีเวลาเตรียมความพร้อมราวๆ 1 สัปดาห์ ซึ่งสต๊าฟโค้ช ได้ติวเข้ม “นุกนิก” ณัฐนิชา ใจแสน ตัวเซตมือ 2 ของทีม ที่จะต้องขึ้นมาเซตเป็นตัวหลักแทนพี่ชมพู่ อย่างเข้มงวด ก่อนจะทำผลงานได้ดี จนสามารถเอาชนะได้ทั้ง โดมินิกัน 3-1 เซต และฝรั่งเศส 3-2 เซต
ส่วนอีก 2 แมตช์ต่อมา เรามิอาจต้านทีมแกร่งอย่างจีนกับบราซิลไหว จึงพ่ายไป 0-3 เซตทั้ง 2 แมตช์ขณะที่สัปดาห์ที่ 3 ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ทีมไทยชนะเพิ่มได้เพียงแมตช์เดียวต่อบัลแกเรีย ซึ่งเฉือนไปอย่างระทึก 3-2 เซต ก่อนจะแพ้ไปถึง 3 แมตช์ ได้แก่พ่ายตุรกี 0-3 เซต, แพ้โปแลนด์ 0-3 เซต และ แพ้เยอรมนี 0-3 เซต
3. บอลแรกในการรับลูกเสิร์ฟมีปัญหา
ตลอด 3 สัปดาห์ของรอบเก็บคะแนน และ 1 แมตช์ในรอบสุดท้าย กล่าวได้ว่า 1 ใน ปัญหาสำคัญของทัพลูกยางสาวไทย คือการรับลูกเสิร์ฟ การพบกับทีมระดับโลก ที่แต่ละทีมย่อมมีลูกเสิร์ฟที่ไม่ธรรมดา เรามิอาจรับบอลแรกให้เข้าเซตเตอร์โซนได้ และมันส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อเกมรุกด้วย เพราะหากรับบอลแรกเข้าเซตเตอร์โซน ตัวเซตสามารถบัญชาเกมรุกได้โดยสะดวก เลือกได้เลยว่าจะเล่นเกมรุกแบบไหน โดยเฉพาะบอลผสม(บอลทับ หรือ บอลแทรก) ซึ่งเป็นทีเด็ดของทีมไทยมาโดยตลอดทว่าพอบอลแรกไม่เข้า ตัวเซตหรือคนเล่นจังหวะ 2 ต้องยกสูงอย่างเดียว บล็อกคู่แข่งอ่านและจับทางได้ง่าย และเราต้องตีแก้ไขด้วย โอกาสได้แต้มมีน้อย
4. ขุมกำลังทดแทนกันได้ไม่ทุกตำแหน่ง
การแข่งขันเนชั่นส์ลีก แต่ละทีมต้องเล่น 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย สัปดาห์ละ 4 แมตช์(รวม 12 แมตช์) และถ้าทีม
ใดได้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ก็จะต้องลงแข่งขันในสัปดาห์ที่ 4 อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แต่ละทีมต้องมีผู้เล่นและขุมกำลังที่พร้อมทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ต้องมีความสามารถที่ดีใกล้เคียง และลงมาเล่นทดแทนกันได้ ทว่าทีมไทย พอตัวหลักได้รับบาดเจ็บ ผู้เล่นสำรองบางตำแหน่งลงมาเล่นแทนไม่ได้ อย่างเช่นในช่วงที่ อัจฉราพร คงยศ ได้รับบาดเจ็บ ความดุดันจากการตีบอลหัวเสาก็ดร็อปลงไป
ส่วนตำแหน่งบอลเร็ว ชัดเจนว่ามีแค่ ทัดดาว นึกแจ้ง กับ หัตถยา บำรุงสุข เท่านั้นที่ต้องเล่นตำแหน่งนี้ หากเป็นคนอื่น ศักยภาพทีมอาจจะอ่อนลงไป ส่วนดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง วิมลรัตน์ ทะนะพันธุ์ ก็เป็นอีกคนที่น่าจับตามอง แต่ประสบการณ์ยังน้อยไปนิด
5. การตัดสินใจหน้างานของโค้ชทัวร์นาเมนต์เนชั่นส์ลีก 2024
เป็นอีกครั้งที่ “โค้ชยะ” ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน หลังจาก “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล ขอพักจากการทำหน้าที่
อันที่จริง “โค้ชยะ” อยู่กับทีมตบสาวไทยมานาน ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ตั้งแต่สมัย “โค้ชอ๊อด” เกียรติพงษ์ รัชตะเกรียงไกร ยังเป็นเฮดโค้ช ต่อเนื่องมาจนถึง “โค้ชด่วน” พร้อมกับมีส่วนสำคัญ ต่อการยกระดับทีมลูกยางสาวไทย จากทีมระดับอาเซียน ให้ก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์เอเชีย 3 สมัย
อย่างไรก็ตาม พอได้ขึ้นมาสวมหัวโขนหัวหน้าผู้ฝึกสอน การแก้ปัญหาหน้างานที่เกิดขึ้นระหว่างเกมการแข่งขัน ยังทำได้ไม่ดีพอ จนเกิดคำถามคาใจในบรรดาแฟนวอลเลย์บอลว่า “โค้ชยะ” อาจจะไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
รู้จักโรค “เมลิออยโดสิส” ที่มาจากการลุยน้ำ ลุยโคลน
โรคเมลิออยโดสิส หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินโรคนี้มาก่อน ชื่อโรคอาจจะเรียกยาก ไม่คุ้นหู แต่โรคนี้ไม่ใช่โรคใหม่ และผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้อาจรุนแรงถึงตายได้!
โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) คืออะไร?
โรคเมลิออยโดสิส เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบอโคโดเลีย สูโดมาลิอาย Burkholderia pseudomallei (B. pseudomallei)” ซึ่งพบได้ทั่วไปทั้งในดิน ในน้ำ และในพืชบางชนิด จึงสามารถติดเชื้อได้จากการลุยโคลนหรือลุยน้ำในช่วงฤดูฝน และยังพบการติดต่อจากสัตว์ที่ติดเชื้อด้วย
โอกาสติดเชื้อมีได้หลายทาง ทั้งผ่านผิวหนัง หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง จะได้รับเชื้อจากการเดินลุยโคลน ลุยน้ำที่ท่วมขัง ผ่านระบบทางเดินหายใจ เกิดจากการหายใจเอาฝุ่นดินเข้าไป ผ่านทางระบบทางเดินอาหาร เช่น การดื่มน้ำหรือกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่เข้าไป
อาการของโรคเมลิออยโดสิส
อาการของโรคที่พบโดยทั่วไป ผู้ป่วยจะมีไข้สูง เป็นระยะเวลานานโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วมกับอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่สะดวก บางรายมีอาการคล้ายกับวัณโรค ปอดบวม หรือปอดอักเสบอย่างรุนแรง ด้วยลักษณะอาการที่คล้ายกับอาการป่วยโรคทั่วไป หรือคล้ายกับโรคอื่น และคนไม่รู้จักโรคนี้ดีพอ จึงทำให้รักษาไม่ทันเวลา
โดยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ยังสามารถก่อให้เกิดอาการได้ในหลายลักษณะ มีทั้งการติดเชื้อที่ผิวหนัง ติดเชื้อในปอด ติดเชื้อในอวัยวะภายใน หรือติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งการติดเชื้อในกระแสเลือดนี่เองที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต
การติดเชื้อทางผิวหนัง เป็นการติดเชื้อเฉพาะตำแหน่งที่สัมผัสเชื้อโรค เช่น ผ่านทางบาดแผล จะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อมีอาการเจ็บ บวม มีแผลเปื่อยสีออกขาวเทา อาจมีตุ่มขึ้น เป็นแผลเรื้อรัง และอาจเกิดเป็นฝีหรือหนองขึ้นมา รวมถึงส่งผลให้มีอาการไข้และเจ็บกล้ามเนื้อ
การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร จากการติดเชื้อที่ต่อมน้ำลาย ต่อมน้ำลายจะอักเสบบวม โต เจ็บ อาจเกิดฝี หนอง หากเชื้อเข้าตาจะทำให้เยื่อตาอักเสบ
การอักเสบเฉพาะอวัยวะเหล่านี้จะส่งผลให้มีการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงอวัยวะนั้น ๆ ร่วมด้วย ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต คลำแล้วเจ็บ และอาจเกิดเป็นหนอง และที่สำคัญ การติดเชื้ออาจจำกัดอยู่ที่บริเวณดังกล่าวหรือแพร่ผ่านกระแสเลือดต่อไปก็ได้
การติดเชื้อในปอด เกิดจากการสูดดมเชื้อเข้าไป ทำให้ปอดอักเสบ หากเอกซเรย์ปอดอาจจะพบก้อนหนองในปอดได้ อาการที่ปรากฏให้เห็นมีได้ตั้งแต่หลอดลมอักเสบชนิดไม่รุนแรงไปจนถึงอาการของโรคปอดบวมชนิดรุนแรง
ส่งผลให้ผู้ป่วยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ไม่อยากอาหาร มีอาการร่วมกับระบบทางเดินหายใจ ไอ (อาจไอเป็นเลือด) มีเสมหะ หายใจหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก มีอาการเจ็บกล้ามเนื้อโดยทั่วไป ซึ่งอาจทำให้แพทย์สับสนกับวัณโรคได้ในตอนวินิจฉัยโรค
การติดเชื้อในกระแสเลือด ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ภาวะไตวาย หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อลักษณะนี้มากที่สุด ที่จะทำให้เกิดอาการช็อก และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง
เมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ความดันต่ำ ช็อก หายใจลำบาก รู้สึกไม่สบายท้อง ปวดข้อต่อ และมีภาวะสูญเสียการรับรู้ด้านสถานที่ เวลา และบุคคลได้ ปกติการติดเชื้อในลักษณะนี้จะแสดงอาการอย่างรวดเร็ว และอาจพบฝีทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในตับ ม้าม หรือต่อมลูกหมาก สามารถเสียชีวิตได้ภายใน 2-3 วัน หากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้องหรือช้าเกินไป
หากเชื้อกระจายทั่วร่างกาย เชื้อแบคทีเรียสามารถแพร่กระจายจากผิวหนังผ่านเลือดไปสู่อวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย จนกลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังที่อาจส่งผลต่ออวัยวะสำคัญ อย่างหัวใจ สมอง ตับ ไต ม้าม ต่อมลูกหมาก ข้อต่อ ต่อมน้ำเหลือง กระดูก และดวงตา
โดยการติดเชื้อเหล่านี้อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลันหรือเรื้อรังก็ได้ สามารถสังเกตอาการของผู้ป่วยที่อาจมีไข้ น้ำหนักลด ปวดท้อง เจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ ปวดศีรษะ หรือเกิดอาการชัก
อันตรายของโรคเมลิออยโดสิส ส่วนใหญ่มาจากการวินิจฉัยโรคช้าเกินไป เนื่องจากอาการของโรคไปคล้ายคลึงกับโรคอื่น ซึ่งทำให้แพทย์ต้องวินิจฉัยซ้ำ ทำให้รักษาไม่ทันเวลา โดยเฉพาะหากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด การเกิดภาวะไตวาย กระดูกอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดฝีในสมอง ม้าม หรือตับ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ จนทำให้อวัยวะอื่นทำงานบกพร่องก็เป็นอันตรายที่ถึงตาย
อีกทั้งการรับยาไม่ถูกโรค ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงของโรคได้ ฉะนั้น หากมีไข้หรือมีอาการป่วยควรรีบพบแพทย์ อย่าปล่อยไว้นาน เพื่อที่จะรักษาได้ทันเวลา และป้องกันอาการรุนแรงแทรกซ้อนที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิต
ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคเมลิออยโดสิส
ผู้ที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคเมลิออยโดสิส ส่วนใหญ่คือ ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสดินและน้ำอยู่เป็นประจำ ในช่วงหน้าฝน คนที่เดินลุยน้ำท่วมขัง น้ำโคลนก็ติดเชื้อได้ แม้จะเป็นผู้ที่ร่างกายแข็งแรงดี แต่ได้รับเชื้อมา อาการป่วยก็สาหัสได้
ยิ่งหากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคไต โลหิตจาง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง มะเร็งตามอวัยวะต่าง ๆ หรือมีสุขภาพไม่แข็งแรงอยู่ด้วยแล้วนั้น ก็จะมีความเสี่ยงที่จะป่วยโรคนี้แทรกซ้อนได้ ซึ่งอันตรายมาก
ในคนดูแลผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส หากสัมผัสไปโดนสารคัดหลั่งของผู้ป่วยก็มีโอกาสติดเชื้อได้ รวมไปถึงผู้ที่ดูแลวัวหรือควาย หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงในบ้าน ซึ่งสัตว์สามารถเป็นโรคเมลิออยโดสิสได้ จึงมีความเสี่ยงไม่ต่างกัน หากเชื้ออยู่ในซากสัตว์ที่ตายแล้วและถูกฝัง เชื้อจะฝังอยู่ในดินบริเวณนั้นตลอดไป หากไปสัมผัสที่ดินบริเวณนั้นเข้า ก็มีโอกาสได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน มักจะมีน้ำท่วมขังตามพื้นที่ต่าง ๆ บริเวณที่เคยเป็นพื้นดิน เมื่อมีฝนตกจะกลายเป็นโคลน หากไปเดินลุยน้ำ ลุยโคลนด้วยเท้าเปล่า หรือไม่มีการป้องกันโรค ก็จะมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อที่ปะปนอยู่ในดินหรือน้ำได้
การป้องกันและรักษาโรคเมลิออยโดสิส
การปฏิบัติตัวในการป้องกันโรค คือ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำโดยตรง เช่น ทำการเกษตร ลุยโคลน ลุยน้ำที่ท่วมขัง ตากฝน หรือสัมผัสกับลมฝุ่น หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบูท กางเกงขายาว หรือชุดลุยน้ำ รีบทำความสะอาดร่างกายด้วยการฟอกสบู่แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดทันทีที่ทำได้ รวมไปถึงการป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลขึ้นหากจำเป็นต้องสัมผัสดินและน้ำ ถ้ามีแผลถลอกแล้วไปสัมผัสกับดินและน้ำเข้า จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ
ถึงจะดูเป็นโรคที่น่ากลัวและมีอัตราการตายสูง แต่โรคเมลิออยโดสิสสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากมีการวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องรวดเร็วตั้งแต่แรก แต่การจะรักษาให้หายขาดใช้นานหลายเดือนเลยทีเดียว โดยแพทย์จะฉีดยาปฏิชีวนะในช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นแพทย์จะให้ยาชนิดกินต่อไปเป็นเวลา 5 เดือน หากมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะรักษาตามอาการ และปรับยาตามความเหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
60 คำคมภาษาอังกฤษคิดบวก คําคมชีวิต ภาษาอังกฤษ สั้นๆ น่าหยิบไปโพสต์
บางครั้งเหล่า คำคมคิดบวก ทั้งหลายก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดีๆ ที่ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาง่ายๆ เหมือนกันนะ วันนี้เราเลยมี คำคมภาษาอังกฤษ ความหมายดีๆ คำคมภาษาอังกฤษคิดบวก ที่อ่านแล้วช่วยให้ชีวิตสดใสขึ้นมาฝากทุกคนที่กำลังมองหากำลังใจและแรงบันดาลใจกันค่ะ ซึ่งคำคมเหล่านี้ไม่เพียงอ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ เท่านั้นนะคะ แต่ยังหยิบไปเป็นแคปชั่น เอาไปโพสต์พร้อมรูปให้ดูเก๋ขึ้นได้ด้วยล่ะ!
คำคมภาษาอังกฤษคิดบวก เกี่ยวกับการใช้ชีวิต
- Change the world by being yourself.
เปลี่ยนโลกด้วยการเป็นตัวของตัวเอง
- Every moment is a fresh beginning.
ทุกช่วงเวลาคือการเริ่มต้นใหม่
- Never regret anything that made you smile.
อย่าเสียใจกับสิ่งที่ทำให้คุณยิ้ม
- Aspire to inspire before we expire.
จงมีความปรารถนาที่จะสร้างแรงบันดาลใจก่อนที่เราจะหมดอายุขัย
- Everything you can imagine is real.
ทุกสิ่งที่คุณสามารถจินตนาการได้มันก็เป็นความจริงได้
- What we think, we become.
เราคิดยังไง เราก็จะกลายเป็นคนแบบนั้นแหละ
- Nothing lasts forever but at least we got these memories.
ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป แต่อย่างน้อยเราก็มีความทรงจำเหล่านี้เก็บไว้
- A happy soul is the best shield for a cruel world.
จิตวิญญาณที่มีความสุขเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับโลกที่โหดร้าย
- Happiness depends upon ourselves.
ความสุขขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
- It hurt because it mattered.
ที่เรารู้สึกเจ็บก็เพราะมันสำคัญไงล่ะ
- When you think positive, good things happen.
เมื่อคุณคิดบวก สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น
- One small positive thought can change your whole day.
ความคิดเชิงบวกเพียงเล็กน้อยสามารถเปลี่ยนทั้งวันของคุณได้
- Believe you can and you’re halfway there.
แค่เชื่อว่าคุณทำได้ นั่นก็หมายความว่าคุณมาได้ครึ่งทางแล้ว
- Turn every life situation into a positive one.
เปลี่ยนทุกสถานการณ์ในชีวิตให้เป็นบวก
- If opportunity doesn’t knock, build a door.
หากโอกาสไม่มาเคาะประตู จงสร้างประตูขึ้นมาเอง
- Stay positive. Better days are on their way.
คิดในแง่บวกไว้ วันที่ดีกว่ากำลังจะมาถึง
- Whoever is happy will make others happy too.
ใครที่มีความสุขก็จะทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย
- Choose to be optimistic, it feels better.
เลือกที่จะมองโลกในแง่ดี ก็จะรู้สึกดีขึ้น
- A problem is a chance for you to do your best.
ปัญหาคือโอกาสสำหรับคุณที่จะมันทำให้ดีที่สุด
- When nothing goes right, go left.
เมื่อทุกอย่างมันผิดไปหมด ก็แค่เปลี่ยนเส้นทางเท่านั้นเอง
- Keep calm and carry on.
ใจเย็นไว้และเดินหน้าต่อไป
- Life would be tragic if it weren’t funny.
ชีวิตจะน่าเศร้าถ้ามันไม่ตลก
- Don’t cry because it’s over, smile because it happened.
อย่าร้องไห้เพราะมันจบแล้ว แต่จงยิ้มเพราะสิ่งนั้นมันได้เกิดขึ้นแล้วจะดีกว่า
- There are no mistakes, only opportunities.
ไม่มีคำว่าผิดพลาด ทุกอย่างล้วนแต่เป็นโอกาสเท่านั้นล่ะ
- There are no regrets in life, just lessons.
ไม่มีความเสียใจในชีวิต มันเป็นเพียงบทเรียน
- There’s no fear when you’re having fun.
ไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้าคุณรู้สึกสนุกกับมัน
- Enjoy life. There’s plenty of time to be dead.
ใช้ชีวิตให้สนุก มีเวลาเหลือเฟือที่จะตาย
- Life is all about having a good time.
ชีวิตคือการมีช่วงเวลาที่ดี
- Today was good. Today was fun. Tomorrow is another one.
วันนี้เป็นวันที่ดี วันนี้เป็นวันที่เราสนุกกับชีวิต และวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นอีกวันที่มีความสุขเช่นเดียวกัน
คำคมชีวิต คำคมภาษาอังกฤษ ชีวิตอิสระ สั้นๆ
- Enjoy life despite its problems.
จงสนุกไปกับการใช้ชีวิตแม้จะมีปัญหาเข้ามาก็ตาม
- Life is an adventure! So live it up!
ชีวิตคือการผจญภัย! ฉะนั้นใช้ชีวิตให้เต็มที่!
- Slow down, take time to smile.
ใช้ชีวิตให้ช้าลง และใช้เวลานั้นยิ้มให้เยอะเข้าไว้
- Make each day your masterpiece.
ทำให้แต่ละวันให้ดี เหมือนเป็นผลงานชิ้นเอกของคุณ
- Life is worth living as long as there’s a laugh in it.
ยังมีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ตราบใดที่เรายังมีเสียงหัวเราะ
- Live each day as if your life had just begun.
ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนกับว่าชีวิตของคุณเพิ่งเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง
- See the good in all things.
จงเห็นความดีในทุกสิ่ง
- Happiness depends upon ourselves.
ความสุขขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
- Every wall is a door.
ทุกกำแพงมีประตูเสมอ ก็เหมือนกับอุปสรรคที่มักจะมีทางออกเช่นกัน
- Don’t regret the past, just learn from it.
อย่าเสียใจกับอดีต แต่จงเรียนรู้จากมัน
- Change has to come for life to struggle forward.
การเปลี่ยนแปลงต้องมาเพื่อให้ชีวิตต่อสู้ไปข้างหน้า
- The purpose of our lives is to be happy.
เป้าหมายของชีวิตเราคือการมีความสุข
- Life is ours to be spent, not to be saved.
ชีวิตเป็นของเราที่จะใช้มันอย่างไรก็ได้ ไม่ใช่การเก็บมันไว้
- You become what you believe.
คุณจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณเชื่อ
- The purpose of our lives is to be happy.
เป้าหมายของชีวิตเราคือการมีความสุข
- Be happy for this moment. This moment is your life.
จงมีความสุขในช่วงเวลานี้ ซึ่งขณะนี้คือชีวิตของคุณ
- Life has no limitations, except the ones you make.
ชีวิตไม่มีข้อจำกัด ยกเว้นสิ่งที่คุณสร้างขึ้นมาเอง
- Life’s too mysterious to take too serious.
ชีวิตมันลึกลับเกินกว่าจะจริงจังเกินไป
- Slow down and savor your life.
ใช้ชีวิตให้ช้าลงและลิ้มรสชีวิตของคุณ
- Surround yourself with positive people.
จงเอาตัวเองไปวนเวียนอยู่กับคนที่คิดบวก
- Whatever you are, be a good one.
เป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากเป็น แค่เป็นคนดีก็พอ
- Pain is inevitable. Suffering is optional.
ความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความทุกข์อยู่กับมันเป็นสิ่งที่คุณเลือกได้
- Don’t count the days. Make the days count.
อย่ามัวแต่นั่งนับวันเวลาที่ผ่านไป แต่จงทำให้ทุกๆ วันที่ผ่านไปให้มีคุณค่า
- Love all, trust a few, do wrong to none.
จงรักทุกคน เชื่อคนไม่กี่คน และไม่ทำผิดต่อใคร
- Your past does not equal your future.
อดีตของคุณไม่เท่ากับอนาคตของคุณหรอก อย่าไปสนใจมันเลย
- Once you choose hope, anything’s possible.
เมื่อคุณเลือกที่จะมีความหวัง ทุกอย่างก็เป็นไปได้
- Life’s too mysterious to take too serious.
ชีวิตมันลึกลับเกินกว่าที่จะจริงจังกับมันเกินไป
- Live as many lives as you can.
จงใช้ชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- Little things, make big days.
สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างวันที่ยิ่งใหญ่ได้
- If opportunity doesn’t knock, build a door.
หากโอกาสไม่เกิดขึ้น ก็จงสร้างประตูเพื่อเข้าไปหาโอกาสด้วยตัวเอง
- Life is an echo; we get what we give.
ชีวิตก็เหมือนเสียงสะท้อน เราให้อะไรไป เราก็ได้สิ่งนั้นกลับมานั่นล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net
“โพรไบโอติกส์” ไม่เหมาะกับใคร ไม่ใช่ทุกคนจะทานได้
โพรไบโอติกส์กลายเป็นอาหารเสริมยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการสุขภาพลำไส้ที่ดีขึ้นและสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะทานโพรไบโอติกส์ได้ โพรไบโอติกส์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ท้องอืด หรือท้องผูก แต่สำหรับบางคน โพรไบโอติกส์อาจเป็นอันตรายได้ อ่านต่อเพื่อค้นหาว่าทำไมโพรไบโอติกส์จึงไม่เหมาะกับทุกคน ผลข้างเคียงคืออะไร และใครที่ควรหลีกเลี่ยงโพรไบโอติกส์โดยสิ้นเชิง
โพรไบโอติกส์ไม่เหมาะกับใครบ้าง
โพรไบโอติกส์อาจไม่เหมาะกับทุกคน ในบางกรณี โพรไบโอติกส์อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีโรคประจำตัวบางกลุ่ม กลุ่มบุคคลเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการทานโพรไบโอติกส์โดยสิ้นเชิง เนื่องจากมีความเสี่ยงแม้จะพบได้น้อยต่อการทานจุลินทรีย์มีชีวิต
กลุ่มบุคคลที่ไม่ควรทานโพรไบโอติกส์:
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออาจไม่สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อร้ายแรง
- ผู้ที่มีแผลเปิดในลำไส้: โพรไบโอติกส์อาจทำให้แผลเปิดในลำไส้ติดเชื้อได้
- ผู้ที่ทานยาต้านเชื้อแบคทีเรีย: โพรไบโอติกส์บางชนิดอาจทำงานต่อต้านยาต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ทารกแรกเกิด: ระบบย่อยอาหารของทารกแรกเกิดยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ โพรไบโอติกส์บางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อทารก
วิธีทานโปรไบโอติกส์อย่างปลอดภัย
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดในการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ให้ดีต่อสุขภาพคือ การทานอาหารหมักที่มีโปรไบโอติกส์สูง
“ฉันแนะนำให้ทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์ทุกวันเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันเพื่อสุขภาพของคุณ” ดร. มอนตี้กล่าว “อาหารโปรไบโอติกส์จากพืช เช่น ผักดองที่มีชีวิต นัตโตะ และกิมจิ อุดมไปด้วยทั้งพรีไบโอติกส์และโปรไบโอติกส์ ดังนั้นจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการนำโปรไบโอติกส์เข้าสู่กิจวัตรประจำวันของคุณ”
เคล็ดลับในการทานโพรไบโอติกส์อย่างปลอดภัย
- เลือกอาหารหมักที่หลากหลาย: ทานอาหารหมักหลายชนิดเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับจุลินทรีย์หลากหลายสายพันธุ์
- เริ่มต้นช้าๆ: เริ่มต้นด้วยปริมาณเล็กน้อยและค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นตามเวลาเพื่อให้ร่างกายของคุณปรับตัว
- สังเกตผลข้างเคียง: หากคุณมีอาการท้องอืด หรือท้องผูก ให้ลดปริมาณหรือหยุดทาน
- ปรึกษาแพทย์: ปรึกษาแพทย์ก่อนทานโพรไบโอติกส์ หากคุณมีโรคประจำตัวหรือกำลังทานยา
ตัวอย่างอาหารหมักที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์
- ผักดอง: ผักดองที่มีชีวิต กะหล่ำปลีดอง แตงกวาดอง
- โยเกิร์ต: โยเกิร์ตธรรมชาติ โยเกิร์ตกรีก
- เคฟีร์: เครื่องดื่มนมหมักชนิดหนึ่ง
- คิมจิ: ผักดองเกาหลี
- มิโซะ: ซุปถั่วเหลืองหมัก
- เต้าหู้หมัก: เต้าหู้หมักประเภทต่างๆ เช่น เต้าหู้ยี้ เต้าหู้เน่า
โพรไบโอติกส์อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของบางคน แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกชนิดที่เหมาะสมกับคุณและปรึกษาแพทย์ก่อนทาน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/06/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,900.00 | 41,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,649.00 | 40,158.84 | 41,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,384.10 | 36,142.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,119.20 | 32,127.07 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,192.00 | 18,070.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 927.00 | 14,053.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,745.00 | 41,614.20 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/06/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.05 | 38.05 | 38.75 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 38.18 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.44 | 35.94 | 35.94 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.69 | 35.69 | – | – | – | – | – | – | – | 35.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.64 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.64 |
เบนซิน 95 | 45.94 | – | – | – | 48.71 | – | 46.44 | 46.09 | – | 45.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |