พิษกำลังซื้อหด-รีเจกต์เรตพุ่งไม่หยุดเพอร์เฟคเลื่อน6โครงการใหม่เปิดปี68
เอฟเฟกต์! ยอดปฏิเสธสินเชื่อทะยานสูงกว่า 70% ของเซ็กเมนต์ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ในทุกสินค้าไม่ว่าจะเป็นบ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม ขยับไปยังระดับราคา 3-7 ล้านบาท ยอดรีเจกต์เรตพุ่งจาก 25% เป็น 50% ลามถึงที่อยู่อาศัยราคา10ล้านขึ้นไปสะท้อนชัดถึงกำลังซื้อที่อ่อนแอ!
วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก การเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยเฉพาะกลุ่มระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวล 2 ปัจจัยหลัก คือ อำนาจซื้อของลูกค้าที่ต่ำกว่า 5 ล้านบาทอ่อนแอลงต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ปัจจัยที่สอง สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ แอลทีวี (LTV : Loan To Value)
“สิ่งที่น่าตกใจคือปีนี้ยอดการปฏิเสธสินเชื่อสูงตั้งแต่ไตรมาส 2 ในเซ็กเมนต์ระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาท สูงถึง 70% ไม่ว่าจะเป็นบ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม ถัดมาในเซ็กเมนต์ราคา 3-7 ล้านบาท ยอดการปฏิเสธสินเชื่อ 50% ซึ่งไม่เคยเกินขึ้นมาขนาดนี้ จากปกติอยู่ที่ 25% หรือ 7-10 ล้านบาทขยับมาที่ 10% จากเดิม 7-8% เป็นเพราะธนาคารกังวล NPL จึงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ล่าสุดกำลังลามไปถึงกลุ่มระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป”
ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจึงปรับแผนโดยเลื่อนเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ไปเป็นปี 2568 จากเดิมวางแผนเปิดตัว 7 โครงการในปีนี้ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท เพื่อรอให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวกลับมาก่อน จากครึ่งแรกปี 2567 ทำยอดขายได้ 4,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 30%
โดยได้เปิดตัวโครงการเพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์ – รัตนาธิเบศร์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท บนที่ดิน 45 ไร่ จำนวน 163 ยูนิต ขนาด 52-135 ตารางวา ราคา 10-18 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 120 ล้านบาท จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์เดือน ก.ย. นี้ คาดใช้เวลาขาย 3-4 ปี ปิดโครงการ หรือ เฉลี่ยมียอดขายปีละ 400-500 ล้านบาท
“ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 39 ปี ของเพอร์เฟคที่เปิดตัวน้อยสุดเพียงแค่ 1 โครงการเท่านั้น เพราะกำลังซื้อไม่ดี ยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านสูงขึ้นผิดปกติ ในส่วนของเพอร์เฟคเฉลี่ย 30% ถ้าเป็นเซ็กเมนต์ล่างอยู่ที่ 50% พรีเมียม 40%”
วงศกรณ์ กล่าวต่อว่า ปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 13,000 ล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 11,000 ล้านบาท อาจต้องกลับมาทบทวนอีกครั้ง จากการเปิดโครงการลดลง
“เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว การรับมือ คือ การขายสินค้าในโครงการที่มีอยู่ก่อน แทนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ ในครึ่งปีหลังเป็นการส่งสัญญาณถึงแบงก์ชาติว่า สถานการณ์วิกฤติจริงไม่ใช่แค่ความรู้สึก กรณี แอลทีวี ที่ยังคงมีอยู่ เพราะกลัวว่าคนซื้อเก็งกำไรนั้น แต่ตลาดไม่มีการซื้อเก็งกำไรมานานแล้วตั้งแต่เกิดโควิด มาตรการดังกล่าวจึงไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหา แต่สร้างปัญหาทำให้คนเข้าถึงสินเชื่อบ้านยากขึ้นโดยเฉพาะบ้านหลัง 2”
ภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การบริหารสภาพคล่องเป็นเรื่องสำคัญมาก! ยิ่งการเปิดตัวโครงการใหม่ต้องใช้เงินค่อนข้างสูงในแต่ละโครงการตั้งแต่การซื้อที่ดิน เพราะช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินแต่ละปีเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5%
ส่วนการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นและใช้งบประมาณลงทุนครึ่งปีหลังนั้น มองว่า น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไม่ทรุดลงไปกว่านี้! แต่ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น แนวโน้มการลงทุนของภาคเอกชนในครึ่งปีหลังที่ลดลง ไม่เฉพาะพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค แต่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายชะลอการลงทุนหรือเปิดโครงการใหม่น้อยลงเช่นเดียวกัน
“การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ง่ายที่สุด คือ แบงก์ชาติต้องระงับมาตรการแอลทีวีไป 1-2 ปี แทนที่ลงทุนดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาทซึ่งกระตุ้นได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น การยกเลิกมาตรการแอลทีวีในบ้านหลังแรกและหลังที่สอง ไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว และจากแนวโน้มเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. หวังว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ยตามเฟด”
ทั้งนี้ การลดดอกเบี้ยจะทำให้ความรู้สึกของคนซื้อบ้านดีขึ้น เพราะถ้าอัตราดอกเบี้ยลดลง 1% ต้นทุนของผู้ซื้อบ้านจะลดลง 11% เท่ากับเป็นการเพิ่มอำนาจซื้อหรืออำนาจการผ่อนบ้านสูงขึ้นทันที!
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เปิดผลสำรวจ 70% เห็นด้วย “ย้ายท่าเรือคลองเตย” อัพเกรดที่ดิน 2.3 พันไร่
“นอร์ทกรุงเทพโพล” เปิดผลสำรวจประชาชน 70% เห็นด้วยย้ายท่าเรือคลองเตยจากพื้นที่เดิม หวังอัพเกรดที่ดิน 2.3 พันไร่ ปั้นพื้นที่เชิงพาณิชย์
ผศ.ดร.สานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าแผนกวิจัย สำนักวิจัย มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากกรณีการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) นั้น ขณะนี้กระแสสังคมได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก
จากก่อนหน้านี้ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม, การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.), กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสม และความเป็นไปได้ในการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย)
ทั้งนี้ได้มอบหมายให้หาแนวทางในการพัฒนาบริเวณท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ของ กทท. ที่มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 2,353 ไร่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) นั้น เพื่อต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ เช่น ลดปัญหาความแออัดของชุมชน, แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด, แก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังเป็นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์แบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงการย้ายคลัง และโรงเก็บน้ำมันที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย
ผศ.ดร.สานิต กล่าวต่อว่า นอร์ทกรุงเทพโพลได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 22 – 30 กรกฎาคม 2567 จากประชาชนจำนวน 2,500 คน ในเรื่องการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) พบว่า ประชาชนกว่า 70.3% ทราบถึงโครงการการย้ายท่าเรือคลองเตย
มีเพียง 29.7% ที่ไม่ทราบเรื่อง โดยการสำรวจ ระบุว่า มีประชาชนส่วนใหญ่ 70.7% เห็นด้วยต่อการย้ายท่าเรือกรุงเทพ ขณะที่ ไม่เห็นด้วย 16.2% และไม่แสดงความคิดเห็น 13.1%
ขณะเดียวกันจากการสำรวจเมื่อถามคิดเห็นถึงการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) จะทำให้เกิดประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เดิมอย่างไร ผลสำรวจ พบว่า ประชาชน 40.2% ระบุว่า จะสามารถผสมผสานการใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้าน
ขณะที่ใช้ในเรื่องอื่น ๆ 18.4%, ใช้เป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้ด้อยโอกาส 16.7%, ใช้เป็นสวนสาธารณะ 11.3%, ใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว 10.2% และใช้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ 3.2%
เมื่อถามถึงช่องทางในการทราบโครงการการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) พบว่า ส่วนใหญ่ 34.9% รับทราบจากช่องทางอื่นๆ นอกเหนือจากการรับทราบแผนการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) จาก อินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ 24%
นอกจากนี้ 14.2% ระบุว่า รับทราบข้อมูลจากแผ่นพับ โปสเตอร์ เอกสารประชาสัมพันธ์ ส่วน 12.4% ระบุว่า รับทราบข้อมูลจากวิทยุ โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี
นอกจากนี้ 9.3% ระบุว่า รับทราบข้อมูลจากสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ วารสาร และ 5.2% รับทราบข้อมูลจากเอกสารเผยแพร่จากทางราชการ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้2ส.ค. “ทรงตัว” ที่ระดับ 35.61 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีความอ่อนไหว มีโอกาสแข็งค่าขึ้นจากแรงหนุนจังหวะฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนสอดคล้องกับทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับลดลง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้2ส.ค. 2567 ที่ระดับ 35.61 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทเริ่มมีโอกาสที่จะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้บ้าง และ
โซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราได้ประเมินไว้ก่อนหน้านั้น ก็อาจยังเป็นโซนแนวรับในระยะสั้นได้อยู่ ตราบใดที่ บรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) จนหนุนให้เงินดอลลาร์ยังสามารถแกว่งตัวในกรอบ sideways หรือ
มีจังหวะแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ซึ่งการประเมินดังกล่าว ก็สอดคล้องกับสัญญาณเชิงเทคนิคัล ใน Time Frame Daily ที่เงินบาท (USDTHB) อาจเกิดทั้งสัญญาณ RSI Bullish Divergence และมีลักษณะของรูปแบบ Bullish Hammer
ทว่า หากจะมั่นใจได้ว่า เงินบาทจะพลิกกลับมาอ่อนค่าจากโซนแนวรับดังกล่าว ก็ควรเห็นการอ่อนค่าต่อเนื่อง เหนือระดับ 35.70 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจนเป็นอย่างน้อย ซึ่งเราประเมินว่า ภาพดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้
หากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน จนทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย (ที่ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยติดต่อกันถึง 5 ครั้ง)
โดยจากการประเมินความอ่อนไหวของค่าเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ จากข้อมูลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เราพบว่า เงินบาทอาจมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซน 35.75 บาทต่อดอลลาร์ ในกรณีที่ ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
และเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซน 35.45 บาทต่อดอลลาร์ ในกรณีที่ ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาจออกมาแย่กว่าคาด (ให้จุดเริ่มต้นเงินบาทแถว 35.60 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว)
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.75 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways ใกล้โซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราได้ประเมินไว้ในวันก่อน (แกว่งตัวในช่วง 35.50-35.63 บาทต่อดอลลาร์)
โดยแม้ว่า เงินบาทอาจมีจังหวะแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการปรับตัวลดลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้น 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทั้ง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต เดือนกรกฎาคม ล้วนออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ดี รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาดดังกล่าว
ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงมากกว่าที่เคยประเมินไว้ กอปรกับรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ในธีม AI/Semiconductor ที่ออกมาแย่กว่าคาด ก็ยิ่งกดดันให้บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ชัดเจน
หนุนให้ เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น (ค่าเงินเยนญี่ปุ่นที่เป็น Safe Haven ก็แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน) และกดดันให้ราคาทองคำทยอยย่อตัวลงบ้าง ส่งผลเงินบาททยอยอ่อนค่าลงจากโซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากกว่าที่เคยประเมินไว้ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาด
นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor ที่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ Qualcomm -9.4% ก็ส่งผลให้บรรดาหุ้นธีมดังกล่าวต่างปรับตัวลดลง โดยเฉพาะ Nvidia -6.7% ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.30% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.37%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงกว่า -1.23% หลังรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มการเงินและกลุ่มยานยนต์ ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันเพิ่มเติมจากการปรับตัวลดลงของหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ ASML -2.4% ตามแรงขายหุ้นธีมดังกล่าวในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ในส่วนตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาแย่กว่าคาด และบรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ได้กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.97%
ซึ่งก็ยังใกล้เคียงกับสิ่งที่เราได้ประเมินไว้ว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าระดับ 4% ได้อย่างชัดเจน จนกว่าตลาดจะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดใหม่
เช่น เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ติดต่อกัน มากกว่าคาด ซึ่งล่าสุด จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาด ได้คาดหวังว่า เฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยติดต่อกันในอีก 5 การประชุม FOMC หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดออกมาแย่กว่าคาด
โดยเรามองว่า ยังคงต้องระวังความเสี่ยงที่ ตลาดอาจปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดดังกล่าวใหม่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจอย่างที่กังวล หรือ
เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในลักษณะดังกล่าว อนึ่ง บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ระดับต่ำกว่า 4.00% อาจมี Risk-Reward ที่น่าสนใจน้อยลง ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอ “Buy on Dip” ในจังหวะบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น เหนือโซน 4.00%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ผันผวนในกรอบ sideways โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต่างต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
อนึ่ง การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็อาจถูกจำกัดโดย การแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถว 104.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.1-104.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) จะพอได้แรงหนุนจากจังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด
จนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ราคาทองคำก็ไม่สามารถทรงตัวเหนือระดับดังกล่าวได้ ท่ามกลางแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด และการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทำให้โดยรวมราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถวโซน 2,490 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคม ทั้งยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment) และ อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดก็จะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.52-35.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.29 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ เงินบาทยังแข็งค่าขึ้นโดยมีแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากจังหวะฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนสอดคล้องกับทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับลดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด (อาทิ ดัชนี ISM ภาคการผลิตในเดือนก.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัดาห์) ซึ่งสะท้อนความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนก.ย. นี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.45-35.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ การปรับตัวของราคาทองคำในตลาดโลก และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และเครื่องชี้ตลาดแรงงานอื่นๆ เดือนก.ค. รวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ส่องโปรแกรม วอลเลย์บอล ซี วี.ลีก 2024 สัปดาห์แรก พร้อมช่องถ่ายทอดสด
การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ซี วี.ลีก 2024 (SEA V.League) ในสัปดาห์แรก ที่จะแข่งขันกันที่เมืองหวิญฟุก ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม นี้
โดยรายการนี้จะแข่งขันทั้งหมด 2 สนาม ที่ประเทศเวียดนาม และ ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ รูปแบบการแข่งขันจะเป็นแบบพบกันหมด 4 ชาติ ประกอบด้วย “แชมป์เก่า” ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม
โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ซี วี.ลีก 2024 สัปดาห์แรก
วันศุกร์ ที่ 2 สิงหาคม 2567
16.00 น. ไทย พบ อินโดนีเซีย (ช่อง ONE 31)
19.00 น. เวียดนาม พบ ฟิลิปปินส์ (ช่อง ONE 31)
วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567
15.00 น. ไทย พบ ฟิลิปปินส์ (ช่อง GMM 25)
19.00 น. เวียดนาม พบ อินโดนีเซีย (ช่อง GMM 25)
วันอาทิตย์ ที่ สิงหาคม 2567
16.00 น. อินโดนีเซีย พบ ฟิลิปปินส์ (ช่อง ONE 31)
19.00 น. ไทย พบ เวียดนาม (ช่อง GMM 25)
แบโผรายชื่อ “14 ลูกยางสาวไทย” ลุยศึก วอลเลย์บอล ซี วี.ลีก 2024 ที่เวียดนาม
สำหรับแฟนๆ สามารถรับชมและเชียร์ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ในรายการ วอลเลย์บอล ซี วี.ลีก 2024 สัปดาห์แรกได้ทุกนัดผ่านทางการถ่ายทอดสดทาง ช่อง ONE 31 และ GMM 25 ทุกเกม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
อาหารที่ควร-ไม่ควรกิน หากเสี่ยงเป็น “โรคเกาต์”
กรดยูริกในเลือดที่สูง นอกจากจะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคเกาต์,โรคนิ่ว และโรคไตอักเสบแล้ว อาจมีผลต่อผู้ป่วยที่มีปัญหาหูอื้อ เสียงดังในหู และบ้านหมุนได้ โดยจะทำให้เส้นเลือดหดตัว เลือดไปเลี้ยงประสาทหูและอวัยวะทรงตัวได้น้อย จึงทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัวได้
กรดยูริกในร่างกาย เกิดจากการสร้างขึ้นในร่างกาย ประมาณร้อยละ 80 และมาจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ร้อยละ 20 กรดยูริกนี้จะถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ ประมาณร้อยละ 67 และทางอุจจาระประมาณร้อยละ 33 การที่มีกรดยูริกในเลือดสูง เกิดจากร่างกายมีการสร้างกรดยูริกมากกว่าปกติ หรือรับประทานอาหารที่มีสาร “พิวรีน”สูง ซึ่งสารนี้จะเปลี่ยนเป็นกรดยูริกในเลือด ทำให้มีระดับกรดยูริกในเลือดสูงผิดปกติ
“กรดยูริก” คืออะไร ?
“กรดยูริก” เป็นสารที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเรา โดยสามารถสร้างขึ้นได้เองถึง 80% ส่วนอีก 20% นั้นจะนำเข้ามาจากการรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยสารพิวรีน ซึ่งสารพิวรีนจะสามารถพบได้ในอาหารจำพวกสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ พืชผักบางชนิด และอาหารทะเลบางอย่าง
หากร่างกายมี “กรดยูริก” มากเกินไปจะส่งผลอย่างไร ?
โดยปกติแล้ว ในร่างกายของเราจะขับส่วนที่เกินของกรดยูริกออกผ่านทางปัสสาวะ แต่ภายในร่างกายของบางคนจะไม่สามารถขับกรดยูริกออกไปได้หมด ทำให้เกิดการสะสมภายในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกระดูก ผนังหลอดเลือด และไต (ไต เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ฟอกเลือด + ขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะ) ฉะนั้น เมื่อร่างกายขับกรดยูริกออกมาได้ไม่หมดก็จะทำให้เกิดเป็นตะกอน เกิดการสะสม เมื่อนานเข้าอาจทำให้เกิดโรคเกาต์ได้
ดังนั้นผู้ที่มีกรดยูริกในเลือดสูงผิดปกติ ควรงดอาหารที่มีสารพิวรีนสูง (ข้อ 1) และลดปริมาณอาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง (ข้อ 2)
- อาหารที่ควรงด(มีพิวรีนสูง) ได้แก่ – เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ,ตับอ่อน,ไส้,ม้าม,หัวใจ,สมอง,กึ๋น,เซ่งจี๊
– น้ำเกรวี, กะปิ, ยีสต์
– ปลาดุก, กุ้ง, หอย, ปลาอินทรีย์, ปลาไส้ตัน
– ปลาซาร์ดีน, ไข่ปลา
– ชะอม, กระถิน, เห็ด
– ถั่วแดง, ถั่วเขียว, ถั่วเหลือง, ถั่วดำ
– สัตว์ปีก เช่น เป็ด, ไก่, ห่าน
– น้ำสกัดเนื้อ, ซุปก้อน - อาหารที่ควรลด (มีพิวรีนปานกลาง) ได้แก่ – เนื้อสัตว์ เช่น หมู, วัว
– ปลาทุกชนิด(ยกเว้น ปลาดุก, ปลาอินทรีย์, ปลาไส้ตัน, ปลาซาร์ดีน)และอาหาร
ทะเล เช่น ปลาหมึก, ปู
– ถั่วลิสง, ถั่วลันเตา
– ผักบางชนิด เช่น หน่อไม้, หน่อไม้ฝรั่ง, ดอกกะหล่ำ, ผักโขม,สะตอ,ใบขี้เหล็ก
– ข้าวโอ๊ต
– เบียร์ เหล้าชนิดต่าง ๆ เหล้าองุ่น ไวน์(ทำให้การขับถ่ายกรดยูริกทางปัสสาวะลดลง ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว) - อาหารที่รับประทานได้ตามปกติ (มีพิวรีนน้อย) ได้แก่ – ข้าวชนิดต่าง ๆ ยกเว้น ข้าวโอ๊ต
– ถั่วงอก, คะน้า
– ผลไม้ชนิดต่างๆ
– ไข่
– นมสด, เนย และเนยเทียม
– ขนมปัง ขนมหวาน หรือน้ำตาล
– ไขมันจากพืช และสัตว์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษที่เจอได้บ่อยพร้อมแนวทางการตอบ
การสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษอาจทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวล แต่ไม่ต้องห่วงหากคุณมีการเตรียมพร้อมกับคำถามที่อาจจะเจอ เพียงเท่านี้การสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช จะพาไปรีวิวคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษที่พบได้บ่อยกัน
Could you tell me about yourself?
ช่วยแนะนำตัวเองให้ฟังหน่อย
แนวทางการตอบ
- แนะนำข้อมูลเบื้องต้นของตัวเองที่สำคัญให้กระชับได้ใจความ
- เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ตำแหน่งความรับผิดชอบ หรือการศึกษาที่จบมา ว่ามีประโยชน์อย่างไรกับสายงานนี้
- แสดงความมั่นใจว่าประสบการณ์ของคุณเหมาะสมที่จะสามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้
ตัวอย่างคำตอบ
Hello, my name is [ชื่อของคุณ]. I am currently working as a [ตำแหน่งงานของคุณ] with [จำนวนปี] years of experience in the [สาขาของงาน] industry. My responsibilities are including [หน้าที่รับผิดชอบในตำแหน่ง]. I’m confident that my skills and experience would be a valuable asset to your team.”
What are your greatest strengths?
อะไรคือจุดแข็งของคุณ ?
แนวทางการตอบ
ยกจุดเด่นของคุณที่มองว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานในตำแหน่งที่สมัครมาพูด ความถนัด ทัศนคติ ความเป็นมืออาชีพ
ตัวอย่างคำตอบ
One of my greatest strengths is my [จุดแข็ง]. For example, in my previous role, I was able to [ยกตัวอย่างผลงานที่แสดงถึงจุดแข็ง]. I am confident that my skills will be beneficial to the team.
Why do you want to work here?
ทำไมคุณถึงอยากเข้าทำงานที่นี่ ?
แนวทางการตอบ
เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจในบริษัท และบอกถึงความมั่นใจว่าความสามารถของคุณในการทำงานจะช่วยพัฒนาบริษัทนี้ได้ โดยหากคุณทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นบริษัทมาก่อนจะยิ่งมีความได้เปรียบ
ตัวอย่างคำตอบ
I’m interested in working at [ชื่อบริษัท] because [เหตุผลที่สนใจบริษัท]. I’m convinced that my contributions would be highly beneficial to your team.
Why did you leave your last job?
ทำไมคุณถึงอยากเข้าทำงานที่นี่ ?
แนวทางการตอบ
เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจในบริษัท และบอกถึงความมั่นใจว่าความสามารถของคุณในการทำงานจะช่วยพัฒนาบริษัทนี้ได้ โดยหากคุณทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นบริษัทมาก่อนจะยิ่งมีความได้เปรียบ
ตัวอย่างคำตอบ
I’m interested in working at [ชื่อบริษัท] because [เหตุผลที่สนใจบริษัท]. I’m convinced that my contributions would be highly beneficial to your team.
Why did you leave your last job?
ทำไมคุณถึงลาออกจากที่ทำงานเก่า ?
แนวทางการตอบ
นอกจากจะบอกเหตุผลที่ลาออกตามสมควรแล้วควรพูดถึงเป้าหมายในการหางานใหม่ของคุณด้วย ตัวอย่าง เช่น มองหาความท้าทาย ต้องเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ
ตัวอย่างคำตอบ
I left my previous job because [เหตุผลที่ลาออก]. I was looking for a new challenge and an opportunity to [เป้าหมายในการหางานใหม่]
How do you deal with pressure or stressful situations?
คุณมีวิธีจัดการกับความกดดัน และความเครียดอย่างไรบ้าง
แนวทางการตอบ
ควรตอบคำถามนี้อย่างมั่นใจ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพมากพอในสถานการณ์จริง โดยแต่ละคนจะมีวิธีรับมือที่แตกต่างกัน ค่อย ๆ ตอบวิธีการรับมืออย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ตัวอย่างคำตอบ
Instead of pointing something , my first reaction was to take a step back and figure out some strategies around and see if we could solve the problem step-by-step. Previously, I may feel panic handling this kind of situaition, so being calm and try to find out the root clause of the issues reasonably could help me cope with the tough situation.
What are your salary expectations?
คุณคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่ ?
แนวทางการตอบ
คุณควรเช็กฐานเงินเดือนของตำแหน่งที่สนใจให้แน่ใจก่อนว่าเป็นไปตามความคาดหวัง ของคุณหรือไม่ โดยสามารถดูเบื้องต้นได้จากเว็บหางานโดยทั่วไป
ตัวอย่างคำตอบ
Based on my skills and experience and the current industry rates. I’m looking for a salary in the range of [ช่วงเงินเดือนที่คาดหวัง].
Tell me about a time you worked on a team project.
เล่าเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณทำงานกับทีมโปรเจค
แนวทางการตอบ
อธิบายถึงหน้าที่การทำงานรวมถึงความรับผิดชอบในทีมของคุณ อธิบายการดำเนินงานภายในทีมรวมไปถึงผลลัพท์หลังการทำงาน
ตัวอย่างคำตอบ
In my previous role, I was part of a team that was responsible for [อธิบายหน้าที่การทำงาน]. My role was to [อธิบายหน้าที่ความรับผิดชอบ]. We were able to [อธิบายผลลัพธ์ของของการดำเนินงานครั้งนั้น].
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
หวังพลิกเกมเทสลา! มัสก์ส่งหุ่นยนต์ ‘Optimus’ ประจำการโรงงานปี 67
‘อีลอน มัสก์’ เดินหมากใหญ่ เตรียมนำหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ‘Optimus’ ประจำการโรงงานปี 2567 หวังเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต
จากภาพยนตร์สู่ความจริง.. อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา เปิดเผยแผนการใช้งานหุ่นยนต์ “Optimus” ในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท โดยคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ในปี 2567 และจะเพิ่มการผลิตเพื่อจำหน่ายให้บริษัทภายนอกในปี 2569
มัสก์ระบุผ่านทวิตเตอร์ (X) ว่า เทสลาจะเริ่มใช้หุ่นยนต์ Optimus จำนวนหนึ่งดำเนินงานภายในบริษัทในปีหน้า แม้ว่าจะล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม มัสก์ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดหน้าที่ของหุ่นยนต์ในโรงงาน
เหตุผลสำคัญที่มัสก์พยายามนำ Optimus เข้ามาใช้ในโรงงาน ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการลดต้นทุนเนื่องจากตั้งแต่ต้นปี ยอดขายของเทสลาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และผลกำไรลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง จาก 2.7 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดือนมิถุนายน
หุ่นยนต์ Optimus ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานที่อันตราย ซ้ำซาก หรือน่าเบื่อ แทนมนุษย์ในสายการผลิต โดยไม่จำเป็นต้องพัก กิน หรือนอน มัสก์คิดว่าอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตของบริษัทได้ในระยะยาว
มัสก์เคยคาดการณ์ว่า เทสลาจะสามารถผลิตหุ่นยนต์จำนวนมากในราคาต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ต่อตัวสำหรับลูกค้าทั่วไป และมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ Optimus ให้สามารถใช้งานในบ้านเรือนเป็นเพื่อน แม่บ้าน หรือพี่เลี้ยงเด็กได้ในอนาคต
นอกจากเทสลาแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกกำลังนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้เช่นกัน เมื่อเร็วๆ นี้ BMW ได้ร่วมมือกับบริษัทหุ่นยนต์ Figure เพื่อทำให้โรงงานเป็นระบบอัตโนมัติ โดยใช้อัลกอริทึมโครงข่ายประสาทเทียมเพื่อช่วยในการจดจำ และจัดการวัตถุ
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเทคโนโลยี AI ยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia และ OpenAI ที่ได้ร่วมระดมทุนให้กับ Figure ด้วย แม้แต่ Jeff Bezos ก็แสดงความสนใจในหุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย Machine Learning เช่นกัน
การแข่งขันด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตกำลังทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยมีบริษัทชั้นนำหลายแห่งเข้าร่วม ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมการผลิตภายภาคหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
รู้จัก “ย่านาง” พืชอุดมคลอโรฟิลล์ ช่วยขับสารพิษจากเลือด ตับ ไตได้เริ่ด
ย่านาง เป็นพืชพวกไม้เถาเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tiliacora triandra (Colebr.) Diels. อยู่ในวงศ์ Menispermaceae มีชื่อท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น ภาคเหนือเรียกว่าจอยนาง ผักจอยนาง ภาคกลางเรียกว่าย่านาง หญ้าภคินี เถาวัลย์เขียว ภาคคะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า หญ้านาง หรือหมื่นปีบ่เฒ่าซึ่งมีความหมายว่าผู้ที่บริโภคย่านางเป็นประจำจะชลอความแก่เฒ่า ส่วนภาคใต้เรียกย่านางว่า ย่านนาง ยานนาง ขันยอ หรือหยาดนาง
ย่านางเป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น ราก เถา แต่ส่วนที่ใช้ประโยชน์มากที่สุด คือ ใบ มีข้อมูลจากหนังสือ Thai Food Composition Institute of Nutrition ของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิยาลัยมหิดลว่า ใบย่านางหนัก 100 กรัม ให้พลังงาน 95 กิโลแคลอรี มีโปรตีน 15.5 เปอร์เซนต์, ฟอสฟอรัส 0.24 เปอร์เซนต์, โพแทสเซียม 1.29 เปอร์เซนต์, แคลเซียม 1.42 เปอร์เซนต์ และ แทนนิน 0.21 เปอร์เซ็นต์ เส้นใย 7.9 กรัม, แคลเซียม 155 มิลลิกรัม,ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม, เหล็ก 70 มิลลิกรัม,วิตามินเอ 306.25 ไอยู, วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม, วิตามินบีสอง 0.36 มิลลิกรัม, วิตามินซี 141 มิลลิกรัม และไนอะซิน 1.4 มิลลิกรัม ย่านางสามารถทำเป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น นำน้ำคั้นจากใบใส่ในแกงหน่อไม้ แกงขี้เหล็ก ซุบหน่อไม้ ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้นและยังช่วยทำให้ผู้บริโภคไม่ปวดข้อหรือปวดเข่าจากกรดยูริคที่มีในหน่อไม้ ยอดและใบอ่อนใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก
ย่านาง มีคลอโรฟิลล์ที่มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับเม็ดเลือดแดงของมนุษย์ดังนั้นจึงทำให้ระบบการไหลเวียนผลัดเม็ดเลือดแดงเพิ่มมากขึ้นทำให้ช่วยขจัดสารพิษออกจากระบบเลือด ตับ และไต ทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรงขึ้นจึงนิยมนำใบย่านางมาทำเครื่องดื่มใช้ล้างสารพิษ
เอกสารอ้างอิง
นิตยา บุญทิม, พรรณเพ็ญ เครือไทย, ชินกฤต สุวรรณคีรี และถกลวรรณ ศิริสวัสดิ์. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง การเพิ่มศักยภาพและสรรพคุณของพืชผักสมุนไพรในตำรับยาล้านนา: การศึกษาฤทธิ์การยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคและปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการให้ผลผลิต. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจำปี 2556.
ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชกรรม. กองการประกอบโรคศิลปะ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. 277 หน้า.
ย่านาง คลังยารักษาสรรพโรค. บริษัทสุภัชนิญค์ พริ้นติ้ง จำกัด. กรุงเทพ. 63 หน้า.
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/08/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 41,100.00 | 41,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,662.00 | 40,355.92 | 41,700.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,395.80 | 36,320.33 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,129.60 | 32,284.74 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,198.00 | 18,161.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 932.00 | 14,129.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,759.00 | 41,826.44 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/08/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.05 | 38.05 | 38.65 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 38.28 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.64 | 35.94 | 35.94 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.69 | 35.69 | – | – | – | – | – | – | – | 35.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.64 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.64 |
เบนซิน 95 | 45.94 | – | – | – | 49.81 | – | 46.44 | 46.09 | – | 45.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |