สาระน่ารู้ประจำวันที่ 17 กันยายน 2567

โรงงานปิดตัว!อสังหาโคราชเบรกโครงการใหม่ เร่งระบายสต็อกกำเงินสดลดเสี่ยง

  • ภาพรวมเศรษฐกิจนครราชสีมาชะลอตัวทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตาม
  • เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมประสบปัญหาโรงงานปิดตัว เหลือราว 1,673 แห่ง มีเงินลงทุน 2.12 แสนล้านบาท คนงานลดลงเหลือ 103,376 คน จากปี 2565
  • ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอแผนเปิดโครงการใหม่

ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอขาย 6,157 หน่วย คิดเป็น 44.4% ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีมูลค่า 26,340 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยภาพรวมตลาดปีนี้ชะลอตัวจากปัญหาภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ทำให้ทยอยปิดโรงงาน

นราทร ธานินพิทักษ์ ที่ปรึกษานายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา กล่าว ซัพพลายที่อยู่อาศัยในจังหวัดนครราชสีมา ที่ผ่านมา “ลดลง”  ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม แต่ปี 2566 ภาคอุตสาหกรรมเริ่มได้รับผลกระทบหนักจากภาคเกษตรทรงตัว เนื่องจากปัญหาภัยธรรมชาติ โรงงานปิดตัว แม้ว่าภาคท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้น แต่จะอยู่เป็นโซนๆ เช่น เขาใหญ่ ส่วนภาคบริการและการจ้างงานมีปัญหา

“ภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตาม เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมประสบปัญหาโรงงานปิดตัว เหลือราว 1,673 แห่ง มีเงินลงทุน 2.12 แสนล้านบาท คนงานลดลงเหลือ 103,376 คน จากปี 2565 มีโรงงาน 1,762 แห่ง มีเงินลงทุน 3.62 แสนล้านบาท คนงาน 146,147 คน เฉพาะเงินทุนลดลงมากกว่าแสนล้านบาท จำนวนคนงานหายไปราว 40,000 คน เป็นปัจจัยทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอแผนเปิดโครงการใหม่”

หากสังเกตจะพบว่า อุตสาหกรรมอาหารขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งจากเดิมเป็นอุตสาหกรรมเครื่องจักรและพลังงาน ซึ่งมีผลทำให้จีดีพีของจังหวัดเคยเติบโตสูงร่วงลงมาเป็นอันดับ 4-6 เพราะโรงงานปิดตัวลงค่อนข้างมากฃึ้น

สำหรับแนวทางปรับตัวของผู้ประกอบการในพื้นที่  คือ การระบายสต็อกโครงการที่มีอยู่ก่อน เพราะจำนวนคนที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการลดลงมาตั้งแต่ต้นปี 2567 

อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยนครราชสีมาปี 2567 คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาดจำนวน 4,860 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 20,402 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 11,419 หน่วย มูลค่า 41,932 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 5,094 หน่วย มูลค่า 19,262 ล้านบาท โดยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดนครราชสีมาเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัว คาดการณ์หน่วยขายได้ใหม่จะเพิ่มขึ้น 24.1%

“คาดการณ์ปีนี้ยังมองบวกว่าเศรษฐกิจในนครราชสีมาไตรมาส 4 น่าโตขึ้น จากภาคเกษตรขยายตัว 4.4% ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 0.6%  ส่วนค้าปลีกและบริการ เพิ่มขึ้น 3.9% คาดว่า ทั้งดีมานด์และซัพพลายจะเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องรอดูมาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน”

ในส่วนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในนครราชสีมา ช่วงนี้ค่อนข้างระมัดระวังไม่เปิดตัวโครงการใหม่เน้นระบายสต็อกโครงการเก่า บางโครงการชะลอการก่อสร้าง จากเดิมที่คาดหวังว่าจะเติบโตจากการขยายตัวของประชากรแฝงที่ย้ายถิ่นมาจากการทำงานภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งหลังจากภาคอุตสาหกรรมมีปัญหา การลงทุนลดลง ทำให้ผู้ประกอบการลดการยื่นขอก่อสร้างลง เพื่อลดความเสี่ยง

เป็นการลดลงต่อเนื่องจากปี 2566 เพื่อรอดูสถานการณ์ (wait and see) ก่อนตัดสินใจลงทุน หรือเมื่อโครงการขายหมดแล้วถึงยื่นใบขออนุญาตก่อสร้างใหม่ เพราะไม่มีแรงกดดันอะไรที่ต้องรีบขอใบอนุญาตจัดสรรใหม่ คาดว่าจะทำให้อัตราการดูดซับสูงขึ้นและ ธนาคารอาจจะปล่อยสินเชื่อโครงการง่ายขึ้นในอนาคต

นราทร กล่าวต่อว่า ปัจจุบันกำลังซื้อหลักที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับกว่า 2-3 ล้านบาทหายไป! ดังนั้นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จึงคาดหวังกลุ่มที่มีรายได้สูงขึ้นเข้ามาทดแทนด้วยการเพิ่มซัพพลายบ้านเดี่ยวและแฝดที่มีระดับราคา 4  ล้านบาทขึ้นไปได้รับอานิสงส์จากมาตรการรัฐที่ออกมาช่วยก่อนหน้านี้

 ซึ่งหากครึ่งปีหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ย หรือ ผ่อนปรนมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ แอลทีวี (LTV : Loan to Value) น่าจะส่งผลดีมากขึ้น

“ปัจจุบันกำลังซื้ออ่อนแอ แม้ว่าจะมีการลดลงราคาลง แต่การกระตุ้นยอดขายยากลำบากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องการระบายสต็อกที่เหลืออยู่ออกมาเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและนำเงินที่ได้มาพัฒนาโครงการใหม่ต่อไป สถานการณ์ปีนี้ เรียกว่าต้องพยายามเอาตัวรอดทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดเข้ามาก่อนเป็นอันดับแรกระหว่างรอสัญญาณบวกจากภาครัฐและธนาคารในการอนุมัติสินเชื่อที่ผ่อนคลายลง”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


พื้นที่ Free Zone เซฟโซน คลังสินค้าและโรงงานให้เช่า

แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญหน้าความท้าทายครั้งใหญ่ จากข้อมูลตัวเลขภาพรวมโรงงานที่ปิดตัวลง เฉลี่ยลดลงมาอยู่ไม่ถึง 100 โรงงานต่อเดือน พื้นที่ Free Zone หรือเขตปลอดอากร จึงกลายเป็น เซฟโซนคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า

หากมองในมิติของขนาดโรงงานยังพบตัวเลขการเปิดโรงงานขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมเปิดกิจการเพิ่มขึ้น 25.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมมือกันในการถอดบทเรียนและกำหนดทิศทางของภาคอุตสาหกรรมให้หยัดยืนต่อไปได้

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยปัจจัยกระทบเชิงลบรอบด้านอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในพื้นที่สำหรับประกอบการอุตสาหกรรมหลักของไทย ที่กำลังพิสูจน์ศักยภาพของประเทศในการเป็นฐานที่ตั้งโรงงานของเหล่าผู้ประกอบการจากทั่วโลก คือ พื้นที่ Free Zone หรือเขตปลอดอากร เพื่อการสนับสนุนธุรกิจนำเข้า-ส่งออก พื้นที่ Free Zone เป็นพื้นที่ภายใต้การดูแลของกรมศุลกากร ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ทางอากรศุลกากรในการประกอบอุตสาหกรรม หรือกิจการอื่นที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ โดยผู้ที่จะเข้ามาประกอบกิจกรรมในพื้นที่ Free Zone นี้ ต้องยื่นขอรับใบอนุญาตเพื่อดำเนินการ

ปัจจุบัน ผู้ให้บริการโครงการพื้นที่ Free Zone เบอร์ 1 ของประเทศ คือ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ (PD) ในเครือ บมจ.มั่นคงเคหะการ ผู้นำโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ภายใต้ชื่อ โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน (BFTZ) ซึ่งพบว่า แม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวดี

กลับมีสัดส่วนผู้เช่าอาคารโรงงานเฉพาะบนพื้นที่ Free Zone รวมทุกโครงการสูงกว่า 70% ขณะที่อีก 30% เป็นผู้เช่าอาคารคลังสินค้าและบริการ ที่ดีมานด์ความต้องการเช่าไม่เคยลดลง เนื่องจากเป็นพื้นที่ Free Zone ประเภทอุตสาหกรรม สามารถใช้ประกอบธุรกิจครอบคลุมในส่วนของการผลิต ขนส่ง จัดเก็บและกระจายสินค้า ได้อย่างครบวงจร

รัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหาร ‘โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน’ กล่าวว่า ภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบชะลอตัว เป็นผลพวงจาก Long COVID ที่เกิดกับธุรกิจ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรประเมินสถานการณ์ที่อาจส่งผลต่อธุรกิจอย่างใกล้ชิดกว่าที่เคยเป็นมา ส่งผลให้หลาย ๆ ธุรกิจอาจต้องพิจารณาลดจำนวนโรงงานภายใต้การดูแลลง

แต่สำหรับโรงงานที่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการยกเว้นอากรจากภาครัฐ เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ Free Zone เราพบว่า ยังมีการขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่า การสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ คือ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีส่วนตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานที่ตั้งโรงงานของเจ้าของธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลกในระยะยาว

เนื่องจาก”ไม่ใช่.ทุกธุรกิจที่จะเหมาะแก่การจัดตั้งบนเขตปลอดอากร ส่งผลให้ในอดีต ผู้ประกอบการโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ มองข้ามพื้นที่ Free Zone เพราะขาดความเข้าใจถึงสิทธิประโยชน์จากการตั้งโรงงานบนพื้นที่ดังกล่าว นำมาสู่คำถามสำคัญว่า แล้วพื้นที่ Free Zone จะตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องจัดตั้งโรงงานในประเทศไทยอย่างทั่วถึงได้อย่างไร

ด้วยเป้าหมายที่จะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นำไปสู่การปรับโมเดลพัฒนาโครงการ BFTZ ให้มีพื้นที่เขตประกอบการทั่วไป หรือ General Zone เพื่อเป็นทางเลือกรองรับการใช้งานของหลากหลายประเภทธุรกิจและทุกขนาด โดยพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ใช้เวลากว่า 15 ปี ผลักดันพื้นที่ยุทธศาสตร์เชิงอุตสาหกรรมของประเทศไทย ไปพร้อมกับการสร้างความเข้าใจ จนปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างชาติ มีความเชื่อมั่นในการจัดตั้งโรงงานบนพื้นที่ Free Zone และวางแผนขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง


“สิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐมอบให้ธุรกิจผู้นำเข้า-ส่งออก ที่เข้ามาใช้พื้นที่ Free Zone นั้นเป็นกุญแจสู่การตัดสินใจจัดตั้งโรงงานในประเทศไทย แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการมองให้รอบว่าเรายังสามารถต่อยอดศักยภาพของพื้นที่ได้อย่างไร เพื่อเข้าไปสนับสนุนธุรกิจอื่น ๆ ที่ในวันนี้อาจยังไม่เข้าข่ายที่จะใช้พื้นที่ Free Zone สิ่งที่เราทำได้คือการดึงผู้ประกอบการจากทั่วโลกให้เข้ามาสนใจตั้งโรงงานในประเทศไทยก่อน และในอนาคตเขาก็อาจขยับขยายไปสู่พื้นที่ Free Zone ได้เช่นกัน” 

รัชนี กล่าวต่อว่า แนวคิดการพัฒนาพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าของ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ สะท้อนมุมมองการร่วมผลักดันจุดแข็งของประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมนโยบายของภาครัฐ แต่ในขณะเดียวกันก็ใช้ความเข้าใจเชิงลึกที่มีต่อเหล่าผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การต่อยอดบริการ ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมโรงงานองค์รวม

สำหรับอนาคตของโรงงานไทย เราต้องสร้างโอกาสใหม่ ด้วยการต่อยอดอีโคซิสเต็มให้แข็งแกร่ง ทั้งการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ เพิ่มทักษะแรงงาน ตลอดจนยกระดับการพัฒนาความร่วมมือของผู้ประกอบการในแวดวงอุตสาหกรรม ศักยภาพพื้นที่ Free Zone เขตปลอดอากร เป็นอีกหนึ่งแนวทางสนับสนุนธุรกิจที่มีการนำเข้า-ส่งออก ตั้งฐานการผลิตในระยะยาว มากไปกว่านั้น เราในฐานะผู้ให้บริการพื้นที่โรงงาน ก็ต้องพร้อมยกระดับบทบาทตัวเองเป็นมากกว่าผู้ให้บริการพื้นที่เช่า เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้รวดเร็ว ราบรื่นและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน


ปัจจุบัน พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ สนับสนุนพื้นที่เช่าให้แก่ผู้ประกอบการจากหลายประเทศกว่า 238 บริษัท 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย, จีน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา และยุโรป รูปแบบของพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าประกอบด้วย อาคารสำเร็จรูป Ready Built, อาคารสร้างตามความต้องการ Built-to-Suit และ Ready Built-to-Suit ซึ่งเป็นการพัฒนาอาคารเดิมที่ได้มาตรฐานอยู่แล้วให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าแต่ละอุตสาหกรรมที่มีความเฉพาะตัว

ตัวอย่างผู้ประกอบการโรงงาน ที่ยังคงมั่นใจปักหลักในประเทศไทย และเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง คือ บริษัท ไทย ฮาโซ จำกัด บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2555 จัดตั้งโรงงานเพื่อผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์แผ่นทำความสะอาดแบบเปียก แบบแห้ง, กางเกงชั้นในแบบใช้แล้วทิ้ง, แผ่นซึมซับหรือดูดซับของเหลว เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย สำหรับเด็กทารก บุคคล โรงพยาบาล โดยมีลูกค้าหลัก อาทิ American P&G, American Frida Baby, Wacoal, ลูกค้าชาวญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางส่วน

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.ย. “อ่อนค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 33.27 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways เหตุผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ควรจับตาทิศทางราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.ย. 2567 ที่ระดับ  33.27 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.21 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways แถวโซน 33.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก

โดยเฉพาะเฟด ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ นี้ ทำให้เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับเปลี่ยนสถานะถือครองสินทรัพย์อย่างชัดเจน จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมเฟดดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงราคาน้ำมันดิบด้วยเช่นกัน เนื่องจากโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อเงินบาทพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองสินทรัพย์ไทยออกมาได้บ้าง ซึ่งอาจช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟดได้

ทั้งนี้  ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย (ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ) โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ก็อาจลดความคาดหวังของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดลงได้บ้าง

แต่อาจไม่มากนัก ทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้นบ้าง กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงทดสอบโซน 33.40 บาทต่อดอลลาร์ ได้

ในทางกลับกัน หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เล่นในตลาดว่า เฟดจะเริ่มเร่งลดดอกเบี้ยลงได้ กดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวลดลงต่ออีกครั้ง ส่งผลให้ ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดใหม่

ส่วนเงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 33.10-33.15 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หรือเสี่ยงที่จะหลุดโซนแนวรับดังกล่าว จนไปถึงแนวรับสำคัญ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้เมื่อต้นสัปดาห์ได้

เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ

การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.40 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่โดยรวมยังคงแกว่งตัวในกรอบ 33.10-33.30 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ในวันก่อนหน้า หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ตามเวลาในประเทศไทย

ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจนต่อไป ทำให้โดยรวม เงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideways เช่นเดียวกันกับราคาทองคำที่ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน หลังจากปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงนี้

แม้ว่าบรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะได้แรงหนุนจากความหวังการเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ของเฟดในการประชุมเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ (จาก CME Fedwatch Tool ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเฟดเร่งลดดอกเบี้ยราว 62%)

ทว่า ความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของ Apple -2.8% ได้กดดันให้บรรดาหุ้นเทคฯ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของ Apple ต่างปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Semiconductor ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -0.52% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.13% ขณะที่ดัชนี Down Jones ปรับตัวขึ้น +0.55%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.16% กดดันโดยแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ ASML -1.9% หลังหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ปรับตัวขึ้นพอสมควรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่สดใส ก็มีส่วนกดดันหุ้นกลุ่มยานยนต์และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของยุโรป

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.62% หลังผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า เฟดจะเริ่มเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ได้ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ และเฟดก็ยังมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า -125bps ในปีหน้า ท่ามกลางมุมมองของอดีตเจ้าหน้าที่เฟด อดีตที่ปรึกษาประธานเฟด

รวมถึงนักเศรษฐศาสตร์ที่เคยทำงานกับเฟด อาทิ คุณ Claudia Sahm ผู้คิด Sahm’s Rule ซึ่งต่างออกมาสนับสนุนการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่อาจผันผวนสูงขึ้นได้บ้าง หากเฟดไม่ได้เร่งลดดอกเบี้ยและไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งลดดอกเบี้ย อย่างที่ตลาดกำลังคาดหวัง

โดยเราคงเน้นกลยุทธ์ “Buy on Dip” หรือรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ในการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะถือครองบอนด์ระยะยาวอยู่แล้วนั้น ก็สามารถ Let Profits Run หรืออาจพิจารณาทยอยขายทำกำไรได้บ้าง ตามความเหมาะสม (Sell on Rally)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 100.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 100.6-101.8 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนได้ทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำออกมาบ้าง พร้อมทั้งรอจับตาผลการประชุม FOMC ของเฟดในสัปดาห์นี้ ทำให้โดยรวม ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 2,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนสิงหาคม รวมถึงยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production)

และคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 โดย Atlanta Fed ซึ่งหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังกล่าว ออกมาแย่กว่าคาดและส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดอาจเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ได้ในการประชุมเดือนกันยายนนี้

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เดือนกันยายน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.28-33.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.55 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันบางส่วนก่อนการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์

ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญตัวสุดท้ายก่อนการประชุมเฟด อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินบาทอาจมีความผันผวนระหว่างวัน เพราะตลาดยังคงปรับมุมมองเกี่ยวกับโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในขนาดที่เกินว่า 25 basis points อยู่

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.20-33.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


88 นักหวดร่วมประลองเปิดฉากเทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 ที่หัวหิน

 ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาจัดการแข่งขันฯ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการของศึกเทนนิสอาชีพหญิงรายการใหญ่ที่สุดของอาเซียน ดับเบิลยูทีเอ 250 รายการ “แอลไลด์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์” ชิงเงินรางวัลรวม 267,082 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณเกือบ 10 ล้านบาท ณ อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย. 2567

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายพีระเกียรติ ศิริฤทัยวัฒนา กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แอลไลด์ พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จํากัด, นางสุนัดดา จ๋ายพงษ์ Corporate Secretary & financial management of Cal-Comp Electronics (Thailand) Public Company Limited, นายอาชวันต์ กงกะนันทน์ ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานประจวบคีรีขันธ์, Charles Hsiung President of APG,พล.ต.เปรม รอดสวาสดิ์ รองฝ่ายปฏิบัติการณ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5), นายภราดร ศรีชาพันธุ์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน และนายนฐา ชมเสวี Cluster General Manager อารีน่า หัวหิน

 พิธีเปิดครั้งนี้มีการแสดงที่น่าสนใจ ในชื่อ “เภรีปราบอรินทร์ ลือระบิลนักรบไทย” เป็นการแสดงศิลปะการป้องกันตัว แม่ไม้มวยไทย ศิลปวัฒนธรรมการต่อสู้ของไทยที่มีมาอย่างยาวนาน และสานต่อถึงปัจจุบัน เพื่อสืบทอดความเป็นไทย และประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมและประเทศไทยในแบบ “ซอฟต์ พาวเวอร์” ให้โด่งดังไปทั่วโลก

จากนั้นได้มีการมอบพวงมาลัยที่ระลึกให้กับ แม็กด้า ลิเน็ตต์ นักเทนนิสสาวคนดังจากโปแลนด์ แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020 และดายาน่า ยาสเทรมสก้า จากยูเครน แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น 2019 ปัจจุบันเป็นมืออันดับ 34 ของโลก ก่อนที่ ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ พร้อมด้วย 2 นักหวดสาวมือท็อปของโลก และนายภราดร ได้ร่วมกันตีเทนนิส เพื่อแจกลูกเทนนิส พร้อมลายเซ็นให้กับแขกผู้เกียรติที่เข้าร่วมชมพิธีเปิด

สำหรับ การแข่งขันเทนนิสอาชีพหญิง ดับเบิลยูทีเอ 250 รายการ “แอลไลด์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2024 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์” จัดขึ้นโดย สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (WTA) ร่วมกับ อารีน่า หัวหิน สปอร์ต คลับ และ APG พร้อมด้วยผู้สนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 และเป็นคร้ังที่ 2 ของปีนี้ ตอบรับคําเรียกร้องของแฟนกีฬาเทนนิส โดยมีนักกีฬาเทนนิสหญิงทั้งหมด 88 คนทั้งประเภทเดี่ยว และประเภทคู่ เข้าร่วมชิงชัยระหว่างวันที่ 14-22 ก.ย. 2567 ถือเป็นรายการใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นการตอกย้ำให้เมืองหัวหินเป็นเมืองที่มีศักยภาพในการรองรับการจัดการแข่งขันกีฬาเทนนิสระดับโลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยให้มีความคึกคัก

แฟนกีฬาเทนนิสสามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทุกวัน รับชมคมชัดแบบ HD ได้ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) และทรูวิชั่น ช่องทรูสปอร์ต 2,3 และ 7 หรือรับชมแบบติดขอบสนามได้ฟรี ที่อารีน่าหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันนี้ถึงรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 22 กันยายน 2567

ทั้งนี้ การแข่งขันเทนนิสหญิง ดับเบิลยูทีเอ 250 รายการ “แอลไลด์  ไทยแลนด์ โอเพ่น2024 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์” จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมนักเทนนิสอาชีพหญิง (WTA), การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), บริษัท แอลไลด์ พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด โดยเครื่องดื่มอัดลมทางเลือกเพื่อสุขภาพ 100พลัส, บริษัท เอสซีบี เอกซ์จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

บริษัท ช การช่าง จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน), บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), IHG Hotels & Resorts, บี กริม, APG, บริษัท ซี อาร์ ซี สปอร์ต จำกัด, ซูเปอร์สปอร์ต ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Wilson, โรงแรมไอสนุก หิวหิน, โรงแรมไอบิส หัวหิน, บริษัท โวลท์ เอเนอร์จี แวร์ จำกัด, สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5), ทรูวิชั่นส์, กลุ่มบริษัท พราว, อารีน่า หัวหิน, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท, โรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา หัวหิน, สวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล, สวนน้ำ อันดามันดา ภูเก็ต, Sixt limousine Thailand และศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


โรคติดเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (hMPV) เชื้อที่ระบาดช่วงหน้าฝน ทำปอดอักเสบ

โรคติดเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (hMPV) เป็นอีกหนึ่งไวรัสที่ก่ออาการในระบบทางเดินหายใจ และเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดปอดอักเสบในเด็กเล็ก การติดเชื้อนี้มักพบในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี โรคนี้ยังไม่มียารักษาส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการ ฉะนั้นหากลูกมีอาการไอ หอบเหนื่อย เป็นหวัด มีน้ำมูก ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อและทำการรักษาอย่างทันท่วงที

เชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัสคืออะไร

เชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (Human metapneumovirus: hMPV) คือ ไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับ RSV ที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักพบการระบาดในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว คือตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ ในผู้ใหญ่และเด็กโต ที่มีภูมิต้านทานดีหากติดเชื้อนี้ อาจจะมีอาการเหมือนแค่เป็นหวัดธรรมดา หรือไม่มีอาการก็ได้ โดยเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส สามารถติดต่อกันผ่านทาง น้ำมูก น้ำลาย ไอ หรือจาม

อาการของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส hMPV

ในเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการไอ น้ำมูก มีไข้ 50-80% บางรายมีเจ้บคอ เสียงแหบ ไอก้องได้ และเกิดปอดอักเสบได้

การตรวจวินิจฉัยและรักษา

การตรวจหาเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส ทำได้โดยวิธีการ swab ป้ายจมูกแล้วส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่นเดียวกับการตรวจหาเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และ RSV ด้านการรักษานั้น เนื่องจากโรคเชื้อไวรัส hMPV ยังไม่มียารักษา จะรักษาแบบประคับประคองตามอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก ในรายที่เป็นมากมีปัญหาปอดอักเสบหรือเกิดอาการหอบรุนแรง จำเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาลเพื่อพ่นยา เคาะปอด ดูดเสมหะ ให้สารน้ำทางหลอดเลือด เป็นต้น

การป้องกันการติดเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันการติดเชื้อ hMPV การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงพาเด็กเล็กไปสถานที่ชุมชนที่มีคนเยอะ เลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย การใส่หน้ากากอนามัย ไม่เอามือไปแคะจมูกหรือเอามือเข้าปาก และการล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อทางเดินหายใจ

ถ้อย่างไรก็ตามโรคติดเชื้อฮิวแมนเมตะนิวโมไวรัส (hMPV) เป็นโรคที่มีมานานแล้ว และมักเกิดกับเด็กเล็ก ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นที่ต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว หรือหากมีอาการเข้าข่ายให้รีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อและทำการรักษาก่อนที่อาการมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก nakornthon.com


วิธีการใช้ภาษาอังกฤษแบบทางการ หรือแบบสุภาพ Formal Language

หลักการใช้ภาษาอังกฤษแบบทางการ Formal Language

การใช้ภาษาอังกฤษในทางธุรกิจและการทำงาน มีส่วนสำคัญในการสร้างประสิทธิภาพและความมั่นใจระหว่างการติดต่อสื่อสาร โดยจำเป็นต้องมีการใช้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้องตามหลักการ มีความจริงจัง และเป็นแบบแผน เพื่อช่วยป้องกันการสื่อสารที่ผิดพลาด ทำให้มีความสุภาพเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

โดยจะมีหลักการใช้ภาษาอังกฤษแบบทางการอย่างไรบ้าง วอลล์สตรีท อิงลิช จะพาไปรีวิวกัน

เข้าใจว่าสถานการณ์ไหนควรใช้ภาษาอังกฤษแบบทางการ

ก่อนอื่นเราจำเป็นต้องวิเคราะห์ก่อนว่าสถานการณ์การใดบ้างที่เราควรใช้ภาษาอังกฤษรูปแบบทางการ

  • การนำเสนองาน
  • การสัมภาษณ์งาน
  • การพูดในที่สาธารณะ
  • งานเขียนเชิงวิชาการ
  • เอกสารทางการ
  • เอกสารทางกฏหมาย
  • อีเมลธุรกิจ

การใช้ภาษาที่ชัดเจนสื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมา

ในการใช้ภาษาอังกฤษแบบทางการควรเลือกใช้คำศัพท์ และเรียบเรียงประโยคที่สื่อความหมายได้ชัดเจนไม่เกิดความสับสนให้แก่ผู้ฟัง หลีกเลี่ยงคำศัพท์เฉพาะกลุ่มเป้าหมาย

รูปแบบการใช้แกรมม่าในประโยค

ในการใช้ภาษาอังกฤษรูปแบบทางการการใช้แกรมม่าโดยทั่วไปจะมีความซับซ้อนและยาวกว่าการใช้ภาษาอังกฤษรูปแบบทั่วไป

  • Have you seen my glasses? [Formal]
    Seen my glasses?
  • I am sorry to have kept you waiting [Formal]
    Sorry to keep you waiting

วิธีการเลือกใช้สรรพนามในประโยค

ภาษาอังกฤษทางการจะใช้คำที่มีความเป็นส่วนบุคคลน้อยลง เช่น เราจะเลือกใช้ “ We ” เป็นสรรพนามแทนที่ “ I ”

  • We can assist in the resolution of this matter. Contact us on our help line number [Formal]
    I can help you solve this problem. Call me!
  • We regret to inform you that……[Formal]
    I’m sorry, but….

รูปแบบคำศัพท์ที่เลือกใช้

การใช้ภาษาอังกฤษแบบทางการจะมีการเลือกใช้คำศัพท์ที่มีระดับภาษาสูงขึ้น ตัวอย่าง เช่น

  • เลือกใช้คำว่า Discuss แทนคำว่า talk
  • เลือกใช้คำว่า Generate แทนคำว่า make
  • เลือกใช้คำว่า Inform แทนคำว่า tell
  • เลือกใช้คำว่า Illustrate แทนคำว่า show
  • เลือกใช้คำว่า Provide แทนคำว่า give

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


รู้จัก “Wi-Fi Calling” ฟีเจอร์โทรโดยใช้ Wi-Fi ทั้งดีและประหยัดค่าใช้จ่ายได้

การซื้อมือถือรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ก็มีฟีเจอร์เยอะมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “Wi-Fi Calling” หรือ การโทรด้วย Wi-Fi คำถามก็คือมันประหยัดเงินจริงหรือเปล่า แลัมันดีกว่าการใช้สัญญาณมือถือปกติอย่างไร วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบครับ

Wi-Fi Calling คืออะไร

Wi-Fi Calling หรือการโทรผ่าน Wi-Fi เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณสามารถโทรออกและรับสายผ่านเครือข่าย Wi-Fi ได้ แม้ในบริเวณที่สัญญาณมือถืออ่อนหรือไม่มีสัญญาณเลยก็ตาม 

วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling

วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ iPhone

  1. ไปที่ การตั้งค่า (Settings) บน iPhone ของคุณ
  2. เลือก โทรศัพท์ (Phone)
  3. แตะที่ การโทรผ่าน Wi-Fi (Wi-Fi Calling)
  4. เปิดสวิตช์ การโทรผ่าน Wi-Fi บน iPhone นี้ (Wi-Fi Calling on This iPhone)
  5. เมื่อเปิดใช้งานแล้ว คุณจะเห็นคำว่า “Wi-Fi” ปรากฏหลังชื่อผู้ให้บริการในแถบสถานะเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
  6. หากสัญญาณมือถืออ่อน iPhone ของคุณจะสลับไปใช้ Wi-Fi Calling โดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถโทรออกและรับสายได้ตามปกติ

วิธีตั้งค่า Wi-Fi Calling สำหรับ Android 

  1. ไปที่ การตั้งค่า (Settings) บนมือถือของคุณ
  2. เลือก การเชื่อมต่อ (Connections)
  3. สำหรับบางรุ่น เช่น Samsung อาจมีหัวข้อ Wi-Fi Calling ขึ้นมาให้เลือกทันที หรืออาจต้องเข้าไปที่หน้าการตั้งค่าซิมการ์ด
  4. เปิดใช้งาน Wi-Fi Calling
  5. เมื่อเปิดแล้ว จะเห็นไอคอนรูปหูโทรศัพท์พร้อมสัญญาณ Wi-Fi แสดงขึ้น แสดงว่าคุณสามารถใช้งาน Wi-Fi Calling ได้

ข้อดีของ Wi-Fi Calling

  • โทรได้แม้สัญญาณมือถืออ่อน: ไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาณมือถือขาดหายอีกต่อไป ตราบใดที่คุณมี Wi-Fi ก็สามารถโทรได้อย่างราบรื่น
  • ประหยัดค่าโทร: โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโทรไปต่างประเทศ เพราะ Wi-Fi Calling จะใช้เน็ตแทนการคิดค่าโทรตามปกติ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
  • คุณภาพเสียงคมชัด: หากคุณมี Wi-Fi ที่เสถียร คุณภาพเสียงในการโทรจะคมชัดกว่าการโทรผ่านสัญญาณมือถือที่อ่อน
  • ไม่ต้องติดตั้งแอปเพิ่ม: Wi-Fi Calling มักจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์อยู่แล้ว ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก
  • ใช้งานง่าย: เพียงเปิดใช้งาน Wi-Fi Calling ในการตั้งค่า ก็สามารถโทรออกและรับสายได้เหมือนปกติ

ข้อสังเกตของ Wi-Fi Calling

  • ต้องมี Wi-Fi ที่เสถียร: คุณภาพการโทรและความเสถียรของ Wi-Fi Calling ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสัญญาณ Wi-Fi ที่คุณเชื่อมต่อ หาก Wi-Fi ไม่เสถียร อาจทำให้การโทรขาดหายหรือมีเสียงสะดุดได้
  • ต้องรองรับจากผู้ให้บริการและอุปกรณ์: ไม่ใช่ทุกเครือข่ายและทุกรุ่นโทรศัพท์จะรองรับ Wi-Fi Calling คุณต้องตรวจสอบกับผู้ให้บริการของคุณและตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับหรือไม่
  • อาจมีปัญหาเรื่องตำแหน่ง: ในบางกรณี Wi-Fi Calling อาจทำให้ระบบระบุตำแหน่งของคุณคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานแอปพลิเคชันบางตัวที่ต้องใช้ตำแหน่งที่แม่นยำ
  • อาจมีผลต่อแบตเตอรี่: การใช้งาน Wi-Fi Calling อาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เนื่องจากโทรศัพท์ต้องทำงานทั้ง Wi-Fi และระบบโทรศัพท์พร้อมกัน

Wi-Fi Calling จำเป็นต้องใส่ซิมการ์ดไหม

สำหรับเทคโนโลยี Wi-Fi Calling ยังจำเป็น ต้องใส่ซิมการ์ด หรือเปิดใช้งาน eSIM ในเครื่องโทรศัพท์ของคุณ ถึงแม้ว่า Wi-Fi Calling จะใช้เครือข่าย Wi-Fi ในการโทรออกและรับสาย แต่ก็ยังต้องมีซิมการ์ดเพื่อระบุตัวตนและเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือ

สรุปแล้ว Wi-Fi Calling เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกและคุ้มค่าสำหรับการโทรศัพท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เราต้องเชื่อมต่อกันตลอดเวลา และเหมากับสถานที่อับสัญญาณ แค่ใช้ Wi-Fi ก็สามารถใช้งานแทนได้ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


7 อาหารสร้างกล้ามเนื้อที่ผู้หญิงรักการฟิตหุ่นไม่ควรพลาด

ไม่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถสร้างซิกแพ็กได้ แต่ร่างกายของผู้หญิงก็สามารถสร้างลายกล้ามสวย ๆ ได้เช่นกัน ซึ่งผู้หญิงที่มีซิกแพ็กสวยงาม ถือว่ามีเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยหน้าท้องที่กระชับ ทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น สำหรับผู้หญิงที่กำลังพยายามสร้างกล้ามที่สวยงาม ดูแข็งแรง วันนี้เราขอแนะนำให้ลองทาน 7 อาหารสร้างกล้ามเนื้อที่ผู้หญิงรักการฟิตหุ่นไม่ควรพลาด

7 อาหารสร้างกล้ามเนื้อที่ผู้หญิงรักการฟิตหุ่นไม่ควรพลาด

1.ปลาแซลมอน

ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย สารอาหารเหล่านี้ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและส่งเสริมความแข็งแรง นอกจากนี้ สารอาหารที่พบในปลาแซลมอน ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2.ปลาทูน่า

ปลาทูน่าถือเป็นปลาที่มีโปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงมาก มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง นอกจากนี้ ปลาทูน่ายังมี DHA ซึ่งสามารถชะลอการดูดซึมไขมันในร่างกายได้ถึง 40-70% ทำให้ปลาทูน่าเป็นตัวเลือกอาหารที่ดีเยี่ยมในการลดไขมันหน้าท้อง และเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ

3.อัลมอนด์

อัลมอนด์ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากอีกด้วย พร้อมการมีโปรตีนสูง โดยอัลมอนด์เพียง 100 กรัม จะให้โปรตีนถึง 21 กรัม จึงทำให้เป็นอาหารที่ดีสำหรับการสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ การรับประทานเป็นประจำสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและเสริมสร้างสุขภาพหัวใจได้ จึงสามารถกล่าวได้ว่าอัลมอนด์เป็นอาหารเสริมที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้หญิงเลยค่ะ

4.ผักโขม

ผักโขมและคะน้า เป็นผักที่มีโปรตีนสูงและช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเผาผลาญอีกด้วย จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเร่งเผาผลาญไขมัน การนำผักโขมและคะน้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านการออกกำลังกายได้ พร้อมทั้งยังได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของคุณอีกด้วย

5.ฟักทอง

ฟักทอง 1 ถ้วย มีวิตามินซีสูงถึง 30% ของปริมาณวิตามินซีที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกล้ามเนื้อและทำให้หลอดเลือดแข็งแรง นอกจากนี้ ฟักทองยังมีไฟเบอร์สูงซึ่งช่วยลดน้ำหนักได้ การออกกำลังกายควบคู่กับการรับประทานฟักทอง จะช่วยเพิ่มประโยชน์ต่าง ๆ ได้อีกมาก

6.เนื้อวัว

นอกจากโปรตีนแล้ว เนื้อวัวยังมีกรดอะมิโนมากถึง 8 ชนิด เช่น ไอโซลิวซีน ลิวซีน ไลซีน เมทไธโอนีน ฟีนิลอะลานีน ทรีโอนีน ทริปโตเฟน และวาลีน นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารจำเป็นที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น ครีเอทีน และแร่ธาตุที่จำเป็น  เช่น สังกะสี ทำให้สร้างมวลกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

7.ข้าวโอ๊ต

ข้าวโอ๊ตเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน และวิตามินที่จำเป็นต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมไขมันที่สะสมบริเวณหน้าท้อง ทำให้ข้าวโอ๊ตเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยม สำหรับผู้หญิงที่ต้องการความแข็งแรงของทางร่างกายและจิตใจ

นอกเหนือจากอาหารที่มีโปรตีนสูง ซึ่งช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อแล้ว ยังมีผลไม้ที่สามารถช่วยพัฒนากล้ามเนื้อได้อีกด้วย  แต่การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนากล้ามเนื้ออย่างมีประสิทธิภาพ ขอแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้กล้ามเนื้อเติบโตเร็วขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/09/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,500.0040,600.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,623.0039,764.6841,100.00
ทองรูปพรรณ 90%2,360.7035,788.21n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,098.4031,811.74n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,180.0017,888.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%918.0013,916.88n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,718.0041,204.88n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/09/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.3535.3535.6535.3535.3535.3535.3535.3535.3535.35
แก๊สโซฮอล์ 9134.9834.9835.2834.9834.9834.9834.9834.9834.9834.98
แก๊สโซฮอล์ E2033.2433.2433.5433.2433.2433.2433.2433.2433.24
แก๊สโซฮอล์ E8532.9932.9932.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.9449.8449.8449.8443.94
เบนซิน 9543.4449.8143.9443.5943.44
ดีเซล32.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV18.5918.5918.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า