ตลาดเช่าอสังหาฯในอีอีซีบูมรับอานิสงส์ทุนจีนปักหมุดฮับยานยนต์ไฟฟ้า
ตลาดเช่าอสังหาฯในอีอีซีบูม!รับอานิสงส์ทุนจีนปักหมุดฮับยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนและแรงงานจากต่างประเทศไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีในอีอีซีสูงถึง 3.2% ตามเป้าหมาย
ปีณิตา ศิลปสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮมตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (HHR) บริษัทในเครือพรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น ของออริจิ้น กล่าวว่า เราเป็นบริษัทนำห้องอินเวสเมนท์โปรแกรมที่มีนักลงทุนมาซื้อจากออริจิ้นเพื่อปล่อยเช่าให้ลูกค้าเช่าอยู่ระยะยาวและมีบริการคล้ายกับService Residenceเหมือนกับโรงแรมให้กับผู้ที่เข้ามาพัก ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งคนไทย กลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat) และกลุ่มที่มาทำงานโครงการระยะสั้น ตั้งแต่3-6เดือน ทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และโซนอีอีซี
โดยเฉพาะในโซนอีอีซี มีดีมานด์เข้ามาลงทุนโซนชลบุรีและระยอง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานจากประเทศจีนที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี)หากเทียบตัวเลขของ2566จะเห็นตัวเลขการลงทุนในโซนอีอีซีเพิ่มขึ้น 90% มีความสัมพันธ์กับโครงการอสังหาฯที่บริษัทบริหารในโซนบางแสน ศรีราชและระยอง
ซึ่ง3อุตสาหกรรมหลักที่เข้ามาลงทุนในโซนนี้ สูงสุดได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอีเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี&เคมีภัณฑ์ ส่วนสัญชาติที่มีการลงทุนในอีอีซีมากที่สุดในครึ่งแรกปี2567 อันดับแรก จีน อันดับสองไทย อันดับสามสิงคโปร์ อันดับสี่ ญี่ปุ่น อันดับห้าเกาหลีใต้
“การที่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าโซนอีอีซีมากขึ้น หลักๆจะเป็นสัญชาติจีนจาก3-4ปีก่อนหน้านี้จะเป็นญี่ปุ่น เช่น กลุ่มบีวายดี ,Great Wall Motors,กลุ่มที่ผลิตแบตเตอรี่”
ในส่วนของHHR มีโครงการที่บริหารทั้งหมด 10 โครงการใน4 จังหวัด มีห้องพักที่อยู่ในการดูแล1,500ห้อง แบ่งเป็น 2 โซนหลัก โซนแรกจะเป็นโซนกรุงเทพฯและปริมณฑล ในทำเลทองหล่อ พญาไทและสุขุมวิท24 และ โซนสมุทรปราการจะเป็นทำเลเทพารักษ์ ส่วนในโซนอีอีซีมีทั้งหมด 6 โครงการ ประกอบด้วย แฮมป์ตัน ศรีราชา , แฮมป์ตัน ดีลักซ์ โอเชียน ศรีราชา ,บริกซ์ตัน แคมปัส ศรีราชา ,บริกซ์ตัน เกษตร ศรีราชา แคมปัส , นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง ซิตี้ บาย แฮมป์ตัน และบริกซ์ตัน ระยอง
โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มกลางล่าง คนไทยราคาค่าเช่าตั้งแต่ 7,500-15,000 บาท กลุ่มบนราคาค่าเช่าตั้งแต่ 20,000-80,000 บาท ส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลทองหล่อ พญาไท ซึ่งจะมีบริการแม่บ้าน ทำความสะอาด ซักรีดเสื้อผ้า บริการอาหารเช้า
“จากประสบการณ์พบว่า หลังเปิดโครงการในทำเลอีอีซี อัตราค่าเช่าและตลาดเช่าอสังหาฯในอีอีซีเติบโตขึ้นทุกปีล่าสุด Occupancy อยู่ที่80% ทั้งนี้เนื่องจากมีการเข้ามาลงทุนในพื้นที่มากขึ้น ทำให้เกิดการจ้างงานและมีคนเข้ามาทำงานในพื้นที่มากขึ้น”
โดยทีมขายที่เข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าแบบ B2B(Business-to-Business) สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat)ในระยะยาว 3-4ปี รวมทั้งโครงการที่เข้ามาอยู่ในนิคมฯอุตสาหกรรมใหม่ เช่น โซนนิคมฯพัฒนาในจ.ระยอง จะเป็นแรงงานจากประเทศจีน
“ถือเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากไม่ไกลจากโครงการในเครือHHR จึงที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาที่พักที่มีบริการเสริม มากกว่าการเช่าคอนโดมิเนียมทั่วไป ซึ่งทางบริษัทมีระดับราคาที่พักและบริหารที่หลากหลาย”
ปีณิตา กล่าวว่า ปัจจุบันซัพพลายโรงแรมและอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในโซนอีอีซี” คงที่” เมื่อเทียบกับจำนวนคนหรือดีมานด์ที่เข้าพักอาศัยที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากจากการเข้ามาลงในนิคมฯต่างๆในโซนอีอีซี ทำให้จำนวน Occupancy ของโรงแรมและOccupancyบางแห่งเต็ม ดังนั้น โรงงานที่ต้องมีวิศวกรเข้ามาดูแลโครงการ จึงต้องการบริการที่ครบวงจรและมีจำนวนห้องมากพอที่ให้บริการ เป็น”โอกาส”ที่ดีของHHR มีโครงการที่บริหารทั้งหมด 10 โครงการใน4 จังหวัด ที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้เต็มที่
จากข้อมูลพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเข้ามาพักตั้งแต่3 เดือนจนถึง1ปีในระดับราคา10,000-40,000 บาท อันดับหนึ่งเป็นคนไทย เป็นระดับผู้บริหาร มีสัดส่วน35% อันดับสองจีน30% อันดับสามญี่ปุ่น 20% อันดับสี่ มาเลเซียและอินโดฯ10% และอันดับห้า เยอรมัน5% โอกาสในการปล่อยเช่าในโซนอีอีซี ของ HHR ค่อนข้างยืดหยุ่นเช่าแค่1เดือนก็สามารถเช่าได้ รวมทั้งมีฟาซิลิตี้ที่เหนือกว่าคู่แข่ง อาทิ โค เวิร์คกิ้ง สเปซ ,โค คิทเช่นสเปซ
“คาดว่า ในอีก3 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีห้องพักที่สามารถให้บริการเพิ่มขึ้น 3,000 ห้องจากปัจจุบันที่มี 1,500ห้อง เพื่อรองรับกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาในทำงานในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งคนไทยที่เข้ามาทำงานในโซนอีอีซี และเมืองท่อเที่ยวอย่าง พัทยา ภูเก็ต และเขาใหญ่ “
อรุณ ศิริจานุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จํากัด (UPM)บริษัทในเครือพรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น ของออริจิ้น กล่าวต่อว่า จากกระแสความร้อนแรงในทำเลอีอีซี บริษัทจึงได้จัดตั้ง “UPM Academy” สถาบันฝึกอบรมด้านอสังหาริมทรัพย์รวมถึงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์กร พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เพื่อสร้างให้เกิดเป็น “Learning Hub” แห่งใหม่
สำหรับผู้ที่แสวงหาโอกาสแห่งความสำเร็จ รวมถึงมองทำเลตะวันออกอย่างผู้นำกับหลักสูตร “EEC PRIME” หลักสูตรที่เนื้อหาในระดับที่สูงขึ้น เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทางธุรกิจ ผู้บริหารระดับสูง ที่สนใจในด้านอสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจที่อยากพัฒนา และผู้ที่เล็งเห็นโอกาสในการริเริ่มที่จะบุกตลาดใหม่ๆ ต่อยอดหรือขยายธุรกิจไปยังพื้นที่อีอีซี
สำหรับเนื้อหาที่ได้รับจากหลักสูตร เกี่ยวกับนโยบาย และทิศทางแนวโน้มการพัฒนา เพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ EEC, ดิจิทัล เพื่อการสร้างอนาคตในพื้นที่การพัฒนาอย่างยั่งยืน, อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ การบูรณการ และทิศทางในการลงทุนปี 2025, อนาคตของโลจิสติกส์ในเขต EEC, AI เปลี่ยนโลกธุรกิจ, พลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก, Health & Wellness Mega trend, กฎหมายส่งเสริมการลงทุนและข้อได้เปรียบในการลงทุน EEC, ธุรกิจไมซ์ : MICE for Business และกลไก ตลาดทุนและโอกาสในการระดมทุน เริ่มเรียนวันที่ 4 ต.ค.-29 พ.ย. 2567
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ตลาดคอนโดฯระอุ ตร.ม.ละ“แสนอัพ”พุ่ง เจาะทำเลรถไฟฟ้ากลางเมือง
ตลาดคอนโดฯระอุ ตร.ม.ละ“แสนอัพ”พุ่งเจาะทำเลรถไฟฟ้ากลางเมือง ราคาสูงกว่า3ล้านบาทอัพ หลังแบงก์ปฎิเสธสินเชื่อสูง
มีการคาดการณ์ช่วงปลายปี2566ว่าตลาดคอนโดมิเนียมในปี2567 น่าจะอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นแต่ด้วยปัจจัยลบหลายอย่างที่ต่อเนื่องมาจาก 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของคนไทย
ประกอบกับการที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นรวมไปถึงการเข้มงวดในการพิจารณาสินชื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยทั้งบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมชะลอตัว โดยเฉพาะในเรื่องของโครงการเปิดขายใหม่ที่ลดลงชัดเจนในปี2567
แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ออกมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนแล้วก็ตาม แต่มาตรการที่ประกาศออกมานั้นไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้ซื้อมากนักกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ ยังคงมีเข้ามาในตลาดคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง แต่ไม่อาจทดแทนกำลังซื้อคนไทยที่ลดน้อยลงไปได้
คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี2567 มีทั้งหมดประมาณ 5,390 ยูนิตเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ปี2567 ประมาณ 36% ซึ่งทิศทางการเปิดขายโครงคอนโดมิเนียมในไตรมาสที่ 2 ปี2567
ยังคงเป็นไปทิศทางเดียวกับช่วงเดียวกันของปี 2566 เพราะผู้ประกอบการอาจจะจำเป็นต้องเปิดขายโครงการในไตรมาสนี้หลังจากที่ชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ในไตรมาสที่ 1 ไปแล้ว ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องเร่งระบายโครงการที่สร้างเสร็จแล้วให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ให้ได้มากที่สุดควบคู่กันไปด้วย
ผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ยังคงเป็นผู้ขับเคลื่อน และกำหนดราคาขายคอนโดมิเนียมในปี2567 เช่นเดิม เพราะกว่า 77% ของโครงการที่เปิดขายใหม่ในครึ่งแรกของปี 2567 เป็นโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์
แม้ว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะยังให้ความสำคัญกับโครงการบ้านจัดสรรมากกว่าคอนโดมิเนียมเหมือน 2 – 3 ปีก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง เพียงแต่มีจำนวนโครงการลดลง และมีการเปิดขายโครงการที่มีราคาขายสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี2566
คอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกินตารางเมตรละ 100,000 บาท หรือไม่เกิน 3-3.5 ล้านบาทต่อยูนิต ยังเป็นคอนโดมิเนียมที่มีการเปิดขายใหม่มากที่สุดต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่ปี2562 เป็นต้นมา แต่ที่น่าสนใจ คือ ครึ่งแรกของปี2567 สัดส่วนของคอนโดมิเนียมในระดับราคามากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรมีมากขึ้น โดยอยู่ที่ประมาณ 44% ของคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ ซึ่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี2566
มีคอนโดมิเนียมระดับราคาขายมากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรในสัดส่วนประมาณ 39% ในขณะที่ช่วงปี2563-2565 มีสัดสวนที่ประมาณ 20 -29% เท่านั้น นอกจากนี้ ประมาณ 70% ของโครงการที่เปิดขายในไตรมาสที่ 2 ปี2567
อยู่ในพื้นที่ที่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 1 กิโลเมตร ในขณะที่ช่วงไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2567 มีเพียง 14% เท่านั้นที่อยู่ในระยะไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟฟ้า
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาขายอาจจะมาจากการที่กลุ่มผู้ซื้อในระดับราคาตํ่ากว่า 3 ล้านบาทต่อยูนิตลงไปมีปัญหาในการขอสินเชื่อธนาคารทำให้ติดขัดในการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งมีผลต่อเนื่องมาถึงรายได้ และการหมุนเวียนเงินของผู้ประกอบการ
ทำเลที่เห็นถึงศักยภาพในปัจจุบันไม่ต้องรออีก 1-3 ปีกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเลือกทำเลเพื่อพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการ โครงการที่เปิดขายใหม่ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาจะเป็นทำเลที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการ และมีหลายโครงการที่อยู่ในทำเลเมืองชั้นใน
อัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี2567 อาจจะมีทิศทางที่ปรับเพิ่มขึ้นบ้างเมื่อเทียบกับหลายไตรมาสที่ผ่านมา แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่ไม่มากนัก และยังคงตํ่ากว่า 40%
นั่นหมายความว่าคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ยังเหลือขายในตลาดมากกว่า 60% ของยูนิตที่เปิดขายใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระยะยาวของคนไทย
แม้ว่ายังมีบางโครงการที่มีอัตราการจองสูง และมีโครงการคอนโดมิเนียมราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตรเปิดขายใหม่มากขึ้นในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา
ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจระยะยาวยังเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจให้กับคนไทยจำนวนมาก ดังนั้น การสร้างภาระระยะยาวอย่างการซื้อที่อยู่อาศัยอาจจะเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในช่วงนี้
ดังนั้น ประกอบกับการ ขอสินเชื่อธนาคารที่มีความเข้มงวดในการพิจารณามาก ผู้ประกอบการหลายรายจึงพยายามให้ความรู้ และเตรียมความพร้อมผู้ซื้อตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าไปชมโครงการ ผู้ประกอบการบางรายมีการให้ผู้ที่สนใจซื้อลองทำเรื่องขอสินเชื่อธนาคารกับเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารที่ประจำที่โครงการ
เพื่อจะได้รู้ว่าลูกค้ารายนี้สามารถขอสินเชื่อธนาคารได้หรือไม่ก่อนที่จะทำสัญญาจะซื้อจะขาย รวมไปถึงมีการออกมาตรการทางการตลาดหลายอย่างทั้งเรื่องของการอยู่ก่อนจ่ายทีหลัง เช่าก่อนซื้อ หรือการให้คำปรึกษาในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยในอนาคต
อย่างไรก็ตาม โดยราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี2567 ปรับเพิ่มขึ้น และถ้าพิจารณาในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนเลยว่าราคาขายเฉลี่ยอยู่ในทิศทางที่เพิ่มขึ้นแบบชัดเจน
อาจจะมีโครงการราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรเปิดขายใหม่ต่อเนื่อง แต่ในทุกไตรมาสก็ยังมีโครงการราคาแพงเปิดขายใหม่มากขึ้นเช่นกัน ไตรมาสที่ 2 มีคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายมากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร
เปิดขายใหม่ถึง 3 โครงการมากกว่าทุกไตรมาสที่ผ่านมา ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่จึงมากขึ้น โดยอยู่ที่ประมาณ 140,000 บาทต่อตารางเมตรมากกว่าไตรมาสที่แล้วแบบชัดเจน
โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 หลายโครงการหรือประมาณ 70% ของทั้งหมดอยู่ในระยะไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากสถานีรถไฟฟ้า และทั้งหมดเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว
ดังนั้น ราคาขายคอนโดมิเนียมในทำเลเหล่านี้จึงมากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร และส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่เพิ่มสูงขึ้น
การเร่งปิดการขายคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้ว หรือที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปี2567 ยังคงเป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ การลดราคาแบบเปิดเผยที่โครงการ และการลดราคา
โดยการจัดงานเพื่อขายบ้านและคอนโดมิเนียมของบริษัทกลายเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการหลายรายเลือกเป็นช่องทางในการระบายสต็อก และผู้ประกอบการบางรายก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มียอดขายจากการจัดงานรูปแบบนี้กันไม่น้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้6ก.ย. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.60 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตามการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัย ” มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์”
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้6ก.ย. 2567 ที่ระดับ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.68 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้มาก (หลุดโซนแนวรับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์ ที่ประเมินไว้ในช่วงต้นสัปดาห์)
ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการปรับสถานะ (Cut Loss) ของผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) โดยเฉพาะในจังหวะที่เงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 33.75-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงวันก่อนหน้า
จากหลายปัจจัยทั้ง การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ และแรงซื้อสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงใกล้โซนแนวรับสำคัญ 33.50 บาทต่อดอลลาร์
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้ชะตาแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด และจะส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ราคาทองคำ รวมถึงเงินบาทได้อย่างมีนัยสำคัญ
โดยเราย้ำมุมมองเดิมว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนสองทิศทาง (Two-Way Volatility) ตามการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ
หากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เพิ่มขึ้น 1.6 แสนตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ก็ลดลงสู่ระดับ 4.2% ตามที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หรืออาจออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น
และปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจหนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ โดยในกรณีนี้ ควรจับตาว่า เงินบาทจะสามารถอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 33.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ (แนวต้านถัดไปจะอยู่ในช่วง 34.00 บาทต่อดอลลาร์)
ในขณะที่ หากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน อาทิ ยอดการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่ำกว่า หรือ ใกล้ 1 แสนต่ำแหน่ง อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% หรือสูงกว่า ก็อาจยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อาจชะลอตัวลงหนัก หรือ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ทำให้ผู้เล่นในตลาดคงคาดหวังว่า เฟดต้องเร่งลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พร้อมกับหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้
และหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งต้องลุ้นว่า เงินบาทจะสามารถแข็งค่าหลุดแนวรับสำคัญ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ เพราะการแข็งค่าดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถแข็งค่าต่อสู่โซน 33.25 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก
อนึ่ง เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่นั้น อาจต้องจับตาบรรยากาศในตลาดการเงิน ว่าจะกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) กดดันให้บรรดานักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นหรือไม่
เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ
การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-34.00 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.56-33.70 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม ทิศทางเงินดอลลาร์ (รวมถึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ)
และโฟลว์ธุรกรรมซื้อ-ขายทองคำ ซึ่งเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP เดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 9.9 หมื่นตำแหน่ง แย่กว่าที่ตลาดประเมินไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเกิน 1.4 แสนต่ำแหน่ง
โดยในช่วงดังกล่าวราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการเดือนสิงหาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.5 จุด ดีกว่าคาดเล็กน้อย
ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ก็ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะรีบาวด์ขึ้นบ้าง กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงเกือบ -20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลง หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กลับมาย่อตัวลงบ้าง ส่วนราคาทองคำก็รีบาวด์ขึ้นจากช่วงตลาดรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ออกมาผสมผสาน ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป
อนึ่ง แม้ว่าหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลง แต่ตลาดก็ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นบ้างของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Tesla +4.9%, Amazon +2.6% ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.25% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.30%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.54% ท่ามกลางแรงขายบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม อาทิ Hermes -6.4% จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจสหรัฐฯ
รวมถึงแรงขายบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor นำโดย ASML -2.2% ทว่าตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่มสาธารณูปโภค อาทิ Enel +1.6% รวมถึงหุ้นกลุ่มการเงินส่วนใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นสวนภาพรวมตลาด
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนไปตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน ก่อนที่จะทรงตัวแถวระดับ 3.73% หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่จะรายงานในช่วง 19.30 น. ของคืนวันศุกร์นี้
โดยเรามองว่า ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม จะส่งผลต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดอัตราการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมที่เหลือของปีนี้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways โดยมีทั้งจังหวะอ่อนค่าลง สลับแข็งค่าขึ้น ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน (ยอดการจ้างงานภาคเอกชนแย่กว่าคาด แต่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานและดัชนี ISM PMI ภาคการบริการออกมาดีกว่าคาด)
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ก่อนจะปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ที่ชัดเจน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 101 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 101-101.4 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) เคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก่อนที่จะทรงตัวแถวระดับ 2,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมทั้งซื้อและขายทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมา ก็มีผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาทเช่นกัน
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ห้ามพลาด คือ รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยผู้เล่นในตลาดจะให้ความสำคัญกับ
ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงหลังรับรู้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนาม จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในเดือนสิงหาคม ทั้งอัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดค้าปลีก (Retail Sales) เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รู้จักโรค “กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง” ความผิดปกติจากระบบประสาท
โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัย อาจบดบังทัศนวิสัยและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้
โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง คืออะไร
รองศาสตราจารย์ พญ.พริมา หิรัญวิวัฒน์กุล ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง คือ ภาวะที่เปลือกตาหรือกล้ามเนื้อยึดลูกตาอ่อนแรงหลังจากใช้งานไประยะหนึ่ง
สาเหตุของโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่บริเวณรอยต่อระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อลาย ทำให้สารสื่อประสาททำงานลดลง และมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง สามารถพบได้ในทุกช่วงวัย
สาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง มาจากการที่ร่างกายของเราสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติขึ้นมา โดยจะมีภูมิคุ้มกันอยู่จำพวกหนึ่งที่ชอบเข้าไปแย่งสารสื่อประสาทกับตัวรับบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้สารสื่อประสาทที่หลั่งออกมาจากเส้นประสาททำงานได้น้อยลง กล้ามเนื้อจึงอ่อนแรงลงตามระยะเวลาการใช้งานและสารสื่อประสาทที่ลดลง
ปัจจัยเสี่ยงของโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ
- มีคนในครอบครัวเป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมาก่อน (เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมได้)
- เป็นผู้ป่วยโรคไทรอยด์ เพราะโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมักจะมาคู่กับโรคไทรอยด์ถึงประมาณ 10-15%
- เป็นผู้ป่วยโรคมะเร็ง แม้ว่าจะพบได้น้อย แต่โรคมะเร็งหรือเนื้อร้ายหลายชนิดสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันและก่อให้เกิดปัญหาคล้ายๆ โรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงได้
- ผู้หญิงช่วงวัย 20-40 ปี และผู้ชายอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงมากกว่าวัยอื่นๆ
อาการของโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- หนังตาตก คล้ายๆ กับภาวะหนังตาตกตามวัย
- ลืมตาไม่ขึ้น
- กลอกตาไม่ได้
- ตาเหล่ผิดจากไปจากปกติ
- หลับตาไม่สนิท
- โฟกัสภาพไม่ได้
- เกิดภาพซ้อน ลักษณะคือเห็นภาพ 2 ภาพเหลื่อมกันหรือเห็นภาพแยกออกจากกัน เนื่องจากแนวการมองของดวงตาทั้งสองข้างไม่มองไปในตำแหน่งเดียวกัน แต่หากคนไข้ปิดตาข้างใดข้างหนึ่ง ภาพซ้อนดังกล่าวจะหายไป
- อาการเป็นๆ หายๆ ระหว่างวัน หรือเรียกได้ว่าอาการ “เช้าดี บ่ายแย่” คือ หลังตื่นนอนแทบไม่มีอาการ อาการจะมีมากช่วงบ่ายๆ เย็นๆ และอาการจะดีขึ้นเมื่อได้พักผ่อน
วิธีรักษาโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
- ยาหยอดตา สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเพียงหนังตาตกเล็กน้อย ไม่มีอาการอื่น สามารถทำให้เปลือกตายกขึ้นได้ไปใช้ เป็นวิธีที่ปลอดภัยมากที่สุด
- กินยาที่เพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาท แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดท้อง ถ่ายท้อง น้ำลายไหล กล้ามเนื้อกระตุก เป็นต้น
- กินยาสเตียรอยด์ ในรายที่ยาเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาทไม่ได้ผล แต่อาจพบผลข้างเคียงมากกว่า เช่น สิวขึ้น อ้วนขึ้น น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ภูมิคุ้มกันต่ำลง ปวดกล้ามเนื้อ หรือฮอร์โมนผิดปกติ เป็นต้น หากกินยาสเตียรอยด์ ไม่ควรหยุดยาเอง และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- กินยากดภูมิคุ้มกัน ใช้ในกลุ่มที่ยาสเตียรอยด์ไม่ได้ผล มีผลข้างเคียงที่อันตรายที่สุด มีฤทธิ์ทำลายตับหรือกดไขกระดูก
- ผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองกับยากลุ่มใดๆ ดังกล่าวเลย แต่การรักษาด้วยการผ่าตัดหนังตาให้ผลการรักษาที่ไม่แน่นอน
หากคนไข้ทำการผ่าตัดดึงหนังตาโดยไม่ทราบมาก่อนว่าตัวเองเป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง เมื่ออาการของโรคดีขึ้นหรือได้รับการรักษาอาจจะทำให้เปลือกตาถูกยกรั้งขึ้นผิดปกติ กลายเป็นหนังตาเหลือก ดังนั้น ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมผ่าตัดหนังตา หากคนไข้มีอาการต่างๆ ข้างต้น ควรได้รับการตรวจว่าไม่ได้เกิดจากโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดหนังตาหรือทำศัลยกรรมทำตาสองชั้นเพื่อแก้ไขหนังตาตกต่อไป
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อดหลับอดนอน
- ไม่ทำงานหนักจนเหนื่อยเกินไป
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิร้อนเกินไป (หากอยู่ที่เย็นๆ อาการจะดีขึ้น)
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงสว่างจ้าจนเกินไป
- ผู้ป่วยเพศหญิงวัยที่ยังมีประจำเดือนอยู่ ช่วงที่มีประจำเดือน อาการของโรคอาจจะแย่ลงกว่าปกติ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษกว่าเดิมด้วยการพักผ่อนให้เยอะขึ้น
- ดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงดีอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการเป็นโรคติดเชื้อต่างๆ เพราะหากมีอาการผิดปกติของร่างกาย อาการของโรคจะแย่ลงไปด้วย
- ระมัดระวัง หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้ ก่อนกินยาอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
หากสงสัยว่าตัวเองอาจเป็นโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ควรเข้ารับการตรวจกับจักษุแพทย์หรืออายุรแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง และโรคไทรอยด์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สู้เต็มที่! “ยุทธจักร” พ่ายคู่แข่งเมืองเบียร์ คว้าทองแดงปิงปองพาราลิมปิก 2024
ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น นักเทเบิลเทนนิสพาราไทย แพ้ให้กับคู่แข่งจากเยอรมนี 0-3 เกม คว้าเหรียญทองแดงพาราลิมปิกเกมส์ 2024
การแข่งขันพาราลิมปิก “ปารีส 2024” ที่ประเทศฝรั่งเศส โดยทัพนักกีฬาพาราไทย ยังคงลงทำศึกเพื่อชิงเหรียญรางวัลอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 ในการแข่งขันเทเบิลเทนนิส ประเภทชายเดี่ยว คลาส MS3 รอบรองชนะเลิศ ยุทธจักร กลิ่นบานชื่น นักกีฬาไทย ซึ่งก่อนหน้านี้เอาชนะ ไจ เซียง จากจีน ด้วยสกอร์ 3-0 เกม รอบนี้มีคิวลงสนามพบกับ โธมัส ชมิดแบร์เกอร์ จากเยอรมนี
ปรากฏว่า ยุทธจักร พยายามสู้เต็มที่แล้ว แต่ยังคงเป็นรองคู่แข่งจากเยอรมนี เป็นฝ่ายแพ้ไป 0-3 เกม 4-11, 8-11 และ 8-11 ทำให้ นักปิงปองพาราไทย คว้าเหรียญทองแดงมาครอง
สำหรับเกณฑ์เงินรางวัลนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นักกีฬาได้เป็นรายบุคคล เหรียญทอง 7.2 ล้านบาท, เหรียญเงิน 4.8 ล้านบาท และเหรียญทองแดง 3 ล้านบาท (แบบแบ่งจ่ายทันที 50% ส่วนอีก 50% จ่ายเป็นเงินเดือน ภายใน 4 ปี)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำไมต้องเรียนผ่านโปรแกรมภาษาอังกฤษ ช่วยได้จริงหรือไม่
ทำอย่างไรให้การเรียนภาษาเป็นเรื่องสนุกและเห็นผลจริง? แน่นอนว่าคงเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยาก เพราะแม้ว่าจะเรียนภาษาอังกฤษทั้งในหลักสูตรบังคับ หรือการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเพิ่มเติม แต่ก็ดูจะไม่เห็นผลเท่าไหร่ วันนี้เราจะพามาดูวิธีเรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้ได้ผลจริง
เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้ได้ผลดี
การเรียนภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม สิ่งที่จะต้องมีคือความตั้งใจและสนใจจะเรียนภาษานั้นๆ อย่างแท้จริง หากเป็นการเรียนจากการถูกบังคับ หรือการเรียนด้วยความสับสนว่าจะต้องการนำความรู้ทางภาษานั้นๆ ไปใช้ประโยชน์อะไรกันแน่ ก็อาจจะทำให้การเรียนภาษาของเราไม่เป็นดังที่หวังได้ ซึ่งในการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีนั้น จะต้องคำนึงถึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- เข้าใจความต้องการของตัวเอง
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือจะต้องรู้ว่าตัวเองต้องการเรียนภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไร หากต้องการจะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารก็จะต้องเน้นการฝึกฝนและการใช้จริง ซึ่งจะต่างจากการเรียนเพื่อเตรียมสอบ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการเรียนเพื่อเตรียมสอบในหลายๆ ครั้ง เรามักจะใช้การท่องจำ และเมื่อผ่านการสอบไปแล้วก็จะทำให้ลืมเนื้อหาเหล่านั้นได้
- มีวินัย และแรงจูงใจในการฝึกฝน
การเรียนในภาษาใดก็ตาม การฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการกลับไปทบทวนเนื้อหา หรือการฝึกพูดเป็นประจำ วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้การเรียนภาษาของคุณมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้
- ไม่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่สามารถทำได้
เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เกิดได้บ่อย ผู้คนอาจจะคิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ เรียนภาษามากี่ปีแล้วก็ไม่เห็นผลสักที แต่อย่าลืมว่าแต่ละคนมีสไตล์การเรียนรู้ไม่เหมือนกัน บางทีเราอาจจะยังไม่ได้ลองเรียนในหลักสูตรที่เหมาะกับเรา หรือยังไม่เจอสไตล์การเรียนของตัวเองก็ได้
เรียนภาษาผ่านโปรแกรมภาษาอังกฤษ
หนึ่งในวิธีการเรียนที่เหมาะสำหรับยุคแห่งเทคโนโลยีแบบนี้ นั่นคือการเรียนภาษาผ่านทางโปรแกรม หรือเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษ ที่สามารถฝึกภาษาอังกฤษได้ฟรี และสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถใช้ฝึกฝนในเวลาว่างได้เลย และในวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักเว็บไซต์เรียนภาษาอังกฤษฟรีที่จะช่วยให้คุณสามารถฝึกภาษาได้ง่ายยิ่งขึ้น
- BBC Learning English
คาดว่าหลายคนคงรู้จักสำนักข่าว BBC กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าในเว็บไซต์นี้มีการสอนภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน ทักษะการฟัง อ่าน และแกรมม่า ผ่านเนื้อหาข่าวต่าง ๆ ให้เราได้ฝึกฝนและมีการทำแบบฝึกหัดวัดระดับ รวมถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายอีกด้วย
- Duolingo
โปรแกรมเรียนภาษาที่มีให้เลือกมากกว่า 30 ภาษาเลยทีเดียว ซึ่งใครที่อยากจะฝึกภาษาอังกฤษ โดยการทำแบบฝึกหัดให้ผ่านแต่ละระดับ บอกได้เลยว่าตอบโจทย์แน่นอน ทั้งฝึกพูด ฟัง หรืออ่านจากเจ้าของภาษา โดยจะมีการเพิ่มระดับให้มีความยากขึ้นเรื่อย ๆ
- Memrise
แอปพลิเคชันฝึกภาษาที่มีให้เลือกเรียนมากถึง 23 ภาษา โดยส่วนมากจะเน้นไปที่การท่องจำคำศัพท์ เพราะมีคำศัพท์ให้เลือกหลากหลายระดับ ความยาก-ง่ายตามความชำนาญของเรา แบบทดสอบก็มีให้เลือกทำเยอะ ที่สำคัญ สามารถสนทนากับเจ้าของภาษาผ่านวิดีโอได้อีกด้วย
- Lingua
เว็บไซต์ฝึกภาษาฟรี โดยมีภาษาให้เลือกฝึกถึง 15 ภาษา และยังสามารถโหลดไฟล์ข้อสอบ PDF มาฝึกด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ หรือแกรมม่าก็มีให้เลือกเรียนเยอะ รวมถึงความรู้ในเรื่องของวัฒนธรรมประเทศต่าง ๆ ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
เมื่อ AI ขับแท็กซี่ ‘Robotaxi’ ของเทสลา จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมขนส่ง-แรงงาน?
เทสลาปฏิวัติการเดินทางด้วย Robotaxi เตรียมเปิดตัวแท็กซี่ไร้คนขับ 10 ต.ค. นี้ ณ สตูดิโอของ Warner Bros. เมืองเบอร์แบงก์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ การมาถึงของ AI บนท้องถนนจะส่งผลกระทบต่อสังคม แรงงาน และอุตสาหกรรมอย่างไร? กรุงเทพธุรกิจชวนหาคำตอบ
“เทสลา (Tesla)” บริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กำลังจะเปิดเผยโฉมหน้าอนาคตของการเดินทางในเมือง ด้วยการเปิดตัว “Robotaxi” หรือ “แท็กซี่ไร้คนขับ” ซึ่งคาดว่าจะเปลี่ยนโฉมการคมนาคมเมืองอย่างสิ้นเชิง โดยงานเปิดตัวนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 10 ต.ค. 2567 ณ สตูดิโอของ Warner Bros. เมืองเบอร์แบงก์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
แท็กซี่ไร้คนขับในนามเทสลา
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอผู้มีวิสัยทัศน์ไกลของเทสลาได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์มาโดยตลอด โดยมองว่า Robotaxi จะเปลี่ยนโฉมหน้าของการขนส่งในเมืองให้ก้าวไปสู่ยุคใหม่ที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในงานเปิดตัวโรงงานเทสลาแห่งใหม่ที่รัฐ Texas มัสก์กล่าวว่า เทสลาจะผลิตรถยนต์เพื่อใช้งานด้าน Robotaxi โดยเฉพาะ ซึ่งจะมาพร้อมกับความล้ำสมัย ดังที่เขาเคยกล่าวไว้ปี 2562 ว่า “จะมีรถยนต์แท็กซี่ไร้คนขับของเทสลาวิ่งอยู่บนท้องถนนจริง” ถึงวิสัยทัศน์นี้อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่วันนี้ใกล้ได้เห็นมันเป็นจริงแล้ว
แม้ว่ารายละเอียดของ Robotaxi จะยังคงเป็นความลับ แต่จากข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา คาดการณ์ว่า Robotaxi จะเป็นยานพาหนะที่ออกแบบมาเพื่อเป็นแท็กซี่ไร้คนขับโดยเฉพาะ ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% และมาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติขั้นสูง ที่สามารถนำพาผู้โดยสารไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องมีคนขับ
ปูทางเทคโนโลยีใหม่ นำ AI สู่ท้องถนน
ความพิเศษของ Robotaxi ไม่ได้อยู่แค่การไร้คนขับ แต่ยังรวมถึงระบบความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ด้วยการใช้เซนเซอร์หลากหลายชนิด รวมถึงกล้อง เรดาร์ และอาจรวมถึงเทคโนโลยี LIDAR ที่ใช้แสงเลเซอร์ในการตรวจจับสิ่งกีดขวางและวัดระยะทาง ทำให้ Robotaxi สามารถ “มองเห็น” และ “ตัดสินใจ” ได้อย่างแม่นยำในทุกสภาพแวดล้อมการขับขี่
ภายในห้องโดยสารยังถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าแค่พื้นที่นั่งธรรมดา แต่เป็นพื้นที่เปิดประสบการณ์แห่งใหม่ เพราะมีระบบเอ็นเตอร์เทนที่ทันสมัย ผู้โดยสารสามารถโต้ตอบกับรถได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นทาง ปรับอุณหภูมิ หรือเพลิดเพลินกับความบันเทิงระหว่างการเดินทาง
นอกจากนี้ มัสก์ยังเปิดเผยว่า โรงงานเทสลาแห่งใหม่ Cybertruck รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มาในรูปแบบรถกระบะจะถูกผลิตช่วงปี 2566 และหลังจากนั้นโรงงานแห่งนี้จะเริ่มผลิต Roadster รถยนต์ไฟฟ้า 100% ทรงสปอร์ต และ Semi รถยนต์ไฟฟ้า 100% แบบรถหัวลาก
กล่าวโดยสรุปก็คือ มัสก์ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การผลิต Robotaxi เท่านั้น แต่ยังมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบเพื่อครอบคลุมตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในทุกระดับ รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างหุ่นยนต์อีกด้วย
โดยล่าสุด เขาได้นำหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ดีไซน์คล้ายมนุษย์ปฏิบัติงานภายในโรงงานของเทสลา เพื่อประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผลกระทบของ Robotaxi ต่อแรงงาน-สังคม
การมาถึงของ Robotaxi ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนวิถีการเดินทางของผู้คน แต่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของเมืองในอนาคต เช่น พื้นที่จอดรถ และอาจช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษทางอากาศ เนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้าที่สะอาดและมีการบริหารจัดการการเดินทางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อีกมุมหนึ่ง คนขับแท็กซี่จำนวนมากอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการสูญเสียงาน เมื่อ Robotaxi เข้ามาแทนที่การขับขี่แบบดั้งเดิม ส่งผลให้พวกเขาต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ทั้งการพัฒนาทักษะใหม่ เช่น การดูแลและซ่อมบำรุงยานพาหนะอัตโนมัติ หรือแม้แต่การเปลี่ยนอาชีพไปสู่ด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเอไอ
นอกจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ ยังมีผลกระทบทางสังคมและจิตวิทยาที่ไม่อาจมองข้าม คนขับแท็กซี่อาจต้องเผชิญกับความเครียดและความไม่มั่นคงในอาชีพ รวมถึงผลกระทบต่อความภาคภูมิใจในอาชีพที่เคยยึดถือมาเนิ่นนาน
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่คนขับแท็กซี่ แต่ยังส่งผลต่อสังคมโดยรวม ทำให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เช่น ด้านระบบการศึกษาจำเป็นต้องปรับหลักสูตรเพื่อเตรียมแรงงานสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่
ขณะที่ภาครัฐก็ต้องพิจารณาออกนโยบายและกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมการใช้งาน Robotaxi รวมถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบ โครงสร้างพื้นฐานของเมืองก็จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง ทั้งการปรับปรุงถนนและสัญญาณจราจรให้รองรับการใช้งาน Robotaxi รวมถึงการจัดสรรพื้นที่จอดรถใหม่ให้เหมาะสม
ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคม ทั้งการสร้างความเข้าใจและการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงการจัดการกับความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้น
ท้ายที่สุด ความท้าทายสำคัญอีกประการหนึ่งคือการสร้างระบบที่ทำให้ Robotaxi สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่มในสังคม รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการใช้บริการ
ความท้าทายของการนำ Robotaxi มาใช้ในประเทศไทย
แม้ว่า Robotaxi จะเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ แต่การนำมาใช้ในประเทศไทยอาจเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น
- สภาพการจราจรที่แออัด: โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ อาจไม่เอื้อต่อการทำงานของเอไอในการขับขี่
- สภาพถนนที่ชำรุด: อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพและความแม่นยำของระบบ
- พฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เป็นระเบียบ: การฝ่าฝืนกฎจราจรอาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเอไอ
- ผังเมืองที่ซับซ้อน: อาจทำให้ระบบนำทางของ Robotaxi ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- ราคาที่สูง: อาจเป็นข้อจำกัดในการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ในการนำ Robotaxi มาใช้ในบางพื้นที่ เช่น บนทางด่วน มอเตอร์เวย์ หรือใช้ในการขนส่งสินค้าระยะใกล้
บทสรุป
การมาถึงของ Robotaxi เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสังคมที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือ ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคธุรกิจ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ เพื่อสร้างสรรค์อนาคตที่ทุกคนสามารถก้าวเดินไปด้วยกันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
6 กลุ่มอาหารลดความเสี่ยงมะเร็งที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
ปัจจุบันผู้หญิงหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์หรือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะทุกคนต่างก็ต้องการมีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาว ยิ่งเมื่อพูดถึงโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นโรคที่ผู้หญิงหลายคนกังวลใจ ก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะการเริ่มต้นจากการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งเต้านมด้วย และต่อไปนี้คือ 6 กลุ่มอาหารลดความเสี่ยงมะเร็งสำหรับคุณผู้หญิง
1.ถั่วเลนทิล
ถั่วเลนทิล เป็นเมล็ดพืชขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพของลำไส้และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ นักวิชาการให้ข้อมูลว่า ไฟเบอร์ในถั่วเลนทิลจะช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ผลิตสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
นอกจากนี้ ใยอาหารในถั่วเลนทิลยังช่วยให้อิ่มนานขึ้น ช่วยควบคุมน้ำหนัก และมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เมื่อนำถั่วเลนทิลมารวมอยู่ในอาหารที่ควบคุมไขมันและน้ำตาลแล้ว จะยิ่งส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
2.กระเทียม
กระเทียมไม่ใช่แค่เครื่องปรุงรสที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อยขึ้นเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น แมงกานีส วิตามินบี6 วิตามินซี และซีลีเนียม ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ
จากการศึกษาพบว่า สารอาหารที่มีอยู่ในกระเทียมอาจมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในลำไส้ได้ นอกจากนี้ ด้วยกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของกระเทียม ยังมีความเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดอื่นๆ อีกด้วย เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านม
3.ผักใบเขียวเข้ม
ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักคะน้า ผักโขม และบรอกโคลี นับเป็นหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุดชนิดหนึ่ง เพราะอุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และสารพฤกษเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การรับประทานผักใบเขียวเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีสมบูรณ์แบบทั้งในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และโรคเบาหวาน
4.มะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นผลไม้สีแดงสดที่เราคุ้นเคยกันดี นอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว ยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ไลโคปีน” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ไลโคปีนมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร
5.องุ่น
องุ่นเป็นผลไม้รสชาติหวานชื่นใจที่หลายคนชื่นชอบ นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้วองุ่นยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เรสเวอราทรอล” ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งระบบน้ำเหลือง
6.หัวหอม
นอกจากจะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการปรุงอาหารให้มีรสชาติอร่อยแล้ว หัวหอมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เควอซิทิน” สารชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด จากการศึกษาพบว่า หัวหอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหอมสีเหลืองและหอมแดง มีศักยภาพในการช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสารเควอซิทินในหัวหอมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 06/09/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 39,900.00 | 40,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,585.00 | 39,188.60 | 40,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,326.50 | 35,269.74 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,068.00 | 31,350.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,163.00 | 17,631.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 905.00 | 13,719.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,679.00 | 40,613.64 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/09/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.35 | 36.35 | 36.65 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 | 36.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.98 | 35.98 | 36.28 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.24 | 34.24 | 34.54 | 34.24 | 34.24 | – | 34.24 | 34.24 | 34.24 | 34.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.99 | 33.99 | – | – | – | – | – | – | – | 33.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.94 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.94 |
เบนซิน 95 | 44.24 | – | – | – | 49.81 | – | 44.74 | 44.39 | – | 44.24 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |